คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : เพื่อนใหม่ 2 (rewrite)
ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่
โรงเตี๊ยมชื่อดังกลางเมืองหลวง
หนาแน่นด้วยผู้คนที่มากินเที่ยว ผู้คนพลุกพล่านสมกับเป็นเมืองหลวง โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่มีทั้งห้องพัก
ที่นั่งดื่มชาชมวิวเมืองหลวง ห้องอาหาร
หรือแม้แต่หอนางโลมที่ไว้คอยให้บริการผู้มาเยือนอย่างครบวงจร
ชั้นบนสุดของถูกทำให้เป็นที่ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวง
หญิงสาวร่างบางนัยน์ตากลมดำขลับกำลังเป่าปากตื่นเต้น หันซ้ายหันขวาชมบรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมอย่างตื่นตาตื่นใจ
จนลี่เหม่ยจูรู้สึกแปลกใจปนเอ็นดู
“คุณหนูหนี่ว์
เจ้าเพิ่งเคยมาโรงเตี๊ยมหมื่นลี้เป็นครั้งแรกใช่หรือไม่” เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าตื่นเต้นจึงอดถามไม่ได้
“เจ้าค่ะ...เอ่อ
ท่านเรียกข้าว่าหนี่ว์เออร์ก็ได้เจ้าค่ะ” หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มบอก
นางไม่ใช่คนถือตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะที่ที่นางจากมาชายหญิงล้วนเท่าเทียม
ถึงแม้ที่นี่จะให้ความสำคัญกับชั้นวรรณะอย่างยิ่งก็ตามอีกทั้งสตรีงดงามตรงหน้าดูก็รู้ว่าน่าจะอายุมากกว่านางด้วย
“เจ้าน่าจะอายุน้อยกว่าข้ากระมัง
อย่างนั้นเรียกข้าว่าพี่จูจูก็ได้...
ครอบครัวของเจ้าพึงย้ายมาเมืองหลวงหรือว่าเจ้าไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นจึงมีท่าทางตื่นเต้นเช่นนี้”
ลี่เหม่ยจูเอ่ยถามหลังจากที่ทำความรู้จักกับหนี่ว์หลินเฟิ่งมาพอสมควรแล้ว
“ข้าอยู่ที่เมืองหลวงเจ้าค่ะ
แต่ข้าป่วยตั้งแต่เด็กเลยไม่มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่น
แต่ตอนนี้ข้าหายป่วยแล้วเจ้าค่ะจึงมีโอกาสได้พบเจอโลกใหม่ๆ บ้าง” หนี่ว์หลินเฟิ่งตอบใบหน้ายิ้มแย้มมีนัยน์ตาเศร้าเพียงครู่ก็เปลี่ยนเป็นสดใสเช่นเดิม
“โลกหรือ โลกคือสิ่งใด” ลี่เหม่ยจูได้ยินคำแปลกๆ
จากหนี่ว์หลินเฟิ่งหลายครั้งแล้ว คราแรกตนนึกว่านางมาจากต่างแคว้นคำพูดที่ใช้เลยแตกต่างจากผู้คนในเมืองหลวงแต่พอได้ฟังว่าดรุณีร่างเล็กเพิ่งหายจากเจ็บป่วยก็อดเห็นใจไม่ได้
“ข้าหมายถึง สิ่งที่อยู่ภายนอกจวนของข้า”
หนี่ว์หลินเฟิ่งอึกอักรีบตอบทันที นางยังเคยชินกับภาษาโลกก่อน
นึกหลงลืมไปชั่วขณะ
“เจ้าหายป่วยก็ดีแล้ว” ลี่เหม่ยจูยิ้มแย้ม
และมองอาหารที่สั่งไปถูกยกมาส่งที่โต๊ะพอดี
อีกทั้งเสี่ยวเออร์ยังทวนถามกับนางว่ามาสองคนจริงหรือ
