คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13
สถานการณ์ที่ทวงถามถึงอดีต
“ปล่อยนะ บ๊อบบี้ ปล่อย !” แทฮยอนร้องปาวๆ ให้เด็กฟันกระต่ายปล่อยมือที่จับแน่นเกาะกุมข้อมือของตนออก แต่ดูท่าทางเจ้าเด็กดวงตาเล็กจะไม่ฟังรุ่นพี่ด้านหลังเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดความอดทนที่มีเพียงน้อยนิดของแทฮยอนก็พังทลายลง คนตัวสูงกว่าสะบัดมือออกจากการมือหนาของอีกฝ่ายอย่างแรงจนหลุดออก ฝ่ายที่เคยเหนือกว่าต้องยอมจำนนหันมาสบตามองรุ่นพี่ตัวสูงใบหน้าหวาน หน้าผากย่นจนเรียวคิ้วของเด็กร่างกำยำขมวดเข้าหากันแสดงความสงสัยอย่างเห็นได้ชัด “นายเป็นบ้าอะไรของนาย จะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับชีวิตของพี่หนักหนา ว่างมากก็ไปตั้งใจเรียนซะสิ !”
“เมื่อเช้าพี่มากับอีตามินโฮ พี่มากับนายนั้นได้ยังไง ?”
แม้ดวงตาของบ๊อบบี้จะเล็กจนแทบปิด แต่แทฮยอนก็แอบเห็นแววตาวูบไหวในดวงตาคู่นั้น เจ้าเด็กรุ่นน้องร่างกายกำยำนี้ชอบตามรังควานเขาจนแทฮยอนก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรในบางครั้งว่าบ๊อบบี้มาเรียนหรือมาทำอะไรกันแน่ ?
แววตาสั่นไหวระริกนั้นไม่ได้ทำให้แทฮยอนใจอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย
แทฮยอนเป็นคนใจแข็ง !
“พี่ก็ไม่ได้อยากมากับไอ้คนพรรค์นั้นหรอก แต่เมื่อเช้าพี่ก็โดนตามินโฮอะไรนั้นลากมาเหมือนกันแหละ”
ยกมือขึ้นปัดลูบเส้นผมที่ถูกแสกกลางเอาไว้ออกเมื่อรู้สึกว่ามีกลุ่มผมลู่ลงมาปรกระกับใบหน้าจนรู้สึกรำคาญไปหมด พลางหลุบตามองคู่สนทนาที่เริ่มมีสีหน้าดีขึ้นมานิดหน่อยจากเดิมที่ตีหน้าเศร้าขั้นดราม่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่คนใจแข็งอย่างแทฮยอนหรอจะดีใจจนยิ้มตาม
ยาก !
“แล้วในรถเมื่อกี้มันคืออะไร หมายความว่ายังไงหรอ ?”
คำถามเสียงทุ้มแทบทำน้ำลายคนถูกถามเหนียวหนืดกลืนลงคออย่างยากลำบาก แต่พอย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าทำเอาเจ้าตัวแอบหวั่นไหวนิดหน่อย เพราะอย่างน้อยซงมินโฮคนนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่เกือบจะสมบูรณ์แบบได้เลยคนหนึ่ง ทั้งรูปร่างหน้าตาที่แม้จะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าเล่นมุขปลดเข็มขัดนิรภัยให้ แต่ก็เรียกได้เต็มปากว่าเป็นเสี้ยวหน้าที่สามารถขยี้ใจสาวๆ ได้เลยทีเดียว ไหนจะฐานะที่เรียกว่าดีจากทรัพย์สินสิ่งของแต่ละอย่างที่เจ้าตัวใช้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ รถยนต์ที่ขับ อาจรวมถึงเป็นเจ้าของแกลอรี่ที่พี่ซึงฮุนพูดกรอกหูอยู่เกือบทุกวันจนสามารถนับรวมเป็นทรัพย์สินที่มินโฮมีได้เลย
แต่พอคิดถึงเรื่องกวนประสาท ตามตอแยจนแทฮยอนรำคาญได้ตลอดทั้งวัน และอาจจะทำให้ชีวิตของตนวุ่นวายไปมากกว่านี้แน่ๆ แล้วก็ต้องส่ายหัวสลัดไล่ความคิดบ้าๆ นั้นออกไป
“ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่มีอะไร ? ใกล้กันจนแทบจะแย่งอากาศหายใจกันอย่างนั้นเนี้ยนะที่บอกว่าไม่มีอะไร ?”
