ตอนที่ 132 : ภาค 2-บท 32 พันธะสัญญาเทพมานา
สตรีหน้ากากแดงที่ได้ยินดังนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบถุงผ้าที่ห้อยอยู่ด้านหลังของเธอและเปิดถุงออกมา
เธอดึงกระดาษสีอมน้ำตาลแผ่นหนึ่งออกมาและยื่นให้กับเวลโดร
“สิ่งนี้คือพันธะสัญญาเทพมานา เจ้ารู้จักมันหรือไม่”
“ข้ารู้จักมัน” เวลโดรกวาดสายตามองไปที่ข้อความบนกระดาษสักพักก่อนจะยื่นกลับคืนไป
พันธะสัญญาเทพมานาคือข้อตกลงหรือคำสาบานระหว่างคน 2 คน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับใบสัญญาที่ทั้ง 2 จะมีข้อตกลงบางอย่างร่วมกันหากใครทำผิดสัญญาก็ต้องได้รับโทษตามที่ระบุไว้
แต่ของชิ้นนี้ในเกมส่วนใหญ่ก็จะถูกใช้ในพวกเลเวลสูง ๆ เท่านั้นเพราะมันทั้งหายากและทำได้ยาก
ส่วนทางฝั่งปีศาจไม่มีพันธะสัญญาแบบนี้ ถ้าหากมีใครทำผิดข้อตกลงที่สัญญากันไว้ก็สู้กันอย่างเดียว
ไม่เคยมีใครที่สามารถรอดพ้นจากบทลงโทษพันธะสัญญาเทพมานาเมื่อทำผิดข้อตกลงที่สัญญาไว้กับอีกฝ่ายได้
เพราะพันธะสัญญามานามันถูกสร้างขึ้นโดยใช้พลังแห่งเทพเป็นวัตถุดิบ มีเพียงนักบุญศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สร้างมันได้
ในโลกนี้คงจะไม่มีใครที่ไหนจะสามารถมีพลังเหนือไปกว่าเทพได้
“ข้าขอสาบานต่อหน้าเทพผู้ปกครองโลก ข้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในถ้ำแห่งนี้ออกไปและจะไม่ถามเรื่องราวของบุคคลตรงหน้า บทลงโทษคือทัณฑ์สวรรค์” สตรีหน้ากากแดงเอ่ยประโยคสาบานอย่างช้า ๆ
นั่นมันหมายความว่า ก่อนที่เธอจะได้พูดเรื่องที่เกิดในถ้ำนี้หรืออะไรก็ตามที่มีถ้ำนี้เป็นส่วนเกี่ยวข้องออกไป สายฟ้าจากสวรรค์ก็จะผ่าลงมาและฆ่าเธอก่อนที่จะได้เอ่ยความลับนั้นออกมา
ใบพันธะสัญญาเทพมานาเริ่มลอยออกไปจากมือของเธอและสลายกลายเป็นผุยผงกลางอากาศ
ทันใดนั้นเองตราประทับสีฟ้าก็ได้ปรากฏขึ้นบนหลังข้อมือของเธอ
นั่นเป็นตัวแสดงได้ดีว่าพันธะสัญญาเทพมานาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ครั้งนี้คือการทำพันธะสัญญาเพียงฝ่ายเดียว
“ในเมื่อเจ้าทำพันธะสัญญาเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเริ่มกันเถอะ”
จริงอยู่ที่ผมต้องรีบกลับไปที่ร่างต้นเพื่อไขปัญหาต่าง ๆ แต่ตอนนี้ผมคิดออกแค่วิธีนี้เท่านั้น
“หากนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าขอ ข้าก็พร้อมจะทำให้” สตรีหน้ากากแดงชักดาบออกมาและพุ่งตัวเข้าโจมตีทันที
ทั้ง 2 ผลัดกันรับและรุกอย่างไม่มีใครยอมใคร ถึงแม้กันต์ในร่างเวลโดรจะมีประสบการณ์การต่อสู้ที่ต่ำกว่า แต่เขาก็สามารถชดเชยได้ด้วยเลเวลที่สูงกว่ามา 1 เลเวล
หลายชั่วโมงต่อมา
มานาที่เหลืออยู่ในตัวของทั้งเวลโดรและสตรีหน้ากากแดงใกล้จะหมดลงไปทุกที
ตัวกันต์เองก็เช่นกันเขาเริ่มที่จะเหนื่อยแล้ว แต่จะแสดงความอ่อนแอออกไปให้เห็นไม่ได้เด็ดขาด
“มานาในตัวของเจ้าใกล้จะหมดแล้ว พักก่อนเถอะ” เวลโดรมอบข้อเสนอ
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” สตรีหน้ากากแดงเอ่ยพลางเก็บดาบกลับเข้าฝักและนั่งพักบริเวณผนังถ้ำ
เธอหยิบถุงผ้าที่ห้อยติดอยู่กับเข็มขัดด้านหลังออกมาและเปิดถุงออก
ข้างในถุงผ้านั้นมีถุงกระดาษอยู่ และในถุงกระดาษนั้นก็มีคุกกี้ธัญพืชอยู่
เธอหยิบคุกกี้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารออกมาพร้อมกับเปิดหน้ากากออก
