ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #42 : เรื่องลี้ลับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.37K
      227
      29 ก.ค. 63

    บรรยากาศความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งสนามกลางภูเขา เหล่าผู้สนใจต่างก็พูดอะไรไม่ออก

    กฎของการประลองนี้ก็คือผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะเอาอาวุธมาได้เพียงแค่ชิ้นเดียว ขณะที่ผู้หญิงผมขาวก้าวออกมายังกลางสนามที่ถือดาบยาวสีน้ำเงินเล่มเดียว เส้นผมของเธอก็ปลิวไสวตามสายลม แต่ละคนที่ได้มองต่างก็เริ่มหลงใหลในตัวเธอด้วยสายตา แม้แต่พวกที่รู้จักเธอต่างก็มองตาค้างด้วยความเงียบสงัด ราวกับจะจมปลักในบรรยากาศขณะนั้น

    “อะไร… กันเนี่ย…?”

    ขณะที่เหล่าผู้ติดตามที่เห็นผู้หญิงที่พวกเขารู้จักเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนที่ดูไม่มีอายุเลย… นอกจากนี้ พวกนั้นต่างก็ช็อคที่ได้เห็นว่าเธอนั้นได้สวยงามยิ่งกว่าในหลายปีที่ถูกก้าวก่ายเสียอีก

    Alice, จักรพรรดิและผู้ติดตาม แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี บาทหลวงใหญ่หรือแม้แต่พ่อกับพี่ชายน้องชายต่างก็เงิบกันทั้งนั้น

    Alice จำเรื่องการทารุณกรรมและการทรมานเธอที่เห็นในห้องขังเมื่อหลายปีก่อนได้ อย่างไรก็ตามภาพ Shirley ที่ฉายออกมากลางอากาศเหนือสนามที่ใช้เวทฉายภาพนั้น ที่มองเห็นในตอนนี้มันยิ่งกว่าความริษยาในวัยเด็กของเธอเสียอีก

    ーー“ต-ตอนที่กระผมเช็คดูเธอในห้องขังในวันนี้ ทั้งผิวกายและเส้นผมมันก็กลับมากลายเป็นก่อนที่จะจับเธอขังเอาไว้ได้ยังไงก็ไม่รู้!”

    คำพูดของชายที่เป็นหัวหน้านักทรมานเมื่อสิบกว่าปีก่อนผุดขึ้นมาในหัวเธอ ตอนนั้นเธอนึกว่าเป็นแค่เรื่องที่ไร้สาระ แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นความจริง

    พี่สาวของเธอที่น่าจะอายุสามสิบปีปรากฏตัวต่อหน้าเธอที่ดูสวยงามอ่อนวัยจนเธอต้องอิจฉาเมื่อหลายปีก่อนนั้น เธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกัน?

    ความทนงตัวในใจที่อยากจะเชื่อว่าเธอไม่ได้แย่กว่า แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม แต่หลังจากนั้นสิบปี ใบหน้าของเธอก็เริ่มมีตีนกากับริ้วรอยตามอายุ ผิวที่ซีดอย่างน่ากลัวที่เปรียบเทียบกับผิวที่นุ่มนวลไร้รอยด่างที่ดูไม่เหมือนจะทาเมคอัพเลย Alice จึงได้รู้ถึงไฟของความริษยาลุกขึ้นมาในใจของเธอทันทีหลังจากที่หายไปนาน

    (เป็นไปไม่ได้… มันต้องเป็นเวทลวงตาสักอย่างแน่ๆ! ใช่แล้ว ยัยแม่มดสีทองนั่นแหละ…!)

    Alice พยายามจะหนีจากความจริงที่รับไม่ได้ว่า Shirley สุดยอดในสายตาอย่างสมบูรณ์แบบในตอนนี้

    แต่ อาจจะเป็นที่ไหนสักแห่งที่ลึกลงไปจากที่เธอเข้าใจ ความสวยงามอ่อนวัยนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสืบทอดทางเชื้อสายของตระกูล Earlgrey เลย น่าจะเป็นบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุความกรุณาของเทพี

    “………”

    “…..ท่าน Albert”

    “หวา-!? อ-อะไรหรือ Alice?”

    ราวกับจะเป็นสักขีพยาน Albert ได้เอนตัวออกจากที่นั่งชะเง้อมองไปยังผู้หญิงคนสวยนั่น

    ー“หืม หืมมม… มันก็สักพักหนึ่งแล้วนะ แต่ผมกับดวงตาของเธอนั่นเห็นแล้วก็น่าสะเอียนจริงๆเลยว่ะ… อย่างที่บอกไป มันยากที่จะดูหมิ่นหน้าเธอได้”

    ー“พอมองดูแล้ว… ฉันขัดขืนร่างกายไม่ได้เลยว่ะ… นายคิดว่าฝ่าบาทนั่นจะส่งเธอมาเป็นทาสให้ฉันเมื่อเราชนะมั้ย?”

