คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : เหตุผล (rewrite)
(เฉินหย่งหมิง)
เฉินหย่งหมิงมั่นใจแล้วว่าสตรีที่ช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อปีที่แล้วคือลี่เหม่ยจูอย่างแน่นอน
ส่วนน้องสาวของนาง ลี่เหม่ยเจินคือคนที่สวมรอย! และนางมีเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องเดินทางในช่วงที่มีกบฏและบังเอิญมาพบเขาหลังจากที่ลี่เหม่ยจูถอนพิษให้แล้ว
เขาตามสืบเรื่องของลี่เหม่ยเจินอยู่พักใหญ่
จึงรู้ว่านางมีความสัมพันธ์บางอย่างกับหยวนอ๋อง
อีกทั้งยังช่วยเหลืออีกฝ่ายในการขนส่งและจัดหาเสบียงเพื่อเลี้ยงดูกองทัพกบฏ
จากนั้นเขาก็เกิดความคิดที่จะติดตามนางเพื่อสืบสาวเข้าถึงตัวหยวนอ๋อง
วิธีเดียวที่จะล้วงความลับจากนางได้คือการแต่งนางเข้าจวนเท่านั้น
การเคลื่อนไหวของนางล้วนต้องอยู่ในสายตาของเขา
เท่าที่เขาสืบรู้มาคือมารดาของลี่เหม่ยเจิน
รวมทั้งตัวของนางเองหลงใหลในอำนาจ เงินทอง และใฝ่ในตำแหน่งฮูหยินเอก
เขาจึงลองเสนอตำแหน่งนั้นให้นาง
และเพื่อให้อีกฝ่ายไม่สามารถปฏิเสธได้จึงคิดจะให้ฮ่องเต้ประทานสมรสให้
หากแต่แล้วฮ่องเต้กลับประทานลี่เหม่ยจูให้มาแทนแม้จะผิดไปจากที่เขาคาดหากแต่ก็เป็นเรื่องดีที่มำให้เขาได้พบกับสตรีที่ช่วยชีวิตของเขา
ตอนนี้จึงทำให้ลี่เหม่ยจูกำลังเข้าใจผิดคิดว่าเขามีใจให้กับลี่เหม่ยเจินน้องสาวต่างมารดาของนาง
ลี่เหม่ยจูจึงพยายามตีตัวออกห่างจากเขายามใดที่เขากำลังรู้สึกว่ากำแพงในใจของนางกำลังจะลดลงเมื่อนั้นนางกลับพยายามสร้างกำแพงกั้นขึ้นมาใหม่
เขาไม่แน่ใจว่าลี่เหม่ยจูจะรู้เรื่องที่น้องสาวของนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับกบฏหรือไม่
และนางจะรู้สึกอย่างไรหากเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงตระกูลลี่ทั้งตระกูล จากที่เขารู้และเห็นนางเป็นคนที่ปกป้องชื่อเสียงตระกูลและคงไม่ยอมให้ตระกูลของนางย่อยยับพังลงแน่
เรื่องนี้เขารู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่ปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอนไม่แน่อาจต้องโทษทั้งตระกูลเขาจึงพยายามให้นางไม่ต้องรับรู้เกี่ยวกับน้องสาว
แกล้งพูดประชดหลายคราให้นางเลิกสนใจลี่เหม่ยเจินหากทั้งตระกูลลี่ต้องมีอันเป็นไปทั้งตระกูลจริงเขาขอเพียงนางที่รอดและยึดตระกูลเฉินของเขาไว้เป็นที่พึ่ง
แต่สิ่งที่เขามั่นใจและหนักใจในคราวเดียวกันสตรีดื้อรั้นผู้นั้นคงไม่มีทางยอม
"นายท่านขอรับ
คืนนี้จะไปรับมื้อเย็นกับฮูหยินหรือไม่" ตู้ฟ่านฉีเข้ามาถามตามปกติ
เพราะเขาเองก็อยากไปที่เรือนใหญ่เช่นกัน
"นับตั้งแต่วันนี้ข้าจะรับอาหารกับนางทุกวัน"
เฉินหย่งหมิงเอ่ยเสียงเรียบ เขาจะพยายามเข้าหานางโดยที่นางโดยไม่ให้นางตั้งตัว
เขาอมยิ้ม และเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
"นายท่านไม่สบายหรือขอรับ
ให้ข้าน้อยตามหมอหรือไม่" เมื่อได้ยินคนสนิทเอ่ยถาม
เฉินหย่งหมิงจึงรีบเก็บสีหน้าไว้เช่นเดิม เปลี่ยนสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
