ตอนที่ 44 : บทที่ 42 100%
บทที่ 42
“การที่เจ้าดูดซับดวงวิญญาณเข้าไปนับหมื่นนั้น เจ้าอาจจะคิดว่าตัวเจ้าได้ดูดกลืนพวกเขาทั้งหมดเข้าไปในตัวเจ้า แต่ว่าในความเป็นจริงนั้นมันไม่ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าสิ่งที่เจ้าได้ดูดกลืนเข้าไปนั้นมันคือมวลของความทรงจำอันมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก อารมณ์ ความนึกคิด ความทรงจำ รวมไปถึงประสบการณ์ทั้งหมดของพวกเขาด้วย” ชายชราอธิบายอย่างใจเย็น
‘ข้าไม่ได้ทำลายพวกเขาใจไหม....ดีจัง’ น้ำเสียงที่โล่งใจเปล่งออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ ทำให้แม้แต่ชายชราที่ยากจะยิ้มออกมาจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เพราะสำหรับตัวมันแล้ว ความบริสุทธิ์เช่นนี้เองที่หาพบได้ยากยิ่งนัก
“อื่ม ก็ตามนั้นแหละ สิ่งที่เจ้าดูดกลืนไปจากพิธีที่ไม่สมบูรณ์นั่นก็คือกุ่มก้อนพลังวิญญาณของพวกเขาเหล่านั้นที่มอบให้เจ้าอย่างเต็มใจและบริสุทธิ์ใจ ส่วนดวงจิตของพวกเขาได้หมดสิ้นซึ่งการติดต่อกับภพนี้อีกต่อไปแล้ว เท่ากับว่าพวกเขาทั้งหมดในตอนนี้นั้นได้ไปเกิดใหม่ตามกรรมของพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องคิดอะไรให้มากกว่านั้น” น้ำเสียงราวชายแก่ใจดีของชายชราราวกับน้ำที่ช่วยชำระล้างจิตใจที่ทุกข์ทนจากความรู้สึกผิดมาตลอด
ตึกๆ ตึกๆ .......
ราวกับว่าได้รับการปลดล๊อกจากห่วงโซ่ที่พันทนาการเอาไว้ ร่างของเทียนหลงที่ลอยอยู่เหนือก้อนเมฆก็ค่อยๆ แตกสลายกลายเป็นละอองสีทอง หายไปจากโลกของก้อนเมฆที่ไร้ซึ่งวันเวลาใดๆ “แปลก...ราวกับว่าสามารถที่จะรู้ได้เองว่าตอนนี้ต้องทำยังไงต่อไป แล้วไอ้ความรู้สึกคุ่นเคยแปลกๆ นี่อีก มันอะไรกันนะ...”
ชายชรารำพึงเบาๆ กับตัวเอง เพราะแม้แต่ตัวมันเองยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก เพราะเด็กคนนี้กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมากอย่างผิดปกติ แม้ว่าพอจะเข้าในได้ว่าผู้มีชีพจรวิญญาณปฐพีจะมีอัตราการฟื้นตัวที่สูงอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่จิตวิญญาณแทบจะสูญสลาย มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเชื่อมต่อและฟื้นฟูจิตใจได้มากขนาดนี้ “ถือว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เลวล่ะนะ ถ้ามีวาสนาสักวันพวกเราคงได้เจอกันอีกเจ้าหนู ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว...หืม”
ในตอนนั้นเองจู่ๆ ชายชราก็สัมผัสได้ถึงจิตชั่วร้ายที่กวาดผ่านมา ทำให้ชายชราถึงกับหยุดชะงักไปชั่วขนะหนึ่ง จิตสัมผัสที่ดำมือซึ่งเจือด้วยร่องรอยของการก้าวผ่านภพโดยที่ไม่ได้ลืมเลือนของจิตดวงหนึ่ง
“ชิ!..” ชายชราสบทออกมาคำรบหนึ่ง ด้วยความไม่พอใจ “เอาเถอะ เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้า ว่าแต่เกาะเล็กๆ แบบนี้มันอะไรกันนักกันหนา ทั้งกึ่งร่างมุนษย์ต้นกำเนิด ทั้งจิตที่ไม่ผ่านการชำระในเกาะที่ห่างไกลแบบนี่เนี่ยนะ เฮ้อออ... ”
ชายชราถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหนาย เพราะยังไงตัวมันเองก็ไม่ได้มีหน้าที่อะไรที่ต้องมาจัดการเรื่องอะไรแบบนี้ เพราะเดิมทีตัวมันเองก็แค่บังเอิญต้องผ่านมาทางนี้ แล้วได้รับคำไว้วานจากเบื้องบนให้มาตรวจสอบอะไรบางอย่างก็เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้พวกที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่ควรจะปรากฏบนโลกแถวๆ นี้ และบังเอิญว่ามันต้องมาหาวัตถุดิบอะไรบางอย่างแถวนี้พอดี เพราะยาหม้อใหม่ของมันต้องการวัตถุดิบบางอย่างที่หายากในที่ที่มันอยู่...ก็แค่นั้น
“กลับดีกว่า เดี๋ยวยามันจะไหม้ซะก่อน...” กล่าวได้เท่านั้นร่างที่เคยก่อตัวก็ค่อยๆแตกสลายไป พร้อมกับโลกใบเล็กๆ แห่งนี้ที่ทับซ้อนกับความเป็นจริงอยู่จะลอยห่างออกไป...โลกที่มีแค่ดวงวิญญาณเท่านั้นที่จะสัมผัสได้
30 %.......................................
