คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : เพื่อนใหม่ (rewrite)
เพื่อนใหม่
เฉินหย่งหมิงมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
จึงละมือจากงานที่ทำค้างไว้
ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังอารมณ์ดีมืดครึ้มเย็นชาลงเมื่อได้ยินเสียงดังโวยวายจากด้านนอก
“นายท่านเจ้าคะ นายหญิงไม่สบายมากเจ้าค่ะ”
ไป๋อิงสาวใช้คนสนิทของโจวเหม่ยซิง นั่งคุกเข่าโขกศีรษะอยู่หน้าเรือนผิงอันแม้รู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้ามนางก้จำเป็นต้องมา
นางถูกเหล่าองครักษ์ห้ามทั้งยังขัดขวางไม่ยอมให้เข้าไปจึงได้แต่ส่งเสียงร้องนายท่านไม่ไปเยือนเรือนของอนุโจวหลายวันแล้ว
นางทนเห็นผู้เป็นนายทนทุกข์ไม่ได้จึงต้องยอมทำเช่นนี้แม้ตัวเองจะถูกลงโทษก็ตาม
นางและผู้เป็นนายจึงวางแผนเล็กน้อยเพื่อเรียกความโปรดปรานกลับมาทั้งยังแสดงให้ใครบางคนเห็นว่าผู้ที่ท่านแม่ทัพโปรดปรานจริงๆ
แล้วเป็นโจวเหม่ยซิงต่างหากหากเขารู้ว่านายหญิงของนางไม่สบายแน่นอนว่าไม่อาจละเลยแน่นอน
เพราะเมื่อก่อนก็เป็นเช่นนั้น
“เจ้ากลับไปที่เรือนก่อนเถิดแล้วข้าจะแจ้งนายท่านให้”
เหล่าองครักษ์ห้ามปราม มองเลือดที่ไหลลงอาบหน้าของสาวใช้
“นายหญิงของข้าป่วยหนักมากเจ้าค่ะข้าน้อยเกรงว่านายหญิงจะ....ฮือๆ
” ไป๋อิงปล่อยโฮเสียงดังน้ำตานองเต็มใบหน้า
ตาแดงก่ำอย่างน่าสงสาร แต่จี้ฉางชุนเองก็ลำบากใจเขาเป็นเพียงองครักษ์จะทำอย่างไรได้
สาวใช้ผู้นี้ก็ดื้อรั้นเหลือเกิน
“เกิดอะไรขึ้น” เฉินหย่งหมิงกล่าวขึ้นด้วยความหงุดหงิดใบหน้าทมึงถึงเยือกเย็น
จนไป๋อิงเองก็ไม่กล้าสบตา
“คารวะนายท่านข้าน้อยไป๋อิง
ตอนนี้อนุโจวไม่สบายมากเจ้าค่ะ” พูดเสร็จไป๋อิงรีบคลานเข่าเข้ามาพูดด้วยน้ำตานองหน้าสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่รู้ความทั้งหวาดกลัวทั้งอยากให้แผนการสำเร็จ
“ให้คนไปตามหมอมาหรือยัง” เฉินหย่งหมิงเอ่ยถามเสียงเรียบ
น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นเย็นชาห่างเหินอีกทั้งยังเจือด้วยความรำคาญ
อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีห่วงใยใดๆ จึงทำให้ไป๋อิงรู้สึกใจเสีย
“ยังเจ้าค่ะ
ข้าน้อยตกใจจึงรีบมาแจ้งนายท่านก่อนเจ้าค่ะ” ไป๋อิงพูดและตัวสั่นด้วยความกลัว
เมื่อรู้สึกได้ถึงความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“เจ้าเห็นข้าเป็นหมอย่างนั้นหรือ...คิดว่าข้าสามารถรักษานายเจ้าได้หรืออย่างไร
รีบไปตามหมอซะ แล้วข้าจะตามไปทีหลัง” คำสั่งของผู้เป็นนายถือเป็นที่สุด
เหล่าองครักษ์ช่วยกันหิ้วร่างไป๋อิงออกไปให้พ้นสายตาของผู้เป็นนายโดยไม่รอคำสั่งย้ำ
เฉินหย่งหมิงรีบเดินไปยังเรือนของโจวเหม่ยซิงอย่างไม่เร่งรีบ
ฝ่าเท้าหนาหยุดที่หน้าเรือนยืนครุ่นคิด สักพักได้ยินเสียงไอ ของเจ้าของเรือนจึงรีบเดินเข้าไปทันที
เมื่อเข้าไปถึงห้องนอนสายตามองผ่านม่านบางสีขาว
เห็นเงาสตรีลางๆ กำลังนอนหนาวสั่น
จึงรีบก้าวไปยังเตียงและใช้มือเปิดม่านสีขาวมัดไว้ที่ขอบเตียงทันที
สายตาคมกริบเย็นชามองไปยังร่างหญิงสาวที่นอนกระสับกระส่ายเหงื่อท่วมหน้าผากนูนเป็นหยดน้ำไหลลงลำคอระหง
กำลังพร่ำเพ้อด้วยพิษไข้ มือเรียวกวัดแกว่งไปมาบนอากาศ
