ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #23 : เพื่อนใหม่ (rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.7K
      932
      20 พ.ย. 62

    เพื่อนใหม่

    เฉินหย่งหมิงมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังอารมณ์ดีมืดครึ้มเย็นชาลงเมื่อได้ยินเสียงดังโวยวายจากด้านนอก

    นายท่านเจ้าคะ นายหญิงไม่สบายมากเจ้าค่ะไป๋อิงสาวใช้คนสนิทของโจวเหม่ยซิง นั่งคุกเข่าโขกศีรษะอยู่หน้าเรือนผิงอันแม้รู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้ามนางก้จำเป็นต้องมา

     นางถูกเหล่าองครักษ์ห้ามทั้งยังขัดขวางไม่ยอมให้เข้าไปจึงได้แต่ส่งเสียงร้องนายท่านไม่ไปเยือนเรือนของอนุโจวหลายวันแล้ว นางทนเห็นผู้เป็นนายทนทุกข์ไม่ได้จึงต้องยอมทำเช่นนี้แม้ตัวเองจะถูกลงโทษก็ตาม

    นางและผู้เป็นนายจึงวางแผนเล็กน้อยเพื่อเรียกความโปรดปรานกลับมาทั้งยังแสดงให้ใครบางคนเห็นว่าผู้ที่ท่านแม่ทัพโปรดปรานจริงๆ แล้วเป็นโจวเหม่ยซิงต่างหากหากเขารู้ว่านายหญิงของนางไม่สบายแน่นอนว่าไม่อาจละเลยแน่นอน เพราะเมื่อก่อนก็เป็นเช่นนั้น

    เจ้ากลับไปที่เรือนก่อนเถิดแล้วข้าจะแจ้งนายท่านให้เหล่าองครักษ์ห้ามปราม มองเลือดที่ไหลลงอาบหน้าของสาวใช้

    นายหญิงของข้าป่วยหนักมากเจ้าค่ะข้าน้อยเกรงว่านายหญิงจะ....ฮือๆ ไป๋อิงปล่อยโฮเสียงดังน้ำตานองเต็มใบหน้า ตาแดงก่ำอย่างน่าสงสาร แต่จี้ฉางชุนเองก็ลำบากใจเขาเป็นเพียงองครักษ์จะทำอย่างไรได้ สาวใช้ผู้นี้ก็ดื้อรั้นเหลือเกิน

    เกิดอะไรขึ้นเฉินหย่งหมิงกล่าวขึ้นด้วยความหงุดหงิดใบหน้าทมึงถึงเยือกเย็น จนไป๋อิงเองก็ไม่กล้าสบตา

    คารวะนายท่านข้าน้อยไป๋อิง ตอนนี้อนุโจวไม่สบายมากเจ้าค่ะพูดเสร็จไป๋อิงรีบคลานเข่าเข้ามาพูดด้วยน้ำตานองหน้าสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่รู้ความทั้งหวาดกลัวทั้งอยากให้แผนการสำเร็จ

    ให้คนไปตามหมอมาหรือยังเฉินหย่งหมิงเอ่ยถามเสียงเรียบ น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นเย็นชาห่างเหินอีกทั้งยังเจือด้วยความรำคาญ อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีห่วงใยใดๆ จึงทำให้ไป๋อิงรู้สึกใจเสีย

    ยังเจ้าค่ะ ข้าน้อยตกใจจึงรีบมาแจ้งนายท่านก่อนเจ้าค่ะไป๋อิงพูดและตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อรู้สึกได้ถึงความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้า

    เจ้าเห็นข้าเป็นหมอย่างนั้นหรือ...คิดว่าข้าสามารถรักษานายเจ้าได้หรืออย่างไร รีบไปตามหมอซะ แล้วข้าจะตามไปทีหลังคำสั่งของผู้เป็นนายถือเป็นที่สุด เหล่าองครักษ์ช่วยกันหิ้วร่างไป๋อิงออกไปให้พ้นสายตาของผู้เป็นนายโดยไม่รอคำสั่งย้ำ

    เฉินหย่งหมิงรีบเดินไปยังเรือนของโจวเหม่ยซิงอย่างไม่เร่งรีบ ฝ่าเท้าหนาหยุดที่หน้าเรือนยืนครุ่นคิด สักพักได้ยินเสียงไอ ของเจ้าของเรือนจึงรีบเดินเข้าไปทันที

    เมื่อเข้าไปถึงห้องนอนสายตามองผ่านม่านบางสีขาว เห็นเงาสตรีลางๆ กำลังนอนหนาวสั่น จึงรีบก้าวไปยังเตียงและใช้มือเปิดม่านสีขาวมัดไว้ที่ขอบเตียงทันที สายตาคมกริบเย็นชามองไปยังร่างหญิงสาวที่นอนกระสับกระส่ายเหงื่อท่วมหน้าผากนูนเป็นหยดน้ำไหลลงลำคอระหง กำลังพร่ำเพ้อด้วยพิษไข้ มือเรียวกวัดแกว่งไปมาบนอากาศ