แต่ทว่าเธอดึงหน้ากากออกเพียงแค่บริเวณปากเท่านั้น นั่นจึงทำให้ผมมองไม่เห็นหน้าของเธอ เห็นเพียงแค่ริมฝีปากอมชมพูที่กำลังกัดคุกกี้
เสียงกัดคุกกี้ดังผ่านเข้าไปในหูของเวลโดรตรงเข้าไปในจิตใจของกันต์อย่างช้า ๆ
ครั้งสุดท้ายที่ผมได้กินอาหารมันเมื่อไหร่กัน ผมเองก็ไม่ได้กินข้าวมานานแล้ว พอเห็นแบบนี้มันจึงทำให้รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เจ้า…อยากกินสิ่งนี้หรือ?” เธอถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่อยากแบ่งให้ผมกิน
แม้แต่ตอนที่เธอพูดกับเวลโดรก็ยังไม่มองหน้ากัน เธอคงจะกลัวว่าผมจะเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากของเธอ
ก่อนที่เวลโดรจะได้เอ่ยตอบ หญิงสาวก็ยื่นถุงกระดาษให้แก่เวลโดร
“ข้ายังมีเหลืออยู่ เจ้าเอาไปเถอะ”
จิตใต้สำนึกของเวลโดรที่เห็นดังนั้นก็กล่าวขึ้นมาทันที
“รับของจากนางไว้เจ้ามนุษย์ สภาพจิตใจของเจ้าตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ถ้าเจ้าเผลอทำให้ข้าเสียเกียรติขึ้นมาเพียงเพราะหิวแล้วหน้ามืด ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้าแน่”
ดวงตาที่จ้องมองเวลโดรผ่านรอยแตกหน้ากากนั้นสามารถมองตรงไปยังความคิดของเวลโดรได้ ถึงแม้ว่าเวลโดรเองก็สวมเกราะที่ปิดบังใบหน้าเช่นกัน
ผมไม่คิดที่จะบอกเธออยู่แล้วว่าผมเป็นจอมมารเวลโดร ตอนนี้ให้เธอคิดว่าผมก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งไปแล้วกัน
“เจ้าไม่ต้องกังวลไปว่าจะติดหนี้บุญคุณ วันนี้ข้าเองก็ได้เจ้าช่วยไว้หลายอย่าง อาหารว่างแค่นี้รับไว้ก็ไม่เสียหาย”
กันต์ในร่างของเวลโดรรับถุงกระดาษของหญิงสาวและมองไปยังใบหน้าที่สวมหน้ากากของเธอ
ผมได้ให้สัญญาไปแล้วว่าจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ถ้าผมทำผิดเองมันก็คงเป็นอะไรที่แย่มาก
ถึงผมจะรู้ว่าเธอชื่ออะไรมาจากไหน หรือเป็นเผ่าอะไรมันก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว
กันต์คิดในใจในขณะที่เขากำลังใช้ร่างของเวลโดรเทคุกกี้ทั้งหมดในถุงกระดาษลงบนมือขวาของตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็ใช้มือข้างนั้นประทับลงไปที่บริเวณปาก
เมื่อคุกกี้ได้เข้าไปใกล้กับหมวกเกราะแล้ว คุกกี้ทั้งหมดในมือก็อันตรธานหายไป
พวกมันได้เข้ามาอยู่ในปากของเวลโดรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในเกมเองเวลโดรไม่เคยจะถอดเกราะหมวกออก แต่เขากลับมีวิธีกินที่พิเศษคือส่งอาหารทะลุผ่านเกราะไป
ผมไม่รู้ว่าเวลโดรทำได้ยังไงแต่มันก็ไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่ได้กินอะไรก็พอแล้ว
สตรีหน้ากากแดงจ้องมองวิธีการกินของเวลโดรด้วยความแปลกใจ
“เจ้าค่อย ๆ กินก็ได้ ไม่มีใครแย่งเจ้าอยู่แล้ว” หญิงสาวเอ่ยพลางกัดคุกกี้ไปอีกคำ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

741 ความคิดเห็น
-
#275 ลู่เมิ่ง-sun- (จากตอนที่ 132)วันที่ 9 มีนาคม 2563 / 20:34ดีนะแค่หายเข้าปาก ถ้าหายเข้ากระเพาะนี้อย่างฮา ไม่เรียกกินล่ะใครเห็นก็คิดว่าสูบ5555#2751
-
#275-1 SuruMaster(จากตอนที่ 132)9 มีนาคม 2563 / 22:32ตามนั้นเลยครับสูบหายไปเลย 555#275-1
-
-
#273 Fikusa (จากตอนที่ 132)วันที่ 9 มีนาคม 2563 / 09:53ใครเห็นแล้วจะไม่เชื่อว่าจอมมารกินคุกกี้ ฮ่าๆๆๆๆๆ#2731
-
#273-1 SuruMaster(จากตอนที่ 132)9 มีนาคม 2563 / 15:46พี่แกหิวนะครับ555#273-1
-