ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #36 : ชายที่ตอบแทนความดีด้วยความชั่วร้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.38K
      238
      17 มิ.ย. 63

    นี่คือเรื่องราวจากสิบห้าปีก่อน ตอนที่เขายังอายุสิบสามขวบ Rudolph ถูกขายเป็นทาสในประเทศแห่งการค้าบนทะเลฝั่งตะวันออก

    เขาเกิดมาเป็นลูกคนที่สามที่มีฐานะครอบครัวที่ดี แต่เมื่อบ้านตกสู่สภาวะล้มละลาย เขาก็ถูกขายโดยจับมัดเอาไว้เพื่อใช้หนี้และบังคับให้ทำงานเป็นจับกัง

    เงินคือตัวทำให้โลกขับเคลื่อนไปได้ ในประเทศแห่งการค้าที่ความมั่งคั่งมีค่าเหนือสิ่งใด แม้กระทั่งคนก็ยังถูกเอามาทำเป็นสินค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือสามัญชนก็ตาม จึงมีแต่คนที่มีและคนที่ไม่มีเท่านั้น

    ――――อ๊าา ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับฉันด้วย?

    ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม แรงงานทาสก็เป็นพวกที่ต้องเจ็บปวดอยู่ตลอด ได้รับแต่อาหารแย่ๆและค่าแรงที่พวกเขาได้มาก็ไม่เพียงพอต่อการย้าไส้จากการทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ

    และพอพูดถึงเจ้าของทาสแล้ว พวกนั้นก็ต้องมีพวกที่ต้องมาดูแลทรัพย์สินเหมือนกับสมบัติและพวกนั้นก็ดูแลพวกนี้เหมือนอย่างกับหนูทดลองที่เอามาทำการทดลองอย่างดิบดีเลย

    ผู้ค้าที่เป็นเจ้าของเรือที่ Rudolph ที่ถูกกดขี่โดยก่อนหน้านั้น แต่ก็ยังมีช่วงเวลาอันโหดร้ายสำหรับเด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่อย่างสุขสบายมาก่อน

    เขาเกลียดพ่อแม่ของตัวเองที่ทิ้งลูกชายเพียงเพื่อเงิน เขาได้เก็บความขุ่นเคืองอย่างเบื้องลึกต่อเจ้านายที่เฆี่ยนตีเขาอย่างไร้ความปราณี

    แต่ สิ่งที่เขาภาวนาเอาไว้มากที่สุดก็คือจะได้ใช้ชีวิตที่เขาได้รับการดูแลเหมือนอย่างมนุษย์ที่เป็น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถกลับไปยังชีวิตอันรุ่งโรจน์ได้ก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะต้องทำงานหนักอยู่ทุกวัน นั่นก็น่าจะดีต่อเขาแล้ว

    แต่แล้ว ความฝันของ Rudolph ก็กลายเป็นจริงขึ้นมา เขาน่าจะมีอะไรสักอย่างที่จะได้ปลดปล่อยออกมา

    ราวกับว่าคำภาวนาจะได้ยินไปถึงหูของเทพีที่อยู่เบื้องบน เรือค้าทาสที่ Rudolph อยู่นั้นก็เจอเข้ากับพายุพัดถล่มจนเรือแตกเป็นเสี่ยงๆ

    สภาพร่างกายโทรมจากการถูกทำร้ายบนเรือ เด็กสิบสามขวบร่วงตกลงกลางทะเลเดือด แต่เดชะบุญที่ถูกเกยขึ้นฝั่งได้โดยที่ไม่ถูกมอนสเตอร์ที่ซุ่มตัวอยู่ใต้คลื่นทะเลกิน

    “ไม่เป็นไรนะ?”

    ไม่เพียงแต่แผลที่อยู่ตามร่างกายจะหายไปและเชื่อว่านั่นไม่ใช่ประตูสู่ความตาย Rudolph ก็ได้พบกับผู้หญิงที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นนางฟ้าอย่างกะทันหัน

    ถือว่าเป็นโชคชะตาที่ได้พบกับคู่หมั้นของมกุฎราชกุมาร Albert ลูกสาวของดยุคที่ทรงอำนาจที่สุดในจักรวรรดิ ดยุคแห่ง Earlgrey, Shirley Earlgrey คนที่ตอนนี้ได้ออกไปตรวจตรายังบริเวณหัวเมืองทางตะวันออก

    เธอได้ฟังเรื่องราวของ Rudolph เกี่ยวกับเขามายังทวีปนี้ได้อย่างไร… หลังจากนั้นไม่นาน Shirley ก็ได้รับเขาเข้ามาทำงานเป็นคนรับใช้

    หลังจากที่ประสบเคราะห์มาหลายครั้งหลายหนจนพลิกชะตาไปมา ในที่สุดเขาก็พบกับผู้มีพระคุณอันเปี่ยมล้นในตัว Shirley ผู้ที่ได้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้แล้วเขาก็ตัดสินใจมารับใช้เธอ

