ตอนที่ 3 : C.U.B.I - ร้านผับกาแฟ (2)
[ร้านผับกาแฟ ตอนที่ 2]
“เอ่อะ...งานภาคสนาม...ผมล่ะเกลียดมันจริงๆ”
อิลฮุนบ่นอุบทันทีที่ออกเดินมากับพีเนียล ฝรั่งข้างตัวก็เพียงแต่ยิ้มรับ ทั้งสองเปิดกล่องอุปกรณ์ใส่ถุงมือกันไม่ให้รอยนิ้วมือไปโดนอะไร พีเนียลหยิบกล้องมาถ่ายรอบๆสถานที่เกิดเหตุ
ดูด้วยตาเปล่าผ่านๆมันอาจจะไม่มีอะไร แต่พอมองไปรอบๆมันก็รู้สึกขัดตากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“อิลฮุน ถ้านายเสพยา นายจะมาเดินอยู่แถวตรอกนี้ไหม”
“เสพอยู่บ้านสิ ออกมาทำไมล่ะครับ”
“แล้วถ้าเสพคนเดียวไม่สนุกล่ะ”
“ออกมากับเพื่อนๆมั้ง ร้านไหนก็ได้ที่มันมีห้องส่วนตัว แอบเสพกัน ถามทำไมครับ ผมก็ไม่เคยเล่นยาสักหน่อย”
พีเนียลยิ้มขำๆกับท่าทางของอิลฮุน เจ้าตัวดูหงุดหงิดไม่น้อยทั้งไม่ได้นอนและต้องออกงานภาคสนาม เขามองไปรอบๆก่อนเริ่มถ่ายสถานที่อีกครั้ง
“ที่พี่ถามเมื่อกี้เพราะคาใจเรื่องเสพยาเเกินขนาดใช่ไหมครับ”
“นายว่ามันไม่แปลกเหรอ ใช่ไหมสร”
พีเนียลถามสรที่กำลังปิดถุงใส่ศพ เตรียมกลับไปชันสูตรที่สำนักงาน เธอนิ่งคิด
“ก็ถ้าเป็นคดีเสพยาเกินขนาดทั่วไป ส่วนใหญ่ก็มักจะเจอในที่พัก ตามถนนแบบนี้ก็จะมีแต่คนไร้บ้านเท่านั้น ตามที่ฉันคิดนะคะ”
เธอว่าก่อนลากลับไปทำงานต่อที่สำนักงาน
“เธอคนนี้มีดีดรีถึงกับเป็นนักศึกษาม. A ถ้าจะเสพยากันมันก็ต้องปาตี้หรูๆ เพื่อนรวยๆสิ ”
“งั้นถ้าเป็นพี่ พี่จะเข้าร้านไหนล่ะ ในละแวกนี้”
“ก็คง...”
พอพีเนียลชี้ไปที่ร้านที่ตัวเองคิด อยู่ดีๆทั้งสองคนก็มองหน้ากัน
“ใครทำหน้าที่คุยกับคนในพื้นที่นะ”
“พี่ชางซอบกับซองแจ”
“เรามีที่ๆให้สองคนนั้นไปคุยแล้วล่ะ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ถึงจะบอกให้คุยกับคนแถวนี้ก็เหอะ แต่ใครมันจะมาเดินเล่นในตรอกแบบนี้วะ ที่อับแบบนี้ คนส่งของนั่นมาเจอเร็วก็ถือว่าโชคดีมากแล้วเหอะ”
คู่หูคนพี่บ่นอุบเมื่อเดินออกมาจากร้านค้าที่เพิ่งเข้าไปสอบถาม คู่หูคนน้องก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรแค่เดินเบื่อๆย้ายไปอีกที่ที่อยู่ในขอบเขตการสอบสวน
สามสี่ที่ที่ผ่านมาเรียกว่าไม่ได้อะไรเลย มีแต่ ‘ไม่เคยเห็น’ ไม่ก็ ‘ไม่รู้เรื่อง’ก็ทำไงได้ย่านนี้มันย่านที่เที่ยวกลางคืน ใครมันจะไปใส่ใจกับนักเที่ยวพวกนี้ แต่งตัวเหมือนกันหมด
“พี่ว่าชุดที่เธอใส่เหมือนใส่ไปเที่ยวกลางคืนไหม”
“ไม่รู้อ่ะ เดี๋ยวนี้เที่ยวกลางคืนเขาแต่งตัวกันยังไงเหรอ”
“อย่ามาทำอินโนเซ็นต์”
“ไม่ใช่โว้ย เข้าผับครั้งสุดท้ายตั้งแต่สมัยเรียน เดี๋ยวนี้ก็ไปแต่บาร์ตำรวจ”
“ตอแหล ผมเห็นนามบัตรคลับเปลื้องผ้าในกระเป๋าสตางค์ของพี่”
