ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #28 : นกกินคนนี่มันโคตรง่ายเลย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.98K
      131
      13 ต.ค. 65

    ฝูงนกที่มีเขาบนหัวแปลกๆทะยานผ่านท้องฟ้าบนปีกทองแดง เงาที่ปรากฏบนพื้นอยู่เบื้องล่างทำให้กลางกับนกที่อยู่ใต้พวกมันถึงกับหวาดกลัว

    โลกนี้นับถือกฎของป่า ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมอนสเตอร์ กฏนี้ก็เหมือนกันมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว ผู้ที่อ่อนแอกว่าย่อมตกเป็นอาหารของผู้ที่แกร่งกว่า

    ในโลกเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า peryton เป็นลักษณะพิเศษ ไม่ว่าจะคอยออกล่าหรือต่อสู้เพื่อดินแดนก็ตาม โดยปกติมันมีเหตุผลในการโจมตีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่มอนสเตอร์โหดและเป็นนกเพชรฆาตลึกลับนั้นต่างกันออกไป

    ถึงแม้ว่าการวิจัยถึงภัยอันตรายสุดโต่งนั้นจะยังช้า peryton รู้กันว่าจะโจมตีคนโดยไม่สนใจเหตุผลใดๆ… บางทีน่าจะเรียกว่านักกินคนมากกว่าฆ่าเสียอีก ยังไงก็ตาม พวกมันก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่วุ่นวายสุดๆเลยล่ะ

    ถึงแม้จะยืนยันว่า peryton ที่จริงแล้วก็ล่ามอนสเตอร์กับสัตว์อื่นๆเป็นอาหาร มันให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างน่าประหลาด แม้แต่จะบุกเข้าโจมตีมนุษย์นักผจญภัยที่อยู่เหนือกระต่ายที่บาดเจ็บแล้วก็บินหนีไปโดยไม่มีแม้แต่จะกิน

    มันไม่จำเป็นต้องทำตัวป่าเถื่อนเพราะ peryton เป็นมอนสเตอร์ฉลาด ถึงแม้จะเป็นการฆ่าที่ไม่สมเหตุผลก็ตาม มันเล็งเป้าใส่คนโดยสัญชาตญาณมากกว่าเหตุผล peryton จึงเป็นมอนสเตอร์ที่อันตรายเป็นพิเศษสำหรับมนุษย์ที่จะจัดการกับมัน

    และเหนืออื่นใด สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของ peryton ก็คือลักษณะเวทมนตร์นั่นแหละ ราวกับว่ามันจะจงใจเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมวลมนุษย์ พลังที่หยุดคนในขอบเขตเมื่อเข้ามาอยู่ในเงาก็จะมีนักผจญภัยและอัศวินร่วงระนาวลงมา

    แม้จะมีเพียงตัวเดียว ก็เป็นอันตรายต่อทั้งหมู่อยู่แล้ว การสังหารทั้งหมู่แบบนี้ นักผจญภัยแรงค์ A ก็คงไม่พอ อย่างน้อยก็ต้องใช้แรงค์ S… และก็ยังถูกจำกัดโดยพวกที่น่าจะร่ายคาถาระยะไกลที่จะเก็บพวกนั้นเข้ามาอยู่ใต้เงาของ peryton ได้

    “……………”

    “CAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAW!?”

