ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #36 : 36 ll Closer

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.39K
      131
      14 ม.ค. 63


    36


    Closer




              บรรยากาศรอบตัวค่ำคืนนี้คึกคักเต็มไปด้วยพ่อมดแม่มดนับพันจากทั่วโลก พี่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มอย่างบิล เดินนำน้องๆ เข้าไปในป่า

    ตามทางที่ตะเกียงส่องนำไปยังสนามกีฬาขนาดยักษ์อย่างร่าเริง มีชาลีคอยเดินปิดท้ายเพื่อกันไม่ให้พลัดหลงกัน ขณะที่พ่อของพวกเขา

    แยกตัวไปคุยกับคนในกระทรวงและบอกว่าให้เจอกันตรงหน้าทางเข้าสนาม


              ทุกคนยกเว้นรอนหัวเราะร่าปะปนไปกับเสียงของกลุ่มคนรอบข้าง เพราะเห็นรอนตกใจเป็นหนที่สิบแล้วในคืนนี้เมื่อหันไปหาเฟร็ด

    ที่ทั้งหน้าถูกทาด้วยสีเขียวและขาวจนจำหน้าแทบไม่ได้


              “ขอล่ะ พี่อย่าทาหน้าแบบนี้อีกนะ ฉันตกใจแทบแย่”


              “คงมีแค่นายแหละที่ขวัญอ่อน” จอร์จบอกทั้งที่ยังหัวเราะอยู่


              รอนหันขวับไปยังคนพูดทันที “ฉันไม่ได้ขวัญอ่อนซะหน่อย!”


              “แต่ฉันว่านายน่ะขวัญอ่อนสุดๆ ไปเลยล่ะ นายควรเชื่อเขานะ วีสลีย์”


             ทั้งกลุ่มแม้กระทั่งบิลยังหยุดเดิน หันไปมองตามเสียงยานคางที่ดังมาจากทางซ้าย มัลฟอยที่ยืนกอดอกพิงต้นไม้อยู่ออกมาจาก

    มุมมืดเผยให้เห็นใบหน้าเสี้ยมแหลมแฝงรอยยิ้มเยาะหยัน ตามด้วยแครบและกอยล์ขนาบสองข้าง

                

              “อ้อเหรอ งั้นนายก็ขี้ขลาดล่ะสิ มัลฟอย ถึงได้ต้องมียักษ์สองตนคอยคุ้มกันตลอดเวลาแบบนี้” รอนพูดฉุนๆ พลางพยักพเยิดไปยัง

    ร่างสูงใหญ่ทั้งสองข้างหลังมัลฟอย


                แครบกับกอยล์เตรียมพุ่งเข้าหารอนที่กำไม้กายสิทธิ์ในมือเอาไว้แน่น ทว่ามัลฟอยยกแขนกั้นเอาไว้ก่อน


                “ไม่เอาน่าแครบ กอยล์ วันนี้เราไม่ได้อยากมาหาเรื่อง” มัลฟอยไล่สายตาอย่างดูแคลนไปยังครอบครัวผมแดงทีละคน 

    มายังเฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่และสะดุดอยู่ที่ลูน่า เพียงชั่วพริบตาเดียวดวงตาสีซีดฉายแววอ่อนโยนก่อนแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นมัว “อ้อ ว่าแล้วเชียว 

    เธอต้องมากับพวกนี้แน่ บ้านเรเวนคลอคงอับอายน่าดูถ้าได้รู้ว่าเพื่อนร่วมบ้านมากับพวกยาจก”


                เฮอร์ไมโอนี่เห็นท่าไม่ดีจึงคว้าแขนรอน “เราเดินไปต่อกันเถอะ” แต่ไม่มีใครสนใจฟังเธอ


                “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใครหรือยิ่งใหญ่มาจากไหน” บิลขยับมาขวางหน้ารอน “แต่นายควรจะระวังปากตัวเองหน่อย”


              มัลฟอยไม่สนใจบิลแถมยังส่งสายตามุ่งร้ายไปยังฝาแฝด “ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเราอยู่คนละชั้น ดูซิว่าพวกนายได้นั่งตรงไหนกัน 

    คงไม่เท่าชั้นบ็อกซ์บนสุดอย่างฉันหรอกมั้ง” พูดจบเสียงหัวเราะของทั้งสามก็ดังขึ้น


              “เธอเปลี่ยนฝั่งตอนนี้ยังทันนะ เลิฟกู๊ด” แครบพูดขึ้น ทำเอาเสียงหัวเราะของมัลฟอยเงียบลงฉับพลัน พร้อมกับมีสายตาแปลกใจ

    จากฝั่งวีสลีย์


              กอยล์พยักหน้าสนับสนุน “มัลฟอยมีตั๋วเหลืออีกหนึ่งใบ ถ้าเธอแค่เอ่ยปากขอ เขาก็พร้อมจะให้เธอแล้ว”


              “เงียบนะเจ้าโง่!” มัลฟอยตวาด


              “ก็นายบอกเราแบบนั้นเองนี่ ใช่ไหมแครบ” กอยล์หันไปหาแครบ ซึ่งพยักหน้าตอบ


              เฟร็ดชำเลืองตามองจอร์จ ฝาแฝดคนน้องของเขายังคงนิ่ง ไม่แสดงอาการใดๆ แต่ถ้าให้เขาเดาเพียงจากคำพูดพวกนั้นแล้ว 

    เขาเชื่อว่าจอร์จต้องคิดเหมือนกันอยู่แน่ๆ


              “น่าเสียดายนะ” จอร์จพูด “ตั๋วที่พ่อของฉันซื้อมาให้พวกเราทั้งหมดก็เป็นชั้นบ็อกซ์สูงสุดเหมือนกัน นังหนู -- หมายถึงลูน่าคง