    แม้แต่พวกที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นผู้ติดตามที่คอยสนับสนุน Albert กับ Alice ก็ไม่ได้คอยปราบปรามความเดรัจฉานของพวกนั้นขณะที่จ้องไปยัง Shirley

    เธอจำพวกนี้ได้ Alice ไม่ใช่แค่ได้นอนร่วมกับหนุ่มที่มีหน้าตารูปร่างสวยๆอีกหลายคน แต่รวมไปถึงพวกชนชั้นสูงที่เธอหวังจะเอามาเป็นพวก อย่างไรก็ตามหลายคนนั้นก็ดูไร้ชีวิตชีวาบนเตียงตอนที่พวกนั้นมองเธอ

    ได้ยินพวกนั้นกระซิบกันอย่างหยาบคายแล้ว ดูเหมือนว่าพวกนั้นต่างก็หันมามองรูปร่างอันเย้ายวนของ Shirley ที่หน้าอกใหญ่… เอาให้ตรงๆเลยก็ล่ะกัน กระดานแบนๆของ Alice นั่นยังเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

    (ถึงยังงั้น…! แม้กระทั่งสิบเอ็ดปีหลังจากนั้น…!)

    ขณะที่พวกนั้นหาทางลุกออกจากที่นั่งนั้น Alice ก็เห็นลูกสาวฝาแฝดที่สืบทอดสายเลือดจากตัวแม่ที่มีหน้าตาดูดีด้วย และก็ทำให้ฉีกช่องว่างในใจเธอเพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง

    ใช้ชีวิตอาศัยอยู่กับครอบครัวอันแสนรัก ในทุกความรู้สึก Alice น่าจะใช้ชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่า Shirley อย่างไรก็ตาม ด้วยใบหน้าที่อ่อนวัย รูปร่างอันชวนดึงเสน่ห์ในใจของพวกผู้ชายโดยไม่ต้องสาธยายออกมาสักคำ และก็ยังมีเด็กที่ดูราวกับเทพธิดาอีก… ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ Alice ถึงกับหมดอาลัยตายอยาก เธอจะต้องมีให้ได้

    ลูกคริสตัลที่อยู่ตรงพนักแขนที่ติดอยู่ตรงที่นั่งของ Albert นั้น… เธอได้จ้องไปยังที่อุปกรณ์เวทมนตร์ที่น่าจะเปิดกับดักให้ทำงานในสังเวียนนี้

    ไม่มีใครกล้าพอที่จะชี้ไปยังที่ดวงตาคู่นั้นซึ่งโดยปกติจะเต็มไปด้วยความมั่นใจที่กำลังจะกลายเป็นโคลนเหมือนตะกอนในภายหลัง


    ดาบเจ้าหญิงยืนอยู่ตรงกลางของลานประลองโดยถือดาบที่เป็นสมบัติประจำตระกูลของเธอมาด้วย ถ้า Lumiliana คือดาบของเจ้าหญิง… ตอนนี้เธอก็ได้เผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เรียกตัวเองว่าดาบของอสูร

    ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ… พูดอีกอย่างก็คือแข็งแกร่งที่สุดในโลกจากมุมมองของจักรพรรดิและเหล่าผู้ติดตามที่คอยสนับสนุนเขา Shirley นั่นก็แค่นักผจญภัยดาดๆที่ไม่น่าจะเทียบเคียงกับ Lumiliana ได้เลย

    (นี่มันอะไรกันเนี่ย? ฉันวินิจฉัยทักษะของเธอไม่ได้เลย)

    แต่ในตอนนั้นเอง Lumiliana ก็ถึงกับสับสน เมื่อขึ้นมาถึงระดับเลเวลของเธอขณะที่อายุยังน้อย ตามปกติจะสามารถคาดเดาความสามารถของคู่แข่งเพียงแค่วินิจฉัยท่าทางของพวกนั้น

    ก้าวขึ้นสู่ระดับชำนาญในฝีมือของเธอ Lumiliana มีความเป็นอัจฉริยะที่ใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ขณะที่เธอจ้องไปยังที่แสงของดาบสีน้ำเงินนั้น… ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยปลายของ Ig-Alima ที่ดูสกปรก เธอดูเหมือนกับพวกมือสมัครเล่นไม่ใช่นักดาบ และเธอก็ไม่อาจจับลักษณะวิสัยที่แท้จริงความความแข็งแกร่งของเธอได้

    “…ท่าน Shirley ฉันคาดไม่ถึงตามตรงเลยว่าจะได้ประลองกับคุณในที่แบบนี้ แต่จะบอกความจริงให้ นี่คือโอกาสดีที่ฉันได้สวดภาวนามาตลอด เราทั้งสองต่างก็ถอยกลับไปไม่ได้แล้ว ขอให้เป็นการประลองที่ดีกันเถอะ”

    “…………”

    ไม่มีการตอบโต้ใดๆ ปลายของดาบสีน้ำเงินชี้ออกไปหน่อยนึง

    “นับจากนี้ไป ภายใต้บัญญัติของเทพี แม่ในสรวงสวรรค์ ชัยชนะหรือพ่ายแพ้จะถูกตัดสินโดยความสามารถของพวกเธอต่อหน้าเรา… ทั้งสองฝ่ายเข้าประจำที่”

    เมื่อคาร์ดินัลสลัดแขนลง การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น Shirley กับ Lumiliana ต่างก็จับดาบขึ้นมาทั้งคู่

    “…เริ่มได้!”

