ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #53 : ฉากที่ถูกจัดขึ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.08K
      80
      14 ธ.ค. 62

    ในคฤหาสน์ Earlgrey ถึงแม้ว่าจักรวรรดิจะสงบ เหล่าคนใช้ต่างก็ไปมาอย่างเร่งรีบราวกับจะเป็นเรื่องฉุกเฉิน เหล่าคนใช้ในตระกูล Earlgrey ที่ปกติจะต้องรออดีตดยุคกับภรรยาที่ตอนนี้มอบอำนาจให้กับดยุคคนใหม่ พอๆกับน้องชายของดยุคคนใหม่ที่จะกลับบ้านเป็นครั้งเป็นคราว แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็เร่งฝีเท้าอย่างเร่งรีบ

    “ฉันชักจะเบื่อชานี่แล้วนะ ไปชงมาใหม่เลย… ใช้แต่ใบที่มีคุณภาพดีที่สุดเท่านั้นนะ”

    “ต-แต่ว่า… ก่อนหน้านั้น นายหญิงบอกว่าท่านเบื่อกับใบชาคุณภาพสูงแล้วนี่คะ… เราเอาชาที่ดีที่สุดในประเทศนี้มาแล้วนะคะ…”

    “อะไรนะ? กล้าพูดย้อนฉันหรือ?”

    “ฮี้….!?”

    ขณะที่จักรพรรดินีรับน้ำชาในห้องที่เย็นไปด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์นั้น สาวใช้ที่เสิร์ฟน้ำชาถึงกับซีดจากคำพูดจาที่ไม่ดีของ Alice

    “ถ้าไม่มีใบชาที่ดีกว่านี้ในจักรวรรดิล่ะก็ ก็สั่งอันที่ดีกว่าจากต่างประเทศสิ! มันจะไปเข้าใจยากอะไรกันเล่า!?”

    “กรี๊ดดดดด!?”

    ถ้วยชาที่มีเครื่องดื่มร้อนๆถูกสาดไปยังสาวใช้อย่างโกรธเกรี้ยว Alice ไม่สนใจว่าสาวใช้ที่มีอายุน้อยกว่าสิบปีที่ถูกชาดำลวกจะร้องออกมาอย่างทรมานแค่ไหน

    “ฉันไม่ใช่จักรพรรดินีและลูกสาวของตระกูล Earlgrey ที่เธอต้องจงรักภักดีเลยหรือไง!? ไปหาคำพูดมาย้อนฉันจากไหนมากัน!?”

    “ข-ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง! ย-ยกโทษให้ฉันด้วย!”

    ขณะที่เธอพยายามฝืนทนน้ำร้อนที่ลวกซึมเข้าผิวเธอนั้น สาวน้อยก็ก้มตัวลงให้ต่ำที่สุดขณะที่เธอขอร้องเพื่อผ่อนผันโทษ

    ไม่เหมือนกับสิ่งที่ Alice บอกเลย ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สาบานจงรักภักดีกับชนชั้นสูงนี้เลย เธอเองก็เป็นแค่สามัญชนที่อยู่กับน้องชายที่ป่วย เพื่อที่จะหาค่ายามา โชคดีที่เธอได้งานมาเป็นสาวใช้

    เพื่อไม่ให้ขัดใจกับนายใหญ่อารมณ์ร้อนของตระกูล เธอจึงต้องเรียนรู้ทักษะที่จะทำให้เธอหยุดพ้นจากปัญหาได้ เธอจึงเริ่มสร้างความเชื่อใจโดยการชงชา แต่ในช่วงฤดูร้อนนี้ งานที่ทำนั้นไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายเอาเสียเลย

    “ไปศึกษาเป็นคนใช้มาห่วยๆหรือไง!? นี่แหละที่ทำไมฉันถึงรังเกียจพวกที่เกิดมาโง่ดักดานสิ้นดี!”

    สาเหตุหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือจักรพรรดินี Alice Ragdoll รายละเอียดของศึกประลองที่บัญญัติโดยเทพีนั้นยังไม่รู้แม้แต่ในจักรวรรดิ แต่หลังจากที่ปราสาทถูก Shirley ฟันในช่วงไคลแมกซ์ของศึก จักรพรรดินี Alice กับจักรพรรดิ Albert ก็ไม่มีที่จะไป ดังนั้นจึงได้เข้าไปอาศัยพักอยู่ในตระกูล Earlgrey

    Albert เป็นห่วงความเป็นอยู่ของ Alice และตัดสินใจย้ายเธอกลับไปอยู่กับครอบครัว ที่ๆเธอรู้สึกปลอดภัยและคุ้นเคย เป็นการฟื้นฟู ฟังจากเรื่องข้างเดียวดูเหมือนว่าจักรพรรดิจะคอยดูแลทุกอย่างให้ภรรยาของเขาอยู่อย่างสะดวกสบายที่สุด แต่อีโก้ของ Alice นั้นถึงกับไม่พอใจที่ต้องมาติดแหงกกับบ้านเก่าแบบนี้

    เธอใช้ท้องพระคลังเหมือนกับเปิดก๊อกน้ำไหลเทมาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และเธอก็จะอยู่อย่างตามใจแบบนั้นต่อไป ถึงแม้ว่าคฤหาสน์จะมีคนใช้ที่น้อยกว่าปราสาท Alice ก็ยังหงุดหงิดและก็เบื่อหน่ายตลอด สิบปีที่อยู่อย่างจักรพรรดินีที่เสื่อมถอยลง แม้แต่คนใช้ที่คอยรับใช้เธอตอนที่เธอยังอายุน้อยก็ยังรู้สึกเหนื่อยจนพวกเขาแทบจะทรุดอยู่แล้ว

    เธอขอเอาดอกไม้ที่อยู่ในสวนที่เธอเห็นว่ามันน่าเบื่อแล้วมาเปลี่ยนใหม่ให้หมด เธอขอใบชาคุณภาพที่ดีที่สุดที่มีอยู่ทั่วทุกทั้งประเทศ เธอขออาหารที่ทำมาจากมอนสเตอร์สายพันธุ์วัวตัวอ่อนที่สุดโฉดมาก เธอขอให้คนใช้ไปเอาสมุนไพรเสริมความงามที่เติบโตเฉพาะบนจุดสูงสุดเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ความเห็นแก่ตัวของเธอนั้นทำให้ชีวิตของคนอยู่ในอันตราย

    “ฉันเป็นเจ้านายนะ ฉันไม่น่าเอาคนใช้ปัญญาอ่อนเข้ามาอยู่ในครอบครัวเลย!! เธอถูกไล่ออก ไล่ออก! ออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย!”

    สุดท้าย Alice ก็เอาเท้ากดหัวของสาวใช้ที่คอยจัดการมารยาท เอาส้นเท้าบดขยี้หัวของสาวใช้ที่น่าสงสารที่ก้มกราบบนพื้น

    “อ้ากกกกกกก!? …ท-ท่านนายหญิง! ย-ยกโทษให้ฉันด้วย…!”

    ถึงภาษีจะขึ้นสูงลิบ มันก็เกินกว่าที่จะจ่ายค่ายาของน้องชายเธอที่จะต้องฝากชีวิตไว้ได้ ถ้าเธอเสียงานไป ไม่เพียงแค่เธอจะไร้ที่อยู่อาศัย น้องชายของเธอก็อาจถึงตายได้

    “เธอนี่หนวกหูเกินไปแล้ว! หรือจะให้ฉันเรียกอัศวินมาลากเธอไปแทนล่ะ!?”

    “…อ๊ะ!”

    โดยที่ไม่รู้หรือไม่ใส่ใจกับสภาพของเด็กสาวคนนั้นเลย เธอถึงกับสะดุ้งกับคำขู่ของ Alice แล้วก็รีบหนีออกจากห้องไปทั้งน้ำตา

    “แม่เจ้าที่แสนดีจริงๆ… ช่างไม่เอาไหนเลยสิ้นดี!”