“คิมบ๊อบบี้ ! นายจะก้าวก่ายชีวิตของพี่มากเกินไปแล้วนะ !”
“ขอโทษ” คนถูกตวาดก้มหน้าหลบเรียวตาแข็งกรุ่นอารมณ์โมโหคนตัวสูงตรงหน้า ก่อนจะพูดคำขอโทษเสียงอ่อน “แต่ที่บ๊อบบี้ชอบไปก้าวก่ายวุ่นวายชีวิตของพี่เพราะบ๊อบบี้แค่อยากอยู่ข้างๆ พี่ อยากเป็นคนที่ดูแลพี่ อยากเป็นใครคนใดคนหนึ่งในชีวิตของพี่บ้าง แต่เหมือนสิ่งที่ทำลงไปทุกอย่างจะไม่มีประโยชน์เพราะพี่แทฮยอนเอาแต่ขับไสให้บ๊อบบี้ไปไกลๆ คนเราเห็นร่าเริงตลอดเวลาบางทีมันก็มีน้อยใจเป็นนะ”
พอเจอโหมดดราม่าของเจ้าเด็กฟันกระต่ายร่ายคำพูดภายในใจออกมาจนหมดเปลือกก็ทำเอาแทฮยอนเกือบจะใจอ่อนมองเด็กคนนี้เสียใหม่ พอเจอความจริงจังของคนที่ร่าเริงกวนประสาทได้ตลอดเวลาแบบนี้ก็ทำเอาแทฮยอนได้เห็นในอีกหนึ่งมุมของบ๊อบบี้ได้อย่างชัดเจน
เพิ่งรู้ว่าท่าทางน่ารำคาญนั้นคืออีกหนึ่งความใส่ใจที่แทฮยอนมองข้ามบ๊อบบี้ไป
แทฮยอนยกมือขึ้นวางลงบนศีรษะของคนตัวเตี้ยกว่าผ่านหมวกบีนนี่สีเข้มก่อนค่อยๆ ออกแรงขยับลูบเบาๆ จนคนที่ได้รับไอความอบอุ่นแปลกๆ ต้องเงยสบตารุ่นพี่ดวงหน้าหวานที่อยู่ดีๆ ก็อ่อนโยนจนน่าขนลุก รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของเสือยิ้มยาก รอยยิ้มที่บ๊อบบี้เองก็เพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก ...
รอยยิ้มจากคนที่บ๊อบบี้อยากเห็นมาตลอด ...
“งอนเป็นเด็กผู้หญิงไปได้นะ ไอ้เด็กฟันยื่น ทำไม ? อยากโดนง้อหรือไง ?”
แทบจะระบายรอยยิ้มกว้างแทบไม่ทันเมื่อได้ยินคำพูดน่ารัก แม้จะมีคำว่าเด็กฟันยื่นที่ขวางหู แต่ช่างมันเถอะ เวลานี้คำพูดหวานหูของรุ่นพี่คนดีสำคัญกว่าสรรพนามที่บ๊อบบี้เกลียดมาตลอด
“ถ้าเป็นพี่แทฮยอนง้อ บ๊อบบี้ยอมงอนพี่ทุกเวลาหลังอาหารสามมื้อและก่อนนอน โอ้ย !”
