ตอนที่ 48 : สามีภรรยาที่ก้าวเดินไปด้วยกัน 48 : ผู้เห็นเหตุการณ์
"จะตายแล้วพี่ล่ะ จะทิ้งพี่ไปเหรอไง จะทำแบบนั้นอีกงั้นเหรอเฉินอวี่เฉิง!"
"ฮะ!?"
เสียงหัวใจเต้นแรงดังอยู่ข้างหู ราวกับอกซ้ายถูกเคาะแรง ๆ ขณะที่ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เฉินอวี่เฉิงหายใจกระตุก เขานิ่งอึ้งไปในทันทีเมื่อได้ฟังประโยคไต่ถามนั้น ด้วยรู้สึกเหมือนถูกคำพูดของหลี่หยางสวินกระชากตนเองให้ตื่นจากภวังค์น้ำตา
ทิ้ง.. ไปอีก?
คำถามของคนตรงหน้าดังก้อง ขณะที่เราสองจ้องมองกันตาไม่กะพริบ เฉินอวี่เฉิงขยับริมฝีปากคล้ายอยากจะตะโกนทักท้วงแต่ไร้เสียงใด ๆ ออกมา ภาพความทรงจำเกี่ยวกับคำสัญญาหนึ่งวาบผ่าน ขณะที่ในหัวของเขามีแต่เสียงหึ่ง ๆ วนเวียนไปมาจนถึงกับลืมสิ่งที่อยากพูดไปแล้ว ร่างเพรียวนิ่งงัน แม้กำลังร้องไห้แต่กลืนก้อนสะอื้นทั้งหมดไว้ แม้น้ำตายังจะไหลแต่เสียงร้องไห้ก็กลายเป็นความตกตะลึง
"ไม่ ผมไม่ทำแบบนั้น.. ไม่ใช่"
ไม่ได้ตั้งใจให้คิดแบบนั้น ไม่เคยต้องการทอดทิ้งคนที่รักไปไหน เฉินอวี่เฉิงเมื่อได้สติมาก็พยายามหาถ้อยคำอธิบายตนเองพลางมองใบหน้าคมคายของผู้ชายที่เขารักตาไม่กะพริบ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตรายบางอย่างขณะคำถามของอีกฝ่ายยังคงดังก้องอยู่ในหัว ทิ้งไปอีก คำพูดนั้นของหลี่หยางสวินทำให้เขาคิดถึงการกระทำในอดีตที่ผ่านมา คิดถึงตัวเองที่ทำแบบนั้น
ไม่ทำหรอก ไม่ทำแน่ ๆ เฉินอวี่เฉิงไม่ทิ้งแน่นอน เขาก็แค่ต้องการปกป้องลูก ที่ดื้อรั้นอาละวาดโวยวายอยู่ก็เพราะไม่อยากเสียเด็กคนนี้ไป มันน่ารำคาญเขารู้ แต่เฉินอวี่เฉิงก็ต้องการยืนยันความต้องการของตนให้ถึงที่สุด เขาต้องการจะปกป้องลูกเอาไว้ให้ได้และไม่คิดจะทิ้งใครไป มันมีแค่นั้นจริง ๆ
“พี่หยางสวิน.. พี่.. พี่พูดอะไร พี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้จะทิ้งพี่ไปจริง ๆ นะ”
เอ่ยปากยืนยันซ้ำอีกครั้งพลางมองหน้าผู้ชายที่ตนรัก ในใจของเฉินอวี่เฉิงทั้งเจ็บปวดและร้อนรน เขาไม่รู้ว่าความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ต้องรีบหาทางแก้ไขไม่ผิดแน่ เขาจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาดเพราะหลี่หยางสวินคือคนที่ตนตั้งใจจะรักและดูแลตลอดไป รอยแผลของพี่หยางสวินคือผลจากการกระทำโง่ ๆ ของเขา เขาถึงได้หวนกลับคืนมาเพื่อขอรักและตอบแทนอีกฝ่าย เฉินอวี่เฉิงไม่คิดจะทิ้งแน่ ๆ ไม่คิดจะปล่อยให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมที่หลี่หยางสวินถูกทรยศหักหลังและยังถูกตนทอดทิ้งให้อยู่เดียวดาย หลี่หยางสวินคือคนที่เฉินอวี่เฉิงต้องการจะไถ่โทษ ทั้งยังพยายามมานานกว่าจะได้หัวใจ ได้ขอโทษ ขออภัย ได้เป็นภรรยาที่ดี... มันไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งอีกฝ่ายไปอยู่แล้ว
กี่เดือนต่อกี่เดือนแล้วที่ยืนยันความต้องการของตัวเอง ทั้งพยายามและทุ่มเทมาขนาดนี้ พี่หยางสวินก็ต้องรับรู้และเข้าใจอยู่แล้ว.. ใช่ไหม?
"พี่หยางสวิน” จู่ ๆ ความหวาดกลัวบางอย่างก็พุ่งเข้ามาในอก เฉินอวี่เฉิงกลืนน้ำลาย “พี่.. ตอบผมหน่อยสิ"
สิ่งที่ได้รับมีเพียงความเงียบ
"ผมไม่คิดจะทอดทิ้งพี่จริง ๆ นะ ผมสัญญาแล้ว ไม่สิ ผมสาบานกับตัวเองไว้แล้วด้วยซ้ำ"
"..."
"พี่เชื่อผมใช่ไหม พี่ต้องเชื่อผมสิ ผมไม่คิดจะทำแบบนั้น ไม่..."
