ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #24 : เพื่อนใหม่ 2 (rewrite)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.01K
      1.04K
      20 พ.ย. 62

    ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่

    โรงเตี๊ยมชื่อดังกลางเมืองหลวง หนาแน่นด้วยผู้คนที่มากินเที่ยว ผู้คนพลุกพล่านสมกับเป็นเมืองหลวง โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่มีทั้งห้องพัก ที่นั่งดื่มชาชมวิวเมืองหลวง ห้องอาหาร หรือแม้แต่หอนางโลมที่ไว้คอยให้บริการผู้มาเยือนอย่างครบวงจร ชั้นบนสุดของถูกทำให้เป็นที่ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวง หญิงสาวร่างบางนัยน์ตากลมดำขลับกำลังเป่าปากตื่นเต้น หันซ้ายหันขวาชมบรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมอย่างตื่นตาตื่นใจ จนลี่เหม่ยจูรู้สึกแปลกใจปนเอ็นดู

    คุณหนูหนี่ว์ เจ้าเพิ่งเคยมาโรงเตี๊ยมหมื่นลี้เป็นครั้งแรกใช่หรือไม่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าตื่นเต้นจึงอดถามไม่ได้

    เจ้าค่ะ...เอ่อ ท่านเรียกข้าว่าหนี่ว์เออร์ก็ได้เจ้าค่ะหนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มบอก นางไม่ใช่คนถือตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะที่ที่นางจากมาชายหญิงล้วนเท่าเทียม ถึงแม้ที่นี่จะให้ความสำคัญกับชั้นวรรณะอย่างยิ่งก็ตามอีกทั้งสตรีงดงามตรงหน้าดูก็รู้ว่าน่าจะอายุมากกว่านางด้วย

    เจ้าน่าจะอายุน้อยกว่าข้ากระมัง อย่างนั้นเรียกข้าว่าพี่จูจูก็ได้... ครอบครัวของเจ้าพึงย้ายมาเมืองหลวงหรือว่าเจ้าไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นจึงมีท่าทางตื่นเต้นเช่นนี้ลี่เหม่ยจูเอ่ยถามหลังจากที่ทำความรู้จักกับหนี่ว์หลินเฟิ่งมาพอสมควรแล้ว

    ข้าอยู่ที่เมืองหลวงเจ้าค่ะ แต่ข้าป่วยตั้งแต่เด็กเลยไม่มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่น แต่ตอนนี้ข้าหายป่วยแล้วเจ้าค่ะจึงมีโอกาสได้พบเจอโลกใหม่ๆ บ้างหนี่ว์หลินเฟิ่งตอบใบหน้ายิ้มแย้มมีนัยน์ตาเศร้าเพียงครู่ก็เปลี่ยนเป็นสดใสเช่นเดิม

    โลกหรือ โลกคือสิ่งใดลี่เหม่ยจูได้ยินคำแปลกๆ จากหนี่ว์หลินเฟิ่งหลายครั้งแล้ว คราแรกตนนึกว่านางมาจากต่างแคว้นคำพูดที่ใช้เลยแตกต่างจากผู้คนในเมืองหลวงแต่พอได้ฟังว่าดรุณีร่างเล็กเพิ่งหายจากเจ็บป่วยก็อดเห็นใจไม่ได้

    ข้าหมายถึง สิ่งที่อยู่ภายนอกจวนของข้าหนี่ว์หลินเฟิ่งอึกอักรีบตอบทันที นางยังเคยชินกับภาษาโลกก่อน นึกหลงลืมไปชั่วขณะ

    เจ้าหายป่วยก็ดีแล้วลี่เหม่ยจูยิ้มแย้ม และมองอาหารที่สั่งไปถูกยกมาส่งที่โต๊ะพอดี อีกทั้งเสี่ยวเออร์ยังทวนถามกับนางว่ามาสองคนจริงหรือ เพราะดูจากอาหารที่สั่งมาหลายอย่างเต็มโต๊ะสาวร่างบางสองคนจะกินหมดได้อย่างไร

