ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #96 : มหกรรมกีฬาสีที่กำลังจะมา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 413
      24
      10 ต.ค. 63

    「…………♪」

    เมื่อไม่นานนี้ Shirley มีอารมณ์ดีแปลกๆ จะรู้สึกดียังไงตอนที่กำลังทำอาหาร, อาบน้ำหรือใช้ชีวิตผ่อนคลายไปวันๆ ก็แค่ฮัมเพลงขึ้นจมูกเองแหละ

    แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ คนที่ไม่รู้จักเธอก็คงจะบอกว่าก็งั้นๆแหละ อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้นตามปกติ งานที่กำลังจะมาถึงคือสิ่งที่ Shirley กำลังเฝ้ารออยู่

    「กล้องตัวที่สี่……ประมวลเวทมนตร์ โอเค กล้องตัวที่ห้า……ก็โอเค กล้องตัวที่หก……ก็โอเคด้วย」

    「จิ๊บ……」

    「อ๊ะ Rubeus เอาฟิล์มที่อยู่บนชั้นมาที Beryl เอาตัวเร่งเวทมนตร์ที่อยู่ตรงนั้นมา…… ใช่ๆ หินกระจกนั่นแหละ」

    「……จิ๊บ」

    ภายในหีบเวทมนตร์ที่เรียกว่า 《กล่องเครื่องมือของผู้กล้า》 นั้นก็มีช่องว่างที่แบ่งออกเป็นห้องๆเอาไว้ ในห้องๆหนึ่ง Shirley กำลังพิถีพิถันอยู่กับการประกอบเวทที่ใช้อำพราง ฉนวนกันเสียง การบังแสงบนกล้องแต่ละตัวบนขาตั้งสามขา

    มีกล้องเป็นจำนวนเยอะมาก แต่ละตัวถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์เพื่อหลบสายตาผู้อื่น เธอซื้อมันมาเพื่องานอื่นในปีนี้, ปีหน้าและก็นับจากนี้ไปด้วย โดยแกะกระปุกออมสินที่เธอเก็บไว้มาใช้เป็นจำนวนมาก

    (ปีก่อนบอกว่าฉันทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย ด้วยสิ่งนี้ก็ฉันก็ไม่จำเป็นต้องมาคอยถ่ายรูปแล้วล่ะ)

    Shirley จะไม่มีวันลืมสิ่งที่เธอเคยทำเหมือนกับปีก่อน ในตอนนั้นเธอไม่มีกล้องก็เลยต้องยืมของ Martha ที่มีเทคโนโลยีที่ล้าสมัยมาใช้ ผลก็คือเธอชื่นชมอยู่หลายครั้งและก็กลืนน้ำลายด้วยความขมขื่นอยู่หลายครั้ง แต่ปีนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

    หลังจากนั้นเธอก็เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีใช้กล้อง และก็ได้ใช้มันด้วยมือตัวเองอยู่หลายๆครั้ง Shirley มีความมั่นใจว่าเธอจะสามารถใช้กล้องหลายๆตัวได้ราวกับเพลงดาบ

    「ปีนี้……ปีนี้ ความกล้าหาญของลูกๆในมหกรรมกีฬาสี มาวางกล้องแล้วแสดงให้เห็นกันเลย」

    「「จี๊, จิ๊บ……」」

    แม้แต่นกเองก็ยังรู้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างจาก Shirley ที่แสนจะติ๊งต้องไปด้วยจิตวิญญาณลุกโชนที่อยู่ข้างหลังเธอเลย

    ณ โรงเรียนเอกชนที่อยู่ในเมืองชายแดนจะมีงานมหกรรมกีฬาสีที่จัดขึ้นปีละครั้ง เช่นเดียวกับการเยี่ยมชมชั้นเรียน ผู้ปกครองก็เข้ามาเยี่ยมโรงเรียนเพื่อดูลูกๆของพวกเขาได้ แต่มหกรรมกีฬาสีนั้นน่าจะเรียกได้ว่าเป็นเทศกาลอีกอย่างหนึ่งเลยล่ะ