“นั่นได้มาจากพยานตอนฉันไปสืบคดีฆาตกรรมผัวเมียโว้ย-- เดี๋ยวนะ นายเอากระเป๋าสตางค์ฉันไปดูเมื่อไหร่”
“ตอนหยิบเอาไปจ่ายค่าพิซซ่าเมื่ออาทิตย์ก่อน”
“ก็ว่าเงินมันหายไปไหน! ไอ้เด็กผี!!!@#%&฿#%”
คู่หูคนน้องยกยิ้มเยาะเมื่อสะกิดต่อมหัวร้อนของอีกคนได้สำเร็จ ซองแจกำลังรอจังหวะราดน้ำมันเพิ่มแต่เสียงโทรศัพท์ของตัวเองก็ดังขึ้นมาเสียก่อน พอยกขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายของพี่พีเนียล
“นี่จะเลิกสนใจฉันง่ายๆงี้เลยเรอะ ไอ้เด็กเปรต--”
ซองแจยกมือขึ้นมาบีบปากคนขี้บ่นให้ปิดลง ปากอิ่มนั้นประกบเข้าหากันเหมือนปากเป็ด คนโดนปิดปากก็ยืนนิ่งๆให้ปิด เขายิ้มขำก่อนจะกรอกเสียงตอบรับปลายสาย
“ครับ?...ผับเอเดน? ตรงไหนครับ...อ่อ...ครับ เดี๋ยวจะลองไปดู ขอบคุณครับ”
“ผับเอเดนนั่นผับที่อยู่ตรงข้างตรอกที่เกิดเหตุไม่ใช่เหรอ”
พอปากตัวเองเป็นอิสระเจ้าตัวก็เริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาพยักหน้าตอบรับก่อนออกเดินไปตามทาง
“พี่พีเนียลบอกให้ลองไปคุยดูน่ะครับ”
“ตกลงนั่นชุดใส่ไปผับเหรอ เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ใส่แบบโชว์เนื้อหนังมากกว่านี้เหรอ”
“ชอบแบบนั้นล่ะสิ”
“หรือนายไม่ชอบล่ะ”
“หึหึๆ”
คู่หูคู่กัดมองหน้ากันแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา ทั้งสองมายืนอยู่ตรงหน้าผับที่พีเนียลบอก ซองแจเปิดประตูก่อนทำท่าทางให้คนพี่เข้าไปก่อนแล้วค่อยเดินตามเข้าไป ชางซอบเดินตรงเข้าไปหาพนักงานที่อยู่ตรงเคาท์เตอร์ เจ้าตัวยิ้มให้พร้อมหยิบบัตรประจำตัวให้พนักงานดู
“สวัสดีครับ ผมอีชางซอบ C.U.B.I ครับ ”
“มีอะไรให้ช่วยครับ”
“เจ้าของร้านอยู่ไหมครับ”
“ครับ ผมจะตามให้"
พนักงานเดินเข้าไปหลังร้านก่อนจะกลับมาพร้อมกับที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน เขาดูยังไม่แก่เท่าไหร่ ออกจะยังหนุ่มยังแน่นด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปเดี๋ยวนี้ก็มีคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่มๆเหมือนกัน ชางซอบส่งสัญญาณให้ซองแจว่าตัวเองจะไปคุยกับเจ้าของร้านเอง ซองแจรู้ดีว่าเขาต้องทำอะไรต่อ
เขาปลีกตัวออกไปเดินสำรวจร้าน ร้านเป็นแบบสองชั้นครึ่ง สามารถมองลงมาจากด้านบนได้ ตรงกลางเป็นเวทีขนาดกลางไว้สำหรับให้ขึ้นแสดง บนเวทีมีอุปกรณ์เครื่องเสียงที่เอาไว้เปิดเพลง โต๊ะด้านล่างเป็นโต๊ะแบบใช้ยืน ด้านล่างนี้คงเป็นลานเอาไว้สำหรับเต้น
ส่วนชั้นสองจากด้านล่างจะเห็นเป็นพื้นที่แบ่งๆกันไป มีโซฟาและโต๊ะ เขามองหาบันไดที่จะใช้ขึ้นชั้นสอง ตรงหน้าทางขึ้นมีสายคล้อง แสดงว่าน่าจะเอาไว้สำหรับคนที่มีสิทธิพิเศษ
