ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #30 : Chapter26 : เริ่มต้นวันแห่งความสุข

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.56K
      1
      28 เม.ย. 54


     Chapter26  :  เริ่มต้นวันแห่งความสุข

     

     

     

     

     

     

                กลายเป็นข่าวใหญ่ของหน้าหนังสือพิมพ์เช้านี้เลยก็ว่าได้ เมื่อโจฮยอนจินประธานบริษัทโจกรุ๊ปถูกตำรวจวิสามันเสียชีวิตที่โกดังล้าง เพราะกลายเป็นผู้ร้ายสังหารกำกับปาร์คคดีใหญ่เมื่อห้าปีก่อนที่ตำรวจกำลังตามตัวอยู่

     

                นายตำรวจที่ได้รับคำชมก็คงหนีไม่พ้นฮันคยองกับชินดง เมื่อสามารถปิดคดีนี้ได้อย่างสวยงามถึงแม้จะใช้เวลานานมากก็ตามที แต่คนร้ายก็ได้รับผลที่ควรจะได้รับไปเรียบร้อยแล้ว จากยศพันตำรวจโทจึงถูกเลื่อนขั้นเป็นพันตำรวจเอกฮันคยอง และร้อยตำรวจโทชินดงฮี

     

                หลังจากจัดการเรื่องคดีที่ยืดเยื้อมากว่าห้าปีเสร็จสิ้น ฮันคยองจึงเดินทางไปเยี่ยมอึนฮยอกที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่รู้ดอกไม้แบบไหนกันถึงจะถูกใจคุณมือปืนเลือดเย็นคนนั้น หรือบางทีถ้าเขาซื้อลูกกระสุนไปเยี่ยมแทนดอกไม้อึนฮยอกอาจจะชอบกว่าก็เป็นได้

     

                ดอกกุหลาบครีมกับดอกคาเนชั่นสีชมพูถูกจัดเข้าช่ออย่างสวยงาม ความหมายของมันแสดงถึงความห่วงใย แม้ว่าจะเป็นตำรวจกับมือปืนอาชีพสายงานที่มันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นห่วงอึนฮยอกอยู่เหมือนกัน

     

                ฮันคยองเปิดประตูเข้าไปภายในห้องพักของอึนฮยออกช้าๆ โผล่หน้าไปเป็นอันดับแรกอย่างกวนประสาทก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเต็มตัว

     

                ฉึ่ก!

     

                สายลมพุ่งผ่านเฉียดหน้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหากฮันคยองไหวตัวหลบไม่ทันคงได้กลายเป็นศพโดยที่ไม่รู้ตัวแน่ๆ รอยยิ้มที่มีในตอนแรกเหือดหายไปในทันที เมื่ออึนฮยอกคว้าเอามีดปลอกผลไม้ที่วางอยู่ข้างเตียงขว้างใส่เมื่อรู้ว่าใครเข้ามาเยี่ยม ความโกรธแค้นที่ยังไม่หายจางหายไปพุ่งพรวดออกมาอีกครั้ง ทั้งที่คิดว่าจะไม่ต้องมาเจอหน้ากับฮันคยองอีกแล้ว หรือทางที่ดีชาตินี้อย่าให้เขาได้เผชิญหน้ากับพวกตำรวจอีกแล้ว

     

                คุณ!” จากที่คิดจะมาเยี่ยมดีๆแต่กลับโดนทำแบบนี้ใส่จึงทำให้ฮันคยองโมโหเป็นอย่างมาก เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของอึนฮยอกมาโดยลืมไปเลยว่านั่นคือคนป่วย

     

                ปัง!

     

                ยิ่งเข้ามาใกล้ก็เหมือนกับสร้างโอกาสให้ตัวเองตายได้ง่ายขึ้น เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งห้องเมื่ออึนฮยอกหยิบปืนของฮันคยองซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวออกมายิงเจ้าของปืนนั้นซะ กระสุนฝังเข้าบริเวณท้องในระยะประชิด ร่างของนายตำรวจหนุ่มทรุดลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว

     

                หึ! หายกัน แสยะยิ้มร้าย ก่อนโดยปืนทิ้งไป แล้วล้มตัวลงนอนเช่นเดิมอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในห้องนี้

     

    ฮันคยองกุมแผลตัวเองด้วยความเจ็บปวด จ้องมองอึนฮยอกที่ทำหน้าสะใจด้วยความโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนรอหมอกับพยาบาลเข้ามาช่วย เพราะยังดีที่นี่คือโรงพยาบาลเขาไม่มีทางตายง่ายๆอยู่แล้ว

     

    ไม่นานนักนางพยาบาลก็วิ่งเข้ามาภายในห้อง เกิดความวุ่นวายชั่วขณะเมื่อข้างเตียงคนป่วยกลับมีร่างของนายตำรวจหนุ่มนอนร้องโอดโอยอยู่ บริเวณท้องมีเลือดจำนวนมากค่อยๆไหลซึมออกมา เนื่องจากเสียงกระสุนที่ดังขึ้นเมื่อซักครูนี้

