ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #31 : Chapter27 : ความสุขของหัวใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.53K
      1
      19 พ.ค. 54



    Chapter27  :  ความสุขของหัวใจ

     

     

     

     

    หมดสิ้นทุกอย่างแล้วสำหรับตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาผ่านมากลายเป็นอดีต เพื่อนรักกลับต้องห่างกันไกลแสนไกล ความรักที่ได้รับกลับกลายเป็นสิ่งจอมปลอมที่ไม่สามารถลบมันออกจากใจได้เลย แต่อย่างน้อยลีทงแฮก็ยังคงเหลือสถานที่แห่ง ที่ที่เรียกว่าบ้าน ที่ที่จะไม่มีวันทิ้งเขาไปไหน และเขาจะไม่ทิ้งที่นี่ไปอีกแล้ว

     

    ขาทั้งสองข้างก้าวเดินอย่างเชื่องช้ารับสายลมเย็นๆที่ปะทะผ่านใบหน้าเบาๆ ท้องทะเลทอดยาวสุดลูกหูลูกตาปรากฏเด่นชัดอยู่ด้านหน้า แสงแดดจากดวงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบกับพื้นน้ำเป็นประกายระยิบระยับสวยงาม ถึงแม้ทงแฮจะเห็นมันมาตั้งแต่เกิด แต่ความสวยงามของมันก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อย

     

    คุณแม่คะ เสียงของเด็กหญิงคนหนึ่งดังแววเข้ามาในโสตประสาทการได้ยิน แต่ทงแฮก็ไม่ได้สนใจกับมันมากนัก เพราะคิดว่าคงจะเป็นครอบครัวที่พากันมาเที่ยวถึงได้มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆวิ่งอยู่บนชายหาดแบบนี้

     

    ทงแฮล่ะสายตาจากเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เห็นวิ่งอยู่ไกลๆ เขาเดินกลับหลังก้าวอย่างเชื่องช้าเพื่อกลับบ้านหลังจากที่ออกมาเดินเล่นบนชายหาดนี่กว่าหนึ่งชั่วโมง

     

    คุณแม่ทงแฮ เด็กหญิงที่ทงแฮคิดว่ามาเที่ยวกับครอบครัวเมื่อซักครู่นี้วิ่งเข้ามาสวมกอดทงแฮจากด้านหลัง คนถูกกอดหันไปมองด้วยความงงงวยก่อนจะเบิกตากว้างอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร

     

    ซอฮยอน! มาที่นี่ได้ไง ทงแฮคุกเข่าลงกับผืนทรายเอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบผมซอฮยอนไปมาอย่างเอ็นดู

     

    พ่อคิบอมพามาค่ะ ว่าแล้วก็หันหลังกลับไปชี้ผู้ชายอีกคนที่กำลังเดินตรงมาทางนี้อยู่

     

    คิบอม ทงแฮลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าใครที่พาซอฮยอนมาที่นี้ หันหลังกลับเตรียมจะเดินหนี ทั้งที่เขาอุตส่าห์หนีกลับมาที่นี่ แต่ทำไมคนๆนี้ถึงต้องตามมารังควานอีก คำว่ารักที่เคยพูดมาแต่ก่อนมันเป็นแค่คำหลอกลวงเท่านั้นไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มาที่นี่

     

    แม่ทงแฮจะไปไหนคะ ซอฮยอนคว้ากอดขาทงแฮไว้ก่อนจะได้เดินหนีไปไหน คนที่ถูกเรียกว่าแม่หัน

    ขวับกลับมามองพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น

     

    ทำไมเรียกพี่แบบนี้ล่ะครับ

     

    ก็พ่อคิบอมรับซอฮยอนมาเป็นลูกแล้วนี่คะ มีพ่อคิบอมแล้วก็ต้องมีแม่ทงแฮด้วยสิคะ เด็กหญิงตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำเสียงสดใส ใบหน้าที่ดูน่าเอ็นดูนั่นยิ้มจนตาปิด

     

    ซอฮยอนไม่มีพ่อใจร้ายแบบคนๆนั้นหรอกนะ แล้วก็ไม่มีแม่ที่ไม่ได้เรื่องแบบพี่ด้วย ก้มลงบอกเด็กน้อยเสียงเบาหวิว ยกมือขึ้นลูบหัวซอฮยอนไปมา สีหน้าของทงแฮตอนนี้ช่างดูเศร้าเหลือเกิน

     

    อ๊ะ!” ทงแฮร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็โดนใครบางคนสวมกอดจากด้านหลัง คุณพ่อใจร้ายที่เขาพูดถึงวางคางเกยบนไหล่บางเบาๆ ทงแฮออกแรงดิ้นเล็กน้อยแต่กลับยิ่งโดนกอดแน่นขึ้นเลยเลือกที่จะยินอยู่นิ่งๆซะ

     

    ผมขอโทษกับทุกสิ่งที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำกับทงแฮ ผมขอโทษ กระซิบที่ข้างหูคนที่อยู่ในอ้อม