    ไม่ทันได้คาดคิด ในช่วงที่คู่แข่งยังรู้สึกว่ายังไม่ได้เริ่มขึ้นนั่นเอง

    “ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!”

    Lumiliana ถีบพื้นหินด้วยกำลังเต็มแรงแล้วพุ่งเข้าไปในระยะประชันชิดด้วยความเร็วสุดขีด สายตาของผู้ชมไม่อาจมองตามความเร็วขนาดนั้นได้จนดูเหมือนว่าศึกนี้จะจบลงเพียงดาบเดียว โดยที่ Shirley ได้ฟันผ่านตัวไปตรงๆ

    “…หวา…”

    แต่กลับไม่มีเลือดออกมาสักหยด ไม่มีแม้แต่จะเปื้อนบนชุดสีขาว Lumiliana ไม่ได้รู้สิ่งที่คิดเอาไว้เลย… แล้วเธอก็หันไปมองยังดาบที่คุ้นเคย และก็พบว่าตัวดาบเกือบทั้งหมดที่อยู่เหนือด้ามจับนั้นหายไปแล้ว

    ทันทีที่เธอลงมือ ก็มีเสียงที่ปักกลางพื้นดังไปทั่วสนามที่เงียบกริบ Canary กับ Asterios ซึ่งเป็นผู้ชมเพียงไม่กี่คนที่รู้ได้ทันทีว่าเป็นการฟันดาบที่พลาดไป

    “ชิ!?”

    Lumiliana รีบถอยร่นกลับไปทันที

    มันตัดผ่าออกไปอย่างสมบูรณ์แบบราวกับใช้มีดตัดผ่านต้นหญ้าที่สูงๆ ดาบที่เป็นสมบัติของเธอถูกตัดผ่าออกไปอย่างสมบูรณ์

    เธอยอมรับว่านั่นเป็นเพลงดาบที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ พยายามที่จะรีบฉวยโอกาสบุกก่อนแล้วก็รับเอาชัยชนะมาแต่เนิ่น ทำให้ตกเข้าไปอยู่ในกับดักของการวินิจฉัยคู่แข่งที่ผิดพลาดเข้า ถ้า Shirley อยากจะทำให้จบชีวิตของ Lumiliana ด้วยการลากเส้นเดียวกับดาบของเธอนะ

    (ความเร็วแบบนั้น…! แต่มัน…!)

    คำสาปของสายเลือดเธอไม่ยอมให้เธอยอมแพ้ เธอเข้าใจว่าเธอนั่นท่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักดาบหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเสียแล้ว แต่เธอก็ยังไม่แพ้ไปเสียทีเดียว ดังนั้น Lumiliana จึงเริ่มที่จะถ่ายเทเวทมนตร์ลงไปในดาบที่หัก

    จากนั้น ดาบที่ปักในหินก็ลอยออกมาแล้วก็กลับมารวมกับด้ามจับของดาบราวกับจะติดกันเป็นแม่เหล็ก

    “งั้น นั่นคือดาบเวทมนตร์สินะ?”

    “ถูกต้อง… เป็นดาบที่อยู่มาในแต่ละรุ่นของตระกูลเชียวนะ!”

    เธอวาดวงกลมกลางอากาศด้วยปลายดาบ ต่อมาก็มีลมกรรโชกทั้งทรายและหินพุ่งไปหา Shirley ด้วยความเร็วสูง

    Shirley ยกดาบขึ้นมาโดยที่ไม่มีการเปลี่ยนท่าทางใดๆ แล้วพายุดินที่อยู่ต่อหน้าเธอก็ถูกผ่าเป็นสองส่วนโดยผ่าแนวตั้งทั้งน้ำและไฟ

    “…หืม”

    “อึก!?”

    ถ้ามันโดนเธอเข้า ทั้งเนื้อกับกระดูกก็น่าจะถูกฉีกไปแล้ว แต่ Shirley ก็ไม่แข็งกระด้างในความกลัวแล้วก็หลบการฟันโดยการพุ่งเข้าไป



    ถึงแม้ว่าเธอจะจับได้เพียงแค่เงาของหล่อนแวบเดียวขณะที่เธอสวนกลับหล่อนไป Lumiliana ได้พยายามกันการฟันอย่างแรงที่เล็งมาที่เธอ แต่เมื่อการโจมตีของ Shirley ถูกหยุดด้วยดาบของ Lumiliana จึงกลายเป็นโอกาสของดาบเจ้าหญิงขณะที่ดาบเริ่มประกายด้วยสายฟ้า