    ท่านแม่ ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ซิงเออร์หนาวเหลือเกินริมฝีปากบางซีดสั่นระริกพร่ำเพ้อด้วยเสียงอันแหบแห้ง เฉินหย่งหมิงจึงเลื่อนฝ่าสัมผัสที่หน้าผากนูนเพื่อวัดไข้ เมื่อแตะโดนหน้าผากและชะงักเมื่อมือขาวซีดกลับรั้งมือของเขามากอดไว้แนบแก้มนวลที่เย็นแต่จัดชื้นเหงื่อ เฉินหย่งหมิงรีบดึงมือกลับและแกะมือเล็กที่เกาะมือของตนอย่างเหนียวแน่นออกก่อนจะเรียกสติอีกฝ่าย

    โจวเหม่ยซิงเฉินหย่งหมิงทั้งเขย่าไหล่เล็กเบาๆ แม้ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่เขาก็ได้ใจดำพอที่จะปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัยและยังไม่ได้รู้ความลับจากนาง

    ท่านแม่ทัพ อย่าทิ้งข้าไปนะเจ้าคะ ข้ารักท่านข้ารักท่านหญิงสาวยังคงพร่ำเพ้อไม่ลืมตา เฉินหย่งหมิงไม่ได้ตื่นเต้นดีใจกับสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย เขาถอยห่างออกมาจากเตียงและเรียกสาวใช้ให้เข้ามาดูแทน

    ใครอยู่ข้างนอก...เข้ามา

    เจ้าค่ะ นายท่านสาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูรีบขานรับและลังเลอยู่ชั่วครู่เมื่อสบตาเย็นชาของแม่ทัพหนุ่มจึงเร่งปฏิบัติตามคำสั่งทันที

    โจวเหม่ยซิงกลัวว่าจะเสียแผนจึงฉวยโอกาสตอนที่เฉินหย่งหมิงหันไปพูดกับสาวใช้โผเข้ากอดทันที ร่างบางสั่นราวกับลูกนกน่าสงสารนางอุตส่าห์ให้ไป๋อิงนำหมั่วอึ้ง[1]มาต้มและดื่มปริมาณมากทำให้ ตัวสั่น ปวดศีรษะ ตัวเย็นเหงื่อออกมาก ทั้งหมดที่นางยอมทำเพื่อเรียกร้องความสนใจให้ท่านแม่ทัพหันมาสนใจบ้างเท่านั้น ช่วงนี้เขาห่างเหินไม่มารับอาหารเย็นที่เรือนของนางจึงจำใจต้องใช้วิธีนี้

    ท่านแม่ทัพเสียงแหบแห้งพยายามพูด น้ำตาคลอหน่วยทั้งยังยิ้มด้วยอาการดีใจ

    "ข้าให้คนไปตามหมอแล้วเจ้าก็นอนพักรอหมอก็แล้ว เจ้ามีแรงดึงข้าเช่นนี้คงจะไม่เป็นไรมาก" เฉินหย่งหมิงแกะฝ่ามือเล็กออกจากแขน

    "อยู่กับข้าก่อนนะเจ้าคะ ข้ายังปวดหัวอยู่เลยเจ้าค่ะ"

     

    ลี่เหม่ยจูกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่เรือนเพื่อรอเวลาอาหาร เพราะเขาให้คนมาแจ้งว่าจะมารับอาหารเย็นที่เรือนของนางจึงทำได้เพียงรอ

    ฮูหยินเจ้าคะ...ไป๋อิง สาวใช้ของอนุโจวขอเข้าพบเจ้าค่ะ นางบอกว่ามีเรื่องสำคัญฟังจากน้ำเสียงไม่พอใจของซือซือนางก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องน่าปวดหัวตามมาอีก

    "ให้นางเข้ามา" นางเอ่ยอนุญาตอย่างเสียไม่ได้

    ซือซือเดินออกไปเรียกไป๋อิงที่นั่งร้องห่มร้องไห้ขอความเมตตาอยู่หน้าเรือน ร้องเสียงดังให้ฮูหยินไปดูแลนายของตน นางพูดไปในทางความหมายว่าฮูหยินไม่ใส่ใจดูแลอนุภายในจวนยามเจ็บป่วย ต้องให้สาวใช้มานั่งโขกศีรษะร้องขอความเมตตาอยู่หน้าเรือน

    "ฮูหยินให้เจ้าเข้าพบ ตอนนี้เจ้าเลิกเอาหัวโขกพื้นเถิดแล้วตามข้ามา" ซือซือ รู้สึกสมเพชสาวใช้ของอนุโจวผู้นี่ยิ่งนักนางยอมโขกหัวตัวเองจนหน้าผากแตกเลือดอาบเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน

    ขอบคุณฮูหยิน" ไป๋อิงพูดเสียงดัง

    "ส่วนพวกเจ้าไปทำงานได้แล้ว" ซือซือโบกมือไล่บ่าวไพร่ออกไปทันทีที่ชอบสอดรู้สอดเห็นออกไปจากบริเวณนั้นทันที

    ไป๋อิงได้สติจึงรีบนั่งและลงคลานเข่าเข้าไปคำนับทันที“คารวะฮูหยิน ข้าน้อยไป๋อิงเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่รู้จะพึ่งใครได้แล้วเจ้าค่ะ นายหญิงของข้าน้อยป่วยหนักมาก" ไป๋อิงร่ายยาวพร้อมทั้งร้องไห้สะอื้น ส่งสายตาแอบเหลือบมองท่าทีของผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ยังนิ่งคล้ายไม่ได้ฟัง

    "เจ้าเห็นว่าข้าเป็นหมอหรือ ถ้าจะให้ช่วยคงช่วยได้เพียงตามหมอที่ดีที่สุดเท่านั้น อ้อ... แล้วนายหญิงของเจ้าอยากให้ข้าทำเช่นนี้จริงหรือ" ลี่เหม่ยจูถามโดยไม่อ้อมค้อม ไป๋อิงชะงักนิ่งอึ้งทันที แต่เพื่อให้แผนสำเร็จนางจึงจำใจต้องมองผ่านไป

    "ช่วยไปดูนายหญิงด้วยเจ้าค่ะ" ฮือ ๆ ๆ ๆ เสียงร้องไห้ของไป๋อิงดังขึ้นอีกรอบทำให้ลี่เหม่ยจูกลอกตาเล็กน้อยอย่างเบื่อหน่าย

    "อืม...ข้าไม่ใช่คนใจดำ เอาล่ะ...ข้าจะไปดูนางลี่เหม่ยจูโปรยยิ้มอย่างมีเมตตาแต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตาหวานซึ้งแม้แต่น้อย ทำเอาคนฟังขนลุกซู่

    สายตาเย็นเฉียบของเฉินหย่งหมิงจ้องไปที่ฝ่ามือเล็กที่เกาะแขนของตนแน่นไม่ยอมปล่อยจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะคิดว่าอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์นางแสร้งไออีกสองสามครั้งจนตัวโก่งงอ

    "ข้ายังปวดศีรษะอยู่เจ้าค่ะ โอ๊ย! "

    โจวเหม่ยซิงตัวอ่อนยวบราบไปกับที่นอนส่วนมืออีกข้างกะจะรั้งให้เฉินหย่งหมิงเข้ามาใกล้ตน แต่เฉินหย่งหมิงกลับหลบเบี่ยงตัวทำให้ให้ร่างบางคว้าได้เพียงอากาศและเสียหลักตกลงจากเตียงทันที ลี่เหม่ยจูที่เดินเข้ามาทันเห็นพอดีจึงอดยิ้มขันไม่ได้

    "เห็นบอกว่าไม่สบาย แต่เหตุใดถึงลงไปนั่งกับพื้นเล่าอนุโจวลี่เหม่ยจูค่อยๆ นั่งลงไปประคองคนที่บอกว่าป่วยไปที่เตียงอย่างมีน้ำใจส่วนโจวเหม่ยซิงเองแม้ขัดขืนเบี่ยงไหล่ออกก็ไม่สามารถหนีพ้นมือเล็กของลี่เหม่ยจูได้ มือบางเล็กนั้นเกาะบ่าโจวเหม่ยซิงไว้อย่างเหนี่ยวแน่น

    "ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ ข้าดีขึ้นมากแล้ว" เสียงแหบสั่นคล้ายกัดฟันเอ่ยขอบใจอย่างเสียไม่ได้ โจวเหม่ยซิงรู้สึกโมโหในใจที่ทุกอย่างที่วางไว้ก็พัง แทนที่ลี่เหม่ยจูเข้ามาเห็นภาพที่ตนอยู่กับท่านแม่ทัพในห้องบนเตียงนอน อีกฝ่ายกลับมาเห็นท่าทางน่าอายของนางแทน ใบหน้าซีดแดงก่ำด้วยความโมโห

    ส่งคนมาดูแลนาง" เฉินหย่งหมิงบอกเสียงเรียบ และหันหลังเดินออกไปทันที เขาเข้าใจมารยาสตรีอย่างแจ่มแจ้งก็วันนี้ที่ผ่านมาอีกฝ่ายเองก็เพียงเล่นละครตบตาเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้น

