ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหมือน(ไม่)​รัก

    ลำดับตอนที่ #22 : ชลณนาถ มนวรรธ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 471
      17
      7 พ.ย. 62


    หลังจากพักร้อนฉัตรวารินก็กลับเข้าทำงานต่อ มีหลายสิ่งหลายอย่างต้องจัดการ  ถึงวันนี้ก็ยังยุ่งเหยิงอยู่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปเนอะ โชคดีบทนี้เขียนฉบับร่างไว้ แต่ก็ยังมาอัปช้าไปจากที่ได้แจ้งไว้ เลยลงให้อ่านเต็มตอนกัน แต่อย่างไรก็แล้วแต่ก็ต้องขออภัยนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ

    นอกจากนำตอนใหม่มาเสิร์ฟ ขออนุญาตฝากลิงค์อีบุ๊กนิยายเรื่อง 'ริ้วลายเมฆ' ด้วยน้า สนับสนุนนักเขียนโนเนมโหลดซื้อกันได้ ฉัตรวารินจะได้หยอดกระปุกให้ลูก ช่วงนี้จัดโปรโมชั่นอยู่นะคะ ชักจะยาวเกิน เอาเป็นว่า เช่นเคยขอให้แฟน ๆ บุปผชาติกับคุณชายปาริวรรตสนุกกับการอ่านนะคะ❤️❤️❤️❤️❤️


    ++++++++++++


    ซุกซบซ่อนกายอยู่ในอ้อมกอดเหล่าพันธุ์พืช ทั้ง​ยืนต้น พันเลื้อย​ งามดอก​ สวยใบภายในเนื้อที่มีรั้วปูนโอบล้อมกว่าสองไร่​ คือ​บ้านเรือนไทยทรงปั้นหยาอายุกว่าร้อยปี​ มองเห็นหลังคารูปทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเรียงซ้อนตัวต่อเนื่องลดหลั่นเป็นระเบียบแนวทแยงมุมสีแดงเม็ดทรายรำไรเหนือทิวไม้ 

    ชะลอความเร็วของรถจนหยุดนิ่งใต้โรงจอดโครงสร้างเหล็กแข็งแรงฉาบสีขาวทาบทับ​ หม่อมราชวงศ์ปาริวรรต​ ​รวิพร​ หันไปทางผู้เป็นน้องสาวกล่าวเสียงเคร่งขรึม​ พี่จะไปหาท่านตา​ รบกวนรัตนาวดี​ช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องข้าวของในรถและกระเป๋าของพี่ด้วย

    ได้ค่ะพี่ชาย​ เดี๋ยวรัตนาวดีจะจัดการเอง​ ฝากหอมแก้มท่านตาด้วยนะคะ

    พยักหน้าเนิบ​ จัดแจงเปิดประตูขยับตัวหย่อนขา​พาร่างออกมารับอากาศชื้นชุ่มภายนอก​ ยืนเต็มความสูงหันไปยิ้มอ่อนกับ​ชายหนึ่งหญิงสอง​แต่งกายสุภาพ ซึ่งกำลังกุลีกุจอกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาปฏิบัติตามหน้าที่ เหลือบตามองไปทางตึกสองชั้นผสมสานสถาปัตยกรรมเก่าดั้งเดิมถิ่นตะวันออกกับตะวันตกอย่างกลมกลืนสวยงาม สองเท้าก้าวยาว ๆ

    บุปผชาติมาที่นี่​ ถึงก่อนเขา​ และเพิ่งกลับออกไปได้ไม่นาน​ พี่หญิงวารัตดาบอกด้วยกังวานเสียงนุ่มนวลเรียบเรื่อยทว่าแฝงไว้ด้วยความเคร่งเครียดผ่านทางโทรศัพท์​

    ทักทายคนในบ้านเท่าที่พบ​ หล่อนแสดงเจตจำนงตรงไปตรงมา​ และใช้เวลาครู่ใหญ่อยู่ที่เรือนพักส่วนตัวของหม่อมเจ้าพรหมพิริยะ​ ชลณนาถ​

