คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : [#13] Flower
วันนี้...น่าเบื่อเหมือนทุกวัน
สองขาก้าวเอื่อยๆ ไปตามทางเดิน แผ่นหลังบางยืดตรงพร้อมกับคางที่เชิดเพียงเล็กน้อย สายตามองตรงไปข้างหน้าแต่สมาธิกับกระจัดกระจายไม่เป็นที่ ใครมาเห็นก็คงชื่นชมในความสง่างามของราชินีแห่งคาโนวาล
น่าขำดี
แต่ก็อย่างว่าล่ะมีใครบ้างไม่อยากมองในสิ่งที่ดูดี ดูแล้วเจริญตา ถึงความจริงมันจะไม่ใช่ก็เถอะ
เฟรินเลี้ยวตรงหัวมุม ในใจตอนนี้รู้สึกอยากหาอะไรทำซักอย่างแก้เบื่อ วันนี้พี่สาวไม่ได้ออกมาหาเธอจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่จะให้ไปถามเจ้าของคทาเห็นจะไม่เอาด้วย จะออกข้างนอกวันนี้ก็ไม่มีตลาดนัด ไอ้เรื่องจะหาข้ออ้างอื่นตัดไปได้เลย หัวเด็ดตีนขาดพวกสภาอำมาตย์ก็ไม่อนุญาต จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องก็เบื่อแล้ว
หรือวันนี้จะไปนั่งเล่นที่ศาลาดี
คิดแล้วเฟรินก็ยิ้มกว้าง อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ไปที่นั่นร่วมหลายเดือน เพราะเกิดเรื่องเยอะแยะจนลืมเสียสนิท เฟรินเรียกนางกำนัลที่เดินสวนมาอย่างอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย
"เดี๋ยวช่วยยกน้ำชากับขนมไปให้ที่ศาลาหน่อยได้ไหม" ถามไปอย่างนั้นเพราะยังไงคำตอบก็มีแค่หนึ่ง นางกำนัลย่อตัวรับคำแล้วเดินตรงไปห้องครัวหลวงทันที
พูดถึงน้ำชาแล้วนึกถึงขอทานท่ามากที่ชอบจิบน้ำชา บางทีเธอน่าจะส่งกระติกน้ำร้อนไปให้เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แต่คิดไปคิดมาอีกทีหมอนั่นอาจจะมีพกติดตัวไว้เรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ เฟรินขยับยิ้มเล็กน้อย แต่แล้วหูของเธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยบางอย่าง แต่ฟังดีๆ แล้วเหมือนจะเป็นการทักท้วงอะไรมากกว่า
"ทำไมถึงจะตัดไม่ได้ล่ะ" โทนเสียงหวานคุ้นหูดังจากมาทิศทางที่เฟรินกำลังตรงไปให้รู้สึกแปลกใจ เธอเลี้ยวตรงหัวมุมอีกครั้ง ภาพสวนกว้างคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นในคลองจักษุ พุ่มดอกไม้หลากสีไม่ไกลจากที่เฟรินเดินมาถึงนั้น นางกำนัลสาวกำลังมีสีหน้าลำบากใจขณะที่ในมือมีเดียมีกรรไกรตัดกิ่งขนาดเล็ก อีกมือหนึ่งกำลังคัดเลือกดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง ดูแล้วก็งดงามราวกับภาพวาด
"แต่ดอกไม้พวกนี้..."