    แนวประกายสายฟ้าสว่างล้อมรอบตัว Lumiliana ถึงแม้ว่าแรงช็อตนั้นไม่น่าจะทำให้กระจุยได้เหมือนกับการโจมตีของราชามังกรก็ตาม ถ้า Shirley รับสายฟ้าที่ผ่าเข้ามาตรงๆล่ะก็ การเคลื่อนไหวของเธอก็คงจะแข็งทื่อแล้วเธอก็จะพบกับความพ่ายแพ้ได้

    “ดาบสืบทอดประจำตระกูล Regnard หรือ… นึกออกแล้ว เคยได้ยินมานานแล้วล่ะ”

    ถ้าเข้าใจลักษณะของธาตุทั้งห้าในสถานการณ์ที่เอาไปใช้ได้ล่ะก็ กลยุทธ์ในแนวคิดของยุคเก่าสู่พัฒนาการเวทมนตร์ แต่แม้กระทั่งในยุคใหม่ก็ยังเหลือกลยุทธความแกร่งอยู่

    และนี่คือดาบที่มีตัวตนตามทฤษฎีนั้น… 《ผู้บงการธาตุทั้งห้า》Clarent

    ในยุคโบราณ มันคือดาบที่ถือโดยตัวจักรพรรดิซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีอำนาจ แต่วันหนึ่งมันถูกมอบให้กับอัศวินที่ได้รับการยกย่อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของตระกูล Regnard

    ดาบที่เดิมย้อมไปด้วยพลังของเวทมนตร์ในโลก แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงสามารถดึงมาใช้เมื่อรับการไหลของพลังงานเวทมนตร์จากการตวัด โดยให้มันปลอดปล่อยเวทมนตร์ธาตุทุกประเภท

    ทั้งทักษะที่เหลือเชื่อกับอาวุธที่สุดยอด… เมื่อเปรียบเทียบเธอกับนักผจญภัยแล้ว มันยากที่จะนึกภาพว่าเธอที่บรรลุถึงแรงค์ S ได้ เพียงแค่มองดูฉายาคนที่ไม่รู้จักเธอก็คงจะคิดว่าแรงค์ B อย่าง Shirley นั้นไม่น่าจะยืนหยัดอยู่ได้

    “แล้วไง?”

    “อ๊าาาาาาาาา!?”

    ทั้งพายุเพลิง ทั้งพายุลมกรรโชก ทั้งคลื่นน้ำสุดบ้าคลั่ง ทั้งดาบหินที่สูงตระหง่านและก็ดาบสายฟ้า ต่างก็พุ่งเข้าโจมตีในคราวเดียวกัน เธอหลบมันได้ทั้งหมดแล้วก็ฟันดาบเข้าใส่อัศวินอีกครั้งหนึ่ง

    ดาบที่ผ่าลงไปนั้นเร็วพอๆกับเสียงโดยที่ไม่หยุดฟันอย่างไร้ปราณีใส่ Lumiliana ขณะที่เกิดประกายไฟขณะที่ดาบปะทะกันอยู่ สิ่งที่ดาบเจ้าหญิงทำได้นั้นก็คือป้องกันตัวด้วยดาบของตนนั่นแหละ


    “…ม-ไม่เร็วเกินไปที่จะเห็นอะไรเลยหรือ?”

    “อืม… เหมือนกันเลย”

    “ฉันนึกว่าน่าจะมองเห็นจากระยะนั้นได้ง่ายกว่าเสียอีก… แต่ตามตรงเลย ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

    ขณะที่ Sophie กับ Tio นั่งกับนักผจญภัยมือใหม่ทั้งสามคนที่นั่งอยู่บนฝั่งของราชอาณาจักรในสนาม พวกเขามองเห็นดาบสู้กันต่อหน้าพวกเขาที่ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ จนไม่อาจจะเข้าใจขอบเขตทั้งหมดว่าพวกเขากำลังมองดูอะไรอยู่

    พวกเขามองไม่เห็นตัวทั้งสองขณะที่กำลังดวลกัน มีแต่ประกายไฟที่ลอยกลางห้วงของเวทมนตร์ธาตุที่ล้อมสังเวียนอยู่

    “คุณ Asterios… พอที่จะมองติดตามการต่อสู้นี้ได้มั้ย?”

    “ได้สิ สองคนนั่นกำลังเล่นเพลงดาบกันอยู่… ถึงแม้ว่าข้าจะมองเห็นการเคลื่อนไหวได้ ข้าก็ไม่สามารถจับรูปแบบของพวกนั้นได้จริงๆหรอก”


    มันอาจจะดูเหมือนว่าพวกเธอแค่ฟันดาบใส่กันโต้งๆ แต่เป็นการเต้นในจังหวะรุกและรับอย่างสวยงามสำหรับคนที่สามารถเห็นมันได้ และในด้านประสิทธิภาพนั้น เป็นอัศวินที่เป็นคู่ปรับของนักดาบแรงค์ S ใดๆที่อยู่บนแนวหลัง

    ในการประลองอันศักดิ์สิทธิ์นั้น Shirley ที่ดูแล้วน่าจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ โดยเอาอาวุธมาได้แค่หนึ่งอย่าง ส่วนเวทมนตร์นั้นก็ดูเหมือนจะใช้ได้อย่างอิสระเลย จนดูเหมือนกับจะถูกบังคับให้ยอมแพ้หรือไม่ก็พ่ายแพ้แน่ๆ

