คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ระหว่างเรา : ช่วงจบ
จบตอนระหว่างเรา ฉัตรวารินขออนุญาตหายไปจนถึงสิ้นเดือนนะคะ พอดีลาพักร้อนไว้ จะออกเดินทางไปพักผ่อน กลับมาจะนำเสนอในมุมของคุณชายปาริวรรตให้อ่านกันบ้าง แม้จะไม่มีใครเรียกร้อง แต่จะลองดู และคิดว่าน่าจะอัปนิยายได้สม่ำเสมอขึ้น คือเพิ่งรีไรต์เรื่อง ริ้วลายเมฆ จบไปด้วย อย่างไรก็แล้วแต่ อ่านตอนนี้ให้สนุกไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ ❤️❤️❤️❤️❤️
เขม็งขึงเกลียวขดคลี่คลาย เย็นชื้นเม็ดฝนเป็นดั่งทูตเจรจาสงบวิวาทะ
มันมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ไร้เมฆทึมหม่นม้วนตัวบอกใบ้ หลังจากดาราฉายเงยหน้า ร้องว้าย! พริบตาเดียวแสงตะวันผ่าวลับหาย ฉับไวสายลมกราดเกรี้ยวหวีดหวิวอู้ซู่ โอนเอนไหวลู่ทั้งตามทั้งต้านแรงปะทะต้นไม้ใบหญ้า
ราวกับโดนฟาดด้วยมือมองไม่เห็น ทันใดแจกันบนโต๊ะล้มลง กระเด็นธารน้ำรินรดใยด้ายเปียกชุ่ม ปลิวร่วงกุหลาบดอกเดียวหล่นพื้น สะบัดกระพือผืนผ้าบางเบาหวังอิสระ ทว่าอย่าหวังเลยคลีปหนีบสเตนเลสหกตัวเย้ยหยัน ครั้นบุปผชาติหันมองไปทางคอกม้า อีกหนึ่งสตรีวิ่งเร็วยกมือป้องศีรษะผ่านหน้ามุ่งตรงเข้าบ้าน
วกกลับมามองใต้ซุ้มกุหลาบ พลันม่านตาขยายกว้าง
พลาดนิดเดียว ฝีมือขว้างยังไม่ถึง หรือหล่อนฉากหลบเก่ง พรูลมหายใจ ยกมือปาดหน้าผาก เคลื่อนไหวร่างตามแจกันกลิ้งหลุน ๆ กลางสนามหญ้า ทว่าเมื่อจับได้คว้าหมับเผยยิ้มสมใจ ฟ้าดันแกล้งหลั่งฝนตูมโครม
หล่อนเปียก มะล่อกมะแล่กทันตาเห็น ยกตัวขึ้นแหงนหน้าถอนใจเฮือก ก่อนจะสวมบทจ้าวลมกรดบ้าง ถึงหลังบ้านดึงประตูอ้า รีบวางแจกันชิดผนังด้านใน หับปิดดังเดิม วิ่งอีก
ลุงอินทาไม่ใช่ผู้หยั่งรู้ แต่พยากรณ์แม่นยำกว่ากรมอุตุนิยมวิทยา
ต้านลมฝ่าฝนระยะเวลามากกว่าปกติ ใช้พลังกว่าเดิมเรื่องธรรมดา หากสิ่งที่ตาเห็นหลังจากเปิดประตูบานสังกะสีหล่อนไม่ได้คาดหวัง
“บุปผชาติ” เป็นแต่เพียงเบา ๆ กังวานเสียงห้าวต่ำนุ่มนวล มือลูบไล้แผ่วคอม้าสีแดงคล้ายสีน้ำหมากก่อนนี้ชะงักหยุด ครั้นโจ๋จ๋ากับนิลจ๋า สะบัดหัวครางครืด ร้องฮี้ ย่ำเท้าดีใจ ราวภวังค์โบยบินจะกลับมา ชายหนุ่มก้าวตรงมายังหล่อน “เธอเปียก”
พูดแล้วหันซ้ายแลขวา พรวดพราดตรงไปทางตะขอแขวนเรียงรายข้างฝา ดึงผ้าทอสีครามมาผืนหนึ่ง ย้อนกลับไม่รอช้าคลี่ห่มคลุมศีรษะของหล่อน ขยำขยี้ยีผมราวกับช่างเสริมสวยชำนาญการชั่วครู่ ความสงสัยของเขาเปล่งเป็นเสียง “เธอมาทำอะไรที่นี่”