    เธอเอนพิงหลังโซฟาที่ดูไม่สมกับเป็นสุภาพสตรีเลย ไม่นานมานี้เธอมีแต่อารมณ์ที่สับสนแปรปรวนอยู่เต็มไปหมด

    ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นห่วงว่าจะไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ พี่สาวของเธอที่คิดว่าตายไปแล้วเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนจู่ๆก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอที่สวยงามยิ่งกว่าเดิม และก็ยังมีลูกสาวอยู่เคียงข้างที่เข้าใจผิดว่าเป็นนางฟ้าหรือเทพธิดาอีก

    การกระทำของ Albert ในการเอาทายาทมาเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างสิ้นคิดนั้น Edward และพี่สะใภ้ที่แสนจะน่ารังเกียจได้สมคบคิดในการจัดการประลองที่บัญญัติโดยเทพี ผลก็คือปราสาทที่แสนภูมิใจถูกทำลายหลังจากที่พ่ายแพ้ไปแล้ว

    ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงโกรธเคืองเรื่องนั้นอยู่ ที่แย่กว่านั้น เธอไม่พอใจกับการบำบัดที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ต้องกลับไปอยู่ในบ้านดยุคของเธอหลังจากที่ไม่มาตั้งนาน ไฟของความโกรธก็ได้แผดเผาพวกคนรับใช้ที่ไม่อาจทำตามที่เธอขอได้

    “ยัยแม่มดสีทอง… ยัยดาบอสูรสีขาว…! เป็นความผิดของยัยพวกนั้นทุกอย่างเลย…! เอาออกไปให้พ้นๆหน้าฉันซะ…!”

    Alice กัดเล็บเป็นนิสัยติดตัวเวลาที่เธอเครียด เธอค้นพบหลังจากการประลองว่า Shirley นั่นแท้จริงแล้วเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกิลด์นักผจญภัยในแรงค์และดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ Canary ด้วย

    Alice ไม่อยากยอมรับแบบนั้น เปลวไฟแห่งความริษยาที่เธอนึกมานานได้ลุกขึ้นมาในใจ พี่สาวที่มีความสวยงามอย่างเทียบไม่ได้กับลูกสาวที่แสนน่ารัก มันยากที่ Alice จะได้เห็นอะไรที่ยัยนั่นเหนือกว่าเธอได้ เธอน่าจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างรุ่งโรจน์ แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้กัน?

    “ขออภัยครับ”

    เธอตื่นขึ้นจากความมัวเมาจากเสียงเคาะประตู ตามด้วยหัวหน้าคนใช้ของดยุคเข้ามาในห้อง

    “ท่านนายหญิงขอรับ มีแขกมาหา”

    “…พาเข้ามา”

    ขณะที่ Alice พูดนั้น หัวหน้าคนใช้ก็รีบออกจากห้องไปทันที เธอจึงเรียกคนๆนี้เข้ามา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเธอในวันนี้ เธอตั้งใจที่จะเอาเรื่องไปบ่นให้ชายงามฟังสักหน่อยแล้วก็เสพสุขในคำปลอบโยนของเขา ซึ่งเป็นนิสัยของ Alice ที่ติดมาตั้งแต่ยังเล็ก

    “โอ้ Alice ผมคิดถึงเธอนะ”

    “ฉันอยากจะเห็นคุณเหลือเกิน Gran”

    สีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธหายเป็นปลิดทิ้ง Alice สวมหน้ากากไร้เดียงสาและร่าเริงขณะที่อยู่กับ Gran ชายที่เธอรู้จักมาตั้งแต่อยู่ในโรงเรียนของเธอเข้ามาในห้อง ในบรรดาจำนวนผู้ติดตามของเธอที่เธอจะใช้นิสัย ‘อ่อนโยนใจดี’ คอยหว่านล้อม ความใจแคบและความรุนแรงที่แสดงจากก่อนหน้านั้นจึงหายไป

    “อืม… Gran…”

    “ผมรักคุณนะ… Alice…”

    หลังจากที่ปิดประตูแล้ว พวกนั้นต่างก็จูบและก็กอดกัน เป็นการกระทำที่บัดสีบัดเถลิงระหว่างจักรพรรดินีกับบุคคลระดับสูง แต่ตอนนี้ทั้งสองต่างก็ไม่สนใจเกี่ยวกับผลของความผิดที่แอบนอกใจจักรพรรดิแล้ว ต่างคนต่างก็เต็มไปด้วยตัญหาอันเปรมปรีย์



    ที่ๆมี Albert อยู่นั้นพวกเขาจะคอยเว้นระยะห่างเอาไว้ แต่ในที่ลับนั้นพวกเขายังคงเก็บความสัมพันธ์เดียวกับที่มีก่อนที่เธอจะแต่งงานกัน โดยที่ Albert ยังไม่รู้ พวกเขาต่างก็มั่นใจว่าความจริงนั้นจะไม่มีวันถูกเปิดโปงออกมา