    พี่จูจู อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ ฮู้!หนี่ว์หลินเฟิ่งเป่าปาก นางใช้สายตาสำรวจมองอาหารทุกอย่าง อาหารที่นี่ตกแต่งสวยงามกลิ่นหอมยั่วยวนใจจนทั้งสองคนแอบกลืนน้ำลาย พอได้ตักเข้าปากสองสาวถึงกับซูดปากหลับตาพริ้มลิ้มรสอาหารตรงหน้า สตรีทั้งสองกินอาหารตรงหน้าหมดเกลี้ยง

    อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ ข้าขอสั่งของหวานเพิ่มได้หรือไม่เจ้าคะหนี่ว์หลินเฟิงถามเจ้ามือก่อน ตามมารยาท

    อ้อ ได้สิ...สั่งเผื่อข้าด้วยนะลี่เหม่ยจูรีบบอกทันที ไม่คิดว่าหนี่ว์หลินเฟิ่งที่มีร่างบางเพียงนี้จะกินเยอะเทียบเท่านางได้ ทั้งยังตบท้ายด้วยของหวานอีก เสี่ยวเออร์ที่มารับคำสั่งเพิ่มของหวานอีกสองที่ตาแทบถลนออกจากเบ้า

    กินเยอะๆ นะ หนี่ว์เออร์จะได้โตเร็วๆ แล้วพี่สาวจะพาทำอะไรสนุกๆลี่เหม่ยจูบอกพลางใช้มือลูบหัวทุยที่มีผมลื่นสลวยเบาๆ

    เจ้าค่ะ ข้ามีสิ่งที่อยากทำมากมายแต่ยังไม่พบคนที่จะช่วยชี้แนะอีกทั้งข้ายังต้องข้าหาเงินทุนก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะทำสิ่งใดหนี่ว์หลินเฟิ่งรีบบอกทันที เป็นโอกาสดีเพราะอยู่ที่นี่นางไม่มีเพื่อนเลยสักคนถึงบ้านที่อาศัยอยู่จะร่ำรวย หากแต่เงินทองนั้นเป็นของบิดามารดาไม่ใช่ของนาง และอีกอย่างนางรู้สึกถูกชะตากับลี่เหม่ยจูเช่นกัน

    อายุเพียงนี้อยากร่ำรวยแล้วหรือ เช่นนั้นวันนี้เรากลับก่อนดีกว่า มืดค่ำเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เดี๋ยวพี่สาวจะแวะไปส่งเจ้าที่จวนก่อนก็แล้วกันลี่เหม่ยจูบอก เพราะอย่างไรเสียก่อนจะถึงจวนแม่ทัพก็ต้องผ่านจวนตระกูลหนี่ว์ก่อน

    “เจ้าค่ะ...ท่านแต่งงานแล้วหรือ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเกล้าผมเฉกเช่นสตรีออกเรือนก็อดถามไม่ได้

    ใบหน้างามชะงักนิ่งเมื่อได้ยินคำถามที่ทำให้นางกระอักกระอ่วน จุกลำคอ

    “ข้าออกเรือนแล้ว”

    ท่านแต่งงานแล้วจริงหรือ อายุท่านก็มากกว่าข้าไม่กี่ปีต้องออกเรือนแล้วหรือลี่เหม่ยจูอึกอัก และยิ้มบางๆ

    “เป็นราชโองการของฮ่องเต้ ใครจะกล้าขัดลี่เหม่ยจูทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่อนึกถึงใบหน้าเจ้าเล่ห์ของใครบางคน ผู้ที่ชอบหลอกกินเต้าหู้นาง

    ข้าเคยได้ยินมาว่าฮ่องเต้ชอบสะสมหญิงงามเอาไว้จนล้นวัง อีกทั้งยังทรงเป็นบุรุษเจ้าสำราญหนี่ว์หลินเฟิงกระซิบเสียงเบา คำถามไร้เดียงสาของดรุณีน้อยตรงหน้านั้นทำให้ลี่เหม่ยจูไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ที่ศิษย์พี่ใหญ่ของนางชื่อเสียกระจายไปแบบนี้