     

    ฮันคยองถูกหามตัวเข้าห้องฉุกเฉินในทันที สมใจอึนฮยอกที่สัญญากับตัวเองไว้ว่าหากฮันคยองโผล่หัวมาเยี่ยมตนเองเมื่อไหร่จะฆ่าให้ตายซะ แต่ถึงแม้ความตั้งใจจะไม่สำเร็จไปทั้งหมด แต่อย่างน้อยอึนฮยอกก็สามารถทำร้ายฮันคยองได้สำเร็จ คนที่ฆ่าพ่อคนเขา คนที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับเจ้านายของเขาจนถูกตำรวจวิสามันไปอีกคน ชาตินี้อึนฮยอกคนนี้คงไม่มีทางเห็นพวกตำรวจเป็นคนดีได้แน่

     

    หลังจากฮันคยองถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินไป พนักงานก็เข้ามาทำความสะอาดเลือดที่เปื้อนบนพื้นห้อง และไม่นานนักคนที่อึนฮยอกไม่อยากเจอหน้าก็โผล่มาอีกคน วันนี้ทำไมถึงมีแต่ตำรวจมาหาเขา พวกของโจกรุ๊ปหายหัวไปไหนกันหมด

     

    คุณทำอะไรฮันคยอง ชินดงเดินเข้ามาหาเรื่องอึนฮยอกด้วยความโมโห เกิดเรื่องแบบนี้มันเดาได้ไม่ยากเลยว่าใครจะเป็นคนทำ คนที่เจอหน้าฮันคยองไม่ได้ตั้งท่าจะยิงอย่างเดียวก็มีแต่อึนฮยอกเท่านั้น

     

    ผมป่วยอยู่ ทำอะไรไม่ได้หรอกคุณ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตอบกลับไป ชินดงได้แต่กัดฟันกรอดอย่างโมโหที่ทำอะไรอึนฮยอกไม่ได้ เหตุผลแรกคือหมอนี่เป็นคนป่วย และเหตุผลที่สองคือมันผิดจรรยาบรรณตำรวจ

     

    ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ชินดงเลยเดินออกจากห้องไป อึนฮยอกหัวเราะออกมาอย่างชอบใจที่ได้เอาคืนพวกตำรวจบ้างถึงแม้มันจะเล็กน้อยก็ตาม

     

      

     

    เปลือกตาบางขยับลืมขึ้นช้าๆเมื่อได้ยินเสียงรบกวนที่ดังอยู่ในห้อง อึนอยอกปรือตาขึ้นตาก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในห้องของตนเอง นายตำรวจหนุ่มที่นอนอยู่เตียงข้างๆตอนนี้กำลังยกยิ้มให้เขาอย่างกวนประสาท อึนฮยอกหันกลับไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่ม แล้วฮันคยองมานอนที่ห้องนี้ได้อย่างไรกัน

     

    นาย! มาอยู่ในห้องนี้ได้ไง อึนฮยอกเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งถามฮันคยองด้วยความแปลกใจ หลังจากที่ชินดงออกไปนานเขาก็หลับไปตั้งแต่ตอนนั้น เลยไม่รู้ว่าฮันคยองเข้ามานอนในห้องของเขาได้อย่างไร

     

    คุณพยาบาลเค้าก็พาผมเข้ามาสิคุณ ก็ผมอยากมาพักฟื้นที่ห้องนี้ ตอบกลับไปอย่างกวนประสาท ที่จริงเขาก็เพิ่งฟื้นได้ไม่นาน เพราะฝีมือการยิงของอึนฮยอกไม่ร้ายแรงถึงขนาดเขาต้องสลบไปสามวันเจ็ดวัน ในเมื่อทำให้เขาเจ็บเขาก็จะตามมารังควานอยู่แบบนี้แหละ

     

    ไร้คำพูดใดๆออกมาจากปากของอึนอยอกอีก ใบหน้าของคุณมือปืนเลือดเย็นบัดนี้แดงก่ำเพราะความโมโห ทำไมนะเขาถึงหนีฮันคยองไม่พ้นซักที

     

    ฮันคยองยิ้มอย่างชอบใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอึนฮยอก ความจริงแล้วชินดงจะไม่ยอมให้เขาเข้ามาพักในห้องนี้ แต่เพราะบอกไปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุปืนลั่น และความดื้อดึงของเขาชินดงถึงยอม แม้เจ้าเพื่อนรักคนนี้จะทำหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลยก็ตาม

     