    อดีตทาสที่มีผมดำซึ่งหาได้ยากในทวีปจากการเดินทางกับพวกพ่อค้าจากการข้ามทะเล พวกชนชั้นสูงต่างก็พิจารณา Rudolph อย่างน่าสงสัย แต่มีเพียง Shirley เท่านั้นที่ตัดสินเขาบนความจงรักภักดีและการทำงาน

    “ทาสยังคงถูกกฎหมายในประเทศนี้ และก็ยังมีจรรยาบรรณที่แต่งต่างกับเทพศักดิ์สิทธิ์, ราชอาณาจักรและก็ดินแดนแห่งปีศาจ ฉันเชื่อว่าอนาคตนี้จักรวรรดิจะแข็งแกร่ง เราต้องฟื้นฟูความเชื่อใจกับประเทศเหล่านั้นโดยการยกเลิกประเพณีนั้นเสีย”

    คำสั่งนี้มีอิทธิพลกับผู้คนในประเทศ ที่ชักนำโดยจักรพรรดิในขณะนั้น Shirley ได้พยายามที่จะปลูกฝังเอาไว้ในรากฐานของจักรวรรดิที่เอาแต่เอาเปรียบอยู่

    หนึ่งในเหตุผลหลักก็คือความทนทุกข์ทรมานของตัวเธอที่ผ่านมา เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเกิดมาเป็นลูกสาวของดยุคก็ตาม เธอก็ยังตกอยู่ในความโหดร้ายจากผลของสภาพตอนที่เธอเกิดมานั่นแหละ

    ความปรารถนาของ Shirley ที่จะเลิกทาสได้ประสานกันอย่างลึกซึ้งกับ Rudolph ที่เข้าใจความเจ็บปวดที่ถูกล่ามโซ่ไว้เป็นทาส แต่เขาก็ได้เริ่มสร้างความรู้สึกที่ไม่อาจยอมรับระหว่างเจ้านายกับคนรับใช้ไปแล้ว

    “ต้องขอบคุณท่าน Albert ที่ทำให้ฉันช่วยเหลือประเทศกับผู้คนอย่างนี้ได้ เขาเองก็ช่วยฉันจากช่วงเวลาที่มืดมนในชีวิตฉันเหมือนกัน… นั่นคือทำไมฉันถึงอยากที่จะอยู่เคียงข้างเขาเมื่อเขาได้มาเป็นจักรพรรดิคนต่อไปนะ”

    แต่นั่นเป็นความรักที่ไม่น่าจะสมหวังได้เลย เธอเป็นคู่หมั้นของมกุฎราชกุมาร Albert และก็ยังรักเขาถึงเบื้องลึกในหัวใจอีกด้วย

    เธอจะยิ้มอย่างเบิกบานที่สุดก็ตอนที่อยู่กับ Albert เท่านั้น แต่ทำไมถึงได้เก็บไว้เพียงแค่คู่หมั้นเท่านั้นล่ะ? ทำไมเธอถึงไม่หันมามองดูเขาบ้างเลย นี่เขาได้หลงรักเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน? วันแล้ววันเล่า เขาได้โตขึ้นและก็หดหู่และอ่อนแอยิ่งกว่าเดิม

    “โอ้ นายไม่ใช่ไอ้หนุ่มที่คอยรับใช้พี่สาวของฉันใช่มั้ยเนี่ย? ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเป็นน้องสาวของ Shirley ชื่อ Alice Earlgrey”

    เป็นช่วงเวลาที่ Rudolph อยู่ในความเศร้าหมองและสับสนในความรู้สึก แล้วเมื่อเขาได้พบกับ Alice ผู้หญิงที่จะได้มาเป็นจักรพรรดินีนั่นเอง

    น้องสาวของเจ้านายที่รู้จักกันเป็นคนที่ใจดีเปี่ยมล้นที่คอยยืนอยู่กับเหล่าชนชั้นสูงคนอื่นๆอีกหลายคนในทวีปนี้ เธอเป็นที่รู้จักในความซื่อสัตย์และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยไม่สนใจฐานะทางสังคมด้วย

    Shirley ที่สงบเสงี่ยมและสุขุมกับ Alice ที่ร่าเริงและเป็นมิตร ดูเหมือนว่าจะเป็นพี่น้องที่ใกล้ชิดกัน โดยที่ไม่ได้รู้ถึงเบื้องลึกที่แท้จริงของอคติของพวกชนชั้นสูงเลย นั่นเป็นอุดมคติที่ Rudolph ยึดมั่นในตระกูล Earlgrey แต่ความจริงแล้วมันแตกต่าง

    “ท่าน Shirley กระผมได้พบกับน้องสาวของท่านเป็นครั้งแรกในวันนี้ เธอดูเหมือนเป็นคนที่น่ารักเอ็นดูเลยนะขอรับ”

    “อ๋อ… Alice หือ…?”