    โดยไม่สนใจต่อแผนการสามัญสำนึก Shirley เต้นระหว่างคอของนกขณะที่เชือดกลางอากาศ ผมขาวที่เป็นตัวตนของฉายาเธอปลิวไสวตามสายลม

    ราวกับจะไม่สนใจว่ามอนสเตอร์พวกนี้ที่น่าจะเป็นศัตรูตามธรรมชาติของนักดาบ เธอสู้ในที่ๆน่าจะเกินกว่าเอื้อมสำหรับเธอแล้ว กุดหัวพวก peryton ทีละตัวโดยใช้ดาบที่สร้างจากจินตนาการแปรธาตของเธอ

    พอๆกับที่มันรู้ว่าพวกมันเผชิญหน้ากับมนุษย์ มอนสเตอร์ได้จู่โจมอย่างดุเดือดด้วยกงเล็บและเขากวาง แต่พวกมันก็ถูกฟันจากท้องฟ้าด้วยเพลงดาบอย่างงดงาม

    ศพของพวก peryton แสดงรอยถูกฟันที่สะอาดราวกับว่าไม่ได้ลงแรงสักเท่าไร เลือดของพวกมันร่วงตกลงมาเหมือนฝนขณะที่พวกมันหล่นสู่พื้นโลก

    “CAWWWW CAWWWWWWWWWWWWWW!!”

    ถึงกระนั้น ฝูงนกเพชรฆาตก็ยังไม่ถอยทัพ มอนสเตอร์ที่มีความกระหายในการฆ่าอันเปี่ยมล้ำเหนือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทั้งฝูงจากการฆ่าโดยตรงของนักดาบหญิงที่มีผมขาวดั่งหิมะ

    (มอนสเตอร์นี้… มันง่ายที่จะฆ่าเอาราคาได้จริงๆเลย ใช่มั้ยเนี่ย?)

    อย่างไรก็ตาม สัญชาติญาณการฆ่านั้นคิดเสียว่าเหมือนกับภัยพิบัติโดยนักผจญภัยคนอื่นที่เหมาะสมกับ Shirley เหมือนเอาลูกแกะมาให้เชือดนั่นแหละ

    ดาบที่ฟาดฟันกับรอยดาบที่ตัดผ่าน ราวกับจะเต้นผ่านเส้นบางๆกลางอากาศที่ดาบเธอได้ตัดผ่าน peryton ที่รอดเหลืออยู่

    สัตว์ใดๆที่พยายามจะเข้าไปท้าทายเธอจะถูกตัดหัวด้วยดาบ ในขณะที่พยายามจะล้อมรอบเพื่อเลี่ยงการถูกฆ่าโดยมีดสั้นและดาบที่ปาไปอย่างแม่นยำ

    เป็นภาพเลือดที่พุ่งในท้องฟ้า Shirley ไม่หยุดจนกว่าหัวของ peryton ตัวสุดท้ายจะตกลงพื้นโลกโดยแทบจะไม่มีเสียงโครมเลย

    “ฟูวว… น่าจะเรียบร้อยแล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรที่เซอร์ไพรตรงนั้น ก็น่าจะกลับบ้านได้ล่ะ”

    ตอนนี้ ลูกสาวของเธอ Sophie กับ Tio ถูกคุกคามโดยเวทมนตร์ที่มุ่งประสงค์ร้ายอยู่

    ถ้าสงสัยว่าทำไม Shirley ถึงได้ไปสู้กับฝูงมอนสเตอร์ที่มีเขาประหลาดที่อยู่ห่างจากเมืองชายแดนไปนั้น เรื่องต่อไปนี้ที่เกิดขึ้นในตอนเช้าคือกุญแจ


    เรือนทาโอเร่? เป็นชื่อที่ไม่ค่อยดีเลยไม่ใช่หรือ?”

    ในการที่จะป้องกันเวทมนตร์รบกวนและสืบหาต้นตอนั้น ได้ถูกตัดสินไว้ว่าน่าจะดีที่สุดสำหรับ Grania ที่จะย้ายเข้ามาอยู่ใน
    บ้านพักเดียวกับที่ครอบครัวอาศัยอยู่ เธอได้นึกในใจตอนที่เธอได้ยินชื่อนี้

    “นั่นเป็นชื่อที่คิดโดยคุณปู่… หมายถึงผู้ก่อตั้งได้ตั้งชื่อมันนะ แต่ฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อเดิมกับตัวหรอก”

    “อา! รู้ล่ะ!”

    ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้นึกถึงมันจนกระทั่งตอนนี้ เธอก็ยังเป็นห่วงบ้างตอนที่ถามถึงตัวเธอ โดยที่คาดไม่ถึง Sophie ได้ตอบคำถามของผู้หญิงคนนี้

    “คุณ Martha บอกว่าเพราะหมายถึงที่ซึ่งนักผจญภัยที่ไม่เหลือแรงและไม่เหลือเงินต่างก็ร่วงลงไปได้นะคะ!”

    “หืมมมมม มันใช่หรือ?”

    เธอพยักหน้ากับคำพูด สำหรับนักผจญภัย การหมดแรงและร่วงในระหว่างเควสอาจหมายถึงความตาย ถึงแม้ว่าจะตั้งแคมป์ เนื่องจากพวกเขาออกไปท่ามกลางความโหดร้ายมันก็ยากที่จะหลับได้สบายๆขณะที่พวกเขาต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา

    ชื่อนี้ทำให้รู้สึกตอนที่คิดถึงนักผจญภัยที่ไม่กลัวตายเกือบจะเข้าขีดสีแดงที่ต้องหาสถานที่ไปล้มตัวเพื่อหลับ

    “ใช่แล้ว อันที่จริง นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาอยากจะให้เป็นนะ เขาบอกว่าถ้าเขาได้ล้มละลายไป มันน่าจะสนุกดีออก”

    ส่วนสุดท้ายนั่นอาจจะแรงมากไปหน่อย แม้แต่ตลกร้ายก็ยังมีขีดจำกัดเลย

    “กลับมาแล้ว”

    ระหว่างที่คุยกัน ครอบครัวก็มาถึงหน้า
    บ้านพัก เมื่อพวกเธอเปิดประตูเข้ามา Grania ก็ได้มองดูภายในไปทั่ว

    “ต๊ายตาย… ดูเรียบง่ายจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูสดใสและเรียบร้อยดีนะ ที่จริงฉันว่าฉันเองก็ชอบนะ”

    “โอ้โห งั้นเธอคิดว่ามันดีอยู่แล้วสินะ?”

    นี่เธอรู้สึกถึงตัวลูกค้าหรือว่ามันประจบเหมาะเจาะกันแน่เนี่ย? อีกด้านหนึ่ง ผู้หญิงอายุวัยกลางคนที่มีผมสีน้ำตาลก็โผล่ออกมาจากห้องรับประทานอาหาร… คือ Martha หนึ่งในคู่สมรสที่ดำเนินการใน
    เรือนทาโอเร่

    “คุณ Martha เรากลับมาแล้ว!”

    “กลับมาแล้วค่ะ”

    “ค่ะ ยินดีต้อนรับ แล้วนักผจญภัยหญิงคนนี้เป็นแขกหรือ?”

    เธอยิ้มขณะที่มองดูป้ายสีทองที่แขวนที่คอ Grania เป็นหลักฐานที่ว่าเธอเป็นนักผจญภัยแรงค์ S

    ประสบการณ์ปกติของเธอคือเจ้าของที่ดินที่คอยติดต่อกับพวกนักผจญภัยที่เมื่อยล้าและหมดตัว ไม่นับความสามารถที่อยู่เหนือกิลด์ด้วย

    “ค่ะ ฉันจะขอมาดูแลเธอสักพักหนึ่ง พอมีห้องสำรองอยู่มั้ย?”

    “ฉันได้ยินเรื่องราวจาก Shirley มา เธอมาช่วยพวกเด็กๆจากนักเวทลามกใช่มั้ยล่ะ?”