    กอดแผ่วเบา ทงแฮเม้มปากแน่นไม่อยากหลงเชื่อกับคำพูดพวกนี้อีกแล้ว คำพูดกับการกระทำของคนที่ชื่อคิมคิบอมมีแต่ทำว่าหลอกลวง

     

    ที่ผมมาหาคุณวันนี้เพราะอยากให้คุณรู้ว่า ผมหนีหัวใจตัวเองไม่ได้ถึงจะพยายามแล้วก็ตาม ถึงตอนนั้นผมจะหลอกคุณแต่เหมือนกับว่าผมโดนหลอกให้หลงรักคุณไปแล้ว แต่เพราะสถานะของเราในตอนนั้นทำให้ผมหลอกตัวเองมาเสมอว่าผมไม่ได้รักคุณ คิบอมสารภาพความรู้สึกที่เขามีต่อทงแฮทั้งหมดออกมา มันทรมานไม่น้อยเลยที่จะต้องหลอกตัวเองต่อไปแบบนี้ แต่ในตอนนี้เรื่องราวต่างๆมันจบลงแล้ว เขากับทงแฮไม่ได้อยู่ในฐานะศัตรูกันอีกต่อไป

     

    ทงแฮยังคงนิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น เปลือกตาทั้งสองข้างปิดแน่นอย่างข่มอารมณ์เพื่อไม่ให้หลงเชื่อคำพวกจอมปลอมพวกนี้อีก

     

    ซอฮยอนที่เห็นสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีจึงเอื้อมมือไปจับมือทงแฮไว้เบาๆ ถึงแม้คำพูดทุกคำเธอจะถูก

    คิบอมสอนมา แต่ในความรู้สึกจริงๆแล้วนั่น เด็กกำพร้าอย่างเธอก็อยากจะมีพ่อกับแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ และเธอก็ไม่รังเกียจเลยถ้าแม่ของเธอจะคือผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนี่

     

    ยกโทษให้ผมนะครับ จบคำพูดประโยคนี่ทงแฮก็แกะมือของคิบอมที่กอดรัดออกอยู่ทันที ก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่คิดจะหันกลับมามองอีก เขาไม่ควรใจอ่อน อย่าใจอ่อนกับคนที่ไม่เห็นค่าความรักของนายนะลีทงแฮ

     

    ถ้าคุณเดินไปซอฮยอนก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้าอีกครั้ง คำพูดของคิบอมทำให้ทงแฮหยุดกึกทันที แต่ไม่ได้หันกลับมามองแต่อย่างใด

     

    คิบอมสะกิดที่ไหล่ซอฮยอนเบาๆพลางเพยิดหน้าไปทางทงแฮเพื่อให้เข้าไปช่วยง้ออีกแรง เด็กหญิงหันมาพยักหน้าก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปกอดทงแฮไว้ทันที ทำเอาคิบอมยิ้มอย่างชอบใจ ที่เขาพาซอฮยอนมาด้วยก็เพื่องานนี้โดยเฉพาะ หวังว่าที่เขาตามมาง้อทงแฮถึงมกโพจะทำให้ว่าที่คุณแม่ใจอ่อนลงบ้าง

     

    ซอฮยอนไม่อยากกลายเป็นเด็กกำพร้าอีกแล้ว ซอฮยอนอยากมีทั้งพ่อกับแม่ ไม่อยากขาดใครไปอีกแล้ว รางวัลตุ๊กตาทองคงไม่ไปไหนเป็นแน่เมื่อซอฮยอนตีบทจนแตก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่นเครือเหมือนกำลังจะร้องไห้เมื่อเจอเรื่องที่ผิดหวัง ใบหน้าน่ารักเอ็นดูนั่นดูเศร้าลง มือทั้งสองข้างสวมกอดทงแฮไว้แน่นเหมือนไม่อยากให้หนีไปไหน

     

    ทงแฮหันกลับมาหาซอฮยอน ย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กหญิงก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ มือยกขึ้นลูบผมสลวยนั่นอย่างเบามือ

     

    แต่ที่ผ่านมาพ่อของซอฮยอนใจร้ายกับพี่มากเลยนะ ซอฮยอนจะให้พี่ไปอยู่กับคนใจร้ายอย่างนั้นเหรอ

     

    ถ้าพ่อคิบอมทำไม่ดีกับแม่ทงแฮเมื่อไหร่ซอฮยอนจะจัดการเองค่ะ เอาให้ไม่กล้าหือเลย พูดอย่างน่ารักน่าเอ็นดูพลางยกมือทำท่าชก ทำเอาทงแฮเผลอยิ้มกว้างออกมา ส่วนคิบอมนั้นก็ยิ้มไม่หุบ บทเขาสาบานได้เลยว่าไม่ได้สอน ความสามารถส่วนตัวของซอฮยอนทั้งนั้น

     

    คนถูกตามง้อถึงบ้านเกิดเงยหน้าขึ้นไปมองคู่กรณีด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย คิบอมยืนนิ่งทำท่าทางสำนึกผิดจนทงแฮเห็นแล้วจะขำออกมา แต่ก็ทำไม่ได้ต้องวางฟอร์มเอาไว้ก่อน สุดท้ายแล้วเขาก็ใจอ่อนจนได้สินะ นายมันไม่ได้เรื่องเลยลีทงแฮ