    บิดาของเจ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ มีบทบาทสำคัญในราชสำนัก หากเจ้าเลยวัยปักปิ่นแล้วย่อมต้องถูกคัดตัวเป็นสนมไม่ก็คงต้องแต่ให้กับเหล่าขุนนาง เหล่าเชื้อพระวงศ์หรือคุณชายตระกูลสูงเช่นกันลี่เหม่ยจูคิดแล้วก็เสียดายที่พบคนที่ถูกชะตา แต่อาจจะต้องหลุดลอยไปอยู่ในมือฮ่องเต้ที่ไร้หัวใจเช่นนั้น คิดขึ้นมาก็รู้สึกเป็นห่วงสาวน้อยยิ่งนัก นางอยากเก็บแววตาสดใสเอาไว้ให้เนิ่นนาน การที่เข้าไปอยู่ในวังนั้นก็ต้องเฝ้ารอแต่บุรุษผู้เดียว เฝ้ารอทั้งชีวิตทั้งยังต้องแกร่งแย่งเอาตัวรอดจากอำนาจอันโสมม อย่างน้อยนางก็ไม่โชคร้ายต้องเป็นสนมแต่ก็ไม่ได้โชคดีที่แต่งเจ้าจวนแม่ทัพ

    แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ข้ายังมีสิ่งที่อยากทำอีกมากเจ้าค่ะ" หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มอย่างประจบ ในสายตาของหนี่ว์หลินเฟิงแล้วลี่เหม่ยจูเป็นหญิงสาวงดงามยิ่ง ใบหน้าแม้ไร้การแต่งแต้มยังสดสวยสุขภาพดี ดวงตากลมโตมีเสน่ห์ดึงดูดใจมีนิสัยใจคอตรงไปตรงมาอย่างยิ่งดูแล้วมีความจริงใจมาก

    "หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือให้มาพบพี่สาวที่จวนแม่ทัพดีหรือไม่" ลี่เหม่ยจูเอ่ยอย่างใจดี นางเหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยกำลังมุ่งหน้าเดินมาที่โต๊ะของนางครั้งจะชวนสาวน้อยตรงหน้าหลบหนีก็คงไม่ทันเสียแล้ว

    "ไม่คิดว่าจะพบจูเออร์ที่นี่...ช่างบังเอิญเสียจริง หรือเป็นเพราะเมืองหลวงคับแคบเกินไป" จงหวินตี้ฮ่องเต้ทรงแต่งกายราวกับคุณชายเจ้าสำราญเอามือไขว้หลังพูดเสียงเรียบปนขำขัน พระองค์ชำเลืองมองดรุณีน้อยที่มองมาอย่างไม่มีความเขินอาย ผิดวิสัยของดรุณีทั่วไปที่พบพระองค์แล้วจะต้องเขินอายทุกคน

    "เชิญนั่งขอรับ" เฉิงหย่งหมิเอ่ยขัดทันทีเมื่อเห็นสายพระเนตรวิบวับจ้องมองลี่เหม่ยจู ทว่ายังไม่น่าหงุดหงิดเท่าการที่นางทำเมินราวกับไม่เห็นเขาในสายตา

    "เชิญคุณชายนั่งตรงนี้เจ้าค่ะ" ลี่เหม่ยจูย้ายไปนั่งฝั่งเดียวกันกับหนี่ว์หลินเฟิงทันที เมื่อหันไปมองสาวน้อยด้านข้างนางยังคงตั้งหน้าตั้งตากินเซ่าปิงไม่ยอมหยุดราวกับหิวโหย จึงได้แต่อมยิ้ม ที่นานๆ จะได้เห็นสตรีที่ไม่เขินอายบุรุษเช่นนี้

    "คุณหนูหนี่ว์...หนี่ว์หลินเฟิ่ง ข้าบังเอิญได้พบกับนางตอนเดินเล่นที่ตลาดแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ที่ได้พบพวกท่านที่นี่เช่นกัน" ลี่เหม่ยจูหรี่ตามองทั้งสองคนอย่างจับผิด

    “ข้าน้อยแซ่หนี่ว์ นามหนี่หลินเฟิงขอคารวะคุณชายทั้งสอง” สาวน้อยยอมละจากการกินลุกขึ้นย่อกายคำนับและนั่งลงแล้วกินขนมต่อ