บ๊อบบี้ร้องเสียงหลงทันทีที่โดนรุ่นพี่หน้าหวานผมแสกกลางดีดเข้าที่กลางหน้าผากจนแทบทิ้งความโรแมนติกที่อุตส่าห์ก่อขึ้นในหัวใจช้าๆ ไม่ทัน ก่อนจะวาดมือขึ้นลูบหน้าผากปอยๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
“แค่นี้ทำเคลิ้ม หมดเวลาตลกแล้ว ไปๆ ไปเข้าเรียน !”
แทฮยอนตีหน้าดุใส่จนบ๊อบบี้แทบจะหันหลังไปไปทางตัวตึกอาคารแทบไม่ทัน ตาพอออกตัววิ่งได้เพียงไม่กี่ก้าวเท้าก็ต้องเหลียวใบหน้าคมๆ นั้นมามองแทฮยอนอีกครั้ง
“ถ้าพี่แทฮยอนจะง้อบ๊อบบี้ ขอเป็นง้อด้วยหมีพูห์นะครับ เพราะแทฮยอนชอบหมีพูห์”
ตะโกนบอกก่อนยิ้มจนตาปิดอวดฟันกระต่ายมหาเสน่ห์ของตัวเองแล้วรีบหันกลับไปวิ่งเข้าตัวตึกอาคารด้วยหัวใจที่พองโตมโนว่าวิ่งท่ามกลางดงดอกไม้สวยงามและส่งกลิ่นหอม
ทิ้งไว้เพียงแทฮยอนให้แอบอมยิ้มบางๆ ไปกับเด็กบ้าที่มีใบหน้าและร่างกายมาดแมนแบบสุดๆ แต่กลับชอบอะไรมุ้งมิ้งอย่างหมีพูห์ตัวสีเหลืองที่ใส่เพียงเสื้อตัวเล็กสีแดงจนพุงโผล่ ก่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่มีโทรศัพท์มือถือสั่นเบาๆ แจ้งว่ามีข้อความจากแอปพลิเคชั่นเข้ามา นิ้วหัวแม่มือเลื่อนไล่หน้าจอไปมา สายตากวาดอ่านข้อความก่อนจิ๊ปาก เลิกสนใจ แล้วเก็บเครื่องมือสื่อสารลงที่เดิม
ซงมินโฮ ... นายนี่มันตอแยฉันไม่เลิกจริงๆ เลยนะ
น่ารำคาญ !
ร่างกายสูงโปร่งแบกรับน้ำหนักของความเหนื่อยล้าจนรู้สึกว่าทุกอย่างถูกถ่วงให้ร่างกายทุกส่วนขยับไปมาอย่างยากลำบากไม่เป็นธรรมชาติพยายามประคองยกมือขึ้นและออกแรงผลักให้ประตูบานเขื่องขยับเปิด กลืนก้อนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รอบดวงตาบวมเป่งอย่างเห็นได้ชัด เวลาเย็นย่ำแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่คลับแหล่งบันเทิงของคนกลางคืนจะเปิดให้บริการ จึงทำให้เวลานี้มีเพียงพนักงานสองถึงสามคนเท่านั้นที่กำลังทำความสะอาดบริเวณโดยรอบเพื่อเตรียมพร้อมเปิดคลับในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า พนักงานส่งของจากที่ต่างๆ เดินเข้าออกกันขวักไขว่ รวมถึงจุนฮเว บาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าโหดแต่การันตีว่าเครื่องดื่มที่รังสรรค์จากน้ำมือของจุนฮเวนั้นอร่อยจนกลายเป็นอีกหนึ่งสีสันที่เรียกลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเท่านั้นที่จะมาจัดเตรียมอุปกรณ์ของตัวเองและตรวจนับเครื่องดื่มให้เพียงพอกับปริมาณลูกค้าที่จะเข้าออกตลอดทั้งคืน
ซึงยูนทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ตัวเล็กแต่ขาสูงใช้ได้ ก่อนจะก้มหน้าฟุบให้หน้าผากที่ปรกด้วยผมหน้าม้าบางๆ แนบลงกับพื้นผิวของเคาน์เตอร์เนื้อแข็งโดยไม่กลัวว่าตนจะเจ็บ หน้าผากช้ำเขียวไปเสียก่อน
จุนฮเวที่แอบเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของซึงยูนราวคนไม่ได้กินอะไรมาเลยเป็นสัปดาห์ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ วางผ้าเนื้อนุ่มและช้อนสแตนเลสคันเล็กลง
อาการแบบนี้ จุนฮเวเองก็เห็นบ่อยจนเรียกได้ว่าเกือบจะชินตา
“มีเรื่องให้เหนื่อยใจอีกแล้วใช่ไหมพี่ซึงยูน ?” พลางเอื้อมมือไปลูบไล่บ่าไหล่กว้างของพี่ชาย ซึงยูนเป็นผู้ชายร่างผอมบางสูงยาวก็จริง แต่ลาดไหล่ผายกว้างจนบางทีจุนฮเวก็แอบอิจฉารูปร่างของซึงยูนที่สามารถใส่กางเกงยีนส์บางตัวได้เลยโดยไม่ต้องปลดซิปหรือกระดุม “คราวนี้เป็นเรื่องของหัวใจ ?”