     

    แผลคุณเป็นไงบ้าง สายตาของทงแฮเลื่อนต่ำลงมายังรองเท้าที่คิบอมใส่อยู่ บาดแผลที่ได้รับคราวนั้นไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

     

    แค่นิ้วเท้านิ้วเดียวเดี๋ยวมันก็คงงอกออกมาใหม่นั่นแหละ พอรู้ว่าทงแฮเริ่มใจอ่อนคิบอมก็ออกลายทันที ทั้งที่คนถามเพราะความเป็นห่วงแต่กลับกวนกลับไปซะอย่างนั้น ก็ตอนนี้คิบอมคนนี้กำลังอารมณ์ดีนี่นา

     

    กลับบ้านกันเถอะซอฮยอน ได้ฟังคำตอบแบบนี้ทงแฮก็เกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาทันที คว้าข้อมือของซอฮยอนแล้วเดินหนีไปทันที ปล่อยให้คิบอมเดินตามหลังมาคนเดียว

     

    โอ้ย!” แล้วมารยาของผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยหมด คิบอมที่เดินตามไปช้าๆแกล้งทำเป็นเจ็บแผลขึ้นมากะทันหันจนเกือบเซล้มลงไป ทำให้ทงแฮหันขวับมามองแทบจะในทันที

     

    คิบอม เห็นคิบอมทำหน้าเจ็บปวดแบบนั้นทงแฮเลยรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้น คนเจ้าเล่ห์ก็ยังคงแสร้งทำเป็นเจ็บต่อไป

     

    ซอฮยอนปิดปากหัวเราะทันทีเมื่อเจอเจ้าของรางวัลตุ๊กตาทองอีกคนมองดูทงแฮช่วยพยุงคิบอมให้ลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันไรคุณพ่อก็เริ่มออกลายอีกรอบ คงเพราะไม่เจอกันนานเลยหาเรื่องกัดทงแฮเป็นว่าเล่น จนคุณแม่เริ่มงอนอีกครั้ง

     

    คิบอมบ้า!” สุดท้ายแล้วแทนที่จะมาง้อคิบอมกลับทำทงแฮงอนตุ๊บป่องไปอีกรอบจนเดินหนีกลับบ้านไปเสียแล้ว แต่เจ้าตัวการกลับยังคงยืนยิ้มอยู่ที่เดิม รอยยิ้มที่ดูมีความสุขอย่างมากมาย จะตามไปทีหลังมันก็ไม่เสียหายอะไร ในเมื่อเขารู้อยู่แล้วว่าบ้านของทงแฮอยู่ตรงไหน

     

    คิบอมยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินไปจูงมือซอฮยอนเดินไปตามเส้นทางที่ทงแฮเดินไปเมื่อกี้นี้ สุดท้ายแล้วแม้ว่าจะโกรธจะเกลียดกันยังไงพวกเขากลับหนีใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อเลือกที่จะฝืนแล้วมันทรมานก้สู้ทำตามที่หัวใจต้องการจะดีกว่า

     

     

     

     

     

     

     

     

    เวลาหนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแปบเดียวเท่านั้นวันเวลาก็วนกลับมายังวันเดิมเดือนเดิมของมันอีกครั้ง ฤดูกาลนั้นหมดไปฤดูกาลใหม่ก็เข้ามาแทน เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆตามแบบแผนที่มันควรจะเป็น

     

    และวันที่สำคัญก็วนกลับมาอีกครั้งในรอบปี วันที่จะได้หวนกลับคืนสู่ประเทศบ้านเกิด วันที่จะได้กลับมาหาบุคคลที่แสนคิดถึง ถึงแม้คนๆนั้นจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม

     

    วันนี้ดูจะเป็นวันที่เรียวอุกกับคิบอมตื่นเต้นไม่น้อย ทั้งสองคนตื่นแต่เช้าเพื่อมารอรับสมาชิกครอบครัวลีที่จะเดินทางกลับมาถึงเกาหลีตอนเก้าโมงเช้าให้ทันเวลา เข็มนาฬิกาตอนนี้ชี้บอกเวลาแปดโมงห้าสิบห้านาที เรียวอุกลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่นั่งรอพลางเดินไปที่ทางออกผู้โดยสาร รอคนที่รอคอยว่าเมื่อไหร่จะมาถึงเสียที

     

    ผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างเชื้อชาติต่างศาสนาเดินขวักไขว่กันให้วุ่นวาย เสียงประกาศการลงจอดของเครื่องจากประเทศญี่ปุ่นทำเอาเรียวอุกแทบจะถลาวิ่งไปยืนรอที่หน้าทางออก และไม่นานบุคคลที่ทั้งสองรอคอยก็เดินออกมา

     

