ลำดับตอนที่ #28
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : นกกินคนนี่มันโคตรง่ายเลย
ฝูงนกที่มีเขาบนหัวแปลกๆทะยานผ่านท้องฟ้าบนปีกทองแดง เงาที่ปรากฏบนพื้นอยู่เบื้องล่างทำให้กลางกับนกที่อยู่ใต้พวกมันถึงกับหวาดกลัว
โลกนี้นับถือกฎของป่า ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมอนสเตอร์ กฏนี้ก็เหมือนกันมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว ผู้ที่อ่อนแอกว่าย่อมตกเป็นอาหารของผู้ที่แกร่งกว่า
ในโลกเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า peryton เป็นลักษณะพิเศษ ไม่ว่าจะคอยออกล่าหรือต่อสู้เพื่อดินแดนก็ตาม โดยปกติมันมีเหตุผลในการโจมตีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่มอนสเตอร์โหดและเป็นนกเพชรฆาตลึกลับนั้นต่างกันออกไป
ถึงแม้ว่าการวิจัยถึงภัยอันตรายสุดโต่งนั้นจะยังช้า peryton รู้กันว่าจะโจมตีคนโดยไม่สนใจเหตุผลใดๆ… บางทีน่าจะเรียกว่านักกินคนมากกว่าฆ่าเสียอีก ยังไงก็ตาม พวกมันก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่วุ่นวายสุดๆเลยล่ะ
ถึงแม้จะยืนยันว่า peryton ที่จริงแล้วก็ล่ามอนสเตอร์กับสัตว์อื่นๆเป็นอาหาร มันให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างน่าประหลาด แม้แต่จะบุกเข้าโจมตีมนุษย์นักผจญภัยที่อยู่เหนือกระต่ายที่บาดเจ็บแล้วก็บินหนีไปโดยไม่มีแม้แต่จะกิน
มันไม่จำเป็นต้องทำตัวป่าเถื่อนเพราะ peryton เป็นมอนสเตอร์ฉลาด ถึงแม้จะเป็นการฆ่าที่ไม่สมเหตุผลก็ตาม มันเล็งเป้าใส่คนโดยสัญชาตญาณมากกว่าเหตุผล peryton จึงเป็นมอนสเตอร์ที่อันตรายเป็นพิเศษสำหรับมนุษย์ที่จะจัดการกับมัน
และเหนืออื่นใด สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของ peryton ก็คือลักษณะเวทมนตร์นั่นแหละ ราวกับว่ามันจะจงใจเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมวลมนุษย์ พลังที่หยุดคนในขอบเขตเมื่อเข้ามาอยู่ในเงาก็จะมีนักผจญภัยและอัศวินร่วงระนาวลงมา
แม้จะมีเพียงตัวเดียว ก็เป็นอันตรายต่อทั้งหมู่อยู่แล้ว การสังหารทั้งหมู่แบบนี้ นักผจญภัยแรงค์ A ก็คงไม่พอ อย่างน้อยก็ต้องใช้แรงค์ S… และก็ยังถูกจำกัดโดยพวกที่น่าจะร่ายคาถาระยะไกลที่จะเก็บพวกนั้นเข้ามาอยู่ใต้เงาของ peryton ได้
“……………”
“CAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAW!?”
โดยไม่สนใจต่อแผนการสามัญสำนึก Shirley เต้นระหว่างคอของนกขณะที่เชือดกลางอากาศ ผมขาวที่เป็นตัวตนของฉายาเธอปลิวไสวตามสายลม
พอๆกับที่มันรู้ว่าพวกมันเผชิญหน้ากับมนุษย์ มอนสเตอร์ได้จู่โจมอย่างดุเดือดด้วยกงเล็บและเขากวาง แต่พวกมันก็ถูกฟันจากท้องฟ้าด้วยเพลงดาบอย่างงดงาม
ศพของพวก peryton แสดงรอยถูกฟันที่สะอาดราวกับว่าไม่ได้ลงแรงสักเท่าไร เลือดของพวกมันร่วงตกลงมาเหมือนฝนขณะที่พวกมันหล่นสู่พื้นโลก
“CAWWWW CAWWWWWWWWWWWWWW!!”