    อาการคุณเป็นไงบ้าง คงดีขึ้นมาแล้วสิ ทั้งที่ตัวเองเจ็บหนักกว่าแต่ฮันคยองก็ยังไม่วายถามถึงอาการของอึนฮยอก เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือมาเยี่ยมไม่ได้มานอนเป็นคนป่วยอีกคนแบบนี้ แต่ถึงขนาดลุกขึ้นมายิงเขาได้แบบนี้แสดงว่าอาการคงจะดีขึ้นเยอะ

     

    แต่ถึงแม้จะถามอะไรไปซักกี่คำถามอึนฮยอกก็ไม่แม้จะเอ่ยปากพูดอะไรออกมาซักคำ จนสุดท้ายแล้วฮันคยองต้องไปฝ่ายหยุดพูดไปเอง

     

    ทำไมวันนั้นคุณวิ่งเข้ามาบังผมไว้ล่ะ คาวนี้น้ำเสียงของฮันคยองฟังจริงจังขึ้น สาเหตุที่อึนฮยอกเอาตัวมาบังกระสุนแทนเขาจนต้องเจ็บตัวแบบนี้ เขาอยากรู้เหตุผลของมันจริงๆ

     

    ความเงียบคือคำตอบอีกเช่นเคย อึนฮยอกเบือนหน้าหนีคำถามนี้ของฮันคยอง ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องตอบคำถามพวกนี้

     

    คุณเป็นห่วงผมใช่มั้ยล่ะ ในเมื่อจริงจังไม่ได้ผลฮันคยองเลยแซวเล่นขึ้นมาซะเลย และก็ดูเหมือนมันจะได้ผมเมื่ออึนฮยอนหันหน้ากลับมามอง ถึงแม้สายตาคู่นั้นมันจะเย็นชามากก็ตาม

     

    เพราะชีวิตนายเป็นของฉันคนเดียว ฉันเท่านั้นที่มีสิทธิ์ อึนฮยอกหยุดพูดไปแค่นั้นพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นมา ถึงแม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นมันสุดแสนจะเย็นชาแต่มันกลับทำให้ฮันคยองดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

     

    แต่อึนฮยอกก็ไม่ปล่อยให้ฮันคยองดีใจเก้อนาน คำอีกคำที่เขายังไงไม่ได้พูดก็ถูกเอ่ยออกมา จากใบหน้าที่ดูรื่นเริงเมื่อกี้ของฮันคยองก็เปลี่ยนไปทันที

     

    ฆ่านาย

     

     

     

                ไกลออกมาจากกรุงโซลกว่าหลายร้อยกิโลเมตร ซองมินถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่ที่ซึ่งจะไม่มีใครสามารถตามมาเจอได้ อาการของซองมินนั้นพ้นขีดอันตรายแล้วและคนป่วยเพิ่งจะหลับไปได้ซักพักใหญ่หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเมื่อคืนวานนี้

     

                ทุกคนในครอบครัวลีรวมตัวกันอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ บาดแผลที่ขาของคังอินนั้นใกล้จะหายดีแล้วแต่กลับได้แผลที่มือเพิ่มมาอีก ส่วนคิบอมกับเรียวอุกก็นั่งเฝ้าไข้ซองมินอยู่ไม่ห่าง

     

                ฮโยริลูบผมลูกชายของตนเบาๆ บัดนี้การแก้แค้นได้จบลงแล้ว และก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ครอบครัวของเขาต้องอยู่ในประเทศนี้อีกต่อไป ในเมื่อพวกเขายังมีบ้านอีกหลังที่แสนอบอุ่นรออยู่

     

                ถ้าอาการซองมินดีขึ้นเมื่อไหร่เราจะเดินทางกลับญี่ปุ่นทันที ตั๋วเครื่องบินได้ถูกจองล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งอาทิตย์ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และเมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเขาจะไปจากที่นี่ทันที

     

                ผมขอไม่ไปได้มั้ยครับ เรียวอุกเอ่ยขัดขึ้นมาเบาๆ คนตัวเล็กที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ สบกับดวงตาคู่คมของฮโยริที่บัดนี้ดูอ่อนโยน คนที่เขานับถือเหมือนแม่แท้ๆของเขา

     

                ตามใจสิ แล้วน้าจะซื้อคอนโดให้อยู่แล้วกันนะ แทนที่จะถามถึงเหตุผลแต่ฮโยริกลับอนุญาตอย่างง่ายดายจนเรียวอุกและคนอื่นๆพากันแปลกใจ เธอรู้ดีเหตุผลที่เรียวอุกอยากจะอยู่ที่นี่นั้นเป็นเพราะใคร และเธอก็ไม่อยากจะบังคับเด็กคนนี้อีกต่อไปแล้ว

     

                จริงเหรอครับ แต่เรื่องคอนโดไม่ต้องก็ได้ครับ ผมไม่อยากรบกวน แค่นี้ก็เป็นพระคุณมากพอแล้ว เรียวอุกยิ้มออกมาอย่างดีใจ ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรจากฮโยริอีกแล้ว

     

                แล้วจะไปอยู่ที่ไหน บ้านหลังนั้นก็คง....