    ไม่ต้องการตั๋วของนายแล้วล่ะ”


             “อ้อ นี่นายคิดว่าฉันจะให้พ่อซื้อตั๋วแพงๆ มาให้ยายเด็กที่วันๆ เอาแต่ล่องลอยไปมานี่ด้วยงั้นเหรอ เสียดายเงินเปล่าๆ -- คิดได้ยังไง”


              “นี่ ฉันขอเตือนนาย” ชาลีจ้องเขม็งไปที่กลุ่มมัลฟอย “ถ้าปากนั่นพูดดีๆ ไม่ได้ก็หุบปากไปซะ”


              “ดี! ฉันก็ไม่อยากเสียเวลามาพูดกับลูกเป็ดตัวน้อยที่เอาแต่ตามตูดแม่ของมันต้อยๆ หรอก” มัลฟอยยิ้มเยาะพลางจงใจหันไปมอง

    คนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มอย่างบิล


              จินนี่กับเฮอร์ไมโอนี่เริ่มร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ อยากจะดึงทั้งกลุ่มออกไปจากตรงนี้ก่อนที่จะมีการต่อสู้กัน


              จอร์จจ้องใบหน้าเสี้ยมแหลมนั้นไม่วางตา ขณะที่มือข้างขวาเลื่อนมายังกระเป๋ากางเกงที่มีไม้กายสิทธิ์เสียบเอาไว้อยู่ 

    เขากำลังจะดึงมันขึ้นมาแต่แล้วกลับมีมือมาจับหลังมือเขาเอาไว้ คนผมแดงก้มลงมองมือนั้นแล้วเลื่อนขึ้นมองหน้าคนข้างตัว


              ลูน่าเงยหน้าสบตากับจอร์จ ถึงเธอไม่รู้ว่าเขากำลังจะใช้คาถาอะไร แต่การเสกคาถาต่อหน้าคนนับพันแบบนี้ต้องไม่ดีแน่ 

    กระทั่งเขายอมใจอ่อน คิ้วที่ขมวดยุ่งคลายลง เก็บไม้กายสิทธิ์กลับลงไป  

              

          ไปกันเถอะบิลหันมาพูดกับน้องๆ อย่าไปสนใจเสียงคนเพี้ยนแถวนี้เลย ไปเถอะทุกคน มัวชักช้าเดี๋ยวพ่อจะบ่นเอานะ

     

              ทั้งกลุ่มเดินแยกออกมาจากกลุ่มมัลฟอยและไหลมาตามฝูงชนที่พัดพาให้พวกเขามาถึงทางเข้าสนาม บิลชะโงกหน้าเรียกน้องๆ 

    ให้มาทางเขาซึ่งมีพ่อยืนรออยู่

     

              “ทำไมพ่อทำหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะครับชาลีถามพ่อที่ยืนนิ่วหน้าราวกับจะมีควันพุ่งออกจากหู

     

              “ไม่มีอะไรหรอก แค่มีคนพูดไม่เข้าหูนิดหน่อย -- ลูเซียสน่ะ

     

              “พวกเราก็เหมือนกันรอนพูดแทรก มัลฟอยเข้ามาหาเรื่องพวกเรา ดีนะที่มีผมอยู่ด้วย ไม่งั้นมัลฟอยไม่ยอมจบแน่

     

              เด็กๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหันมองรอนอัตโนมัติ เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ทำเอารอนเกิดอาการเคอะเขินรีบบอกให้ทั้งกลุ่มเข้าไป

    ในสนามสักที

     

              ควิดดิชเวิลด์คัพเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ลูโด แบ็กแมน หัวหน้ากองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ ประกาศ การร่ายรำของวีล่าเริ่มต้น

    ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของชายหนุ่ม วีล่าเป็นหญิงสาวที่งดงามและสร้างความหลงใหลให้กับบรรดาหนุ่มๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกวีสลีย์

    ที่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป

     

              ยกเว้นจอร์จ เขาพยายามจะไม่มัวเมาไปกับความสวยของพวกเธอเพราะนังหนูของเขานั้นยืนอยู่ข้างๆ แต่ปรากฏว่าลูน่า

    กลับเป็นฝ่ายจ้องมองการแสดงอย่างสนอกสนใจและไม่ได้สนใจเขาเลย

     

              ต่อจากนั้นเป็นการแสดงของทางฝั่งไอร์แลนด์ เลเปรอคอน ชายร่างจิ๋วสวมชุดสีเขียวทำการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจด้วยลูกไฟ

    ขนาดใหญ่สีเขียวแล้วจบด้วยการโปรยทองเลเปรอคอน

     

              และเริ่มการแข่งขันหลังจากจบการแสดงของทางฝั่งไอร์แลนด์ แต่คืนนี้นั้นไม่จบง่ายๆ เมื่อทั้งสองทีมต่างเล่นกันอย่างดุเดือด

    และซีกเกอร์แต่ละฝ่ายยังคงจับลูกสนิชไม่ได้ อาเธอร์ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือตอนนี้บอกเวลาราวตีหนึ่งแล้วแต่เกมยังดำเนินต่อเรื่อยๆ

     

              ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ซีกเกอร์ทีมบัลแกเรีย วิกเตอร์ ครัม จับลูกสนิชได้ สร้างเสียงโห่ร้องดีใจจากคนเชียร์และเกมจบลง

    แม้ทีมบัลแกเรียจะพ่ายแพ้ให้กับไอร์แลนด์เพราะคะแนนรวมก็ตามที

     

     

              เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาตื่นแต่เช้า เฟร็ดกับจอร์จรีบเร่งออกมาจากเต็นท์เพื่อมาดูบรรยากาศการเฉลิมฉลองของพวกเลเปรอคอนกับ