    “ยินดีที่ได้พบคุณหนูหนี่ว์” เฉินหย่งหมิงเอ่ยเสียงเรียบตามมารยาท

    "เจ้าก็คิดมากไปแล้ว...วันนี้มีงานเทศกาลผู้ใดย่อมต้องออกมาเที่ยวเล่นดูสินค้าต่างแคว้นใช่หรือไม่หย่งหมิง" มังกรหนุ่มหลบเลี่ยงคำพูด ทั้งยังหาแนวร่วมกับคนที่ทำหน้าบึ้งตึง

    "ขอรับ" เฉินหย่งหมิงจำต้องตอบรับอย่างเสียไม่ได้ เขาพลาดร่วมโต๊ะมื้อเย็นกับนาง เรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนของโจวเหม่ยซิงก็ยังไม่ได้พูดคุยกันซ้ำนางยังออกจากจวนโดยไม่บอกเขาแม้แต่น้อยก็หงุดหงิดมากพอแล้ว ในตอนนี้เขายังต้องมานั่งมองนางทำใบหน้าเฉยชาใส่ยิ่งร้อนลุ่ม ไม่รู้ว่านางจะเข้าใจผิดเรื่องของโจวเหม่ยซิงหรือไม่ หากเขาไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของฮ่องเต้เขาคงจะลากนางออกไปคุยกันให้รู้เรื่องนานแล้ว

    "คุณหนูหนี่ว์ บุตรีของใต้เท้าเจ้ากรมพิธีการสินะ" โอรสสวรรค์เริ่มหันมามองสาวน้อยที่นั่งตรงข้ามที่นั่งกินเซ่าปิง จิบน่ำชาเงียบๆ ก่อนเดินเข้ามาพระองค์ยังเห็นนางหัวเราะ สดใส แต่ตอนนี้กลับต่างไปลิบลับจากเมื่อครู่ การวางตัวของนางดูเป็นผู้ใหญ่กว่าดรุณีวัยเดียวกันไร้ความเขินอายจนมังกรหนุ่มนึกแปลกใจ

    "เจ้าค่ะ" หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มน้อยๆ ให้ตามมารยาท และหันไปกินเซ่าปิงต่อ จากนั้นก็กระซิบถามลี่เหม่ยจู "พี่สาวบุรุษทั้งสองคนนี้ผู้ใดคือสามีของท่านหรือ" ลี่เหม่ยจูได้ฟังคำถามก็สำลักน้ำชาทันที

    "แค่กๆ " เฉิงหย่งหมิงรีบลุกไปลูบหลังลี่เหม่ยจูอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง

    "ข้าทราบแล้วคำตอบนั้นเจ้าค่ะ" หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มกว้างทันที พลางยักคิ้วหนึ่งข้างให้กับบุรุษที่นั่งตรงข้าม

    "เจ้า!! " จงหวินตี้ฮ่องเต้รู้สึกคันยิกๆ ในอกยิ่ง เด็กน้อยหน้าตาอัปลักษณ์นางนี้กลั่นแกล้งแกล้งพระองค์ เมื่อครู่นางกล้าขัดขาพระองค์ทำให้ไปช่วยลี่เหมายจูช้ากว่าเฉินหย่งหมิงครึ่งก้าว พระองค์ประมาทความไร้เดียงสาของนางมากเกินไป

    พี่จูจู ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วข้าเกรงว่าท่านพ่อท่านแม่จะเป็นห่วง ข้าขอตัวนะเจ้าคะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากลับเองได้เจ้าค่ะ" หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มหวาน

    "ท่านพี่เขย ข้าฝากดูแลพี่สาวด้วยนะเจ้าคะ แถวนี้แมวขโมยเยอะเจ้าค่ะ" หนี่ว์หลินเฟิ่งก้มหัวคำนับลา ปรายตามองใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องนางทมึงถึง

    "เจ้า!!" มังกรหนุ่มขบกามแน่น

                   "เจ้า!! "

     


    www.printerest.com

    หนี่ว์หลินเฟิ่ง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×