“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ
ซิงเออร์หนาวเหลือเกิน” ริมฝีปากบางซีดสั่นระริกพร่ำเพ้อด้วยเสียงอันแหบแห้ง
เฉินหย่งหมิงจึงเลื่อนฝ่าสัมผัสที่หน้าผากนูนเพื่อวัดไข้
เมื่อแตะโดนหน้าผากและชะงักเมื่อมือขาวซีดกลับรั้งมือของเขามากอดไว้แนบแก้มนวลที่เย็นแต่จัดชื้นเหงื่อ
เฉินหย่งหมิงรีบดึงมือกลับและแกะมือเล็กที่เกาะมือของตนอย่างเหนียวแน่นออกก่อนจะเรียกสติอีกฝ่าย
“โจวเหม่ยซิง” เฉินหย่งหมิงทั้งเขย่าไหล่เล็กเบาๆ
แม้ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่เขาก็ได้ใจดำพอที่จะปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าต่อตา
โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัยและยังไม่ได้รู้ความลับจากนาง
“ท่านแม่ทัพ อย่าทิ้งข้าไปนะเจ้าคะ
ข้ารักท่านข้ารักท่าน” หญิงสาวยังคงพร่ำเพ้อไม่ลืมตา
เฉินหย่งหมิงไม่ได้ตื่นเต้นดีใจกับสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย
เขาถอยห่างออกมาจากเตียงและเรียกสาวใช้ให้เข้ามาดูแทน
“ใครอยู่ข้างนอก...เข้ามา”
“เจ้าค่ะ นายท่าน” สาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูรีบขานรับและลังเลอยู่ชั่วครู่เมื่อสบตาเย็นชาของแม่ทัพหนุ่มจึงเร่งปฏิบัติตามคำสั่งทันที
โจวเหม่ยซิงกลัวว่าจะเสียแผนจึงฉวยโอกาสตอนที่เฉินหย่งหมิงหันไปพูดกับสาวใช้โผเข้ากอดทันที
ร่างบางสั่นราวกับลูกนกน่าสงสารนางอุตส่าห์ให้ไป๋อิงนำหมั่วอึ้ง[1]มาต้มและดื่มปริมาณมากทำให้
ตัวสั่น ปวดศีรษะ ตัวเย็นเหงื่อออกมาก
ทั้งหมดที่นางยอมทำเพื่อเรียกร้องความสนใจให้ท่านแม่ทัพหันมาสนใจบ้างเท่านั้น
ช่วงนี้เขาห่างเหินไม่มารับอาหารเย็นที่เรือนของนางจึงจำใจต้องใช้วิธีนี้
“ท่านแม่ทัพ” เสียงแหบแห้งพยายามพูด
น้ำตาคลอหน่วยทั้งยังยิ้มด้วยอาการดีใจ
"ข้าให้คนไปตามหมอแล้วเจ้าก็นอนพักรอหมอก็แล้ว
เจ้ามีแรงดึงข้าเช่นนี้คงจะไม่เป็นไรมาก" เฉินหย่งหมิงแกะฝ่ามือเล็กออกจากแขน
"อยู่กับข้าก่อนนะเจ้าคะ
ข้ายังปวดหัวอยู่เลยเจ้าค่ะ"
ลี่เหม่ยจูกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่เรือนเพื่อรอเวลาอาหาร
เพราะเขาให้คนมาแจ้งว่าจะมารับอาหารเย็นที่เรือนของนางจึงทำได้เพียงรอ
“ฮูหยินเจ้าคะ...ไป๋อิง
สาวใช้ของอนุโจวขอเข้าพบเจ้าค่ะ นางบอกว่ามีเรื่องสำคัญ” ฟังจากน้ำเสียงไม่พอใจของซือซือนางก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องน่าปวดหัวตามมาอีก
"ให้นางเข้ามา"
นางเอ่ยอนุญาตอย่างเสียไม่ได้
ซือซือเดินออกไปเรียกไป๋อิงที่นั่งร้องห่มร้องไห้ขอความเมตตาอยู่หน้าเรือน
ร้องเสียงดังให้ฮูหยินไปดูแลนายของตน
นางพูดไปในทางความหมายว่าฮูหยินไม่ใส่ใจดูแลอนุภายในจวนยามเจ็บป่วย
ต้องให้สาวใช้มานั่งโขกศีรษะร้องขอความเมตตาอยู่หน้าเรือน
"ฮูหยินให้เจ้าเข้าพบ
ตอนนี้เจ้าเลิกเอาหัวโขกพื้นเถิดแล้วตามข้ามา" ซือซือ
รู้สึกสมเพชสาวใช้ของอนุโจวผู้นี่ยิ่งนักนางยอมโขกหัวตัวเองจนหน้าผากแตกเลือดอาบเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน
“ขอบคุณฮูหยิน" ไป๋อิงพูดเสียงดัง
"ส่วนพวกเจ้าไปทำงานได้แล้ว"
ซือซือโบกมือไล่บ่าวไพร่ออกไปทันทีที่ชอบสอดรู้สอดเห็นออกไปจากบริเวณนั้นทันที
ไป๋อิงได้สติจึงรีบนั่งและลงคลานเข่าเข้าไปคำนับทันที“คารวะฮูหยิน
