ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality Season 8 : ดินแดนฅนบาป

    ลำดับตอนที่ #52 : Thursday - เดินหมาก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 195
      0
      26 ก.ค. 55

    REALITY 8
    เกมกระชากวิญญาณ ภาค “ ดินแดนฅนบาป “

    SECOND WEEK : THURSDAY

     

    เสียงปรบมือดังก้องกังวาลขึ้นกว่าเดิมเมื่อปรากฏโฉมหน้าของผู้กล้าแห่งเกมเรนเดียร์เอียนน์ในครั้งนี้ โดยเฉพาะพวกบลูเบลล์ที่ตกใจกว่าใคร ๆ ที่เห็นร่างของเพื่อนทั้งสองคนกลายเป็นผู้เล่นในเกมครั้งนี้

     

    “พวกนั้นคิดอะไรอยู่นะ?” ไทม์ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้า

     

    ท่ามกลางความสงสัยของเพื่อน ๆ วาเองไม่ได้รู้สึกอะไรออกมาเลย ไมได้แสดงอาการใด ๆ ออกมาจากสีหน้า หากแต่ในใจนั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจอย่างท่วมท้น ถ้าเรื่องทุกอย่างมันเป็นจริงอย่างที่วิลได้เล่าเอาไว้ บางทีสองคนนี้อาจจะไม่รอดกลับมา ก็เท่ากับว่าเขาได้กำจัดผู้เล่นออกไปถึงสองคน แต่ถ้าเกิดรอดออกมาได้ล่ะก็ เขาก็จะได้ข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับเกมที่วิลและขนมผิงได้พบเจอเพื่อเก็บเป็นข้อมูลใหม่ต่อไป

     

    มีแต่ได้กับได้!

     

    “จะเอาจริงเหรอ?” ขนมผิงเริ่มไม่แน่ใจ วิลไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าเบา ๆ

     

    หลังจากที่พวกเขาทั้ง 16 คนมายืนประจำจุด เฟอร์โนได้มอบสร้อยคอวอลล์นัซให้คนละเส้นเพื่อเป็นเครื่องลางแห่งโชคลาภ ประตูทางเข้าป่าเปิดออก พวกเขาถูกพาไปยังจุดต่าง ๆ ของป่า เสียงบรรเลงดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างตื่นเต้น ทีนี้พวกคนดูก็จะต้องรอให้ใครสักคนใน 16 คนนี้ลากกวางดาวออกมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้เทพเจ้า หรือจะไม่มีใครได้รอดออกมาอย่างเช่นทุกปี เทศกาลแห่งการบูชาเทพกำลังจะเริ่มต้นขึ้นไม่ช้า หญิงสาวกำมือแน่น เธอเริ่มไม่แน่ใจในการเล่นเกมตามวิลในครั้งนี้ เธอกลัวว่าบางทีเธออาจจะไม่ได้รอดกลับมาก็ได้ ภายในป่าแห่งความเศร้า มีเพียงความมืดของป่าดงพงไพร โชคยังดีที่พวกเขาได้คบเพลิงมาคนละอัน ขนมผิงและวิลยืนอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในป่าดำมืด

     

    “กรี๊ดดดดดดดดดด!!!

     

    เสียงร้องบาดหูของผู้เล่นคนหนึ่งดังขึ้นในความมืดมิดจนทั้งคู่ถึงกับสะดุ้งโหยง เสียงนั้นดังมาจากทางทิศใต้ห่างจาพวกเขาไม่กี่กิโลเมตร ความตายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด ยิ่งอยู่ในความมืดแล้ว นั่นคือสิ่งที่เขาชอบมาก เขาดับคบเพลิงในมือของเขาและของขนมผิงทิ้งเพื่อให้สายตาปรับสภาพให้อยู่ได้ในความมืด

     

    “ฉลาดนะนาย” หญิงสาวพูดราวกับกระซิบ เขาทั้งคู่ค่อย ๆ ปรับสายตาให้เข้ากับความมืดก่อนที่จะเริ่มคลำทางไปยังที่มาของเสียงจนกระทั่งพวกเขาเจอกับบางสิ่งบางอย่าง

     

