ตอนที่ 49 : ติดเหรียญ RAW 49 : เคลียร์ใจ
"พี่หยางสวิน เป็นยังไงบ้างครับ"
เสียงเปิดประตูห้องและปิดลงดังขึ้นเบา ๆ ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ชะงัก เฉินอวี่เฉิงขยับตัวเล็กน้อย ชายหนุ่มละสายตาจากภาพทิวทัศน์นอกหน้าต่างและหันไปยิ้มทักทายแก่คนรักที่กลับมาอีกครั้งหลังส่งญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาทั้งสองออกไป
หลี่หยางสวินมองคนรักของตนที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายและพบว่ามันดูดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ซีดเซียวเหมือนเดิมแม้ขอบตายังคงแดงเรื่อและบวมช้ำเพราะการร้องไห้ก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา นัยน์ตาคมกริบกวาดมองร่างเพรียวในชุดผู้ป่วยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างช้า ๆ มองจนแน่ใจว่าเฉินอวี่เฉิงมีท่าทีเป็นปกติและไม่ได้มีรอยยิ้มฝืนทนอีกต่อไปจึงพยักหน้า
"เรียบร้อยดี"
เอ่ยตอบเบา ๆ พลางเดินไปข้างเตียงผู้ป่วย หลี่หยางสวินลากเก้าอี้ออกมาและทรุดกายลงนั่ง ชายหนุ่มรวบมือน้อยที่ยื่นมาหาเพื่อกุมเอาไว้ ใบหน้าคมคายหันไปสบตาคู่สวยที่ทอแววสงสัยและกังวลเจือจาง ซึ่งมันเป็นความกังวลที่ตนรู้ดีว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร
"ตอนนี้พวกคุณแม่กลับกันไปแล้ว" เขาว่า "เห็นบอกว่าจะไปจัดเสื้อผ้า ทำกับข้าวและหาของบำรุงร่างกายมาให้ แล้วก็คงบอกข่าวกับคนอื่น ๆ ในครอบครัวด้วย"
เฉินอวี่เฉิงพยักหน้ารับรู้ แต่ถึงอย่างนั้นแววตาก็ยังมีเค้าความกังวล "แล้วพวกคุณแม่..ว่ายังไงบ้างครับ.."
"ก็สงสัย" เมื่อถูกถามถึงประเด็นนี้หลี่หยางสวินก็บอกไปตามตรง เขาไม่มีเหตุผลให้ปิดโดยเฉพาะเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งยังรู้ว่าคำพูดของพวกตนมันประหลาดและเกิดคำถามให้แก่ผู้ได้ฟัง "ทั้งสองคนสงสัยและขอคำตอบ.. ถามมาหลายอย่างอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องแบบนี้จะให้เล่าหรือพูดออกมาก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สุดท้ายมันก็กลายเป็นไม่มีคำอธิบาย พี่ทำได้แค่นั้นจริง ๆ"
ใช่ ทำได้แค่นั้นและไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น เมื่อหลุดปากเผยความลับไปแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้ตัวเองโดนสงสัยต่อไป มันทำอะไรไม่ได้จริง ๆ แม้ไม่อยากปิดบังผู้ให้กำเนิดแต่เล่าความจริงก็เหมือนกำลังโกหก หรือต่อให้พยายามโกหก ก็หาเหตุผลที่ชีวิตนี้หลี่หยางสวินและเฉินอวี่เฉิงจะมีความหลังล้ำลึกกันระดับนั้นไม่ได้ ความลับนี้เมื่อหลุดปากออกมาแล้วก็ได้แต่ให้มันสร้างความสงสัยต่อไป อย่างน้อยก็เบาใจว่าคนที่รู้คือคุณแม่ของพวกเขา ทั้งสองคงไม่เอาไปพูดแน่ ๆ
ให้มันเป็นความลับต่อไปจะดีกว่าแท้ ๆ
"พี่ทำดีที่สุดแล้ว ผมผิดเองที่โวยวายขึ้นมา" เฉินอวี่เฉิงคิดถึงเรื่องนี้แล้วหายใจยาว คนที่'หลุด' สติแตกและพูดเรื่องเก่าออกมาก่อนจะเป็นใครล่ะนอกจากตัวเขาคนนี้ “ขอโทษนะครับที่ทำให้วุ่นวาย”
"ไม่ต้องขอโทษหรอก เรื่องนี้พี่เองก็ผิด" หลี่หยางสวินเห็นท่าทีแบบนั้นก็เอ่ยปลอบประโลมคนรักเบา ๆ เฉินอวี่เฉิงที่กำลังร้องไห้เสียใจหลุดพูดเรื่องเก่าออกมาก่อนก็จริง แต่ตัวเขาในฐานะที่วุฒิภาวะมากกว่าก็ควรคุมสติและลากเจ้าตัวกลับมาให้ได้ ไม่ใช่เตลิดตามกันไปอีกคน ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่ความผิดของใครคนหนึ่ง มันก็พลาดกันทั้งคู่ที่มัวแต่จมอยู่กับอดีตไม่เลิกรา
"ผมขอโทษจริง ๆ
"เฉิงเฉิง พี่บอกแล้วไง"
"ไม่ ผมหมายถึงทั้งหมดในวันนี้ ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ขอโทษที่ร้องไห้ โวยวายเอาแต่ใจ ขอโทษทุกอย่างเลย" เฉินอวี่เฉิงยืนยัน เขาบีบมือหนาเบา ๆ ส่งสัญญาณเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความจริงใจขณะที่หลี่หยางสวินได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไป ชายหนุ่มมองสบตาคู่สวยที่จ้องกลับมา ใบหน้าของเฉินอวี่เฉิงประดับด้วยรอยยิ้มหม่นหมอง "ขอโทษจริง ๆ นะครับ ทั้งที่เราควรจะคุยกันให้รู้เรื่องตั้งนานแล้ว คุยกันด้วยเหตุผลแบบผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายพี่กลับต้องมาเสียเวลาจัดการกับคนโง่อย่างผม... ผมขอโทษจริง ๆ"
"แต่ในที่สุดเราสองคนก็ได้คุยกันไม่ใช่เหรอ เฉิงเฉิงอย่าต่อว่าตัวเองอีกเลย"
"มันเป็นความจริงนี่นา" คนพูดหัวเราะแห้ง ๆ "ถึงจะบอกว่าในที่สุดผมก็กลับมาตั้งสติได้ แต่กว่าจะถึงเวลานั้น ทั้งตัวพี่หรือพวกคุณแม่ก็ต้องลำบากใจเพราะคำพูดของผมไปเยอะ ตอนที่พี่ออกไป ผมได้ทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพบว่าตัวเองน่ารำคาญมาก ทั้งเอาแต่ใจ อารมณ์ฉุนเฉียวไร้เหตุผล ใครพูดใครปลอบก็ไม่ฟัง แถมยังทำตัวไม่น่ารักอีก ผมที่เป็นแบบนั้นทำให้พี่ต้องปวดใจและต้องใช้ความอดทนมากมายเลยใช่ไหม?"
++++++++++++++ ตอนที่เหลืออ่านที่ ReadAWrite ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