     

                อยู่คอนโดกับผมก็ได้ครับ คิบอมขัดขึ้นก่อนที่ฮโยริจะพูดจบ บ้านหลังนั้นพวกเขาคงอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ให้เรียวอุกมาอยู่กับเขาที่คอนโดน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว

     

                พูดแบบนี้แสดงว่านายจะไม่ไปกับพวกเราเหรอคิบอม ฮีชอลถามขึ้นอย่างรู้ทัน

     

                ผมขี้เกียจย้ายที่เรียนน่ะครับ อ้างออกไปข้างๆคูๆ แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร ส่วนตัวแล้วคิบอมไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมายที่ไม่ยอมไปกับครอบครัวลีด้วย เพราะเขาอยากอยู่ที่เกาหลี อยากอยู่บนแผ่นดินบ้านเกิดของตนเอง

     

                งั้นน้าฝากดูแลน้องด้วยนะ หันไปฝากฝังเรียวอุกไว้กับคิบอมเสร็จฮโยริก็กลับมานั่งมองใบหน้ายามหลับใหลของซองมินดังเดิม

     

                คิบอมพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มกับเรียวอุก แล้วภายในห้องพักฟื้นคนไข้ก็กลับสู่ความสงบอีกครั้งเพื่อให้คนป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ รอเวลาที่พวกเขาจะได้กลับไปที่ที่พวกเขาเรียกว่าบ้าน

     

     

     

     

                พิธีศพของฮยอนจินได้สิ้นสุดลงแล้ว ร่างของฮยอนจินถูกนำมาฝังข้างๆกับหลุมศพของซองวอน โดยคยูฮยอนเป็นคนเสนออยากให้พ่อของตนเองได้มาอยู่ที่นี่

     

                ฝากดูแลพ่อของผมด้วยนะครับคุณลุง ดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ วางลงที่หน้าป้ายหลุมศพของลีซองวอน สายลมอ่อนๆที่พัดผ่านมาเหมือนกับว่าคนๆนั้นได้รับรู้สิ่งที่คยูฮยอนขอไปแล้ว

     

                ร่างสูงยังคงนั่งอยู่ที่เดิม จ้องมองป้าหลุมศพที่เขาเห็นมันมากว่าห้าปีแล้ว แต่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า เขาจะต้องมานั่งมองป้ายหลุมศพที่เป็นชื่อพ่อของเขาที่นี่ เขารับรู้แล้วความสูญเสียที่ซองมินได้สัมผัส เขารับรู้แล้วว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน

     

                 ผมขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่างที่ครอบครัวผมทำ ยกโทษให้พวกเราด้วยนะครับ คยูฮยอนพูดคำนี้ออกมาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เขาเอ่ยมันกับลีซองวอน บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว

     

                จบลงซักทีนะครับ รอยยิ้มถูกฉาบบนใบหน้าที่ดูเสร้าสร้อยนั่น ทุกอย่างมันจบลงแล้วพร้อมกับความสูญเสีย ครอบครัวลีหายไปจากโซลตั้งแต่วันเกิดเหตุ ไม่มีใครรู้และสามารถคืบได้ว่าสมาชิกในครอบครัวลีทั้งหมดหายไปที่ใด รวมไปถึงหัวใจของเขาที่หายตามไปกับคนๆหนึ่งในนั้นด้วย

     

     

     

     

                และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง วันที่พวกเขาจะได้กลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับบ้านหลังเดิม คิบอมกับเรียวอุกมาส่งครอบครัวลีที่สนามบินหลังจากที่อาการของซองมินดีขึ้นมากแล้ว การจากลาย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีน้ำตา เรียวอุกโผเข้ากอดซองมินก่อนจะร้องไห้ออกมาไม่หยุด คงอีกนานเลยสินะกว่าเขาจะได้เจอพี่ชายคนนี้

     

                อย่าร้องสิเรียวอุก ห้ามอีกคนแต่น้ำตากลับรื่นขึ้นมาเองซะอย่างนั้น ซองมินกอดเรียวอุกตอบ เพราะการไปครั้งนี้พวกเขาจะไปอย่างถาวร คงไม่กลับมาที่เกาหลีอีกแล้ว

     

                แล้วผมจะเก็บตังค์ไปหาพวกพี่นะ ผละออกมาก่อนจะเช็ดน้ำตาออก เรียวอุกยิ้มบางๆให้กับซองมิน ก่อนจะโผเข้าไปกอดฮีชอลเป็นคนต่อไป

     

                นี่ ถ้าอยากไปหาพวกพี่ก็บอก พี่จะส่งตั๋วมาให้ ฮีชอลลูบผมเรียวอุกไปมาเบาๆ ถึงพวกเขาจะกลับมาหาไม่ได้ แต่เรียวอุกก็ยังไปหาพวกเขาได้