เงยมองดวงหน้าคมคาย ขณะเม็ดฝนยังทายทักผิวสังกะสี ต้นไม้ใบหญ้า พื้นพิภพด้านนอกดังเปาะแปะ คุณแม่ลูกแฝดขมวดคิ้ว
อยู่ไกลเห็นชัด ใกล้แทบแนบชิดทำไมมันพร่าเลือน หรือหล่อนจะมีปัญหาสายตาแบบน้าเหว่ย กะพริบตาถี่หยดน้ำร่วงวูบ อึดใจพรูลมหายใจโล่ง ทว่ายิ้มบางเบาเหมือนขนนกลูบไล้นั่น บุปผชาติหน้างอ
“ดิฉันต่างหากต้องถาม คุณชายมาทำอะไรที่นี่”
“เดี๋ยวนะ” ยกมือห้าม ก้าวเท้ายาวกลับจุดเดิม สักพักท่อนบนของหล่อนมีผ้าทอสีครามคลุมอีกผืน
เอ่อ คุณชายคะ รู้ไหมผ้าพวกนี้เขาไว้ใช้ทำอะไร ดีนะที่นังดอกคุ้นชินกลิ่น ถ้าเป็นคนอื่น...
หน้ายู่กรอกตามองบน แต่วาจาที่เปล่งเมื่อหวนคืนประสานสบนัยน์ตาด้วยคนละเรื่องกับใจคิด
“ว่าไงคะ คุณชายมาที่นี่ทำไม ไหนสั่งคนโน้นคนนี้ห้ามรบกวน แล้วคุณชายมารบกวนม้าของดิฉันกับม้าของคุณแม่ทำไม”
“ฉันเปล่า แค่มาทำความรู้จักผูกมิตร”
“หรือคะ” ก้าวผ่าน ตรงไปยกมือลูบหน้า ยีคอโจ๋จ๋าแรง ๆ สองสามที แล้วก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับนิลจ๋า หันไปทางชายหนุ่ม “คุณชายจะทำความรู้จักผูกมิตรโจ๋จ๋ากับนิลจ๋าไปทำไมคะ ในเมื่อคุณชายบอกว่าคุณชายรู้คำตอบเด็ดขาดของดิฉัน”
“ฉันรู้แต่ฉันไม่ยอมรับคำตอบของเธอ” พูดพลางย่างเท้าเข้าใกล้ “ไม่ว่ายังก็ไม่ยอม”
“ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมหรือคะ” หญิงสาวยิ้มเหยียด ยีคอม้าสีดำปีกกาอีกรอบ ก้าวย้อนไปหาม้าสีปลั่ง
ระหว่างเขากับหล่อน ตอนนี้มีหัวม้ายื่นออกมานอกคอกกั้นกลาง ต่างฝ่ายยิ้มอ่อนโยนให้กรรมการโจ๋จ๋า ก่อนจะพยายามจะเอาชนะกันผ่านสายตานิ่ง ๆ
ชั่วครู่ผ่านราวกับจะยอมแพ้ ชายหนุ่มถอนใจ “เว้นเสียแต่เธอจะมีเหตุเพียงพอ”
“เหตุผลเพียงพอน่ะมีแน่ค่ะ กลับถึงกรุงหรืออาจระหว่างทางเดี๋ยวคุณชายก็รู้”
“แล้วทำไมเธอไม่บอกฉันด้วยตัวเองเสียตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ ฉันจะได้ตัดสินความให้ว่ามันเพียงพอที่เธอจะสลัดทิ้งคู่หมายคนนี้หรือเปล่า”
“ถ้าไม่รับปากคุณแม่ ดิฉันบอกคุณชายไปเสียแล้ว ไม่ยื้อเอาไว้อย่างนี้หรอกค่ะ”
“งั้นหรือ” ชายหนุ่มหัวเราะนิ่มนวล เลื่อนสายตาไปทางม้าเจ้าเสน่ห์ ก่อนจะยกมือไล้ลูบศีรษะมันเบา ๆ “นั้นฉันก็จะปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป ดีเสียอีกจะได้ทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น...” ปรายตามาทางหล่อนย้อนกลับไปสบตาม้า “โจ๋จ๋า”
