ตอนที่ 18 : xx ♥︎ 015(100%)
DoubleX 015
Theme song : Drag me down – One direction
So just call me , if you want me.
“คุณแอรีสครับ”
เสียงเรียกที่ดังข้างหลังทำให้ลู่หานต้องหยุดชะงัก ขาเล็กที่ตั้งใจจะก้าวเดินไปอีกทางต้องเปลี่ยนหมุนมาทางรถตู้คันใหญ่ที่มีโลโก้บริษัทแปะอยู่อย่างเด่นหรา ริมฝีปากอิ่มเบะคว่ำ แต่ถึงแบบนั้นก็เดินไปตามทางที่มีคนขับรถเผยมือไว้ให้
“ขอบใจนะ แล้วนี่...” เอ่ยขอบคุณพลางก้าวเท้าผ่านประตูที่เปิดไว้
“ครับ?”
“บอสตั้งใจจะควบคุมความประพฤติฉันนานซักเท่าไหร่กัน”
“อ่า...บอสแค่ฝากมาบอกว่าจนกว่าคุณแอรีสจะ‘จัดการ’ทุกอย่างได้หมดน่ะครับ”
ลู่หานยิ้มหวานรับกับคำที่บอสฝากมาบอกทันที พูดมาแบบนี้ก็แสดงว่าคงให้เขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ความคิดในตอนแรกที่กังวลว่าบอสอาจจะทำให้แผนการที่คิดไว้ในหัวจะพังลงต้องหายไป ประตูปิดลงพร้อมกับริมฝีปากอิ่มเอ่ยชื่อสำนักพิมพ์ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราว
ตากลมเหลือบมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก็พบว่ายังมีเวลาพอที่เขาจะจัดการชีวิตที่วุ่นวาย ก่อนจะไปสนามบินเพื่อจัดการในสิ่งที่ต้องทำ
“ถึงแล้วครับ”
เสียงของคนขับรถที่อยู่ด้านหน้าดังขึ้น ทำให้ลู่หานหลุดจากภวังค์ มือเล็กเก็บกรอบรูปใบเล็กที่นั่งเหม่อมองอยู่นานใส่กระเป๋า พลางขยับตัวก้าวลงจากรถ เจ้าของเรียวขาสวยภายใต้สกินนี่ยีนส์ยืดตัวขึ้น หยิบแว่นกันแดดยี่ห้อดังขึ้นใส่ แล้วยกยิ้มร้ายกาจ
“คะ...คุณแอรีส”
น้ำเสียงตะกุกตะกักของพนักงานสาวที่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตูบริษัท ทำให้ลู่หานยกรอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษ ที่ดูแล้วคนมองก็คงรู้สึกอำนาจกดดันบางอย่างที่แผ่ออกมาจากร่างเล็กที่กำลังยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า
“ขอพบบอสของบริษัทนี้หน่อยสิ”
เอ่ยเสียงเรียบนิ่งสั่ง จนหญิงสาวได้แต่เอ่ยตอบรับทันที พร้อมสั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัย เปิดประตูให้นายแบบชื่อดังในวงการที่วันนี้แผ่ไอเย็นกดดันจนน่าเกรงขาม เธอพอจะรู้ว่าคุณแอรีสเข้ามาที่สำนักพิมพ์ของเธอทำไม ซึ่งนั่นทำให้รู้สึกแอบหวาดกลัวไม่ได้ว่าในวันพรุ่งนี้อาจไม่มีงานทำ เพราะบริษัทคงพบปัญหาอย่างแน่นอน
เพราะเธอรู้ดีว่าสำนักพิมพ์ใดที่มีปัญหากับนายแบบผู้แสนโด่งดังผู้นี้ศพมักไม่ค่อยสวยซักเท่าไหร่ ทั้งที่เธอก็พยายามคัดค้านบอสแทบตาย แต่สุดท้ายก็จบลงที่หนังสือพิมพ์ของบริษัทลงรูปนั้น พร้อมหัวข้อความที่น่าฉุน
“ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อะ..ปะ เปล่านะคะ”
ลู่หานระบายรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นหญิงสาวที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่ข้างกันในลิฟท์ เอื้อมมือที่กำลังสั่นเทาไปกดเลขชั้นด้วยความยากลำบาก ก็ไม่ได้ตั้งใจจะแผ่ไอเย็นความกดดันกันขนาดนี้หรอก แต่สิ่งที่สำนักพิมพ์นี้ทำกับเขาไม่ค่อยน่ารักซักเท่าไหร่นี่สิ
ตู้โดยสารสี่เหลี่ยมพาขึ้นมายังชั้นสูงสุด ลู่หานเดินออกมาตามมือที่ผายออกของหญิงสาวตรงหน้า เดินผ่านห้องกระจกไม่นานก็พบกับห้องขนาดใหญ่ที่มีป้ายแปะเด่นหราว่าเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์แห่งนี้
“ขอบใจนะ” ส่งรอยยิ้มจริงใจให้กับพนักงานสาวที่พามาส่ง ทำให้เธอหลบสายตาแก้มแดงขึ้นสี พร้อมหันหลังกลับไปทิศทางเดิม