    คิดถึงจังเลยครับ เรียวอุกโผเข้ากอดฮีชอลกับซองมินพร้อมกันทีเดียวสองคน ทำเอาพี่ชายทั้งสองยิ้มร่าก่อนจะกอดตอบด้วยความคิดถึงที่มีมากไม่แพ้กัน

     

    สวัสดีครับทุกคน คิบอมทักทายออกไปอย่างเป็นทางการพร้อมกับยิ้มกว้าง

     

    สบายดีกันใช่มั้ยทั้งสองคนฮโยริถอดแว่นตากันแดดที่ใส่อยู่ออกก่อนจะอ้าแขนรอรับอ้อมกอดจากเรียวอุก เด็กน้อยที่เธอเป็นห่วงมากที่สุด

     

    ครับ พี่คิบอมดูแลผมดีมากเลย คำตอบของเรียวอุกทำเอาคิบอมแทบจะหลุดขำออกมา ไม่รู้ว่าที่คนตัวเล็กพูดออกไปเพราะไม่อยากให้ฮโยริเป็นห่วงหรือเปล่า แต่คนที่เรียวอุกหมายความถึงน่าจะเป็นเยซองซะมากกว่า เพราะจากที่ตกลงคบกันก็ดูเหมือนคู่นี้จะหวานกันเสียเหลือเกิน

     

    เป็นไงบ้างซองมิน คิบอมเดินเข้าไปหาเพื่อนรักก่อนจะกอดคอด้วยความคิดถึง ไม่รู้ว่ากลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นโดยไม่มีเขาซองมินจะเหงามากหรือเปล่า หรืออาจจะมีหนุ่มๆสาวๆที่ญี่ปุ่นเอาตัวกับหัวใจมามอบให้จนไม่มีเวลาจะเหงา ถึงไม่ค่อยติดต่อกลับมาหาเขาบ่อยนัก

     

    ก็ดี แต่คงไม่ดีเท่าแกมั้งคิบอม ตอบพร้อมกระตุกยิ้มร้าย ทำเอาคิบอมหัวเราะร่าเมื่อได้ฟัง ได้ข่าวว่าได้ทงแฮอดีตมือปืนแห่งโจกรุ๊ปมาเป็นแม่ของลูก สภาพจิตใจและร่างกายถึงได้ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากขนาดนี้ ทั้งที่แต่ก่อนตั้งตนเป็นศัตรูไปหลอกให้เขารักเขาหลงเพื่อสืบเอาข้อมูล แต่ทำไมตอนนี้ถึงไปหลงรักเขาได้เสียอย่างนั้น

     

    เราจะเข้าที่พักก่อนหรือจะไปกันเลยดีครับ หลังจากทักทายกันพอหายคิดถึงคังอินก็เปิดประเด็นถึงการกลับมาของพวกเขาในครั้งนี้ทันที ที่พักที่คังอินพูดถึงนั้นก็คือโรงแรม เพราะพวกเขาไม่คิดจะกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว ถึงแม้ว่าเรียวอุกกับคิบอมจะเข้าไปทำความสะอาดให้บ่อยๆก็ตาม

     

    ไปพักที่คอนโดผมก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องไปพักโรงแรมให้เสียเงิน แล้วหลังจากเก็บของเสร็จเราก็ค่อยออกเดินทางกัน คิบอมเสนอทางเลือกให้ ที่คอนโดเขาเองก็ใช่ว่าจะคับแคบ อยู่กับเรียวอุกแค่สองคนยังมีที่เหลืออีกเหลือเฟือ

     

    ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เมื่อตกลงกันแล้วเรียวอุกกับคิบอมจึงนำไปที่รถเพื่อกลับไปยังคอนโด และจากนั้นพวกเขาจะได้มุ่งหน้าสู่สถานที่สำคัญที่พวกเขาตั้งใจมากันในวันนี้

     

     

     

    เส้นทางที่คุ้นเคยปรากฎแก่สายตาเมื่อรถแล่นไปด้านหน้าเรื่อยๆด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก จากที่มีแต่ป่าและต้นไม้บัดนี้บรรยากาศข้างทางได้เปลี่ยนเป็นหมู่บ้าน สถานที่แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยซักนิด ข้างทางมีผู้คนเดินอยู่ประปราย  ทั้งบ้านและต้นไม้ยังคงตำแหน่งเดิมของมันจนวันนั้นถึงวันนี้หนึ่งปีที่ผ่านมา

     

    รถคันแรกที่คิบอมเป็นคนขับเลี้ยวเข้าไปจอดภายในบริเวณโบสถ์โดยมีรถอีกคันของเรียวอุกซึ่งคังอินเป็นคนขับเลี้ยวตามเข้ามา

     

    ทุกคนในครอบครัวก้าวลงมาจากรถพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ที่เรียวอุกเป็นคนถือมันมาด้วย ทุกสายตากวาดมองไปทั่วบริเวณที่พวกเขาไม่ได้กลับมาเสียนาน แล้วคิ้วเรียวสวยของใครบางก็ต้องขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่ามีรถอีกคันซึ่งไม่ใช่รถของพวกเขาจอดอยู่ไม่ไกลนัก

