ตอนที่ 18 : "ชุดใหม่"
"ดึกป่านนี้แล้ว มานั่งทำกระไรอยู่ มิหลับมินอนหรืออย่างไรกัน" เสียงจากผู้มาเยือน เรียกให้หญิงสาวละความสนใจจากตำราในมือ หันไปตามเสียงทัก
"คุณ......"เธอเอ่ยเมื่อหันไปเห็นว่าใครกันที่มาทักเธอเอาป่านนี้ ที่แท้ก็คนที่ทำให้เธอว้าวุ่นใจมาหลายวันนี่เอง "อ่านตำรา" เธอตอบพร้อมกับยกตำราในมือให้เขาดู
"ต้องอ่านดึกดื่นถึงเพียงนี้เชียวรึ"
"เปล่าหรอก แค่นอนไม่หลับ ก็เลยออกมาหาอะไรทำ" เธอตอบก่อนจะถามต่อ "ว่าแต่คุณเถอะ ออกมาทำอะไรดึกป่านนี้ ทำไมไม่ไปพัก"
"ฉันยังมิง่วง"
"แล้ว.......แผลเป็นยังไงบ้าง" เธอถามต่อ
"ดีขึ้นมากแล้ว"
"งั้นก็ดีแล้ว ดีแล้วที่คุณยังไม่ตาย" เธอบอก
"ฉันมิตายง่ายๆดอก ฉันเก่งเรื่องมีชีวิตอยู่นะ" ชายหนุ่มแกล้งพูดเล่น ก่อนจะเอ่ยคำถามต่อ "มิร้องไห้อยากกลับบ้านแล้วรึ" เขาถามเมื่อเห็นว่าสาวเจ้าไม่ได้โวยวายร้องไห้อยากกลับบ้านเหมือนเมื่อหลายวันก่อน เธอชะงักเล็กน้อยกับคำถามแทงใจ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรู้สึกปลง
"ไอ้อยากกลับก็อยากอยู่หรอก แต่จะทำยังไงในเมื่อมันยังกลับไปไม่ได้" เธอก้มหน้าตอบด้วยความรู้สึกจนใจ
"รอหน่อยเถิดนะ หากสถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ฉันจักพาแม่ไปส่งเอง" เขาขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้น แต่ยังคงรักษาระยะห่างอยู่
"ไม่รู้จะมีโอกาสได้กลับไปรึเปล่า" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะสิ้นหวัง
"เหตุใดกล่าวเช่นนั้น"
"บอกไปคุณก็ไม่เข้าใจอยู่ดี"
"มิลองบอกมาก่อนเล่า"
"คือ............" วาดดาวมองหน้าเขา เธอช่างใจก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกไป "คุณเชื่อเรื่องย้อนเวลาไหม ถ้าฉันบอกว่าฉันย้อนเวลามาจากอนาคตอีกสองร้อยกว่าปีข้างหน้าล่ะ"
"อนาคต ?" ชายหนุ่มทวนคำของหญิงสาวด้วยสีหน้างุนงง
"ที่นี่คืออดีตสำหรับฉัน ที่ที่ฉันจากมา คืออนาคตของพวกคุณ คุณเข้าใจไหม" เธอพยายามอธิบายแต่คนฟังดูเหมือนจะไม่เข้าใจที่เธอพูด เธอจึงถอดหายใจอย่างปลงอนิจจังเมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้า "เห็นไหม คุณก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ใช่สิ ใครจะไปเข้าใจ ฉันเองยังไม่เข้าใจเลย มีหวังคงได้ติดอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตแน่เลย ถ้าไม่ถูกฆ่าตายไปเสียก่อนนะ” เธอพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ก่อนจะก้มหน้าซุกกับมือตัวเองด้วยความสิ้นหวัง เห็นทีหนทางที่เธอจะได้กลับไปคงจะมืดมนเต็มที ในเมื่อตัวเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง ส่วนชายหนุ่มนั้นทำได้แค่ยืนมองหญิงสาวตรงหน้าที่พูดเองเออเองอยู่คนเดียวด้วยความไม่เข้าใจ เขาคิดว่าบางทีเธออาจจะกลัวจนเสียสติไปแล้วก็ได้
วาดดาวยังทำกิจวัตรประจำวันของเธอดังเช่นที่ผ่านมา คือการทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลาในโรงหมอนั่นเอง วันนี้หมื่นพิทักษ์มาหาเธอที่โรงหมอแต่เช้า พร้อมกับห่อผ้าบางอย่างส่งให้เธอ
"นี่อะไร" วาดดาวถามขึ้นหลังจากรับของจากคนตรงหน้าแล้วรื้อออกมาดู และเห็นเป็นผ้าหลายผืนด้วยกันในนั้น
"คุณหลวงท่านเห็นแม่ใส่อาภรณ์เดิมๆ มาหลายเพลาแล้ว คิดว่าแม่คงอยากเปลี่ยนบ้าง จึงสั่งให้ฉันเอามาให้"
"นี่ชุดเหรอ ฉันเห็นว่ามันเป็นแค่ผ้า ผ้า แล้วก็ผ้า เท่านั้น" เธอบอกขณะที่หยิบเอาผ้าที่หมื่นพิทักษ์บอกว่าเป็นชุดขึ้นมารื้อออกดู ก็เห็นว่าเป็นเพียงผ้าผืนเล็กผืนใหญ่ ขนาดต่างกันเท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรที่บอกว่าเป็นชุด อย่างที่เขาบอก
