ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #61 : ลมสงบก่อนพายุ - ส่วนแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 972
      57
      24 ต.ค. 65

    “ชิ…! เขาหนีไปแล้ว…!”

    Philia ยืนอยู่บนขอบของระเบียงที่พัง มองดู Gran ที่หายลับสายตาไปแล้ว เขากำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้… ไปยังราชอาณาจักร

    “เสียงคำรามเมื่อกี้… เขาต้องเล็งพี่สาวฉันแน่เลย! ฉันต้องไปบอกเธอแล้วล่ะ!”

    ไม่อาจจะปล่อย Gran ไว้อย่างหละหลวมได้ มันอาจมีโอกาสที่จะก่อความเสียหายต่อผู้มีอำนาจและศักดิ์ศรีในจักรวรรดิและผู้ปกครองได้ แต่นั่นจะไม่มีค่าเลยหากคนที่เธอต้องปกป้องได้รับบาดเจ็บในระหว่างนั้น เหมือนกับคนในราชอาณาจักรบอกมา ผู้ที่ปกครองเมืองยังต้องพึ่ง Philia เลย

    ขณะที่เธอนึกถึงสิ่งที่จะทำ กำแพงหินขนาดใหญ่ก็ได้กักขังมอนสเตอร์ที่สร้างจาก Gran แล้วก็ถูกอัดเข้าในสวนที่อยู่ข้างใต้ แล้วก็แทงทะลุมันอีกด้วยหนามน้ำแข็งและเสาไฟ เพื่อกวาดล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด Lumiliana กระโดดกลับไปยังชั้นสอง ย่อเข่าลงต่อหน้า Philia หน้าของเธอก้มมองไปยังพื้น

    “ไม่มีอะไรให้แก้ตัวค่ะ องค์หญิง… ฉันปล่อยให้เขาหนีไปได้…!”

    เสียงของเธอถูกเติมไปด้วยสิ่งที่ยิ่งกว่าความรู้สึกผิด ขณะที่อัศวินเธอได้ด่าตัวเองจากภายใน Philia ก็พยักหน้าแล้วเข้าไปปลอบเธอ

    “ไม่เป็นไร ตอนนี้มาสนใจสิ่งที่เราจะทำกันเถอะ ถ้าแกรนด์มาสเตอร์ Wolff เข้าไปในราชอาณาจักรด้วยสภาพแบบนั้น มันต้องโกลาหลแน่ๆ!”

    ถึงแม้เขาจะบินไปด้วยระดับความสูงที่เอื้อมไม่ถึง เขาก็ไม่ได้เคลื่อนที่เร็วนัก ถ้ามันลุยกันแบบตรงๆ มันก็เป็นไปได้ที่จะจัดการกับมันก่อนที่จะมีคนเสียชีวิตมากกว่านี้ ให้ไปบอกเธอแบบนั้น แล้วเธอก็หันกลับไปยังประตูเพื่อตัดสินใจดำเนินการทันที เมื่อสาวใช้วัยสาวที่มีผมสีน้ำตาลเข้ามาในห้องทั้งๆที่มันพังถล่มตอนต่อสู้ไปแล้ว

    “น-นายหญิงคะ! ม-ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ!?”

    “Hannah? ฉันบอกให้เธอรออยู่ข้างนอกเพราะว่ามันอันตรายไม่ใช่หรือ?”

    นี่คือ Hannah เป็นสาวใช้ที่เธอจ้างมาเมื่อไม่นานนี้ เธอเคยทำงานในตระกูล Earlgrey จนกระทั่งไม่นานมานี้ แต่เธอไม่อาจจะรับมือกับความเอาแต่ใจของ Alice ได้จนถูกไล่ออก บังคับให้ต้องระหกระเหินบนถนนกับน้องชายของเธอที่ป่วย โดยไม่อาจจะหางานที่เต็มไปด้วยพวกที่ไร้งานในจักรวรรดิได้เลย ทันทีที่มีโอกาสเธอก็เข้าไปหา Philia ที่กำลังเยือนศาลากลางและก็ได้เสนองานขึ้นมา

    “ข-ขออภัยค่ะ ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของนายหญิง ฉันก็แค่…”

