ตอนที่ 134 : ภาค 2-บท 34 ตราคำสาป
“คาอัสมันเข้าไปในประตูมิติข้ามภพเฉกเช่นเดียวกับข้า ข้ายังจดจำพวกเทพเวรนั่นได้ดี” จิตใต้สำนึกของเวลโดรสบถด้วยความโกรธแค้น
เมื่อหนึ่งพันปีก่อน ที่ประตูมิติข้ามภพ
จอมมารลำดับที่3เวลโดรได้ก้าวเท้าเข้าไปในประตูมิติข้ามภพ
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าจอมมารคือสมรภูมิอันกว้างใหญ่
ซากศพของบุคคลนับหลายหมื่นนอนจมกองเลือด บ้างก็ตายไปนานแล้ว บ้างก็พึ่งตาย
ไม่ว่าจะเป็นศพของเผ่าเอลฟ์ เผ่านุษย์ เผ่าไหน ๆ ก็มีเต็มไปหมด
แต่ที่น่าตกใจคือศพพวกนี้ก็มีเลเวลสูงไม่ต่างอะไรกับตัวเขามากนัก
“เจ้ากำลังสงสัยในตัวตนของบุคคลพวกนี้รึ” เสียงของใครบางคนดังเข้ามาจากด้านหลังของเวลโดร
กรงเล็บอันแหลมคมของเวลโดรกวาดโจมตีไปที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เส้นผมสีทองถูกกรงเล็บตัดผ่านและร่วงหล่นลงสู่พื้น
การโจมตีอย่างรวดเร็วของเวลโดรนั้นทำได้เพียงตัดผมหน้าของศัตรูออกไปเพียงไม่กี่เส้นเท่านั้น
“จอมมารลำดับที่ 3เวลโดร นั่นคือชื่อของเจ้าใช่หรือไม่” เสียงของชายคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเวลโดรหันกลับไปมองก็ปรากฏให้เห็นร่างของเทพตนหนึ่งที่มีปีกสีขาวบริสุทธิ์
“เทพที่ใกล้ตายนั้นไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของข้า” เวลโดรประกาศกร้าวพร้อมกับพุ่งเข้าประชิดตัวเทพผู้มีผมสีทอง
ทันใดนั้นเองเวลโดรก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่เข้ามา เขารีบหยุดเท้าตัวเองและกระโดดถอยกลับไปด้านหลัง
เคียวสีดำทมิฬอันหนึ่งได้ปักอยู่กลางผืนดินที่เวลโดรกำลังมุ่งไป ถ้าเขาถอยไม่ทันมีหวังโดนคมเคียวเจาะเข้ากลางหัวแน่
“เรติอุส เจ้าไม่ต้องถามให้มากหรอก ท่านเทพสูงสุดบอกเจ้าเองไม่ใช่รึว่าวันนี้มีเพียงเวลโดรเท่านั้นที่เปิดประตูมิติข้ามภพ เจ้าไม่จำเป็นต้องมาด้วยซ้ำ”
เทพลูซิเฟอร์ปรากฏตัวขึ้นด้วยปีกสีดำและยืนบังหน้าเทพเรติอุสไว้
“ถูกต้อง แต่การที่ข้าต้องมาก็เป็นเพราะท่านกลัวว่าเจ้าจะแอบเอาตราคำสาปอมตะไปมอบให้กับคนอื่น ข้ามาเพื่อตรวจสอบและยืนยัน”
เรติอุสตอบกลับในขณะที่ตนกำลังสร้างหอกและโล่จากมานา
เทพลูซิเฟอร์คว้าเคียวสีดำทมิฬขึ้นมาและตั้งท่าพร้อมโจมตี
เวลโดรที่เห็นดังนั้นก็กางปีกสีม่วงออกมาและเตรียมตัวร่ายเวท
“ต่อให้เทพ 2ตนรุมจัดการข้า ผลลัพธ์มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“เวลโดร ผู้ที่จะสู้กับเจ้ามีเพียงเทพลูซิเฟอร์เท่านั้น ข้ามาเพียงเพื่อสังเกตการณ์”
เมื่อเรติอุสกล่าวจบเขาก็ถอยห่างจากบริเวณปะทะทันที
ในเวลาต่อมาเทพลูซิเฟอร์และเวลโดรได้ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง และในท้ายที่สุดผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่คาดไว้