     

                แล้วจะหาเวลาว่างไปหานะ คิบอมเข้าไปกอดซองมินก่อนจะตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ อยากจะร้องไห้อยู่หรอกแต่มันไม่ใช่แนว เพราะยังไงเขาก็คงไปหาซองมินได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

     

                แล้วจะติดต่อกลับมาบ่อยๆนะ ยิ้มให้เพื่อนรักบางๆ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาซองมินกับคิบอมไม่เคยแยกจากกันเลยซักครั้ง พอรู้ว่าต้องห่างจากกันนานๆแบบนี้ รู้สึกใจมันโหวงแปลกๆ ไม่มีเพื่อนรักที่คอยไปรับไปส่งไปมหาวิทยาลัยอีกแล้วสินะ

     

                “ดูแลกันดีๆล่ะพี่ทั้งสองคน คิบอมจิ้มที่หน้าอกของคังอินกับฮีชอลสลับกันไปมา ก่อนจะโดนคังอินดึงเข้าไปกอดแบบลูกชาย หวังว่าไปญี่ปุ่นแล้วคังอินกับฮีชอลจะเคลียร์เรื่องครอบครัวกันได้นะ

     

                เหลือเวลาเพียงไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นที่การจากลาจะมาถึง ร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้ายและกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย

     

                มาหาน้าหน่อยสิเรียวอุก เรียวอุกพยักหน้าตามคำเรียกก่อนจะเดินเข้าไปหา ฮโยริกอดคอเรียวอุกเดินห่างออกมาจากกลุ่ม เพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเด็กคนนี้แค่สองคน

     

                หลักฐานนั่นไปอยู่กับตำรวจได้ก็เพราะเราล่ะสินะ เมื่อคิดว่ามาไกลพอที่คนอื่นจะไม่ได้ยินบทสนทนานี้ฮโยริจึงพูดขึ้น เธอรู้ว่าเทปม้วนนั้นหายไปก่อนที่คังอินจะโทรมารายงานเหตการณ์ว่าตำรวจรู้เรื่องแล้ว และมันก็คงเดาได้ไม่ยากเลยว่าตำรวจจะรู้ความจริงเรื่องฮยอนจินได้อย่างไร และใครเป็นคนเอาหลักฐานนั้นไปให้กับตำรวจ

     

                คุณน้ารู้เหรอครับ ใบหน้าของเรียวอุกซีดลงทันทีเมื่อฮโยริพูดประโยคนี้จบ เอ่ยถามกลับไปเสียงอ่อน

     

                ใช่ น้ารู้

     

                ครับ ผมเป็นคนเอามันไปเอง เรียวอุกก้มหน้ายอมรับแต่โดยดี คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องผิดบังอีกต่อไปแล้ว

     

                ไม่มีคำพูดหรือแม้แต่คำต่อว่าจากฮโยริ คนเป็นน้ายกมือขึ้นลูบหัวเด็กที่เปรียบเสมือนลูกชายของคนอีกคน ทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดเลยแม้แต่น้อย

     

                เครื่องจะออกแล้ว น้าไปก่อนนะ กอดเรียวอุกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนฮโยริเดินไปหาคนที่เหลือ

     

                เรียวอุกยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ยกมือขึ้นโบกลาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูมีความสุข ถึงแม้นี่จะเป็นการจากลา แต่มันก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี

     

     

      

     

    บ้านเกิดคงจะเป็นสถานที่ที่ทุกคนอยากกลับไปมากที่สุด และทงแฮก็เป็นคนหนึ่งที่เลือกทางนี้ เลือกที่จะกลับไปบ้านเกิดของตนเอง ถึงแม้หลายคนจะไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะอึนฮยอก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครห้ามความตั้งใจของทงแฮได้

     

                หลังจากเสร็จพิธีศพของฮยอนจินทงแฮก็ขอลาออกจากโจกรุ๊ปเพื่อกลับไปมกโพ แต่ถึงอย่างนั้นหากทงแฮพร้อมที่จะกลับมาทำงานกับโจกรุ๊ปเมื่อไหร่ ทุกคนก็พร้อมที่จะอ้าแขนรับ

     

                ในวันเดินทางอึนฮยอกเป็นคนอาสาขับรถไปส่งทงแฮด้วยตัวเอง ถึงแม้หนทางมันจะแสนไกล แต่เพราะอยากใช้เวลาอยู่กับเพื่อนที่เขารักมากที่สุดก่อนที่จะต้องจากกันเขาก็พร้อมที่จะทำมัน

     

     

     

    เรื่องราวที่เลวร้ายผ่านมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว  ซีวอนเลิกทำตัวเสเพ เลิกเที่ยวผู้หญิง กลับมาทำตัวเป็นลูกที่ดีเช่นเดิม โดยการดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแทนฮยอนจิน แต่เพราะซีวอนไม่ได้จบทางด้านบริหารโดยตรง จึงต้องมีคนคอยคุมอยู่ตลอดเวลา