พอมองไปส่วนอื่นๆเขาก็ไม่เห็นอะไรที่น่าสนใจแล้ว ทางไปห้องน้ำ ครัวหลังบาร์ ทางออกหนีไฟ เขาหันความสนใจกลับมาหาพี่ที่ยังยืนคุยอยู่กับเจ้าของร้าน เมื่อเห็นว่ายังไม่เสร็จดีเขาก็สำรวจต่ออีกหน่อย คราวนี้เขาเปลี่ยนความสนใจมาที่พนักงานทั้งหลายที่กำลังทำความสะอาดร้าน เกือบสิบโมงแล้ว พนักงานยังทำงานกันอยู่ เขาว่ามันออกจะนานไปหน่อยสำหรับผับปิดตีห้านะ เขามองหาเป้าหมายที่จะเข้าไปคุยด้วย พอเห็นก็ปั้นหน้ายิ้มแบบที่พี่ๆเรียกกันว่า ‘รอยยิ้มจับเหยื่อ’
“สวัสดีครับ”
หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งหันมาเจอเขา เธอดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเขินๆ
“ทำงานที่นี่นานยังครับ”
“สะ สองเดือนค่ะ”
“ดูคุณยังเด็กอยู่เลย ไม่น่าทำงานในผับแบบนี้ได้เลยนะครับ”
“อ่ะ อ๋อ คือฉันเปล่าทำงานผับหรอกค่ะ ฉันทำร้านกาแฟค่ะ”
“ร้านกาแฟ?”
“ค่ะ ที่นี่ตอนกลางคืนจะเป็นผับส่วนกลางวันจะเป็นร้านกาแฟทั่วไปค่ะ”
“โอ...”
เขาพยักหน้าช้าๆก่อนหันไปสำรวจสถานที่อีกครั้ง ไม่ว่าจะดูยังไงก็ที่นี่ก็ไม่น่าจะทำเป็นร้านกาแฟได้เลยดูจากการตกแต่ง เขาส่งสายตาสงสัยให้สาวเจ้า เธอก็ลุกลี้ลุกลนอธิบายให้เขา
“คือไม่ใช่ตรงนี้หรอกค่ะ พนักงานร้านกาแฟจะเข้ามาทำความสะอาดตรงนี้หลังผับปิด แล้วช่วงเปิดร้านถึงจะไปที่หน้าร้านค่ะ ผ่านตรงห้องครัวไป”
“อ๋อ ครับ ครัวกว้างมากไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ความกว้างเท่าบาร์เลย แต่ตัวร้านกาแฟความกว้างเท่าผับค่ะ”
“อ๋อ...ครับ อ่า...ผมรบกวนคุณแย่เลย”
“มะ ไม่หรอกค่ะ”
เธอเอาผมทัดหูด้วยความเขินอาย ดูน่ารักดี ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในเวลางานเขาก็อยากจะทำความรู้จักเธอมากกว่านี้ เสียงพูดคุยจากคู่หูของเขาดังเรียกความสนใจ สายตาจากคนแก่กว่าส่งมาเหมือนให้สัญญาณว่ากำลังจะเสร็จธุระ เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาบอกลาสาวน้อยคนนี้
“ขอบคุณที่อยู่คุยเป็นเพื่อน ผมต้องไปแล้ว ขอบคุณมากนะครับ”
“อ๊ะ! เดี๋ยวค่ะ นี่ค่ะ”
เธอยื่นบางอย่างให้เขาอย่างเขินอาย เขารับมา มันคือคูปองซื้อกาแฟในราคาครึ่งหนึ่งทั้งหมดสิบครั้ง พอพลิกดูข้างหลังก็เห็นเลขเรียงกันในแบบที่คุ้นเคย...เบอร์โทรศัพท์
เขาว่าก่อนโปรยยิ้มหวานส่งท้ายให้กับเธอ ซองแจเดินไปหารุ่นพี่ของตัวเอง เขายิ้มเป็นมารยาททักทายคู่สนทนาของซางซอบเป็นพิธี
“ขอบคุณมากครับคุณคิม นี่นามบัตรผม หากคุณมีอะไรที่เกี่ยวกับคดีสามารถติดต่อเบอร์นี้ได้ตลอดเลยนะครับ”
“แหม น่าเสียดายที่ติดต่อได้แต่ตอนมีเรื่องเกี่ยวกับคดี”
“ครับ?”