เพื่อนคู่ใจของหล่อนมีอัธยาศัยดี แค่ใครอ่อนโยนด้วยมันก็ครางครืดผ่านจมูกตอบรับมิตร แต่ตอนนี้สมควรไหม มันสมควรไหม
ฮึ...ม้าทรยศ
ปราดเดียวดุด้วยสายตา อีกฝ่ายรู้มาก ลูกแก้ววาวโตมีชีวิตชีวาวูบแสง พลันมือเรียวยาวแข็งแรงนั้นจำต้องหดกลับ เมื่อโจ๋จ๋าสะบัดศีรษะร้องฮี้ ย่ำเท้าถอยหลังกุบกับ พลิกตัวหันบั้นท้ายให้
คุณชายปาริวรรตผู้เคร่งขรึมจริงจังมีอึ้ง ทว่าดูหมือนจะไม่ได้รู้สึกขัดใจหรือขุ่นมัวอะไรกับการกระทำนั้น ตรงกันข้าม ขณะทอดสายตามองม้าสีปลั่ง เสี้ยวหน้าคมคายของเขาเผยยิ้มเอ็นดูกว่าเดิม เป็นหล่อนเสียอีกกำลังหงุดหงิดทวีคูณโดนเพื่อนประชด
ใช่ โจ๋จ๋าทำเช่นนี้เสมอเวลาจะตำหนิบ้าง นี่ถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วย ม้าสองตัวคงกระดิกหูฟังเสียงแหลมของหล่อนอย่างเอือมระอาเป็นแน่
แต่ก็ไม่ได้เป็นกับทุกคนนี่ หญิงสาวย่นจมูก ทำปากยื่นใส่บั้นท้ายเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองไปนิลจ๋า นี่ก็ด้วย ดูสิ ดูทำเข้า คิดว่าบั้นท้ายของพวกหล่อนมันน่าดูนักหรือไง หันให้กันจัง ชิ
ส่งเสียงแสดงออกอาการแง่งอนระคนขุ่นใจบ้าง ทว่าเหลือบตาไปเห็นหล่อนก็นึกรู้ตัว
“เฮ้อ” ถอนใจแรง ก่อนจะกลับไปมองบุรุษตรงหน้าตรง ๆ “ดิฉันอาจจะคิดมากไปเอง แต่ถ้าคุณชายต้องการชัดเจนอะไรกับดาราฉาย คุณชายไม่ควรยืมมือดิฉัน มันไม่แฟร์”
“ความคิดมักจะเป็นกรงขังแน่นหนาสำหรับคนเราเสมอ” ปรายตาอ่อนเชื่อมไปมองม้าที่วกกลับมาตั้งใจฟังคนคุยกัน หวนมาจ้องตาหล่อนนิ่งขรึม “ไม่แฟร์กับฉันเหมือนกัน”
“ดิฉันไม่ใช่คนชอบคิดอะไรเองเออเองคนเดียว แต่จำไม่ผิด ทางฝั่งคุณชายเคยแสดงเจตจำนงต้องการจะยกเลิกรักจัดตั้งระหว่างเรา แล้วคุณชายจะกลับมาสานต่อทำไม”
“นั่นเป็นคนอื่นไม่ใช่ฉัน” ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายคมกล้าจริงจังเช่นกังวานเสียง “แม้ที่ผ่านมาฉันจะไม่ได้ประพฤติปฏิบัติสถานะคู่หมายที่ดีนักต่อเธอ แต่ก็ไม่เคยคิดจะลดสถานะระหว่างเราสองคน”
“เอาเถอะค่ะ” ถอนใจแผ่วเหนื่อยหน่ายบุปผชาติไม่ยอมเลิกตัดรอน “คุณชายจะยังยืนกรานอย่างไรก็ได้ แต่สำหรับดิฉัน ระหว่างเราไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก”
“นัธอิง ไลค บิโฟ หรือ ไม่เฉพาะสำหรับเธอหรอก สำหรับฉันก็ด้วย บีทวีน อัช”
หล่อนไม่ควรจะรู้สึกอะไร ทว่ายิ่งประสานสบนัยน์ตาสวยดั่งพลอยนิลเจียรนัยที่กำลังวับวามพร่าพรายล้อแสง ริ้วเลือดมันก็วิ่งซ่านพล่านกระจายไปทั่วสรรพางค์กาย และยิ่งร้อนวาบวูบเหมือนโดนเพลิงแผดเผาเมื่อเจ้าของดวงหน้าคมคาย เผยยิ้มอ่อนบางราวดวงตะวันยามอรุณเรื่อ