ในใจเริ่มสับสนร้อนรนขึ้นมาแล้ว เฉินอวี่เฉิงพูดแบบนั้น เขาส่ายหน้าปฏิเสธพลางละล่ำละลักยืนยันคำตอบของตนพลางยื่นมือออกไป แต่ทันทีที่แตะชายเสื้ออีกฝ่าย ฝ่ามือกลับกระตุกเพราะพูดไปแล้วกลับตระหนักถึงความเงียบของหลี่หยางสวินรวมไปถึงวาจาอันย้อนแย้งของตน เพราะเมื่อครู่นี่เองที่ตัวเขาบอกว่าทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกและพร้อมจะตาย พร้อมจะจากไป เขาทุ่มเทเพื่อเด็กคนนี้เพราะรอยแผลในใจ แต่... แต่หลี่หยางสวินล่ะ?
เพราะแบบนี้ใช่ไหม พี่ถึงบอกว่าผมจะทิ้งพี่ไป?
ริมฝีปากสั่นระริก ดวงตาแดงช้ำจ้องมองนัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มที่บัดนี้ดูลึกล้ำไม่อาจเห็นความนัย เฉินอวี่เฉิงปวดแปลบในใจเมื่อเผชิญกับความนิ่งเฉยของคนรัก ที่เอ่ยปากถามเพราะแบบนี้งั้นเหรอ ที่เขาทำแบบนั้นหมายถึงพร้อมจะทิ้งไปใช่ไหม เพราะเลือกลูกจึงหมายถึงพร้อมจากลากันทุกเมื่อ ไปจากพี่หยางสวินที่ตัวเองบอกว่าจะอยู่ด้วยตลอดไป ความหมายมันคือแบบนั้นไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
“อึก...”
เฉินอวี่เฉิงกะพริบตา ริมฝีปากบางขยับแต่ไม่มีอะไรออกมาเพราะแววตาแสนเศร้าของหลี่หยางสวินที่กำลังถามอย่างเงียบงันว่าทำไม ถ้าไม่ทิ้งแล้วทำไมถึงบอกจะตาย ถ้าไม่ทิ้งทำไมถึงไม่อยู่ด้วยกัน ถ้าไม่อยากจะทิ้งกันไปเหมือนตอนนั้น..
"เฉินอวี่เฉิง" น้ำเสียงแหบห้าวที่เจือความรวดร้าวห่างเหินของคู่หมั้นแสนจะไม่คุ้นหู รอยยิ้มไร้อารมณ์ปรากฏบนใบหน้าคมขณะพี่หยางสวินคนดีถามออกมา
"ใครกันนะ ที่เคยบอกว่าจะรักและอยู่ด้วยกันตลอดไป"
ผมจะรักคุณคนเดียว รักเพียงคนเดียว.. เขาพูดแบบนั้น
สัญญาเอาไว้อย่างหนักแน่นว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง เคยพูดแบบนั้น เคยพูดไว้ เคยบอกออกไปจริง ๆ
“...”
อยากตอบ แต่พูดอะไรไม่ออกซ้ำร่างยังโงนเงนสั่นระริกราวกับจะล้ม ทุกความทรงจำเมื่อถูกถามถึงผุดขึ้นมา แบบนี้สินะ... ชายหนุ่มมองหน้าคนที่ตนรัก เป็นแบบนี้นี่เอง เฉินอวี่เฉิงที่จ้องมองแต่แผลของตัวเอง เห็นแต่เงื่อนปมในใจของตัวเองไม่ได้มองเลยว่าคนรอบข้างเองก็เจ็บปวด ไม่ได้มองเลยว่าเขามีแผล หลี่หยางสวินเองก็มี ซ้ำมันยังเป็นรอยแผลที่ตนสลักไว้ในใจอีกฝ่ายด้วยตนเอง
คนโกหก.. สายตาของหลี่หยางสวินราวกับกล่าวประณามเช่นนั้น ทุกคำพูดและการกระทำที่ออกมาแสดงให้เห็นแววตารวดร้าวนั้นก็เช่นกัน ดวงตาคู่นั้นราวกับอยากตัดพ้อต่อว่า ทั้งอยากถามและอยากรู้ว่าเฉินอวี่เฉิงคนนี้จะใจร้ายทิ้งกันแบบไหน ที่หลี่หยางสวินไม่ได้เป็นคุณพ่อที่ใจร้ายต้องการทำลายเด็กคนนั้นทิ้งไป เพียงแต่มันต้องเลือก และพี่หยางสวินก็เลือกเขา.. เลือกเขามากกว่าอะไรทั้งนั้น
แล้วเฉินอวี่เฉิงล่ะ เฉินอวี่เฉิงคนโง่ที่จนป่านนี้ก็ยังทำให้คนที่รักต้องเจ็บปวดน่ะ เคยทำอะไรให้หลี่หยางสวินเชื่อมั่นในตัวเขาบ้าง
"ผมเอง"
ในที่สุด หลังผ่านความเงียบงันอีกครู่ใหญ่เขาก็ตอบรับ เฉินอวี่เฉิงขบริมฝีปากสั่นระริกของตน คำถามสองคำและความเงียบของคนรักทำให้เขาเริ่มตั้งสติ ทำให้เขาเริ่มคิดและทำให้ต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาลูบหน้าแรง ๆ
ใครที่บอกว่าจะอยู่ร่วมกันตลอดไป ใครที่บอกว่าจากนี้จะไม่ทำให้หลี่หยางสวินต้องเสียใจ ใครคนนั้น.. ตอนนี้กำลังเอาแต่ร้องไห้โยเยน่าสมเพชเหมือนคนบ้า