"มีเรื่องอะไรกันเหรอ" เฟรินตัดสินใจขัดจังหวะอย่างที่ไม่ควรจะทำเพราะเห็นว่าท่าทางนางกำนัลท่าทางจะแย่ สองสาวรีบย่อตัวลงเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร นัยน์ตาสีน้ำตาลสั่นไหวเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ในชุดคลุมท้องสีอ่อนอย่างดี
ความจริงที่เธอไม่อยากรับรู้ แม้ว่าจะผ่านไปหลายวันแล้วก็ตาม
"ออกมาเดินไปมาอย่างนี้ระวังซักหน่อยก็ดี เกิดสะดุดอะไรเข้าจะเป็นอันตราย" น้ำเสียงห่วงใยจนมีเดียเผลอวูบไหวไปกับความอ่อนโยนของอีกฝ่าย ถึงเฟรินจะไม่อยากยอมรับยังไง แต่เด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องราววุ่นวายนี้แล้วจะให้เธอแช่งชักหักกระดูกก็เห็นจะทำไม่ลง
"หม่อมฉันกำลังจะเก็บดอกไม้ไปถวายฝ่าบาทคาโลเพคะ แต่นางกำนัลเข้ามาห้าม" เฟรินสะอึกไปเล็กน้อยก่อนยิ้มบาง "ก็ควรอยู่เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขา"
มีเดียเผลอเลิกคิ้วสูงก่อนรีบทำสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ
"ไม่นึกว่านางกำนัลที่คาโนวาลจะมีหน้าที่เฝ้าสวนดอกไม้ด้วยนะเพคะ" คนฟังหัวเราะเหมือนไม่คิดอะไร แต่อีกคนที่ยืนอยู่เริ่มหน้าซีด
สนมคนใหม่...ช่างกล้านัก
เฟรินโบกมืออนุญาตให้นางกำนัลคนนั้นผละออกไป เธอเดินไปแตะดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่แผ่วเบา
"ก็ไม่เชิงนะ แต่ดอกไม้นี่ฉันเป็นเจ้าของน่ะ"
"พระอาญามิพ้นเกล้า" มีเดียรีบย่อตัวลงทันที เมื่อรู้เหตุผล เฟรินหัวเราะอีกครั้ง "ไม่เป็นไรหรอก คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด" มีเดียนิ่งไปนิดก่อนจะยิ้มขึ้นมา
"ราชินีทรงคัดพันธุ์เองเหรอเพคะ" น้ำเสียงมีแววชื่นชมให้แววตาคนฟังเป็นประกายขึ้นมา เฟรินส่ายหน้าช้า "เปล่าหรอก คาโลเขาคัดมาให้น่ะ ตอนแรกบอกจะปลูกแค่กระถางเล็กๆ แต่กลายเป็นเอามาลงไว้ทั้งสวน"
ร่างของมีเดียกระตุกวูบขึ้นมาเพียงแวบเดียว แต่ไม่มีทางพ้นสายตาของเธอไปได้ เจ้าหญิงแห่งฟรานส์ยิ้มกว้างมองไปยังพุ่มดอกไม้ตรงหน้า
"ฝ่าบาทคาโลทรงรักราชินีมากเลยนะเพคะ"
เจ็บ
หน้าอกเธอเจ็บแปลบขึ้นมา หากรอยยิ้มเช่นเดิมก็ยังคงระบายอยู่บนใบหน้านั้น
"เพราะแต่ละพันธุ์ที่เลือกมาล้วนงามและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เหมือนราชินี" นัยน์ตาสีเขียวเผลอสบตาสีน้ำตาลก่อนก้มลงต่ำตามมารยาทชาววัง