    เพราะสภาวะของเธอที่หลุดพ้น Hannah จึงเห็น Philia เป็นผู้ไถ่ชีวิต พวกเธอไม่ได้รู้จักกันมานานเท่าไรนัก แต่ Philia ก็มีวุฒิภาวะพอที่จะเชื่อใจเธอและทักษะของ Hannah ในฐานะสาวใช้ที่เคยรับใช้บุคคลชนชั้นสูงนั้นก็ไม่ได้กระจอก

    “ไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะมาเสียใจกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เราจะต้องทำการให้โดยไวเลย! ฉันจะกลับไปที่คฤหาสน์ Regnard และส่งคำแถลงการณ์ไปยังราชอาณาจักร Lumiliana ช่วยเตรียมรถม้าโดยทันที! Hannah ฉันจะฝากให้เธอจัดการเอกสารนะ!”

    “ “ค่ะ!” ”


    “อืออ… ข้างนอกหนวกหูชะมัด”

    จากป่าที่แผ่กระจายจากด้านนอกของเมืองชายแดนยังพื้นที่ส่วนบุคคลที่อยู่ใกล้กับ
    เรือนทาโอเร่ภายในกำแพง เสียงร้องของจั๊กจั่นที่ดังเหลือทนตลอดช่วงฤดูร้อนนี้

    ราวกับว่ามันจะร้อนไม่พอ ตอนนี้พวกมันก็เลยส่งเสียงหนวกหูแบบไม่จบไม่สิ้น แม้แต่ Sophie ก็ไม่อาจที่จะเก็บอาการจากการบ่นได้

    “มันน่าจะดีกับนกนะ… ไม่ว่ายังไง เธอก็ดูไม่เหมือนว่าจะร้อนเลยนะ”

    “จิ๊?”

    Sophie มองไปยัง Beryl ที่เกาะอยู่บนหัวเสาที่สูงกว่าตัวเธอ

    มีบางอย่างที่เธอได้เรียนรู้หลังจากที่เลี้ยงสัตว์ สัตว์นั้นดูท่าจะไม่ออกอาการใดๆจากอากาศที่ร้อนเลย ตอนแรกเธอนึกว่าพวกนั้นไม่แสดงบนสีหน้า แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น ผิวหนังที่อยู่ใต้ขนปีกนั้นมันเย็นจนสัมผัสได้

    “แต่เนื่องจาก Tio อาจจะแย่กว่านี้ในอากาศร้อน ในฐานะพี่สาว ฉันไม่มีทางเลือกใดๆนอกจากคอยชี้นำ!”

    ฮึ่ม! ด้วยจิตวิญญาณกระปรี้กระเปร่า เธอจึงเอาฝักบัวมารดต้นไม้ที่แขวนอยู่ในกระถางที่อยู่หน้า
    บ้านพัก

    แสงแดดที่ส่องผ่านน้ำที่โปรยลงมา ทำให้เกิดรุ้งกินน้ำเล็กๆที่สวยงามขึ้นมา ขณะที่ Sophie เพิ่งจะรดน้ำต้นไม้เสร็จ Tio ก็เปิดประตูแง้มแล้วก็โผล่หัวออกมา เป็นหัวเดียวกับที่ Rubeus เกาะอย่างสบายๆนั่นแหละ

    “Sophie, Martha บอกว่าเธอจะพักเบรคได้ถ้าเสร็จแล้วนะ ฉันว่าเธอทำไอศกรีมอยู่นะ”

    “จริงหรือ!? เย้!”

    แล้วก็เดินกลับเข้าไปใน
    บ้านพักด้วยสีหน้ายิ้มแฉ่งอย่างมีความสุขที่เหมาะกับอายุ Sophie รู้สึกถึงลมเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศเวทมนตร์ทันทีที่ก้าวเข้าไปข้างใน ขณะที่ Martha ก็ก้าวออกมาจากห้องครัว เธอดูเหมือนแฝดคนพี่ที่ยังชุ่มเหงื่อบนหน้าผากขณะที่เดินกะโผลกกะเผลกบ้าง

    “อา ขอบคุณที่ทำงานอย่างขันแข็งนะ Sophie ฉันขอโทษจริงๆที่ขอให้เธอทำอย่างนั้นนะ”

    “เปล่า ไม่ต้องห่วง คุณเองก็ช่วยเหลือพวกเรามาตลอดอยู่แล้วค่ะ คุณ Martha”