“ได้ติดต่อเอาไว้หรือเปล่าคะ?” เลขาสาวเจ้าของเดรสสีแดงสดรัดรูปเอ่ยถาม ทำให้ลู่หานยกยิ้มมุมปาก พลางถอดแว่นกันแดดออก ทำให้ดวงตาที่เต็มไปดวงเครื่องสำอางค์ต้องเบิกโตอย่างตกใจ
“ไม่ได้ติดต่อไว้ แต่ผมจะเข้าไปคุยกับหัวหน้าของคุณ…ตอนนี้”
“แต่..คือ”
ลู่หานทำหน้านิ่งใส่ พลางเดินไปทางกรอบประตูสีน้ำตาลที่อยู่ตรงหน้า เลขาสาวรีบพุ่งตัวมาขวางไว้ แต่ก็ไม่ทันกับมือเล็กที่เอื้อมไปเปิดประตูให้กว้างออก คนที่อยู่ในห้องสะดุ้งตัวพร้อมหันมามองหน้าเขาด้วยความตกใจ ลู่หานแย้มยิ้มแต่เป็นยิ้มที่คนมองดูออกว่าอันตรายมากแค่ไหน
เจ้าของสำนักพิมพ์ลุกขึ้นยืนทันที พร้อมหันสายตาไปตำหนิเลขาสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง นั่นทำให้ลู่หานต้องกระแอมไอเพื่อเรียกให้สนใจตัวเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่พยายามหลบตากันอยู่แบบนั้น
“สวัสดีตอนเช้าครับคุณแอรีส”
“สวัสดีครับคุณจองชิก เจ้าของสำนักพิมพ์เจซีไอขนาดเล็ก”
เอ่ยย้ำคำท้ายประโยคจนจองชิกได้แต่หน้าซีดเผือดไปมากกว่าเดิม มือกร้านตามวัยยกขึ้นลูบผมที่มีอยู่น้อยนิดพลางเช็ดเหงื่อเม็ดโตที่ไหลลงมาข้างขมับ ชายสูงอายุร่างท้วมได้แต่คาดโทษถมึงตาใส่เลขาสาว พลางสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าอยู่ในใจ
“นี่คุณ...ไม่คิดจะเชิญผมนั่งเลยหรือครับ?”
“อ่า ขอโทษครับที่เสียมารยาท เชิญนั่งเลยครับคุณแอรีส”
“รับชาหรือกาแฟดีคะ?”
“ไม่ดีกว่าครับ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจะอยู่นานสักเท่าไหร่”
โบกมือปฏิเสธเลขาสาวพลางทิ้งตัวลงนั่งโซฟาที่ถูกเชื้อเชิญ ลู่หานยกขาขึ้นนั่งไขว้ห้างแล้วยกแขนวางประสานมือ พลางแย้มรอยยิ้มเคลือบยาพิษที่ทำเอาจองชิกต้องรู้สึกร้อนๆหนาวๆ แม้จะรู้ตัวดีว่าคงโดนจัดการปิดข่าวด้วยวิธีการอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าของข่าวที่ถูกกล่าวถึงจะลงมาจัดการด้วยตัวเอง
“คุณคงทราบดีว่าผมมาที่นี่ทำไม”
“ครับ”
“ผมเคยคิดว่าสำนักพิมพ์ของคุณจะมีจรรยาบรรณมากกว่านี้นะครับ” เอ่ยประโยคเฉือดเชือนทั้งที่ยังแย้มรอยยิ้ม ดวงตากลมที่ดูสดใสแข็งกร้าวขึ้นมา แม้จะผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากกว่าแต่จองชิกกลับไม่สามารถตอบโต้ได้
“ผม คือ...”
“ช่วยจัดการกับหนังสือพิมพ์ในเช้าวันนี้ให้หมดไปจากแผงหนังสือ และร้านค้าทุกที่ที่คุณส่งไปด้วยนะครับ อย่าให้ผมเห็นว่ายังมีเล่มไหนวางขายอยู่”
“…”
“คงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ?”
เอ่ยเน้นเสียงหนักแน่น พลางเปลี่ยนจากใบหน้ายิ้มแย้มเป็นนิ่งสงบใส่ เจ้าของสำนักพิมพ์ที่ตอนนี้เหมือนจะช๊อคไปแล้วในสิ่งที่ลู่หานพูด คนตัวเล็กตั้งใจจะจัดการให้มากกว่านี้สมกับที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาต้องลดระดับลง แต่ลู่หานก็ใจดีพอ ปกติเขาไม่ใช่คนร้ายกาจที่เหวี่ยงวีนไม่เข้าเรื่อง แต่ยกเว้นสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่น่าอภัยแบบนี้จริงๆ
“คะ..คุณแอรีส บริษัทผมก็แค่เล็กๆ จะให้ผมเอาเงินที่ไหนไปจัดการละครับ”
จองชิกสวมวิญญาณนักธุรกิจร้อยเล่ห์ พยายามรุกเกมส์กลับแม้ไอเย็นที่น่ากดดันจะแผ่ออกมาจากเจ้าของใบหน้าหวานใส ที่ตอนนี้ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มอยู่อีกแล้ว คิ้วเล็กขมวดมุ่นทันทีที่ได้ยินประโยคเห็นแก่ได้จากเจ้าของสำนักพิมพ์
“นั่นเป็นปัญหาของบริษัทคุณ”
“…?!”