น่าสมเพช น่าสมเพชมากจริงๆ
"เป็นผมเอง ผมบอกว่าจะอยู่กับพี่ จะไม่ไปไหน ไม่ทอดทิ้ง ไม่จากไปอีก ผมพูด แต่ตอนนี้ผมกลับจะทิ้งพี่ไป"
นี่คือการกระทำของเขา ไม่ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรแต่เฉินอวี่เฉิงก็กำลังกลับคำอีกครั้ง ไม่แปลกเลยที่พี่หยางสวินจะโกรธ ไม่แปลกจริง ๆ ที่จะถูกถามออกมาแบบนั้น มันไม่ใช่แค่ความรักความเชื่อใจหรือเรื่องที่ต้องเลือก ต้องให้ความสำคัญ แต่มันคือการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของคนที่ตนรักด้วยอารมณ์อันบ้าคลั่งของตัวเอง
เอาอีกแล้ว.. เฉินอวี่เฉิงแค่นหัวเราะ ยิ้มเย้ยตนเองในใจ ทั้งที่รู้ดีว่าจุดอ่อนของตนเองคืออะไร เขาคนที่บอกว่าจะเปลี่ยนแปลงก็ยังปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำอยู่เสมอ
“ขอโทษครับ”
เมื่อได้ทบทวนตัวเองและค่อย ๆ พิจารณาทุกอย่างด้วยเหตุผล เฉินอวี่เฉิงก็เอ่ยปากขอโทษคนรักทันที มันเป็นคำสั้น ๆ แต่หนักแน่น ไม่ได้เป็นคำพูดพล่อย ๆ ที่เกิดจากอารมณ์คลุ้มคลั่งใดแต่เป็นความจริงจากตัวเขาที่เพิ่งได้สติ ลืมตา ฟื้นกลับมาจากความปวดร้าวและหวาดกลัวในใจเพื่อคนสำคัญ
“ขอโทษครับ ผมขอโทษที่พูดคำว่าตาย ขอโทษที่บอกว่าจะตาย พี่ให้อภัยผมได้ไหม..ความจริงแล้วผมไม่ต้องการแบบนั้นเลย ไม่อยากตาย ไม่อยากจากไป ผมอยากอยู่กับพี่นาน ๆ”
เขาพูด พลางเอื้อมมือไปหาหลี่หยางสวินแล้วกุมมืออีกฝ่ายไว้ น่าแปลกที่คราวนี้มันทำได้อย่างง่ายดาย หรือความจริงมันจะง่ายมาตลอดแค่เฉินอวี่เฉิงเลิกร้องไห้โยเยกันนะ.. ชายหนุ่มครุ่นคิด จ้องมองดวงตาคมที่เริ่มทอแววอ่อนโยน
“แต่ผมก็ไม่ต้องการให้ลูกตายเช่นกัน”
“...”
“ผมขอเห็นแก่ตัวได้ไหมครับ ขอเป็นคนนิสัยไม่ดีอีกครั้งได้ไหม ผมผิดเองที่ปากพล่อย ทำอะไรตามอารมณ์ ผมไม่ดีเอง เป็นคนรักที่ใช้ไม่ได้และเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง และยังทำให้พี่เสียใจ... แต่ผมขอได้ไหม”
ขบริมฝีปากกลั้นน้ำตาเอาไว้ แม้เขาจะกลับมานิ่งและมั่นคงมากขึ้น แต่หัวใจก็ยังสั่นไหวอยู่ดีเมื่อพูดเรื่องนี้ออกไป เฉินอวี่เฉิงยิ้มขื่นกับตัวเอง เขารู้แล้วว่าผิด รู้ดีว่าตนเองทำร้ายจิตใจคนรักลงไป แต่ที่สุดตัวเขาก็ยังคงดื้อรั้น เพราะคนทั้งสองต่างสำคัญกับตน
"ผมรักพี่ รักพี่มากเหลือเกิน แต่ผมก็ตัดใจจากลูกไม่ได้จริง ๆ"
เฉินอวี่เฉิงรักหลี่หยางสวิน เขารักผู้ชายคนนี้ แม้แรกเริ่มเดิมทีความรักนี้จะมาจากการยึดติดที่เป็นผลจากแผลในชีวิตก่อนก็ตามที ที่สุดแล้วเมื่อได้มีโอกาสเริ่มใหม่และตามจีบอีกฝ่ายขึ้นมาเฉินอวี่เฉิงก็พบว่าตัวเขาตกหลุมรักไปแล้วจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อตอบแทนหรือเพราะความรู้สึกผิด ไม่ใช่บอกว่าต้องรักแต่เป็นความรักที่เกิดขึ้นมาจริง ๆ จากใจของเขา มันเริ่มขึ้นตอนไหนชายหนุ่มไม่รู้ เขารู้เพียงระยะเวลานับครึ่งปีที่ตามพัวพันกับหลี่หยางสวินมานั้นได้สร้างความรู้สึกลึกซึ้งขึ้นมา เฉินอวี่เฉิงมีรักและทุ่มเทกับความรักนั้น
เขามีรักแท้แต่สิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ในท้องนี้ก็ไม่อาจตัดใจ ถ้าต้องให้เลือกเขายังคงเลือกหลี่หยางสวินเป็นอันดับหนึ่ง แต่ตัวเขาก็คงต้องเสียสติเพราะความสูญเสียเช่นกัน
"หลี่หยางสวิน.. พี่หยางสวินเรามาพยายามด้วยกันได้ไหมครับ?"