" ก็ผ้าพวกนี้ใช้นุ่งห่มเป็นชุดอย่างไรเล่า หญิงทั่วไปก็ใส่กันเช่นนี้ มิเห็นรึ" หมื่นพิทักษ์ว่าพร้อมชี้ไม้ชี้มือให้เธอดูว่าผู้หญิงคนอื่นๆก็แต่งกายด้วยการนุ่งโจงกระเบนผ้าคาดอกกันทั้งนั้น
"คุณจะให้ฉันใส่แบบนั้นเหรอ" เธอถามย้ำอีกครั้ง หมื่นพิทักษ์พยักหน้ารับทันที "ไม่เอา ไม่ใส่หรอก ใส่เป็นซะที่ไหน" วาดดาวส่ายหน้าพัลวันพร้อมกับวางผ้าในมือลง
"อ้าว! เหตุใดจึงมิใส่เล่า"
"ใส่ไม่เป็น เกิดมาเคยใส่ที่ไหนกัน ไม่เอา ฉันไม่ใส่หรอก เอากลับไปเถอะ" เธอยืนยันหนักแน่น
"มิใส่แล้วแม่จักเอาผ้าที่ไหนเปลี่ยนกันเล่า จักใส่ชุดนี้ไปตลอดรึ คงมิดีกระมังแม่" วาดดาวมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่ นี่เธอใส่ชุดนี้มากี่วันแล้วนี่ ก็จริงอย่างที่เขาว่า จะให้ใส่ชุดนี้ไปตลอดได้อย่างไร แต่จะให้นุ่งโจงห่มสไบเธอก็คงไม่เอาแน่
"ไม่มีชุดอื่นเหรอ" เธอถาม แต่คนถูกถามกลับส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
"ที่นี่ค่ายทหารนะ จักให้ไปหาอาภรณ์สวยๆได้จากที่ใด ที่หาได้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ"
"ฉันไม่ได้อยากได้ชุดสวย แค่อยากได้ชุดที่หาใส่ได้ง่ายๆ ไม่ต้องหาวิธีใส่ให้มันยุ่งยาก เดินยากนั่งยากแบบชุดพวกนี้"
"ชุดกระไรของแม่ มิมีดอก" เขาปฏิเสธ วาดดาวหยุดใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
"มีสิ" เธอบอกพร้อมกับยิ้มออกมาเหมือนคิดอะไรได้ จนคนที่ยืนดูอยู่แสดงสีหน้าสงสัยออกมา
"นี่แม่แน่ใจรึว่าจักใส่ชุดนี้จริงๆ" หมื่นพิทักษ์ถามเมื่อยืนมองชุดที่หมอสาวใส่อยู่
"นั่นสิ จักดีรึแม่" ขุนเวชฯถามขึ้นอีกคนเมื่อเห็นชุดที่หญิงสาวเลือกจะหยิบมาใส่แทนชุดที่หมื่นพิทักษ์นั้นจัดหามาให้ในตอนแรก
"แน่ใจสิ" เธอตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้บุคคลทั้งสองที่มองดูเธอด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก
"แต่นี่มันชุดพลทหารนะแม่" หมื่นพิทักษ์เอ่ยขึ้น เขาต้องกลับไปหยิบเอาชุดพลทหารมาให้เธอหลังจากที่เธอยืนยันว่าอยากจะได้ชุดทหารมาใส่แทนชุดที่เขาเพียรหามาให้ เขาถามย้ำหลายครั้งว่าเธอจะใส่มันจริงหรือ ก็ได้คำตอบยืนยันหนักแน่นว่าเธอต้องการจะใส่มันจริงๆ เขาจึงต้องให้มันกับเธอ
หญิงสาวหน้าตาสวยหวาน ดวงหน้ารูปไข่ ผิวพรรณผุดผ่อง แม้ตอนนี้อาจจะดูคล้ำลงไปบ้างเพราะต้องบุกป่าฝ่าดงอยู่หลายวัน แต่ความสวยก็มิได้ลดน้อยลงไปเท่าใดนัก แก้มอมชมพูผ่องยามต้องแสงแดด ดวงตากลมโตสดใสที่กำลังพราวระริกยามแย้มรอยยิ้ม ถึงแม้เวลานี้จะไร้เครื่องสำอางใดๆบนใบหน้า แต่ก็ยังดูสวยเป็นธรรมชาติชวนมอง ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกมัดเก็บไปไว้ด้านหลังอย่างง่ายๆ เพื่อให้ดูทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้น หญิงสาวที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างเริงร่าภูมิใจกับชุดที่ใส่เสียเหลือเกิน ขณะที่คนดูทั้งสองต่างลงความเห็นว่ามันช่างดูแปลกประหลาดเสียจริงๆ นี่ถ้าคนที่สั่งให้เอาชุดมาให้เธอเปลี่ยนเห็นเข้า มีหวังเขาได้โดนเคาะกระบาลเป็นแน่
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สรุปว่าอ่านได้ยังไง เรื่องภาษาก็หนึ่งล่ะ อีกเรื่องก็ความสว่าง ถ้าดึก ไม่มีไฟฟ้า แล้วจุดเทียนกลางแจ้ง เทียนน่าจะดับ ใช้ไต้ก็ไม่น่าสะดวก ช่วงสงครามน่าจะต้องพรางฟืนไฟ