    คบเพลิงอันหนึ่งตกอยู่บนพื้นหิมะ กลิ่นไหม้ระหว่างเชื้อเพลิงและแกนไม้ส่งกลิ่นฉุนไปทั่วบริเวณ สีดำของรอยไหม้นั้นตัดกับสีของหิมะขาวอย่างชัดเจน ถัดไปไม่ไกลนัก ปรากฏร่างของผู้เล่นอีกสามคนที่ยืนจ้องมองพวกเขาอยู่

     

    “เกิดอะไรขึ้น?” นั่นคือสิ่งแรกที่วิลถามขึ้นเมื่อเจอที่เกิดเหตุ

     

    “บางอย่างลากไลลาไป ... ฉัน .. ไม่เห็นว่ามันเป็นตัวอะไร” ชายหนุ่มขี้กลัวคนหนึ่งพูดขึ้น ควันออกมาจากปากด้วยความเย็นยะเยือกของมวลหิมะ

     

    “ออกไปจากที่นี่เถอะ ฉันกลัว” หญิงสาวในกลุ่มพูดขึ้นก่อนที่จะกระชับแขนของเพื่อนชายอีกคนเอาไว้แน่น ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ลูบหัวของเพื่อนสาวอย่างปลอบโยน

     

    “ฉันโรริเกช ส่วนนี่คือฟีฟี และเบอร์ตั้น” ชายหนุ่มร่างสูงพูดขึ้น ขนมผิงและวิลจึงเริ่มแนะนำตัวก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเกาะกลุ่มกันทั้งหมดห้าคน

     

    “พวกนายไม่คิดจะฆ่ากันตามที่ฉันเคยได้ยินมาแล้วเหรอไง?” วิลหันมามองหน้าของชายเตี้ยขี้กลัวที่ชื่อว่าเบอร์ตั้น เขาส่ายหน้าก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ “ตั้งแต่เกิดเรื่องที่คนหายไป ทางหมู่บ้านจึงตั้งกฎขึ้นมาใหม่ ห้ามฆ่ากัน แต่อนุญาตให้ช่วยกันพาเอากวางออกมาเชือดต่อหน้าเทพเจ้า พวกเราเลยเกาะกลุ่มกันเอาไว้ อย่างน้อยก็ปลอดภัยจากอะไรหลายอย่างที่มันลากพวกเราไปทีละคนเหมือนทุกปีที่ผ่านมา” เขาร่ายยาวจนทั้งสองเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น

     

    “ที่เหลือตอนนี้คือการตามหากวางดาวที่อยู่กลางป่านั่นสินะ” วิลคลี่ยิ้มออกมาอย่างเช่นทุกครั้ง เขาเริ่มจะตื่นเต้นกับเกมการไล่ล่ากวางดาวเข้าไปทุกที

     

    “แต่ตอนนี้พวกเราต้องตามหาคาเรนก่อน ... พวกเรานัดคาเรนไว้ที่นี่ ตะ .. แต่เธอยังไม่มาเลย” ฟีฟีเสียงสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด ขนมผิงเริ่มรู้สึกจะล้า ทั้งอากาศหนาวเย็นและความขี้เกียจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอจะเบื่อหน่ายกับการไล่ล่าหาอะไรที่ไม่รู้ว่าจะเจอหรือเปล่า

     

    ท่ามกลางการตัดสินใจของพวกเขาทั้งห้าคน เสียงบางอย่างคล้ายเสียงของสัตว์ป่าขนาดใหญ่คำรามขึ้นภายในป่า กาดำต่างโผออกมาจากต้นไม้ที่เคยเงียบสนิท พวกเขาเริ่มใจคอไม่ดี ฟีฟีภาวนาอย่างเดียวว่าขออย่าให้คาเรนเป็นอะไรไป โรริเกชหนุ่มหน้าหล่อจึงวางแผนว่าให้ไปยังต้นเสียง ถ้าไม่เจอเพื่อนสาวล่ะก็ ให้ตามหากวางดาวและหาทางออกมาจากป่าเพื่อปิดฉากก่อนรุ่งเช้า วิลและขนมผิงไม่ได้พูดอะไร ทั้งหมดจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในป่าลึกเพื่อตามหาที่มาของเสียงอันเร้นลับนี้

     

    กลับมาที่หมู่บ้านเอียนน์ ระหว่างที่กำลังรอการตัดสินการแข่งขันเกมเรนเดียร์เอียนน์ เสียงเพลงและความสนุกสนานมากมายได้ถูกจัดแสดงขึ้น ชาวบ้านแต่ละคนลุกมาร่ายรำทำเพลงกันอย่างมีความสุข บ้างก็นั่งกินอาหารและพูดคุยกัน เทศกาลประจำปีนี้จะจัดขึ้นแค่ปีละครั้งและเทศกาลนี้ก็ทำให้พวกเขาทั้งหมดได้มารวมกันเพื่อสรรเสริญเทพเจ้าที่นับถือและศรัทธามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