ถึงกระนั้น ฝูงนกเพชรฆาตก็ยังไม่ถอยทัพ มอนสเตอร์ที่มีความกระหายในการฆ่าอันเปี่ยมล้ำเหนือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทั้งฝูงจากการฆ่าโดยตรงของนักดาบหญิงที่มีผมขาวดั่งหิมะ
(มอนสเตอร์นี้… มันง่ายที่จะฆ่าเอาราคาได้จริงๆเลย ใช่มั้ยเนี่ย?)
อย่างไรก็ตาม สัญชาติญาณการฆ่านั้นคิดเสียว่าเหมือนกับภัยพิบัติโดยนักผจญภัยคนอื่นที่เหมาะสมกับ Shirley เหมือนเอาลูกแกะมาให้เชือดนั่นแหละ
ดาบที่ฟาดฟันกับรอยดาบที่ตัดผ่าน ราวกับจะเต้นผ่านเส้นบางๆกลางอากาศที่ดาบเธอได้ตัดผ่าน peryton ที่รอดเหลืออยู่
สัตว์ใดๆที่พยายามจะเข้าไปท้าทายเธอจะถูกตัดหัวด้วยดาบ ในขณะที่พยายามจะล้อมรอบเพื่อเลี่ยงการถูกฆ่าโดยมีดสั้นและดาบที่ปาไปอย่างแม่นยำ
เป็นภาพเลือดที่พุ่งในท้องฟ้า Shirley ไม่หยุดจนกว่าหัวของ peryton ตัวสุดท้ายจะตกลงพื้นโลกโดยแทบจะไม่มีเสียงโครมเลย
“ฟูวว… น่าจะเรียบร้อยแล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรที่เซอร์ไพรตรงนั้น ก็น่าจะกลับบ้านได้ล่ะ”
ตอนนี้ ลูกสาวของเธอ Sophie กับ Tio ถูกคุกคามโดยเวทมนตร์ที่มุ่งประสงค์ร้ายอยู่
ถ้าสงสัยว่าทำไม Shirley ถึงได้ไปสู้กับฝูงมอนสเตอร์ที่มีเขาประหลาดที่อยู่ห่างจากเมืองชายแดนไปนั้น เรื่องต่อไปนี้ที่เกิดขึ้นในตอนเช้าคือกุญแจ
—
ในการที่จะป้องกันเวทมนตร์รบกวนและสืบหาต้นตอนั้น ได้ถูกตัดสินไว้ว่าน่าจะดีที่สุดสำหรับ Grania ที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักเดียวกับที่ครอบครัวอาศัยอยู่ เธอได้นึกในใจตอนที่เธอได้ยินชื่อนี้
“นั่นเป็นชื่อที่คิดโดยคุณปู่… หมายถึงผู้ก่อตั้งได้ตั้งชื่อมันนะ แต่ฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อเดิมกับตัวหรอก”
“อา! รู้ล่ะ!”
“คุณ Martha บอกว่าเพราะหมายถึงที่ซึ่งนักผจญภัยที่ไม่เหลือแรงและไม่เหลือเงินต่างก็ร่วงลงไปได้นะคะ!”
“หืมมมมม มันใช่หรือ?”