    การจำกัดด้วยอาวุธเพียงหนึ่งอันน่าจะเป็นคอขวดกับลักษณะการต่อสู้ของเธอ สไตล์ของ Shirley นั้นเป็นการสร้างดาบเลียนแบบด้วยเวทมนตร์ ที่เอาไปสู้โดยที่ใช้ดาบหลากหลายได้ บางทีก็แม้กระทั่งขว้างไปเป็นลูกกระสุนด้วย

    มันคือเวทมนตร์ทางเทคนิค แต่สำหรับพวกที่มุงดูแล้วมันเหมือนกับเธอใช้อาวุธหลากรูปแบบง่ายๆ ตัว Shirley นั้นตัดสินใจไม่ใช้แทกติกที่ดีที่สุด เนื่องจากเธอไม่อยากให้ใครมาสงสัยชัยชนะของเธอหลังจากนั้น เธอจึงได้ประจันหน้ากับดาบเจ้าหญิงด้วยดาบเพียงเล่มเดียว

    อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของดาบอสูรสีขาวก็ล้นหลาม Lumiliana พยายามที่จะรักษาระยะห่างระหว่างทั้งสองแล้วโจมตีระยะไกลให้มากขึ้น แต่มันก็ไม่อาจจะแม้แต่จะเฉี่ยวเธอขณะที่เธอฟันผ่านมัน แล้วก็พุ่งเข้าไปปะทะในระยะใกล้อีกครั้ง

    Lumiliana นั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว ต่อให้เธอเผชิญหน้ากับราชามังกรที่ Shirley นั้นได้จัดการไปแล้ว เธอก็น่าจะเอาชนะได้ในศึกที่ยืดเยื้ออย่างนี้

    อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของ Shirley นั้นไกลเกินกว่าที่จะเรียกว่าสัตว์ประหลาดได้แล้วล่ะ

    (ฉันไม่ได้รู้ตัวจนมาถึงตอนนี้เลย แต่คู่แข่งก็แกร่งเกินกว่าอัศวินจะปกป้ององค์หญิงได้ ยัยแม่มดนั่นต้องรู้ดีแน่นอน)


    ทำไมเธอถึงได้ดวลกับนักผจญภัยนานถึงขนาดนี้ด้วย? ชนชั้นสูงหลายๆคนในฝูงชนต่างก็เริ่มสงสัยแล้ว รวมทั้งอัศวินหลวงที่คอยตะโกนเชียร์ตลอดการต่อสู้นี้ด้วย ทางฝั่งของจักรพรรดิที่อยู่ในสนาม ผู้ชมนั้นต่างก็ไม่ได้รู้ถึงสถานการณ์ แต่สองคนที่อยู่ในนั้นเริ่มที่จะรู้สึกถึงความผิดปกติของ Shirley แล้ว

    (อ-อะไรกันวะ!? เธอยังวิ่งไปมารอบๆทั้งๆที่กับดักทำงานเนี่ยนะ…! A-Alice แล้วเธอล่ะ!?)

    (ม-ไม่มีประโยชน์! ฉันเองก็เหมือนกัน…!)

    จักรพรรดิกับภรรยาของเขาต่างก็กระซิบกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเปิดการทำงานของกับดักที่น่าจะหยุด Shirley เอาไว้แล้วก็ขอรับชัยชนะไปทันที สายตาที่เหนือธรรมชาติของเธอก็ได้เห็นทะลุผ่านกับดักนั่น มองเห็นแก่นแท้ของอุบายได้อย่างง่ายดาย


    มันคงจะไม่มีความหมายที่จะฟ้องกรรมการว่าเป็นการทำฟาล์ว ถึงแม้ว่านักดาบหญิงจะมองเห็น เวทมนตร์ประสิทธิผลของกับดักนั้นคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ นี่คือวิธีการโกงของผู้มีอิทธิพลในอดีตที่เขาทำกันอย่างไร

    มันทำให้เกิดผลหลายอย่างเช่นขาข้างหนึ่งจะติดหลุมพรางกับพื้น จะทำให้ร่างกายชาไปทั้งตัวหรือไม่ก็ทำให้ไร้แรงเสียดทานในสังเวียน แต่ทั้งหมดนี้ต่างก็ไร้ประโยชน์

    ――――ดูนั่นสิ Shirley มีกับดักวางอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเลย เนาะ?