    Rudolph ไม่เข้าใจคำพูดที่น่ามืดมนของ Shirley ในขณะที่เธอพึมพำถึงชื่อน้องสาวเธอด้วยท่าทางอันหดหู่

    หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวจากสาวใช้ที่ทำงานรับใช้ Shirley ไป Rudolph จึงได้รู้ความจริงที่โหดร้ายนั้นตรงกันข้ามจากที่เขาได้คาดคิดเอาไว้เสียอีก ได้ยินว่า Alice นั้นเป็นคนทำให้ Shirley ต้องมาทนทุกข์ทรมานที่สุดในตระกูลปีศาจนี้

    สาวใช้ที่ได้บอกเขาไปนั้นเธอก็อยู่ภายใต้คำสั่งให้จับตามองการกระทำใดๆของตระกูล Earlgrey ที่จะเข้ามาก่อกวนหรือปั่นป่วน Shirley จากจักรพรรดินีในตอนนั้น Elizabeth

    Rudolph เองก็เริ่มที่จะระแวงในตัว Alice ด้วย แต่ Alice ก็ยังพยายามที่จะเข้าใกล้กับ Rudolph ในแต่ละวัน

    “ฉันขอร้องนะ ฉันหวังว่าจะได้ไปขอโทษพี่สาวของฉันก่อนที่จะไม่ได้เห็นหน้าเธออีก จะไม่ขอให้คุณช่วยให้ฉันได้เห็นเธอหน่อยหรือ?”

    “เธอบอกว่าเธอจะไปขอโทษ… ฉันรู้ว่าเป็นการพูดกับฉันอย่างอ้อมค้อม แต่ฉันได้ยินเรื่องราวมาว่าตระกูลดยุค Earlgrey นั้นได้ดูแลท่าน Shirley มาตั้งแต่เกิดยังไง ถึงแม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้นไปฉันก็ไม่มีทางที่จะเชื่อเธอพอที่จะให้ไปพบกับท่าน Shirley ได้หรอกนะ”

    “น-นั่นมัน…”

    เมื่อใดก็ตามที่เขาได้ตำหนิเธอแบบนั้น Alice ก็ดูเหมือนว่าเธอจะปริน้ำตาออกมา เพราะตัว Shirley ไม่เคยพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอเลย มุมมองความจริงของ Rudolph ก็ได้บิดเบี้ยวในขณะที่เขารู้สึกเห็นใจกับ Alice มากขึ้นและก็มากยิ่งขึ้น จนเริ่มที่จะใช้เวลาอยู่กับเธอด้วยกันแล้ว

    “คุณเป็นคนที่ซื่อตรงจริงๆเลยนะ ฉันหวังว่าฉันจะได้มีใครสักคนอย่างคุณมาอยู่เคียงข้างฉันบ้าง… พี่สาวฉันนี่โชคดีจัง”

    “เปล่านี่ ผมก็แค่มีความสุขที่ได้รับใช้เธอ…”

    “คุณนี่ถ่อมตนจริงๆ เพราะคุณมาจากประเทศการค้าหรือ? คุณถึงได้สุดยอดไปเลยนะ!”

    ด้วยความใกล้ชิดอย่างกะทันหันที่เขาไม่ได้คาดไว้ Alice ก็เข้าไปกอดแขนเขาและก็คอยประจบเขาอย่างสุดตัว

    เมื่อไรก็ตามที่คนที่มีความสุขและความสดใสร่าเริงได้สัมผัสเขา เมื่อไรก็ตามที่เขาได้กลิ่นอันหอมหวานจากเส้นผมของเธอตอนที่เธอกอดตัวเขา… ทีละเล็กทีละน้อย จิตใจของ Rudolph ก็เริ่มหันเหไปยัง Alice

    แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้ว Rudolph ก็เข้าสู่สิบหกปี เขาได้สงสัยจริงๆว่าถ้า Alice นั้นเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายตามที่ผู้คนได้ซุบซิบเอาไว้ แทนที่จะเป็นแค่เด็กสาวใส่ซื่ออันบริสุทธิ์ที่อยากจะคืนดีกับ Shirley

    เป็นลูกสาวคนน้องสุดของตระกูลชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บางทีเธอน่าจะเป็นน้องสาวโชคร้ายที่ไม่อาจจะปกป้องพี่สาวเธอได้ ใครเกิดมาพร้อมกับลักษณะที่น่าเกลียดแบบนี้กัน?

    “Rudolph! ช่วยจับตัว Shirley ซะ! ยัยนั่น เธอหลอกฉัน… หลอกลวงพวกเราทุกคนเลย!”