มันเป็นการเว้าวอนครั้งสำคัญ เฉินอวี่เฉิงสูดลมหายใจลึก
“เรื่องลูก... ต่อให้โอกาสมันน้อยแค่ไหน ต่อให้ต้องทำอะไร ผมก็จะ... ขอพยายามให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด ผมจะไม่ทำร้ายตัวเอง แต่ผมจะทุ่มเทและใส่ใจ จะทำให้เต็มที่เหมือนกับตัวผมที่พยายามจนได้รับโอกาสจากพี่.. และถ้า.. ถ้า.. ตอนนั้น”
“เฉิงเฉิงพอแล้ว อย่าทำหน้าแบบนั้น”
ท่ามกลางความพยายาม พูดและแสดงความจริงใจออกมาเพื่อให้ได้รับความเชื่อถือ เฉินอวี่เฉิงตั้งใจจะไม่ร้องไห้ เขากลั้นน้ำตาเอาไว้แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางอารมณ์อันหลากหลาย เขาพยายามยิ้ม แม้กำลังพูดเรื่องที่เป็นรอยแผลในใจ เขาอดทนได้ กระทั่งฝ่ามืออันอบอุ่นและคุ้นเคยก็ยื่นฝ่าออกมา แล้วความอบอุ่นนั้นก็พังทำนบน้ำตาได้อย่างง่ายดาย
“อย่าร้องไห้ คนดีของพี่ อย่าร้องไห้เลย”
เพราะแบบนี้ไงล่ะถึงได้ร้อง เพราะความอบอุ่นอันคุ้นเคยของหลี่หยางสวินทำให้เขากลายเป็นคนขี้แยและอ่อนไหว เพราะรู้ว่าร้องไห้เมื่อไหร่ก็จะมีคนคอยกอดปลอบประโลมอุ้มชูเฉินอวี่เฉิงถึงได้เคยตัวขึ้นทุกวัน
เป็นเพราะพี่ เพราะพี่นั่นแหละที่วางกับดักเอาไว้ ทำให้ผมคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้จนขาดพี่ไปไม่ได้ พี่นั่นแหละหลี่หยางสวินที่ร้ายกาจกว่าใคร.. เฉินอวี่เฉิงต่อว่าอีกคนในใจ ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างเพื่อซับน้ำตา เขาตระหนักอีกครั้งว่าตนไม่อาจเสียคนคนนี้ไปได้อีกแล้ว
“เฉิงเฉิง ไม่เอาไม่ร้อง พี่ไม่ดุแล้ว”
มองคนรักที่ยังคงสะอื้นร้องไห้จนตัวสั่นเพราะอารมณ์อ่อนไหว หลี่หยางสวินเอ่ยปากปลอบประโลมออกไป ในใจก็พร่ำก่นด่าตัวเองซ้ำ ๆ
เขาไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควรกดดันทำร้ายจนคนรักต้องกลายเป็นแบบนี้
แค่คำขอโทษก็พอแล้ว ตอนแรกก็ตั้งใจให้เฉินอวี่เฉิงรู้ตัวเท่านั้นว่าการบอกจะตายมันหมายถึงอะไร หลี่หยางสวินไม่ได้ต้องการบีบคั้นอีกฝ่ายมากขนาดนี้ ไม่ได้อยากบังคับให้คนรักต้องเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร แต่ทุกอย่างเลยเถิดเพราะอารมณ์ของเขา ชายหนุ่มรู้ดี
ชั่วขณะที่อดีตกลับมามีอิทธิพล ความทรงจำหวนกลับไปถึงวันที่โดนทรยศหักหลังและทอดทิ้งไว้พร้อมซากปรักหักพัง หลี่หยางสวินกลัว.. ในความเงียบที่ไม่โต้ตอบนั้นตัวเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นเพราะคิดว่าตนเองจะถูกทอดทิ้งอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า ทั้งที่เป็นที่รัก ทั้งที่ได้รักและมีลูกด้วยกัน แต่สุดท้ายเฉินอวี่เฉิงกลับต้องการจะตาย
ได้สัมผัสความรักและความสุขเคยใฝ่หาแล้ว แต่สุดท้ายกลับต้องเสียมันไปอีก ความรู้สึกนี้เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตอนนั้น เจ็บกว่ายามเฉินอวี่เฉิงจากไปโดยไม่รักกัน เจ็บมากเพราะต่อให้บอกว่ารัก เจ้าตัวก็ยังจากไป เจ็บที่สุดเพราะอีกฝ่ายพร่ำแต่บอกว่าจะตายโดยไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลย
อย่าทำแบบนี้ อย่าพูดแบบนี้ ช่วยรู้ตัวสักทีเถอะว่าเฉิงเฉิงสำคัญกับพี่มากแค่ไหน
ในใจของเขาร่ำร้องเพราะเจ็บปวด แต่สิ่งที่หลี่หยางสวินแสดงออกมากลับทำให้คนรักเสียน้ำตา โง่ โง่มากจริง ๆ
“เฉิงเฉิงไม่ร้องนะ อย่าร้องไห้ พี่เห็นแล้วปวดใจมากจริง ๆ”
“ฮึก.. ขอโทษ..”