    ――――ใช่ ฉันเองก็มองเห็น ดูเหมือนว่าพวกนั้นกะจะไม่ได้สู้กันอย่างแฟร์ๆอยู่แล้วนี่

    การมีตัวตนของแม่มดที่แกร่งที่สุดกับดวงตาสองสีที่มองเห็นได้ทุกอย่าง แผนการเช่นนี้ก็ไร้ค่าสิ้นดี

    เธอน่าจะเอากับดักออกไปก่อนหน้านั้นก็ได้ แต่เหตุผลที่เธอทำแบบนี้ก็ง่ายมาก… ก็เพื่อคู่แข่งระดับ Lumiliana นั่นแหละ การจัดการกับดักในเวลาเดียวกันนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา

    นักผจญภัยจะต้องดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ ดังนั้น Shirley จึงต้องต่อกรกับอัศวินนักเวทระดับสูงสุดอย่าง Lumiliana ในขณะที่ได้ทำลายกับดักทั้งหมดตามไปด้วย

    สิ่งที่เธอจับได้ในสายตาเธอนั้นคือความปราณีของคมดาบเธอ แม้แต่เวทมนตร์นั่นก็ไม่ใช่รูปร่างหรือทางกายภาพ ทันทีที่เธอเห็นการไหลของพลังงานเริ่มเข้ามาอยู่ใต้เธอ เธอก็จะฟันผ่าครึ่งโดยไม่มีแม้แต่จะหยุดก้าว ทำให้กับดักทุกอย่างไร้ผลอย่างสมบูรณ์ก่อนที่มันจะทำงานเสียอีก

    แผนการ อุปกรณ์และความสามารถ ไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับพลังที่ล้นหลามของเธอได้เลย เมื่อพวกเขาเห็นการวิ่งของเธอที่พุ่งเข้าไปทั้งแบบนั้น Albert กับ Alice ที่พอๆกับคู่แข่ง Lumiliana นั้นก็เริ่มที่จะรับรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาได้เผชิญความน่ากลัวที่แท้จริงแล้ว

    (หล่อนนั้นอยู่เหนือมนุษย์… เหมือนอย่างกับสัตว์ประหลาดชัดๆ…!)

    นักดาบหญิงผมขาวที่มองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่าขณะที่เธอเคลื่อนไหวอย่างเหนือธรรมชาติของมนุษย์ แต่อัศวินสาวนั้น ด้วยคำสาปที่วนเวียนในสายเลือดที่คอยรับใช้องค์หญิง เธอจะแพ้ไม่ได้

    “งั้น… เอานี่ไปซ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!”

    ด้วยการช่วยเหลือจากลมพายุเธอพาตัวเองเว้นช่องว่างอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็เริ่มย้อมดาบด้วยเวทมนตร์ที่เธอน่าจะโจมตีแบบจัดหนักเต็มๆ จากนั้นมันก็ล้อมรอบสังเวียนนี้โดยไม่มีช่องว่างใดๆโผล่เลย กำปั้นหนักจากดินและหินก็ผุดออกมาจากพื้น

    ก้อนหินถูกเจาะทะลุจนเป็นรูจากกระสุนน้ำแข็งและไฟที่ยิงออกมา เวทมนตร์ที่ Lumiliana ได้สร้างขึ้นมาจากสองฝั่งนั้นสมบูรณ์เสียจนไม่มีความหวังใดๆที่จะหนีออกไปโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้เลย

    ไม่ว่าความสามารถของคนเหนือมนุษย์จะเป็นยังไง ถ้าเธอถูกบังคับให้หลบกระสุนที่พุ่งมาทั้งอย่างนั้นจะทำให้เปิดช่องว่างในตัวเอง ถ้าเธอพยายามที่จะป้องกันตัวเองด้วยบาเรียเวทมนตร์ Lumiliana ก็จะพุ่งเข้าไปในจังหวะที่เธอกำลังจะร่ายและจะโจมตีเธอด้วยกำลังเต็มแรง

    เด็กสาววัย 17 ปีที่อยู่บนจุดสูงสุดของทักษะการต่อสู้ในประเทศที่ยืนอยู่ต่อหน้าศัตรูที่ถูกคุกคามหวังให้ความมั่นใจของเธอป่นปี้ไปเสีย Lumiliana ที่ตระหนักถึงความกระหายในชัยชนะก็ได้เริ่มครอบงำจิตใจของเธอแล้ว

    (…ฉันอยากจะชนะให้ได้!)

    เธอเองก็น่าละอายใจอยู่ แต่ในตอนนี้เธอจะต้องจดจ่อกับนักดาบหญิงที่อยู่ต่อหน้าเธอ ราวกับจะตอบสนองกับคลื่นจิตวิญญาณนักสู้ หลุมที่อยู่ในหินก็เริ่มยิงกระสุนทั้งหมดเข้ามาในคราวเดียว

    ถ้ามันโดนเธอเข้า เวทมนตร์นั้นก็น่าจะส่งผลเลวร้ายมาก เธอได้ยินเสียงลูกสาวร้องไห้อย่างชัดเจนจากที่ยืนตรงนี้ ในตอนนั้นเอง Shirley ก็ปลดปล่อยหนึ่งในความสามารถที่แท้จริงในดาบของเธอที่เก็บซ่อนเอาไว้