เธอพยักหน้ากับคำพูด สำหรับนักผจญภัย การหมดแรงและร่วงในระหว่างเควสอาจหมายถึงความตาย ถึงแม้ว่าจะตั้งแคมป์ เนื่องจากพวกเขาออกไปท่ามกลางความโหดร้ายมันก็ยากที่จะหลับได้สบายๆขณะที่พวกเขาต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา
ชื่อนี้ทำให้รู้สึกตอนที่คิดถึงนักผจญภัยที่ไม่กลัวตายเกือบจะเข้าขีดสีแดงที่ต้องหาสถานที่ไปล้มตัวเพื่อหลับ
ส่วนสุดท้ายนั่นอาจจะแรงมากไปหน่อย แม้แต่ตลกร้ายก็ยังมีขีดจำกัดเลย
“กลับมาแล้ว”
ระหว่างที่คุยกัน ครอบครัวก็มาถึงหน้าบ้านพัก เมื่อพวกเธอเปิดประตูเข้ามา Grania ก็ได้มองดูภายในไปทั่ว
“ต๊ายตาย… ดูเรียบง่ายจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูสดใสและเรียบร้อยดีนะ ที่จริงฉันว่าฉันเองก็ชอบนะ”
“โอ้โห งั้นเธอคิดว่ามันดีอยู่แล้วสินะ?”
นี่เธอรู้สึกถึงตัวลูกค้าหรือว่ามันประจบเหมาะเจาะกันแน่เนี่ย? อีกด้านหนึ่ง ผู้หญิงอายุวัยกลางคนที่มีผมสีน้ำตาลก็โผล่ออกมาจากห้องรับประทานอาหาร… คือ Martha หนึ่งในคู่สมรสที่ดำเนินการในเรือนทาโอเร่
“คุณ Martha เรากลับมาแล้ว!”
“กลับมาแล้วค่ะ”
“ค่ะ ยินดีต้อนรับ แล้วนักผจญภัยหญิงคนนี้เป็นแขกหรือ?”
ประสบการณ์ปกติของเธอคือเจ้าของที่ดินที่คอยติดต่อกับพวกนักผจญภัยที่เมื่อยล้าและหมดตัว ไม่นับความสามารถที่อยู่เหนือกิลด์ด้วย
“ค่ะ ฉันจะขอมาดูแลเธอสักพักหนึ่ง พอมีห้องสำรองอยู่มั้ย?”
“ฉันได้ยินเรื่องราวจาก Shirley มา เธอมาช่วยพวกเด็กๆจากนักเวทลามกใช่มั้ยล่ะ?”
Martha นั้นรู้จักในความหยาบกร้านบ้าง แต่เธอก็วางมือบนหัวของฝาแฝดอย่างอ่อนโยน เสมือนว่าเธอเป็นยายที่มองดูหลานสาวของเธอ
“ชิ น่ารังเกียจชะมัดกับคนที่พยายามจะทำร้ายเด็กสาวพวกนี้ได้เนี่ย”
“หุๆ… สองคนนี่ต่างก็น่ารักดีนี่ หืม?”
“แน่นอน ฉันรู้จักทั้งสามคนมาสิบปีแล้ว พวกเธอเกือบจะเหมือนลูกสาวและก็หลานสาวเลยนะ รู้ป่าว?”
“อูว… ดีใจจริงๆที่ได้ยินแบบนั้น”
“อืม… มันก็น่าอายออกนะ”
“ตายล่ะ ฉันคิดว่าเธอยังอ่อนเกินกว่าที่จะเรียกว่ายายได้ิสินะ?”
“ฮะๆๆๆๆๆ! ไม่ต้องยอหรอกน่า คุณนาย!”
ตอนที่เธออายุยี่สิบนั้น Shirley ได้มายังที่เรือนทาโอเร่ทำตัวเหมือนสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บที่เป็นห่วงต่อการปกป้องลูกสาวเธออย่างเดียว มองเห็นการหักหลังทุกที่และระแวงคนที่จะมาทำร้ายลูกของเธอ เธอได้ปัดไล่มือที่จะเอื้อมเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเธอด้วยสำนึกดีอีกครั้งและก็อีกครั้ง
ถึงแม้ว่าเธอจะยังคอยป้องกันตัว ก็มีแต่คู่รักที่ดำเนินเรือนทาโอเร่เท่านั้นที่ไม่หยุดดูแล
Shirley ในที่สุดก็ยื่นให้คนที่ยืนกรานเช่นนั้น เชื่อใจพวกเขาเพื่อดูแลลูกสาวของเธอตอนที่เธอออกไป
(พอฉันได้คิดดูแล้ว ฉันน่าจะดูเหมือนจะหักหลังลูกสาวในตอนนั้นสินะ?)
อาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของ Martha ที่ทำให้เธอได้ติดต่อกับคนอื่นอีกครั้ง
(พูดถึงผู้ใหญ่แล้ว… คนพวกนี้มัน…)
กลับมาเข้าเรื่อง ยังมีอีกหลายคนที่สงสัยว่าถ้า Shirley เป็นเด็กของทั้งสองจริงๆ โดยพิจารณาถึงที่เธอได้ถูกทรมานมาโดยตลอดและปล่อยทิ้งไว้ในเศษผ้าเก่าๆ
แต่นั่นก็เป็นเพียงอดีต ก็แค่พ่อแม่แท้ๆที่ทอดทิ้ง Shirley ไป Shirley จึงทิ้งเรื่องพวกนั้นออกจากหัวไป
(เรื่องที่ไม่สำคัญแบบนี้กลับนึกขึ้นมาได้เอาเสียดื้อๆเลย)
“และก็ ฉันจะจ่ายค่าเช่าของคุณ Grania ให้เอง ฉันจะให้กับเธอตอนนี้เลย”
“อ๊ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องแบบนั้นหรอก ก็ไม่ได้เหมือนว่าเธอจะมีจ่ายได้อยู่แล้วล่ะ”
“ไม่หรอก ฉันยังสบายๆอยู่”
เพราะรางวัลที่จ่ายไปนั้นมาจากผลของสงครามมังกร กระเป๋าของนักผจญภัยหลายๆคนในบ้านนอกนี้ก็เลยตุง
…แน่นอน ก็มีนักผจญภัยอยู่หลายคนที่เอาไปใช้จ่ายหมดแล้ว บางคนก็เพียงคืนเดียว แต่ Shirley นั้นเก็บหอมรอมริดไว้เพื่ออนาคตของลูกสาว
ทุนที่เธอสะสมไว้จะเอาไปใช้ในปัจจุบัน ถ้าเพื่อตัวลูกสาวแล้ว เธอไม่ขี้เหนียวเมื่อต้องจ่าย อย่างเช่นเธอจะใช้เงินอย่างไรให้มาจ้างนักเวทที่ดีที่สุดที่จะสามารถซื้อตัว Grania ได้ เป็นต้น
“ฉันไม่คิดถึงรายจ่ายหรอก ถ้าเธอต้องการวัสดุเพิ่มเติมหรือเงินล่ะก็ บอกมาได้เลย ช่วยทำทุกอย่างด้วยพลังของเธอที่จะช่วยเหลือลูกสาวให้อยู่ได้ปลอดภัย เธอเป็นคนเดียวที่ฉันวางใจได้แล้วนะ”
“ฉัน… เข้าใจแล้ว งั้นช่วยปล่อยตัวฉันออกไปสักพักนึงได้มั้ย? มันเจ็บนิดๆนะ รู้ป่าว”
Shirley เอามือวางบนไหล่ของ Grania แล้วก็บีบแรงกว่าที่เธอพูดเอาไว้นิดหน่อย ‘ผีเสื้อลวงตา’ แรงค์ S ถึงกับดิ้นรนภายใต้พลังของเธอ
“มันก็ออกจะกะทันหันไปหน่อย แต่ฉันน่าจะต่อต้านเวทมนตร์สวนกลับไปได้ งั้นเธอช่วยพาฉันไปยังที่ห้องเธอหน่อยได้มั้ย?”
“อ๊ะ ทางนี้เลย”
หลังจากนั้น Grania ก็เตรียมการเสร็จหลังจากพักเที่ยง
“เอาล่ะ เริ่มได้หรือยัง?”