“ผมก็อยากจะติดต่อไปเรื่องอื่นบ้าง เช่น ทานดินเนอร์ด้วยกัน”
ซองแจแทบจะปั้นหน้านิ่งไว้ไม่ได้ คนน้องเพียงยกมือขึ้นมาถูจมูก ปิดบังปากที่มันแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอยู่แล้ว คนเด็กกว่าเหลือบมองคนพี่ที่แม้จะชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ยังปั้นหน้าหัวเราะไปกับมุกหยอดนั่น
“แฮะๆ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือสละเวลามาให้ข้อมูลนะครับ”
“ผมยินดีครับ แล้วจะยินดีมากถ้าคุณไปทานดินเนอร์กับผม”
โอ้โห...ซองแจไม่รู้จะบอกว่าคุณคิมคนนี้เป็นคนมั่นหน้าหรือว่าหน้าด้านดี แต่ที่แน่ๆคือเขาแทบจะคุมหน้าตาตัวเองไม่ไหวแล้ว ที่จริงแล้วรุ่นพี่ของเขาเป็นคนที่ใจร้อนพอตัว ถ้าเจ้าตัวไม่ชอบ รำคาญหรือหงุดหงิดจริงๆคงปฏิเสธแรงๆไปแล้วในสถานการณ์ปกติ แต่พอดีตอนนี้เราอยู่ในเวลางาน...
คนน้องค่อยๆหลบออกไปยืนอิงเคาท์เตอร์อยู่ข้างหลังคุณคิม ส่วนคนพี่แทบจะจิกตาไล่ตามข้อหาทิ้งกันหน้าด้านๆ ซองแจขมุบขมิบปากว่าขอโทษแต่เขาก็จำเป็นต้องออกมา หนึ่งคือเขาปั้นหน้าต่อไปไม่ได้ อีกอย่างคือ เขาเปิดโอกาสให้คุณคิมจีบพี่เขาอย่างเต็มที่...เขาอยากรู้ว่าพี่จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ ซองแจยกยิ้มมุมปากมองคู่หูตัวเองโดนจีบอย่างสนุกสนาน
“ผม...อยู่ในเวลางานอยู่ครับ”
“แปลว่าถ้าไม่ใช่เวลางานจะตอบตกลงสินะครับ”
รุกหนักมาก...หนักจนซองแจอยากรู้ว่าคู่หูของเขาจะตอบกลับด้วยมารยาทหรือเท้าคู่ ชางซอบยิ้มค้าง ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ
“ผม...ต้องไปแล้ว ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยครับ”
ชางซอบยื่นมือออกไป คุณคิมแม้จะดูเสียดายที่คู่หูเขาไม่เล่นด้วยแต่ก็ยอมส่งมือออกมาจับพร้อมยังส่งสายตาว่าสนใจเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย สองคนจับมือกันตามมารยาทเสียแต่ฝ่ายคุณคิมดูเหมือนจะจับนานไปหน่อย แต่ด้วยความพลิ้วของคุณคิม เขาก็ปล่อยมือชางซอบโดยไม่เกิดการกระอักกระอวน ก่อนจะหันมาจับซองแจเช่นกัน พอออกมาจากร้านก็พบว่าทีมเขากลับกันไปก่อนแล้ว เหลือพวกเขาที่ต้องตามไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตั้งแต่ในรถจนถึงในลิฟต์ซองแจกับชางซอบไม่ได้คุยกันเลย ด้วยอีกคนไม่อยากพูดถึงมันและอีกคนก็พยามกลั้นขำสุดชีวิต คนน้องลอบมองคนพี่ที่ยังคงทำหน้านิ่งอยู่ พอนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้ว...อุ๊บ…
“พรืด...”
ซองแจพยามกลั้นขำที่ตัวเองเผลอหลุดออกไป คนพี่ที่รับรู้มาตลอดว่าไอ้เด็กกวนประสาทมันขำก็พยายามปล่อยวาง แต่พอได้ยินเสียงคิกคัก หัวที่อุส่าห์ทำให้เย็นเป็นภูเขาหิมาลัยก็กลายมาเป็นปอมเปอีจนได้ ในที่สุดก็ตะโกนออกมาด้วยความคับอกคับใจ
“ตลกหรือไง!!!!!!!!!”