    ไอร์แลนด์ที่ยังปักหลักฉลองกันอยู่ทั้งคืนจนเช้า

     

             จอร์จเดินออกมาเล่นเรื่อยๆ ผ่านพลุและแสงเป็นประกายระยิบระยับที่พวกพ่อมดแม่มดชาวไอร์แลนด์เสกขึ้นมา ขณะที่เฟร็ดกลับสู่

    โหมดสะลึมสะลือนั่งทึ่มทื่ออยู่หน้ากองไฟอุ่นๆ ระหว่างรอน้ำสำหรับต้มกาแฟเดือด

     

              จอร์จยืดตัวบิดขี้เกียจ เดินสวนกับโอลิเวอร์ วู้ด ที่เดินตาบวมมาทางเขา ใต้ตาดำคล้ำเพราะเมื่อคืนคงไม่ได้นอน

     

            “คุยต่อกับในทีมนานไปหน่อยจนไม่ได้นอนเลยโอลิเวอร์บอกโดยไม่ต้องรอให้ถาม อ้าปากหาว แต่ฉันไม่ไหวแล้ว ขอไปนอนก่อน

     

              ถัดมาเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอรองจากมัลฟอย แอนโทนี โกลด์สตีน คนผมแดงหมุนตัวไปอีกทางหวังหลบหน้ารุ่นน้องร่วมสถาบัน

    ที่พ่วงด้วยตำแหน่งศัตรูหัวใจของเขา...

     

              “นั่นวีสลีย์นี่ ใช่ไหม

     

              จอร์จหลับตาครู่หนึ่ง ถอนหายใจแล้วหันกลับไปหาแอนโทนีที่ทักมา หวัดดี

     

              “ฉันโกลด์สตีน จำได้ไหม

     

              “จำได้อยู่แล้ว นายเรียนรุ่นเดียวกับรอนสินะ ฉันเห็นจดหมายที่นายส่งมาหารอนน่ะ

     

              “ใช่

     

              “อือ ดีใจที่ได้เจอ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวก่อนจอร์จก้าวเท้ายังไม่ทันถึงก้าวดี บ่าเขาก็มีมือตีลงมาอย่างไม่เกรงใจ

     

              “ตื่นเช้าเหมือนกันนี่!ลี จอร์ดันทักทายอย่างร่าเริง ผิดกับเพื่อนสนิทของเขาที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แถมดูเหมือนลีจะไม่ได้มอง

    สักนิด แต่ฉันยังไม่ได้นอนล่ะ -- ลูน่าไม่ได้มากับนายด้วยหรือ

     

              พูดจบ แอนโทนีเลื่อนสายตามองจอร์จทันควัน ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างนึกสงสัย ทำเอาจอร์จอารมณ์ดีขึ้นมา เขายกยิ้มมุมปาก

     

              “ไม่มา คงหลับอยู่ เมื่อคืนนี้เราอยู่คุยกันดึกไปหน่อยน่ะ นายไปนอนเถอะ ลีจอร์จบอกลีและหันไปหาแอนโทนีพลางส่งยิ้ม

    อย่างเป็นธรรมชาติไปให้ ไปก่อนนะ

     

              จอร์จเดินมาอีกทาง จนในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าช่างเป็นเช้าที่ดีอะไรอย่างนี้เมื่อเจอมัลฟอย บุคคลที่เขาอยากเจอเป็นคนสุดท้าย

    ของวันมายืนประจันหน้าเขาอยู่ตอนนี้ โชคดีอันน้อยนิดคือไม่มีแครบกับกอยล์ติดสอยห้อยตามมาด้วย

     

              “ถ้าให้เดา นายคงออกมายืดเส้นยืดสายเพราะนอนที่นอนแข็งๆ จนปวดหลังสินะมัลฟอยยิ้มเยาะ อ้อ ลืมไป ที่บ้านนายคงไม่มี

    เงินซื้อที่นอนดีๆอยู่แล้ว จริงสิ -- นายคงจะชินกับเตียงเก่าๆ แข็งๆ พวกนั้นไปแล้ว คงไม่ชินหรอกถ้าได้นอนบนเตียงนุ่มๆ อย่างที่ฉันได้นอน

     

              จอร์จกำหมัดแน่น อ้าปากเตรียมจะเถียงกลับด้วยคำพูดเจ็บแสบที่เพิ่งคิดได้ ทว่ามีมือวางลงบนบ่าเขา จอร์จหุบปากลงเพราะ

    คิดว่าเป็นพ่อของเขา แต่พอหันมองดูกลับเป็นพ่อมดเจ้าของผมยาวประบ่าสีขาวฟูฟ่องเหมือนขนมสายไหม และสวมชุดประหลาดๆ 

    ซึ่งคนแบบนี้มีแค่คนเดียว...

     

              “คุณเลิฟกู๊ด

     

              “ไหนบอกซิ ลูน่าลูกรักของฉันอยู่ที่ไหนว่าแล้วเซโนฟิเลียสก็ออกแรงมือข้างที่จับบ่าจอร์จให้เดินออกห่างจากมัลฟอยที่ได้แต่

    อ้าปากพะงาบๆ

     

              “สวัสดีครับ คุณเลิฟกู๊ด นังหนู...ลูน่าอยู่ที่เต็นท์ตรงนู้นครับ

     

              “เข้าใจล่ะเซโนฟิเลียสปล่อยมือออกจากบ่าอีกฝ่ายทันทีเมื่อพ้นจากมัลฟอย “-- ทะเลาะกับมัลฟอยคนลูกงั้นรึ

     

              “แค่เกือบๆ ฮะ

     

              “อย่าไปทะเลาะให้เจ็บคอเลย เปลืองน้ำลายเปล่าๆ ถ้าครอบครัวนั้นได้กัดใครสักทีอย่าหวังว่าจะถูกปล่อยง่ายๆ -- เห็นตัวอย่างได้

    ชัดเจนก็พ่อของเด็กคนนั้น สมัยเรียนน่ะเขาเป็นฝันร้ายชัดๆ -- ฉันดีใจนะที่ลูน่าของฉันเป็นเพื่อนกับพวกเธอ...

