ตอนที่ 5 : TLC - 4 | 110%
ในห้องทำงานที่มีผู้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบริษัท BK Design ที่รวบรวมนักออกแบบทุกด้านไว้ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นดีไซน์ สถาปนิก นักวาดแบบ หรือก็อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสายออกแบบบริษัทนี้เป็นบริษัทใหญ่ที่รวบนักออกแบบไว้ครบองค์ประกอบ ง่ายต่อการจ้างเพียงคุณโทรมากำหนดว่าต้องการให้บริษัทเราออกแบบสิ่งไหนทางบริษัทก็จะติดต่อฝ่ายนั้นให้คุณทันที
ปีนี้ก็เป็นปีที่สามแล้ว นับว่าเป็นบริษัทที่เติบโตได้เร็วพอสมควร และผู้บริหารคนเก่งที่คุมบริษัทใหญ่ๆเช่นนี้ไว้นั้นกำลังจะแอบงีบหลับหลังจากที่แทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยในสองสามวันมานี้
ก็แหงล่ะสิ ไอ่เจ้าสัวอ้วนนั่นดันมาเรื่องมากใส่พนักงานออกแบบภายในของเขาซะจนเขาต้องออกมาหน้ารับแทน แล้วยังจะมาเรื่องมากให้ผู้บริหารระดับเขาที่วันๆจะต้องมานั่งเซ็นเอกสารยิกๆ อ่านรายละเอียดงานตาแทบถลน ให้ออกแบบภายในให้อีก
อีเหี้ย นี่กูเหนื่อยไม่พอใช่ไหม
เดี๋ยวพ่อจะเรียกค่าปวดหัวสมองแพงๆเลยคอยดู
“คุณแบมแบมคะ ตารางงานต่อไปพบลูกค้าบ่ายสองนะคะ” เฟยเลขาที่ทำงานร่วมกับแบมแบมตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ เดินเข้ามาพร้อมกับหอบแฟ้มเอกสารเอ่ยขึ้นตรงหน้าโต๊ะของเจ้านายที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานของตัวเอง
พอได้ยินเสียงเลขาตัวเองแบมแบมก็ได้แต่หลับตาคิดในใจ เดี๋ยวนี้ไมต้องเคาะประตูก่อนเข้ามาแล้วหรอวะ หรือเมื่อกี้มันกึ่งหลับกึ่งตื่นเขาเลยไม่ได้ยิน แต่ช่างเหอะปล่อยๆไปสักครั้งก็แล้วกัน
“ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ” แบมแบมถามเสียงงัวเงียแต่ก็ไม่ยอมเงยหน้าลุกขึ้นมาคุยดีๆ
ไม่ไหวแล้ว รู้สึกตามันหนักๆเกินไปที่จะลืมตาขึ้นมาได้
“อ่า.. เที่ยงครึ่งค่ะ..” เฟยก้มมองดูนาฬิกาข้อมือตัวเองพรางเอ่ยตอบ และยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามว่าเที่ยงนี้คุณแบมแบมจะรับกาแฟพร้อมของว่าง หรือข้าวดี ก็ต้องสะดุ้งโหยงที่เจ้านายตัวเองจากที่จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ก็ลุกขึ้นมาตะโกนโพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจ
“เที่ยงครึ่ง!!” แบมแบมถามแววตาตื่น
“ชะ..ใช่ค่ะ” เลขาสาวสะดุ้งกับเสียงตะโกนของแบมแบมที่น้อยครั้งจะเห็นเจ้านายตัวเองในโหมดนี้ เพราะปกติจะสุขุมเอามากๆ เป็นมิตรกับลูกน้อง และใจดีสุดๆ แต่ตอนนี้เหมือนคุณเลขากำลังจะประสบปัญหา
“คุณเฟยไม่รู้เหรอว่าตอนบ่ายผมต้องไปสนามบินน่ะครับ!” แบมแบมเกาะโต๊ะยื่นหน้าถามเลขาด้วยแววตาร้อนรน
“มะ..ไม่ทราบค่ะ คะ..คุณแบมไม่ได้บอกไว้หนิคะ” เลขาก้มหน้าตอบ เจอไม่บ่อยเลยที่เจ้านายหน้าสวยเป็นมิตรเช่นคุณแบมแบมจะมาตะโกนใส่หน้าเขาแบบนี้ นี่เขาทำอะไรพลาดไปหรือป่าว
หวังว่าเดือนนี้เงินเดือนเขายังจะอยู่ครบนะ...
แบมแบมแทบทึ้งหัวตัวเอง ปกติเฟยทำงานไม่เคยพลาด คงจะเป็นเขาที่คิดว่าแจ้งกำหนดการให้เลขาไปแล้ว แต่จริงๆคือแค่คิดไว้แล้วลืมบอก ยิ่งร่างกายพักผ่อนน้อย พอหัวถึงหมอนตัวเองก็ปลีกวิเวกโดยไม่สนสิ่งใดอีกต่อไป
และเขากำลังจะสาย!