    “อืม ตอนที่เธอเจ็บ มันก็เหมือนว่าเราเจ็บด้วย”

    ในขณะนั้น ข้อเท้าข้างขวาของ Martha ที่มีผ้าพันแผลเอาไว้ ตอนที่เธอพยายามจะเปลี่ยนหลอดไฟเวทมนตร์ที่ติดอยู่บนเพดานเมื่อวันก่อน เธอเขย่งเท้าบนบันไดมากเกินไปจนร่วงตกลงมา ทำให้ข้อเท้าเธอแพลงจนต้องพาไปบำบัดรักษา ดังนั้น Shirley กับลูกสาวของเธอจึงได้อาสาช่วยเธอไปสักระยะหนึ่ง โดยพิจารณาสิ่งที่เธอทำได้

    ยังไงก็ตาม ขณะที่ Sophie กำลังรดน้ำที่สวนนอกบ้าน Tio ก็กวาดระเบียง และ Shirley ก็ผ่าฟืนอยู่ด้านหลังของ
    บ้านพัก

    “เนื่องจากไอศกรีมพร้อมแล้ว เรียก Shirley มาได้มั้ย? เธอน่าจะเสร็จแล้วล่ะ”

    “อืม ได้เลย”

    หลังจากที่พยักหน้า Sophie กับ Tio ก็ไปข้างหลัง
    เรือนทาโอเร่เปิดประตูออกมา พวกเธอก็เห็น Shirley อยู่ในสนามหญ้าถือตะกร้าและท่อนซุงอยู่ต่อหน้าเธอ

    “….ฟูว”

    เธอหายใจออกลึกๆ หลังจากที่เสริมขาด้วยเวทเสริมความแกร่งที่เรียกว่ายกระดับเสร็จสิ้นแล้ว เธอก็เตะท่อนซุงลอยขึ้นสูงกลางอากาศ ขณะที่ Shirley ก็เตรียมดาบโค้งมาถือไว้ในมือแล้ว

    “หวาๆๆ!?”

    จากนั้นลมกรรโชกที่ดูไม่เข้ากับอากาศร้อนแห้งที่เย็นพอๆกับอยู่บนยอดดอยพัดผ่านสนามหญ้า ทำให้ผมขาวหิมะของทั้งแม่ลูกปลิวไปข้างหลังขณะที่ Sophie พยายามปิดขอบกระโปรงของเธอ

    ลมเย็นๆที่มาจากแรงเหวี่ยงของดาบที่ผ่าความชื้นที่อยู่รอบๆตัว ขณะที่ท่อนซุงผู้โชคร้ายที่พ่ายแพ้ศึกกับคมดาบในเวลาอันสั้นอย่างเหลือเชื่อ มันก็ถูกผ่าออกมาเป็นขนาดที่เอาไปจุดไฟได้เป็นจำนวนมากร่วงตกลงมาในตะกร้าอย่างเป็นระเบียบ

    “…..แล้วทั้งหมดเพียงก็เท่านี้”

    “โอ้ววว~”

    ขณะที่ Shirley พึมพำแบบนั้นไป เธอก็โยนฟืนที่เหลืออีกชิ้นหนึ่งเข้าไปยังตะกร้า Tio แอบเชียร์อย่างเงียบๆ เธอได้ผ่าฟืนด้วยวิธีอื่นที่เธอเคยเอาไปใช้กับเตาหลอมของ Dimros ก่อนหน้า ในคำร้องของสามีของ Martha ที่ทำงานหนักในห้องครัว เธอก็ผ่ามันจนเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จนไม่เทอะทะเกินไป ขณะที่พอจะเผาได้อย่างลงตัวพอดี

    “หม่าม้า คุณ Martha บอกว่าคุณน่าจะพักสักหน่อยนะคะ”

    “เข้าใจล่ะ”

    เธอกลับมากับลูกสาวสองคนพรอ้มกับตะกร้าที่เธอถืออยู่รวมทั้งนกวิญญาณสองตัวไปยังห้องครัว Martha เอาไอศกรีมแช่เย็นทำมือทั้งสามก้อนมาวางบนถาด มีทั้งรสมินท์และช็อคโกแล็ตเสิร์ฟในถ้วยแก้ว