"ฟรานส์เองก็มีดอกไม้งาม" เฟรินเปรยพลางยิ้ม หากมีเดียกลับส่ายหน้า "งามอย่างไรก็คงไม่เท่าดอกไม้จากเดมอสหรอกเพคะ" คราวนี้เฟรินเงียบไปครู่ใหญ่
แม่นี่...ใช่ย่อยทีเดียว
คนทั่วทั้งเอเดนย่อมรู้ดีว่าเธอเป็นเจ้าหญิงสองดินแดน ทั้งเอเดนและเดมอส แน่นอนว่าข้อพิพาษของสองดินแดนนี้ยังมีอยู่ ฝั่งเดมอสนั้นไม่ได้คิดอะไรมากกับความแค้นอาฆาตของมนุษย์ แต่ชาวเอเดนนี่สิ ยังคงถือว่าพวกเดมอสเป็นพวกปีศาจโหดร้ายป่าเถื่อนไม่เสื่อมคลาย เฟรินคิดแล้วก็เผลอยิ้มเย็นให้คู่สนทนาขนลุกเกรียว
"ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังเป็นดอกไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำหวานหอมชวนน่าหลงใหล ผิดกับฉันที่ป่านนี้คงเหลือแต่ดอกกลวงๆ" น้ำเสียงเอ่ยเรื่อยๆ เหมือนไม่ใส่ใจอะไร แต่สายตาของเฟรินก็ยังจับจ้องอาการของอีกฝ่ายด้วยทีท่าสงบ
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเพคะราชินี" มีเดียรีบปฏิเสธไร้ซึ่งท่าทางผิดปกติ เฟรินหัวเราะอีกครั้ง "ขอบคุณที่ให้กำลังใจ จริงสิ...ฉันคงรบกวนเธอ จะเก็บไปกี่ดอกก็ตามสบายเถอะ สวนของฉันก็เหมือนสวนของคาโล จะตัดให้คาโลก็ไม่ถือว่าผิดอะไร"
มีเดียย่อตัวลงเก็บกรรไกรตัดกิ่งเข้าในตะกร้าที่ตนถืออยู่
"อย่าดีกว่าเพคะ..." บทสนทนาหยุดชะงักลงเมื่อหญิงสาวเหลือบไปเห็นมหาดเล็กกำลังเดินตรงมาหา
"พระอาญามิพ้นเกล้า มีทูตจากทริสทอร์ขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ" คิ้วสีน้ำตาลเลิกสูงขึ้น ขณะที่มีเดียแม้จะทำทีเหมือนไม่ได้สนใจอะไรก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทูตจากทริสทอร์มีธุระอะไรกับราชินีแห่งคาโนวาล แต่โดยมารยาทแล้ว....
"ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ" เฟรินพยักหน้าให้มีเดียก้าวถอยออกไปจนลับสายตาก่อนจะหันมาสั่งความกับมหาดเล็กที่ยืนรอรับคำสั่ง "งั้นให้เขาไปพบฉันที่ศาลาก็แล้วกัน ถ้ากังวลมากนักก็ให้ทหารซักคนสองคนมายืนคุมก็ได้" เฟรินเอ่ยอย่างรู้ทัน มหาดเล็กจึงจำใจต้องรับคำสั่งนั้นอย่างคัดค้านอะไรไม่ได้
เพียงครู่เดียวร่างสูงคุ้นตาที่ไม่ได้เห็นหน้ามาซักพักก็โผล่มาให้เห็นตามมาด้วยนายทหารรักษาการณ์สองคนเดินตามหลังมา ร่างสูงโปร่งโค้งคำนับลงอย่างสง่างาม ส่วนทหารทั้งสองหยุดยืนห่างออกไปเล็กน้อย