     

    ที่สวนดอกไม้ของหมู่บ้านเอียนน์ ชาวบ้านต่างเฉลิมฉลองเทศกาลอยู่ในงานอย่างสนุกสนาน จะมีก็เพียงแต่หญิงสาวที่แยกตัวออกมาเดินเล่นคนเดียว เธอไม่ค่อยชอบเทศกาลงานเลี้ยงประจำเมืองสักเท่าไรนัก สวนดอกคาโมไมล์จึงกลายเป็นสถานที่เดียวที่จะพอทำให้เธอหลีกหนีจากมันนี้ได้ เธอก้มลงหยิบดอกคาโมไมล์ขึ้นและเด็ดมันออกขึ้นมาชมความงามของมัน ความสวยงามและสีสันงดงามเหมาะกับใบหน้าที่สวยงามอย่างเธอเป็นไหน ๆ รอยยิ้มและความคิดมากมายผุดออกมาจากสมองนั้น

     

    “ดอกไม้สวยงามสักวันมันก็ต้องมีวันร่วงโรยตามกาลเวลา ... ใช่ไหม?” เสียงหนึ่งทำบอลลูนหันขวับมาจนดอกไม้ในมือเกือบหล่นพื้น

     

    “วา...” หญิงสาวเปรยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่คิดว่าหญิงสาวจะตามเธอมาถึงสวนดอกไม้แห่งนี้

     

    “มีอะไรหรือเปล่า?” เธอถามต่อ

     

    “ก็อยากจะมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอ ไม่ได้เหรอ?” เขาสวนกลับไปขณะที่เขาฉีกยิ้มกว้างออกมาจนบอลลูนถึงกับถอยหลังนี้ รอยยิ้มแบบนี้มันแฝงไปด้วยความหมายที่เป็นนัยน์ในหลาย ๆ อย่าง แต่สำหรับเธอแล้ว รอยยิ้มแบบนี้

     

    ไม่น่าไว้ใจเลยด้วยซ้ำ!

     

    “ฉันกำลังจะไปพอดี” เธอละสายตากำลังจะเดินออกไปจากสวนดอกไม้คาโมไมล์

     

    หากแต่มือของวากลับคว้าข้อมือของหญิงสาวเอาไว้แน่นจนเธอรู้สึกเจ็บและสะบัดมันออกไปอย่างง่ายดาย

     

    “ต้องการอะไรกันแน่!” เธอเริ่มโมโห ชายหนุ่มยังคงยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า เดินเข้ามาช้า ๆ จนใกล้จะถึงร่างของเธอ

     

    “เธอไม่อยากจะเหลือเป็นสามคนสุดท้ายของรายการหรอกเหรอ?” นี่คือจุดประสงค์จริง ๆ ของวาที่มาหาบอลลูนในครั้งนี้

     

    “หมายความว่าไง?”

     

    “นอกจากผมซึ่งจะดูเป็นคนที่ฉลาดมากที่สุดในเกม และวิลเป็นตัวกรองข้อมูลได้ดีเท่าที่ผมสังเกต เขารู้เรื่องอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องเล่นรับและตำนานที่เรายังไม่รู้ เขามีประโยชน์กับเกมเป็นอย่างมาก คนต่อไปที่ผมอยากเห็นเป็นสามคนสุดท้ายคือคุณ”

     

    “ฉัน!?” เธอชี้ไปที่หน้าของตัวเธอเอง มีเหตุผลอะไรที่เธอจะได้เป็นสามคนสุดท้ายของรายการ และมีเหตุผลอะไรที่วาอยากเห็นเธอเป็นสามคนสุดท้าย

     