     

              ฉับพลันนั้นหัวใจจอร์จรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา แบบนี้หมายความว่าเขาเริ่มมีความหวังเรื่องนังหนูขึ้นมาบ้างแล้วหรือเปล่า... คนผมแดง

    เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดทางที่เดินนำเซโนฟิเลียสกลับมายังจุดกางเต็นท์ ก่อนจะมีเสียงเล็กดังขึ้นดึงให้เขากลับสู่โลกแห่งความจริง

     

              “พ่อจ๋าร่างเล็กๆ ของลูน่าวิ่งมาทางเขา เลยจอร์จไปและโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อ

     

              อาเธอร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเล็กมาจับมือทักทาย ดีใจที่คุณมาได้ เซโนฟิเลียส ถึงควิดดิชจะจบแล้วก็เถอะ

     

              “ยินดีที่ได้เจอเช่นกัน อาเธอร์ -- ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลลูกสาวของผมให้ตอนที่ผมไม่อยู่

     

              “เรื่องเล็กน้อยน่า ลูกๆ ของผมดูแลยากกว่าซะอีก ว่าแต่คุณจะอยู่นานแค่ไหนเหรอ

     

              “อาจจะสักคืน --ไหนๆ ก็มาแล้ว ถ้ากลับบ้านเลยคงเสียเที่ยวเปล่าๆ เอาล่ะ ลูกรักเก็บของของหนูมาได้เลย พ่อว่าคงยังมีที่ว่าง

    เหลืออยู่บ้างนะ

     

              “ล้อเล่นหรือเปล่าอาเธอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ คืนนี้เราก็จะอยู่ตั้งแคมป์ต่อกันอีกคืน เรามีที่เหลือเฟือ คุณนอนพัก

    กับพวกเราก็ได้ ไม่เห็นต้องไปหาที่อื่นให้วุ่นวาย หนูลูน่าก็จะได้อยู่กับเพื่อนๆ แกด้วย เด็กๆ ฝากดูกาต้มน้ำหน่อย -- เดี๋ยวผมพาคุณ

    ไปดูห้องนะอาเธอร์ผายมือเดินนำเข้าไปในเต็นท์ ทำให้เซโนฟิเลียสต้องเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้

     

                ในคืนเดียวกันนั้นเอง พวกเขาทั้งสิบสองนั่งล้อมวงรอบโต๊ะกลมตัวเตี้ยที่มีผ้าปูโต๊ะลายลูกไม้ ได้พูดคุยและดื่มโกโก้ร้อนร่วมกัน

    ก่อนแยกย้ายกันเข้านอน

     

              สายตาเซโนฟิเลียสถูกดึงดูดไปโดยต่างหูรูปเขี้ยวสัตว์ของบิล ต่างหูสวยดีนะ

     

              คนถูกชมยิ้มกว้าง ขอบคุณครับ แต่แม่ผมไม่ค่อยชอบมันเท่าไรบิลนิ่งไปนิดหนึ่ง และเห็นโอกาสทอง จอร์จเคยบอกผมว่า

    สร้อยของคุณสวยมาก ผมเพิ่งมีโอกาสได้เห็น มันสวยมากเลยฮะ

     

            ใบหน้าเซโนฟิเลียสถูกแช่แข็งไปในฉับพลัน เหลือบตามองเด็กชายผมแดงที่ดูจะสนิทกับลูกสาวตัวเองเป็นพิเศษ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น

    หลีกเลี่ยงที่จะสบตากับเขาอย่างห้ามไม่ได้ เขาหันกลับมามองบิล พี่ชายผมแดงอีกคนของครอบครัววีสลีย์ ฉีกยิ้มให้น้อยๆ ขอบใจที่ชมนะ” 

    พร้อมกับบันทึกไว้ในสมองและในใจว่าลูกชายบ้านนี้กะล่อนพอๆ กัน เพราะเขาเพิ่งเคยใส่สร้อยเส้นนี้เป็นครั้งแรก

     

              หากนั่นทำให้คิดว่าตำแหน่งลูกเขยของจอร์จนั้นริบหรี่ลงอาจไม่ถูกนัก บิลอ่านใจเซโนฟิเลียสได้แทบทะลุปุโปร่งและเขาไม่มีทาง

    ปล่อยให้จอร์จที่ไม่เคยชมสร้อยให้ฟังมาก่อนต้องเสียคะแนนไปเพราะตัวเองแน่นอน

     

              “แต่ตอนนั้นที่นายบอกไม่น่าใช่เส้นนี้ ใช่ไหมจอร์จบิลส่งสายตาแฝงความนัยอย่างแรงกล้าให้น้องชายที่ทำตัวลีบเล็กลงเรื่อยๆ

     

              เฟร็ดกับชาลียกศอกกระทุ้งสีข้างจอร์จคนละข้าง

     

              “อ้อ! ใช่ -- หมายถึงไม่ใช่เส้นนี้น่ะจอร์จพยักหน้าเป็นเชิงให้กำลังใจตัวเอง แต่สร้อยเส้นนี้ของคุณก็สวยมากเลยครับ

     

              บิลหลิ่วตาให้เมื่อเห็นว่าน้องชายเขาไม่ได้มีสมองทึบเหมือนโทรลล์แล้วหันไปยิ้มบางๆ ให้เซโนฟิเลียสที่ยังคงมองจอร์จอย่างไม่วางตา

     