กลับมาที่เทียนหลงที่อยู่ในถ้ำอักขระภายในหลุมกลืนบุรุษ ในตอนนี้ร่างของชายหนุ่มภายในถ้ำนั้นก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากไม่กี่อึดใจก่อนหน้าที่เหมือนว่าร่างนี้กำลังจะตาย แต่ในตอนนี้เหมือนกับว่าเวลามันไหลย่อนกลับ เลือดที่เคยไหลเจิ่งนอกทั่วร่างก็ค่อยๆ เคลื่อนไหลกลับเข้าร่างราวกับเรื่องโกหก อ่านไปไม่นานนักร่างที่เปรียบเสมือนกับคนตายก็ค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ ทั้งยังปรากฏเปลวไฟสีทองค่อยๆ ลุกไหม้ขึ้นทั่วร่าง แรงขึ้นแรงขึ้นและแรงขึ้น จนมองเห็นเหมือนกับดักแด้สีทองที่ห่อหุ้มร่างกายของชายหนุ่มเอาไว้
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
เสียงหัวใจที่ดังก้องกังวาน ราวกับว่าดักแด้สีทองคำนั้นกลายเป็นหัวใจดวงโตไปเสียแล้ว มันกระพริบแสงสีทองเป็นจังหวะคล้ายกับช่วงเวลาของหัวใจที่กำลังเต้น พร้อมกับร่างที่อยู่ภายในที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้ง...
‘จิตมั่นคงดุจอนันต์ผ่านสังสารวัฏเนิ่นนาน’
‘ผันพลิกห้วงกาลยาวนานไร้สิ้นสุด’
‘ไม่มีสิ่งใดจะยากเท่าใจมนุษย์’
‘ไร้สิ้นสุดไร้จุดจบไร้เวลา’
“ใคร...ใครกัน นั่นเจ้าพูดอะไร ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องเลยสักนิด” เสียงอู้อี้ดังออกมาจากร่างที่ยังคงกระพริบแสงสีทองไปมา ตอนนี้นั้นเทียนหลงราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งรู้ความ แม้จะไม่เข้าใจเนื้อความที่แววดังขึ้นมาในตอนนั้น แต่ร่างกายก็กำลังทำการดูดซึมเปลวไฟสีทองเข้าไปอย่างช้า
“ทำไมถึงง่วงอีกแล้วนะ เพิ่งจะตื่นไปไม่นานนี้เอง...” ชายหนุ่มครวญครางออกมาอย่างแผ่วเบา เพราะหลังจากได้ยินเสียงปริศนานั้นความง่วงก็ถาโถมเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
....เทียนหลง พวกข้าไปแล้วนะ
.....เทียนหลงเจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ
........จำไว้นะว่าพวกข้าเคยยิ้มให้เจ้าอย่างไร
....พวกเราดีใจที่ได้พบเจอเจ้า
...ขอบใจมากนะที่ช่วยปลดปล่อยพวกข้า ข้าดีใจที่ได้สั่งสอนเจ้า
....จงอย่าประมาทศิษย์ข้า หนทางของเจ้าช่างลำบากนัก
............................อย่าลืมคิดถึงพวกเรานะ
.....อย่าลืมสิ่งที่ผ่านมา
.