“ขอบคุณนะครับ ที่ทราบว่าเป็นเพียงแค่บริษัทเล็กๆ เพราะถ้าผมฟ้องร้องขึ้นมาเจซีไออาจหายไปจากวงการสำนักพิมพ์ไปเลยก็ได้”
เอ่ยประโยครุกฆาตจนเจ้าของสำนักพิมพ์มากเล่ห์ได้แต่หน้าซีดเผือด ในหัวของจองชิกคิดคำนวนถึงผลร้ายหรือผลเสียที่เกิดขึ้น แล้วก็ได้แต่กุมขมับพลางพยักหน้าก้มหัวอย่างจำยอม มือกร้านรีบโทรสั่งงานกับลูกน้องทันที นั่นทำให้ลู่หานเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ขอบคุณนะครับคุณจองชิก...แต่ผมอยากรู้อะไรบางอย่าง”
“คุณแอรีสอยากทราบอะไรครับ?”
ลู่หานขมวดคิ้ว พลางนึกอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในสำนักพิมพ์แห่งนี้ก็พบว่าเป็นสำนักพิมพ์ขนาดเล็กมากอย่างที่ว่า ฉะนั้นโอกาสจะมีปาปารัสซี่มือดีจับภาพได้ขนาดนั้นก็เป็นไปได้ยาก เพราะเขาก็ระวังตัวในทุกครั้งที่ต้องออกไปข้างนอก
“รูปที่ได้มา คงไม่ใช่จากคนในบริษัทคุณหรอกใช่ไหม?”
“อ่า..คือ” คนสูงวัยตรงหน้าชะงักค้าง ท่าทางมีพิรุธส่อแววจนลู่หานต้องถามย้ำอย่างสงสัย
“คุณควรตอบผมนะครับ”
“คือ...มีผู้หวังดีส่งรูปมาให้และเงินหนึ่งก้อนให้ผมลงข่าวนี้ครับ”
“ใคร?!”
“ผะ ผมไม่ทราบจริงๆครับคุณแอรีส”
น้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างยอมแพ้ แถมหัวที่ก้มลงอย่างขอโทษขอโพยทำให้ลู่หานต้องโบกปัดมืออย่างไม่ติดใจจะซักไซร้ต่อ คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนพลางโค้งขอบคุณจองชิกจนอีกฝ่ายได้แต่ก้มหัวรับทันที ลู่หานส่งรอยยิ้มที่จริงใจมากกว่าในครั้งแรกพร้อมเอ่ยขอรบกวน ทำให้หัวใจของอีกฝ่ายได้แต่หนักอึ้งด้วยความรู้สึกผิด
ลู่หานเดินออกตามทางเดิมที่พนักงานสาวตัวเล็กได้พามา ปากอิ่มเม้นแน่นพลางนึกไปถึงว่ามีศัตรูที่ไหน ที่ตั้งใจทำลายชื่อเสียงมากขนาดนี้ ถ้าหากเป็นเพื่อนร่วมวงการณ์ เขาก็แทบนึกไม่ออก ถึงภาพลักษณ์โดยส่วนตัวจะดูเหย่อหยิ่งแต่ลู่หานก็มีความจริงใจให้ทุกคนเสมอ
นึกคิดอย่างเหม่อลอย พลางก้าวข้ามถนนเล็กเพื่อไปขึ้นรถตู้บริษัทอีกฝั่ง แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“คุณแอรีส!!!”
“กรี๊ดดดด!”
เสียงร้องดังลั่นของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ดังขึ้นทันที รถมอเตอร์ไซส์วิ่งตัดหน้าพอดีกับที่ลู่หานกำลังก้าวเท้าออก ร่างกายที่ลอยคว้างทำให้หัวใจดวงเล็กขวัญกระเจิง หลับตาลงอย่างจำยอมในสิ่งที่กำลังจะเกิด
แต่สัมผัสนุ่มหยุ่นแทนที่จะเป็นพื้นปูนแข็งที่ทำให้กระดูกร้าวสักจุด ทำให้ดวงตากลมต้องเบิกโพลง เสียงร้องโอดโอยพร้อมใบหน้าแหยเกของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ด้านใต้ทำให้ลู่หานต้องรีบลุกขึ้นมาทันที
“นาย! เป็นอะไรไหม?!”