“ค-ค่ะ”
“อืม”
“ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ไม่ต้องห่วง ฉันจะหยุดมันเอง”
“หุๆ… หนึ่งในพันล้าน… ไม่สิ บางทีอาจจะเฉพาะตัวเลยล่ะ”
ขณะที่เธอแตะบนพื้นด้วยฐานของคทา ค่ายกลเวทที่อยู่บนพื้นก็เริ่มเรืองแสงขึ้นมาและคำก็พัดโดยพลังเวททำให้เส้นผมของฝาแฝดสั่นไหวไปหมด
พิธีกรรมสำเร็จหลังจากผ่านไปห้าวินาที และเมื่อ Sophie กับ Tio จ้องมาที่ฝ่ามือของพวกเธอ แล้วก็กำหมัดขึ้นมา
“จบแล้วหรือ?”
“จ้า ตอนนี้สิ่งที่พวกเธอต้องทำก็คือนอน… เมื่อเวทมนตร์นั้นเข้ามารบกวนอีกครั้ง ก็ปล่อยให้มันทำโดยที่ไม่ต้องแทรกแซงใดๆ เวทของฉันน่าจะทำให้เราได้เห็นประวัติของผู้ร่ายด้วย”
“ประวัติหรือ?”
“เบาะแสของจอมเวท… ในเวทมนตร์หลายๆอย่าง จะมีสิ่งที่ตกค้างเหลืออยู่ในตัวผู้ร่ายนะ ฉันสามารถระบุชนิดของเวทมนตร์เฉพาะตัว ลักษณะการใช้งานได้ดีพอๆกับการป้องกันเลยนะ”
Shirley ถึงกับประทับใจในคำพูดของเธอ เพื่อที่จะอ่านแจงจูงใจที่แท้จริงของเวทมนตร์คู่แข่งหลังจากที่ได้ร่ายไปแล้ว เธอไม่เคยได้ยินนักเวทชื่อดังคนใดที่จะทำแบบนั้นเลย ไม่ว่าจะอยู่หรือตายก็ตาม
“อย่างไรก็ตาม ยังมีวัสดุบางอย่างที่อาจจำเป็นต่อการตามตัวถึงผู้ร่ายนะ…”
“บอกหน่อยสิว่าต้องการอะไร”
—
อยู่ในห้องเดียวกับลูกสาวขณะที่พวกนั้นหลับอยู่ เธออยู่ตลอดทั้งคืน ในช่วงที่เธอหลับตาขณะที่ยังกระวนใจอยู่นั้นคำสาปก็ปรากฏขึ้นมา
“…นั่นไง”
และในตอนดึกดื่นนั่นเอง โอกาสก็มาแล้ว มันลอดผ่านซอกของหน้าต่างเหมือนควันดำและก็เข้าไปปกคลุมลูกสาวในหมอก แต่ก็ถูกหยุดโดยบาเรียของแสง
เธอมองเห็นเวทมนตร์สวนกลับได้เท่านั้นเพราะสายตาเธอดี หมอกดำนั้นค่อยๆลดลงและก็เล็กลงทุกครั้งที่มันชนกับบาเรีย
เหมือนอย่างที่ Grania ว่ามาเลย หมอกดำที่พยายามจะเข้าไปถึงตัว Sophie กับ Tio ได้ละลายหายไปหมดโดยเวลารุ่งสางนั่นเอง
“แล้ว? มันป้องกันได้มั้ยล่ะ?”
“ค่า ฉันไม่เห็นปัญหาอะไรเลย… เดี๋ยวนะ นี่เธอทำอะไรนะ?”
ขณะที่ Grania เข้าไปยังห้อง Shirley โดยสวมเสื้อผ้าหลวมบางๆ Shirley ก็เอาเสื้อคลุมมาปิดหน้าอกและต้นขาของเธอ
“กรุณาสวมนี่ไว้ด้วย ฉันก็คิดมาตั้งแต่เริ่มแล้ว แต่เสื้อของเธอมันก็ทะลึ่งเกินไป แล้วฉันจะทำยังไงถ้าเกิดว่าลูกสาวเริ่มเลียนแบบเธอน่ะ?”