เพราะดูจากอาหารที่สั่งมาหลายอย่างเต็มโต๊ะสาวร่างบางสองคนจะกินหมดได้อย่างไร
“พี่จูจู อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ ฮู้!” หนี่ว์หลินเฟิ่งเป่าปาก นางใช้สายตาสำรวจมองอาหารทุกอย่าง
อาหารที่นี่ตกแต่งสวยงามกลิ่นหอมยั่วยวนใจจนทั้งสองคนแอบกลืนน้ำลาย
พอได้ตักเข้าปากสองสาวถึงกับซูดปากหลับตาพริ้มลิ้มรสอาหารตรงหน้า
สตรีทั้งสองกินอาหารตรงหน้าหมดเกลี้ยง
“อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ
ข้าขอสั่งของหวานเพิ่มได้หรือไม่เจ้าคะ” หนี่ว์หลินเฟิงถามเจ้ามือก่อน
ตามมารยาท
“อ้อ ได้สิ...สั่งเผื่อข้าด้วยนะ” ลี่เหม่ยจูรีบบอกทันที
ไม่คิดว่าหนี่ว์หลินเฟิ่งที่มีร่างบางเพียงนี้จะกินเยอะเทียบเท่านางได้
ทั้งยังตบท้ายด้วยของหวานอีก
เสี่ยวเออร์ที่มารับคำสั่งเพิ่มของหวานอีกสองที่ตาแทบถลนออกจากเบ้า
“กินเยอะๆ นะ หนี่ว์เออร์จะได้โตเร็วๆ
แล้วพี่สาวจะพาทำอะไรสนุกๆ” ลี่เหม่ยจูบอกพลางใช้มือลูบหัวทุยที่มีผมลื่นสลวยเบาๆ
“เจ้าค่ะ
ข้ามีสิ่งที่อยากทำมากมายแต่ยังไม่พบคนที่จะช่วยชี้แนะอีกทั้งข้ายังต้องข้าหาเงินทุนก่อน
แล้วค่อยคิดว่าจะทำสิ่งใด” หนี่ว์หลินเฟิ่งรีบบอกทันที เป็นโอกาสดีเพราะอยู่ที่นี่นางไม่มีเพื่อนเลยสักคนถึงบ้านที่อาศัยอยู่จะร่ำรวย
หากแต่เงินทองนั้นเป็นของบิดามารดาไม่ใช่ของนาง
และอีกอย่างนางรู้สึกถูกชะตากับลี่เหม่ยจูเช่นกัน
“อายุเพียงนี้อยากร่ำรวยแล้วหรือ
เช่นนั้นวันนี้เรากลับก่อนดีกว่า มืดค่ำเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
เดี๋ยวพี่สาวจะแวะไปส่งเจ้าที่จวนก่อนก็แล้วกัน” ลี่เหม่ยจูบอก
เพราะอย่างไรเสียก่อนจะถึงจวนแม่ทัพก็ต้องผ่านจวนตระกูลหนี่ว์ก่อน
“เจ้าค่ะ...ท่านแต่งงานแล้วหรือ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเกล้าผมเฉกเช่นสตรีออกเรือนก็อดถามไม่ได้
ใบหน้างามชะงักนิ่งเมื่อได้ยินคำถามที่ทำให้นางกระอักกระอ่วน จุกลำคอ
“ข้าออกเรือนแล้ว”
“ท่านแต่งงานแล้วจริงหรือ
อายุท่านก็มากกว่าข้าไม่กี่ปีต้องออกเรือนแล้วหรือ” ลี่เหม่ยจูอึกอัก
และยิ้มบางๆ
“เป็นราชโองการของฮ่องเต้
ใครจะกล้าขัด” ลี่เหม่ยจูทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่อนึกถึงใบหน้าเจ้าเล่ห์ของใครบางคน
ผู้ที่ชอบหลอกกินเต้าหู้นาง
“ข้าเคยได้ยินมาว่าฮ่องเต้ชอบสะสมหญิงงามเอาไว้จนล้นวัง
อีกทั้งยังทรงเป็นบุรุษเจ้าสำราญ” หนี่ว์หลินเฟิงกระซิบเสียงเบา
คำถามไร้เดียงสาของดรุณีน้อยตรงหน้านั้นทำให้ลี่เหม่ยจูไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
ที่ศิษย์พี่ใหญ่ของนางชื่อเสียกระจายไปแบบนี้