    ในวันนั้น Albert ได้ขอร้อง Rudolph ในสภาพที่โกรธเดือดดาลจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเลย ขณะที่เขาถือ Alice ที่มีใบหน้าย้อมไปด้วยคราบน้ำตาบนอกเขา

    เขาบอกว่าผู้หญิงคนที่เขารักดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามอุดมคติของเขานั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ความจริงก็คือ Shirley นั้นถูกดยุคแห่งตระกูล Earlgrey ข่มขู่ด้วยพลังที่หายากที่สาปเธอมาตั้งแต่เกิด เธอถูกยัยเจ้าหญิงนั่นใช้เป็นตุ๊กตา และก็ยังจัดการเขาด้วยคำสาปที่ทรงพลังและก็ยังใช้มารยากับคนที่ถูกกระทำอย่างโหดร้ายป่าเถือนจากเงานั่นต่างหาก

    แน่นอนว่า เขาไม่มีทางเชื่อในข้อกล่าวหาบ้าๆตั้งแต่เริ่มหรอก แต่เมื่อพยานของมกุฎราชกุมารถูกย้อมไปด้วยน้ำตาของ Alice เขาก็เริ่มที่จะเชื่อมัน

    ――――ยัยผู้หญิงนั่น! เธอมันแย่ยิ่งกว่านักค้าทาสและพ่อแม่ที่ดูแลฉันเหมือนกับว่าฉันไม่มีตัวตนเสียอีก!

    เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อในตอนแรก แต่ก็เริ่มรู้สึกตัวตอนที่เขารู้ว่า Shirley นั้นไม่เคยมองตาไปยังผู้ชายหรือผู้หญิงคนอื่นใดๆเลยนอกจาก Albert

    ความไม่พอใจนั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาจากผลของการไม่มีความรู้สึกใดๆแม้แต่จะรู้ตัวว่าเธอได้ระเบิดในใจเขาเลย คนที่เขาได้รักก็รู้สึกเดือดดาลจนกลายเป็นความเกลียดชัง

    หลังจากนั้น Shirley ก็ถูกตัดสินโทษ ตอนที่เธออยู่ในสภาพสิ้นหวังมองดูรอบๆห้องด้วยน้ำตาที่ไหลจากดวงตาที่มีสีแตกต่างกัน เขาก็ได้เลี่ยงสายตาไป

    …พยายามที่จะกลั้นความเจ็บปวดที่อยู่ในใจที่เขาไม่อาจจะเข้าใจได้

    หนึ่งเดือนต่อมา Shirley ก็ได้หลบหนีออกจากห้องขัง แล้ว Rudolph ก็กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ค้นหา เขาค้นหาทุกที่สำหรับผู้หญิงแสนชั่วร้ายที่ดึงขนตายด้วยคำพูดแสนหวานและอ่อนโยน แต่สุดท้ายแล้ว ก็หาตัวเธอไม่พบและหน่วยไล่ล่าก็ยุติการค้นหา

    “ก็ดี บางทีมันก็ดีที่สุดแล้วถ้าพี่สาวจะไปอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างเงียบๆนะ จะได้สำนึกสักทีว่าเธอได้ทำอะไรไปบ้าง”

    “ท่าน Alice เธอนี่มันใจดีเกินไปแล้วนะ”

    “ถึงแม้ว่าเธอจะยังเป็นที่รักในครอบครัวอยู่ ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ครอบครัวทำเอาไว้จะให้อภัยกันได้หรือ?”

    “คุณนี่มัน… จริงๆเลย คุณเป็นคนที่ควรจะรับใช้มาตั้งแต่เริ่มแล้ว…”

    เขาได้ประทับจูบลงบนฝ่ามือของเธออย่างจงรักภักดี

    ราวกับว่าเธอได้มองลงไปยังตัวเขาที่เคยเป็นทาสมาก่อน Shirley ไม่เคยเปิดใจกับเขาแม้กระทั่งได้เข้าไปนอนกับผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆเลย Alice ได้แสดงผู้ชายคนอื่นๆที่เธอชื่นชอบจากที่อื่นๆมาทั้งหมด รวมถึง Albert กับ Rudolph

    “ช่วยเก็บเป็นความลับจากท่าน Albert นะ โอเค? ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องอิจฉาร้อนรนแหงๆถ้าหากเขาจับได้นะ หืม?”

    Alice ยิ้มอย่างชั่วร้าย ส่วนเขาก็ไม่อาจต่อต้านเสน่ห์อันเย้ายวนของเธอได้ขณะที่พวกนั้นนอนด้วยกัน

    เขาได้ลืมเรื่อง Shirley ไปนานแล้ว จมปลักอยู่กับความหวานหอมและความฝันอันพึงพอใจมาถึงสิบเอ็ดปี แต่แล้ววันหนึ่ง Rudolph ก็ได้รับความจริงอันแสนช็อค

    “ข้อกล่าวหาเท็จ…!? ท่านบอกว่าได้ต่อต้าน Shirley Earlgrey เอาไว้หรือ!?”

    จักรพรรดิและจักรพรรดินีคนปัจจุบันบอกเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดราวกับเขารู้สึกสั่นไหวไปทั้งโลก

    “มันก็จริงที่ Shirley ยังอยู่นั้นโกหก แต่หนึ่งในจอมเวทหลวงที่มีความอยากรู้และศึกษาในกรณีได้พบว่ายังมีบุคคลทรงปัญญาที่คอยคุกคามและได้จัดการเธอในช่วงเวลานั้นแหละ”

    “ง-งั้นมันเป็นใครกันล่ะ!? ใครที่มาบังอาจทำแบบนั้นกับเธอ!?”