“มาก! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ซองแจระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแทบจะทันทีที่ตัวเองเห็นหน้าซางซอบ คนพี่ที่ตอนแรกหัวร้อนเฉยๆตอนนี้คือระเบิดไปแล้ว แขนขาวนั้นยกมือล๊อคคอคนน้องด้วยความโมโห ถึงซองแจจะโดนแบบนั้นแต่เจ้าตัวก็ยังคงหัวเราะพลางตีแขนพี่เบาๆเชิงยอมแพ้ ทั้งสองเดินทุลักทุเลกันออกมาจากลิฟต์ เรียกความสนใจจากคนทั้งทีมให้หันมาหา
“มาถึงก็โวยวายกันเลยนะคู่นี้...”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ พี่ พี่ๆครับ รู้ไหม เมื่อกี้ อุบ--”
“ห้ามเล่านะ ยุกซองแจ”
ซองแจปัดมือของชางซอบออกก่อนตั้งท่าจะเล่าอย่างเดียว พีเนียลที่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนุกก็ช่วยล๊อคชางซอบไม่ให้ขัดขวางการเล่า
“วันนี้ ตอนหาข้อมูลจากเจ้าของร้าน พี่ชางซอบโดนจีบแบบหน้าด้านๆเลยอ่ะ”
ซองแจว่าก่อนจะแสดงเป็นคุณคิม ทุกคนหัวเราะกับเรื่องที่เล่า แม้แต่ชางซอบก็ยังหัวเราะออกมาเพราะความเหมือนที่ซองแจแสดง
“ฮ่าๆ โดนอีกแล้วเหรอ”
มินฮยอกหัวเราะผสมโรงกอดอกมองชางซอบที่ตอนนี้หูแดงหมดแล้วไม่รู้เพราะอายหรือเพราะหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง
“คุณคิมโคตรพลิ้ว พลิ้วจนผมนับถือเลย”
“ก็นะ ดูหน้าตาชางซอบสิ นี่ถ้าไม่เป็นตำรวจนึกว่าเปิดร้านดอกไม้”
อึนกวังเอ่ยเสริมขึ้นจนคนโดนแซวทำหน้างอ
“บอกว่าอย่าทำแบบนั้น ปากห้อยหมดแล้ว”
ซองแจว่าพลางเอานิ้วไปปายปากอีกฝ่าย
“เค็ม!!!”
ทุกคนหัวเราะกับภาพที่เห็นแม้แต่อิลฮุนที่วันนี้จะดูหงุดหงิดยังยิ้มออกมาได้
“เอาล่ะ พักเมาท์มอยกันแค่นี้ก่อน ไหนแต่ละคนลองสรุปมาซิว่าได้อะไรบ้าง”
ทุกคนพยักหน้ารับก่อนจะประจำตำแหน่งของตัวเองเวลาประชุม ถึงจะบอกว่าประชุม แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมหรือห้องวางแผนลับอะไร พวกเขาแค่นั่งล้อมทีวีเจอแบนขนาดสี่สิบสองนิ้วที่อยู่ข้างโต็ะอึนกวัง พวกเขาใช้ต่างโปรเจคเตอร์กับไวท์บอร์ดขนาดมาตรฐานเผื่อเอาไว้ใช้เขียนความคิด
ส่วนที่นั่งก็ตามใจชอบ แต่ทุกคนก็มักจะมีที่ประจำของตัวเอง
ซองแจนั่งอยู่ที่โต็ะของตัวเองส่วนชางซอบก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างคู่หู พีเนียลนั่งบนโต๊ะของชางซอบ อิลฮุนมักจะยืนอยู่หน้าโต๊ะอึนกวัง ส่วนมินฮยอกก็จะเดินไปเดินมา ฮยอนซิกจะชอบลากเก้าอี้ออกมานั่งตรงหน้าโต๊ะของมินฮยอก สุดท้ายหัวหน้าของกลุ่มก็จะรับหน้าที่เปิดสไลด์กับเขียนความคิดของแต่ละคนลงบนกระดาน
“แล้วพี่ฮยอนซิกล่ะครับ”
ซองแจเอ่ยขึ้นเมื่อไม่เห็นรุ่นพี่ของตัวเองอีกคน ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?