    ถ้าเพียงแต่จะไม่​ เขาก็คงไม่รุมร้อน​พลุ่งพล่าน ขึงเครียด​ ทุรนทุรายกระวนกระวายแทบคุ้มคลั่งภายใต้ท่าทีเรียบขรึมอะไรทั้งนั้น​ 

    จริงหรือปาริวรรต...​

    ชะงักเท้า​หน้าอุโมงค์สร้อยอินทนิลออกดอกสะพรั่งเพิ่งรับฝน​ ทางเชื่อมต่อระหว่างสองตัวเรือนความยาวร่วมห้าเมตร ระบายลมหายใจแผ่ว​ 

    ดวงตาของบุปผชาติใสแจ๋วแหวว ไม่ต่างอะไรกับหยาดฝนวาวฉ่ำ เกาะติดช่อดอกสีฟ้าอมม่วงเจ้าเสน่ห์ระริกไหวเย้าหยอกสายลมรำเพยนั่น​ มีเงาของเขาสะท้อน​อยู่​ ทว่าเร้นลึกความรู้สึกเต็มไปด้วยปริศนา ไม่สิ ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรง

    ​อำพันสวยคู่นั้นยามประสานสบฉายแววสื่อนัยร้ายกาจกว่านั้น

    นานนับปี​ ๆ​ ทีเดียวที่พยายามสลัด​ หมอกหลากสีบาง​ ๆ​ รูปคนในห้วงคำนึงมีหายไปบ้าง​ แต่ท้ายสุดก็ย้อนหวนคืนดังเดิม และนับตั้งแต่วันประจักษ์แก่ใจแน่ชัด เงาร่างสีขาวพิสุทธิ์ซ้อนเงาร่างสีชมพูสว่างไสวทาบทับด้วยเงาสีเทาเข้มเผยยิ้มแสยะชัด


    ...ขณะหล่อนกำลังใช้ชีวิตอิสระ​ยิ่งกว่านกน้อยโบยบิน​ เขาเหมือนยืนเคว้ง ร่างทั้งร่างถูกไม้เถาเหนียวหนึบพาดพันรัดเกี่ยวจนจมมิดกลางลานประหาร​

    ยิ่งย้อนไล่ตาอ่านทั้งข้อความ​ ทั้งตัวเลขเรื่อยลงจนถึงสรุป​บนแผ่นกระดาษในมือยิ่งตาพร่าหูอื้ออึง

    ‘ชายปาริวรรต’​ เสียงอ่อนโยนแผ่ว​นั้น​ เป็นเสียงพี่สาวของเขาที่จำยอมเสี่ยง​ กล้าแหกกฏทั้งรู้ดีว่า​ หากการกระทำหนนี้​มีเล็ดลอดล่วงรู้ถึงใครอื่น​ ทั้งหน้าที่การงาน​ ชื่อเสียงทางสังคม​ อิสระภาพทั้งกายและใจอาจไม่มีเหลือ​ก็ยังทำ

    เพื่อเขา​ น้องชายผู้ไม่เคยเอ่ยปากขอร้องอะไรแม้สักครั้งในชีวิต​ 

    ‘ผมจะทูลท่านตา’​...

     

    หล่อนตัดเขาเหมือนตัดบัวแถมเด็ดซ้ำจนขาดใย​ บุปผชาติหาญกล้าเห็น ๆ อยู่​ เพราะถ้าไม่​ เหตุการณ์ค่ำคืนนั้นคงไม่เกิด​ แรกคิดว่าลืม​ ทว่าครั้นแผลเก่าล่อนสะเก็ด​โดนสะกิดมันก็เจ็บ ใจหนึ่งอยากเพิกเฉยเช่นผ่านมา​ หากอีกใจร่ำร้องยอมไม่ได้​ ถอนใจหน่วงร่างสูงสมส่วนก้าวเท้าต่อ