              “ขอบใจที่ชมนะ

     

              ในเมื่อตอนนี้ลูกชายพวกที่โตๆ กันแล้วไม่ได้สนใจจะคุยเรื่องควิดดิชหรือเรื่องงาน คงไม่ผิดอะไรที่อาเธอร์จะสนใจเรื่องลูกชาย

    จอมแสบบ้างและแอบเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ

     

              “พ่อจ๋า -- พ่อเล่าเรื่องสนอร์แค็กเขาย่นให้พวกเขาฟังได้ไหมคะเสียงฝันๆ พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบและเสียงดื่มโกโก้ร้อนเบาๆ

     

              “ได้สิลูกรักเซโนฟิเลียสตอบรับอย่างแข็งขันแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องสุดวิเศษในคอลัมน์ที่เคยตีพิมพ์ไปแล้ว

     

              จอร์จถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ถูกจ้องอีกต่อไป เขาชำเลืองมองลูน่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามก่อนพบว่าเธอมองเขาอยู่ก่อนแล้ว 

    เด็กสาวส่งยิ้มมาให้เขาแล้วหันไปสนใจเรื่องสนอร์แค็กเขาย่นที่พ่อของเธอกำลังเล่าอย่างออกรสโดยมีอาเธอร์ บิล ชาลี เฟร็ด รอน จินนี่ 

    แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่กับเพอร์ซี่(ที่ฟังแบบมีข้อขัดแย้งอยู่ในใจว่าสนอร์แค็กเขาย่นนั้นไม่มีอยู่จริง) ตั้งใจฟังและพยักหน้าเป็นครั้งคราว 

    บางทีก็อ้าปากเมื่อเล่าถึงช่วงที่ตื่นเต้น

     

              รอนเกิดความรู้สึกรำคาญเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา เพราะเธอทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ข้างหูแล้วเอาแต่พึมพำว่านั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ 

    เขาเอียงตัวกระซิบ เธอก็คิดซะว่ามันเป็นนิทานก่อนนอนซี่ แล้วก็เลิกทำเสียงนั่นสักที

     

              เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาตาขวาง วางโกโก้ที่ดื่มหมดแล้วพลางพ่นลมออกทางจมูกแล้วนั่งกอดอก รอนยิ้มและพยักหน้าอย่างพอใจ 

    หันไปฟังพ่อมดสติเฟื่องที่รอนเริ่มติดใจเรื่องเล่าของเขาซะแล้ว

     

              ผ่านไปสักพักพวกเขาได้ยินเสียง แกร๊ง ดังเข้ามาขัดจังหวะ ทุกสายตาหันไปมอง เห็นแก้วของจินนี่กลิ้งลงไปบนพื้น 

    เธอหลับฟุบกับโต๊ะไปแล้ว รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ที่หลับแล้วซบลงบนไหล่รอน ทำให้รอนนั่งตัวเกร็งมาเกือบสิบนาทีได้แล้ว จังหวะนั้นเองที่แก้ว

    ในมือลูน่ากำลังจะตกด้วยพอดี จอร์จลุกพรวดพราดจากฝั่งตรงข้ามพุ่งเข้ามารับแก้วจากมือเธอไว้ได้ทัน และเพิ่งคิดได้ว่าลูน่านั้นนั่งอยู่ข้างๆ 

    พ่อของเธอ  

     

              อาเธอร์กระแอมขัดจังหวะ พ่อว่าเราควรเข้านอนกันได้แล้วล่ะ

     

              รอนได้ยินอย่างนั้นก็รีบปลุกเฮอร์ไมโอนี่ก่อนใครเพื่อน เธอลืมตานิดๆ สะบัดหัวแล้วลุกขึ้นเดินไปนอนในเต็นท์อีกหลังที่อยู่ติดกัน 

    ชาลีให้จินนี่ขี่หลังแล้วเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ไปส่งน้องสาวคนสุดท้องถึงเตียง ขณะที่ลูน่าลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้าย เซโนฟิเลียสจูบเบาๆ ที่

    หน้าผากแล้วมองส่งลูกสาวของตนเดินกลับเต็นท์ ส่วนตัวเขาเองก็เดินกลับเตียงโดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าฝาแฝดผมแดงออกจากเต็นท์นี้ไปด้วย

    จอร์จแอบเดินตามลูน่าที่เดินลอยละล่องออกมาจากเต็นท์เพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอไม่เข้าไปนอนผิดเต็นท์

     

            ...นังหนูจะคิดว่ามีโรคจิตตามอยู่รึเปล่าเนี่ย

     

              “ทำตัวอย่างกับพวกโรคจิตเสียงที่แทบเหมือนกับจอร์จพูดขึ้น ไม่ใช่เขาแต่เป็นเฟร็ด

     

              “เฮ้ย!

     

              “เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ตะโกนอย่างกับเห็นผี -- นายเดินตามแม่หนูลูน่าอย่างกับโรคจิตแน่ะ

     

              “พูดมากน่า

     

              “ฉันว่านายสองคนนั่นแหละที่โรคจิต

     

              “เฮ้ย!คราวนี้เป็นเฟร็ดอุทานบ้าง ฝาแฝดวีสลีย์หันไปมองข้างหลัง เห็นบิลยืนกอดอก เลิกคิ้วมองทั้งคู่

     

              “ถ้าฉันสองคนโรคจิต พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ

     

              บิลยิ้มพลางส่ายหัว เข้าใจผิดแล้วน้องเอ๋ย ฉันเป็นคนคอยดูแลโรคจิตสองคนที่เดินตามเด็กผู้หญิงมาต่างหากเขามองข้ามไหล่

    เฟร็ดกับจอร์จไปมองคนผมบลอนด์ ฉันว่าตอนนี้นายไปปลุกเขาก่อนดีกว่า

     

              จอร์จกะพริบตาปริบๆ หันไปมองตามบิล เห็นลูน่ายืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับเธอยืนหลับกลางอากาศ...

     

              แล้วลูน่าก็หลับกลางอากาศอยู่จริงๆ จอร์จนึกขำขึ้นมา นี่มันเหมือนกับเมื่อตอนที่เธออยู่ปีหนึ่งแล้วไปยืนหลับบนหอคอยดูดาว

    ตอนเรียนดาราศาสตร์ไม่มีผิดเพี้ยน

     

              บิลกับเฟร็ดยิ้มอย่างมีเลศนัย ยืนมองจอร์จเดินไปหาลูน่าเงียบๆ

     

              จอร์จโน้มตัวลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับเด็กสาว เอื้อมมือสะกิดไหล่เธอเบาๆ นังหนู

     

              ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

     

              จอร์จขยับเข้าใกล้ลูน่าอีกก้าว เพิ่มแรงสะกิดและเสียงที่ดังขึ้นอีกนิดพลางคิดในใจว่าถ้ายังไม่ตื่นอีกเขาจะอุ้มไปส่งแล้วนะ!

     

              แต่แล้วลูน่ากลับค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสบตากับเขา คนผมแดงผงะไปเล็กน้อย ยืดตัวตรงเต็มความสูงด้วยใบหน้าที่เริ่มเห่อร้อนขึ้นมา

    เพราะดวงตาคู่นั้น

     

              “เมื่อกี้นี้เรียกฉันหรือเปล่าเสียงนุ่มถามออกมาแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ

     

              “เอ้อ -- ใช่ เธอหลับไปน่ะ -- จะให้ฉันไปส่งที่หน้าเต็นท์ไหม

     

              ดวงตาที่หรี่ปรือดูล่องลอยกระพริบช้าๆ จ้องเขากลับไม่วางตา ก่อนผุดยิ้มจนตาหยี ราตรีสวัสดิ์ค่ะแล้วเธอก็เดินช้าๆ กลับเข้า

    เต็นท์ตัวเองไป ผ่านหน้าชาลีตรงหน้าเต็นท์ที่เพิ่งห่มผ้าให้จินนี่และดูความเรียบร้อยเสร็จ

     

             เมอร์ลินเป็นพยาน! อย่ายิ้มแบบนั้นสิ นังหนู!

     

              “ฝันดีนะ นังหนู!จอร์จเพิ่งนึกได้เลยตะโกนไล่หลัง หวังเพียงว่าเธอจะได้ยินเขา

     

              “ใช่! ฝันดีนะแม่หนูลูน่าเฟร็ดตะโกนบ้าง ฝันถึงจอร์จด้วยนะ!!

     

              “หนวกหูน่า เบาๆ กันหน่อยชาลีตำหนิฝาแฝด โดยไม่รู้ว่าบิลเองก็กำลังจะตะโกนบ้างเหมือนกัน พวกนั้นหลับกันไปหมดแล้ว -- 

    จริงๆ นะ ฉันคิดว่ายังไงมังกรตอนหลับยังน่ารักกว่าพวกนายอยู่ดี

     

              “เงียบไปเถอะ ชาลีบิลเดินมากอดคอน้องชายกึ่งลากให้เดินกลับเต็นท์ฝั่งผู้ชายที่อยู่ติดกัน นายอย่าบ่นเหมือนเพอร์ซี่ได้ไหม 

    ทำเป็นไม่เข้าใจรักวัยรุ่นไปได้

     

              “ชาลี

     

              “หือ?” ชาลีหันกลับไปมองจอร์จที่ยังยืนอ้อยอิ่งอยู่ที่เดิม

     

              “พี่บอกว่าพวกนั้นหลับไปกันหมดแล้วใช่ไหม

     

             “อือ ลูน่าก็หลับแล้ว ฉันเห็นเดินไปถึงเตียงก็สลบไปเลย อย่าไปกวนเลยน่า

     

              “เปล่าซะหน่อย ฉันแค่จะถามว่าพี่เห็นนังหนูห่มผ้าหรือยังพูดจบ ชาลีกับบิลเลิกคิ้วมองจอร์จจนเจ้าตัวอึกอัก ก็แบบว่า -- 

    อากาศมันหนาวนี่ -- ใช่ไหมล่ะ

     

              “ให้ตายสิ น้องชายฉันเป็นถึงขนาดนี้เลยหรือบิลจ้องมองอย่างพินิจพิจารณาน้องชายตัวแสบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาไม่คิดว่า

    ตัวป่วนที่แม่บ่นบ้านแทบแตกเกือบทุกวันจะมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย

     

              “ห่มแล้วชาลีตอบพลางชูไม้กายสิทธิ์แล้วโบกนิดๆ ฉันห่มให้เองแหละ -- ไง ทำหน้าที่ดีไหมล่ะ

     

              จอร์จไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มออกมา

     

              “พวกพี่ไปทำอะไรกันข้างนอกน่ะรอนชะโงกหน้ามาจากเต็นท์ อ้าปากหาว หน้ายับยู่ยี่เพราะถูกปลุกให้มาตาม พ่อให้ฉันมาตาม 

    บอกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า -- หมดหน้าที่ฉันแล้ว ไปนอนต่อล่ะว่าแล้วหัวยุ่งๆ ก็หายกลับเข้าไปในเต็นท์   

     

     

              เช้าวันรุ่งขึ้น ทุ่งกว้างเริ่มมีเต็นท์บางตาลงบ้างแล้ว เฟร็ดกับจอร์จอาสามาปลุกสาวๆ ทั้งสาม ส่วนพวกพ่อๆ อย่างอาเธอร์

    กับเซโนฟิเลียสนั่งจุดไฟสำหรับเตรียมอาหารเช้าอย่างไส้กรอก หรือกาแฟร้อนๆ สักแก้วก่อนเดินทางกลับบ้าน

     

              ทางฝั่งฝาแฝด เฟร็ดหรี่ตาลง ทำหน้าครุ่นคิด ช่วยเลือกทีว่าจะปลุกพวกนั้นยังไง

     

              จอร์จหยุดมือที่กำลังเอื้อมจับผ้าใบตรงทางเข้าเต็นท์ นายพูดเรื่องอะไร

     

              “ดอกไม้ไฟกับระเบิดเหม็น

     

              “ไม่เอาทั้งนั้นล่ะ นายอยากเห็นจินนี่พ่นไฟได้เหมือนแม่รึไง อีกอย่าง...