คำถามตรงกับหัวใจราวกับจุนฮเวมีตาทิพย์ที่สามารถมองเห็นและอ่านใจของผู้อื่นได้ ซึงยูนจึงเงยหน้าขึ้นก่อนวางคางลงบนเคาน์เตอร์ กวาดสายตาสบเข้ากับเรียวตาคมของผู้ที่อายุน้อยกว่า แม้จะผ่านสงครามน้ำตาจนรู้สึกปวดร้าวไปรอบดวงตาก็ตาม
“มีเรื่องอะไรไหมที่นายจะไม่รู้ ?”
“เอ้า ! นี่กูจุนฮเวนะครับ ทำงานกับพี่ อยู่กับพี่มากี่ปีแล้ว ? สนิทกับพี่ที่สุดรองจากพี่แดซอง มีเรื่องอะไรบ้างครับที่สุดหล่อคนนี้จะไม่รู้” ซึงยูนเหลือบตามองเด็กกวนประสาทอย่างหมั่นไส้ จิ๊ปากเบาๆ แล้วหลุบตามองวัตถุพื้นแข็งที่ตนกำลังเอาคางหนักๆ เกยเพื่อพึ่งพิง “พี่กำลังเสียใจเพราะทำอะไรผิดพลาดมาใช่ไหม ?”
“จุนฮเว นายอยากออกจากการเป็นบาร์เทนเดอร์แล้วไปเปิดสำนักเจ้าพ่อร่างทรงหรือดูดวงไพ่ทาโร่ไหม ?”
“โอ้ย ! ไม่เอาหรอกครับ มันไม่ใช่แนวของกูจุนฮเวคนหล่อ ทำงานกับพี่ดีที่สุดแล้ว” จุนฮเวขบหัวเราะขันออกมาหวังจะให้พี่ชายอารมณ์ดีตามไปด้วย แต่ซึงยูนยังคงนิ่ง ไม่มีอารมณ์ขำขันร่วมด้วยเลยแม้แต่น้อย “พี่ซึงยูน ... เล่ามาให้ผมช่วยพี่เหมือนทุกครั้งได้นะ ผมพร้อมช่วยพี่เต็มที่อยู่แล้ว”
ไม่ว่าเปล่า เจ้าคนอายุน้อยแต่ตัวโตที่อยู่ห่างเพียงเคาน์เตอร์บาร์กั้นก็เอื้อมมือไปลากเก้าอี้บุหนังสังเคราะห์ตัวสีดำสนิทข้างผนังมานั่ง ยกท่อนแขนแข็งแรงขึ้นมาวางประสานกัน ตั้งใบหน้าตรงมองไปที่ผู้เป็นทั้งนายและพี่ชายที่ยังคงทำท่าเป็นหมาหงอยอยู่อย่างนั้น
แม้จุนฮเวจะหน้าโหดราวนักเลงหัวไม้ เหมือนมาเฟียเก็บส่วยคุมพื้นที่รอบคลับ แต่อย่างน้อยภายในของจุนฮเวนั้นมีความอ่อนโยนแบบลูกผู้ชายซุกซ่อนเอาไว้อยู่
โดนจ้องนานๆ ก็ทำเอาซึงยูนแอบเขินจนต้องเหยียดตัวนั่งหลังตรง พยายามเก็บความอ่อนแอที่มีไว้ข้างในแล้วดึงความเข้มแข็งออกมาเคลือบภายนอกเอาไว้
“กลับไปนอนดีกว่า ค่ำๆ จะมาใหม่”
ว่าแล้วซึงยูนก็ลุกพรวดขึ้นยืนมั่นคงกับพื้น ส่งยิ้มบางๆ ให้จุนฮเวแล้วเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปตามทางเดิมที่ตนเคยเดินเข้ามา