    Martha นั้นรู้จักในความหยาบกร้านบ้าง แต่เธอก็วางมือบนหัวของฝาแฝดอย่างอ่อนโยน เสมือนว่าเธอเป็นยายที่มองดูหลานสาวของเธอ

    “ชิ น่ารังเกียจชะมัดกับคนที่พยายามจะทำร้ายเด็กสาวพวกนี้ได้เนี่ย”

    “หุๆ… สองคนนี่ต่างก็น่ารักดีนี่ หืม?”

    “แน่นอน ฉันรู้จักทั้งสามคนมาสิบปีแล้ว พวกเธอเกือบจะเหมือนลูกสาวและก็หลานสาวเลยนะ รู้ป่าว?”

    “อูว… ดีใจจริงๆที่ได้ยินแบบนั้น”

    “อืม… มันก็น่าอายออกนะ”

    “ตายล่ะ ฉันคิดว่าเธอยังอ่อนเกินกว่าที่จะเรียกว่ายายได้ิสินะ?”

    “ฮะๆๆๆๆๆ! ไม่ต้องยอหรอกน่า คุณนาย!”

    Martha กับ Grania ดูท่าจะกลายเป็นเพื่อนได้อย่างรวดเร็วเลย ทำให้เธอนึกถึงเรื่องที่ขับไล่และข่มขู่ตอนที่เธอมาที่นี่เป็นครั้งแรก

    ตอนที่เธออายุยี่สิบนั้น Shirley ได้มายังที่
    เรือนทาโอเร่ทำตัวเหมือนสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บที่เป็นห่วงต่อการปกป้องลูกสาวเธออย่างเดียว มองเห็นการหักหลังทุกที่และระแวงคนที่จะมาทำร้ายลูกของเธอ เธอได้ปัดไล่มือที่จะเอื้อมเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเธอด้วยสำนึกดีอีกครั้งและก็อีกครั้ง

    ถึงแม้ว่าเธอจะยังคอยป้องกันตัว ก็มีแต่คู่รักที่ดำเนิน
    เรือนทาโอเร่เท่านั้นที่ไม่หยุดดูแล

    Shirley ในที่สุดก็ยื่นให้คนที่ยืนกรานเช่นนั้น เชื่อใจพวกเขาเพื่อดูแลลูกสาวของเธอตอนที่เธอออกไป

    (พอฉันได้คิดดูแล้ว ฉันน่าจะดูเหมือนจะหักหลังลูกสาวในตอนนั้นสินะ?)

    อาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของ Martha ที่ทำให้เธอได้ติดต่อกับคนอื่นอีกครั้ง

    ถ้าเด็กได้รับอิทธิพลจากผู้ใหญ่อย่างแรงนั้น แล้ว Shirley ก็น่าจะเหมือนกับลูกสาวของ Martha

    (พูดถึงผู้ใหญ่แล้ว… คนพวกนี้มัน…)

    กลับมาเข้าเรื่อง ยังมีอีกหลายคนที่สงสัยว่าถ้า Shirley เป็นเด็กของทั้งสองจริงๆ โดยพิจารณาถึงที่เธอได้ถูกทรมานมาโดยตลอดและปล่อยทิ้งไว้ในเศษผ้าเก่าๆ

    แต่นั่นก็เป็นเพียงอดีต ก็แค่พ่อแม่แท้ๆที่ทอดทิ้ง Shirley ไป  Shirley จึงทิ้งเรื่องพวกนั้นออกจากหัวไป

    (เรื่องที่ไม่สำคัญแบบนี้กลับนึกขึ้นมาได้เอาเสียดื้อๆเลย)

    Shirley หลับตาไปสักพัก ปล่อยให้ความทรงจำในอดีตลอยหายไปแล้วก็ลืมตาอีกครั้ง

    “และก็ ฉันจะจ่ายค่าเช่าของคุณ Grania ให้เอง ฉันจะให้กับเธอตอนนี้เลย”

    “อ๊ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องแบบนั้นหรอก ก็ไม่ได้เหมือนว่าเธอจะมีจ่ายได้อยู่แล้วล่ะ”