     

                แผนงานนี้ใช้ไม่ได้นะซีวอน นายคิดได้แค่นี้เองเหรอ จากพี่ชายแสนสวยสุดใจดีตอนนี้ซีวอนคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้ว เพราะเมื่อตั้งแต่ได้อีทึกมาเป็นเลขาแทนคู่ใจบนเตียง ชีวิตเขามันดูวุ่นวายขึ้นเยอะ

     

                ก็ผมคิดไม่เป็น ทำได้แค่นี้ก็ดีแล้วครับพี่ กลายเป็นคู่กัดคู่ใหม่ไปเสียแล้วสำหรับพี่น้องคู่นี้ เพราะซีวอนทำงานไม่ค่อยได้เรื่องซักอย่างจนอีทึกชักปวดหัว อยากจะไปบริหารแทนให้รู้แล้วรู้รอด

     

                เสียงของท่านประธานคนใหม่กับเลขาส่วนตัวยังคงถกเถียงกันต่อไป ต่างกับว่าที่ผู้บริหารรุ่นต่อไปอย่างคยูฮยอน ที่ได้กลับไปใช้ชีวิตเป็นศึกษาปกติเหมือนเดิม แต่เพราะซีวอนที่ทำงานไม่ค่อยเป็น สุดท้ายแล้วน้องชายที่ผ่านงานมาก่อนก็ต้องเข้ามาช่วยอยู่ดี

     

                ตอนนี้ธุรกิจบ่อนได้ถูกยกเลิกไปแล้ว เพราะซีวอนกับคยูฮยอนไม่อยากให้ครอบครัวทำอะไรที่ผิดกฎหมายอีก ลูกชายคนรองของโจกรุ๊ปบัดนี้นั่งแท่นรองผู้บริหาร โดยมีอึนฮยอกอดีตมือปืนเลือดเย็นเป็นเลขาส่วนตัว ชีวิตของพี่น้องคู่นี้ดูจะกลับตาลปัตรเสียเหลือเกิน ซีวอนเป็นคนถูกสอนงาน ส่วนคยูฮยอนต้องเป็นคนสอนงานให้อึนฮยอก

     

                 จากมือปืนต้องมาเป็นเลขาเลยทำให้อึนฮยอกปวดประสาทน่าดู เคยก่อนแต่จับมีดจับปืนต้องมาจับปากกาจับเอกสาร ถึงแม้ความรู้ของเขาจะสูงถึงระดับปริญญาตรีก็เถอะ แต่มันก็ไม่ใช่แนวอยู่ดี

     

                คยูฮยอนเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับอึนฮยอกมากนัก เพราะเขาเองก็ยังไม่ได้เป็นผู้บริหารเต็มตัว จะรอซีวอนปลดเกษียณก็คงต้องรออีกนาน หรือไม่พี่ชายคนเก่งอาจจะจะขอลาออกจากตำแหน่งทันทีที่คยูฮยอนเรียนจบก็เป็นได้ แต่กว่าจะถึงวันนั้นจากไม่เก่งไม่ชำนาญ ซีวอนอาจจะกลายเป็นผู้บริหารติดอับดันของประเทศไปแล้วก็เป็นได้

     

                ด้านเยซองนั้นเพราะไม่มีบ่อนให้คุมเหมือนแต่ก่อนจึงถูกย้ายมาเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลแทน คอยทำหน้าที่ประสานงานของบริษัท คัดเลือกบุคลากรของบริษัท ซึ่งเยซองก็ทำมันได้ดีทีเดียว

     

                ต่างคนต่างมีหน้าที่ความรับผิดชอบใหม่ ถึงจะเป็นอะไรที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

     

                         

     

    เครื่องมือสื่อสารเครื่องจิ๋วที่ส่งเสียงร้องดังไปทั่วห้องทำงานขัดเวลารื่นเริงที่เยซองกำลังคุยเรื่องบอลนัดเด็ดที่เตะกันเมื่อคืนกับลูกน้อง หัวหน้างานฝ่ายบุคคลเดินกลับไปที่โต๊ะของตนเองอย่างเร็วจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เบอร์ที่เขาไม่เห็นมากว่าหลายเดือนโชว์หลาอยู่หน้าจอ แต่ไม่รู้เพราะอะไรบนใบหน้าถึงได้มีรอยยิ้มผุดขึ้นตามมาด้วย

     

                ว่าไงแฮงอุน อ่า...ไม่ใช่สิ เรียวอุก ทักทายออกไปก่อนจะยิ้มกับตัวเอง ชื่อที่เขาเมมไว้มันยังคงเป็นชื่อของแฮงอุนไม่ใช่เรียวอุก เพราะเขาไม่ได้นึกถึงมันเลย เลยไม่ได้สนใจที่จะเปลี่ยนมัน และไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะโทรหาในวันนี้ ยังดีที่เขายังไม่ลบเบอร์นี้ออกจากเครื่องไป