    “คุณไม่ได้เรียกผมมาตั้งนานแล้ว ผมดีใจที่คุณเชิญมานะ”

    “ไม่หรอก ฉันก็ไม่ได้หวังที่จะเห็นคุณหรอกนะ Gran”

    จักรพรรดินีได้ทำตัวเป็นสาวน้อยตกหลุมรัก ทั้งๆที่เธอเกือบจะอายุ 29 ปี เป็นสิ่งที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรมากนัก แต่ดูเหมือนจะส่งผลไปยัง Gran ที่ดีใจอย่างโล่งอก แก้มของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดง

    “ไม่นานนี้ ผมได้ยินว่าฝ่าบาทนั่นไม่ได้รับความสุขสมเปรมปรีย์จากเธอเลย ผมจะมามอบความรักนี้ให้กับคุณเอง”

    “ฉันดีใจนะ โปรดรักฉันให้มากกว่านี้นะ ตกลงมั้ย?”

    ถึงแม้ว่าเธอจะซ่อนหน้ากากได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่เธอนั่งลงบนตักของ Gran ที่พิงอยู่บนโซฟา ความเกลียดชังนั้นก็ได้หล่อเลี้ยงในใจเธออีกครั้ง

    ปัญหาที่หนักหนาสาหัสก็คือปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจจักรพรรดิถูกทำลายไปแล้ว Albert ที่ภาคภูมิใจในตัวเองที่เป็นผู้ปกครองและผู้ยิ่งใหญ่ของปราสาทนั้น พูดถึงแผนที่จะสร้างปราสาทแห่งใหม่ที่หรูหรายิ่งกว่าเดิม แต่ต้องใช้เวลามากและไม่การันตีว่าท้องพระคลังนั้นจะร่อยหรอหนักแค่ไหน

    แล้วจักรพรรดิก็นึกไอเดียของการปราสาทใหม่บนที่เดิมโดยใช้การผสมเศษซากที่ดีพอๆกับเวทมนตร์ธาตุดิน แต่เวทมนตร์นั้นก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ปราสาทนั้นไม่ได้สร้างด้วยก้อนหินเพียงอย่างเดียว ถึงแม้จะสร้างให้มีรูปร่างเหมือนเดิมได้ แต่รูปร่างอันงดงามของเดิมนั่นก็หายไปจนเหลือเพียงแค่เศษซากของก้อนหินอันน่าเกลียดเท่านั้น

    …ก็อย่างที่ว่ามา ถ้าพวกเขาอาศัยพลังของนักผจญภัยแรงค์ S หรือเวทมนตร์ของตัว Canary แล้ว มันก็น่าจะทำได้สำเร็จ แต่คงจะเป็นไปไม่ได้กับ Albert ที่จะไปขออะไรจากแม่มดนั้นตอนที่เธอดูถูกเขาและประเทศของเขาอย่างหนักตอนการประชุมครั้งก่อนหน้า

    (ไม่ว่าราคาก่อสร้างปราสาทใหม่จะแพงแค่ไหน ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้หรอก)

    การพังทลายของสัญลักษณ์ของอำนาจจักรพรรดิแน่นอนว่าส่งผลกระทบเป็นเรื่องใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเป็นปัญหาที่เขาจะต้องให้ความใส่ใจกับ Alice มากกว่าเรื่องสำคัญของประเทศก็ตาม ตอนนี้ชื่อเสียงของจักรวรรดิก็เสียหายจากการกระทำของเขาทั้งนั้น ทั้งผู้ปกครองและขุนนางที่อยู่ภายใต้ Albert ในตอนนี้ต่างก็นอนกุมอำนาจมากยิ่งกว่าเดิม

    เพียงแค่มาจากภาษีหนักๆอย่างเดียว จิตใจพวกนั้นก็ถึงกับกระสับกระส่ายแล้ว มันได้มาถึงจุดที่ Albert เกือบจะใช้เวลาไปดื่มด่ำกับ Alice เมื่อไม่นานนี้