“ไหลตายไปแล้วมั้งน่ะ”
อิลฮุนบ่นน้ำเสียงหงุดหงิด แน่ล่ะ เพราะตัวเองต้องออกไปแทนคนที่กำลังหลับฝันดีน่ะสิ
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวได้ข้อสรุปแล้วค่อยไปบรีฟให้ฮยอนซิกฟังก็ได้ เอาล่ะ เริ่มกันเลย ทางฉันกับมินฮยอกสอบถามเบื้องต้น คนส่งของบอกว่าจะมาส่งของให้ร้านผับกาแฟนี้ทุกวันอังคาร ตอนพบศพคือกำลังเดินเอาลังไปทิ้งที่ถังขยะ เห็นลีมีอาอยู่ในท่านั่งอิงกับถัง พอเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นศพไปแล้ว หลังจากนั้นก็แจ้ง 919 ของพวกเราได้มาแค่นี้ แล้วทางพีเนียลกับอิลฮุนล่ะ”
สายตาทั้งหมดเบนไปทางสองคนที่กล่าวถึง อิลฮุนเป็นผู้พูดส่วนพีเนียลเพียงพยักหน้ารับตาม
“ครับ ที่เกิดเหตุไม่มีอะไรที่ดูแปลกไป ไม่พบอะไรอย่างอื่นเว้นแต่เรารู้สึกว่าการตายของคดีนี้มันออกจะแปลกอยู่สักหน่อย แต่ก็ยังสรุปอะไรไม่ได้มาก ต้องรอผลชันสูตร”
“ทางชางซอบกับซองแจล่ะ”
“คุณคิม-- ห้ามหัวเราะนะซองแจ คุณคิมบอกไม่รู้อะไร ไม่รู้เรื่องยาไอซ์ที่พบและเขาก็ยืนยันว่าร้านไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดใดๆ เขาบอกอีกว่าส่วนใหญ่จะไม่เข้าร้านตอนที่เป็นผับ แต่จะมาตอนเช้าทำร้านกาแฟ”
“ฟังดูขัดๆกับนิสัยเพลย์บอยของเจ้าตัวว่าไหมครับพี่-- โอ้ย! ตีผมทำไมเนี่ย”
“นายควรโดน! ว่าแต่นายเถอะ ได้อะไรบ้างนอกจากจีบสาว”
“ผมไปหาข้อมูลเหอะ ของผมจากที่ดูรอบๆก็ไม่มีอะไรแปลก มันก็เป็นผับธรรมดาทั่วไป ส่วนพนักงานไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการตายเพราะส่วนใหญ่เป็นพนักงานร้านกาแฟที่มาทำความสะอาดให้กับผับ จะว่าไปก็เป็นร้านที่จ้างงานได้แปลกจริงๆ”
“อืม...ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษเลยเหรอ สงสัยเราต้องรอผลชันสูตรอย่างเดียว ถ้าเป็นแค่ยา เราก็คงแค่บันทึกไว้ แต่ถ้ามันมากกว่านั้น เช่นฆาตกรรม เราก็คงต้องส่งเรื่องไปทาง Y.G.I”
“อ๊ะ! ผมเพิ่งนึกออก”
สายตาทั้งหมดเบนมาหาน้องเล็กของทีม ชางซอบเลิกคิ้วถามคู่หู
“อะไร?”