    “ฉันคิดว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะได้เข้าถึงจิตวิญญาณของฤดูด้วย ฉันหวังว่านี่จะเป็นที่แพร่หลายกับนักผจญภัยหญิงในวันร้อนๆนะ บอกฉันด้วยว่าเธอคิดว่าไง”

    มันยากที่จะต้านทานน้ำแข็งเย็นๆที่ทำจากนมและน้ำตาลในวันที่ร้อนและแห้งอย่างนี้ ในขณะที่ Sophie กับ Tio ดูเหมือนจะดีใจกับของว่างนี้ Beryl กับ Rubeus ก็ดูเหมือนราวกับสมองจะหยุดทำงานไปสักพักขณะที่พวกนั้นจ้องไปยังไอศกรีม จนสงสัยว่าพวกนั้นจะเป็นนกจริงๆหรือเปล่า

    “อืมー! อร่อยดี”

    “กิลด์มาสเตอร์ดูเหมือนจะชอบมันเลยล่ะ”

    “ก็นะ Canary เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ค้นพบวิธีผลิตน้ำตาลก้อน แน่นอนว่าเธอน่าจะกินของหวานแบบนี้ได้นะ”

    Shirley พึมพำเหรอหรา แต่ก็ไม่ใช่ราวกับจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอเป็นทุกข์ร้อนอะไรหรอกนะ

    น้ำตาลกับพริกไทยเป็นของที่มีค่าเทียบเท่ากับทอง ทั้งปลูกได้ยากและสกัดได้ยากด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในขณะนั้น หลายปีก่อน Canary ที่มีชื่อเสียด้านขนมหวาน ได้แนะนำวิธีการผลิตน้ำตาลรูปแบบใหม่ขึ้นมา ทำให้ถูกจารึกชื่อของเธอไว้ในประวัติศาสตร์วงการทำอาหารไปแล้ว

    “อ๊ะ จริงสิ แม่”

    “อะไรหรือ?”

    “เวทที่แม่ใช้เคลื่อนไหวร่างกายก่อนหน้านั้น ช่วยสอนฉันบ้างได้มั้ย?”

    “…………..”

    ขณะที่ Tio หันไปจ้องเธอด้วยแววตาหมาน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น ด้วยความตั้งใจอันบริสุทธิ์เต็มเปี่ยม Shirley ถึงกับรู้สึกเหมือนจะสูญเสียความสำรวมจนต้องหลบตาไปทางอื่น

    “หืมมมม… จู่ๆก็กะทันหันเลยหรือ?”

    “ฉันเองก็คิดเรื่องนั้นมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ฉันเองก็สนใจจะลองเวทมนตร์นั้นด้วย”

    หลังจากที่กระแอ้มออกมาแล้ว เธอก็หันมามอง Tio แต่เดิมเวทเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายจะใช้เพื่อช่วยร่างกายมนุษย์ที่อ่อนแอให้มาต่อกรกับมอนสเตอร์ที่มีพลังสุดโหดได้

    แน่นอนว่า มันจะรู้สึกถึงการกระโดดที่สูงมากขึ้นหรือวิ่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ยิ่งกว่าคนปกติที่คิดว่าจะทำได้ ทำให้รู้สึกยิ่งขึ้นถ้าพิจารณาว่านี่เป็นลักษณะเฉพาะของ Tio

    “อ๊ะ! งั้น หนูก็ด้วย! เวทมนตร์แบบนั้นมันน่าจะสะดวกสบายจริงๆถ้าหากต้องเร่งรีบนะ!”

    “Sophie ด้วย… บางทีพวกเธอได้ขอให้แม่มาสอนเธอแบบนั้นโดยหวังว่าจะได้เป็นนักผจญภัยอย่างนั้นหรือ?”

    “ “…..” ”

    ทั้งคู่ถึงกับผิวปากแล้วก็หันไปมองทางอื่น

    “ฮะๆๆๆๆๆ พวกเธอทั้งสามคนนี่เหมือนกันเลยนะ รู้มั้ย?”