"ไปวิ่งรอบจวน” คำสั่งของผู้เป็นนายทำให้ตู้ฟ่านฉี
เงยหน้าขึ้นมอง และรับคำสั่งอย่างเสียไม่ได้
เขาเพียงไม่เคยเห็นผู้เป็นนายยิ้มกว้างขนาดนี้จึงเอ่ยถามอย่างกังวลแต่ไม่คิดว่าจะถูกลงโทษให้วิ่งรอบจวนเช่นนี้
"น้อมรับคำสั่งขอรับ"
เฉินหย่งหมิงปรายสายตานิ่งมองคนสนิท และก้มหน้าทำงานต่อ
"โชคดีนะขอรับท่านหัวหน้า
พวกข้าจะให้กำลังใจอยู่ตรงนี่"
จิ่นมู่ตงองครักษ์หมายเลขสองโค้งคำนับผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์ เมื่อคราวที่แล้วเขาก็เอ่ยประโยคเช่นเดียวกับหัวหน้า จึงทำให้ตอนนี้เขายังปวดขาไม่หาย
ตู้ฟ่านฉีเดินวิ่งมาถึงต้นไม้ใหญ่
ใต้ร่มเงาไม้พบสตรีผู้หนึ่งกำลังเดินเก็บดอกโม่ลี่อย่างอารมณ์ดี
ร่างบางตรงหน้าแลดูแล้วน่าทะนุถนอมใบหน้านวลสองแก้มแดงปลั่งคลอด้วยหยาดเหงื่อ เขายิ้มอย่างเอ็นดู
แต่พอมองสภาพตัวเองที่เหงื่อชุ่มจึงชะงักฝีเท้า
อีกทั้งยังเขินอายหากนางจะทราบว่าเขากำลังถูกลงโทษจึงได้แต่ยืนมอง
ซือซือได้รับอนุญาตจากฮูหยินให้พักผ่อนผลัดเปลี่ยนให้หลิวลู่เอินปรนนิบัติ
นางจึงเดินเล่นถือตะกร้าน้ำชามาเรื่อยๆ จนพบพุ่มโม่ลี่ฮวา[1]ออกดอกสีขาวละลานตา
นางจึงคิดว่าจะเก็บดอกที่บานในยามแดดจ้าเช่นนี้ไปลอยในอ่างน้ำในเรือนเพื่อให้มีกลิ่นหอม
ในบริเวณใกล้ๆ
มีร่มไม้และตั่งยาวสำหรับนั่งพัก จึงเอาป้านชาและจอกชาออกและเก็บโม่ลี่ฮวาใส่แทน
นางละสายตาจากดอกโม่ลี่สีขาวตรงหน้า และเห็นมีบุรุษกำลังยืนจ้องนางอยู่นานสองนาน
พอเห็นว่าเป็นหัวหน้าองครักษ์ตู้ฟ่านฉีนางจึงรีบเข้าไปทักทายทันที แต่เขากลับยืนนิ่ง
“ท่านองครักษ์ตู้เจ้าคะ” ซือซือชะเง้อคอเรียกถามอยู่หลายครั้งทั้งยังโบกมือไปมาอยู่หลายครั้ง
“เอ่อ แม่นางซือซือ” ตู้ฟ่านฉีรีบเดินเข้าไปหาซือซือที่โบกมือไปมาหลายครั้ง
เขามัวแต่เหม่อลอยจนน่าอาย
“เรียกซือซือก็ได้เจ้าค่ะ
ว่าแต่ท่านองครักษ์ตู้กำลังทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ ถึงมีเหงื่อมากเพียงนี้”
ซือซือเอ่ยถามทั้งยังยิ้มกว้างตาหยี
“ข้า...เอ่อ
ข้ามาทำธุระให้นายท่านน่ะ...ต้องขอตัว” ตู้ฟ่านฉีรู้สึกว่าหน้าอกข้างซ้ายเหมือนมีกลองตีรัวอยู่ภายในอกจึงรีบขอตัวเดินจากไป
หวังว่าเมื่อเขาต้องวิ่งกลับมาตรงนี้นางคงจะไปแล้ว
ซือซือนั่งพักเหนื่อยจากการเก็บโม่ลี่ฮวา
นางนั่งพักจิบชาใต้ร่มไม้อย่างใจเย็น
นางไม่มีสิ่งที่ต้องไปทำจึงตัดสินใจนั่งเล่นอยู่ที่เดิม
ผ่านไปหลายเค่อพลันมองเห็นชายหนุ่มผู้พึ่งกล่าวอำลาไปเมื่อครู่วิ่งกลับมาทั้งยังเสมองหันหน้าไปทางอื่นราวกับมองไม่เห็นนางจึงนึกแปลกใจ
“เหตุใดท่านองครักษ์ตู้ถึงอยากวิ่งออกกำลังเวลานี้นะแปลกจริงแท้
เมื่อครู่เขาบอกว่ากำลังจะไปทำธุระมิใช่หรือ” ซือซือเอ่ยผู้เดียวทั้งยังมองแสงแดดจ้าในยามอู่[2]
ตู้ฟ่านฉี
ก้มหน้าวิ่งเมื่อเห็นว่าผู้ที่ภาวนาให้ไม่ต้องมาเห็นภาพที่น่าอับอายเช่นนี้
ยังนั่งอยู่ที่เดิม
ถึงกระนั้นเขาก็ยอมเสียมารยาทไม่ทักทายนางและตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป
ความคิดเห็น