     

                (พี่เยซอง) คนปลายสายเรียกชื่อกลับมาอย่างเคืองๆ ทั้งที่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วทำไมเยซองถึงต้องทำให้เขาทวนคิดถึงมันด้วย

     

                ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า เยซองหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะถามถึงสาเหตุที่เรียวอุกโทรมาหาแบบนี้ และไม่รู้ว่าตอนนี้คนตัวเล็กยังอาศัยอยู่กับครอบครัวลีอยู่มั้ย เพราะตั้งแต่ที่เรื่องจบลงก็ไม่มีใครพบเห็นคนในครอบครัวนี้อีกเลย

     

                (ผมอยากเจอพี่ครับ ออกมาเจอผมได้มั้ย ที่ร้านเดิม) บอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไป แต่ปลายสายกลับเงียบไปนานจนเรียวอุกรู้สึกโหวงในใจว่าจะโดนปฏิเสธ

     

                วันไหนล่ะ ใช้เวลาคิดพักใหญ่กว่าจะได้คำตอบ ตอนนี้มันคงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องยังโกรธยังเคืองเรียวอุกอยู่ อีกอย่างเขาเองก็อยากรู้ว่าตอนนี้สภาพความเป็นอยู่ของเรียวอุกจะเป็นยังไงบ้าง

     

                (พรุ่งนี้เลย! ได้มั้ยครับ) เรียวอุกตอบกลับมาอย่างดีใจ เมื่อเยซองตอบตกลงที่จะไปกับตน

     

                โอเคงั้นพรุ่งนี้เจอกันเก้าโมง

     

                (ครับ) รับคำเสร็จเรียวอุกก็วางสายไป

     

                เยซองวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะเดินกลับมาหาเหล่าลูกน้องที่มองมาที่เขาอย่างมีพิรุธ ก็เพราะลูกพี่ของพวกเขายิ้มแปลกๆน่ะสิ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุขอย่างที่พวกเขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน

     

                มองอะไร ไปทำงานไป เมื่อโดนจ้องมากๆเข้าเยซองเลยจัดการไล่ไปทำงานซะ จะได้ไม่ต้องมาทนกับสายตาอยากรู้อยากเห็นพวกนั้น ทั้งที่เมื่อกี้พวกเขายังคุยกันเรื่องบอลเพราะงานมันไม่มีให้ทำอยู่แท้ๆ

     

     

                แผ่นกระดาษสีขาวถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของซีวอนที่เพิ่งจะทะเลาะกับอีทึกเรื่องงานเสร็จหมาดๆ ทั้งที่ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงเช้าเท่านั้น แต่ประธานบริษัทกับเลขาส่วนตัวก็หาเรื่องตีกันได้เสียแล้ว

     

                อะไรครับพี่เยซอง ซีวอนเอ่ยถามออกมาก่อนจะคว้าเอากระดาษที่เยซองมาวางไว้ไปงาน

     

                จะขอลางานครับ

     

                พี่ไม่ต้องมาส่งใบลาผมก็ได้ ไม่ใช่โรงเรียนมัธยมนะครับ เอาเป็นว่าผมอนุญาตแล้วกัน

     

                พูดแบบนี้ได้ไงซีวอน ทำงานมันก็ต้องมีกฎระเบียบของมัน นายนี่เป็นประธานประสาอะไรเนี่ย ใช่ว่าสนิทด้วยแล้วจะยกเว้นเหมือนพนักงานทั่วไปนะ และแล้วซีวอนก็โดนอีทึกสอนอีกรอบ เยซองเลยได้แต่หัวเราะกับพฤติกรรมของทั้งสองคน

     

                งั้นผมขอตัวนะครับ เพราะขี้เกียจอยู่ฟังเจ้านายเถียงกันเยซองเลยเดินออกมาจากห้องทำงานของซีวอนซะ เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงที่จะไปให้ทันตามนัด ซึ่งเยซองไม่จำเป็นต้องรีบเลย อยากจะรู้จริงๆว่าถ้าเจอกันคราวนี้เขาจะเจอเซอร์ไพร์อะไรหรือเปล่า

     

               

     

    และแล้วก็มาถึงเวลานัดที่นัดหมายกันไว้ เยซองเดินทางไปถึงที่ร้านเก้าโมงเช้าพอดิบพอดีไม่มีขาดมีเกิน เมื่อเดินเข้าไปในร้านก็พบกับเรียวอุกส่งยิ้มมาให้อยู่ บนโต๊ะมีอาหารมากมายหลายอย่างถูกเสิร์ฟไว้เรียบร้อยแล้ว และทุกเมนูก็เป็นอาหารจานโปรดของเยซองทั้งนั้น

