ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -FanFic บารามอส- เวลากับสายลม

    ลำดับตอนที่ #14 : [#14] Ruby and Broken's Heart

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.46K
      4
      28 ส.ค. 50


               
    และมันก็เป็นไปอย่างที่เธอคิด

                หลายวันต่อมาทูตจากบรรดายี่สิบสามประเทศนอกจากทริสทอร์ที่ส่งทูตมาก่อนแล้วค่อยๆ ทยอยกันมา ข้าวของแสดงความยินดีมากมายให้คนรับแทบจะหุบยิ้มจริงๆ ไม่ลง ขณะที่เฟรินต้องฉีกยิ้มจนเหงือกแห้งลามไปถึงลิ้นไก่เพราะเป็นหน้าที่ที่ราชินีจะต้องออกมาต้อนรับแขกเมือง ส่วนคนที่น่าจะยินดีเป็นที่สุดกลับยังไม่ยอมแสดงสีหน้าอะไรออกมาให้เธอเห็น

                จนถึงตอนนี้งานเลี้ยงต้อนรับเหล่าทูตนั่นก็ยังคงดำเนินต่อไป เฟรินถอนหายใจเบื่อหน่าย เธอคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจของตัวออกมาพัก ถึงจะเป็นเพียงไม่นานนักแต่ก็พอจะทำให้ความเครียดที่ต้องอยู่กับคนมากๆ ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง

                บางทีถ้าทูตจากทริสทอร์นั่นยังอยู่เธอคงสนุกกับงานเลี้ยงมากกว่านี้

                เฟรินยิ้มบางๆ ให้กับความคิดของตัวเอง แล้วนึกถามตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง

                ทำไมถึงไม่เป็นโร?

                คำตอบที่แม้นานเท่าไหร่เธอก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เธอตอบได้เพียงแค่กับโรแล้วเธอรู้สึกสบายใจที่อยู่ใกล้มัน สนุกเวลาหาเรื่องไปให้มันปวดหัวเล่น

                แต่ไม่ใช่ความรัก...

                ทั้งๆ ที่ถ้าเธอรักโรบางทีตอนนี้เธอก็อาจจะไม่ต้องมายืนบ้าคนเดียวตอนกลางคืนแบบนี้ เฟรินเอนตัวพิงกับกำแพง กระชับผ้าคลุมผืนบางเข้ากับตัวที่ดูเหมือนมันจะช่วยอะไรได้ไม่มากนักแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรป้องกันลมเย็นที่พัดมากระทบผิว เสียงเฮฮาพูดคุยยังคงดังมาให้ได้ยิน อันที่จริงเธอก็ไม่ได้รังเกียจงานเลี้ยงแบบนี้ เพียงแต่งานนี้ตัวเอกไม่ใช่เธอ

                จะอยู่รึไม่อยู่ก็มีค่าไม่ต่างกัน

                "สวยจริงๆ นะเธอ" เสียงซุบซิบของนางกำนัลที่คงผละออกมาเพื่อนำสำรับอาหารชุดใหม่ไปเติมในงานดังเบาๆ

                "ใช่ๆ ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น ตั้งแต่ที่พระสนมมีเดียตั้งครรภ์ก็ดูเหมือนจะสวยขึ้นกว่าเดิม" อีกเสียงหนึ่งเอ่ยรับความคิดเห็นนั้น

                "ผิดกับราชินีเลยนะ ทรงซูบขึ้นแถมดูไม่สดใสยังไงก็ไม่รู้"

                "นั่นสิ อย่างนี้เวลาฝ่าบาทเสด็จออกไปพบปะประชาชนต้องขายพระพักตร์แน่ๆ ถ้าให้ราชินีเสด็จออกตามไป" นางกำนัลคนแรกหัวเราะคิกคัก "ถ้าเป็นช่วงนี้ฝ่าบาทคงต้องพาพระสนมมีเดียควงคู่ออกอยู่แล้ว ในเมื่อพระสนมเป็นคนนำข่าวดีมาให้คาโนวาลนี่นา"

                "........................."