    「หุๆๆ……ไม่ไหวแล้ว ถึงจะยังมีเวลาเหลืออยู่ ก็ไม่อาจกลั้นความรู้สึกได้เลย」

    และ Shirley ก็ไม่ยอมพลาดงานแบบนี้ไปแน่

    ถึงกระนั้น มหกรรมงานกีฬาสีก็เป็นเทศกาลที่แน่นไปด้วยผู้ปกครองจำนวนมากที่มีเด็กเป็นตัวหลักของงาน ยิ่งกว่านั้นเทศกาลนี้ก็ยังสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เข้าชมมากกว่าผู้เข้าแข่งขันเสียอีก

    Shirley เองก็ไม่มีข้อยกเว้น เธอทำท่าเหรอหราในใจอยู่ 3 สัปดาห์ถึงเรื่องงานกีฬาสีที่ไม่มีใครพูดถึงมากนัก เธอจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

    「เอาล่ะ ยังมีอีกเยอะที่เราจะต้องทำ เพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น เดี๋ยวจะพาพวกนี้ออกไปข้างนอกสักหน่อย」

    「「จิ๊บ~……」」

    แล้วผลลัพธ์ก็เป็นแบบนี้แหละ

    ถึงกับร้อง 「เอ๋---……」 ออกมาเลย เธอไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของนกวิญญาณสองตัวที่ดูเหมือนจะเกลียดหรือลำบากเลย Shirley จึงใช้งานมากขึ้น

    ตามปกติเธอจะทำทุกอย่าง (โดยเฉพาะเพื่อลูกสาว) Shirley ที่เป็นผู้จ้างวานไม่อาจจะฝืนความร้อนแรงได้ Beryl กับ Rubeus ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตาม Shirley ที่กำลังประกอบตัวกล้องอย่างกระตือรือร้น

    「……ฟุมุ เพียงเท่านี้ก็มีกล้องเพียงพอแล้ว」

    สองชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มทำงาน ทันทีที่ Sophie กับ Tio ไปโรงเรียน พวกนั้นก็กลับมาทำงานกันต่อ Beryl กับ Rubeus ที่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเธอต่างก็โล่งใจที่ในที่สุดก็ได้พักเสียที

    「เอาล่ะ มาตรวจสอบตำแหน่งที่จะติดตั้งกล้องกัน ฉันจะให้กล้องไปตัวหนึ่ง เอาไปศึกษาวิธีใช้งานก่อนที่จะถึงงานกีฬาสีนะ」

    Shirley กางแผนที่ของโรงเรียนแล้วก็ประกาศออกมา

    ยิ่งกว่าเตรียมการให้พร้อมเสียอีก ดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะช่วยสอนให้นกใช้กล้องเหมือนกับการฝึกสัตว์ด้วย

    Beryl กับ Rubeus ต่างก็เป็นวิญญาณที่มีความฉลาดเหมือนมนุษย์ทั้งๆที่เป็นนก อีกทั้งยังเข้าใจภาษามนุษย์และก็ยังใช้กล้องได้ แต่ก็คงจะมีแต่ Shirley คนเดียวในโลกละมั้งที่เอาวิญญาณไปใช้งานแบบนี้

    「จากตรงนี้ ขณะที่เคลื่อนมายังระหว่างกล้องที่ติดตั้งเอาไว้หลายๆจุด ฉันจะถ่ายมุมลูกสาวที่ดีที่สุดให้ได้ เจ้าก็กดชัตเตอร์ตามหากฉันเกือบพลาดนะ……」

    Shirley นั้นดูมีชีวิตชีวา ถึงออกจะน่ารำคาญเธอก็ยังมองใบหน้า Sophie กับ Tio เป็นชั่วโมง Shirley หยิบเอานาฬิกาพกออกจากกระเป๋ามองดูหน้าปัดแล้วก็พยักหน้า

    「……ถึงเวลาที่จะไปกวาดล้างมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆทั้งหมดแล้ว วันนี้ก็ลุยกันเลย」

    เธอปีนบันไดขึ้นไป หลังจากที่เห็น Shirley ออกจาก 《กล่องเครื่องมือของผู้กล้า》 ไปแล้ว Beryl กับ Rubeus ก็ถอนหายใจออกมาแล้วกลับไปยังที่บ้านกรงนกที่อยู่อีกห้องหนึ่ง

    แน่นอนว่ามันจะยังคงถูกใช้งานในมันมะรืนนี้ นกสองตัวที่มีความรู้สึกแบบนั้น ขณะที่นอนบนกองฟางและกินถั่วแห้งๆที่วางอยู่บนจานแล้วพักผ่อน