    “ไม่หรอก ฉันยังสบายๆอยู่”

    เพราะรางวัลที่จ่ายไปนั้นมาจากผลของสงครามมังกร กระเป๋าของนักผจญภัยหลายๆคนในบ้านนอกนี้ก็เลยตุง

    …แน่นอน ก็มีนักผจญภัยอยู่หลายคนที่เอาไปใช้จ่ายหมดแล้ว บางคนก็เพียงคืนเดียว แต่ Shirley นั้นเก็บหอมรอมริดไว้เพื่ออนาคตของลูกสาว

    ทุนที่เธอสะสมไว้จะเอาไปใช้ในปัจจุบัน ถ้าเพื่อตัวลูกสาวแล้ว เธอไม่ขี้เหนียวเมื่อต้องจ่าย อย่างเช่นเธอจะใช้เงินอย่างไรให้มาจ้างนักเวทที่ดีที่สุดที่จะสามารถซื้อตัว Grania ได้ เป็นต้น

    “ฉันไม่คิดถึงรายจ่ายหรอก ถ้าเธอต้องการวัสดุเพิ่มเติมหรือเงินล่ะก็ บอกมาได้เลย ช่วยทำทุกอย่างด้วยพลังของเธอที่จะช่วยเหลือลูกสาวให้อยู่ได้ปลอดภัย เธอเป็นคนเดียวที่ฉันวางใจได้แล้วนะ”

    “ฉัน… เข้าใจแล้ว งั้นช่วยปล่อยตัวฉันออกไปสักพักนึงได้มั้ย? มันเจ็บนิดๆนะ รู้ป่าว”

    Shirley เอามือวางบนไหล่ของ Grania แล้วก็บีบแรงกว่าที่เธอพูดเอาไว้นิดหน่อย ‘ผีเสื้อลวงตา’ แรงค์ S ถึงกับดิ้นรนภายใต้พลังของเธอ

    “มันก็ออกจะกะทันหันไปหน่อย แต่ฉันน่าจะต่อต้านเวทมนตร์สวนกลับไปได้ งั้นเธอช่วยพาฉันไปยังที่ห้องเธอหน่อยได้มั้ย?”

    “อ๊ะ ทางนี้เลย”

    หลังจากนั้น Grania ก็เตรียมการเสร็จหลังจากพักเที่ยง

    “เอาล่ะ เริ่มได้หรือยัง?”

    “ค-ค่ะ”

    “อืม”

    “ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ไม่ต้องห่วง ฉันจะหยุดมันเอง”

    Shirley จับดาบสั้นขณะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เธอพร้อมที่จะจบพิธีกรรมในช่วงนั้นถ้าเธอรู้สึกถึงอันตรายโดยการตัดผ่านการไหลของพลังเวทมนตร์นั้น

    “หุๆ… หนึ่งในพันล้าน… ไม่สิ บางทีอาจจะเฉพาะตัวเลยล่ะ”

    ขณะที่เธอแตะบนพื้นด้วยฐานของคทา ค่ายกลเวทที่อยู่บนพื้นก็เริ่มเรืองแสงขึ้นมาและคำก็พัดโดยพลังเวททำให้เส้นผมของฝาแฝดสั่นไหวไปหมด

    พิธีกรรมสำเร็จหลังจากผ่านไปห้าวินาที และเมื่อ Sophie กับ Tio จ้องมาที่ฝ่ามือของพวกเธอ แล้วก็กำหมัดขึ้นมา

    “จบแล้วหรือ?”

    “จ้า ตอนนี้สิ่งที่พวกเธอต้องทำก็คือนอน… เมื่อเวทมนตร์นั้นเข้ามารบกวนอีกครั้ง ก็ปล่อยให้มันทำโดยที่ไม่ต้องแทรกแซงใดๆ เวทของฉันน่าจะทำให้เราได้เห็นประวัติของผู้ร่ายด้วย”

    “ประวัติหรือ?”