    “แม่มดสีทอง Canary”

    ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดนั้น มันก็ทำให้ Rudolph รู้สึกตัว จอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนทวีปนี้และก็เป็นศัตรูเก่าของจักรวรรดิ มันไม่ได้อยู่เหนือเธอในการจัดการกับคนที่อยู่ในที่สูงและนำพาหายนะสู่ประเทศ

    ชื่อเสียงของเธอรู้จักในตัวร้ายโรคจิตสุดป่วนที่เพียงแค่พูดล่อใจไปไม่กี่คำ หรือพูดอีกอย่างก็คือ Shirley ต้องถูกขโมยอิสรภาพแล้วก็บังคับให้กระทำการอันชั่วร้ายหรือ?

    “ฉันได้ส่งคนไปสืบหาและปรากฏว่าเธอได้อยู่กับเด็กที่เกิดมากับฉัน ในเมืองชายแดนของราชอาณาจักรนั่นแหละ”

    “นี่มัน… ไม่สิ… ฉันจะ… ฉันจะไปขอโทษท่าน Shirley ยังไงดีล่ะ…!?”

    “อย่าต้องให้หมดหวังสิ!”

    ขณะที่ Rudolph ยืนอยู่บนขอบของหลุมดำในหัว Alice ก็เอามือกุมไว้แล้วก็มองตาเขาไปตรงๆ Rudolph จึงพอที่จะสงบใจได้บ้างตอนที่เขาได้กลิ่นที่คุ้นเคย

    “เราก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พี่สาวฉันได้ทำอะไรที่น่ากลัวกับเธอมาตลอดหรอก แต่ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ บาดแผลทั้งหมดก็รักษาได้! ดังนั้น ทำไมถึงไม่ไปพบกับเธอแล้วก็ขอโทษเธอจากเบื้องลึกในใจเสียล่ะ? ก็โอเค พี่สาวฉันเป็นคนดี ฉันมั่นใจว่าเธอจะยกโทษให้คุณแน่”

    ด้วยคำพูดของ Alice นั้น Rudolph ก็รู้สึกเหมือนเขาจะได้เห็นแสงสว่าง เขาน่าจะเชื่อมั่นได้ เพราะ Shirley เป็นแม่ของความเมตตาทั้งปวง บุคคลที่คอยช่วยชีวิตเขาออกจากความดีของจิตใจเธอมาตลอดหลายปีก่อน

    “อย่างที่พูดมา Shirley อาจจะระแวงถ้าคุณเข้าไปหาเธอตรงๆ ฉันรู้ว่ามันดูขี้ขลาด แต่ที่ดีที่สุดที่ทำได้ก็คือไปเอาลูกสาวฉันกลับมายังจักรวรรดิก่อน แล้ว Shirley ก็จะกลับมาเอง แล้วเราก็จะได้จับเข่านั่งคุยกับเธอด้วยความจริงใจไง”

    “เข้าใจแล้ว เพื่อชีวิต กระผมจะทำตามที่ท่านขอมาเลยพะยะค่ะ”

    “แล้วก็อย่าได้ทำร้ายใดๆกับลูกสาวฉันด้วย พวกเธอเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์นี้นะ”


    Rudolph ไม่อาจจะรู้ได้ เจ้านายที่เขาเคยเคารพและได้รักมาครั้งหนึ่ง ได้กลายมาเป็นคนที่โกรธเคืองอย่างโหดร้ายได้อย่างไร?

    กลิ่นหอมหวานตามธรรมชาติที่เขาได้ใช้มาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนจริงๆแล้วเป็นเวทมนตร์อย่างหนึ่งที่คอยรบกวนจิตใจที่บอบบาง จนไม่มีประโยชน์ที่จะต่อกรกับผู้ที่มั่นใจแบบนั้นได้

    คิดว่าตอนนี้ข้อกล่าวหามันพลิกไปแล้ว เขาฝันถึงอนาคตที่เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่เคียงข้างสองสาวที่เขารัก

    และที่แย่ที่สุด เขาได้พรากจากราชอาณาจักรโดยไม่รู้ว่าแม่จะโหดร้ายขนาดไหนตอนที่ลูกของเธอตกอยู่ในอันตราย

    “นรกอันน่าหลงใหล 《ความหวาดกลัวของใต้ผืนโลกIpetam》”

    ตามด้วย Ig-Alima กับ Sul-Sagana ที่ Shirley เอาออกมาจากกล่องเครื่องมืออันต่อไปเป็นอะไรน่าเกลียดจนดูไม่น่าจะมีอยู่ในโลกนี้เลย ดาบที่มีรอยเลือดและรอยเส้นประสาทที่ยุ่งเหยิงเหมือนไม้เลื้อย

    เธอปักดาบที่เรียกว่า Ipetam ไว้บนพื้นข้างหน้าเธอ แล้วก็เอาดาบแดงกับน้ำเงินออกมาแล้วก็เริ่มร่าย