.
.
น้ำเสียงที่คุ้นเคยมากมายถาโถมเข้ามา ความรู้สึกเป็นสุกที่ไม่เคยมาก่อนสาดซัดเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกๆ การกระทำทุกๆ คำพูดของชีวิตนับหมื่นถาโถมเข้ามาภายในจิตใจ ตามด้วยภาพความทรงจำ ความรู้สึกต่างๆ นาๆ ของเหล่าผู้ล่วงลับ ความนึกคิดรวมถึงองค์ความรู้ต่างๆ ของดวงวิญญาณนับหมื่นกำลังถูกถ่ายทอดสู่ร่างภายในดักแด้สีทองอย่างรวดเร็ว
แต่แปลกนักที่ตอนนี้เทียนหลงไม่ได้มีความเจ็บปวดทุรนทุรายเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ชัดก็คือภายในจิตสำนึกของเขาปรากฏภาพของเหล่าคนทั้งหมื่นที่คุ้นเคยกำลังยิ้มให้ แม้ว่าจะเศร้าใจแต่กลับรู้สึกโล่งใจ ภาพของทุกคนที่กำลังทอดทิ้งวิญญาณไปเหลือแค่เพียงจิต ภาพความคิดที่เขาจำไม่ได้ในครั้งก่อนหน้าขณะที่ทำพิธีอยู่ แต่ในตอนนี้มันกำลังฉายชัดภายในใจ ที่กำลังแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
ในขณะที่จิตใจกำลังได้รับการเยียวยา ความคิดกำลังได้รับการขัดเกลาจากภาพความทรงจำรวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของคนทั้งหมื่น ร่างกายก็กำลังลังเปลี่ยนไปอย่างเงียบเชียบ ไม่ได้แสดงอภินิหารมากมาย แต่กลับรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะพลิกโลกของชายหนุ่มไปตลอดกาล...
กาลเวลายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนก็กลายเป็นปี เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เคยพลิกฟ้าเมื่อปีก่อน กลายเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าเรื่องหนึ่งบนโต๊ะน้ำชา ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ส่วนเหล่าผู้ทรงอำนาจทั้งหลายที่หมายตาความลับของความแข็งแกร่งอยู่ รวมถึงปริศนาหมื่นปีของสมบัติสวรรค์ทั้งสองที่ยังเป็นปริศนา พวกมันล้วนแล้วแต่เชื่อว่าเด็กหนุ่มที่เก่งขึ้นผิดหูผิดตาในเพียงแค่ไม่กี่ปีย่อมเป็นผู้ที่กุมความลับอยู่อย่างแน่นอน
สำหรับชาวบ้านร้านตลาดทั่วๆ ไปนั้นเรื่องของชายหนุ่มนั้นอาจจะเป็นเพียงเรื่องเล่าสนุกๆ ที่อยู่ไกลตัว เพราถึงอย่างไรแล้วสำหรับพวกเขาเหล่านั้นต่อให้เด็กหนุ่มปรากฏตัวหรือไม่ อย่างไรแล้วพวกเขาก็ยังคงต้องทำมาหากิน ยังคงต้องเอาชีวิตรอดต่อไปด้วยตัวเองอยู่ดี อีกทั้งนี่มันก็นานไปเป็นปีแล้วหลังจากเหตุการณ์ที่สองในห้าผู้พิทักษ์ถูกสังหารลง ทั้งยังมีอีกหนึ่งคนที่เกือบต้องพิการเสียแขนไป เรื่องที่เคยใหญ่โตจึงค่อยๆ เล็กลงลงในความรู้สึกของคนทั่วๆ ไปก็เท่านั้นเอง
แต่สำหรับผู้มีอำนาจและผู้ที่ขัดเกลาตนเองอยู่ในเส้นทางแห่งการฝึกฝน เรื่องนี้ไม่อาจจะหายไปเร็วขนาดนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเหล่าผู้นำแคว้นต่างๆ ที่ยังคงปล่อยสายลับลงไปในทุกพื้นที่ หวังว่าจะได้ข่าวคราวของชายหนุ่มในสักวันหนึ่ง เพราะว่าแม้หนึ่งปีนั้นอาจจะยาวนานมากสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้เวลานับร้อยนับพันปีเพื่อที่จะทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นแล้วล่ะก็ เวลาที่ผ่านไปมันก็เทียบกับแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
67%..................................