สภาพของจอมมารเวลโดรในตอนนี้เรียกได้ว่าบาดเจ็บสาหัสอย่างหนัก แตกต่างกับเทพลูซิเฟอร์ที่ไร้ซึ่งบาดแผล
ทั้ง 2กำลังเว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าอ่อนแอกว่าที่ข้าคาดไว้หลายเท่านักเวลโดร” เทพลูซิเฟอร์กล่าวเยาะเย้ย
จอมมารเวลโดรพยายามเพ่งสายตาและรวบรวมสมาธิเพื่อตรวจสอบเลเวลของเทพทั้ง 2ตนแต่เขากลับไม่สามารถระบุได้
“ถ้าคิดจะตรวจสอบเลเวลของข้า เจ้ากำลังคิดผิดแล้ว เลเวลมันเป็นตัววัดระดับพลังของพวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเท่านั้น”
หลังจากกล่าวจบเทพลูซิเฟอร์ก็เสกตราประทับบางอย่างขึ้นมาไว้ในกำมือ
“เรติอุส เตรียมตัวให้ดี” ลูซิเฟอร์เอ่ยพลางขว้างตราประทับด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ตราประทับสีดำทมิฬพุ่งแหวกม่านอากาศและพุ่งชนเข้ากลางอกของเวลโดร
ตราประทับนั้นค่อย ๆ ดูดซึมและผสานตัวเองเข้าไปในร่างของเวลโดรอย่างช้า ๆ
เรติอุสที่เห็นดังนั้นก็ขว้างหอกสีทองในกำมือออกไปทางเวลโดรเช่นกัน
จอมมารเวลโดรนั้นยังมีสติมากพอจะสังเกตการโจมตีที่เข้ามา เขาสามารถยกมือคว้าหอกสีทองของเทพเรติอุสได้ทัน
“กลับไปยังมิติของเจ้าเสียเวลโดร”
เมื่อเทพเรติอุสเอ่ยจบหอกสีทองก็สาดแสงออกมาและกลืนร่างเวลโดรหายไปในชั่วพริบตา
ลูซิเฟอร์ยกเคียวขึ้นมาพาดบนบ่าและเดินเข้าไปหาเรติอุส
“เจ้ามั่นใจว่าเทพสูงสุดต้องการให้เราทำเช่นนี้” ลูซิเฟอร์เอ่ยถาม
“ถูกต้อง แต่ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าท่านต้องการสิ่งใด”
"ท่านเทพสูงสุดไม่เคยแม้แต่จะปรากฏตัวให้พวกเราเห็นสักครั้ง มีแต่เจ้าที่เป็นคนรับหน้าแทนตลอด เจ้าพอจะรู้ไหมว่าเทพสูงสุดมีรูปลักษณ์เช่นใด"
เรติอุสที่ได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยตอบ "ข้าเองก็ไม่เคยเห็น ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้ยินเพียงแค่เสียงเท่านั้น"
กลับมาที่ปัจจุบัน
“ข้ายังจดจำได้เสมอพวกซากศพในภพแห่งนั้น คาอัสคงเอามาจากที่นั่น” จิตใต้สำนึกของเวลโดรกล่าวยืนยันอีกครั้ง
ประตูมิติข้ามภพจะสามารถเปิดได้ก็ต่อเมื่อเป็นวันที่พระจันทร์และพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันเท่านั้น
ซึ่งใน4 ปีจะมีแค่วันเดียวเท่านั้น คาอัสคงขนศพนักรบพวกนี้ออกมาไว้ในถ้ำแห่งนี้แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นร่างเงาทีละศพ ๆ
แต่ทำไมคาอัสจากตอนแรกที่เป็นเผ่าโอเกอร์ถึงได้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นปีศาจโครงกระดูกกัน
หรือว่าคาอัสก็โดนคำสาป แต่เป็นคนละคำสาปกับที่เวลโดรได้รับ