                เสียงพูดคุยเงียบหายไปแล้ว พร้อมกับเสียงก้าวเดินที่ห่างออกไปทุกที เฟรินยันตัวขึ้นยืนเต็มความสูง ภายในใจทั้งอึดอัด ทั้งเจ็บ ถ้าเธอไปพูดเรื่องนี้กับคาโลสองคนนั่นคงหัวหลุด แต่เอาเถอะ คราวนี้ถือว่าเธอแอบฟังคนอื่นพูดซึ่งก็ดูจะไม่ใช่นิสัยของราชินีที่ดีซักเท่าไหร่นัก ทั้งยังทำให้เธอรู้ถึงความรู้สึกแท้จริงของบรรดาข้าราชบริพารในวัง หักลบกันแล้วก็คงเหลือศูนย์

                เฟรินผ่อนลมหายใจช้าๆ และเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองเผลอกลั้นหายใจไปนานเท่าใด

                ดูท่าทาง...เวลาของเธอที่นี่จะเหลือน้อยเต็มที

                หญิงสาวหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยรอยยิ้มงดงามเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ต้องชะงักเมื่อภาพของคาโลกำลังประคับประคองมีเดียที่ยิ้มหวานให้บาดลึกเข้าไปในหัวใจ บรรดาแขกเมืองก็แอบหยอกล้อการกระทำนั้นเพียงเล็กน้อยเรียกเสียงหัวเราะให้ดังขึ้นเบาๆ ขณะที่คาโลเองก็นิ่งไปก่อนจะยิ้มบางๆ

                ยิ้มอย่างที่เธอเคยได้รับเมื่อหลายปีก่อน

                แต่มันจืดจางไปนับตั้งแต่เธอมาคาโนวาล

                ตาสีฟ้าคมตวัดหันมามองคนที่เพิ่งจะขอตัวออกไปรับลมยามดึกแล้วหันกลับไปฟังสนมสาวที่กระตุกแขนเสื้อให้หันไปสนใจหล่อน เฟรินสูดลมหายใจช้าๆ เดินไปเคียงข้างคิงคาโลตามหน้าที่ของตน

                "ราชินีพระพักตร์ซีดจังเพคะ ทรงประชวรรึเปล่าเพคะ" น้ำเสียงห่วงใยของมีเดียทำให้เฟรินต้องหันมายิ้มปฏิเสธ "เปล่าหรอก คงเพราะเมื่อกี้ออกไปตากลมมากกว่า"

                ตาสีน้ำตาลเหลือบมองใบหน้าสลักที่ไม่แม้แต่จะหันมาดูอาการหล่อน ความน้อยใจที่พยายามจะหักห้ามเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาเรื่อยๆ

                "ยังไงให้นางกำนัลตามหมอหลวงมาดีไหมเพคะ ถ้าราชินีทรงประชวรไปประชาชนคงเป็นห่วง" มีเดียเอื้อมมือของตนแตกเข้ากับมือขาวซีดของเฟริน ภาพเมื่อครู่แล่นปราดเข้ามาในความรู้สึกส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาโต้กลับอย่างที่เฟรินไม่ต้องการให้เกิด

                เพี้ยะ!!

                เสียงพูดคุยเงียบกริบลงทันที สายตานับสิบคู่จับจ้องมายังร่างโปร่งบางที่ยืนนิ่งงันที่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรที่ไม่สมควรจะทำลงไปเสียแล้ว

                "ขออภัย ดูเหมือนฉันจะไม่สบายจริงๆ ต้องขอตัวไปพักผ่อนเสียหน่อย" เสียงหวานรัวเร็วแทบจะไม่เป็นประโยค กิริยานุ่มนวลสง่างามเหมือนจะถูกโยนทิ้งพร้อมๆ กับที่เธอสะบัดมือมีเดียออก

                เธอไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นแตะต้องเธอ!!

                เฟรินยิ้มจางแล้วหันหลังกลับเดินออกจากงานเลี้ยงทันที เสียงพูดคุยพึมพำดังเบาๆ อย่างไว้มารยาทถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

                "ราชินีทรงไม่พอพระทัยหม่อมฉันแน่ๆ เลยเพคะ" มีเดียกระซิบเสียงเศร้า ตาสีเขียวมองไปยังทิศทางที่เฟรินเพิ่งจะเดินออกไปเมื่อครู่ คาโลไม่ตอบอะไรเพียงแต่มองไปทางเดียวกับมีเดียเงียบๆ

                "เดี๋ยวหม่อมฉันลองไปคุยกับราชินีดีกว่าเพคะ ปล่อยไว้อย่างนี้ทั้งราชินีทั้งหม่อมฉันต่างไม่สบายใจทั้งคู่" มีเดียยิ้มบาง พร้อมกับย่อตัวต่ำ หันมาเอ่ยขอตัวกับแขกเมืองแล้วเดินออกจากงานเลี้ยงไปบ้าง

     

                กลิ่นหอมหวานของดอกไม้บางชนิดที่ส่งกลิ่นหอมยามค่ำคืนดูจะไม่ได้ช่วยปลอบโยนร่างบางที่นั่งเหม่ออยู่แม้แต่น้อย เสียงแมลงร้องดังเบาๆ ขับขานเป็นท่วงทำนองไพเราะ อาจจะมากกว่าเครื่องดนตรีชั้นสูงราคาแพงบางชิ้นเสียด้วยซ้ำ

                เธอไม่ได้ตั้งใจจะปัดมือมีเดีย...