    ทางร่มรื่นสบาย​ ๆ​ ด้วยช่องเหลี่ยมให้สายลมได้พัดผ่านทั้งสองฟาก​ของอุโมงค์สีเขียว​ ที่มีช่อดอกแทรกอยู่ตามข้อตามซอกใบรูบไข่ โค้งเว้าตรงโคนละม้ายรูปหัวใจเฉกเช่นใบพลูกินกับหมาก ยาวห้อยระย้าลงมาเสมือนปราการม่านดอกไม้สีฟ้าอมม่วงซับซ้อน​ อันเกิดจากไอเดียนำซุ้มเหล็กโค้งมาฝังดินเรียงราย​โบกปูนซิเมนต์ทับตรงฐาน ใช้เหล็กเส้นเชื่อมต่อเสริมความแข็งแรงเว้นระยะห่างเท่ากัน​ ตลอดเส้นทางเท้าปูด้วยอิฐแดงเก่าแก่ แล้วนำสร้อยอินทนิลมาปลูก​ ปล่อยให้พันเลื้อย​ จนความนุ่มนวลอ่อนโยนกลบปิดความแข็งกระด้างเสียสิ้น ของหม่อมเจ้าพรหมพิริยะผู้หลงใหลพันธ์ุไม้​ ยิ่งฉ่ำชื่นเข้าไปอีกหลังฝนตก​ ทว่าใจของเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับมันด้วย

    ต่อให้หยดน้ำเย็นเยือกทิ้งตัวร่วง​แปะแตะหนังศีรษะ​ หรือชอนไชเส้นใยด้ายโดนผิวเนื้อก็ไม่สะดุ้งสะท้าน ฝีเท้าเนิบนาบ​ ท่วงท่าสง่าผ่าเผย​ หน้าเชิดหลังตรง​ เช่นคนได้รับอมรมบ่มสอนมานับตั้งแต่รู้ความ ดำเนินไปเรื่อยจนกระทั่งถึงชานบ้านยกสูงจากพื้นหนึ่งฟุตจึงชะงักหยุด​ 

    บานประตูเกร็ดไม้ความสูงร่วมสองเมตรสีลูกพีชเปิดอยู่ทั้งสองบาน​ อีกทั้งหน้าต่างเพรียวสูงก็ด้วย​ ถ้อยสำเนียงกังวานเสียงนั่น พาหวนรำลึกถึงห้วงเวลาหลังจากความนิ่งเงียบกลืนกินบทสนทนาระหว่างเขากับบุรุษชราภาพเจ้าของเรือนไปชั่วขณะ


    ...‘วิมลเลขาหนีความใจร้ายของตาไปเสียไกล กลับมาอีกครั้งเป็นแต่เพียงฝุ่นผงสีขี้เถ้า พี่สาวของเธอ กนกเลขาไม่เปิดโอกาสให้ตาได้คุกเข่าขออโหสิกรรม อังคารพาไปลอยที่ไหนไม่ยอมบอก จวบจนทุกวันนี้สาวสวยสะคราญคล่องแคล่วคนนั้นที่กลายเป็นหญิงชราโรยแรงรอวันลมหายใจขาดห้วงก็ยังไม่ยอมบอก

    คิ้วของชายหนุ่มเลิกสูง เมื่อรับรู้ว่าสายสัมพันธ์​ระหว่างหม่อมเจ้าพรหมพิริยะ​ ชลณนาถ​ กับหม่อมเจ้าหญิงกนกเลขา​ มนวรรธ พระนามเดิมของอดีตผู้พิพากษากนกเลขาก่อนกราบบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไม่ใช่สีสันสว่างตา​ เผยอกลีบปากตั้งใจจะถามสิ่งสงสัยทว่าไม่ทันได้หลุดถ้อยคำ​ เจ้าของพระเกศาขาวโพลนรับสั่งต่อขึ้นมาก่อนราวกับรู้ใจว่า