"คราวนี้เป็นแผนหมากตัวใหม่รึไง" คนถูกถามขยับยิ้มส่ายหน้า "ครั้งนี้กระหม่อมมาตามพระประสงค์ของฝ่าบาท"
"พระประสงค์? คิงประเทศเธอต้องการอะไรจากฉันล่ะ" เฟรินถามพลางเลิกคิ้วสูง ทูตหนุ่มก้มศีรษะเล็กน้อย
"มิได้พระเจ้าค่ะ เพียงแค่ฝ่าบาทอยากจะทูลเชิญราชินีเสด็จประพาสทริสทอร์" คนฟังอึ้งไปเล็กน้อยแล้วหัวเราะ "ถ้าเรื่องนี้ไปพูดกับคาโลหรือไม่ก็สภาอำมาตย์เห็นจะได้คำตอบมากกว่ามาถามฉันนะ"
" 'ถ้าไม่เต็มใจจะมา ก็บอกไปว่าไม่ต้องมา' นี่คือคำตรัสของฝ่าบาทที่ฝากหม่อมฉันให้ทูลถ้าราชินีทรงตอบเช่นเมื่อครู่" เสียงหัวเราะเงียบหายไป นัยน์ตาสีน้ำตาลทอประกายชอบใจ
นานเท่าไหร่มันก็ยังดักทางเธอได้เสมอ
สงสัยต้องเปลี่ยนจากห้องสมุดเป็นผู้วิเศษ
"คราวที่แล้วไม่ได้ถามชื่อ พอจะบอกชื่อของเธอหน่อยได้ไหม" จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องกันง่ายๆ ทูตหนุ่มยิ้มรับตอบ "ดีฟานพระเจ้าค่ะ ดีฟาน อี. ฮอร์นัส"
"ทีนี้จะได้เรียกกันง่ายๆ หน่อย พอจะบอกได้ไหมดีฟาน ว่าจุดประสงค์คิงของเธอที่มาชวนให้ฉันไปเที่ยวทริสทอร์คืออะไร"
"เพื่อให้ราชินีได้พักผ่อน เป็นความประสงค์ดีอย่างที่มิตรคนหนึ่งจะให้กับมิตรพระเจ้าค่ะ" เฟรินยิ้มบางนึกชมท่าทางสง่านั้นอยู่ในใจ "แล้วก็..."
ดีฟานชะงักประโยคไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ
"คงไม่มีใครไม่มีดีใจถ้ามีดอกไม้งามอยู่ใกล้ตัว" นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย "ประตูกำแพงที่นี่หูตาเยอะดีนะ" ดีฟานก้มตัวต่ำเมื่อรู้ตัวว่าตนพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป เฟรินหัวเราะโบกมือไม่ถือสา
"แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะดีฟาน" เปรยถามให้คนฟังนิ่งไป ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องคงงงว่าเธอถามเรื่องอะไร แต่กับทูตหนุ่มคนสนิทของไอ้ขอทานนั่นมีหรือที่จะไม่รู้ ก็นึกอยู่ว่าทำไมจากวังหน้าถึงศาลานี่อีกฝ่ายถึงใช้เวลามาถึงไม่นานนัก
"ดอกไม้งามย่อมมีหนามพระเจ้าค่ะ" เฟรินพยักหน้า สายตามองเลยไปยังพุ่มดอกกุหลาบหลากสี "นั่นถึงทำให้ผู้ชายดีๆ สนใจไงล่ะ ยิ่งหนามมากก็เหมือนกับท้าทาย" เธอเอ่ยต่อช้า พลางนึกถึงตัวเอง หนามของเธอไม่เกิดจากตัวเองแต่เกิดจากสภาพและสถานะของเธอ
ธิดาแห่งความมืดใครที่ไหนอยากจะเข้าใกล้
...แต่ก็มีคนที่ฝ่ามันมาได้...