    “《นับจากนี้ไป สู่ดินแดนแห่งความตาย》”

    ผมขาวอันนุ่มสลวยปลิวไสวขณะที่ดาบเวทมนตร์ถูกย้อมไปด้วยพลัง

    “《สิ้นสุดอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ๋・จงเผาจุดประกายในเปลวเพลิง》”

    เธอปั่นบทร่ายเหมือนกับร้องเพลงกับคนที่ต่อสู้เคียงข้างเธอระหว่างสงครามมังกรที่รู้ว่ามันฉับพลันทันใด นี่เป็นคำร่ายที่แตกต่างจากอันที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนหน้านั้นมากๆ

    Kyle ได้วางโล่ให้กับเด็กสาวของคนจากลมกรรโชกที่ดูเหมือนจะพัดเข้าไปในซอย เป็นสิ่งที่เขาพอจะทำได้โดยการมองไปยังแผ่นหลังของนักดาบหญิง

    “《จุดสิ้นสุดใกล้ๆ ・ข้าจะถือดาบนั้นตัดวงจรของการกลับมาเกิดใหม่เสีย》”

    และเมื่อคำร่ายจบสิ้น Shirley กับ Rudolph ก็หายไปจากสายตา

    “《หยุดลมหายใจ、มองอย่างไร้ความหวัง》”

    Rudolph ถึงกับตาพร่าจากแสงไปชั่วครู่ แต่เมื่อสายตากลับมามองเห็นก็พบว่าตัวเขาอยู่ในที่ๆล้อมรอบไปด้วยกำแพงหินที่สูงอย่างเหลือเชื่อบนทุกด้าน นี่มันเขาวงกต? หรือว่าคุกกันล่ะ?

    คราบเลือดเก่าๆที่กระจายติดคานของที่ผูกแขวนคอที่ว่างเปล่าที่อยู่ใกล้ๆกับอาการร้อนรนที่ตะลุมบอนตัวเขาเมื่อคาถาถูกทำงานทำให้เขาถึงกับเสียวเย็นวาบไปจนถึงกระดูก

    “ที่ไหน… ที่นี่มันที่ไหนกัน…!?”

    เมื่อดาบเวทมนตร์ Ig-Alima กับ Sul-Sagana ถูกใช้ตามกัน มันจะใช้เวทสร้างโลกด้วย 《สวนของเผด็จการ》

    ต่างโลกที่สามารถสร้างขึ้นมาด้วยภูมิประเทศและกฎเกณฑ์ที่ได้เปรียบสำหรับผู้ร่ายเท่าที่สามารถที่จะทำให้เป็นได้ โดยปิดกั้นการแทรกแซงจากโลกภายนอกและเวทมนตร์หลบหนีเฉพาะด้าน เมื่อดาบอสูรสีขาวได้ใช้ใจเธอในการสร้างกรงขังสำหรับสำหรับศัตรูที่อยู่หน้าเธอ นี่คือฉากที่ปรากฏออกมาโดยมีพื้นฐานบนภาพที่อยู่ในหัวของเธอ

    โลกนี้สร้างด้วยจินตนาการของ Shirley ที่แบ่งออกเป็นเจ็ดส่วน ช่วงสงครามมังกรเธอก็แสดงส่วนแรก เกาะลอยฟ้าที่สวยงามตระการตาที่เต็มไปด้วยซากโบราณสถานที่ออกแบบมาใช้ต่อกรกับกองทัพ 《สวนของพระเจ้า》

    และโลกที่สองเป็นโลกที่ออกแบบมาใช้จัดการกับศัตรูเพียงคนเดียว 《โซ่ของนักโทษจรจัด》 ที่ถูกเรียกใช้และมันออกแบบเยี่ยงนรก

    “เราคุยกันตรงนี้ได้โดยที่ไม่มีใครมาเห็นแล้ว”

    “ท่าน Shirley?”

    สันนิษฐานว่า Shirley นั่นได้วาง Ig-Alima กับ Sul-Sagana ลงบนพื้นเพราะเธอไม่ได้เจตนาจะทำร้ายเขา Rudolph จึงโล่งใจและก็โค้งคำนับต่อหน้าเธอ

    “มันก็นานมากแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นหน้ากันนะขอรับ ท่าน Shirley ไม่เพียงสิบเอ็ดปีก่อน… ท่านไม่ได้เปลี่ยนไปในตอนนั้นเลย… ไม่สิ นอกจากเสียว่าท่านได้สวยขึ้นกว่าเดิมอีก”

    ถึงแม้จะหลังจากตอนนี้ เธอก็ดูอ่อนเยาว์อยู่ ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกที่สง่างามกับบรรยากาศอันแสนสุภาพก็โตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม

    ราวกับว่าเธอจะอยู่คนละขั้วกับ Alice และก็ไม่มีอายุเลย… ที่จริงแล้วเพราะเธอได้เปลี่ยนไปบ้างแล้ว… ผิวพรรณของเธอยังสมบูรณ์ ใครเห็นก็ต้องเข้าใจผิดว่าเป็นสาววัยรุ่นแน่

    สำหรับ Rudolph มันเหมือนราวกับเวลาจะถูกหยุดมาตั้งแต่เรื่องที่อนาถในช่วงนั้น คิดว่าเขาน่าจะถูกเสน่ห์และความงามอันซับซ้อนต้องตาเข้า บางทีวันหนึ่งอาจจะได้อยู่กับเธอ น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความดีใจ

    “…แล้วไง? นายวางแผนจะทำอะไรกันล่ะหึ?”