    มังกร Pterosaur ที่ยืมมาจากโรงเก็บมังกรของกิลด์นั้น Shirley เอามันไปขี่เพื่อจัดการทำลายมอนสเตอร์มากขึ้นทุกวันและก็ทุกวัน

    Yumina ถึงกับพูดว่า 「Shirley นั่นก็ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือกิลด์แล้วล่ะ!」 เธอถึงกับประทับใจอย่างมากต่อพนักงานคนอื่นๆ แต่มันหยาบคายต่อตนเอง

    「ให้ตายสิ……นั่นอะไรกันนะ」

    คำตอบก็ต้องเป็น……ตามที่ว่านั่นแหละ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตามเรื่องของลูกสาวก็ถือว่ามีความสำคัญที่สุด แล้วก็ปฏิเสธคำร้องจากกิลด์ไปหลายครั้งแล้ว เนื่องจากไม่ได้ขัดกับกฎ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องบ่น Shirley คิดเอาไว้แบบนั้น

    (ถึงกระนั้น ก็ยังยุ่งอยู่ดี ที่จริงฉันน่าจะใช้เวลาเตรียมตัวให้มากกว่านี้สักหน่อย)

    มหกรรมกีฬาสีนั้นเร็วเกินไปสำหรับนักเรียนใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ และก็ร้อนเกินไปในฤดูร้อน ในทางตรงกันข้ามมันก็หนาวเกินไปในฤดูหนาว จึงเหมาะที่จะจัดในฤดูใบไม้ร่วง แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าถ้าเกิดมอนสเตอร์มาปรากฏตัวในช่วงนี้ล่ะก็ โลกก็คงจะไม่มีเหลือแน่

    (เพราะมีความเป็นไปได้ที่มอนสเตอร์อาจจะเข้ามาในเมืองตามที่คาดการณ์ไว้ จึงต้องรับคำร้องเพิ่มเติม)

    มอนสเตอร์ที่เข้าในเมืองนั้น ถ้าเกิดเป็นวันมหกรรมกีฬาสีล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องถูกยกเลิกงานไป ยิ่งกว่านั้นก็จะเป็นอันตรายกับ Sophie และ Tio ด้วย

    เห็นได้ชัดเลยว่า นั่นเป็นเหตุที่ Shirley นั้นจริงจังกับการปราบมอนสเตอร์อย่างบ้าเลือดเมื่อไม่นานมานี้ เธอไม่ได้จัดการกับมอนสเตอร์เพื่อโลกหรือเพื่อกิลด์ทั้งนั้น

    (อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะวางใจในด้านพลังของผู้อื่นได้ มันก็แค่ตัวภาระนิดหน่อยเอง)

    สำหรับมหกรรมกีฬาสีนั้น……เพื่อลูกสาวเหนือสิ่งอื่นใด ค้นหามอนสเตอร์ที่อาจจะเข้ามาในเมืองด้วยพลังเหนือธรรมชาติและกำจัดมันอย่างระมัดระวัง ถึงจะบอกว่าเหตุจูงใจมันคนละอย่าง แต่ก็เหมือนกับนักผจญภัยคนอื่นๆนั่นแหละ

    ถ้านักผจญภัยต่างก็กระตือรือร้นในการจัดการกับมอนสเตอร์ ผลก็คือยากที่มอนสเตอร์จะบุกเข้าไปในเมือง และพวกอันธพาลก็คงจะอยู่อย่างลำบากแน่ พอวิเคราะห์ออกมาอาจจะบอกว่าการจัดงานในครั้งนี้ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว

    「เพื่อการนั้น มาขับไล่มอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆจนกว่าจะถึงบ่ายสองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นก็ไปคุยกับคุณ Martha เรื่องเกี่ยวกับอาหารเที่ยงของวัน……」

    ถึงจะยุ่งสุดๆ แต่ก็ยังบรรลุเป้าหมายได้อย่างน่ามหัศจรรย์ Shirley ตระเวนไปทั่วทั้งฟ้าด้วยสายลมฤดูใบไม้ร่วงอย่างเอื่อยๆอย่างอารมณ์ดีบนเส้นทางการล้างบางมอนสเตอร์ที่น่ารำคาญตามปกติ