ทิ้งไว้เพียงจุนฮเวที่ยังคงคอยืดคอยาวมองตามร่างสูงโปร่งให้เดินหายไปหลังจากประตูด้านหลังปิดลง ก่อนจะแอบยิ้มมุมปากเพราะเขาเชื่อว่ายังไงถ้าซึงยูนไม่มีที่ระบายเรื่องอึดอัดในหัวใจดวงนั้น จุนฮเวนี่แหละที่จะต้องเป็นถังขยะ เปิดหูรองรับเรื่องราวอัดอั้นเหมือนทุกครั้ง
แม้จะเบื่อหน่ายไปบ้างบางครั้ง แต่รักเจ้านายคนนี้แบบพี่ชายไปแล้ว ถ้าพี่ชายมีปัญหาอะไรก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา
แต่ตอนนี้ จุนฮเวคงต้องรีบแก้ไขปัญหาของตัวเองเมื่ออยู่ดีๆ เจ้าเด็กส่งของก็ดันซุ่มซ่ามชนข้าวของด้านหลังบาร์ตกเสียงดังโครมครามเสียลั่น
“ย่าห์ ! คิมดงฮยอก ! ทำไมนายถึงซุ่มซ่ามอย่างนี้นะ !”
มินโฮยกข้อมือที่ประดับด้วยนาฬิกาเรือนทองราคาหลายหลักขึ้นดูเวลานั้นหลายต่อหลายครั้ง เงยหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบนที่เปลี่ยนสีจากส้มเข้มตรงขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันตกเป็นสีเทาเข้มหม่น และอีกไม่นานฟากฟ้าคงจะเป็นสีดำสนิทรับกับแสงไฟฟ้าด้านล่างจากที่ต่างๆ ของชุมชนเมือง
โทรศัพท์มือถือถูกปลดล็อกอีกครั้ง ก่อนนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างจะเริ่มพิมพ์ข้อความส่งไปหาใครบางคนที่เขาเคยบอกไปแล้วเมื่อเช้าว่าจะมารับ
“ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ? ส่งข้อความหาคนอื่นโดยที่เขาไม่เปิดอ่านเนี้ย ? สงสารนิ้วมือของนายบ้างเถอะ”
คนที่มินโฮยืนรอมานานหลายชั่วโมงปรากฏตัวขึ้นละความสนใจของชายหนุ่มให้ละสายตาออกจากกรอบเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในมือให้สบเข้าดวงหน้าหวานเจ้าของเสียงแวดๆ แต่แอบเย็นชาแล้วยิ้มกว้างจนแก้มยก ขยับตัวเดินร่าเริงเข้าไปใกล้หวังจะกอดร่างเจ้าแมวอ้วนตัวนิ่มเป็นการลงโทษที่ปล่อยให้เขารอนานๆ แต่กลับโดนแทฮยอนที่แอบตั้งตัวได้ยกมือขึ้นผลักอกแกร่งจนมินโฮร่างหมีแทบกระเด็นได้เหมือนกัน
“ทำไมเพิ่งออกมาล่ะครับ ? รู้ไหมว่าพี่รอแทฮยอนนานมาก”
“ทำโปรเจคกับเพื่อนอยู่น่ะ แล้วนายรอทำไมล่ะ ?”