     

              “นังหนูของนายก็อยู่ในนั้นด้วยเฟร็ดหลิ่วตา

     

              “หุบปากซะ เฟร็ดดี้จอร์จเดินเข้าไปยืนตรงปากทางเข้า เห็นประกายไฟลอยผ่านหน้าไป เลยหันไปมองเฟร็ดที่กำลังเก็บไม้กายสิทธิ์

     

              “เสียใจนะ แต่นายเพิ่งตอบตอนที่ฉันจุดมันไปแล้ว --

     

              จอร์จหยุดปากที่กำลังจะพูดกะทันหันเพราะมีเสียงกรีดร้องสองเสียงดังมาจากในเต็นท์

     

              จินนี่กับเฮอร์ไมโอนี่ประสานเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจพร้อมกัน ทั้งคู่ลุกจากเตียงวิ่งไปทั่วเต็นท์แล้วหยุดลงก็ต่อเมื่อเธอทั้งสอง

    มองเห็นว่ามันเป็นเพียงประกายจากดอกไม้ไฟและตัวการไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเฟร็ดกับจอร์จ เฮอร์ไมโอนี่ล้มนั่งแปะลงไปกับพื้น 

    ขณะที่จินนี่จ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องมายังพี่ชายฝาแฝดของเธอ

     

              เฟร็ดเอียงตัวกระซิบ ซวยล่ะ แม่ร่างสองมาแล้ว

     

              “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!จินนี่แผดเสียงห้ามเฟร็ดที่กำลังจะย่องออกไป พวกพี่เล่นอะไรกัน -- หนูจะบอกแม่

     

              “เธอต้องไม่บอกนะ จินนี่น้องรัก" เฟร็ดลนลานรีบเดินมาหาจินนี่

     

              “แล้วดูที่พี่เล่นสิ พวกเราตกใจตื่นนึกว่าไฟไหม้ซะอีก!

     

              เฟร็ดทำเสียงจุ๊ๆ เบาหน่อย -- ดูดีๆ สิ ยังมีคนหลับลึกอยู่คนนึงล่ะ

     

            จอร์จหันไปมองตาม มีร่างเล็กที่ยังคงนอนขดอยู่บนเตียง ผมยาวหยักศกสีบลอนด์ห้อยลงมาเกือบระพื้น อันที่จริงเขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้

    ว่าเมื่อกี้นี้ไม่มีเสียงกรีดร้องของลูน่าปนอยู่ด้วย จอร์จอาศัยจังหวะที่จินนี่หันไปบ่นเฟร็ดต่อเดินไปยังเตียงหลังนั้น

     

            จอร์จย่อตัวนั่งลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับลูน่า แล้วปลุกเธอด้วยวิธีที่แทบตรงกันข้ามกับเฟร็ด ด้วยการยื่นมือออกไปเขย่าไหล่

    คนที่ยังนอนหลับใหลเบาๆ พร้อมด้วยเสียงปลุกข้างหู

     

              “เช้าแล้ว นังหนู ถึงเวลาตื่น -- โอ๊ย!จอร์จถอยหลังไปนั่งคุดคู้ตรงข้างเตียง มือกุมแก้มที่เพิ่งถูกคนหลับลึกฟาดเข้ามาเต็มๆ

     

              “คุณวีสลีย์!ลูน่าลืมตาเต็มที่แล้ว หลังรู้สึกว่าเมื่อกี้มือเธอเหวี่ยงไปโดนอะไรเข้า ขอโทษนะ -- คุณเจ็บมากไหมเด็กสาวลุกขึ้นนั่ง 

    เอื้อมมือจับมือจอร์จที่กุมแก้มอยู่ออก แล้วลูบแก้มเขาเบาๆ

     

              จอร์จตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะเมื่อสัมผัสอันอ่อนโยนจากมือนุ่มนิ่มของเธอมาจับแก้มเขา ไม่ -- ไม่เป็นไร เอ้อ เธอหลับลึกดีจังนะ” 

    คนผมแดงผุดยิ้มขึ้นบางๆ ลืมความเจ็บไปหมดแล้ว เขายกมือขึ้นกุมมือเล็กๆ ตรงแก้มเขาอีกทีอย่างลืมตัว ทว่า...