“ผมว่าร้านนั้นมีห้องลับ... อย่าเพิ่งทำหน้าเหมือนผมเพ้อเจ้อสิ คืออย่างนี้ เขาบอกว่า ร้านสองร้านมันต่อกัน เชื่อมด้วยครัวใช่ไหม”
ซองแจหันไปมองชางซอบเพื่อคำยืนยัน อีกฝ่ายก็พยักหน้าตามจริง คุณคิมก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน ซองแจเมื่อเห็นว่าตัวเองมีคนยืนยันให้แล้ว ก็เริ่มอธิบายความคิดตัวเองต่อ
“แล้วสาวที่ผมคุยด้วยเธอบอกว่า ร้านกาแฟกับผับน่ะ ความกว้างเท่ากัน แต่ครัวมีความกว้างเท่ากับบาร์ซึ่งขอบบาร์กับสุดขอบร้านมันห่างกันประมาณสิบหกฟุตได้ แล้วไอ้พื้นที่ตรงนั้นมันดันเป็นกำแพงเฉยๆ ไม่มีอะไรเลย ประตู หน้าต่างหรือช่องระบายอากาศ...เข้าใจไหมเนี่ย”
ซองแจถามขึ้นเมื่อไล่มองแต่ละคนเพื่อเช็คดูว่าพี่ๆของเขานั้นเข้าใจในสิ่งที่เขาอุส่าห์อธิบายไปยืดยาวหรือเปล่า อาวุโสสองคนเหมือนจะเข้าใจลางๆ ส่วนคู่แลปก็พยักหน้าเข้าใจแต่ใบหน้าก็ยังมีคำถามอยู่ส่วนคนสุดท้ายน่ะเหรอ ยกมือชิดหูเหมือนเด็กอนุบาลอยากถามคุณครูว่าไข่กับไก่อะไรเกิดก่อนกัน
“แล้วอีกข้างหนึ่งของบาร์ล่ะ ลักษณะเดียวกันไหม”
เสียงพีเนียลดังขึ้นถามทันทีที่ซองแจเช็คเสร็จ ซองแจหันมาตอบคำถามของคนที่เข้าใจเขาทันที
“ไม่ครับ ตรงนั้นเป็นทางเข้าไปที่ห้องน้ำและประตูที่จะออกไปที่ตรอกด้วย”
“อืม...น่าสนใจ”
พีเนียลพึมพัมรับกับคำตอบที่ได้รับมาและเริ่มเห็นด้วยกับคนที่เด็กกว่า
“แล้วความลึกของร้านกาแฟล่ะ”
“ผมยังไม่ทราบครับ ถ้าได้เห็นคงประมาณได้ว่าครัวลึกเท่าไหร่ ถ้ารู้แล้วคร่าวๆก็จะประมาณความกว้างความยาวของห้องนั้นได้”
“อืม...”
ทุกคนพยักหน้ารับยกเว้นคนเดียวที่ยังยกมือขึ้นเป็นเจ้าหนูจำไม ซองแจเบนสายตาเบื่อๆไปหาเจ้าหนูที่ว่า เจ้าหนูชางซอบพอได้รับความสนใจก็ลดมือลงแล้วตั้งคำถามกับเขาทันที
“แล้วไอ้ห้องลับนั้นมันเกี่ยวอะไรกับคดีของเราล่ะ”
“.......”
เกิดความเงียบอย่างกะทันหันทุกคนมองไปที่เจ้าของคำถามที่ทำหน้าซื่อตาใสกระพริบตาปริบๆใส่ผู้ถูกถาม ก่อนจะเบนไปหาเจ้าของทฤษฎีห้องลับ
“...เออว่ะ”
ทุกคนเห็นด้วยแม้กระทั่งเจ้าของความคิดเอง แต่อึนกวังผู้มีลางสังหรณ์แรงที่สุดในบรรดาสมาชิก และเหมือนจะแรงที่สุดในสำนักงานกลับรู้สึกว่า มันต้องมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง
“แล้วถ้าหากว่า มันเกี่ยวกัน ทุกคนมีทฤษฎีอะไรเสนอไหม?”
“อืม...ผมมีไอเดีย”
เสียงอิลฮุนเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ทุกสายตาเบนไปหาที่เจ้าตัว
“ตอนผมเก็บหลังฐานผมคุยกับพี่พีเนียลเรื่องเสพยา ผมตอบกลับไปว่าถ้าจะเสพกันให้สนุกมันก็ต้องเสพกับเพื่อน แล้วเธอเป็นเด็กม.A ฐานะต้องใช้ได้เลยล่ะ ถ้าผมเป็นเธอ ผมจะเช่าห้องไว้ ห้องที่ไม่มีใครสามารถแจ้งได้ว่าพบการมั่วสุมเสพยา...”
“ต้องอยู่ในสถานที่ที่มักมีแต่อบายมุขจนคนเห็นเป็นเรื่องปกติ...”