หนทางเดียวที่จะพิสูจน์ข้อสงสัยทั้งหมดได้นั้นก็คือเข้าสู่ประตูมิติข้ามภพอีกครั้งหนึ่ง
องค์ประกอบในการเปิดประตูมิติข้ามภพคือวันเวลาที่ถูกต้อง และเครื่องสังเวยซึ่งมันก็คือศพนั่นเอง
ในระหว่างที่กันต์ในร่างของเวลโดรกำลังคิดนั่นเอง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรอยขูดที่กำแพง
มันเป็นรอยขูดด้วยใบมีดดาบ ทุกครั้งที่จำนวนขีดครบ 48 ขีด จะทำการเริ่มบรรทัดใหม่ และจบท้ายบรรทัดด้วยรูป 4 เหลี่ยมคล้ายประตูมิติ
ซึ่งในบรรทัดปัจจุบันมันก็มีทั้งหมด 46 ขีดแล้ว อีกเพียง 2 ขีดก็จะครบ 48 ขีด
"มีครั้งหนึ่งที่ข้าเคยสอนคาอัสนับวันและเดือนด้วยการนับขีด 1 ขีดแทน 1 เดือน โดยเผ้าสังเกตการณ์จากดวงอาทิตย์ที่ขึ้นและตก" จิตใต้สำนึกของเวลโดรเอ่ยขึ้น
ใน 1 ปีมี 12 เดือน 4 ปีก็ 48 เดือน ถ้าอย่างงั้น นั่นก็หมายความว่าอีกประมาณ 2 เดือนจะเป็นวันที่สามารถเปิดประตูมิติข้ามภพได้
ในขณะที่กันต์กำลังคิดอยู่นั่นเอง แสงจากบนถ้ำก็ได้สาดส่องผ่านรูเล็ก ๆ เข้ามา ดูจากสภาพแล้วนั่นน่าจะเป็นแสงอาทิตย์
คาอัสแหงนหน้ามองเพดานถ้ำสักพักและเดินไปบริเวณผนังถ้ำ
มันใช้ดาบเหล็กขูดไปที่ผนังจนเกิดเป็นรอยไปอีก 1 ขีด
นั่นเท่ากับว่าเหลืออีก 1 เดือนประตูมิติข้ามภพจะเปิดออก
องค์ประกอบแรกคือเวลา องค์ประกอบที่ 2 เครื่องสังเวยซึ่งก็มีเต็มไปหมด และองค์ประกอบสุดท้ายต้องเป็นสถานที่ ที่มีสิ่งของระดับเทพเจ้าหนึ่งอย่าง
ในครั้งแรกเวลโดรก็ใช้ตราไร้ลักษณ์นี่เปิดประตูมิติข้ามภพ สิ่งของระดับตำนานก็เปรียบเสมือนใบผ่านทาง
คาอัสสามารถเข้าประตูมิติข้ามภพได้เพราะมันมีไอเทมระดับตำนานติดตัวอยู่
อีกเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น อีกเดือนเดียวหนทางสู่ภพเทวะลักษณ์จะเปิดออก แล้วความจริงจะปรากฏ
“ปีศาจโครงกระดูกนั่นหลอมรวมตัวเองไปกับตราบัญชาไร้ลักษณ์แล้ว ข้าคงไม่มีวันได้สิ่งนั้นอีกตลอดกาล”
สตรีหน้ากากแดงเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนเศร้าเล็กน้อยก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
ถ้าฆ่าคาอัสไปในตอนนี้ก็จะเท่ากับว่าทำลายตราบัญชาไร้ลักษณ์ไปด้วย เพราะตราบัญชาไร้ลักษณ์นั้นได้ผสานตัวเองรวมไปกับคาอัสแล้ว
ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าทั้งกันต์ และจิตใต้สำนึกของเวลโดร รวมถึงสตรีหน้ากากแดงก็เห็นพ้องต้องกันว่า ยังไม่เหมาะสมที่จะฆ่าคาอัสในช่วงเวลานี้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

741 ความคิดเห็น
-
#281 Fikusa (จากตอนที่ 134)วันที่ 12 มีนาคม 2563 / 11:22จะเอาออกมายังไงล่ะนั่น#2811
-
#281-1 SuruMaster(จากตอนที่ 134)12 มีนาคม 2563 / 18:03อาจจะมีวิธีก็ได้ครับ555#281-1
-