    “จริงแล้วคุณเป็นคนสวยกว่าแพรและควีนเป็นไหน ๆ ไม่ได้ขี้เกียจหรือทำตัวน่ารำคาญเหมือนขนมผิง และถ้ามีการเรียนรู้ดีดี ผมรับรองเลยว่าบอลลูนจะต้องเหนือกว่าบลูเบลล์และอควาอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าคุณมีดีกว่าคนพวกนั้น ผมถึงอยากได้คุณมาเป็นสามคนสุดท้ายไงล่ะ” วาร่ายยาว ระหว่างนั้นเขาเองก็เริ่มสังเกตพฤติกรรมของบอลลูนเป็นระยะซึ่งแน่นอนว่าเธอเองก็มีแนวโน้มที่จะคล้อยตามในคำพูดของหนุ่มอัจฉริยะคนนี้ เมื่อเห็นท่าทีของคู่สนทนาเปลี่ยนไป จึงเริ่มต่อ

     

    “ผมเลยอยากให้คุณร่วมมือกับผม หาวิธีที่จะกำจัดเบี้ยพวกนี้ออกไป ให้เราเป็นหมากที่ใหญ่ที่สุดในกระดานทั้งสามคน จากนั้นก็จะไม่มีใครโค่นพวกเราได้ แต่การที่จะกำจัดแต่ละคนมันต้องอาศัยจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเล่นงานได้ พวกเราต้องทำอะไรอย่างเงียบ ๆ และมีพิรุธน้อยที่สุด เริ่มจัดการพวกเขาทีละคน ๆ จากนั้นก็จะเหลือแต่เราสามคน และคุณจะก็กลายเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในเกม” เขายิ้มกริ่ม พยายามพูดจากหว่านล้อมหญิงสาวโดยงัดกลเม็ดและคำพูดที่ฟังแล้วแสนจะยิ่งใหญ่ออกมาเป็นฉากหน้าเพื่อเป็นการพิจารณาการร่วมงานกัน

     

    มันเป็นกลเม็ดที่เขาเคยอ่านเจอในหนังสือ ยิ่งคำพูดนั้นหอมหวานและดูดีมากเท่าไร มันยิ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้คู่สนทนาเชื่อและคล้อยตามได้อย่างงายดาย เพราะโอกาสสูงที่อีกคนจะเข้าร่วม ซึ่งบอลลูนคือคนส่วนใหญ่ในนั้น

     

    เธอตกลงร่วมมือกับวาอย่างไม่ลังเล

     

    ในเมื่อโอกาสมาถึงเธอแล้ว เธอแสนจะโชคดีอะไรขนาดนี้ที่ได้เจอกับคนฉลาด ๆ อย่างวาแถมได้มาเป็นพวกเดียวกันอีก ยังมีวิลที่รอบรู้เรื่องความเร้นลับซึ่งมันช่วยให้ทีมของพวกเขาได้เปรียบเป็นอย่างมาก ความคิดนี้บอลลูนเชื่อมั่นว่าจะวาจะไม่ทำให้เธอเป็นคนแพ้อย่างแน่นอน ซึ่งนั่น .. กะทิเองก็เคยคิดแบบนี้ จนกระทั่งพบจุดจบ

     

    คือความตายอย่างทรมาน!!

     

    “คุณจะทำอะไรก็เริ่มลงมือได้เลยนะครับ แต่อย่าให้พวกนั้นจับได้ล่ะ ไม่อย่างนั้นซวยแน่” บอลลูนพยักหน้ารับคำก่อนที่จะขอตัวเดินกลับเข้าไปในงาน ทิ้งให้วาอยู่ในสวนดอกไม้เพียงลำพัง รอยยิ้มกว้างของเปลี่ยนแปลงไป เขาเม้มปากก่อนที่ปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากแทน

     

    “ถ้าเปรียบเธอเป็นตัวหมากในกระดาน ... เธอก็คือเบี้ยที่ไม่มีค่าอะไรเลย สักวันเบี้ยก็จะถูกกินและเธอเองก็ต้องจบสิ้น เธอมันก็แค่เบี้ยที่ฉันส่งออกไปเป็นกันชนเท่านั้น บอลลูน!!

     

    “เยี่ยมมาก แผนการนายใช้ได้เลย” สิ้นเสียงของวา กลับปรากฏร่างของบางคนก้าวเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาย่ำพื้นหิมะมาประจันหน้ากับชายหนุ่ม เขาเองก็ไม่ได้มีท่าทีที่หวาดกลัวในสิ่งที่เขาพูดออกไปแต่อย่างใด

     

    บลูเบลล์ยืนจ้องหน้าวาโดยที่ทั้งคู่ไม่ละสายตาออกจากกัน!

     

    TO BE CONTINUED ….

     

    THE'KITTA .
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×