    ขณะเดียวกัน หลังคาบเรียนที่โรงเรียนเอกชนก็มีเสียงคึกคักที่ไม่ได้เห็นตามปกติ

    แทนที่จะใช้เป็นคาบเรียนตามปกติ ก็เป็นการพูดคุยกันเรื่องการแข่งขันในกีฬาสี

    งานที่มาถึงในโรงเรียนนี้ พวกนักเรียนต่างก็อดตื่นเต้นถึงงานใหญ่ไม่ได้ ในอาคารเรียนนี้จึงมีเสียงเจี้ยวจ้าวของเด็กที่ดังกว่าปกติ

    「เอาล่ะ ใครจะแข่งในรายการกินขนมปังวิบากล่ะ?」

    「ค่าๆ! Tio-chan ก็น่าจะดีนะ!」

    「คนที่มีฝีเท้าดีที่สุด ก็ต้องเป็น Tio นี่แหละ」

    ชายที่อยู่หน้ากระดานดำที่พูดนั้น……เป็นครูประจำชั้นของ Sophie กับ Tio เอง Tio ถึงกับเถียงด้วยสีหน้าฉุน

    「เฮ้ย……บางทีคุณคงจะไม่ได้ยัดเยียดให้ฉันเข้าร่วมการแข่งขันทุกรายการหมดใช่มั้ย? ฉันกะจะลงแข่งวิ่งวิบากนะ……」

    「เอ๋ー? แต่ Tio-chan เก่งกีฬาที่สุดในโรงเรียนเลยนะ」

    ถ้าเราจะเอาชนะยังไง ก็ต้องส่งนักเรียนที่ชนะได้ไปคว้าชัยมา นั่นก็ไม่ผิดหรอก แต่ถ้าจะเอาตามเหตุผลนั้นก็จะกลายเป็นว่าต้องส่ง Tio ลงไปแข่งกับพวกนักเรียนปีสอง รวมไปถึงต้องแข่งเองทั้งหมดเลยด้วย

    ถ้ามันเกิดขึ้นแบบนั้นจริงก็คงจะเหนื่อยน่าดู ถ้าเป็นไปได้ Tio ก็น่าจะขอให้พี่สาวและครูมาช่วยอีกแรง

    「น่าๆ ทุกคน งั้นก็ช่วยแบ่งเบาภาระ Tio ให้หน่อยล่ะกัน」

    「นั่นสินะ เพราะกีฬาสีเป็นงานของทุกคน มีกฎว่าทุกคนในชั้นเรียนจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกันนะ」

    การให้นักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันเพียงคนเดียวจะทำให้เกิดปัญหาทั้งสภาพร่างกายและภายนอกได้ เหล่านักเรียนทั้งชั้นที่ไม่มีทางเลือกนอกจากอุบเงียบเอาไว้ ครูประจำชั้นก็กระแอ้มคอออกมาจนนึกนอกก่อนที่จะพูดต่อ

    「เพราะงั้น ก่อนอื่นครูขอให้ Tio ลงแข่งวิบากด้วยสถิติที่ดีที่สุดให้ได้เลยนะ ส่วนรายการแข่งขันอื่นล่ะ……มีใครอยากจะเข้าร่วมหรือเปล่า?」

    หลังจากนั้นก็มีการจับกลุ่มพูดคุยกัน ที่จริงก็ไม่ใช่วาระการประชุมหรอก น่าจะมีคนที่มั่นใจในการแข่งขันที่เหมาะกับความสามารถของตนอยู่ ถ้าไม่มีใครยกมือก็สามารถแนะนำคนอื่นได้

    「เอาล่ะ รายการสุดท้ายแข่งวิ่งผลัด 100 เมตร มีใครอยากจะแข่งมั้ย? จำกัดจำนวนสูงสุดที่สี่คนนะ」

    「ค่า」

    「ฉันเอง!」

    และรายการสุดท้ายแข่งวิ่งผลัด 100 เมตรนั่น พอจะถามหาคนเข้าร่วมแข่ง ก็มีคนยกมือขึ้นอยู่ห้าคน

    หนึ่งในนั้นก็คือ Sophie ส่วนอีกสี่คนที่เหลือนั้น หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายร่างโตที่ทรงอิทธิพลต่อพวกนักเรียนชายและคนอื่น……หรือที่เรียกกันว่าหัวโจก ซึ่งมีชื่อว่า Marco
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×