    เมื่อเฉินหย่งหมิงออกไปพ้นแล้ว ลี่เหม่ยจูจึงเอ่ยเหน็บแนมบ้าง "อนุโจว ยาบางอย่างดื่มมากไปก็ใช่ว่าจะดี" ตอนเข้าไปประคองโจวเหม่ยซิงนางได้กลิ่นหมั่วอึ้งจึงเข้าใจแผนการในทันที นางลงทุนเอาตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อมัดใจชายบุรุษถึงเพียงนี้ช่างน่านับถือเสียจริง

    ปลาใหญ่มักตายน้ำตื้นลี่เหม่ยจูเปรยทิ้งท้ายเมื่อได้ยินเสียงข้าวของมากมายที่ตกแตกตามกหลัง

    ลี่เหม่ยจูหมดความอยากอาหาร จึงชวนซือซือออกไปเที่ยวตลาดตอนค่ำ นางคิดว่าไปหาอะไรกินนอกจวนน่าจะดีกว่า ด้วยความเร่งรีบไม่ทันระวังขณะที่วิ่งนั้นก็รู้สึกเหมือนชนอะไรสักอย่าง

    "อุ๊ย แม่ร่วง เจ็บชะมัดเลย โอ๊ย! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยคนสมัยนี้" ลี่เหม่ยจูรีบเดินไปตามเสียง กลับพบว่าเป็นดรุณีน้อยอายุราว 14 ปี ได้ นางผอมแห้งบอบบางแต่ก็ดูแข็งแรง หน้าตาน่ารัก ดวงตากลมโต คาดว่าอีกสักปีสองปีต้องงามล่มเมืองอย่างแน่นอน นางจึงรีบเข้าไปพยุงอีกฝ่ายทันทีอย่างนึกถูกชะตา

    "ขออภัยคุณหนูน้อยเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือไม่" ลี่เหม่ยจูปัดเศษหญ้าแห้งที่ติดกับผมดกดำออก และไม่กล้าปัดแรงเกรงว่าร่างบางจะบุบสลายไปเสียก่อน

    "ฉัน...เอ้ย...ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ" เสียงหวานแว่วเหมือนระฆังแก้วเปล่งออกมา ยิ่งทำให้สาวน้อยตรงหน้าน่ารักน่าเอ็นดูเพิ่มขึ้นจนลี่เหม่ยจูอดที่จะหยิกแก้มใสไม่ได้

    "ข้าขอโทษที่ข้าเร่งรีบไปหน่อย จึงไม่ทันระวัง" ลี่เหม่ยจูก้มหัวขอโทษอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้สาวน้อยตรงหน้าได้รับบาดเจ็บ

    "ไม่เป็นฉันโอเค...เอ้ย ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อย่ากังวลเลยพี่สาว" หญิงสาวยิ้มกว้างจนตาหยี พร้อมกับให้สาวใช้เร่งปัดเศษดินเศษหญ้าต่อ เมื่อลี่เหม่ยจูเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ามีสาวใช้มาด้วยจึงเบาใจและคิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ในตระกูลไหนสักตระกูลที่ออกมาเดินเที่ยวตลาดเช่นกัน

    "ข้าแซ่ลี่นามว่าเหม่ยจู แล้วเจ้าชื่อแซ่ใดหรือ เอาเช่นนี้ข้าจะเลี้ยงน้ำชาเจ้าเพื่อเป็นการขอโทษเอง ดีหรือไม่" ลี่เหม่ยจูรู้สึกว่าสาวน้อยตรงหน้าถูกชะตาตนอย่างยิ่งจึงอยากทำความรู้จัก ดูจากแววตาที่ซุกซนดื้อรั้นนั้นช่างถูกใจนางอย่างยิ่ง

    "ข้าแซ่หนี่ว์ นามว่าหลินเฟิ่งเจ้าค่ะยินดีที่ได้รู้จัก" สาวน้อยตรงหน้าบอกชื่อแซ่พร้อมทั้งยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ทำให้ลี่เหม่ยจูแปลกใจและงงงวยกับท่าทีแปลกๆ เหมือนอีกฝ่ายพึ่งรู้สึกตัวรีบชักมือกลับและเกาท้ายทอยเก้ออย่างน่ารัก ลี่เหม่ยจูถึงกับยิ้มขำ และหัวเราะออกมากับท่าทางประหลาดเช่นนั้น

    "เจ้าค่ะ ข้ากำลังหิวพอดีเลย" สาวน้อยเอ่ยบอกพลางลูบท้องแบนราบที่กำลังร้องโครกครากและยิ้มเอียงอาย

     

     



    [1]หมั่วอึ้ง คือสมุนไพรที่ที่ช่วยขับเหงื่อ แก้ไอ ระงับหอบ ขับน้ำลดบวม มีรสเผ็ด ขมเล็กน้อย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×