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเข่าอ่อนทรุดไปร่ำไห้กับพื้นแล้วแน่ๆ ถ้าเจอท่าทีเย็นชาแบบนี้ของแทฮยอน แต่คนมั่นหน้าระดับสิบอย่างมินโฮหรอจะหวั่น ยังคงสามารถยืนประจันหน้าได้อย่าแข็งแรงก่อนเลิกใส่ใจแล้วเปิดประเด็นต่อไป
มือหนาถูกยกขึ้นจับปีกหมวกสแนปแบคก่อนชายหยุ่มจะจงใจถอดมันออกไป เผยให้เห็นทรงผมใหม่ที่เจ้าตัวแอบไปทำมา
“เป็นไง ๆ หล่อล่ะสิ ?”
“อะไรของนายเนี้ย ? หัวเกรียนยังไม่พอยังจะทำสีทองอีก ตลกหว่ะ”
“ออกจะหล่อ ทำเสร็จเดินออกจากร้านสาวๆ มองตามจนคอเคล็ดเลยแหละ” ว่าแล้วก็ใส่หมวกไว้บนหัวเหมือนเดิม ก่อนเอื้อมมือคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเจ้าแมวอ้วนอย่างฉวยโอกาส แทฮยอนกำลังจะโวยวาย แต่คงไม่วายจะทันฝีปากกล้าของผู้ชายมาดมั่น “ไปกันเถอะ”
“เห้ย ! จะไปไหน ?”
“ไปพักผ่อนไง Relax น่ะ รู้จักไหม ?” มินโฮยิ้มกว้างอีกครั้งจนแก้มยกขึ้นเป็นลูกทั้งสองข้าง ออกแรงดึงให้คนอายุน้อยกว่าตามตนมาขึ้นรถคันงามที่จอดรอนานแล้ว “ไม่ต้องห่วง ไม่พ้นเขตโซลหรอก”
ชีวิตตอนกลางคืนเป็นอีกหนึ่งสีสันที่ทำให้โลกกลมๆ ใบนี้เกิดความสมดุลของสิ่งมีชีวิต เพราะแม้กลางวันจะถูกตีกฎตายตัวว่าเป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นใหม่ของวัน แต่คงลืมไปแล้วสินะว่า ช่วงเวลากลางคืนนี่แหละที่เป็นช่วงเวลาของการพักผ่อนสำหรับหลายๆ คน และอาจจะรวมไปถึงช่วงเวลาออกหากินของเหล่าผีเสื้อราตรี ความมืดมิดของกาลเวลาที่เปลี่ยนไปนั้นไม่ได้ทำให้เหล่าคนกลางคืนกลัวภัยอันตรายที่พร้อมจะรุมล้อมเข้ามา กลับชอบอกชอบใจเพราะรู้ตัวดีกว่าถ้าเจอความน่ากลัวเหล่านั้น ตนเองนี่แหละที่จะกางปีกแสนสวยงามของตนโบยบินหนีเอาตัวรอดได้เสมอ
แต่สำหรับใครบางคน กลิ่นไอยามราตรีช่างไม่ค่อยถูกกับเขาเอาเสียเลย ...
สองขายาวก้าวฉับพาตัวเองเข้ามาใน WN Night Club แม้แสงสีละลานตาจะชักชวนให้เขาตื่นตาตื่นใจบ้าง แต่คนที่ชอบสงบอย่างเขายังไงซะก็เกลียดแสงไฟสลัวของคลับที่พร้อมจะทำลายดวงตา อวัยวะส่วนสำคัญ ไหนจะเสียงดนตรีจากเครื่องขยายเสียงส่งเสียงดังที่พร้อมจะทำเอาอวัยวะภายในช่องท้องปั่นป่วนราวกับกำลังเต้นโครมไปกับเสียงดนตรีที่ไม่ลื่นหูนั้นอีก
ซึงฮุนทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้บาร์ตัวเล็กที่แม้จะขายาวแต่คงยาวไม่เท่าเรียวของของเจ้าตัว ดวงตาเล็กเพ่งมองไปที่บาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าติดโหดเมื่อเทียบอายุแล้วรู้เลยว่าอายุคงน้อยกว่าเขาไปหลายปีเลยทีเดียว
จุนฮเวที่โดนจ้องอยู่นานเริ่มรู้สีกอึดอัดจนต้องเอ่ยปากเปิดประเด็นสนทนาอย่างเป็นทางการ
“จะรับอะไรดีครับ ?”