     

    รถคันนั้นมัน ซองมินพึมพำขึ้นมาเบาๆเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถยนต์คันสีดำที่เขาคุ้นตามันเป็นอย่างมาก หรือจะบอกว่าคุ้นดีเลยก็ว่าได้

     

    ไปกันเถอะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นรถคันนั้นเหมือนซองมินเลยซักนิด ฮโยริเดินนำสมาชิกในครอบครัวไปยังสุสานที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ซองมินจึงต้องละสายออกจากรถคันนั้นเพื่อเดินตามทุกคน บางทีมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิดก็ได้

     

    ช่อดอกไม้ช่อใหญ่ถูกวางไว้หน้าหลุมศพก่อนฮโยริจะลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ที่ต่างยืนสงบนิ่ง กลิ่นแห่งความเศร้าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ความคิดถึงมันขึ้นมาจุกอยู่ที่อกจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ทุกคนกลับเลือกที่กลั้นน้ำตานั้นไว้ เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาร้องไห้โศกเศร้าเสียใจอีกแล้ว ยังไงคนที่จากไปแล้วเขาก็ไม่กลับมา

     

                เรากลับไปที่โบสถ์กันเถอะ หลังจากอยู่ที่สุสานนี่ได้ซักพักฮโยริก็ชวนทุกคนกลับไปที่โบสถ์ บรรยากาศที่มันเศร้าและสงบเกินไปทำให้เริ่มทุกข์ทรมานกับการอยู่ที่นี่ ป้ายหลุมศพชื่อของสามีตนเองที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้านี้ทำให้เธอกลับไปหวนคิดถึงวันเก่าๆ ทำให้ความเศร้ามันวนกลับเข้ามาในจิตใจอีกครั้ง

     

                ผมขออยู่ต่ออีกซักพักนะครับ ซองมินแย้งขึ้นท่ามกลางความเงียบของทุกคน ฮโยริพยักหน้าให้ลูกชายก่อนที่จะเดินกลับไปที่โบสถ์พร้อมกับสมาชิกในครอบครัว

     

                ดอกไม้ดอกเล็กสีขาวสะอาดถูกเด็ดขึ้นมา สายลมที่พัดอ่อนๆพัดเอาเกสรที่แสนจะบอบบางนั้นปลิวไปกับสายลม ซองมินประคองดอกไม้ดอกนั้นกลับมาที่หน้าหลุมศพของพ่อเขา นั่งคุกเข่าก่อนจะวางดอกไม้ดอกนั้นไว้ข้างๆกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่

     

                ดอกไม้นี่ของใครกัน พึมพำขึ้นมาเบาๆ เมื่อเหลือบไปเห็นดอกไม้สีขาวอีกดอกหนึ่งวางอยู่ด้านข้าง ซองมินมองพิจารณามันอยู่ซักพักคนที่จะใช้ดอกไม้นี้มีเพียงเขากับคนอีกคนหนึ่งเท่านั้น

     

                คิดถึงจังเลยครับ เสียงนุ่มกระซิบเบาๆที่ข้างใบหู ลำตัวถูกโอบรัดด้วยเรียวแขนแข็งแกร่ง กลิ่นไอของอ้อมกอดที่คุ้นเคยดี กับน้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมานานถึงหนึ่งปี

     

                คยูฮยอน

     

     

     

     

    นั่นมันรถใครน่ะ ดูเหมือนสมาชิกในครอบครัวลีคนที่เหลือจะเพิ่งสังเกตเห็นรถอีกคันที่จอดอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ฮีชอลจ้องมองไปที่รถคันนั้นเขม็งเพราะเขารู้สึกคุ้นกับมันมากๆ

     

                เรียวอุกกับคิบอมหันไปยิ้มให้กันทันทีเมื่อทุกคนในครอบครัวสังเกตเห็นแล้วว่ามีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พวกเขาอยู่ที่นี่ด้วย แต่ที่จริงพวกเขาคิดว่าทุกคนคงจะแปลกใจตั้งแต่อยู่ที่สุสานแล้วเสียอีก แต่ไม่เลย ไม่มีใครสนใจสิ่งรอบตัวเองเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งพื้นข้างๆยังไม่มีใครเหลือบไปมองเลยซักนิด พื้นที่ที่มีร่างของฮยอนจินนอนหลับอยู่

     

                เราเข้าไปในโบสถ์กันเถอะครับ เรียวอุกเสนอขึ้น จากนั้นทุกคนจึงเดินเข้าไปด้านในโบสถ์พร้อมกัน

     

                ฝีเท้าของทุกคนชะงักงันทันทีเพียงก้าวเข้ามาภายใน จะยกเว้นก็แต่เรียวอุกกับคิบอมเท่านั้น เมื่อทุกสายตาจ้องมองไปยังภาพด้านหน้าที่มีบุคคลที่เคยขึ้นชื่อว่าศัตรูยืนเรียงรายกันอยู่ แต่คงจะมีฝั่งครอบครัวลีเท่านั้นที่ดูตกใจกับการพบเจอกันในครั้งนี้

