ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลี่เหม่ยจูสตรีผู้ทรนง

    ลำดับตอนที่ #22 : เหตุผล (rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 30.26K
      1.05K
      20 พ.ย. 62


    (เฉินหย่งหมิง)

    เฉินหย่งหมิงมั่นใจแล้วว่าสตรีที่ช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อปีที่แล้วคือลี่เหม่ยจูอย่างแน่นอน ส่วนน้องสาวของนาง ลี่เหม่ยเจินคือคนที่สวมรอย! และนางมีเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องเดินทางในช่วงที่มีกบฏและบังเอิญมาพบเขาหลังจากที่ลี่เหม่ยจูถอนพิษให้แล้ว

     

    เขาตามสืบเรื่องของลี่เหม่ยเจินอยู่พักใหญ่ จึงรู้ว่านางมีความสัมพันธ์บางอย่างกับหยวนอ๋อง อีกทั้งยังช่วยเหลืออีกฝ่ายในการขนส่งและจัดหาเสบียงเพื่อเลี้ยงดูกองทัพกบฏ จากนั้นเขาก็เกิดความคิดที่จะติดตามนางเพื่อสืบสาวเข้าถึงตัวหยวนอ๋อง วิธีเดียวที่จะล้วงความลับจากนางได้คือการแต่งนางเข้าจวนเท่านั้น การเคลื่อนไหวของนางล้วนต้องอยู่ในสายตาของเขา

    เท่าที่เขาสืบรู้มาคือมารดาของลี่เหม่ยเจิน รวมทั้งตัวของนางเองหลงใหลในอำนาจ เงินทอง และใฝ่ในตำแหน่งฮูหยินเอก เขาจึงลองเสนอตำแหน่งนั้นให้นาง และเพื่อให้อีกฝ่ายไม่สามารถปฏิเสธได้จึงคิดจะให้ฮ่องเต้ประทานสมรสให้ หากแต่แล้วฮ่องเต้กลับประทานลี่เหม่ยจูให้มาแทนแม้จะผิดไปจากที่เขาคาดหากแต่ก็เป็นเรื่องดีที่มำให้เขาได้พบกับสตรีที่ช่วยชีวิตของเขา

     

    ตอนนี้จึงทำให้ลี่เหม่ยจูกำลังเข้าใจผิดคิดว่าเขามีใจให้กับลี่เหม่ยเจินน้องสาวต่างมารดาของนาง ลี่เหม่ยจูจึงพยายามตีตัวออกห่างจากเขายามใดที่เขากำลังรู้สึกว่ากำแพงในใจของนางกำลังจะลดลงเมื่อนั้นนางกลับพยายามสร้างกำแพงกั้นขึ้นมาใหม่

    เขาไม่แน่ใจว่าลี่เหม่ยจูจะรู้เรื่องที่น้องสาวของนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับกบฏหรือไม่ และนางจะรู้สึกอย่างไรหากเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงตระกูลลี่ทั้งตระกูล จากที่เขารู้และเห็นนางเป็นคนที่ปกป้องชื่อเสียงตระกูลและคงไม่ยอมให้ตระกูลของนางย่อยยับพังลงแน่

    เรื่องนี้เขารู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่ปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอนไม่แน่อาจต้องโทษทั้งตระกูลเขาจึงพยายามให้นางไม่ต้องรับรู้เกี่ยวกับน้องสาว แกล้งพูดประชดหลายคราให้นางเลิกสนใจลี่เหม่ยเจินหากทั้งตระกูลลี่ต้องมีอันเป็นไปทั้งตระกูลจริงเขาขอเพียงนางที่รอดและยึดตระกูลเฉินของเขาไว้เป็นที่พึ่ง แต่สิ่งที่เขามั่นใจและหนักใจในคราวเดียวกันสตรีดื้อรั้นผู้นั้นคงไม่มีทางยอม

    "นายท่านขอรับ คืนนี้จะไปรับมื้อเย็นกับฮูหยินหรือไม่" ตู้ฟ่านฉีเข้ามาถามตามปกติ เพราะเขาเองก็อยากไปที่เรือนใหญ่เช่นกัน

    "นับตั้งแต่วันนี้ข้าจะรับอาหารกับนางทุกวัน" เฉินหย่งหมิงเอ่ยเสียงเรียบ เขาจะพยายามเข้าหานางโดยที่นางโดยไม่ให้นางตั้งตัว เขาอมยิ้ม และเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

    "นายท่านไม่สบายหรือขอรับ ให้ข้าน้อยตามหมอหรือไม่" เมื่อได้ยินคนสนิทเอ่ยถาม เฉินหย่งหมิงจึงรีบเก็บสีหน้าไว้เช่นเดิม เปลี่ยนสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม

    "ไปวิ่งรอบจวนคำสั่งของผู้เป็นนายทำให้ตู้ฟ่านฉี เงยหน้าขึ้นมอง และรับคำสั่งอย่างเสียไม่ได้ เขาเพียงไม่เคยเห็นผู้เป็นนายยิ้มกว้างขนาดนี้จึงเอ่ยถามอย่างกังวลแต่ไม่คิดว่าจะถูกลงโทษให้วิ่งรอบจวนเช่นนี้