แต่ไม่ว่าจะใช้ความพยายามมากมายสักเท่าไหร่ ก็ยังคงไม่มีแม้แต่วี่แววของชายผู้ถูกคนทั้งแผ่นดินตามหา แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าสายสืบจากแคว้นต่างๆ ก็ยังคงพยายามหาข่าวคราวของ เย่ เทียนหลงกันอย่างไม่ลดละ และสถานที่ที่มักจะมีสายสืบเฝ้ากันอยู่ไม่ขาดสายเลยก็คือที่ตระกูลเย่ ที่เป็นเพียงบ้านหลังเดียวของชายหนุ่มที่จะสามารถกลับไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาก็ไม่มีแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่สามารถเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในเหล่าบรรดารุ่นใหม่
อาจจะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้สามารถตามหาตัวของเทียนหลงได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่ไม่แน่ชัดนัก เพราะอาศัยเพียงแค่คำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตทั้งสามคนเท่านั้นที่สามารถเห็นใบหน้าล่าสุดของเด็กหนุ่มได้ แต่ก็ด้วยผ้าปิดตาที่ทำให้ไม่สามารถที่จะมองเห็นใบหน้าและดวงตาได้อย่างชัดเจน จึงไม่อาจที่จะวาดใบหน้าที่สมบูรณ์ออกมาได้ และยังมีตัวแปรต่างๆ อีกมากมายที่สามารถทำให้คิดได้ว่าชายหนุ่มอาจจะไม่ปรากฏตัวในแผ่นดินนี้อีก
ไม่ว่าจะเป็นข้อสมมติฐานต่างๆ ที่ถูกหลายๆ คนกล่าวขึ้น บ้างก็ว่าชายหนุ่มอาจจะตายไปแล้ว เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าในวันที่มีการต่อสู้เกิดขึ้นนั้น ชายหนุ่มได้แสดงพลังอำนาจชนิดที่ว่าสามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ทั้งๆ ที่มีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปี มันอาจจะต้องแลกด้วยอะไรมากมาย ถึงได้สามารถที่จะต่อกรกับเหล่ายอดฝีมือที่มีพลังวัตกว่าสามพันปีได้ถึงห้าคน ทั้งยังสามารถที่จะเข่นฆ่าสองคนลงได้ แล้วยังสามารถที่จะตัดแขนได้อีกคนหนึ่ง ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็ยังเล่าลือกันว่าบาดเจ็บสาหัส มันเป็นไปไม่ได้เลยว่าพลังมหาศาลนี้จะได้มาเปล่าๆ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เลย
บ้างก็ว่าบางทีชายหนุ่มอาจจะเกรงกลัวภัยที่จะเข้ามาหาตนเองหลังจากที่แสดงพลังไปจนเหล่าผู้มีอำนาจยังกริ่งเกรง จึงได้หนีออกจากแผ่นดินนภาครามไปตั้งแต่หนึ่งปีก่อนแล้ว
หรือบ้างก็ว่าบางทีชายหนุ่มผู้นั้นก็อาจจะได้ตายลงไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ด้วยผลสะท้อนจากการที่ใช้พลังไปในปริมาณมหาศาล มีหลายๆ คนออกมากล่าวว่าต่อให้เป็นสมบัติสวรรค์เองหากจะมีใครสามารถใช้มันได้ขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ยังเป็นเพียงเด็กที่มีพลังวัตเพียงแค่น้อยนิด ก็คงไม่อาจจะใช้มันได้ นอกเสียจากว่าพลังที่มันใช้นั้นจะเป็นพลังต้องห้ามที่ส่งผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง มันถึงจะสมเหตุสมผลกับที่มันสามารถที่จะเข่นฆ่าผู้อาวุโสที่มีอายุนับพันปีได้
แต่ไม่ว่าข่าวลือนั้นจะจืดจางไปเท่าไร หรืออะไรที่ทำให้คนทั่วไปเลิกสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่มันไม่ใช่กลับเหล่าผู้ทรงอำนาจในแต่ละแคว้น โดยเฉพาะมหานครเมฆาครามที่พากันอยู่ไม่สุขมาตลอดเวลากว่าหนึ่งปี ตั้งแต่ในวันที่ศพของแม่เฒ่าอู่เสียที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ ของแคว้นถูกส่งกลับมา พร้อมกับคำกล่าวของเด็กชายที่ฝากมาให้ มันทำให้เหล่าเชื้อพระวงทั้งหลายนั้นต่างพากันแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ยังคงสนับสนุนองค์จักรพรรดิ ที่ยังคงเชื่อมั่นในพลังแห่งราชันแห่งพวกเขา แต่อีกฝ่ายหนึ่งที่อยากจะเข้าแทนที่บัลลังก์เต็มแก่ก็ออกมาประณามการกระทำอันชั่วช้าของฝ่ายจักรพรรดิหลังจากที่เรื่องราวในตระกูลเย่แดงขึ้น แล้วยกตนขึ้นเป็น “คนดี” ที่ไม่เห็นชอบกับคนชั่วช้า...
แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้ราชวงจะยังคงรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้ แต่ถ้าวันใดที่ตัวแปรที่ไม่สามารถกำหนดได้อย่าง เย่เทียนหลงปรากฏกาย วันนั้นอาจจะเป็นจุดแตกหักคงแคว้นทั้งแคว้นที่กำลังเปราะบางอย่างถึงที่สุดก็เป็นไปได้
ในบรรดาความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ยังมีชายในชุดซอมซ่อคนหนึ่งที่กำลังจิบสุราฟังเรื่องราวต่างๆรอบกายด้วยรอยยิ้มปริศนา กว่าสองชั่วยามแล้วที่ชายหนุ่มยังคงนั่งจิบสุราอย่างไม่ทุกไม่ร้อนใดๆ แต่ภายใต้ความสงบและรอยยิ้มที่มีงอบคลุมทับไว้ ดวงตาที่อยู่ภายในผ้าปิดตาเก่าๆ ก็กำลังฉายประกายวาววับ...
..............................100%
กลับบ้านมาเมื่อวานครับ เมารถหนักเหมือนเดิม แต่ก็ไหวนะ หะๆ เมารถนอนเร็ว เลยตื่นมาปั่นไว ผมแบ่งเป็น%ให้แล้วนะ ทุกครั้งที่มีเนื้อหาใหม่จะมีบอก%คั่นเอาไว้ให้
อย่าลืมอุดหนุนไอโทเรียกันบ้างเน้อ *-* จนจัดๆ กดเลย
หรือใครอยากไปสังเกตุการณ์นักเขียนก็ได้เช่นกันนะ กดเลย
ใครอยากจะแอดเพื่อนก็แอดมาได้นะ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ มาคุยกับผมบ้างก็ได้ ผมขี้เหงา หะๆ
นับจากตอนนี้เป็นต้นไป ถ้ามีการโดเนทมาให้ทุกๆ 500 บาท หลับจากที่เห็นยอดแล้วผมจะรีบปั่นตอนใหม่เต็มตอนภายใน6ชั่วโมงนะ เผื่อมีใครใจดี ผมมีช่องทางเดียวนะ กดๆ
ตอนต่อไปถ้ากำลังใจมาอาจจะปั่นให้วันนี้เลย เพราะพรุ่งนี้อาจจะต้องไปเฝ้าพ่อตั้งแต่เที่ยงๆ ยังไม่100% เม้นให้กำลังใจกันบ้างนะ หรือถ้าใครใจดีโดเนทมาให้ช่วยแจ้งยอดด้วยนะครับ ถ้าครบ500ตามสัญญาแน่นอน
ขอบคุณทุกท่านที่อยู่ด้วยกัน ติดตามกันไปนานๆ นะ แล้วก็ที่สำคัญ ขอบคุณสำหรับ200 บาทด้วยนะครับ ขอบคุณจริงๆ ^^ แม้ว่าเงินแค่นี้อาจจะไม่มากสำหรับหลายๆ คน แต่มันช่วยเหลือนักเขียนจนๆ คนนี้ได้เยอะเลยครับ (ค่ารถไปหาพ่อก็100แล้ว 200ไปได้ตั้งสองครั้ง ^^)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สู้ๆนะครับเป้นกำลังใจครับ ขอให้อยู่กับเพื่อนนักอ่านต่อไป และส่งใจให้คุณพ่อแข็งแรงไวๆนะครับ
สู้ๆ ครับ เป็นกำลังใจให้
คตอนี้ทำไมมันวกไปวนมาอยู่อย่างนี้
#ติเพื่อก่อ