“บิดาของเจ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ มีบทบาทสำคัญในราชสำนัก
หากเจ้าเลยวัยปักปิ่นแล้วย่อมต้องถูกคัดตัวเป็นสนมไม่ก็คงต้องแต่ให้กับเหล่าขุนนาง
เหล่าเชื้อพระวงศ์หรือคุณชายตระกูลสูงเช่นกัน” ลี่เหม่ยจูคิดแล้วก็เสียดายที่พบคนที่ถูกชะตา
แต่อาจจะต้องหลุดลอยไปอยู่ในมือฮ่องเต้ที่ไร้หัวใจเช่นนั้น
คิดขึ้นมาก็รู้สึกเป็นห่วงสาวน้อยยิ่งนัก นางอยากเก็บแววตาสดใสเอาไว้ให้เนิ่นนาน
การที่เข้าไปอยู่ในวังนั้นก็ต้องเฝ้ารอแต่บุรุษผู้เดียว เฝ้ารอทั้งชีวิตทั้งยังต้องแกร่งแย่งเอาตัวรอดจากอำนาจอันโสมม
อย่างน้อยนางก็ไม่โชคร้ายต้องเป็นสนมแต่ก็ไม่ได้โชคดีที่แต่งเจ้าจวนแม่ทัพ
“แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ข้ายังมีสิ่งที่อยากทำอีกมากเจ้าค่ะ"
หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มอย่างประจบ
ในสายตาของหนี่ว์หลินเฟิงแล้วลี่เหม่ยจูเป็นหญิงสาวงดงามยิ่ง ใบหน้าแม้ไร้การแต่งแต้มยังสดสวยสุขภาพดี
ดวงตากลมโตมีเสน่ห์ดึงดูดใจมีนิสัยใจคอตรงไปตรงมาอย่างยิ่งดูแล้วมีความจริงใจมาก
"หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือให้มาพบพี่สาวที่จวนแม่ทัพดีหรือไม่"
ลี่เหม่ยจูเอ่ยอย่างใจดี นางเหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยกำลังมุ่งหน้าเดินมาที่โต๊ะของนางครั้งจะชวนสาวน้อยตรงหน้าหลบหนีก็คงไม่ทันเสียแล้ว
"ไม่คิดว่าจะพบจูเออร์ที่นี่...ช่างบังเอิญเสียจริง
หรือเป็นเพราะเมืองหลวงคับแคบเกินไป"
จงหวินตี้ฮ่องเต้ทรงแต่งกายราวกับคุณชายเจ้าสำราญเอามือไขว้หลังพูดเสียงเรียบปนขำขัน
พระองค์ชำเลืองมองดรุณีน้อยที่มองมาอย่างไม่มีความเขินอาย
ผิดวิสัยของดรุณีทั่วไปที่พบพระองค์แล้วจะต้องเขินอายทุกคน
"เชิญนั่งขอรับ"
เฉิงหย่งหมิเอ่ยขัดทันทีเมื่อเห็นสายพระเนตรวิบวับจ้องมองลี่เหม่ยจู ทว่ายังไม่น่าหงุดหงิดเท่าการที่นางทำเมินราวกับไม่เห็นเขาในสายตา
"เชิญคุณชายนั่งตรงนี้เจ้าค่ะ"
ลี่เหม่ยจูย้ายไปนั่งฝั่งเดียวกันกับหนี่ว์หลินเฟิงทันที
เมื่อหันไปมองสาวน้อยด้านข้างนางยังคงตั้งหน้าตั้งตากินเซ่าปิงไม่ยอมหยุดราวกับหิวโหย
จึงได้แต่อมยิ้ม ที่นานๆ จะได้เห็นสตรีที่ไม่เขินอายบุรุษเช่นนี้
"คุณหนูหนี่ว์...หนี่ว์หลินเฟิ่ง
ข้าบังเอิญได้พบกับนางตอนเดินเล่นที่ตลาดแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ที่ได้พบพวกท่านที่นี่เช่นกัน"
ลี่เหม่ยจูหรี่ตามองทั้งสองคนอย่างจับผิด
“ข้าน้อยแซ่หนี่ว์
นามหนี่หลินเฟิงขอคารวะคุณชายทั้งสอง”
สาวน้อยยอมละจากการกินลุกขึ้นย่อกายคำนับและนั่งลงแล้วกินขนมต่อ