ริมฝีปากแดงช้ำยังคงพึมพำเบา ๆ
ดูเหมือนเขาจะสร้างรอยแผลให้คนรักโดยไม่จำเป็น หลี่หยางสวินด่าตัวเองในใจอีกครั้ง ขณะมือหนาลูบเส้นผมนุ่มเพื่อปลอบประโลมไม่หยุด
“ไม่ร้องนะครับ ไม่ร้อง เรามาคุยกันดี ๆ”
น้ำเสียงทุ้มพร่าดังขึ้นเบา ๆ คำว่าคุยกันดี ๆ ทำให้เฉินอวี่เฉิงเงยหน้าขึ้นมา ชายหนุ่มขยับตัวทันทีที่ได้ยินในใจเขาก็พลันมีแสงแห่งความหวัง นึกยินดีแต่ก็ยังหวาดหวั่นกับข้อพิพาทของสองเราอยู่ลึก ๆ ดังนั้นจึงยังกอดร่างแกร่งแน่นเต็มสองแขน ไม่สิ กอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
"ผมคุย ผมพร้อมคุย แต่พี่หยางสวิน ผมจะไม่ไปไหนจริง ๆ นะ" เฉินอวี่เฉิงย้ำคำเดิมราวกับกำลังหวาดกลัวประโยคต่อไปที่จะออกจากปากคนรัก
"พี่รู้แล้ว พี่เชื่อครับ เชื่อ"
หลี่หยางสวินก้มมองใบหน้าแดงก่ำเพราะร้องไห้อย่างต่อเนื่องของคนรักด้วยความอาดูร ในใจอดปวดแปลบไม่ได้เพราะรู้ว่าที่เฉินอวี่เฉิงเป็นแบบนี้เนื่องจากการกระทำของตน ชายหนุ่มขยับตัวน้อย ๆ ส่งสัญญาณให้คนรักคลายอ้อมแขนขณะยกมือลูบแก้มขาว ปาดน้ำตาที่เกาะพราวสองแก้มนุ่มแผ่วเบา
"จริงเหรอครับ.. ผมทำให้พี่คิดไปแบบนั้น พี่เชื่อคำพูดของผมจริง ๆ ใช่ไหม" คำว่าเชื่อทำให้เขาพอใจ ขณะเดียวกันก็ยังระแวงลึก ๆ เฉินอวี่เฉิงจึงถามย้ำอย่างระมัดระวัง
"จริงครับ พี่เชื่อแล้วจริง ๆ เมื่อกี้พี่งี่เง่าไปเอง พี่ผิดเอง" หลี่หยางสวินตอบซ้ำเมื่อเห็นว่าคนรักยังมีท่าทีกังวลใจ สีหน้าเคว้งคว้างเหมือนคิดว่าตัวเองถูกทิ้งได้ทุกเมื่อของเฉินอวี่เฉิงนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน
"ไม่หรอกครับ ผมผิดเอง ผมงี่เง่าเอง ทั้งดื้อรั้นทั้งไม่ยอมฟังใคร ผม.. ผมผิด.." ปากยอมรับผิด ในใจก็คิดไปถึงพฤติกรรมน่ารำคาญของตนก่อนหน้าและสูดหายใจลึก "ผมเข้าใจเจตนาพี่ครับ ขอโทษที่เป็นบ้าไปจริง ๆ"
"อย่าทำหน้าแบบนั้น"
“ผมไม่ได้ร้องไห้แล้วนะ”
“แต่เฉิงเฉิงกำลังยิ้มทั้งที่กำลังรู้สึกไม่ดี พี่เห็นแล้วปวดใจ”
ฝืนพยายามเข้มแข็ง ยิ้มทั้งที่กำลังจะร้องไห้อย่างนั้นไม่ว่ามองเมื่อไหร่ก็สงสาร ยิ่งส่วนหนึ่งมาจากตัวเขาด้วยแล้วยิ่งรู้สึกผิด ชายหนุ่มกอดคนรักเอาไว้ ปลายคางก่ายเกยศีรษะอีกฝ่ายก่อนจะพ่นลมหายใจยาว
เรื่องนี้ถ้าจะพูดถึงใครผิด มันก็ผิดกันทั้งสองคน ผิดที่สุดก็ความโง่เง่ายึดติดอดีตของพวกเขา ผิดที่ยังคงเป็นบ้าอยู่กับฝันร้าย ผิดที่ไม่อาจก้าวผ่านปมภายในใจ ผิดเพราะไม่ยอมเผชิญหน้ากัน ไม่ยอมพูดคุยกันอย่างจริงจังเสียที
หลุบตาลงเมื่อคิดถึงต้นเหตุของปัญหาในอดีต เพราะเรื่องการเสียลูกไปทำให้ความสัมพันธ์ของเฉินอวี่เฉิงและหลี่หยางสวินต่อกันไม่ติด คนหนึ่งคิดว่าอีกฝ่ายทำร้ายลูก คนหนึ่งก็คิดว่าอีกฝ่ายดีใจที่เสียลูกไป ทั้งที่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น หลี่หยางสวินแม้เคยสงสัยที่มาของเด็กน้อย แต่ก็ไม่เคยต้องการให้ทารกที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องตาย เฉินอวี่เฉิงเองต่อให้โกรธและเกลียดเขาแค่ไหนก็ไม่ใช่คนโหดเหี้ยมใจร้ายที่ฆ่าใครได้ลง