    “จงปลดปล่อยดวงดาวออกสู่สวรรค์ 《ฐานที่มั่นสีน้ำเงินแห่งชาติ》Ig-Alima

    วัตถุต่างก็ร่วงหล่นลงจากกลางอากาศที่เร็วยิ่งกว่านกที่ติดปีกด้วยแรงโมเมนตัม ดาบสีแซฟไพรที่มีชื่อบ่งบอกถึงการป้องกันประเทศ ความสามารถที่แท้จริงในการจัดการกับความเร็วของวัตถุที่บินได้นอกเหนือจากสิ่งมีชีวิตให้ร่วงหล่นลงไปจนหมด

    จากหนึ่งร้อยก็กลายเป็นศูนย์ ด้วยโมเมนตัมที่สูญเสียไปทั้งหมด ห่ากระสุนและก้อนหินที่ลอยได้ต่างก็ร่วงตกพื้นโดยแรงโน้มถ่วง

    “น-นั่นมัน…”

    แม้แต่การโจมตีสุดท้ายทั้งหมดของเธอก็ยังถูกปัดออกไปราวกับจะไม่มีอะไรอยู่เลย เสี้ยววินาทีหลังจากที่มันกระทบกับพื้น Shirley ก็พุ่งเข้าไปหา Lumiliana ทันทีแล้วก็ฟัน Ig-Alima ไปยังกลางอกด้วยความเร็วที่สุดจะอธิบายได้

    “พ-พลาดหรือ!?”

    “ช้าไปแล้ว”


    นี่อาจจะดูเหมือนเปลี่ยนเรื่องได้ในทันทีเลย แต่ปราสาทจักรพรรดิที่เป็นสัญลักษณ์ผู้มีอำนาจของจักรพรรดิ Albert เมื่อเขาได้นั่งบัลลังก์ในที่แห่งนั้น เขาจึงรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้ที่คอยนั่งคร่อมไปทั้งจักรวรรดิ และก็ยังเป็นสถานที่ๆเขาจะได้ใช้เวลาฮันนีมูนที่เติมเต็มความสุขกับภรรยาที่แสนรักของเขาไปด้วย

    ถึงแม้ว่าจะมีเหตุผลที่แตกต่างจากสามีของเธอ ปราสาทแห่งนี้ก็มีความสำคัญมากสำหรับ Alice เสื้อผ้ากับอัญมณีที่สร้างขึ้นมาอย่างบริสุทธิ์ให้ตัวเธอ สวนที่เบ่งบานที่สร้างมาให้กับตัวเธอเท่านั้น สัญลักษณ์ของผู้มีอำนาจที่ไว้สำหรับตัวเธอเท่านั้น… เป็นสถานที่ๆเธอจะเอามาได้ทุกอย่างตั้งแต่ที่ได้เป็นภรรยาของมกุฏราชกุมารที่อัดแน่นเต็มไปหมด

    นั่นแหละที่ทำไม… จึงมีเพียงแค่คนจำนวนหยิบมือที่พอจะเข้าใจได้ในสายตาที่พวกนั้นเห็นปราสาทจักรพรรดิที่อยู่ข้างล่างนั้นกลายเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าภาพลวงตาที่อยู่ข้างหน้าเสียอีก

    “คุฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ! สบายใจได้ ฉันได้เอาคนที่อยู่ใกล้ๆนั้นออกด้วยเวทมนตร์เฉพาะล่วงหน้าแล้ว! จะไม่มีอันตรายต่อมนุษย์ที่อยู่ข้างๆได้หรอก!”

    แม่มดแผดเสียงหัวเราะดังลั่นสนามที่อึ้งกันไปหมด

    ปราสาทที่เป็นตัวแทนของจักรพรรดิได้ถูกผ่าเป็นสองซีกอย่างเกลี้ยงเกลา ปลิวขึ้นกลางท้องฟ้าด้วยแรงฟันดาบ ใครจะไปรับได้กับเรื่องที่น่าขบขันแบบนี้กันล่ะ?

    และยิ่งกว่านั้น ใครจะไปรับได้ว่ามันไม่ใช่ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นแบบนี้ได้นอกจากเป็นการใช้เทคนิคเดี่ยวโดยนักดาบหญิงเพียงตัวคนเดียวล่ะ?

    “น-นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!?”

    “ป-ปราสาทฉัน… เสื้อผ้าฉัน… อัญมณีฉานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!?”

    ขณะที่เธอเหวี่ยงไป ดาบของ Shirley ก็ได้ผ่านร่างของ Lumiliana ตรงๆ อย่างไรก็ตามอัศวินสาวก็ไม่ได้รับบาดแผลใดๆ เธอถูกทะลุโดยพลังที่อยู่อีกมิติหนึ่งที่อยู่ต่อหน้าเธอ สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะถูกฟันจริงๆก็คือปราสาทแข็งแกร่งที่อยู่ห่างๆนั่นแหละ



    เธอได้พัฒนาเพลงดาบนี้ตอนที่เธอครุ่นคิดว่าจะทำยังไงถ้าลูกสาวของเธอถูกจับเป็นตัวประกันโดยสมมุติว่าคนร้ายได้ใช้ลูกสาวเป็นกำบังด้วย เธอจะใช้ทักษะลับนี้ในการตัดผ่านแล้วก็สังหารใครก็ตามที่คุกคามลูกสาวโดยที่ไม่ทำอันตรายใดๆกับตัวลูก