                อย่างน้อยก็ต่อหน้าราชทูตจากทั้งยี่สิบกว่าประเทศนั่น

                เหมือนนี่จะเป็นครั้งในรอบหลายปีที่ร่างกายทำในสิ่งที่ตรงกับใจ

                "ราชินีเพคะ" น้ำเสียงหวานใสดังให้เฟรินจำต้องหันกลับมายิ้มอย่างเสียไม่ได้ ร่างโปร่งบางยืนขึ้นขณะที่มีเดียก้าวเข้ามาย่อตัวหยุดยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว

                "เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วย" คนฟังยิ้มส่ายหน้า "มิได้เพคะ หม่อมฉันเองก็ผิดที่บังอาจแตะตัวราชินี"

                "ไม่หรอก ฉันผิดเอง ว่าแต่เจ้าของงานออกมาแบบนี้ แขกเหรื่อเขาไม่ว่าอะไรเหรอ" มีเดียยิ้มส่ายหน้าอีกครั้ง "พอดีว่าหม่อมฉันมีบางอย่างที่อยากให้ฝ่าบาททอดพระเนตรทั้งอยากขอพระราชทานอภัยโทษกับราชินีเลยปลีกตัวออกมาเพคะ"

                "งั้นเหรอ" เฟรินรับคำพยายามไม่ใส่ใจว่าอะไรที่เจ้าหล่อนอยากให้คาโลดู แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดเช่นนั้น มีเดียขยับมือเล็กน้อยคลี่เอากระดาษแผ่นเล็กที่อยู่ในมือออกวางบนโต๊ะสีขาว รอยดินสอขีดเป็นรูปร่างคร่าวๆ พร้อมข้อความรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

                มันคือภาพร่างของสร้อยคอ

                และเฟรินจะไม่แปลกใจเลยถ้าสร้อยเส้นนี้จะถูกทำออกมาอย่างดีเลิศที่สุดจากฝีมือช่างที่ดีที่สุดในเอเดน

                "สวยดีนะ" เธอชมจากใจจริง หัวใจเต้นรัวกับความกลัวบางอย่างที่เข้ามาเกาะกุม มีเดียยิ้มกว้างราวกับเด็กน้อยที่ถูกผู้ใหญ่ชมว่าเป็นเด็กดี "จริงเหรอเพคะ! ดีใจจัง นี่เป็นแบบที่ฝ่าบาทให้ร่างไว้สำหรับสร้อยคอเส้นใหม่เพคะ ถ้าราชินีทรงโปรด ฝ่าบาทคาโลก็คงทรงโปรดเช่นกัน"

     

                ...หัวใจเธอหยุดเต้น...

                หินสีแดงสดงดงามผุดวาบในความทรงจำ

                "อันที่จริงแล้วหม่อมฉันตกใจอยู่เหมือนกันเพคะ จู่ๆ ฝ่าบาทคาโลก็บอกให้ร่างแบบสร้อยคอสำหรับประดับหินทับทิมของราชินีคาเลียร์ พระมารดาของฝ่าบาทคาโล" มีเดียยังคงพูดต่อไปไม่ได้สังเกตว่าสีหน้าคนพูดตอนนี้ซีดเผือดลงแค่ไหน

                ...ทับทิมของแม่คาโล...

                ...ทับทิมของอดีตราชินีแห่งคาโนวาล...

                เฟรินกัดริมฝีปากของตนแน่น เธอเข้าใจความหมายของการกระทำที่ห่างเหินนั่นทั้งหมดแล้ว

                "ถ้าท่านใส่คงงามน่าดู" มีเดียเงยหน้าสบตาสีน้ำตาลประกายเรียบนิ่งก่อนจะยิ้มกว้าง

                "หม่อมฉันก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเพคะ" เฟรินพยักหน้ายิ้มก่อนเอ่ย "รีบเอาไปให้คาโลดูเถอะ ฉันว่าถ้าเขารู้ว่าแบบเสร็จแล้ว พรุ่งนี้คงส่งคนนำออกไปให้ช่างตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง" มีเดียหัวเราะกับคำพูดติดตลกนั้น

                "ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ"

                ..................