     

                พวกนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฮโยริถามขึ้นมาลอยๆเหมือนกับต้องการให้ใครซักคนที่สามารถตอบคำถามนี้ได้ไขข้อข้องใจของเธอ ในขณะที่คนของโจกรุ๊ปกำลังเดินตรงมาหาพวกเธออย่างช้าๆ รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเยจินยิ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ฮโยริเป็นอย่างมาก

     

                วันนี้เป็นวันครบรอบวันที่ฮยอนจินจากไปน่ะครับ ทุกคนเลยมาที่นี่ มันอาจจะฟังดูบังเอิญไปซักนิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อวันที่เพื่อนรักทั้งสองคนจากไปบนโลกนี้เป็นวันและเดือนเดียวกัน จะเว้นก็แต่ปีเท่านั้น

     

                ศพของฮยอนจินอยู่ที่นี่งั้นเหรอ ถามออกมาอย่างไม่ค่อยเชื่อในคำตอบของคิบอม ที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าครอบครัวโจรู้ได้อย่างไรว่าศพของซองวอนอยู่ที่นี่ หรือนี่จะเป็นแค่เพียงความบังเอิญจริงๆ

     

                ใช่ครับ เขาอยู่ข้างๆกับคุณน้าซองวอน เรียวอุกตอบออกมาก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆ เป็นช่วงเวลาพอดีกับที่คนในโจกรุ๊ปทุกคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของครอบครัวลี

     

                เป็นไงบ้างฮโยริ เธอสบายดีใช่มั้ย คำถามที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยหลุดออกมาจากปากเยจิน ใบหน้าสวยหวานยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่มีความแค้นเคืองหรือความโกรธปนอยู่ด้วยเลยแม้แต่นิด ทุกคำพูดของเธอนั้นออกมาจากใจจริง

     

                สบายดี ฮโยริตอบกลับไปเสียงเบาหวิว ท่าทางของคนในโจกรุ๊ปทุกคนดูเหมือนกับว่าเราไม่เคยมีเรื่องบากหมางกันมาก่อน เป็นการแสดงออกเหมือนเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน

     

                วันนี้เป็นวันสำคัญของครอบครัวเราทั้งคู่เลยนะ รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนของเยจินนั้นแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อยในทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา

     

                เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปมันถึงจะเป็นคำพูดที่เหมาะสมฮโยริจึงเลือกที่จะเงียบ มีแต่เพียงรอยยิ้มบางๆที่มอบกลับคืนไปให้เท่านั้น ทำไมกันนะ ทั้งที่โดนทำไปขนาดนั้นแต่เยจินกลับไม่มีท่าทางว่าจะโกรธหรือเคียดแค้นครอบครัวของเขาเลย

     

                แล้วซองมินไม่มาด้วยเหรอ เมื่อเยจินมองหาคนสำคัญในครอบครัวอีกคนไม่เจอจึงถามขึ้น

     

                เขาอยู่ที่สุสานน่ะ

     

                ถ้าอย่างนั้นคงจะได้เจอกับคยูฮยอนล่ะสินะ พูดจบเยจินก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง ที่คยูฮยอนบอกว่าจะรอคนๆหนึ่งอยู่ที่นั่น คนที่ว่าคือซองมินเองสินะ

     

                ดูเหมือนฮโยริเองก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าในที่นี่ไม่มีคยูฮยอนอยู่ด้วย แต่ที่ดูเหมือนจะทำคนมองหมั่นไส้ที่สุดคงจะหนีไม่พ้นคนสองคู่ที่เมื่อจบสงครามแค้นก็สานสัมพันธ์รักกันทันที ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เยซองเดินเข้ามายืนข้างเรียวอุกและคิบอมเดินเข้าไปหาทงแฮ อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนที่โจกรุ๊ปเดินเข้ามาหาเลยก็เป็นได้ แต่เธอไม่ได้สังเกตและสนใจมันเอง

     

                ไม่เห็นแนะนำลูกเขยในน้ารู้จักเลยนะเรียวอุก นายก็เหมือนกันคิบอม ว่าแล้วฮโยริก็ออกปากแซวขึ้นมาทันที ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคู่นี้กำลังคบหากันอยู่ตั้งแต่ที่เรื่องต่างๆมันจบลงเมื่อหนึ่งปีก่อน และเหตุผลที่เธอคิดว่าเรียวอุกกับคิบอมไม่กลับไปญี่ปุ่นด้วยก็เพราะเรื่องนี้

     

                เจอประโยคเมื่อซักครู่ไปทำเอาเรียวอุกตอบกลับไปไม่ถูก จากเด็กฉลาดกล้าแสดงออกเลยเป็นเด็กขี้อายไปเสียแล้วตอนนี้ ไม่ต่างกันนักกับคิบอมที่เอาแต่ยืนยิ้มอย่างเดียว

     