เวลาเหมือนธารน้ำไหล ไปเรื่อยไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ การกระทำของอีกฝ่ายในตอนนี้ก็เช่นกัน
“คงไม่ผิดเวลา” กลีบปากหยักหนาคู่นั้นขยับ เปล่งคำพูดด้วยกังวานเสียงห้าวต่ำของเขา จริงจังกว่าครั้งไหน ๆ หล่อนเคยได้ยิน “และคงไม่ผิดสถานที่ ถ้าฉันจะมอบของฝากจากท่านตาแก่เธอตอนนี้”
สิ่งที่อยู่ในมือของบุรุษตรงหน้า หลังจากเขาล้วงกระเป๋าเสื้อหน้าอก เป็นกล่องหนังสีแดงกุหลาบขลิบทองขนาดเล็ก สำหรับหล่อนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน แต่สำหรับม้าทั้งสองน่าจะแปลกประหลาดตา มันจึงย่ำเท้าเข้ามาใกล้ ยื่นหน้า ยื่นจมูกทำฟุดฟิด ตามองเขม็ง ครั้นเจอสายตาดุของหล่อนอีก ทั้งโจ๋จ๋าทั้งนิลจ๋าพร้อมใจกันผงกศีรษะ สะบัดหน้า ครางฮี้ หันบั้นท้ายตอบโต้อีก
ส่ายหน้า กรอกตามองบนกับปฏิกิริยานั้นชั่วอึดใจ คุณแม่ลูกแฝดกลับมามองคนอยากเลื่อนสถานะระหว่างกันขรึมเครียด ระบายลมหายใจยาวเผื่อจะคลายความรู้สึกหนัก ๆ ราวใครกำลังขี่คอเกยคางอยู่บนหัว หล่อนพูดเช่นใจคิด
“ดิฉันซาบซึ้งในน้ำพระทัยของท่านชายพรหมพิริยะเสมอมาและไม่เคยอาจเอื้อมคิดแม้แต่จะปฏิเสธ ทว่าครั้งนี้ดิฉันไม่อาจรับของฝากของท่านได้จริง ๆ คุณชายนำสิ่งของล้ำค่าชิ้นนี้กลับไปคืนให้ท่านเพื่อคุณชายจะมอบให้สตรีอื่นที่คู่ควรกว่าเถอะค่ะ”
“แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อคำตอบเด็ดขาดของเธอเปล่งออกมาเป็นเสียง มันก็ยังคมกริบยิ่งกว่าปลายมีดกรีดลึกลงตรงนี้” จิ้มนิ้วชี้ตรงทรวงอกด้านซ้ายของเขา พลางเผยยิ้มละมุน หากแววในตาเย็นเยียบระคนคุกรุ่นฉายชัด เชือดเฉือนสะท้อนคงอยู่ หาได้ไหววูบแล้วหลบเร้นเลือนหายเช่นเมื่อคืน “แต่ฉันไม่อาจกลับวังไปพร้อมกับของฝากจากท่านตาที่ตั้งใจมอบให้แก่เธอชิ้นนี้ได้”
ขณะยังคงประสานสบนัยน์ตาของกันและกัน ราวต่างฝ่ายต่างพยายามล่วงล้ำ ล้วงลึกความคิดความรู้สึกอีกฝ่าย
พลันอย่างไม่ทันคาดคิด กล่องขนาดเล็กร่วงวืด เสียงกระทบระหว่างปราการป้องความเสียหายสิ่งหาค่าประมาณมิได้ด้านในกับพื้นเรี่ยหญ้าเป็นแต่เพียงเบา ๆ แต่สะเทือนลั่นก้องในหัวใจหล่อน
บุปผชาติก้มมองมัน นิ่งและนาน และนานจนเกินไป จนเมื่อเงยหน้าก็ต้องเบิ่งตากลอกกลิ้ง บุรุษผู้สูงศักดิ์ทางชาติตระกูลได้หายไปเสียแล้ว
❤️❤️❤️❤️❤️
ความคิดเห็น