เขารู้ เขาคิดได้นานแล้ว ตั้งแต่วันที่อสรพิษตัวจริงเริ่มเผยกายถึงได้มองเห็นว่าที่ผ่านมาโง่แค่ไหน เขามองออก แต่มันก็ช้าเหลือเกิน เรียกคืนอะไรกลับมาไม่ได้อีกทั้งยังสายเกินไป กว่าจะเข้าใจว่าเป็นแผนร้ายของคนอื่น กว่าจะรู้ว่าทุกอย่างในตอนนั้นมันเกิดขึ้นเพราะถูกชักใย หลี่หยางสวินที่ป่วยใกล้ตายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคั่งแค้นทรมาน
ในตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ เพราะพลาดพลั้งโดนหลอกลวงจึงเสียลูก แต่ตอนนี้ล่ะ.. ตอนนี้เพราะเรื่องสุขภาพ เพราะความเสี่ยง มันก็แค่นี้ไม่ใช่เหรอ ก็แค่ต้องแก้ปัญหากันด้วยการพูดคุยเท่านั้น ความสัมพันธ์ยังไม่มีใครเข้ามาแทรกกลางทำให้แตกร้าว เราสองคนยังรักกัน.. ทุกอย่างมันจะต้องออกมาดี
"เฉิงเฉิง เรามาหันหน้าคุยกัน"
“ครับ”
เสียงทุ้มหนักแน่นดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้เฉินอวี่เฉิงชะงัก คำว่าหันหน้าคุยทำให้ชายหนุ่มซึ่งกำลังแนบหน้าลงบนอกแกร่งฟังเสียงเต้นของหัวใจที่เป็นจังหวะหนักแน่นของคนรัก ค่อย ๆ ขยับตัวออกห่างเพื่อเราจะได้สบตากัน
"เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเราจะคุยกันทีหลัง แต่ตอนนี้เราควรมาตัดสินใจกันก่อน มาโฟกัสที่ปัจจุบัน เรื่องของเจ้าตัวเล็กในท้อง ลูกของเราสองคน"
"ผมเข้าใจ" เสียงหวานตอบรับเบา ๆ
"เฉิงเฉิงไม่อยากเสียใครไปอีกแล้วใช่ไหม?" หลี่หยางสวินถามย้ำ “เฉิงเฉิงบอกพี่ว่าจะพยายาม”
“ครับ ผมจะพยายาม” คำถามจริงจัง คนตอบก็จริงใจ “ผมจะทำอย่างที่บอกกับพี่ จะพยายามให้ดีที่สุด ผมจะไม่เสียใจภายหลัง”
“เข้าใจแล้ว”
“ผมรักพี่มาก แต่ผมก็รักลูกเหมือนกัน ต่อให้เขาจะเป็นแค่ก้อนเนื้ออายุสองเดือนผมก็ไม่อยากเสียเขาไป พี่เข้าใจใช่ไหม?” เฉินอวี่เฉิงจ้องหน้าคนรัก “ที่ผมทำแบบนี้ไม่ได้หมายถึงไม่รักตัวเอง แต่ผมอยากสู้... และผมอยากให้พี่มาสู้ด้วยกัน”
“...”
“ได้ไหมครับพี่หยางสวิน เราสามคนพ่อแม่ลูกมาสู้ด้วยกัน.. พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ครอบครัวเดียวกัน
ประโยคสั้น ๆ แต่สะเทือนคนฟังไม่ใช่น้อยโดยเฉพาะกับหลี่หยางสวิน ดวงตาของชายหนุ่มสั่นไหวกับคำว่าครอบครัว เขามองเฉินอวี่เฉิงและเลื่อนสายตาลงไปยังหน้าท้องแบนราบช้า ๆ ครอบครัว พ่อแม่ลูก ลูกน้อยตัวเล็ก ๆ ที่เกิดมาเพราะความรักของพวกเขา ทุกอย่างมันช่างสวยงามเหลือเกิน
“เข้าใจแล้ว”
นิ่งไปอึดใจ หลี่หยางสวินก็พูดขึ้นมา
ย่อขยับตัวเล็กน้อย จ้องมองเฉินอวี่เฉิงที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะก้มหัวชนหน้าผากมนเบา ๆ "พี่เองก็ไม่อยากเสียเด็กคนนี้ไป ไม่อยากให้จากไปเช่นเดียวกับอยากให้เฉิงเฉิงอยู่กับพี่ ดังนั้นถ้าเฉิงเฉิงจะสู้ เรามาสู้ด้วยกัน มาพยายามให้เต็มที่... แต่พี่ขอสัญญาข้อหนึ่งได้ไหม เฉิงเฉิงสัญญากับพี่ได้มั้ย?”
“อะไรเหรอครับ?”