                กลิ่นไอแห่งความสุขเริ่มกลับมาอีกครั้ง คำพูดและเรื่องราวต่างๆถูกนำขึ้นมาบอกเล่าให้อีกฝ่ายได้รู้โดยไม่มีการปิดบังกันแต่อย่างใด ความเชื่อใจและไว้ใจที่เคยหายไปกำลังกลับคืนมา ความแค้นถูกลบออกไปจากใจจนแทบจะหมดสิ้น การสูญเสียทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆมากมาย มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะอาฆาตแค้นอีกฝ่ายจนต้องสูญเสียคนที่เรารักอีกแล้ว

     

     

     

     

     

    คยูฮยอน คำพูดที่เปล่งออกมาแทบจะกลืนหายไปกับสายลมเพราะมันเบามากเหลือเกิน ซองมินหันหน้ากลับไปเล็กน้อยเพื่อดูให้ชัดๆว่าใช่คนๆนี้จริงๆ  

     

                ลมหายใจเบาๆเป่ารดแก้มจนซองมินต้องรีบหันหน้ากลับมา เป็นอย่างที่เขาคิดไม่ผิดจริงๆ รถคันที่เขาแสนคุ้นเคยและดอกไม้สีขาวดอกนั้น เป็นคยูฮยอนจริงๆ

     

                ปล่อย ออกคำสั่งเบาๆพร้อมกับแกะมือที่โอบรัดตัวเองออก แต่เพียงแค่คำพูดคำนี้คำเดียวคยูฮยอนก็ยอมปล่อยแต่โดยดีไม่ต้องให้ซองมินต้องออกแรงให้เสียพลังงาน

     

                รอยยิ้มเป็นอย่างแรกที่ซองมินเห็นบนใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอมาแสนนาน คยูฮยอนยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่แสดงออกถึงความดีใจ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุข

     

                นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คำถามแรกที่ซองมินนึกได้คงจะเป็นคำถามนี้เท่านั้น เขาไม่อยากจะคิดว่าคยูฮยอนมาไหว้หลุมศพพ่อของเขาในวันครบรอบวันที่พ่อเขาจากไป

     

                วันนี้เป็นวันสำคัญของครอบครัวผมครับ ตอบก่อนจะเบือนสายตาไปยังหลุมศพที่อยู่ข้างๆ ทำให้ซองมินมองตามไปด้วย ป้ายชื่อที่ตั้งเด่นเป็นสง่าทำให้ซองมินเบิกตากว้าง

     

                พ่อของนาย พึมพำออกมาเบาๆเมื่อรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าคยูฮยอนมาทำอะไรที่นี่ในวันนี้ ร่างที่ไร้วิญาณของฮยอนจินถูกนำมาไว้ที่นี่เรื่องนี้ไม่มีใครในครอบครัวเขารู้แม้แต่คนเดียว

     

                ผมอยากให้พ่อมาอยู่ที่นี่ เพราะผมคิดว่าเขาคงอยากจะเจอเพื่อนรักของเขา คยูฮยอนตอบออกมาเสียงเศร้า ถึงแม้จะผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่ชีวิตของเขาขาดพ่อไป แต่การปรับตัวให้ชินกลับการสูญเสียมันไม่ง่ายเลย เขาเข้าใจความรู้สึกของคนที่สูญเสียคนที่เรารักไปแล้วว่ามันทรมานแค่ไหน และเขาก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้อีก

     

                 งั้นดอกไม้นี่ก็ของนายสินะ ซองมินมองไปยังดอกไม้ดอกเล็กที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งคยูฮยอนเองก็พยักหน้ารับ

     

                ดอกไม้ชนิดเดิมถูกเด็ดออกมาจากต้นอีกครั้ง ดอกไม้ดอกเล็กที่ใช้แทนความเคารพถูกวางลงที่หน้าหลุมศพของฮยอนจิน ไม่มีการขอโทษหรือการขอให้ใครยกโทษให้ทั้งสิ้น

     

                พี่ครับ เมื่อซองมินเดินถอยออกมาจากหน้าหลุมศพของฮยอนจินคยูฮยอนก็เดินเข้าไปหาในทันที มือทั้งสองข้างเอื้อมไปรั้งไหล่บางให้หันมาเผชิญหน้ากับตนเอง คำพูดที่เขาต้องทนเก็บมาตลอดปี ความรู้สึกที่มีทั้งหมดกับคนตรงหน้านี้เขาคงทนเก็บมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

     

                พี่ครับผม...