    “เบาะแสของจอมเวท… ในเวทมนตร์หลายๆอย่าง จะมีสิ่งที่ตกค้างเหลืออยู่ในตัวผู้ร่ายนะ ฉันสามารถระบุชนิดของเวทมนตร์เฉพาะตัว ลักษณะการใช้งานได้ดีพอๆกับการป้องกันเลยนะ”

    Shirley ถึงกับประทับใจในคำพูดของเธอ เพื่อที่จะอ่านแจงจูงใจที่แท้จริงของเวทมนตร์คู่แข่งหลังจากที่ได้ร่ายไปแล้ว เธอไม่เคยได้ยินนักเวทชื่อดังคนใดที่จะทำแบบนั้นเลย ไม่ว่าจะอยู่หรือตายก็ตาม

    Grania เป็นนักเวทสายพันธุ์หายาก ทั้งขับเคลื่อนและประยุกต์ เธอมีชื่อเสียงจากการบุกเบิกวิจัยเวทมนตร์และสิ่งเหล่านี้คือผลลัพธ์ นักผจญภัยที่แนะนำโดย Asterios คือผู้ที่มีความแกร่งอย่างแท้จริง คนที่เหมาะสมสำหรับคำร้องนี้เอง

    “อย่างไรก็ตาม ยังมีวัสดุบางอย่างที่อาจจำเป็นต่อการตามตัวถึงผู้ร่ายนะ…”

    “บอกหน่อยสิว่าต้องการอะไร”


    一เนื่องจากได้เตรียมชิงการตอบโต้ไปแล้ว เธอน่าจะโล่งใจได้ แต่ Shirley ก็ยังหลับในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้

    อยู่ในห้องเดียวกับลูกสาวขณะที่พวกนั้นหลับอยู่ เธออยู่ตลอดทั้งคืน ในช่วงที่เธอหลับตาขณะที่ยังกระวนใจอยู่นั้นคำสาปก็ปรากฏขึ้นมา

    “…นั่นไง”

    และในตอนดึกดื่นนั่นเอง โอกาสก็มาแล้ว มันลอดผ่านซอกของหน้าต่างเหมือนควันดำและก็เข้าไปปกคลุมลูกสาวในหมอก แต่ก็ถูกหยุดโดยบาเรียของแสง

    เธอมองเห็นเวทมนตร์สวนกลับได้เท่านั้นเพราะสายตาเธอดี หมอกดำนั้นค่อยๆลดลงและก็เล็กลงทุกครั้งที่มันชนกับบาเรีย

    เหมือนอย่างที่ Grania ว่ามาเลย หมอกดำที่พยายามจะเข้าไปถึงตัว Sophie กับ Tio ได้ละลายหายไปหมดโดยเวลารุ่งสางนั่นเอง

    “แล้ว? มันป้องกันได้มั้ยล่ะ?”

    “ค่า ฉันไม่เห็นปัญหาอะไรเลย… เดี๋ยวนะ นี่เธอทำอะไรนะ?”

    ขณะที่ Grania เข้าไปยังห้อง Shirley โดยสวมเสื้อผ้าหลวมบางๆ Shirley ก็เอาเสื้อคลุมมาปิดหน้าอกและต้นขาของเธอ

    “กรุณาสวมนี่ไว้ด้วย ฉันก็คิดมาตั้งแต่เริ่มแล้ว แต่เสื้อของเธอมันก็ทะลึ่งเกินไป แล้วฉันจะทำยังไงถ้าเกิดว่าลูกสาวเริ่มเลียนแบบเธอน่ะ?”

