ตอนที่ 16 : บทที่ 15
“ข้ารู้อยู่แล้ว วางใจเถอะ บอกแล้วว่าข้าไม่มีวันโกรธ... อะไรนะ เจ้าว่าอะไรนะอี้เอ๋อร์” หลิวไป๋หลงกลั้นใจตอบอีกครั้งอย่างหมดหวัง ก่อนจะทวนประโยคของเหออี้ผิงใหม่อีกครั้งแล้วพบว่าไม่ใช่อย่างที่ตัวเองกลัวเลยแม้แต่น้อย หัวใจที่ไม่เคยเต้นอีกเลยหลังจากตายไปหลายปีกลับเหมือนฟื้นคืนมาอีกครั้ง
แต่แล้วความรู้สึกผิดก็ย้อนมาทำร้าย เพราะเมื่อเหออี้ผิงตัดสินใจยอมรับวิวาห์กระดูกนี้ มีทางเลือกเพียงยอมตายเพื่อให้บรรลุการแต่งงานนี้เท่านั้น แววตาที่เพิ่งวาวโรจน์ด้วยความดีใจกลับแปรเปลี่ยนเป็นความปวดร้าว อีกฝ่ายที่ยังมองอยู่ก็เข้าใจได้ในทันทีโดยไม่ต้องเอ่ย จึงรีบปลอบใจความเศร้านั้นด้วยคำยืนยันว่า
“ข้าเป็นคนเลือกเอง หาใช่ท่านพี่บังคับไม่ ท่านไม่ควรต้องรู้สึกผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าผ่านช่วงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างความเป็นและความตายมาหลายครา ตั้งแต่เด็กก็ต้องเลือกว่าจะยอมตายอย่างหิวโซหรือติดตามคุณหนูเพื่อมีชีวิตรอด พอโตมาก็ต้องเลือกว่าจะยอมตายเพื่อทดแทนบุญคุณหรือหนีไปเสีย แต่ข้าก็เลือกที่จะอยู่...”
“นั่นเพราะการเลือกก่อนหน้านั้นของเจ้า ไม่ได้หมายความถึงว่าเจ้าจะต้องอยู่ไปชั่วนิรันดร์ ต่อให้เจ้าต้องการมากแค่ไหนก็ตาม ข้ายอมแลกทุกอย่างเพื่อได้เป็นอิสระจากที่แห่งนี้ แล้วเจ้ายังจะดิ้นรนเข้ามาอีกอย่างนั้นหรือ ทำไมเจ้าโง่งมเพียงนี้”
“ท่านอยากออกไปก็เพราะไม่มีสิ่งใดให้อาวรณ์ ไม่มีสิ่งสำคัญมากพอจะยอมแลกกับทุกสิ่ง แต่ข้ามี...” เหออี้ผิงไม่อยากเห็นสามีต้องเจ็บปวดกับความรู้สึกผิดอีกแล้ว ตนขยับเดินเข้าไปหาอย่างไร้ความกลัวต่างจากตอนที่รู้ความจริงและกลัวอย่างไร้สติ
คนทั่วไปย่อมเป็นเช่นนั้น เหออี้ผิงเองก็เป็นคนธรรมดาจึงไม่แปลกที่ยากจะยอมรับได้ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เมื่อเฉลียวใจพิจารณาถึงสิ่งที่ตนเผชิญมาตลอดหลายวัน มองเพียงหลิวไป๋หลงก็พบว่า ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองได้เริ่มผูกพันแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรก็ตาม จะวิญญาณ ภูตผี ปีศาจ หรือต่อให้เหนือชั้นไปกว่านั้นทั้งพวกเซียน หรือเทพเจ้าก็ตาม
เหอรั่วซีชื่นชอบโรงเล่านิทานยิ่งนัก เหออี้ผิงที่คอยติดตามไปด้วยเสมอจึงมักได้มีโอกาสดูเช่นเดียวกัน ละครจำพวกความรักไร้ชนชั้นหรือแม้แต่เรื่องที่เหนือการควบคุมทั้งหลายบนโลกมนุษย์นี้ หลังจากจบตนใคร่ครวญตามเสมอแล้วพบว่าไม่สำคัญว่าใครเป็นอะไรแต่คนที่เรารักต่างหากเล่าที่สำคัญ