“อ๊า~ง เธอนี่เข้มงวดไปแล้ว…”
Shirley หยุดการพึมพำอันยั่วยวนของ Grania ด้วยการเอามือปิดปากเธอ สองคนนี้ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงเลย
“น่า ดีแล้วน่า~ ที่สำคัญกว่านั้น ฉันต้องเช็คดู ‘ประวัติ’ ด้วย”
แล้วเธอก็วางนิ้วชี้ไว้หน้าผากของฝาแฝดทั้งสองที่ยังหลับอย่างสงบจนยากที่จะเชื่อว่าพวกเธอถูกเวทโจมตีตอนกลางคืน บาเรียนี้ทำหน้าดีได้อย่างมหัศจรรย์จริงๆ
“ฟูวว~… แน่นอนว่า เนื่องจากพวกนั้นล้มเหลวมาแล้วถึงสามครั้ง อีกฝ่ายหนึ่งก็น่าจะระวังตัวบ้างล่ะ”
“ความรู้สึกนั่นน่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันมาตอนดึกดื่นเนี่ย”
“ยิ่งกว่านั้น พวกมันพยายามที่จะไม่ทิ้งร่องรอยของเวทใดๆด้วย… แต่พวกนั้นก็ยังทำได้แย่อยู่ดี หืม? พวกมันถึงกับเปิดตำราขึ้นมาใช้ ไม่มีแม้แต่จะจินตนาการบ้างเลยหรือ น่าเบื่อชะมัดยาดเลย”
“เอาล่ะ เนื่องจากฉันได้ประวัติมาอยู่ในมือแล้ว เราน่าจะรู้ตัวของผู้ร่ายหลังจากพิธีกรรมนั่น ทุกอย่างหลังจากนั้นฉันฝากให้เธอด้วยล่ะกัน”
“แน่นอน”
ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่งอกออกมาจากเธอ สัญชาตญาณของแม่ที่จะหาว่าใครหน้าไหนที่ทำแบบนี้และต้องทำให้แน่ใจว่าพวกนั้นจะไม่มีวันที่จะได้ใช้ความสามารถนั่นเข้าไปแทรกแซงลูกของเธอได้อีก
“ผู้ร่ายใช้เวทประเภทควบคุมระยะไกลนะ… เป็นเวทมนตร์ที่ต้องการเส้นผมหรือเลือดของเป้าหมาย แต่นั่นก็ไม่น่าจะเป็นลักษณะเฉพาะของพวกนั้นที่จะบรรลุได้เลย เนอะ?”
ถึงแม้ว่า Shirley กับครอบครัวเธอจะใช้เรือนทาโอเร่เป็นอพาร์ตเมนท์เป็นหลัก ความจริงก็คือมีผู้มาพักหลายคนจะอยู่เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น ถ้าพวกเขารู้ในเบื้องลึกว่า Sophie กับ Tio อาศัยอยู่ที่นี่ล่ะก็ มันก็คงจะไม่ยากสำหรับพวกนั้นที่จะหาเส้นผมของพวกเธอสักเส้น ถ้าพวกนั้นปลอมตัวเข้ามาเป็นในหมู่แขกสักคนหนึ่ง
“ฉันยังไม่แน่ใจว่าฉันอยากจะรู้ว่าเธอจะทำอะไร… เอาล่ะ จะว่าไป สิ่งสำคัญที่จะหาได้ว่าตัวผู้ร่ายได้จริงๆก็คือ”
“แล้วเธอมีของทั้งหมดที่ต้องการแล้วหรือ?”
“ขอดูก่อนนะ… ฉันได้มาเกือบจะทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าได้มาอย่างเขาของ peryton น่าจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดล่ะนะ”
และในตอนนั้นเอง ชะตากรรมของฝูงนกเพชรฆาตจึงถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น