“พี่อยากให้เฉิงเฉิงสัญญา พวกเราพยายาม แต่เมื่อถึงเวลาถ้าหากมันเป็นไปไม่ได้จริง ๆ เราจะปล่อยเจ้าตัวเล็กไป"
"..." เฉินอวี่เฉิงนิ่งอึ้ง ริมฝีปากสั่นระริก ความยินดีที่ล้นปริ่มในอกวูบหายไปเหมือนลูกโป่งถูกเจาะ เขาปวดใจทันทีเมื่อคิดถึงสิ่งที่หลี่หยางสวินพูดถึง ชายหนุ่มรู้สึกแย่ ในใจดิ้นรนแต่เขาก็รู้ดีว่ามันคือความจริง เพราะท้องนี้อยู่ในความเสี่ยงตามที่คุณหมอบอก เขารู้ว่ามีปัจจัยมากมายที่ทำให้ต้องเสียเด็กคนนี้ไป ดังนั้นขณะพยายามทุ่มเทก็ต้องทำใจเช่นเดียวกัน
เขาต้องรู้จักปล่อย
พยายามได้ แต่รั้นเอาชีวิตเข้าแลกคือการกระทำโง่ ๆ พี่หยางสวินตกลงจะพยายามด้วยกัน แต่ความพยายามนั้นต้องไม่เกินขอบเขตจนชีวิตตกอยู่ในอันตราย เฉินอวี่เฉิงดื้อรั้นได้ แต่เขาห้ามตาย เขาต้องคิดถึงคนที่อยู่ตรงนี้ เขามีคนที่รักอยู่ ดังนั้นต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้และห้ามทิ้งหลี่หยางสวินไปโดยเด็ดขาด
"ได้ครับ ได้..." ดีที่สุดแล้ว ชายหนุ่มเผยยิ้ม แม้จะยังรู้สึกปวดใจแต่การพบกันครึ่งทางก็นับว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับพวกเรา "ผมเข้าใจแล้ว ผม.. ผมจะพยายามและผมจะเตรียมใจ ขอบคุณนะครับพี่หยางสวิน ขอบคุณที่ไม่ทิ้งผมไว้ ขอบคุณ"
"พี่ขอบคุณเฉิงเฉิงเหมือนกัน"
หลี่หยางสวินกระซิบเบา ๆ พลางจูบใบหูอีกฝ่าย ดวงใจที่แขวนไว้กับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ค่อย ๆ มั่นคงเมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ชายหนุ่มมองฝ่ามือน้อย ๆ ที่ลูบหน้าท้องแบนราบอย่างทะนุถนอมแล้วยิ้มออกมา เฉินอวี่เฉิงบอกให้เขาลองจับท้องเพื่อสัมผัสเจ้าตัวเล็ก แต่ชายหนุ่มลังเล ประหม่าและที่สำคัญคือหลี่หยางสวินยังจำได้ดีว่าภายในห้องนี้มีกันอยู่กี่คน
"คุณแม่"
หลี่หยางสวินค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นและมองไปด้านหลัง ประโยคนี้ไม่ได้เรียกแค่หนึ่งแต่หมายถึงสอง ชายหนุ่มจ้องมองหญิงวัยกลางคนที่ตนคุ้นหน้าที่ยืนนิ่งมาพักใหญ่ มองท่าทีที่เต็มไปด้วยคำถาม ทั้งอึดอัดและสงสัยแต่ก็เข้าใจว่าไม่ควรแทรก ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มบาง
"ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เห็นเรื่องน่าอาย พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกดีไหมครับ?"
"อ๊ะ คุณแม่..."
"เฉิงเฉิงรออยู่ตรงนี้นะครับ พี่จะออกไปคุยกับหมอพร้อมพวกคุณแม่ก่อน เป็นเด็กดีนะ"
"อ่า.. เข้าใจแล้วครับ"
เฉินอวี่เฉิงพยักหน้า ดวงตาคู่สวยที่ยังแดงช้ำเกลื่อนไปด้วยความกังวลใจเมื่อคิดถึงคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ชายหนุ่มอดตำหนิตัวเองไม่ได้ที่เขาพลาดพลั้งเอ่ยปากพูดเรื่องน่าสงสัยออกไป เห็นแววตากังขาของทั้งสองก็รู้แล้วว่าปิดไม่ได้ คุณแม่ทั้งสองนอกจากจะเห็นแล้วยังได้ฟังพวกเขาเผยความหวั่นกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ออกไป ขณะที่กำลังร่ำไห้หลี่หยางสวินและเฉินอวี่เฉิงก็ไม่รู้ตัวเลยว่า 'อดีต' อันน่าพิศวงของตนถูกรับรู้โดยคนอื่นเช่นเดียวกัน
.
"อาสวินบอกแม่มาได้ไหมว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?"
คำถามนี้ดังออกมาจากปากของหลี่อี้เหมยทันทีเมื่อมาถึงจุดพักที่ร้างไร้ผู้คนบนชั้นวีไอพีของโรงพยาบาล คุณนายหลี่ถอนหายใจเฮือก หล่อนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แรงๆ สีหน้านั้นทั้งสับสนและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ไม่ต่างอะไรกับเถาเยว่หรงที่นั่งลงแบบอึ้งๆ หัวคิ้วยังขมวดเข้าหากันไม่เลิกรา หญิงทั้งสองพูดแล้วก็หันไปมองหน้า ต่างคนต่างพบเจอแต่ความสงสัยในแววตาของอีกฝ่าย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องตลกแม้แต่นิดเดียว
เสียลูก 'อีกครั้ง' ทิ้งไป 'อีกครั้ง' ทำแบบนั้น 'อีกรอบ' ทั้งหมดทั้งมวลล้วนไม่ใช่คำพูดที่แสดงถึงครั้งแรก ทุกคำบ่งบอกว่าเคยมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น เคยมีการถกเถียงอาละวาด มีคนเจ็บปวด ถูกทอดทิ้งและต้องเสียใจ ทุกสิ่งนั้นออกมาจากปากของหลี่หยางสวินและเฉินอวี่เฉิง ทุกอย่างพุ่งเป้าไปยังคำว่า 'อดีต' แต่มันจะมีอดีตแบบไหน อดีตอะไรที่แม่อย่างพวกหล่อนไม่รู้เกี่ยวกับลูกชายพวกตนที่คบหากันมาครึ่งปี!