เฟรินถอนหายใจแผ่วเบา
"แต่ถ้ามีแค่หนามก็ยังไม่พอ ต้องสวยและหอมหวาน"
ใช่...ไม่เหมือนกับเธอที่มีแต่หนามและความหวานเพียงเล็กน้อย
หากดีฟานกลับขยับยิ้มส่ายหน้า นัยน์ตาสีฟ้าทอแสงอ่อนลงรับกับใบหน้าคมคายนั้น
"สวยมากไปก็เบื่อง่าย หอมเกินไปก็กลายเป็นฉุน หวานมากไปก็ทำให้เลี่ยน กระหม่อมว่าแค่เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วพระเจ้าค่ะ" คนฟังหันกลับมาสบตาทูตหนุ่มที่กล้าพูดในสิ่งที่อาจทำให้หัวต้องหลุดออกจากบ่า
"นี่คิงของเธอก็ฝากมาบอกอย่างนั้นเหรอ" ดีฟานหัวเราะร่วนให้ใบหน้าคมนั้นสว่างไสวน่ามอง "ทรงพระปรีชายิ่งแล้ว แต่ขอทูลเพิ่มเติมว่ากระหม่อมเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้"
เฟรินยิ้มรับไม่ว่าอะไร เพราะเพียงคำพูดบางครั้งย่อมน่าฟังกว่าความเป็นจริง
ความจริงที่ว่าคิงแห่งคาโนวาลไม่เคยพิศมัยดอกไม้ดอกเล็กที่ไร้ความหวานและมากหนามเช่นเธอ
อาจจะเคยนึกชอบและน่าลอง แต่เมื่อนานไปก็สร่างซาได้
"ขอบคุณในคำเชิญ เอาไว้ฉันตัดสินใจได้ว่าอยากไปเมื่อไหร่จะส่งจดหมายไปหาก็แล้วกัน" เฟรินตอบกลางๆ ทั้งนี้เพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจในอนาคตอันใกล้
เพราะ...คาโนวาลอาจจะไม่มีที่สำหรับเธอ
"ฝ่าบาทคงดีพระทัยหากข่าวนั้นจะไปถึงทริสทอร์ในเร็ววัน" ดีฟานก้มตัวต่ำทำความเคารพเตรียมกลับ หากหญิงสาวกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน
"งานที่ทริสทอร์เป็นยังไงบ้างช่วงนี้ คนยังขาดอยู่รึเปล่า" ดีฟานชะงักกึกหันมาฉีกยิ้มกว้าง "ไม่ขาดแล้วพระเจ้าค่ะ" คนถามหัวเราะหึๆ
"งั้นก็ดี ฉันแนะนำว่าน่าจะหาเชือกดีๆ ซักเส้นแถวสโนวแลนด์มามัดไว้ จะได้ไม่หนีไปไหน" ทูตหนุ่มหัวเราะร่วนโค้งตัวรับคำ "ถึงจะหายากเสียหน่อยแต่กระหม่อมจะพยายามพระเจ้าค่ะ"
เฟรินหัวเราะเสียงดังขึ้นถูกใจ ก่อนจะพยักหน้าอนุญาตให้อีกฝ่ายไปได้พร้อมกับทหารที่ยืนเฝ้าทั้งสองคน
เมื่อแผ่นหลังทั้งสามลับไปจากสายตา เสียงหัวเราะจึงเงียบหายไป ราชินีแห่งคาโนวาลยกน้ำชาที่เย็นชืดขึ้นจิบอย่างไม่รู้รส ทำไมเธอจะไม่รู้ถึงเหตุผลที่ทริสทอร์ส่งทูตมาในเวลานี้ อีกซักสองสามวันทูตอีกหลายๆ ประเทศคงจะมากันให้เสนาบดีมหาดไทยหัวหมุนเล่น
จุดประสงค์มีเพียงหนึ่ง
เฉลิมฉลองให้แก่ทายาทแห่งคาโนวาล
ทายาท...ที่ไม่ใช่ลูกของเธอ
เฟรินถอนหายใจเฮือก ทั้งที่พยายามทำใจยอมรับมานานนับตั้งแต่รู้ว่าคาโลต้องเลือกสนม แต่พอถึงเวลาจริงก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี นิ้วมือเรียวเผลอจิกเข้าฝ่ามือแน่นจนสั่นไปทั้งแขน
สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอกำลังกลัว
ความสัมพันธ์ของเธอกับคาโลย่ำแย่มาหลายเดือน ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นและดูเหมือนมีเดียเองก็จะรับรู้ เธอเสียอีก...ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองคนนั้น เรียวปากยกยิ้มเยาะให้กับตัวเอง
...ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่คิดอยากจะรู้...
จะอย่างไรก็ตาม...สิ่งที่ทำได้คือเตรียมพร้อมและหวังว่าสิ่งที่เธอกลัวจะไม่มาถึง
วันที่เธอไม่อาจจะอยู่ในคาโนวาลได้อีกต่อไป
*******************************************TBC...
ความคิดเห็น