     

              จินนี่กระแอมขัดจังหวะด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ในเมื่อพวกพี่ขัดความสุขในการนอนและเล่นปลุกด้วยวิธีพิเรนทร์แบบนี้ก็อย่าหวัง

    ว่าจะได้แตะเพื่อนเธออีกแม้แต่วินาทีเดียว  

     

              “หนูขอสั่งห้ามไม่ให้พี่เข้าใกล้เพื่อนหนูหนึ่งวัน ไม่อย่างนั้นหนูฟ้องแม่เรื่องดอกไม้ไฟแน่ แล้วก็เรื่องที่พี่แอบพนันควิดดิช” 

    จินนี่บอกจอร์จเรียบๆ ระหว่างเดินตามเฮอร์ไมโอนี่กับลูน่าออกไปกินอาหารเช้า

     

              “ฉันไม่เกี่ยวนะ เฟร็ดต่างหากที่ทำ

     

              “แก้ตัวไปจินนี่ก็รวมนายด้วยอยู่ดีนั่นแหละเฟร็ดวาดแขนกอดคอจอร์จ ว่าแต่ทำไมถึงลงโทษแค่วันเดียวเองล่ะ

     

              “หนูคิดว่าแค่วันเดียวจอร์จก็แทบทนไม่ได้แล้ว แล้วหนูก็คิดอีกเหมือนกันว่ารู้อย่างนี้แล้วจอร์จคงจะห้ามพี่ไม่ให้เล่นพิเรนทร์ด้วยได้

     

            คำพูดของจินนี่ถือเป็นคำขาด เพราะระหว่างเดินทางกลับบ้าน จนไปถึงบ้านลูน่าที่อยู่ใกล้กว่า จินนี่เอาแต่เดินเกาะติดลูน่าอย่างกับ

    แม่มังกรหวงไข่ เมื่อส่งครอบครัวเลิฟกู๊ดเสร็จ พวกเขาก็เดินทางไปยังบ้านโพรงกระต่ายกันต่อ

     

              “มากันแล้วมอลลี่ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีอ้าแขนรอกอดสามีและลูกๆ ของเธอ

     

              แต่แฮร์รี่สังเกตเห็นว่าที่ยืนรออยู่นั้นไม่ได้มีเพียงแค่คุณนายวีสลีย์ แต่ยังมีพ่อกับแม่ของเขา ไหนจะมีซิเรียสยืนอยู่ด้วย เขาก็ไม่รอช้า

    ที่จะรีบวิ่งมากอด เด็กชายผมดำพุ่งเข้ากอดลิลี่ผู้เป็นแม่ ตามด้วยซิเรียส

     

              “แฮร์รี่ พ่ออยู่นี่นะเจมส์ขมวดคิ้วมองลูกชายตัวเองที่เอาแต่กอดพ่อทูนหัว

     

              “ทีนี้ยอมรับรึยังล่ะ เขาแหลมซิเรียสยักคิ้วยียวน แฮร์รี่รักฉันมากกว่านาย

     

              “ฉันไม่น่าพามานายมาด้วยเลย!

     

              มอลลี่มองดูกลุ่มข้างหลังแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ เธอส่ายหน้าน้อยๆ อย่างนึกเอ็นดูก่อนหันมาหาเด็กๆ ที่เหลือและอาเธอร์

     

              “สนุกกันหรือเปล่าจ๊ะมอลลี่กอดสามีของเธอ

     

              “ที่สุดเลยจ้ะ ที่รัก -- สวัสดีเจมส์ ลิลี่ -- ซิเรียสด้วยอาเธอร์เดินไปทักทายพวกเขาอย่างคุ้นเคยกันดีระหว่างที่มอลลี่สวมกอดจินนี่

    กับเฮอร์ไมโอนี่ เพอร์ซี่และรอน

     

    แล้วลูกล่ะจ๊ะ บิล ดูควิดดิชสนุกไหมมอลลี่ถามลูกชายคนโตที่เดินมาถึงต่อจากน้องๆ

     

    สนุกครับบิลพยักหน้า แต่คนที่สนุกสุดก็จอร์จนั่นแหละฮะ

     

              “ทำไมเหรอจ๊ะ

     

              ชาลีเดินมากอดแม่ของเขาเป็นคนต่อไป แม่ก็รู้นี่ฮะ

     

              เฟร็ดเข้ามากอดต่อ แม่หนูบ้านเรเวนคลอไงเขาพูดหยอกล้อพลางทำท่าเลียนแบบจอร์จตอนที่ลูน่าจับแก้ม ก่อนยกมือกุมสีข้าง

    เพราะจอร์จยกศอกกระทุ้งเข้ามาเต็มแรง

     

              “แม่อย่าเชื่อพวกเขานะ

     

              “เขินล่ะสิ นายน่ะเฟร็ดแหย่ต่อแล้ววิ่งหนีฝาแฝดคนน้องเข้าไปในบ้าน

     

              มอลลี่มองดูลูกๆ ของเธอที่ไม่มีวันอยู่นิ่งๆ ได้ พลางหันมองอาเธอร์ที่กลับมายืนอยู่ข้างกัน ฉันเชื่อพวกเขาได้หรือเปล่า

     

              “อันที่จริงเรื่องพวกนี้ของลูก ผมก็ไม่อยากยุ่มย่ามหรอก รักๆ ใคร่ๆ น่ะ -- แต่คุณเชื่อได้หมดใจเลยล่ะ

     

              “เชื่ออะไรกันเหรอฮะรอนชะโงกหน้ามาถามอย่างอยากรู้หลังเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของพ่อกับแม่

     

              เพียงแต่มอลลี่แค่อมยิ้มน้อยๆ เชื่อว่าปีนี้ของลูกๆ ที่ฮอกวอตส์ต้องสนุกมากแน่ๆ จ้ะ

     

     

    - Talk -

         การมีพี่ชายอีกสองคนมาด้วยก็จะดีแบบนี้ล่ะค่ะ บิลช่วยเพิ่มคะแนนความนิยมของจอร์จให้ว่าที่พ่อตา(ถึงจะเกือบทำให้เซโนฟิเลียส

    คิดว่าเด็กบ้านนี้กะล่อนก็ตาม) ชาลีก็ช่วยดูแลด้วยการห่มผ้าให้ว่าที่น้องสะใภ้ จอร์จก็คอยเก็บหอมรอมริบโมเมนต์ทีละน้อย 

    แต่ในส่วนของรอนนั้น... สักวันก็จะตาสว่างเองน้องเอ๊ยยย~

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×