    แต่ถึงแม้จะเย่อหยิ่งถือดี​เต็มไปด้วยความจงชังที่มีต่อตามากแค่ไหน​ ทว่ากนกเลขาก็ยังต้องการจะเกี่ยวดองกับชลณนาถดังความประสงค์ของท่านพ่อของหล่อนและท่านทวดของหลาน​ แย้มพระสรวลเย้ยหยันนิดหนึ่ง​ พระเนตรฝ้าฟางตามกาลผ่านประสบการณ์ชีวิต ทว่ายังดูคมลึกเหมือนในพระรูปครั้งเมื่อเป็นหนุ่มทอแสงอ่อน

    ตาเชื่ออยู่ในใจเสมอว่าพีรภาสไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของกนกเลขา ยิ่งได้เพ่งพิศบุปผชาติ ตายิ่งเห็นภาพวิมลเลขาเด่นชัด​ พระโอฐษ์บางเฉียบเม้มเป็นเส้นตรงเข้มขรึม ขณะขยับพระวรกาย​เชื่องช้า​ ​ก้าวกระย่องกระแย่งไปยืนทอดพระเนตรออกไปนอกหน้าต่าง​

    นิ่งและสงบ​ ประหนึ่ง​ผนังแนวรั้วเสริมออกซิเจนกลางกรุง​เต็มไปด้วยมลภาวะเป็นพิษ​ เขียวใบแซมเหลืองละมุนของดอกเหลืองชัชวาลย์คือผืนผ้าใบฉายเหตุการณ์ในอดีต​ เป็นเวลากว่าชั่วครู่ใหญ่ทีเดียวกว่า​ท่านตาของเขาจะทรงถอนพระทัย​ แล้วรับสั่งอีก 

    ไม่ว่าบุปผชาติจะมีเหตุผลกลใดกับสิ่งที่เธอกระทำ และไม่ว่าหลานจะรู้สึกโกรธขึงเพียงไรที่ตกเป็นหยื่อถูกทิ้งให้หลงวนอยู่กลางป่าไม้สีดำไร้ใบตามกิ่งก้าน ปราศจากแสงลอดส่องผ่านเมฆสีทึมเทา ทว่าเด็กสองคนที่กำลังเล่นกับแม่ของเขาในคลิปวีดีโอ​ ยังไง​ ๆ​ ก็เป็นผู้บริสุทธิ์​ ​ บริสุทธิ์​ยิ่งกว่าหยาดน้ำค้างยามเช้า หลานเข้าใจความหมายของตาใช่ไหมชายปาริวรรต

    กระหม่อม ค้อมศีรษะ​ พลิกตัวกลับไปทอดสายตามองภาพเคลื่อนไหวในหน้าจอสี่เหลี่ยมเผยยิ้มอ่อน​

    ใช่ พวกเขาสดใสบริสุทธิ์เหลือเกิน​ เด็กแฝดชายหญิงเปื้อนโคลนตมสีชาเย็นเห็นแต่ลูกตากับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีสดอ้ากว้างโชว์ฟันขาวนั่น...


    เสียงหัวเราะ​ เสียงตะโกนโหวกเหวกกึ่งดุกึ่งเย้ายังคงดังลอดช่องว่าง​ ทะลุผ่านลูกไม้บางเบาสีขาวฟองนม​ ​ขณะเขายกเท้าขวาขึ้น เมื่อพาร่างเข้าไปอยู่ในตัวเรือนปั้นหยาสีฟ้าอมเทา ยอบตัวลง ค่อย​ ๆ​ เดินด้วยเข่าตรงไปยังบุรุษครึ่งนั่งครึ่งนอนบนเก้าอี้โยกไม้สักตัวเก่า ครั้นนั่งพับเพียบเรียบร้อย​อาจารย์หนุ่มก้มกราบ

    มาถึงแล้วหรือชายปาริวรรต

    กระหม่อม” ผงกศีรษะ ยกตัวยืดหลังตรง

    ขึ้นมานั่งเสียบนเก้าอี้สิ รับสั่งพลางโบกพระหัตถ์ไปทางเก้าอี้ไม้มีเบาะหนานุ่มหุ้มด้วยปลอกผ้าลายดอกไม้กลีบซ้อนสีหวาน​ หญิงวารัตดาคงบอกหลานทุกอย่างแล้ว