    Martha ทำอะไรไม่ได้นอกจากหัวเราะแม่และลูกสาวที่ตอบสนองเหมือนกัน แต่ Shirley ถึงกับถอนหายใจออกมา ภาวนาว่าบางทีพวกนั้นคงจะไม่ได้คล้ายๆกันนะ

    “ตอนนี้ พวกเธอทั้งคู่ยังอายุน้อยเกินไปที่จะใช้เวทมนตร์เสริมสร้างกายภาพได้นะ มันจะส่งผลต่อการเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อด้วย”

    “ “เหหหห~” ”

    แต่ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนสำหรับ Shirley ที่ต้องต้านทานสายตาที่จ้องมาอย่างจริงจังแบบนั้น เธอขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจนระหว่างเวทมนตร์ง่ายๆกับเวทมนตร์ที่อาจจะเป็นอันตรายที่จะทำให้บาดเจ็บได้หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ในฐานะแม่ เธอยังสอนให้ไม่ได้

    “…แต่ นั่นก็จริง แม่ควรจะสอนลูกถึงเวทมนตร์ง่ายๆก่อนนะ”

    “หา?”

    ทั้งสองคนดูเหมือนจะเซอร์ไพรที่เปลี่ยนเรื่องเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากเธอเห็นว่ามันตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกทำเหมือนกับเรียนเวทมนตร์ เนื่องจากมันจะนำพาพวกนั้นไปสู่นักผจญภัยนั่นเอง

    “ตลอดปิดเทอมฤดูร้อนนี้ พวกเธอน่าจะออกไปเล่นกับเพื่อนบ้างก็ได้นะ ดังนั้นจึงน่าจะเป็นประโยชน์ถ้าเธอใช้เวทป้องกันผิวได้เป็นอย่างน้อยพอๆกับเวทรักษาอย่างง่ายนะ”

    “อืม งั้นก็สัญญานะ”

    “ห-หนูด้วย! ช่วยสอนให้หนูด้วย หม่าม้า!”

    “จ้า งั้นก็สัญญานะ”

    Shirley ตอบไปราวกับจะไม่เป็นปัญหา แน่นอนว่าเธอไม่ได้โกหก ระหว่างปิดเทอมฤดูร้อนล่าสุด ตอนที่ Shirley ไม่ได้คอยมองดูพวกนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พวกนั้นลืมใช้ครีมกันแดดแล้วก็กลับมาบ้านในสภาพที่ผิวเกรียมแดง และคราวก่อนที่พวกนั้นไปเล่นกันแถวน้ำตื้นๆแล้วก็ไปโดนก้อนหินแหลมคมที่ไหลมาตามทางน้ำบาดเข้า

    เธอค้นคว้าอย่างหนักพอที่จะรับมือกับเรื่องที่ปวดใจที่มาจากพวกนั้นอยู่ตลอด มันอาจจะแย่กว่านั้นถ้าเธอคิดว่าทั้งสองคนอาจจะได้รับบาดเจ็บกลับมาตอนที่เธอไม่ได้คอยมองดูพวกนั้นอีก ตามปกติแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือสอนให้พวกนั้นคอยดูแลตัวเอง กับเธอแล้วไม่มีอะไรที่จะทำได้นอกจากการมาเป็นนักผจญภัย

    (ฝึกเวทมนตร์กับลูกตัวเอง… เราไปสัญญากันตอนไหนนี่ มันก็เป็นเวทมนตร์ของตัวเองทั้งหมดเลย แต่ครั้งนี้เราจะทำด้วยกันจริงๆกับแม่และลูกล่ะ…!)

    อย่างที่ว่า แม่จอมเห่อนั่นก็ยังไม่มีโอกาสดีๆที่จะเอาเวลามาสอนเวทมนตร์ให้กับลูกสาวเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะ Grania ได้ชิ่งเธอไปก่อนหน้านั้น

    “อ้าา จริงสิๆ Shirley เอ้านี่ จดหมายถึงเธอนะ”

    “จดหมายเหรอ? เดี๋ยวนะ นี่มัน…”

    พอนึกใครที่มีความเป็นไปได้ Shirley ก็ได้ฉีกซองตรงด้านบนสุดที่ Martha ให้เธอมา แล้วก็อ่านข้อความในที่ๆไม่มีใครเห็น

    ชื่อของผู้ส่งที่อยู่ท้ายกระดาษนั้นเขียนว่า ร้านทำอัญมณี
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×