“ข้ามีท่าน” เหออี้ผิงขยับตัวแล้วโอบกอดสามีเอาไว้ แนบใบหน้าลงบนอกข้างซ้ายที่แม้ไร้เสียงเต้นของหัวใจแต่กลับรู้สึกอบอุ่นแหละปลอดภัยยิ่งนัก
หลิวไป๋หลงยืนตัวแข็งราวท่อนไม้ ทั้งไม่คาดฝันและไม่กล้าหวังสิ่งใด
“หรือข้ากำลังฝันอยู่”
ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ หลิวไป๋หลงตายไปนานหลายปีแล้ว ถึงจะลงไปนอนอยู่ในโลงบ้างเป็นบางครา แต่ก็ใช่ว่าเป็นนอนหลับเช่นเดียวกับมนุษย์แล้วจะมีความฝันได้อย่างไร
“หะ หากท่านพี่กอดข้าตอบ ท่านก็จะรู้ว่าท่านไม่ได้ฝันไป” เหออี้ผิงตะกุกตะกัก ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าเอ่ยเชิญชวนออกมาเช่นนั้น ใบหน้าแดงระเรื่อร้อนผ่าวด้วยความขวยเขิน แม้จะแนบลำตัวใกล้อยู่กับเรือนร่างเย็นเฉียบของหลิวไป๋หลงก็อาจคลายความรุ่มร้อนให้ลดลงได้
“ข้าไม่…”
เหออี้ผิงแอบผิดหวัง ไม่คิดว่าหลิวไป๋หลงจะดื้อดึงเพียงนี้ หากไม่ต้องการให้ตนอยู่ไม่สู้บอกตั้งแต่แรกเข้าหอ ไม่ใช่ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานมาถึงขั้นร่วมเตียงได้รู้จักมักคุ้นกันแล้ว สิ่งที่รู้สึกไปแล้วจะเรียกคืนกลับมาได้อย่างไร
“ข้าไม่กอด…” หลิวไป๋หลงยังย้ำคำเดิม แต่เลื่อนมือมาจับปลายคางของเหออี้ผิงให้เงยขึ้นประทับริมฝีปากลงอย่างอ่อนโยนชั่วครู่ก็ผละออก จ้องมองใบหน้าที่กำลังงุนงงสงสัยด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
“แต่จะกินเจ้าแทน”
คนฟังปรับอารมณ์ตามไม่ถูก เมื่อครู่บทสนทนาเต็มไปด้วยความเครียดจริงจัง หลิวไป๋หลงเจ็บปวดจนตนทนไม่ได้อยากจะเข้าไปกอดปลอบโยน แล้วเหตุใดเปลี่ยนไปเป็นสถานการณ์เช่นนี้ได้เล่า
“เมื่อครู่ข้ารู้สึกคอแห้งอยากจะดื่มชาสักถ้วย เสี่ยวหยวน... เจ้าช่วยไปชงชาให้ที” เหออี้ผิงร้องหาคนช่วยทันที แต่ตะโกนดังอย่างไรก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ตนนึกขัดใจนักในเมื่อเป็นวิญญาณเหตุใดไม่มาให้เร็วหน่อย ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะบ่นหาอะไรก็มีเสี่ยวหยวนมาคอยรับใช้ให้ตลอด หลิวไป๋หลงคลี่ยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะบอก
“เสี่ยวหยวนเป็นบ่าวรู้หน้าที่ หากข้าไม่สั่งเขาไม่มีวันออกมาให้เจ้าเห็นหรอก ช่วงนี้เสี่ยวหยวนมาให้เจ้าเห็นบ่อยครั้งก็เพราะข้าอยู่เฝ้าเจ้าตลอดเวลาต่างหากเล่า อี้เอ๋อร์”
“ที่แท้แล้ว...” เหออี้ผิงควรจะรู้สึกเช่นไรในเวลานี้ ที่ผ่านมาไม่ว่าตนจะบ่นหรือพูด แสดงท่าทางอะไรออกไปล้วนอยู่ในสายตาของสามีทั้งสิ้น ไม่อยากจะคิดเลยว่าหลงทำอะไรไม่สมควรไปบ้าง “ท่านพี่ได้ยินอะไรไปบ้าง...”