เอ่ยร้องถามอย่างตกใจถึงคนที่เหมือนนอนจุกอยู่ด้านข้าง มองสำรวจดูทั่วตัวก็ไม่พบรอยบาดเจ็บอะไร นั่นทำให้ลู่หานได้รู้ว่านี่คือคนขับรถของบริษัทเขานั่นเอง แต่เพราะหมวกแก๊ปที่หลุดออกไป ทำให้เผยเห็นใบหน้าที่คุ้นตาโดนเฉพาะรอยบากบริเวณคิ้วที่ดูสะกิดความทรงจำของคนตัวเล็ก
“คุณ..ตัวหนักชะมัด” เอ่ยพูดอย่างลำบาก แต่ประโยคที่ขัดหูทำให้ลู่หานได้ค้อนเข้าใส่ แต่คนตัวเล็กนึกถึงบุญคุณที่ไม่ต้องถูกรถมอเตอร์ไซส์เฉี่ยวจนได้แผล ทำให้ต้องเก็บกลืนคำด่าลงคอ เปลี่ยนมาช่วยจับสำรวจดูว่าผู้มีพระคุณไม่ได้บาดเจ็บตรงส่วนไหน
“เฮ้ นายนี่...เอ่อ..ขอบใจแล้วกันนะ”
“ลดน้ำหนักหน่อยก็ดีนะคุณ”
“ย๊า...”
เอ่ยกับตัวเองอย่างขัดใจ เพราะจะระเบิดอารมณ์ใส่คนที่พูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทก็ไม่ได้ ทำให้คนตัวเล็กได้แต่เบะปากอิ่มแล้วฮึดฮัดอยู่ในใจ ลู่หานนึกไปถึงเหตุกาณ์เสี่ยงตายก่อนหน้าแล้วคิ้วเล็กก็ได้แต่ขมวดมุ่น ไม่อยากนึกสภาพของตนเองหากไม่ได้รับการช่วยเหลือเลยจริงๆ
น่ากลัวมากเกินไป ทำไมเหตุการณ์รอบตัวถึงได้ดูอันตรายขึ้นมามากในช่วงนี้
กำโทรศัพท์ไว้แน่น ตั้งใจจะโทรหาใครบางคน แต่ก็หยุดชะงักไว้บางทีนี่อาจเป็นเพราะดวงเขาตอนนี้ที่กำลังตกสุดๆก็เป็นได้ เหลือบมองชื่อที่ตั้งใจจะกดโทรหาแต่ก็หยุดไว้เพียงเท่านั้น เพราะลู่หานรู้ดีว่าตอนนี้เซฮุนมีเรื่องที่ต้องทำมากมายแค่ไหน
ตั้งแต่ในคืนวันนั้นที่โอเซฮุนเล่าเรื่องในสิ่งที่ต้องทำทุกอย่าง
เพื่ออิสรภาพ และเพื่อที่จะได้รัก...คนแบบเขา
ยิ่งคิดหัวใจก็ยิ่งเต้นรัวด้วยความเต็มตื้น เป็นความรู้สึกอิ่มในหัวใจที่บรรยายออกมาไม่ได้ เหมือนแก้วน้ำที่ถูกน้ำหวานเติมจนเต็ม เหมือนลูกโป่งที่ถูกอัดแก๊สจนพองโต ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มออกมาบางเบาเมื่อนึกถึงใบหน้าแสนสมบูรณ์แบบของคนที่อันตรายต่อหัวใจอยู่เสมอ
“คุณแอรีสจะเดินทางไปสนามบินอินชอนเลยใช่ไหมครับ”
“อื้ม รีบไปเลยเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”
เอ่ยบอกคนขับรถที่เป็นผู้ช่วยชีวิต พลางถอนหายใจบางเบาเมื่อนึกถึงในสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ มือเล็กหยิบกรอบรูปในกระเป๋า จ้องมองคนในรูปภาพแล้วเอ่ยออกมาเสียงเบาจนแทบกระซิบ
“อีกไม่นานหรอกใช่ไหมครับ..พี่”
คุณทำให้ผมชอบสีท้องฟ้าในวันนี้ แม้มันจะมืดหม่น
Aries Lu
Loading…50%
ขาเล็กก้าวเดินอย่างรีบร้อน เจ้าของดวงตากลมเหลือมองเข็มนาฬิกาที่เฉียดใกล้เวลาเครื่องออกทำให้คิ้วเล็กขมวดมุ่นด้วยความเป็นกังวล ลู่หานเร่งสองเท้าให้ก้าวเร็วยิ่งขึ้นจนแทบวิ่ง แต่เพราะผู้คนที่ขวักไขว่อยู่เต็มสนามบินอินชอน ทำให้ความเร็วในการก้าวเดินไม่เป็นอย่างต้องการมากนัก หัวใจบีบตัวแน่นอย่างกังวลพร้อมมือเล็กที่กำกรอบรูปที่ถือติดมือมาแน่นขึ้น
“ขอโทษครับ”
เอ่ยออกมาทันทีเมื่อเผลอชนผู้ชายร่างสูงใหญ่ ร่างเล็กก้มหัวเล็กน้อยพร้อมรีบเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปชั้นบริเวณผู้โดยสารขาออก
“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว”