มินฮยอกเอ่ยเสริม อิลฮุนหันไปพยักหน้ารับ ซองแจที่เหมือนจะคิดอะไรออกก็ตีมือดังป้าบ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนชนะ
“เด็กรวย เสพยา เช่าห้อง อบายมุข...ทุกอย่างมันอยู่ตรงนั้นทั้งหมด ‘ผับเอเดน’ ไงล่ะ”
ทุกคนพยักหน้ายอมรับ คนเด็กที่สุดยิ้มรับกับข้อสรุปที่ซับพอร์ตกับความคิดของตัวเองก่อนหันไปทำน้ำเสียงแซวกับคนข้างตัว
“ดูเหมือนว่าคุณคิมของพี่ชางซอบจะมีความลับกับเราซะแล้วล่ะ”
“ไม่ใช่ของฉันโว้ย! ทำไมชอบทำความดันฉันขึ้นอยู่เรื่อยเลยให้ตายสิ”
ชางซอบใช้เท้าถีบเก้าอี้ซองแจลวกๆ คนเด็กกว่ายิ้มกว้างหัวเราะชอบใจ ส่วนคนแก่กว่าก็ได้แต่ขยำเศษกระดาษปาใส่ระบายอารมณ์ ทุกคนหัวเราะไปกับโชว์ตีกันของคู่หูคู่กัด ก่อนจะกลับมาตกลงกันเรื่องคดีกันต่อ มินฮยอกผู้เชี่ยวชาญเรื่องขั้นตอนและกฎหมายเอ่ยขึ้นคนแรก
“ถึงเราจะเห็นด้วยกันหมด แต่มันก็เป็นคำกล่าวหาที่ไม่มีมูลเหตุ เราใช้ของพวกนี้ขอหมายค้นไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องไม่สืบภายใต้การทำงานของ C.U.B.I”อึนกวังว่า
“แล้วเราจะทำยังไง?”
“อืม...”
ทั้งหมดเงียบไปอีกครั้ง จมกับความคิดของแต่ละคน และสุดท้ายคนที่ได้คำตอบก็เป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่มีความคิดแปลกประหลาดกว่าเพื่อน
“...เราก็ไม่เป็นตำรวจสิ”
“???”
“เราก็เป็น ‘ลูกค้า’ ซะสิ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมาจากใบหน้าหล่อเหล่า รอยยิ้มที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย รอยยิ้มที่บอกว่าเจ้าเด็กนี่ มันมี ‘แผน’ และแผนที่ว่า มันก็ไม่ได้ใสสะอาดสักทีเดียว คู่หูคนพี่ที่คุ้นเคยกับรอยยิ้มแบบนี้มากที่สุดถึงกับทำหน้าเบ้ เอ่ยเสียงแหยงใส่คู่หูคนน้อง
“ในหัวนายมันมีอะไรประหลาดๆอีกแล้วใช่ไหม ยุกซองแจ”
“พี่ก็รู้ว่าผมมีหลายเรื่อง...แล้วคราวนี้...พี่ต้องไม่ชอบมันแน่ๆ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ช่วงแรกๆมันก็จะลงถี่แบบนี้แหละ เดี๋ยวนานๆไปมันก็จะดองเค็มเป็นเดทซีไปเลย
จะเห็นว่าเรายังไม่เน้นเรื่อง Love line แต่ถามว่ามีไหม มี...มั้ง /ที่เห็นว่าใช่แน่ๆก็คงมีอยู่คู่นึงแหละ
แต่ใครจะรู้ เกิดเรานึกคึกอยากเปลี่ยนขึ้นมาทำไง เอาเป็นว่าขึ้นเรือปลอดภัยใส่ชูชีพกันด้วยนะจ๊ะ
แถมๆ ผังที่นั่งของแต่ละคนในสำนักงานเวอร์ชั่นลวกๆ
จิปาถะอยากเล่า
- เพราะจัดโต๊ะแบบนี้ชางซอบกับซองแจเลยตีกันง่าย ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันเรื่องวางของกินที่กัน
- เคยเอาบอร์ดมากั้นระหว่างสองคนนี้ แต่ก็ไม่ได้ผล
- ชางซอบเดินชนใส่ไวท์บอร์ดบ่อยมากเวลาตัวเองง่วงๆ
- โต๊ะอิลฮุนคือโดนดันติดกับแผงกั้นจนถ้าจะนั่งก็ต้องปีนข้ามโต๊ะไปนั่งเอา
- แต่ก็คงไปนั่งไม่ได้เพราะเก้าอี้โดนฮยอนซิกย้ายออกมาเอาไว้วางขาตอนแอบงีบไปแล้ว
- อิลฮุนเลยตัดสินใจช่างแม่ง ปล่อยให้เป็นที่วางของของทีมไป
- บล๊อคข้างหลังโต๊ะฟากอึนกวังเป็นบล๊อคของทีมซึงฮยอน
- ส่วนบล๊อคทางฝั่งชางซอบเป็นของทีมฮุย
ว่างๆจะวาดโต๊ะทำงานแต่ละคนมาให้ดู
ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่รู้ว่าพี่ซอบตะโดนอะไรในตอนหน้าแต่ก็โชคดีนะคะ//ตอนนี้ตลกมากเลยอ่ะอ่านแล้วนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า555