“ไม่มากมาย ก็อย่างเช่น... ร่วมเตียงเจ็บเจียนตายเช่นนี้เหตุใดสตรียังวุ่นวายอยากจะออกเรือน หรือไม่ก็ เข้าหอแล้วแต่ท่านพี่มาหายหน้าไป หรือว่าจะไม่พึงใจกัน แล้วก็...” หลิวไป๋หลงขยับริมฝีปากจะพูดต่อ แต่เหออี้ผิงรีบยกมือปิดไม่ยอมให้เอ่ยออกมาอีกแล้ว
“พอ พอแล้ว ท่านไม่ต้องเอ่ยถึงทุกเรื่องก็ได้ เท่านี้ข้าก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว”
“ก็ซบลงบนอกข้าอย่างไร อี้เอ๋อร์” หลิวไป๋หลงบอกอย่างอ่อนโยนพร้อมกับโอบศีรษะของเหออี้ผิงให้ซบมาบนอก ก่อนจะถอนใจเมื่อคิดได้ว่า ร่างกายเย็นเชียบนี้ไม่อาจให้ความอบอุ่นให้แก่คนรักได้
“ท่านพี่ยังมีเรื่องไหนไม่สบายใจ”
“ร่างกายข้าเย็นชืดเช่นศพ ต่อให้เจ้าหนาวเหน็บแค่ไหนข้าก็ไม่อาจให้ความอบอุ่นได้”
“ความรู้สึก แค่รู้สึกก็พอ ข้าอบอุ่นเสมอเมื่อมีท่านพี่อยู่ด้วย” เหออี้ผิงอยากคลายความทุกข์ใจให้แก่สามีได้บ้าง หากไร้ซึ่งความรู้สึกแล้วแม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยเลือดเนื้อก็ไม่มีความหมายใด
“ธาตุหยางในกายเจ้าคงมากเกินไป ไม่สู้แบ่งปันมาให้สามี”
“ท่านนี่ช่าง... พูดเรื่องใดก็วกเข้าหาเรื่องบนเตียงเช่นนี้ ต่อให้ท่านไม่อายข้าก็ใช่ไม่รู้สึก...” เหออี้ผิงอดไม่ไหวจำต้องต่อว่าเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นต่อไปคงจะปรามยากแล้ว
“ใครใช้ให้เจ้าแต่งงานให้กับวิญญาณมากตัณหาเล่า จะโทษก็โทษที่เจ้าไม่เลือกจะออกไปเถอะอี้เอ๋อร์...” หลิวไป๋หลงตัดบทด้วยการรวบลำตัวของภรรยาขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนก่อนจะพากลับไปที่เรือน เหออี้ผิงก็ได้แต่ซบหน้าลงใช้มือโอบรอบลำคอเอาไว้กันตก
เรื่องในคฤหาสน์หลิวจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคตไปเสีย ขอเพียงหลิวไป๋หลงเข้าใจความรู้สึกของตน เหออี้ผิงคนธรรมดาผู้นี้จะยืนอยู่เคียงข้างไม่มีวันยอมจากไปไหน ต่อให้อีกฝ่ายออกปากไล่เพราะความหวังดีก็ตาม
“ท่านพี่... ครานี้ให้ข้าสัมผัสท่านได้หรือไม่”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

5555 เดี๋ยวได้เจอยัยน้องสายยั่วแน่ๆ!