“ยินดีที่ได้พบคุณหนูหนี่ว์”
เฉินหย่งหมิงเอ่ยเสียงเรียบตามมารยาท
"เจ้าก็คิดมากไปแล้ว...วันนี้มีงานเทศกาลผู้ใดย่อมต้องออกมาเที่ยวเล่นดูสินค้าต่างแคว้นใช่หรือไม่หย่งหมิง"
มังกรหนุ่มหลบเลี่ยงคำพูด ทั้งยังหาแนวร่วมกับคนที่ทำหน้าบึ้งตึง
"ขอรับ" เฉินหย่งหมิงจำต้องตอบรับอย่างเสียไม่ได้
เขาพลาดร่วมโต๊ะมื้อเย็นกับนาง
เรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนของโจวเหม่ยซิงก็ยังไม่ได้พูดคุยกันซ้ำนางยังออกจากจวนโดยไม่บอกเขาแม้แต่น้อยก็หงุดหงิดมากพอแล้ว
ในตอนนี้เขายังต้องมานั่งมองนางทำใบหน้าเฉยชาใส่ยิ่งร้อนลุ่ม
ไม่รู้ว่านางจะเข้าใจผิดเรื่องของโจวเหม่ยซิงหรือไม่
หากเขาไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของฮ่องเต้เขาคงจะลากนางออกไปคุยกันให้รู้เรื่องนานแล้ว
"คุณหนูหนี่ว์ บุตรีของใต้เท้าเจ้ากรมพิธีการสินะ"
โอรสสวรรค์เริ่มหันมามองสาวน้อยที่นั่งตรงข้ามที่นั่งกินเซ่าปิง จิบน่ำชาเงียบๆ
ก่อนเดินเข้ามาพระองค์ยังเห็นนางหัวเราะ สดใส
แต่ตอนนี้กลับต่างไปลิบลับจากเมื่อครู่ การวางตัวของนางดูเป็นผู้ใหญ่กว่าดรุณีวัยเดียวกันไร้ความเขินอายจนมังกรหนุ่มนึกแปลกใจ
"เจ้าค่ะ" หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มน้อยๆ
ให้ตามมารยาท และหันไปกินเซ่าปิงต่อ จากนั้นก็กระซิบถามลี่เหม่ยจู "พี่สาวบุรุษทั้งสองคนนี้ผู้ใดคือสามีของท่านหรือ"
ลี่เหม่ยจูได้ฟังคำถามก็สำลักน้ำชาทันที
"แค่กๆ "
เฉิงหย่งหมิงรีบลุกไปลูบหลังลี่เหม่ยจูอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง
"ข้าทราบแล้วคำตอบนั้นเจ้าค่ะ"
หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มกว้างทันที พลางยักคิ้วหนึ่งข้างให้กับบุรุษที่นั่งตรงข้าม
"เจ้า!! "
จงหวินตี้ฮ่องเต้รู้สึกคันยิกๆ ในอกยิ่ง เด็กน้อยหน้าตาอัปลักษณ์นางนี้กลั่นแกล้งแกล้งพระองค์
เมื่อครู่นางกล้าขัดขาพระองค์ทำให้ไปช่วยลี่เหมายจูช้ากว่าเฉินหย่งหมิงครึ่งก้าว
พระองค์ประมาทความไร้เดียงสาของนางมากเกินไป
“พี่จูจู
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วข้าเกรงว่าท่านพ่อท่านแม่จะเป็นห่วง ข้าขอตัวนะเจ้าคะ
ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากลับเองได้เจ้าค่ะ" หนี่ว์หลินเฟิ่งยิ้มหวาน
"ท่านพี่เขย ข้าฝากดูแลพี่สาวด้วยนะเจ้าคะ
แถวนี้แมวขโมยเยอะเจ้าค่ะ" หนี่ว์หลินเฟิ่งก้มหัวคำนับลา
ปรายตามองใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องนางทมึงถึง
"เจ้า!!" มังกรหนุ่มขบกามแน่น
"เจ้า!! "
หนี่ว์หลินเฟิ่ง
ความคิดเห็น