    “พับผ่าสิ ถ้าฉันเอื้อมมือไปยังพี่สาวของจักรพรรดินีได้ ด้วยใบหน้าที่งดงามเช่นนั้น แม้แต่ผมขาวและดวงตาสองสีของเธอ ฉันน่าจะเอาเธอมาเป็นเมียเก็บซะ…”

    “ฉันเห็นภาพแล้ว นายหญิงนั่นก็ดูเหมาะกับอายุเธออยู่ แต่… ความงดงามของผู้หญิงคนนั้นมันอยู่คนละมิติเลย ยากที่จะเชื่อว่าเธออายุสามสิบแล้ว มันดูเหมือนราวกับจะเป็นวัยรุ่นอยู่เลย…”


    อีกปัญหาก็คือภาพที่มาจากศึกประลองนั้นก็ได้รั่วไปถึงพวกชนชั้นสูง ด้วยคำเชิดชูในความงามของ Shirley ที่กลายเป็นปกติต่อพวกนั้น

    แม้แต่พวกชนชั้นสูงที่เคยมีความสัมพันธ์กับ Alice เอง หลายๆคนต่างก็เริ่มเอาเธอไปเปรียบเทียบกับพี่สาวเธอ ถึงขนาดเมินการยั่วยวนของ Alice เพื่อคิดหาทางเอา Shirley กลับมายังจักรวรรดิให้ได้ด้วยซ้ำ… พวกนั้นไม่อาจเก็บความปรารถนาอันเดรัจฉานในตัวได้อีก

    ถึงแม้ว่าแผนเอาตัว Sophie กับ Tio กลับมายังจักรวรรดิเพื่อลบล้างวิกฤตการณ์ผู้สืบทอดจะยังมีอยู่ Alice ก็ยังไม่พอใจเอาเสียเลย

    เหตุผลนั่นก็ชัดเจนคือไม่ใช่แค่ทายาทของจักรวรรดินั้นจะเป็นเป้าหมายเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงความงดงามจับใจที่เธอไม่อาจเทียบได้เลยด้วย

    “ตอนนี้ ออกไปกันเถอะ ดูเหมือนว่าจะมีขนมหวานใหม่ๆขายอยู่ในภัตตาคารในเมืองหลวงนะ”

    “อาา ฉันจะไปทุกที่ที่มีคุณอยู่ แล้วหลังจากนั้นก็…”

    จักรพรรดินีไล่สิ่งที่เธอไม่พอใจออกไปจากหัว โดยตัดสินใจเปลี่ยนมันทีละเล็กทีละน้อย แต่ขณะที่ Gran ได้วางหัวไว้บนไหล่ของ Alice แล้วค่อยๆดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ๆ เธอก็ไม่ได้รู้ว่าเส้นเลือดในมือเขานั้นดิ้นไปอย่างแปลกๆ


    ขณะเดียวกันที่คฤหาสน์ตระกูล Regnard, Philia กับ Lumiliana ต่างก็มองหน้ากันหลังจากที่อ่านจดหมายจากคนที่น่าเห็นใจกับสาเหตุที่มาจากอัศวินหลวง

    “องค์หญิงคะ นี่มัน…”

    “อืม…”

    เป็นข้อความที่บอกถึงชะตากรรมของอาชญากรตัวกระจ้อยที่ถูกจับขณะที่ทำการกวาดล้างอาชญากรรมใหญ่ของจักรวรรดิ มีบันทึกเกี่ยวกับการลงโทษที่หลากหลายจากอัศวินที่คอยสั่งการลงโทษอาชญากรที่ถูกตราหน้าเอาไว้ด้วย

    สำหรับฆาตกรนั้นก็ควรที่จะโทษประหารชีวิตหรือไม่ก็จำคุกตลอดชีวิต ผู้ลักขโมยก็ต้องจำคุก การเหยียบกระโปรงของหญิงผู้สูงศักดิ์จะต้องถูกโบย ฯลฯ การลงโทษนั้นจะแตกต่างตามการตัดสินโทษของอาชญากรแต่ละคน แต่ในจดหมายนั้นก็ยังมีต่ออีก