    "น้อมรับคำสั่งขอรับ" เฉินหย่งหมิงปรายสายตานิ่งมองคนสนิท และก้มหน้าทำงานต่อ

    "โชคดีนะขอรับท่านหัวหน้า พวกข้าจะให้กำลังใจอยู่ตรงนี่" จิ่นมู่ตงองครักษ์หมายเลขสองโค้งคำนับผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์ เมื่อคราวที่แล้วเขาก็เอ่ยประโยคเช่นเดียวกับหัวหน้า จึงทำให้ตอนนี้เขายังปวดขาไม่หาย

     

    ตู้ฟ่านฉีเดินวิ่งมาถึงต้นไม้ใหญ่ ใต้ร่มเงาไม้พบสตรีผู้หนึ่งกำลังเดินเก็บดอกโม่ลี่อย่างอารมณ์ดี ร่างบางตรงหน้าแลดูแล้วน่าทะนุถนอมใบหน้านวลสองแก้มแดงปลั่งคลอด้วยหยาดเหงื่อ เขายิ้มอย่างเอ็นดู แต่พอมองสภาพตัวเองที่เหงื่อชุ่มจึงชะงักฝีเท้า อีกทั้งยังเขินอายหากนางจะทราบว่าเขากำลังถูกลงโทษจึงได้แต่ยืนมอง

    ซือซือได้รับอนุญาตจากฮูหยินให้พักผ่อนผลัดเปลี่ยนให้หลิวลู่เอินปรนนิบัติ นางจึงเดินเล่นถือตะกร้าน้ำชามาเรื่อยๆ จนพบพุ่มโม่ลี่ฮวา[1]ออกดอกสีขาวละลานตา นางจึงคิดว่าจะเก็บดอกที่บานในยามแดดจ้าเช่นนี้ไปลอยในอ่างน้ำในเรือนเพื่อให้มีกลิ่นหอม

    ในบริเวณใกล้ๆ มีร่มไม้และตั่งยาวสำหรับนั่งพัก จึงเอาป้านชาและจอกชาออกและเก็บโม่ลี่ฮวาใส่แทน นางละสายตาจากดอกโม่ลี่สีขาวตรงหน้า และเห็นมีบุรุษกำลังยืนจ้องนางอยู่นานสองนาน พอเห็นว่าเป็นหัวหน้าองครักษ์ตู้ฟ่านฉีนางจึงรีบเข้าไปทักทายทันที แต่เขากลับยืนนิ่ง

    ท่านองครักษ์ตู้เจ้าคะซือซือชะเง้อคอเรียกถามอยู่หลายครั้งทั้งยังโบกมือไปมาอยู่หลายครั้ง

    เอ่อ แม่นางซือซือตู้ฟ่านฉีรีบเดินเข้าไปหาซือซือที่โบกมือไปมาหลายครั้ง เขามัวแต่เหม่อลอยจนน่าอาย

    เรียกซือซือก็ได้เจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านองครักษ์ตู้กำลังทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ ถึงมีเหงื่อมากเพียงนี้ซือซือเอ่ยถามทั้งยังยิ้มกว้างตาหยี

    ข้า...เอ่อ ข้ามาทำธุระให้นายท่านน่ะ...ต้องขอตัวตู้ฟ่านฉีรู้สึกว่าหน้าอกข้างซ้ายเหมือนมีกลองตีรัวอยู่ภายในอกจึงรีบขอตัวเดินจากไป หวังว่าเมื่อเขาต้องวิ่งกลับมาตรงนี้นางคงจะไปแล้ว

     

    ซือซือนั่งพักเหนื่อยจากการเก็บโม่ลี่ฮวา นางนั่งพักจิบชาใต้ร่มไม้อย่างใจเย็น นางไม่มีสิ่งที่ต้องไปทำจึงตัดสินใจนั่งเล่นอยู่ที่เดิม ผ่านไปหลายเค่อพลันมองเห็นชายหนุ่มผู้พึ่งกล่าวอำลาไปเมื่อครู่วิ่งกลับมาทั้งยังเสมองหันหน้าไปทางอื่นราวกับมองไม่เห็นนางจึงนึกแปลกใจ

    เหตุใดท่านองครักษ์ตู้ถึงอยากวิ่งออกกำลังเวลานี้นะแปลกจริงแท้ เมื่อครู่เขาบอกว่ากำลังจะไปทำธุระมิใช่หรือซือซือเอ่ยผู้เดียวทั้งยังมองแสงแดดจ้าในยามอู่[2]

    ตู้ฟ่านฉี ก้มหน้าวิ่งเมื่อเห็นว่าผู้ที่ภาวนาให้ไม่ต้องมาเห็นภาพที่น่าอับอายเช่นนี้ ยังนั่งอยู่ที่เดิม ถึงกระนั้นเขาก็ยอมเสียมารยาทไม่ทักทายนางและตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป




    [1]โม่ลี่ฮวา หมายถึง ดอกมะลิ

    [2]ยามอู่ หมายถึง เวลา 11.00 – 12.59 น.

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×