    กระหม่อม​ ลุกยืนเนิบนาบ​ ก้าวไปนั่งตรงข้ามผู้เป็นตา คุณชายปาริวรรตเหลือบมองกล่องขนาดจิ๋วบุด้วยหนังบนโต๊ะ

    บุปผชาติเร่งรีบมาที่นี่ถึงขนาดใช้บริการแมลงปอเหล็ก นับได้ว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับกรองผกา​ ตาเลยจำเป็นต้องรับคืน​ ไม่อยากให้เกิดการกีดกันขึ้น​ พระหัตถ์เหี่ยวย่นหยิบรีโมทคอนโทลชี้ตรงไปยังเครื่องเล่นดีวีดี​ ส่วนเขานั่งนิ่งนึกเท้าความก่อนกระตุกยิ้ม ภาพเฮลิคอปเตอร์กลางท้องฟ้าส่งเสียงคำรามกระหึ่มผุดขึ้น จังหวะเดียวกับภาพเคลื่อนไหวหน้าจอถอยกลับรวดเร็ว เมื่อย้อนจนสุดทาง​ศรชี้ให้เล่นก็ปรากฏ​ ชั่วอึดใจความทรงจำบันทึกไว้โลดแล่นอีกครั้ง

    เธอว่าวีดีโอชุดนี้ตั้งใจตัดต่อให้ย่ากับพ่อของเธอดู​ แต่เมื่อหลานไปหา​แล้วทำตัวดื้อ​ เธอจึงก้อปปี้เอามาให้ตา​ด้วย” แย้มพระสรวลอารมณ์ดีพระสุรเสียงแหบสั่นนิด​ ๆ ทอดพระเนตรมาทางเขา​ หลานจะทำยังไงต่อ

    “หลานจะไปใช้ชีวิตที่ไร่ทิพย์วารี 

    แล้วงานของ​หลาน​ พระขนงสีดอกเลาเลิกขึ้น​

    หลานยื่นจดหมายลาออกกับทางมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว​ รอเพียงคำเซ็นอนุมัติเท่านั้นกระหม่อม

    แล้วหลานจะเข้าไปอยู่ที่บ้านนั้นในฐานะอะไร​

    หม่อมราชวงศ์​ ปาริวรรต​ รวิพร​ คนขับรถส่วนตัวของบุปผชาติกระหม่อม​ แต่ท่านตาต้องช่วยหลาน

    ช่วยน่ะช่วยได้​ แต่กรองผกาแม่ของบุปผชาติจะยอมหรือ

    เพราะเหตุนี้หลานจึงต้องขอให้ท่านตาออกหน้า

    แล้วหลานจะให้กรองผการู้มากรู้น้อยแค่ไหน

    ไม่ต้องรู้อะไรทั้งนั้นกระหม่อม​ ขอแค่คุณน้ากรองผกาไม่ประดักประเดิดที่จะใช้งานหลานเช่นคนขับรถทั่วไปก็เพียงพอ

    เหมือนจะง่ายแต่กรองผกาจะกล้าหรือ​ รายนั้นยิ่งขี้เกรงอกเกรงใจอยู่ด้วย

    ชายหนุ่มหัวเราะ​นิดหนึ่ง​ และไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจความหมาย​ อีกฝ่ายแย้มพระสรวลขบขันด้วย​ ชั่วอึดใจพระสุรเสียงแหบสั่นเปล่งกังวานขึ้น

    หลานเพิ่งไปเจอกรองผกา​มา​ เอาเป็นว่า​ ตาจะบอกกับกรองผกาว่าทางเราไม่ถือเรื่องบุปชาติมีลูกติด​ ตอนนี้เรามาดูวีดีโอที่บุปผชาติเพิ่งนำมามอบให้ตาสบาย​ ๆ​ ทั้งเสียงและภาพคมชัด​กว่าต้นฉบับที่เราเคยดูกันดีกว่า












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×