    ความสามารถเหนือมนุษย์และความเป็นแม่ ทำให้เกิดการหลอมรวมจนทำให้เกิดความสามารถที่เป็นไปไม่ได้นี้ขึ้นมา ความลึกลับของดาบอสูรที่ตัดสิ่งที่เธอปรารถนาได้ 《ตัดผ่าเงา》 ตำนานนั้นจึงได้เริ่มต้น ณ ตรงนี้

    “…ยังมีนักดาบหญิงที่ผ่าปราสาทออกเป็นสองซีกได้อยู่หรือเนี่ย… โลกนี้ช่างกว้างใหญ่จริงๆเลย…”

    ตอนนั้นเอง Lumiliana จึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงแม้ว่าเธอจะมุ่งมั่นโดยตลอดเพื่อเติมเต็มหน้าที่ของดาบเจ้าหญิง ฉายาที่หรูหรานั้นก็ไม่มีอะไรเปรียบเทียบกับพลังที่อยู่ตรงหน้าเธอได้ พลังนั้นมากเกินกว่าที่จะเหมาะสมกับฉายาอสูรซะอีก

    “ไม่ใช่ ‘ดาบเจ้าหญิง’ แต่เป็น ‘ดาบอสูร’ หรือเนี่ย… นึกว่าเราน่าจะเป็นคู่แข่งกันได้เสียอีก… ฉันนี่ช่างโง่เขลาเสียจริง…”

    “ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไรหรอก… นอกจากนี้ฉันก็ไม่ได้สนใจฉายาอะไรนั่นด้วย พวกนั้นดูเหมือนจะตั้งฉายาให้ฉันเอาเองแหละ”

    “ฮะๆๆ… พอเธอพูดแบบนั้นไป… ฉันก็รู้สึกโดนจัดการไปอีกหนึ่งความหมายแล้วล่ะ…”

    Lumiliana มองดูตัวเอง ความหยิ่งทรนงที่เธอเผลอแบกไว้ในใจก็แตกสลายไปแล้ว ความภาคภูมิใจที่เหลือก็ป่นปี้ไปหมดสิ้น สุดท้ายความพ่ายแพ้ก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่การพ่ายแพ้ลักษณะเช่นนี้ แล้วเธอจะคิดว่าเธอนั้นยังคู่ควรที่จะปกป้อง Philia อยู่หรือ?

    แต่ ในอีกด้านมันก็โล่งอก ในใจเธอที่อาจจะยืนอยู่บนจุดสูงสุด แต่ตอนนี้เธอมีภูเขาลูกใหม่ที่จะต้องปีนป่ายขึ้นไปแล้ว

    “อย่างที่ว่า… เธอเอาชนะฉันง่ายๆเลย ใช่มั้ยเนี่ย…?”

    “….”

    Shirley ไม่ตอบอะไร แต่ความเงียบนั้นอาจจะเป็นตัวยืนยันคำตอบ เธอสงสัยมาหลายครั้งในระหว่างที่ต่อสู้แล้ว แต่สุดท้าย Shirley ก็ทำให้ Lumiliana เต้นอยู่บนฝ่ามือของเธออยู่ตลอด เธอน่าจะจบการประลองตอนไหนก็ได้ที่เธอพอใจสินะ

    เหตุผลเดียวที่เธอไม่ทำเพราะเธอตั้งใจที่จะฟันปราสาท เธอจึงจัดการให้ Lumiliana ยืนอยู่ระหว่างตัวเธอกับปราสาทเป็นแนวเส้นตรง จะได้ฟันทั้งคู่ในคราวเดียวกัน

    “…ฉันมีบางอย่างที่ฉันอยากจะฟันมันนะ”

    การล้างแค้นก่อนหน้านั้นได้จบลงไปแล้ว แต่เธอก็ไม่อาจหนีเปลวเพลิงที่แผดเผาบางส่วนในใจเธอได้ บางทีอย่างนี้มันก็เป็นความคิดที่ดีที่จะยอมปล่อยตามอำเภอใจของ Canary บ้าง สิ่งที่ Shirley ได้นึกเอาไว้ขณะที่เธอมองดูส่วนบนของปราสาทที่เริ่มจะร่วงตกลงพื้น

    “มันอาจจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่มันก็สดชื่นจริงๆที่ได้ปัดเป่าความมัวหมองออกไปนะ”

    “งั้นการต่อสู้นี้ก็เป็นแค่ปาหี่ของการฟันปราสาทสินะ…”

    สัตว์ประหลาดชัดๆ… คำนั้นถูกพูดออกมาอย่างน่าหวาดกลัว นับถือและขุ่นเคืองที่ไม่เคยออกมา ร่างกายที่ไร้การบาดเจ็บของ Lumiliana ก็หมดสติแล้วทรุดลงไปกับพื้นในเวลาเดียวกับที่ซากปราสาทได้ร่วงกระแทกลงสู่พื้นโลกด้วยเสียงดังโครม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×