คำถามที่ซึงฮุนไม่ได้เตรียมคำตอบเอาไว้เพราะเจ้าตัวก็ไม่ได้ดื่มของมึนเมาพวกนี้จนถึงขั้นชำนาญลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะหลุบตามองใต้เคาน์เตอร์ที่มีขวดเครื่องดื่มตั้งเรียงราย บางขวดเปิดฝาเอาไว้อาจเป็นเครื่องดื่มที่ขายดีจนเจ้าเด็กบาร์เทนเดอร์หน้าโหดจงใจไม่ปิดฝาเพื่อจะได้หยิบมาใช้ได้สะดวกๆ ก่อนจะกวาดเห็นของเหลวใสที่ตนคิดว่ารับดีกรีของมันไหว
“ขอเป็น ... วอดก้าสไปร์ทแล้วกัน” จุนฮเวยกยิ้มรับออเดอร์จากลูกค้าหน้าใหม่ก่อนหยิบแก้วร๊อคใบเล็กมาเติมน้ำแข็ง วอดก้า และเครื่องดื่มอัดลมสีใสรสหวานซ่าลงไปผสมกัน ใช้ช้อนสแตนเลสคันเล็กคนสองถึงสามที เสียบมะนาวฝานลงไปบนปากแก้วก่อนยกขึ้นเสริฟตรงหน้าของชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าอย่างยินดี “เออ ... จริงสิ นายพอจะรู้หรือเปล่าว่าเจ้าของร้านจะเข้ามาหรือเปล่า ?”
จุนฮเวถึงกลับหยุดมือที่กำลังเช็ดกับผ้าเช็ดมือเนื้อนุ่ม แล้วสบตากับคู่สนทนาตรงหน้า
“ถ้าคุณหมายถึงพี่แดซองล่ะก็ ... วันนี้เขาคงไม่เข้ามาหรอกครับ แต่ถ้าเป็นพี่ซึงยูน คงอีกสักประเดี๋ยวก็เข้ามาแล้วล่ะครับ ... มีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่าครับ เชิญที่โซน VIP ก่อนก็ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันรอตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องถึงขั้น VIP ให้วุ่นวายหรอก”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นนั่งรอตรงนี้สักครู่พี่ซึงยูนก็คงจะเข้ามาแล้ว ปกติพี่ซึงยูนมาเขาก็จะชอบมานั่งตรงนี้ก่อนประจำแหละครับ” จุนฮเวพล่ามยาวโดยไม่ทันสังเกตว่าบุคคลที่สามนั้นได้เข้ามาแล้ว “อ่ะ ! พี่ซึงยูน”
“พูดมากจริงๆ เลยนะ กูจุนฮเว ...” ผู้เป็นนายเอ็ดใส่บาร์เทนเดอร์หนุ่มเบาๆ ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆ ตัวของผู้เป็นลูกค้าที่รู้จักกันดี “ไม่เจอกันนานเลยนะ ซึงฮุน ... ฉันล่ะไม่คิดเลยนะว่านายจะเข้ามาในที่แบบนี้ด้วย นึกว่าวันๆ นึงอยู่เป็นแต่กับน้องหมาน้องแมวซะอีก”
ของเหลวใสที่อีซึงฮุนตั้งใจยกขึ้นจิบแทบจะลงไปที่คออย่างไม่ทันตั้งตัวจนต้องไอสำลักออกมาหายใจหายคอแทบไม่ทัน แต่ทันทีที่ตั้งตัวได้ก็ต้องเหลียวเรียวตาเล็กมองคนข้างๆ ตัวนิดหน่อยเพื่อเรียกความมั่นใจของตัวเองให้กลับมา พร้อมวางฟอร์มได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบโต้ไอ้ลูกหมากวนโอ้ยให้อยู่หมัด
“ไม่เจอกันนาน นายก็ยังคงเป็นหมา กัดเจ็บเหมือนเดิมจริงๆ เลยนะ” ทำเป็นยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบอีกครั้งไม่ให้ตัวเองหลุดฟอร์ม “ฉันมาเพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับนายนี่แหละ”
ความฉงนใจเกิดขึ้นทันทีที่ซึงฮุนกล่าวจบ
“งั้น ... ไปคุยกันที่ห้อง VIP กัน ...”