     

    คราวนี้จะมีใครตามมาจับตัวไปอีกมั้ยเนี่ย นั่งลงที่เก้าอี้ได้เยซองก็เริ่มประชดประชันใส่ทันที ทำเอาเรียวอุกหน้าบึ้งทันที ไม่เจอกันตั้งหลายเดือนพอได้มาเจอกลับพูดจาแบบนี้ใส่มันน่าน้อยใจจริงๆ แต่ก็คงโทษใครไม่ได้ในเมื่อตัวเขาเองเป็นคนก่อเรื่อง มันก็คงไม่แปลกถ้าเยซองจะยังไม่หายโกรธ

     

    อะไรกันครับ ผมไม่ได้จะมาจับตัวพี่ซักหน่อย แต่จะมาเสนอตัวให้ต่างหาก แล้วเรียวอุกก็เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เมื่อเล่นมาเขาก็เล่นกลับ แต่ประโยคที่พูดออกไปเมื่อกี้นั้นเขาคิดจริงจังกับมันจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดลอยๆออกไป

     

    คำพูดของเรียวอุกคำเอาเยซองหัวเราะร่วน รู้สึกว่าเด็กคนนี้จะต่างจากคนที่เขาเคยรู้จักไปเสียแล้ว นี่หรือตัวตนที่แท้ของเรียวอุก

     

    แล้วสนใจจะจีบพี่มั้ย ถามออกไปอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่เกิดมาเยซองเองก็เพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก เพราะเด็กคนนี้เลยทำให้เขาอยากจะลองเปิดใจดูซักครั้ง มันคงไม่ผิดอะไรถ้าเขาจะมีความรัก ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตมันลงตัวแล้ว ทั้งหน้าที่การงานและความเป็นอยู่ ไม่ใช่เยซองที่ทำงานผิดกฎหมาย ไม่อยากที่จะคบใครจริงจังเพราะกลัวคนที่รักจะเดือดร้อนไปด้วย และแน่นอนว่าคำพูดนี้เขาพูดจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด

     

    พี่อย่ามาล้อผมเล่นนะเพราะผมคิดจริง เรียวอุกยังคงไม่เชื่อในคำพูดของเยซองร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะบางทีเยซองอาจจะแค่พูดล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาอยู่ก็เป็นได้ ในเมื่อเยซองรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดยังไงกับตนเอง

     

    แล้วพี่พูดคำว่าล้อเล่นออกมาตอนไหน ดูไปดูมาแล้วอาจจะเหมือนเยซองกวนเรียวอุกไม่เลิก แต่น้ำเสียงและสีหน้าตอนที่พูดนั้นดูจริงจังขึ้นมาก จนเรียวอุกใจเต้นไม่เป็นส่ำ หากคำพูดที่เยซองบอกออกมานั้นเป็นความจริงเขาจะรีบตกลงในคำเชิญชวนทันที

     

    จริงเหรอครับ ถามย้ำอีกทีเพื่อความแน่ใจและก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าและรอยยิ้มที่ดูจริงใจนั่น

     

    เรียวอุกยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ อยากจะลุกขึ้นไปกอดเยซองแน่นๆซักหนึ่งทีแต่มันก็คงจะไม่เหมาะนัก เพราะเยซองอนุญาตแค่ให้เขาจีบเท่านั้นไม่ได้อนุญาตให้เป็นแฟน

     

    กว่าอาหารมื้อนี้จะได้เริ่มขึ้นก็ปาเข้าไปหลายนาทีเมื่อทั้งคู่มัวแต่สนใจอยู่กับบทสนทนาจนลืมนึกถึงอาหารไปเสียสนิท เรียวอุกยิ้มมีความสุขตลอดเวลาไม่ต่างจากเยซองนัก เรื่องราวสารทุกข์สุขดิบถูกหยิบยกขึ้นมาถามไถ่ให้คลายกังวล เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะเมื่อเรื่องที่เล่านั้นมันขำจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่

     

    ไอแห่งความสุขสมตลบอบอวนไปทั่วทั่วบริเวณขนาดคนที่อยู่ข้างๆยังสัมผัสมันได้ เมื่อเรื่องราวร้ายๆผ่านไป เมื่อเรายอมเปิดใจ และความสุขมันจะเข้ามาหาตัวเราเอง

    -----------------------------------------



    kr...Talk
    มาแล้วจ้า มาตามสัญญา สำหรับการอัพฟิคอาทิตย์เว้นอาทิตย์
    ตอนนี้ทุกคนเริ่มมีความสุขกันแล้ว
    อาจจะเรียกได้ว่าฟ้าหลังฝน มักจะมีอะไรที่ดีเสมอ
    แต่คยูมินล่ะ? (เก็บไว้ๆ รออ่านกันต่อไป)

    ตอนต่อไปเจอกันเดือนหน้านะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×