                "เฟริน" เสียงทุ้มต่ำกระตุกหัวใจเจ้าของชื่อให้หันไปมองผู้ที่ก้าวเข้ามาอยู่ใต้ศาลาหลังนี้ แสงจันทร์ข้างขึ้นฉายให้เห็นถึงโครงหน้าเข้มสลักเรียบเฉย เฟรินกระตุกยิ้มหันมาเผชิญหน้ากับคาโลเต็มตัว

                เอาสิ...เมื่อกี้ก็คนนึง นี่ก็อีกคนนึง

                ผ่านคืนนี้ไปหัวใจเธอจะเหลือซักกี่ส่วนกันนะ

                "จะมาต่อว่าอะไรล่ะ" น้ำเสียงใสราบเรียบเหมือนไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับทีท่าที่ไม่สมควรที่เพิ่งแสดงออกไปเมื่อครู่ ตาสีฟ้าเพ่งมองใบหน้าหวานนั้นนิ่งก่อนเอ่ย

                "ทำไมถึงทำอย่างนั้น" เฟรินยกยิ้มมากขึ้น

                นั่นยังไง...อย่างที่เธอคิด

                คนตรงหน้าไม่ได้มาเพราะเป็นห่วงเธอ แต่เพราะห่วงถึงหน้าที่ที่เธอต้องแบกรับต่างหาก

                "มือมันเย็น จู่ๆ ก็โดนของที่อุ่นกว่ามันเลยสะดุ้งก็แค่นั้น" คำโกหกที่ฟังยังไงก็แย่เสียยิ่งกว่าการนิ่งเงียบทำให้นัยน์ตาคมนั้นวาววับขึ้นมาเพียงครู่หนึ่ง

                "แล้วเจ้าของงานออกมาแบบนี้แขกเขาจะว่ายังไง" เฟรินถามพลางปรายตามองร่างสูงที่ยังคงยืนเฉย

                ไม่ก้าวเข้ามา...และไม่ถอยออกไป

                "ถ้าไม่สบายก็ควรจะพักผ่อน" น้ำเสียงห่วงอาทรเผลอทำให้เฟรินชะงักไป ขอบตาร้อนผ่านแทบจะทันที เธอหัวเราะเบาๆ เสหน้าหันหลังมองออกไปด้านนอกแทน "ฉันว่านายเป็นห่วงมีเดียจะดีกว่า กำลังท้องกำลังไส้"

                "เขากับนายไม่เหมือนกัน"

                แปล๊บ!

                เฟรินหัวเราะแผ่วพยักหน้าช้าๆ สูดลมหายใจลึกกับคำถามที่ค้างคาในใจ

                "หินสีแดงนั่น...ทำไมถึงไม่บอกว่าเป็นของแม่ของนาย"

                ".............................."

                ความเงียบที่เฟรินไม่ปรารถนาเข้าปกคลุมพื้นที่เล็กๆ ที่พวกเธอกำลังยืน เฟรินอยากกรีดร้องอย่างที่ไม่เคยคิดอยากจะทำเพื่อให้ความรู้สึกบ้าๆ นี้หายไปจากใจ ให้ความเงียบที่น่าอึดอัดนี่จบลงเสียที

                สำคัญที่สุดคือคำตอบจากปากของคนตรงหน้า

                ตาสีน้ำตาลสบกับตาสีฟ้าอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน เธอยังคงอ่านมันไม่ออก กำแพงภายในดวงตาคมคู่นั้นเธอยังไม่สามารถเจาะทะลุเข้าไปได้

                ...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...

                "ไม่มีความจำเป็นต้องบอกนาย"

     

                ตุบ..

                เฟรินทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างหมดแรงที่จะยืน ก้อนแข็งจุกเข้าที่คอจนขื่นไปหมด คาโลเดินออกไปตอนไหนเธอไม่รู้ ประโยคหลังจากนั้นคุยอะไรกันต่อเธอจำไม่ได้

                สมองขาวโพลน

                น้ำตาไหลรินอาบสองแก้มบางช้าๆ

                นั่นคือคำตอบของนายสินะ...คาโล

                ทับทิมสีแดงสวยงาม

                ...หินแห่งราชินี...

                ราชินี...ที่ไม่ใช่เธอ



    *******************************************TBC...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×