“ไม่ต้องหรอก ตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องวุ่นวายต้องย้ายที่หรอก”
ซึงยูนถึงกลับลอบถอนหายใจช้าๆ กับท่าทางเอาแต่ใจตัวเองแบบนิ่งๆ ของเพื่อนเก่า พลางยกมือขึ้นกวักไล่ให้จุนฮเวหลบไปด้านหลังก่อนเพื่อไม่ให้เจ้าเด็กที่ตนจ้างรู้เรื่องของเจ้านายมากเกินไป ก็ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อซึงฮุนอยากจะคุยกับตนบริเวณที่สาธารณะ คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเท่าไรนักจึงต้องออกไปก่อนอย่างช่วยไม่ได้
จุนฮเวรู้ดีว่าเป็นเรื่องของเจ้านาย จึงยอมพยักหน้าเชิงเข้าใจก่อนเดินหลบไปทางด้านหลังให้ห่างจากเจ้านายที่สุด
“มีอะไร ?”
“ซึงยูน ...” น้ำเสียงติดจะแหลมถูกตีดัดให้ทุ้มแสดงความจริงจังออกมาอย่างชัดเจนจนซึงยูนต้องลอบมองคนตัวสูงกว่าด้วยความหวั่นใจเบาๆ “นายจำคำถามที่ฉันเคยถามนายเมื่อหลายปีก่อนได้ไหม ? ตอนนั้นฉันบอกนายว่าไม่ต้องการคำตอบใช่หรือเปล่า ? แต่นานวันเข้า ฉันก็อึดอัดกับคำถามที่ไร้คำตอบขึ้นทุกวัน ถ้าเป็นได้ ... ฉันขอคำตอบจากนาย เวลานี้ ตอนนี้ ได้หรือเปล่า ?”
XXXXX
กว่าเจ๊ตีบจะแต่งตอนนี้จบเล่นเอาเหนื่อยได้เลยเหมือนกัน 55555555
ตอนนี้ขออนุญาตอัดเรื่องของนัมซงบ๊อบไปเต็มๆ เอาใจนัมซงชิปเปอร์กันนิดนึงนะคะ
คิคิ ศึกชิงนายนี่ ดูเหมือนน้องนัมของเราจะมองเด็กฟันกระต่ายคนนั้นดีขึ้นแล้วแหละค่ะ
คุณซงต้องทำคะแนนกันต่อไปเนาะ ^^
หว่าย !! ทูซึงมีความลับอะไรกันนะ ? ชักอยากรู้แล้วใช่ไหมเอ่ย ?
ตอนหน้า เฉลยแล้วกันนะคะ ^^
ปล. เนื่องจากช่วงนี้เจ๊ตีบปล่อยให้ฟิคอัพช้ามาก (ก.ไก่ ล้านตัว)
เจ๊ตีบเลยวาดแฟนอาร์ตซึงยูนจินอูแทนคำขอโทษนะคะ T^T
ถ้าไม่สวยยังไงก็ติได้เลยนะคะ น้อมรับคำติเต็มที่เลย
ความคิดเห็น