ทำไมพูดจายังกับเคยใช้ชีวิตร่วมกันมานานแบบนั้นล่ะ ถ้าคบกันมาหลายปีก็ว่าไปอย่าง อาจสันนิษฐานได้ว่าหลี่หยางสวินและเฉินอวี่เฉิงเป็นคู่รักที่มีอดีตอันขมขื่นต่อกัน แต่นี่อะไร เจอหน้ากันครั้งแรกก็เมื่อหกเดือนก่อนไม่ใช่เหรอ เพิ่งเจอกันและตัดสินใจหมั้นหมายกันเองไม่ใช่เหรอ แล้วจะเอาอดีตพวกนั้นมาจากไหน!?
"คุณแม่ครับ.. พวกผม..."
"อาสวินลูกรู้ใช่ไหมว่าคำพูดพวกนั้นมีปัญหา ทั้งการตั้งท้องหรือการโดนทิ้งอะไรที่พวกลูกพูดน่ะ แม่สองคนไม่เข้าใจเลย นี่ลูกไม่ได้รู้จักกับน้องมาก่อนใช่ไหม ไม่เคยพบหน้าเสี่ยวเฉิงมาก่อนที่แม่จะแนะนำจริง ๆ ใช่รึเปล่า? มันเคยเกิดเรื่องอะไรที่พวกลูกพูดถึงมาก่อนจริง ๆเหรอ?"
"ไม่ได้พบกันมาก่อนจริง ๆ ครับ ส่วนเรื่องพวกนั้น.." หลี่หยางสวินเกริ่นถึงแล้วก็นิ่งไป ชายหนุ่มมองสีหน้าเคร่งเครียดและใคร่รู้ เขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จะบอกว่าไม่เคยก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเคยเกิดก็ไม่ใช่อีก หลี่หยางสวินจะตอบอย่างไรดี เขาจะอธิบายเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้ด้วยตรรกะข้อไหนได้
"เรื่องพวกนั้นผมไม่มีคำอธิบายจริง ๆ"
ชายหนุ่มตอบออกมาได้แค่นี้
"อาสวิน!"
แน่นอนว่าคำตอบนั้นไม่อาจทำให้คนฟังพอใจ หลี่อี้เหมยฟังแล้วกลับร้อนใจกว่าเดิมเสียอีก ก็ดูเด็กสองคนนี้สิ กับเสี่ยวเฉิงตัวน้อยที่ต้องตัดใจทำร้ายลูกจะร้องไห้โยเยหรืออาละวาดไม่ยอมรับความจริงอาจฟังขึ้นอยู่ แต่ลูกชายของหล่อนนี่มันยังไง จะบอกว่าเจ็บปวดจากการสูญเสียเช่นกันอาสวินจึงได้ทำแบบนั้นกับคู่หมั้นตนเองงั้นเหรอ?
ทำไม ทำไม ทำไม ในหัวหล่อนมีแต่คำว่าทำไมว่อนเต็มไปหมด มันมีแต่ความไม่สมเหตุสมผล มีแต่เรื่องชวนให้หงุดหงิดข้องใจ หลี่อี้เหมยหายใจแรง มือเรียวงามยกขึ้นนวดขมับอย่างเครียด ๆ
“หยางสวิน พวกแม่คิดว่าเราควรได้คำตอบที่ชัดเจนนะ”
คนแรกพูดไปแล้วคนต่อไปก็มา เลือดไม่ยอมแพ้ไม่ได้มีแต่หลี่อี้เหมยแต่เถาเยว่หรงก็ไม่ต่าง แม้จะเปรยขึ้นเบา ๆ ไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร แต่ดวงตาหงส์คู่งามที่เป็นต้นฉบับของเฉินอวี่เฉิงก็เต็มไปด้วยความกังขา
“ผมขอโทษจริง ๆ ครับ” หลี่หยางสวินรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยมีภูมิต้านทานในสายตาแบบเดียวกับคนรักของตัวเอง เขาเสหลบตา
“อาสวิน! ลูกต้องบอกออกมา แม่...” หลี่อี้เหมยฟังแล้วปรี๊ด คนเป็นแม่ตั้งใจจะงัดข้อกับลูกชายอีกรอบ หล่อนกำลังจะแผลงฤทธิ์ทว่าไม่ทันจบประโยคลูกชายตัวดีก็แทรกขึ้นมา
"คุณแม่ ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก"
ใบหน้าของหลี่หยางสวินมืดครึ้ม ท่าทางเช่นนั้นทำให้มารดาผู้รู้จักลูกชายของตนดียอมเงียบ หลี่อี้เหมยมองสบตาคู่นั้น หลี่หยางสวินเองก็มองมารดาที่นั่งตรงหน้า ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมสั่นระริกวูบไหว ชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้งเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนตัดสินใจ เขาลังเล แต่เมื่อคิดถึงสองชีวิตที่ตนต้องปกป้องก็เอ่ยออกมา
"ผมจะจัดการเก็บกวาดพวกสายรอง คุณแม่ช่วยมาเป็นกำลังให้ผมด้วยครับ"
++++++++++++++++++++
#สามีของผม ขอบคุณคอมเมนต์และไรท์อ๊องค่ะ คิดว่าจะติดเหรียญสรุปลืม งั้นติดเหรียญตอนหน้านะคะ
ช่วงนี้ก็จะหนักหน่วงไปสักพักนะคะ จะจบแล้วค่ะ เจอกันวันพรุ่งนี้นะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