    “เมื่อไม่นานมานี้ มีอาชญากรหลายคนที่หลังจากถูกจับกุมโดยเหล่าอัศวิน ก็ไม่มีใครทราบชะตากรรมของพวกนั้นเลย ประกอบไปด้วยสำเนาบันทึกเอกสารที่เหลือทิ้งไว้ในค่ายทหาร แต่เป็นของเลียนแบบเกือบทั้งหมดและก็ยังพบแต่เสื้อผ้าของอาชญากรที่ถูกจับกุม… ส่วนตัวอาชญากรนั้นหายไปเลย ไม่พบผู้สูญหายแม้แต่ในห้องสอบสวน ต้องมีอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวไม่ชอบพากลแน่ ฉันหวังว่าองค์หญิงควรจะระวังตัวเอาไว้ด้วย”

    ถ้าเนื้อหาในจดหมายนั้นเป็นจริง จะมีใครปล่อยให้อาชญากรเหล่านี้หลบหนีไปมั้ย? อย่างน้อยที่สุด มันก็หมายความว่ามีคนเคลื่อนไหวนอกกฎหมายแน่

    ถ้าหากเรื่องนี้ออกสู่สาธารณชน โดยเฉพาะอำนาจที่อ่อนแอของรัฐบาลในตอนนี้ ข้อกฎหมายก็จะเสียหายเป็นอย่างมาก ถึงแม้จุดหมายของ Philia คือบั่นทอนจักรวรรดิทีละน้อยเพื่อขับไล่เผด็จการก็ตาม จนกว่าจะถึงเวลาที่กฎหมายจะคอยปกป้องผู้คนให้ปลอดภัย

    “แล้วฝ่าบาทรู้มั้ย…”

    “เขาก็ต้องระวังอยู่แล้วล่ะ แต่แทนที่จะจัดการกับปัญหานี้อย่างเงียบๆ ตอนนี้เขาก็มัวแต่จะสร้างปราสาทหลังใหม่ที่จะอยู่กับผู้หญิงนั่นอยู่ดีนั่นแหละ เขาไม่น่าจะสนใจฟังเรื่องอาชญากรรมหรอกนะ”

    “แต่นั่น…!?”

    ขณะที่ Lumiliana จ้องตาเขม็งเชิงปฏิเสธนั้น Philia ก็ชำเลืองมองขณะที่อ่านจดหมายทวนอีกครั้ง

    ถึงแม้พวกนั้นอาจจะก่ออาชญากรรม พวกเขาก็เป็นประชาชนของจักรวรรดิที่สูญหายไป ไม่ว่าจะยังไง ก็เป็นอาชญากรสำหรับผู้มีอำนาจที่ไม่สนใจความเป็นอยู่ของประชาชนอยู่แล้วล่ะ

    อาชญากรควรจะถูกตัดสินด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถลงโทษพวกเขาอย่างเท่าเทียมกันโดยง่ายๆได้

    “ถ้าพวกนั้นยอมผ่อนปรนให้มากกว่านี้สักหน่อย เธอจะยอมให้คนเค้ายอมรับอาชญากรรมเล็กๆที่เพิ่งจะเริ่มกระทำขึ้นได้มั้ย…!”

    “องค์หญิงคะ…”

    พวกที่หายไปส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นหัวขโมย ขึ้นอยู่กับคำถามต่อคนนั้นๆ แล้วอะไรที่ทำให้พวกเขาต้องกระทำการแบบสิ้นคิดด้วยล่ะ? มันก็ต้องเป็นเพราะถูกโยนทิ้งข้างถนนหลังจากที่บาร์ถูกยึดเพราะภาษีที่โหดจนต้องกลายมาเป็นสภาพของอาชญากรอันสุดโฉดนี้

    “ไปกันเถอะ Lumiliana ถ้าเราไม่รีบแก้คดีนี้ จะมีคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปอีกนะ”

    “เข้าใจแล้ว จะคอยอยู่ข้างเธอเอง แล้วเราจะไปที่ไหนก่อนล่ะ?”

    “ไปที่กระทรวงยุติธรรม… แล้วก็ไปยังที่ค่ายของอัศวินหลวง”

    งั้นใครกันล่ะ… คนร้ายน่าจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการตามกฎหมาย ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่น่าจะเข้าถึงตัวอาชญากรพวกนี้ได้ ด้วยความเชื่อมั่นในใจ Philia จึงได้มุ่งไปยังรถม้าที่มีผู้รับใช้คอยเคียงข้าง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×