ข้าน้อยไป๋อิงเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่รู้จะพึ่งใครได้แล้วเจ้าค่ะ
นายหญิงของข้าน้อยป่วยหนักมาก" ไป๋อิงร่ายยาวพร้อมทั้งร้องไห้สะอื้น
ส่งสายตาแอบเหลือบมองท่าทีของผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ยังนิ่งคล้ายไม่ได้ฟัง
"เจ้าเห็นว่าข้าเป็นหมอหรือ ถ้าจะให้ช่วยคงช่วยได้เพียงตามหมอที่ดีที่สุดเท่านั้น
อ้อ... แล้วนายหญิงของเจ้าอยากให้ข้าทำเช่นนี้จริงหรือ"
ลี่เหม่ยจูถามโดยไม่อ้อมค้อม ไป๋อิงชะงักนิ่งอึ้งทันที
แต่เพื่อให้แผนสำเร็จนางจึงจำใจต้องมองผ่านไป
"ช่วยไปดูนายหญิงด้วยเจ้าค่ะ" ฮือ ๆ
ๆ ๆ เสียงร้องไห้ของไป๋อิงดังขึ้นอีกรอบทำให้ลี่เหม่ยจูกลอกตาเล็กน้อยอย่างเบื่อหน่าย
"อืม...ข้าไม่ใช่คนใจดำ
เอาล่ะ...ข้าจะไปดูนาง” ลี่เหม่ยจูโปรยยิ้มอย่างมีเมตตาแต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตาหวานซึ้งแม้แต่น้อย
ทำเอาคนฟังขนลุกซู่
สายตาเย็นเฉียบของเฉินหย่งหมิงจ้องไปที่ฝ่ามือเล็กที่เกาะแขนของตนแน่นไม่ยอมปล่อยจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะคิดว่าอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์นางแสร้งไออีกสองสามครั้งจนตัวโก่งงอ
"ข้ายังปวดศีรษะอยู่เจ้าค่ะ โอ๊ย! "
โจวเหม่ยซิงตัวอ่อนยวบราบไปกับที่นอนส่วนมืออีกข้างกะจะรั้งให้เฉินหย่งหมิงเข้ามาใกล้ตน
แต่เฉินหย่งหมิงกลับหลบเบี่ยงตัวทำให้ให้ร่างบางคว้าได้เพียงอากาศและเสียหลักตกลงจากเตียงทันที
ลี่เหม่ยจูที่เดินเข้ามาทันเห็นพอดีจึงอดยิ้มขันไม่ได้
"เห็นบอกว่าไม่สบาย
แต่เหตุใดถึงลงไปนั่งกับพื้นเล่าอนุโจว” ลี่เหม่ยจูค่อยๆ
นั่งลงไปประคองคนที่บอกว่าป่วยไปที่เตียงอย่างมีน้ำใจส่วนโจวเหม่ยซิงเองแม้ขัดขืนเบี่ยงไหล่ออกก็ไม่สามารถหนีพ้นมือเล็กของลี่เหม่ยจูได้
มือบางเล็กนั้นเกาะบ่าโจวเหม่ยซิงไว้อย่างเหนี่ยวแน่น
"ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ
ข้าดีขึ้นมากแล้ว" เสียงแหบสั่นคล้ายกัดฟันเอ่ยขอบใจอย่างเสียไม่ได้
โจวเหม่ยซิงรู้สึกโมโหในใจที่ทุกอย่างที่วางไว้ก็พัง
แทนที่ลี่เหม่ยจูเข้ามาเห็นภาพที่ตนอยู่กับท่านแม่ทัพในห้องบนเตียงนอน
อีกฝ่ายกลับมาเห็นท่าทางน่าอายของนางแทน ใบหน้าซีดแดงก่ำด้วยความโมโห
“ส่งคนมาดูแลนาง"
เฉินหย่งหมิงบอกเสียงเรียบ และหันหลังเดินออกไปทันที
เขาเข้าใจมารยาสตรีอย่างแจ่มแจ้งก็วันนี้ที่ผ่านมาอีกฝ่ายเองก็เพียงเล่นละครตบตาเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้น
เมื่อเฉินหย่งหมิงออกไปพ้นแล้ว
ลี่เหม่ยจูจึงเอ่ยเหน็บแนมบ้าง "อนุโจว
ยาบางอย่างดื่มมากไปก็ใช่ว่าจะดี"
ตอนเข้าไปประคองโจวเหม่ยซิงนางได้กลิ่นหมั่วอึ้งจึงเข้าใจแผนการในทันที
นางลงทุนเอาตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อมัดใจชายบุรุษถึงเพียงนี้ช่างน่านับถือเสียจริง
“ปลาใหญ่มักตายน้ำตื้น” ลี่เหม่ยจูเปรยทิ้งท้ายเมื่อได้ยินเสียงข้าวของมากมายที่ตกแตกตามกหลัง
ลี่เหม่ยจูหมดความอยากอาหาร
จึงชวนซือซือออกไปเที่ยวตลาดตอนค่ำ นางคิดว่าไปหาอะไรกินนอกจวนน่าจะดีกว่า ด้วยความเร่งรีบไม่ทันระวังขณะที่วิ่งนั้นก็รู้สึกเหมือนชนอะไรสักอย่าง
"อุ๊ย แม่ร่วง เจ็บชะมัดเลย โอ๊ย!
เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยคนสมัยนี้" ลี่เหม่ยจูรีบเดินไปตามเสียง
กลับพบว่าเป็นดรุณีน้อยอายุราว 14 ปี ได้
นางผอมแห้งบอบบางแต่ก็ดูแข็งแรง หน้าตาน่ารัก ดวงตากลมโต คาดว่าอีกสักปีสองปีต้องงามล่มเมืองอย่างแน่นอน
นางจึงรีบเข้าไปพยุงอีกฝ่ายทันทีอย่างนึกถูกชะตา
"ขออภัยคุณหนูน้อยเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง
เจ็บตรงไหนหรือไม่" ลี่เหม่ยจูปัดเศษหญ้าแห้งที่ติดกับผมดกดำออก
และไม่กล้าปัดแรงเกรงว่าร่างบางจะบุบสลายไปเสียก่อน
"ฉัน...เอ้ย...ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"
เสียงหวานแว่วเหมือนระฆังแก้วเปล่งออกมา
ยิ่งทำให้สาวน้อยตรงหน้าน่ารักน่าเอ็นดูเพิ่มขึ้นจนลี่เหม่ยจูอดที่จะหยิกแก้มใสไม่ได้
"ข้าขอโทษที่ข้าเร่งรีบไปหน่อย จึงไม่ทันระวัง"
ลี่เหม่ยจูก้มหัวขอโทษอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้สาวน้อยตรงหน้าได้รับบาดเจ็บ
"ไม่เป็นฉันโอเค...เอ้ย
ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อย่ากังวลเลยพี่สาว" หญิงสาวยิ้มกว้างจนตาหยี
พร้อมกับให้สาวใช้เร่งปัดเศษดินเศษหญ้าต่อ
เมื่อลี่เหม่ยจูเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ามีสาวใช้มาด้วยจึงเบาใจและคิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ในตระกูลไหนสักตระกูลที่ออกมาเดินเที่ยวตลาดเช่นกัน
"ข้าแซ่ลี่นามว่าเหม่ยจู
แล้วเจ้าชื่อแซ่ใดหรือ เอาเช่นนี้ข้าจะเลี้ยงน้ำชาเจ้าเพื่อเป็นการขอโทษเอง
ดีหรือไม่"
ลี่เหม่ยจูรู้สึกว่าสาวน้อยตรงหน้าถูกชะตาตนอย่างยิ่งจึงอยากทำความรู้จัก
ดูจากแววตาที่ซุกซนดื้อรั้นนั้นช่างถูกใจนางอย่างยิ่ง
"ข้าแซ่หนี่ว์
นามว่าหลินเฟิ่งเจ้าค่ะยินดีที่ได้รู้จัก"
สาวน้อยตรงหน้าบอกชื่อแซ่พร้อมทั้งยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง
ทำให้ลี่เหม่ยจูแปลกใจและงงงวยกับท่าทีแปลกๆ
เหมือนอีกฝ่ายพึ่งรู้สึกตัวรีบชักมือกลับและเกาท้ายทอยเก้ออย่างน่ารัก
ลี่เหม่ยจูถึงกับยิ้มขำ และหัวเราะออกมากับท่าทางประหลาดเช่นนั้น
"เจ้าค่ะ ข้ากำลังหิวพอดีเลย"
สาวน้อยเอ่ยบอกพลางลูบท้องแบนราบที่กำลังร้องโครกครากและยิ้มเอียงอาย
ความคิดเห็น