    แต่ คำสรรเสริญที่เขาให้เธอกลับถูกเมินเฉยราวกับเขาไม่ได้พูดถึงมันเลย Rudolph ถึงกับแข็งทื่อไปชั่วขณะตอนที่จ้องไปยังดวงตาสีน้ำเงินและสีแดงที่เย็นชาพอๆกับน้ำแข็งขณะที่เธอจ้องหน้ากลับ แต่แล้วเขาก็นึกคำพูดที่เขาอยากจะพูดออกได้

    “ท่าน Shirley… สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนนั้น กระผมต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่งเลย กระผมผิดเองที่ไปสงสัยท่านและได้ทำอะไรที่ไม่อาจจะให้อภัยตอนที่ผมควรที่จะอยู่ข้างท่านได้เลย แต่ตอนนี้ความเข้าใจผิดได้กระจ่างชัดแล้ว ไม่ต้องกลัวพลังของความเกลียดชังของแม่มดสีทองอีกต่อไปแล้ว กระผมจะทำทุกอย่างที่จะปกป้องท่านให้เองขอรับ”

    “……..ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี แต่ Canary นั่นได้ไปทำอะไรหรือ?”

    Shirley ลูบแขนเธอด้วยมือเพื่อทำให้หยุดแขนที่สั่น แต่ Rudolph ดูเหมือนจะไม่ได้รู้ตัวและก็ยังพูดต่อไป

    “ไม่ใช่ว่าเป็นอุบายของแม่มดนั่นที่ทำให้ท่านต้องถูกบังคับให้อยู่ในสถานที่โหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนอย่างนักผจญภัยหรือขอรับ? แน่นอนว่าเธอนั้นน่าจะจับตัวลูกสุดที่รักเอาไว้เป็นตัวประกันในทางหนึ่งด้วย? ไม่เช่นนั้น ท่านก็ไม่ต้องมาเป็นนักผจญภัยแล้ว โหดร้ายชะมัด… ต้องส่งคุณผู้หญิงเข้าสนามรบแบบนี้… มันเลวร้ายสิ้นดีเลย…!”

    สิ่งที่ Rudolph เห็นนั้น Canary ก็แค่ถือลูกที่เกิดมาจาก Shirley กับรักลวงๆของ Albert เองแหละ บังคับ Shirley ให้ไปแกว่งดาบจนได้รับบาดเจ็บเพื่อประโยชน์ของลูกสาวเธออยู่ทุกวัน

    ถ้าใครที่มาจากกิลด์ได้ยินเรื่องนั้นเข้า พวกนั้นถึงกับปากค้างแน่ ความจริงคือ Shirley เป็นคนที่จัดการกับราชามังกรด้วยตัวคนเดียวโดยไม่ได้รับอันตรายและก็เริ่มหาความสุขที่แท้จริงในการผจญภัยหลังจากนั้นต่างหาก แต่ที่ถูกหลอกเข้าเต็มเปาน่ะคือ Rudolph ที่เขาเชื่อว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของ Shirley ต่างหาก

    “……..เอาตรงๆเลยนะ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก สิ่งที่ฉันอยากรู้จริงๆก็คือทำไมแกถึงพยายามจะลักพาตัวลูกสาวฉันกันล่ะ?”

    หัวเรื่องถูกบังคับเปลี่ยนมายังจุดประสงค์จริงๆ เธอได้ยินเรื่องนั้นมาจาก Philia แล้ว แต่เธอก็ยังไม่เชื่อใจเธอจริงๆ ดังนั้นเธอจึงอยากได้ยินโดยตรงจากแหล่งที่มานั่นแหละ

    “อ๊า… ยกโทษให้กับความผิดพลาดที่โหดร้ายในอดีตด้วย อย่างที่จักรพรรดินีพูดมา… ท่านเป็นผู้ที่เมตตาแท้ๆเลยขอรับ”

    “…….”