น้ำเสียงดีใจพร้อมแววตาที่เป็นกังวลของเพื่อนสนิทคลายลง เมื่อเห็นลู่หานอยู่ในกรอบสายตา นั่นทำให้คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น พอดีกับร่างสูงของคนที่ตั้งใจมาหาผุดขึ้นยืน รอยยิ้มดีใจที่ปรากฏแต่งแต้ม ทำให้ลู่หานต้องแย้มรอยยิ้มกลับ แค่เพียงเท่านั้นก็ถูกคนตัวใหญ่กว่ามากคว้าตัวเข้าไปกอดทันที
“นึกว่าเสี่ยวลู่จะไม่มาซะอีก”
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ”
เอ่ยตอบพลางยกแขนเล็กขึ้นกอดตอบผู้ชายตัวโตที่ยังซุกใบหน้าอยู่ตรงไหล่ ลู่หานผลักคริสออกเบาๆ เมื่ออ้อมกอดเหมือนจะรัดแน่นมากเกินไป แววตาแสนเศร้าที่ส่งมาทำให้หัวใจดวงเล็กบีบตัวอย่างหนัก ปากอิ่มเม้นแน่นอย่างกังวลแต่ถึงแบบนั้นก็ยังเปลี่ยนเป็นส่งรอยยิ้มแสนหวานไปให้
“จะไม่ไปกับคริสจริงๆเหรอ?” น้ำเสียงอ้อนพร้อมกับแรงบีบกระชับที่มือเล็กทำให้ลู่หานใจอ่อนไปเกือบครึ่ง ความสงสารและเห็นใจที่ถาโถมทำให้ดวงตากลมสั่นไหวด้วยความลังเล
“…”
“เสี่ยวลู่...”
“คริส...เราไปไม่ได้หรอกนะ”
คำพูดของเพื่อนสนิทยังดังวนอยู่ในหัว การรักษาที่เขาพยายามช่วยคริสมาตลอดมามันไม่ได้ผล และในเมื่อตัดสินใจที่จะให้คริสไปรักษาตัวด้วยอีกวิธีแล้ว ลู่หานก็ต้องใจแข็งต่อแววตาที่กำลังอ้อนวอนอยู่ตรงหน้า เพราะเขาเป็นอีกปัจจัยที่ควรกำจัดออกเพื่อให้การรักษาอีกวิธีได้ผลมากยิ่งขึ้น แม้อยากจะแบ่งเบาในความเจ็บปวดของคนตรงหน้านี้ด้วยการอยู่ข้างๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้... หน้าที่ของเขาจบลงแล้ว
“ทำไม...?”
ลู่หานไม่ได้ตอบคำถาม มือเล็กเอื้อมมือวางกรอบรูปใบเล็กที่กำแน่นมาตลอด แกะมือใหญ่ที่เกาะกุมอยู่ที่ข้อมืออีกข้าง พลางวางกรอบรูปใบนั้นอย่างถนุถนอม ลู่หานสูดหายใจลึกหลับตาลงแล้วลืมขึ้นอย่างยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
ใบหน้าสมบูรณ์แบบเรียบนิ่ง นั่นทำให้หัวใจของคนมองอย่างลู่หานกระตุก คริสมองคนในรูปถ่ายนิ่งค้าง อยู่ๆหยาดน้ำก็ก่อตัวขึ้นบนดวงตาคมที่ยังคงมองกรอบรูปใบเล็กอย่างไม่กระพริบ น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามพอดีกับหยดน้ำใสหยดลงตามแรงโน้มถ่วง
“เขาคือใคร...ทำไมหน้าคล้ายเสี่ยวลู่ และ...”
คริสเงยหน้าขึ้นมองลู่หานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนที่น่าสงสาร คนตัวเล็กทำได้เพียงเอื้อมมือไปเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลจากดวงตาคมของร่างสูง
“ทำไมคริสถึงปวดหัวใจมากขนาดนี้..”
“คริส...”
เหมือนเป็นสัญญาณที่ดีบางอย่าง ลู่หานพุ่งตัวเข้าไปกอดคริสด้วยความรู้สึกในหัวใจที่ยินดี เหมือนพันธนาการที่พันไว้อย่างยุ่งเหยิงเริ่มคลายปม แม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็เพียงพอให้ไม่รัดแน่นจนเจ็บปวดเหมือนที่ผ่านมา
แรงแตะแขนแผ่วเบา พร้อมรอยยิ้มบางของเพื่อนสนิท ทำให้ลู่หานต้องคลายอ้อมกอด แววตาหม่นหมองแสนสับสนของคริสที่ทอออกมาทำให้หัวใจดวงเล็กหนักอึ้งแต่ถึงแบบนั้นก็ยังส่งรอยยิ้มเพื่อบอกลา ทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้องส่งรอยยิ้มกลับมาแม้จะแสนเศร้า พร้อมกดจูบแผ่วเบาลงบนหน้าผากมน
“ขอบคุณสำหรับความพยายามที่ผ่านมา ที่เสี่ยวลู่พยายาม...เพื่ออยู่ข้างกัน”
“คริส...”