    “อ๊า~ง เธอนี่เข้มงวดไปแล้ว…”

    Shirley หยุดการพึมพำอันยั่วยวนของ Grania ด้วยการเอามือปิดปากเธอ สองคนนี้ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงเลย

    “น่า ดีแล้วน่า~ ที่สำคัญกว่านั้น ฉันต้องเช็คดู ‘ประวัติ’ ด้วย”

    แล้วเธอก็วางนิ้วชี้ไว้หน้าผากของฝาแฝดทั้งสองที่ยังหลับอย่างสงบจนยากที่จะเชื่อว่าพวกเธอถูกเวทโจมตีตอนกลางคืน บาเรียนี้ทำหน้าดีได้อย่างมหัศจรรย์จริงๆ

    “ฟูวว~… แน่นอนว่า เนื่องจากพวกนั้นล้มเหลวมาแล้วถึงสามครั้ง อีกฝ่ายหนึ่งก็น่าจะระวังตัวบ้างล่ะ”

    “ความรู้สึกนั่นน่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันมาตอนดึกดื่นเนี่ย”

    “ยิ่งกว่านั้น พวกมันพยายามที่จะไม่ทิ้งร่องรอยของเวทใดๆด้วย… แต่พวกนั้นก็ยังทำได้แย่อยู่ดี หืม? พวกมันถึงกับเปิดตำราขึ้นมาใช้ ไม่มีแม้แต่จะจินตนาการบ้างเลยหรือ น่าเบื่อชะมัดยาดเลย”

    เวทมนตร์ที่รู้จักหลายๆอย่างเป็นเวทมนตร์ตอบโต้ที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว อย่างที่ Grania พูด เนื่องจากบาเรียนั้นทำงานได้ดี ผู้ร่ายก็น่าจะต้องใช้ตำราบ้างล่ะ

    “เอาล่ะ เนื่องจากฉันได้ประวัติมาอยู่ในมือแล้ว เราน่าจะรู้ตัวของผู้ร่ายหลังจากพิธีกรรมนั่น ทุกอย่างหลังจากนั้นฉันฝากให้เธอด้วยล่ะกัน”

    “แน่นอน”

    ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่งอกออกมาจากเธอ สัญชาตญาณของแม่ที่จะหาว่าใครหน้าไหนที่ทำแบบนี้และต้องทำให้แน่ใจว่าพวกนั้นจะไม่มีวันที่จะได้ใช้ความสามารถนั่นเข้าไปแทรกแซงลูกของเธอได้อีก

    “ผู้ร่ายใช้เวทประเภทควบคุมระยะไกลนะ… เป็นเวทมนตร์ที่ต้องการเส้นผมหรือเลือดของเป้าหมาย แต่นั่นก็ไม่น่าจะเป็นลักษณะเฉพาะของพวกนั้นที่จะบรรลุได้เลย เนอะ?”

    ถึงแม้ว่า Shirley กับครอบครัวเธอจะใช้
    เรือนทาโอเร่เป็นอพาร์ตเมนท์เป็นหลัก ความจริงก็คือมีผู้มาพักหลายคนจะอยู่เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น ถ้าพวกเขารู้ในเบื้องลึกว่า Sophie กับ Tio อาศัยอยู่ที่นี่ล่ะก็ มันก็คงจะไม่ยากสำหรับพวกนั้นที่จะหาเส้นผมของพวกเธอสักเส้น ถ้าพวกนั้นปลอมตัวเข้ามาเป็นในหมู่แขกสักคนหนึ่ง

    “ฉันยังไม่แน่ใจว่าฉันอยากจะรู้ว่าเธอจะทำอะไร… เอาล่ะ จะว่าไป สิ่งสำคัญที่จะหาได้ว่าตัวผู้ร่ายได้จริงๆก็คือ”

    “แล้วเธอมีของทั้งหมดที่ต้องการแล้วหรือ?”

    “ขอดูก่อนนะ… ฉันได้มาเกือบจะทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าได้มาอย่างเขาของ peryton น่าจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดล่ะนะ”

    และในตอนนั้นเอง ชะตากรรมของฝูงนกเพชรฆาตจึงถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×