    Shirley แทบจะฆ่าเขาตรงนี้และก็ตอนนี้แล้ว แต่เธอก็ได้ยั้งตัวเองเอาไว้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

    “ว่ามา”

    “โอ้ ขออภัยที่ใช้ความรุนแรงด้วย… แน่นอน เจ้าหญิงสองคนนั้นเป็นผู้สืบทอดของบัลลังก์ เป็นผู้สืบสายเลือดของท่านฝ่าบาทและท่าน Shirley ด้วย โชคไม่ดีที่จักรพรรดินี Alice ไม่ได้ให้กำเนิดลูกเลย ดังนั้นจึงยังมีตำแหน่งว่างสำหรับผู้สืบทอดที่เหลืออยู่ แต่ตอนนี้แสงแห่งความหวังกำลังจะมายังจักรวรรดิแล้ว”

    สิ่งที่เธอได้ยินจาก Rudolph นั้นเหมือนกับที่ได้ยินจาก Philia

    “ดังนั้นขอร้องเถอะขอรับ ท่าน Shirley กระผมได้ส่งคนมาคอยคุ้มกันเจ้าหญิง Sophilea กับเจ้าหญิง Tionissia กลับไปยังที่จักรวรรดิอย่างปลอดภัยด้วย แผนเดิมจริงๆก็คือจะให้ท่าน Shirley ตามมาทีหลัง แต่เนื่องจากท่านมาอยู่ตรงนี้แล้ว ทำไมถึงไม่กลับไปยังจักรวรรดิด้วยกันกับกระผมด้วยล่ะขอรับ? กระผมมั่นใจว่าฝ่าบาทจะต้องโล่งใจมากๆเลยขอรับ”

    เธอสมมติฐานว่า Sophilea กับ Tionissia นั่นต้องมาจาก Sophie กับ Tio ซึ่งมีชื่อที่คล้ายๆกันแน่

    Shirley อยากจะบอกเขาไปว่าอย่ามาเรียกชื่อลูกสาวของเธอด้วยชื่อแปลกๆแบบนี้ แต่เรื่องไร้สาระที่เขาได้พูดออกมาทำให้เธอต้องหุบปากลง

    “ขอฉันยืนยันสักสองอย่างนะ… เหตุผลที่นายได้กล่าวหาเท็จใส่ฉันและก็ถูกตราหน้าว่าฉันถูกควบคุมโดย Canary ที่คอยหลอกลวงคนและก็กระทำการอันชั่วร้ายภายใต้อิทธิพลของเธอสินะ? และนายก็ตั้งใจจะเอาลูกฉันกลับไปยังจักรวรรดิเพื่อผลประโยชน์ของการสืบทอดราชบัลลังก์ด้วยใช่มั้ย?”

    “อันหลังนี้ถูกต้องเลยขอรับ… แต่อันก่อนหน้านั้นพูดได้โหดร้ายจริงๆเลยขอรับ เราจะไม่ปล่อยให้มันแล้วไปแล้วเหมือนอย่างน้ำที่อยู่ใต้สะพานได้หรือขอรับ?”

    Rudolph ยิ้มบนใบหน้าราวกับว่าเขาได้เล่าเรื่องตลก แล้วก็ยื่นมือให้ Shirley ด้วยความเคารพ

    “ตอนนี้ เราจะกลับจักรวรรดิด้วยกันแล้ว ท่าน Shirley ความสุขที่ปฏิเสธตัวท่านตลอดสิบเอ็ดปีที่ผ่านมากำลังรอท่านอยู่นะขอรับ”

    ใช่ เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว คราวนี้ Rudolph จะเป็นคนที่ทำให้ Shirley มีความสุข Albert ก็เอาแต่รัก Alice อย่างบ้าคลั่ง และถึงแม้ว่า Rudolph ก็รัก Alice เช่นกัน เขาก็ดีใจที่ Shirley จะได้มาขึ้นครองแล้ว

    ความงามราวกับจะถูกมอบโดยเทพี แขนขาที่นุ่มนวลและหน้าอกที่สะบึ้มที่ทำให้เธอดูกระชับขึ้นมา มองไปยังดวงตาที่ส่องประกายราวกับพลอยและผมขาวดั่งหิมะแล้ว หัวใจของเขากับตะโพกก็ถูกแผดเผาผ่านไปทั้งตัว

    แน่นอนว่า Rudolph เชื่อว่า Shirley นั้นน่าจะยอมรับ แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเธอนั้นกลับเย็นชาจนทำให้เขาเสียวสันหลังวาบไป

    “ใช่ ฉันเข้าใจแล้ว แต่แย่หน่อยนะที่จักรวรรดินั้นได้ดูถูกเรานะ”

    สายตาของ Rudolph ไม่อาจจะมองเห็นที่ความเร็วขนาดนี้ได้ ดาบที่น่ารังเกียจถูกดึงออกมาจากพื้นแล้วก็ฟันใส่เขาเพียงกระพริบตา

    หัว Rudolph ปลิวกลางอากาศก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวที่ถูกดาบนั้นฟันออกไป เขายังมีสติพอที่รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาได้มองไปนั้นก็คือร่างกายที่หัวขาดที่มีเลือดพุ่งออกมากระเด็นติดก้อนหิน

    (ฮี้…. อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!?!?)

    มองดูศพของตัวเองที่มีเลือดพุ่งเหมือนน้ำพุ ความเจ็บปวดทันทีก็เริ่มทรมานขึ้นมาและปากที่บิดเบี้ยวจากการแหกปากที่ไร้เสียง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×