ลู่หานเอ่ยชื่อของอีกคนมาอย่างแผ่วเบา พอดีกับที่ร่างสูงหมุนตัวเดินเข้าไปทางเกทที่เปิดรอ ข้างกันกับเพื่อนสนิทที่ยื่นเม็ดยาบางอย่างให้ ลู่หานรู้ดีว่าคืออะไร ยาระงับประสาทที่ไม่ทำให้คริสต้องเจ็บปวดกับความเป็นจริงไปมากกว่านี้
เขาทำได้เพียงเท่านี้ ลู่หานรักษาสัญญาได้เพียงแค่เท่านี้
ปาดหยาดน้ำตาที่ไหลออก พลางเงยหน้าทำตัวเป็นเข้มแข็งทั้งที่สุดท้ายเขาก็ยังอ่อนแอ ต่อให้พยายามแค่ไหนหัวใจของลู่หานก็ยังเข้มแข็งไว้ไม่พอ ย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่กดไว้ลึกสุดหัวใจแล้วลู่หานก็ได้ภาวนาให้การรักษาผ่านพ้นไปด้วยดี ให้คริสกลับมาเป็นเหมือนเดิม เป็นพี่ชายที่แสนดีของเขาเหมือนเดิม
XX HUNHAN XX
ลู่หานเดินออกมาด้วยความรู้สึกที่เหม่อลอย เดินไปยังที่จอดรถตู้ที่จำได้แม่น แต่กลับแทนที่ด้วยเมอซิเดสคันหรูพร้อมร่างคุ้นตาของใครบางคนพิงอยู่ ร่างสูงที่สวมเพียงเสื้อไหมพรมสีอ่อนกับกางเกงยีนส์ขาดเข่าธรรมดาแต่แสนดูดีและดึงดูดสายตา แววตาคมดุสีเขียวฟ้ามองสบกับดวงตากลม นั่นทำให้ริมฝีปากหยักยกยิ้ม ลู่หานเดินเข้าไปใกล้คนที่ลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง แขนยาวที่ยืดออกเหมือนกำลังรอนั่นทำให้ลู่หานเผลอขยับตัวเข้าไปในอ้อมแขนที่รองรับ
อ้อมกอดอุ่นกว่าในทุกทีที่รัดแน่นทำให้ความกังวลและตะกอนความหนักอึ้งในใจจางหาย ลู่หานซุกตัวเข้าไปใกล้อกแกร่งมากยิ่งขึ้น อ้อมกอดเซฮุนทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างประหลาด เหมือนนี่คือพื้นที่ของเขาเพียงคนเดียว
“หนาวไหม?”
“อื้อ”
หลับตาพริ้มด้วยท่าทางน่ารัก แล้วขยับหัวกลมที่ซุกอยู่บนอกขึ้นลงอย่างยืนยัน ทำให้เจ้าของอ้อมกอดอุ่นได้แต่อมยิ้มที่ไม่เผยขึ้นบ่อยนัก พลางกดจมูกลงสูดดมกลุ่มผมนิ่ม กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เซฮุนรู้ดีว่าวันนี้ลู่หานต้องเจอกับอะไร ตั้งแต่ที่เราเปิดเผยความรู้สึกและทุกอย่างในคืนนั้น เซฮุนให้คนสืบเรื่องราวสิ่งที่ลู่หานพยายามจะบอกมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาได้รู้เรื่องราวในอดีตของคนตัวเล็กมากยิ่งขึ้น
แก้วโกโก้ร้อนที่ควันลอยกรุ่นถูกยื่นให้ตรงหน้าร่างเล็ก ลู่หานเอื้อมมือไปหยิบแก้วมัคใบโตไว้ด้วยสองมือแล้วยกขึ้นดื่มด้วยท่าทางที่ไม่รู้ตัวว่าน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อยมากขนาดไหน เซฮุนทิ้งตัวลงนั่งข้างคนน่ารักที่ห่อตัวเองด้วยผ้าห่มพื้นโตอยู่บนโซฟาสีดำของเขา
ใบหน้าที่ดูมีความสุขของคนอายุมากกว่าทำให้เซฮุนรู้สึกเอ็นดูมากขึ้น คราบสีน้ำตาลที่เปรอะอยู่ตรงขอบริมฝีปากอิ่มทำให้มือใหญ่เอื้อมไปเช็ดให้ แล้วดูดทำความสะอาดคราบสีน้ำตาลบนนิ้วตัวเอง ด้วยท่าทางที่ทำให้คนมองต้องแก้มแดง
“หน้าแดง” เซฮุนเอ่ยทัก ยิ้มเจ้าเล่ห์ล้อเลียนนั่นทำให้แก้มกลมขึ้นสีไปใหญ่
“กะ..ก็ร้อนแล้ว”
ผลักกองผ้าห่มที่คลุมตัวเกือบมิดให้เปิดออก พูดโกหกทั้งที่หนาวแทบตาย ลู่หานทำทีไม่สนใจในสิ่งที่คนตัวโตกว่าพูดแล้วหยิบรีโมทที่อยู่ใกล้ตัวมาเปิดหาดูหารายการที่สนใจ สุดท้ายก็ขยับผ้าห่มมาให้พันตัวเหมือนเดิม เมื่ออากาศในคืนนี้หนาวกว่าทุกทีเพราะหน้าหนาวที่ใกล้เข้ามา
ลู่หานเบะปากใส่คนที่ยังจ้องหน้ากันไม่เลิก หันไปค้อนใส่อีกทีด้วยท่าทางที่ติดรำคาญ ไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่ตัดสินใจมานอนค้างที่คอนโดของเซฮุน เพราะอารมณ์ตอนนั้นที่อยากอยู่ใกล้คนตัวสูงเหมือนกันทำให้เผลอตอบตกลงโดยง่าย
“จะมองหน้ากันอีกนานไหม?”