     

                นายกล้าพูดคำนั้นกับคนที่คิดจะฆ่าพ่อนายเหรอคยูฮยอน ยังไม่ทันที่คยูฮยอนจะเอ่ยออกมาก็โดนขัดขึ้นเสียก่อน ทำให้สายตาและใบหน้าที่ดูจริงจังเมื่อซักครู่นี้เปลี่ยนไปทันที ซองมินรู้ดีว่าคยูฮยอนกำลังจะพูดอะไร และบางทีเขาคิดว่ามันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิด

     

                เรื่องที่มันผ่านมาแล้วผมจะไม่หวนกลับไปคิดถึงมันอีก เพราะฉะนั้นพี่ฟังผมก่อนนะครับ บีบไหล่ซองมินเบาๆเป็นเชิงขอร้อง เรื่องที่ผ่านไปแล้วเขาถือว่ามันเป็นอดีต เรานึกถึงมันได้แต่ไม่ควรเก็บมาใส่ใจ ในเมื่อวันนี้เขามีชีวิตที่มีความสุขแล้วไม่อยากเก็บเรื่องเก่าๆมาคิดให้มันเป็นทุกข์ใจอีก

     

                ซองมินยอมฟังคำที่คยูฮยอนบอกแต่โดยดี ใบหน้าหวานนิ่งสนิทจ้องสบตากับดวงตาแน่วแน่ที่อยู่ตรงหน้า

     

                ผมรักพี่ครับ ตอนนี้ผมกล้าพูดได้เต็มปากแล้ว คบกับผมนะครับ เราไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นศัตรูกันอีกแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนั้น ถึงคำสารภาพนี้มันจะไม่ได้ดูโรแมนติกอย่างที่คยูฮยอนต้องการจะให้เป็น แต่ทั้งหมดนี้เขาพูดมาจากใจ เวลาและความห่างเหินมันทำให้เขาเข้าใจอะไรในชีวิตมากขึ้น

     

                ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั่วพื้นที่ทันทีเมื่อซองมินยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าเบือนหนี ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำ เหมือนกำลังลำบากใจกับคำตอบที่จะบอกออกไป

     

                จากมือที่จับอยู่ที่ไหล่บัดนี้เลื่อนไปโอบด้านหลังพลางรั้งให้ซองมินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด คยูฮยอนกระชับกอดนี้ให้แน่นยิ่งขึ้น ก้มลงมอบจุมพิตที่หน้าผากมนอย่างบางเบา ซองมินเบือนหน้าหนีเมื่อคยูฮยอนถอนริมฝีปากออกมา ใบหน้าหวานซบลงกับบ่ากว้างที่ตัวเขาเองก็คิดถึงมันไม่น้อยเลย อ้อมกอดที่เขาเคยได้รับจากคยูฮยอน ถึงมันจะน้อยครั้งหากแต่มันกลับอบอุ่นจนไม่อยากจะออกจากอ้อมกอดนี้เลย

     

                คบกับผมนะครับ ถามย้ำอีกครั้ง คยูฮยอนไม่ได้ตั้งใจจะบีบคั้นเพื่อให้ซองมินตอบตกลง แต่เขาเพียงแค่อยากได้คำตอบเท่านั้น ไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวังเขาก็จะยอมรับมัน

     

                อืม ตอบรับในลำคอเบาๆ มือที่ปล่อยอยู่ข้างตัวทั้งสองข้างมอบอ้อมกอดคืนให้แก่คยูฮยอน ในเมื่อเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกันคงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องปฏิเสธอีกต่อไปแล้ว

     

                คำตอบที่ได้ฟังทำให้รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคยูฮยอน ดีใจจนไม่อยากจะปล่อยคนๆนี้ออกไปจากอ้อมกอดเลยแม้แต่วินาทีเดียว

     

                พี่ครับ จำเรื่องที่ผมเคยบอกกับพี่ตอนเรามาที่นี่ด้วยกันได้มั้ย ถึงจะไม่อยากปล่อยอย่างไรแต่สุดท้ายคยูฮยอนจำต้องคลายอ้อมกอดออก จ้องมองใบหน้าอีกคนที่ยังคงเรียบนิ่งแต่ในแววตานั้นกลับดูมีความสุข

     

                คำตอบที่ได้จากซองมินคือความเงียบกับใบหน้าที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ คยูฮยอนอมยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเป็นคนเชลยคำถามที่เขาเป็นคนถามออกมาเอง

     

                เราไปที่ตลาดกันนะครับ ผมว่าพี่คงจะนึกออก



    -------------------------------------------------

    kr...Talk
    สวัสดีจ้าเพื่อนๆทุกคน ขอโทษที่มาอัพช้าไปหลายวันนะ
    แต่ก็มานะ คิคิ
    สำหรับตอนนี้สำเร็จไปสองคู่แล้ว คู่เมนของเราทั้งคู่
    มักจะมีคนถามว่าทำไมคยูมินเรื่องนี้ดูไม่ค่อยเด่น ดูแล้วจะรักกันไม่ได้ จะไปรักกันได้อย่างไง ตอนไหน
    คำตอบก็คือตอนนี้นี่เอง (กวน)
    อย่างที่ทุกคนรู้ ความรักเอาชนะทุกสิ่ง แม้กระทั่งความเกลียด ความโกรธแค้นทั้งหลาย
    บางทีที่คนเราทำผิดพลาดไปก็อาจจะเป็นเพราะคำว่า"รัก"

    สำหรับเรื่องคำผิดก็ขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านและเข้าใจแถมยังมาช่วยบอกว่ามีตรงไหนที่ผิดบ้าง
    แต่สำหรับสายตาเพียงหนึ่งคู่ก็อาจจะมีผิดพลาดบ้าง ขออภัยจริงๆ
    เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×