“คิดถึง”
คำเดียวที่ออกมาจากริมฝีปากบางแสนดูดีของคนตรงหน้า ทำให้ลู่หานรู้สึกแพ้ขึ้นมามากกว่าเดิม แก้มที่ร้อนจัดมากกว่าก่อนหน้าทำให้คนตัวเล็กต้องหลบสายคมที่ยังไม่เลิกจ้องมอง มุดลงกองผ้าห่มผืนหนาเพื่อปกปิดแก้มกลมที่ไม่เดาก็รู้ว่าคงจะแดงมากตามความร้อนที่แผ่ออกมาแน่นอน
ลู่หานหลบไปในกองผ้าห่มจนโผล่พ้นมาแค่ดวงตากลม ท่าทางน่ารักที่ไม่ได้ตั้งใจนั่นทำให้เซฮุนต้องขยับตัวใบใกล้กองผ้ามากกว่าเดิม ตัดสินใจยกก้อนผ้าห่มวางบนหน้าตักแม้จะโดนขัดขืนโดยร่างเล็กที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอด แต่สุดท้ายเซฮุนก็ได้กอดร่างนุ่มนิ่มสมใจ
“ปล่อยเลยนะ”
“…” ไม่ตอบตามประสา แต่การกระทำก็ปฏิเสธคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี ลู่หานดิ้นหนีอ้อมกอดที่กักขังอยู่ ดิ้นจนเหนื่อยสุดท้ายก็ยอมแพ้อีกครั้งและปล่อยให้เซฮุนกอดตามใจชอบ ถือโอกาสทิ้งตัวลงบนอกคนตัวโตกว่าแรงๆจนแอบได้ยินเสียงดังอุ้กให้ได้ยิ้มอย่างชอบใจ
สัมผัสนุ่มนิ่มที่คลอเคลียอยู่หลังต้นคอและใบหูทำให้ลู่หานต้องย่นคอหนี คนเจ้าเล่ห์ส่งเสียงจุ้บพร้อมปล่อยลมหายใจร้อนใส่อย่างน่าจั๊กจี้ ลู่หานร้องดังอย่างตกใจเมื่อสัมผัสจากมือร้อนมาแตะเอวเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว
“หยุดนะ!”
มีเสียงหัวเราะหึจากคนด้านหลัง พร้อมมือร้อนออกไปจากผ้าห่มและเสื้อตัวบางของลู่หาน อยากจะศอกใส่ให้กับคนที่ซุกตรงซอกคอและส่งเสียงหัวเราะกวนประสาทไม่หยุด ไม่มีอีกแล้วภาพแสนฮอตที่เคยมี ตอนนี้มีเพียงโอเซฮุนที่มือไวเป็นบ้า
“ผมอยากให้พี่เมาเหมือนคืนนั้นอีก”
“ย๊า !”
เผลอร้องเสียงดังแล้วภาพน่าอายในคืนนั้นก็ย้อนกลับมาในหัว ลู่หานมุดตัวลงไปในกองผ้าห่มมากกว่าเดิม อยากจะมุดตัวหายออกไปซะตอนนี้ แต่ก็ทำได้เพียงนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อจนคนขี้แกล้งยอมยกก้อนผ้าห่มลงจากตักปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ
หลังปรับสภาพทุกอย่างให้เป็นปกติ ทั้งแก้มใสร้อนจัดและหัวใจที่เต้นเกินอัตรา ลู่หานก็ยอมโผล่หน้าขึ้นจากกองผ้าห่มที่พันตัว ใบหน้าแสนรั้นที่โผล่พ้นมาจากผ้าห่มทำให้เซฮุนต้องเผลอยกยิ้ม ท่าทางแสนรั้นที่ดูน่าฟัดทำให้ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาต้องใช้ความอดทนมากขนาดไหน
มันไม่ง่ายสักนิดที่ต้องอดทนอยู่ในห้องกับคนที่ตัวเองรู้สึกตกหลุมรักไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่
“ง่วงแล้ว”
เอ่ยขึ้นเสียงงัวเงียหลังจากเอนหลังดูรายการทีวีมาซักพัก คนตัวเล็กลุกขึ้นนั่งโดยผ้าห่มยังพันอยู่รอบตัวอยู่แบบนั้น ขยี้ตางัวเงียอย่างน่ารัก ลู่หานลืมตากลมขึ้นจ้องมองคนตัวโตกว่า พลางยื่นมือไปแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“พาไปนอนหน่อย”
ท่าทางออดอ้อนที่ดูน่ารัก ทำให้เซฮุนต้องขยับตัวบดริมฝีปากไปบนริมฝีปากแสนนุ่มนิ่มจนเสียงดังจุ้บ ด้วยความน่าหมั่นเขี้ยวและน่าฟัดของคนตัวเล็ก กดหอมแก้มนิ่มอีกที แล้วก็ยกอุ้มคนน่ารักที่ดูงัวเงียแต่แก้มแดงจัด รู้สึกถึงเส้นความอดทนของตัวเองเริ่มใกล้ขาดเต็มทน ถ้าคืนนี้จะไม่ได้นอนก็ไม่ต้องโทษใครเลย
ผมตกหลุมรัก ในท่าทางที่น่ารักของคุณ
Oh Sehun
Loading…100%
พ่อพระเอกของเรากลับมาแล้วนาจา :-)
ใครที่เผลอลืมคุณเค้าไปก็กลับไปซบอกซะดี ๆ
กลับมาคราวนี้ทำให้เขินตัวแทบบิด
ตอนนี้เฉลยปมบางอย่างไปแล้วนะคะ คงมีคนพอเดาออกแล้วใช่ไหม?
คอมเม้นเดาทางกันเยอะๆนะ จะได้สับขาหลอก 5555555555
ล้อเล่นแจ้ พลอตเราวางมาแล้วไม่ดิ้นหนีหลอก แฮ่
ส่วนใครที่ยังสงสัยและไม่กระจ่างก็คอมเม้น
หรือติดแท๊ก #ดับเบิ้ลxฮฮ ถามได้นะ
ไม่ก็ ของเล่นใหม่ ask.fm/master_yp มาคุยกันเย้อะเยอะเร่ว !
*ชี้แจง*
มีเรื่องจะขอบอกกล่าวนะฮะ
เป็นเรื่องเศร้ามาก ที่นี่จะสอบไฟนอลสิบตัวติดอีกแล้ว
ถ้าหายไปนาน ก็ได้โปรดรอกันหน่อย อย่าทิ้งกันไปไหนนะฮะ
นี่จะฮึ้บตั้งใจอ่านนสให้มากๆ ได้มีเวลามาปั่นฟิคให้พวกคุณคนอ่าน :-) เลิ้บแหละ
@master_yp
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

งุ้ยยยยยยยๆ
ทำไมอ้อนได้น่ารักแบบนี้ เซฮุนแกจะทนไหวมั้ยเนี้ย
ขนาดเรานั่งอ่าน ยังอยากจับลู่หานมาฟัด 555555
ส่วนเรื่องกับพี่คริสนี่ก่กระจ่างแล้ว คงมีเหตุการณ์อะไร
สักอย่างที่ทำให้พี่คริสคิดว่าลู่หานเปนคนรักแน่ๆ เข้าใจ
ผิดคิดว่าเปนคนคนเดียวกันสินะ
พี่คริสหายเร็วๆๆๆๆๆน๊า
และคนรอบตัวรับรู้เรื่องราวตรงนี้ทุกอย่างว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้างซินะ
ตอนนี้ฟานไปรักษาตัวกับชิงแล้วนะ ขอให้รักกัน?คืออยากให้ฟานมีคู่นั่นคือคุณหมดอี้ชิง555
ส่วนครึ่งหลังนี่เยอะค่ะ ความหวานนี่แหละค่ะเยอะมากกกกกกกจะสำลักแทน
ทำไมคุณนายแบบถึงมิ้งได้ขนาดนี้คะแล้วเด็กน้อยเซฮุนนี่วันนี้คุณคะเค้ามาสายอบอุ่นค่ะ
แบบถ้านี่เป็นลู่หานนะตัวคงละลายกองอยู่แถวๆนั้นแล้วค่ะพ่อคุณเอ๊ยทั้งฮอตทั้งอบอุ่น โอ๊ยอิจฉาพี่ลู่
เขินนนนนนนนนนนนนนตัวแตกเรยอ่า><
อยู่ด้วยกันทุกวันแบบนี้
คนอ่านได้ตายแน่ๆค่ะ
โอ๊ย เขินหนักมาก