หัวสมองที่คิดคำนวณได้รวดเร็วเช่นเคย กำลังใช้สูตรฟิสิกส์คำนวณว่าระยะทางจากบริษัทไปถึงสนามบินมันใช้เวลานานเท่าไหร่กัน
พอคำนวณตัวเลขได้ออกมาเป็นวินาที สมองก็แปลงเป็นหน่วยนาทีต่อไป
จากบริษัทไปสนามบิน ขับ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 30 นาที! บวกเวลารถติดก็น่าจะเลทไปอีก 10 นาที (คำนวณประมาณ144กิโลเมตร)
เอาล่ะ! นี่คือชั่วโมงเร่งรีบเขาต้องไปให้ทัน ไม่งั้นโดนงอนแน่ๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้ง้อด้วยไอติมก็ไม่ค่อยจะได้ผลด้วยสิ่
แบมแบมรีบคว้าสูทที่พาดบนหัวเก้าอี้ขึ้นมาตะวัดลงบนตัวอย่างรวดเร็วทว่าเต็มไปด้วยความสง่างาม คว้ากุญแจรถจากัวร์จากบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะหมุนตัวออกจากเก้าอี้เดินออกจากห้องไป แต่ก็ไม่วายหันมาสั่งงานคุณเลขาซะก่อน
“คุณเฟย! ผมฝากบริษัทยกเลิกนัดไปก่อน ผมจะไปรับน้อง!” เฟยที่กำลังอยู่ในภวังค์ความงดงามของผู้เป็นนายก็ต้องตกใจกับเสียงตะโกนอีกครั้งนึง พยักหน้ารับอย่าง-งงๆ คิดไม่ตกว่าวันนี้เจ้านายเขาผีเข้าหรือป่าว ทำไมชีวิตดูเร่งรีบจัง
“คุณแบมคะ! แล้วลูกค้าล่ะคะ” พอได้สติเฟยก็รีบตะโกนตามหลังเจ้านายไป แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว พรางคิดไม่ตกว่าด้วยเหตุฉะไหนถึงทำให้เจ้านายของเขาดูร้อนรนซะขนาดนั้น เมื่อกี้ก็มัวแต่เหม่อ คุณแบมบอกว่าจะไปรับน้องใช่ไหมนะ?
ว่าแต่คุณแบมมีน้องด้วยหรอ..
“แฮ่กๆ อยู่ไหนเนี่ย” ผู้บริหารหมดมาดวิ่งเข้ามาภายในสนามบินอันกว้างใหญ่ท้าวมือลงกับเข่าหอบแฮ่กๆ แต่ในที่สุดเขาก็ทันแบบเป๊ะๆแถมไม่เลทอีกด้วย
มือบางตบกระเป๋ากางเกงเพื่อที่จะล้วงเอาโทรศัพท์ติดต่อหาผู้ที่เขาตั้งใจจะมารับแต่ก็พบกับความว่างเปล่า
เชี่ยละ ลืมคว้ามาด้วย!
เพราะก่อนหน้าที่จะเดินทางมาที่สนามบินเขาก็ไม่ได้ติดต่ออีกคน เลยไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะออกจากเกทไหน อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะมันกะทันหันมากๆ คุณน้าพึ่งจะโทรมาบอกตอนเช้าว่ามารับลูกหัวแก้วหัวแหวนให้คุณน้าหน่อย เพราะติดประชุมด่วนกลัวจะไม่ทันมารับ หน้าที่จึงตกมาที่เขาแทน ด้วยงานที่มีก็เยอะมากๆเหมือนกันลืมแม้ทั่งจะมารับอีกฝ่าย และรีบจนลืมคว้าโทรศัพท์ติดมือมาด้วย
ทำยังไงดีล่ะทีนี้ หรือจะเดินหาให้ทั่วดี
แบมแบมยืมนิ่งอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองมือบางจรดลงบนปากอวบอิ่มขึงเล่นไปมาอย่างคนใช้ความคิด
ไม่ทันได้ระวังข้างหลังท่กำลังจะมีภัยอันตรายเข้ามาคุกคาม
หมับ!
“งื้อออออ แบมมมม”
ฟอดดดดด! ฟอดดดดด!
“อ๊ะ! มาร์ค!” แบมแบมที่ไม่ทันทั้งตัวโดนมาร์ครวบเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง ยื่นหน้าผ่านไหล่หอมซ้ายหอมขวาสูดกลิ่นหอมเข้าไปฟอดใหญ่
ตกใจแทบแย่นึกว่าจะโดนโจรอุ้มไปซะแล้ว
ก็นะ ทำเสียงงื้อง้าคิดว่าน่ารักมากมั้ง...
“พี่แบมมารับช้าไหม”แบมแบมถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เจ้าเด็กที่เคยอ้วนเห็นก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาลูบแก้มเนียนของคนพี่เล่นที่นับวันยิ่งโตก็ยิ่งสวย เขาไปเรียนอยู่อเมริกาตั้งห้าปีก็อดที่จะห่วงไม่ได้
“ไม่ช้าครับ คิดถึงจัง”ว่าจบก็คว้าอีกคนเข้ามากอดอีกทีอย่างแนบแน่น “ไม่เจอกันนานคิดถึงมากรู้ไหมครับ”
แบมแบมแทบแบ้ปากเหมือนพี่กิ๊กสุวัจนี ได้ยินข่าวมาว่ากลับบ้านแทบทุกอาทิตย์ที่มีโอกาสเลยไม่ใช่เหรอไงไอ่อ้วน
“ทำเป็นพูดไป พึ่งเจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อนเองนะ” แบมแบมอดจะแซะไม่ได้ ยิ่งโตยิ่งร้ายมาร์คต้วนเนี่ย ทีตอนเป็นเด็กน้อยของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นเด็กดีอยู่หรอกถึงแม้จะดื้อไปบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ล่ะสิชอบพูดจาเลี่ยนๆด้วยหน้าตาทะเล้นๆแล้วอยากหยิกให้ช้ำ ไปเรียนมาจากที่ไหนก็ไม่รู้
“ไม่เจอตั้งอาทิตย์ตะหาก” มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอย่างที่เจ้าตัวถนัดเลื่อนมือมาโอบเอวที่บางเกินกว่าจะเป็นเอวของผู้ชายไว้อย่างหวงแหน ใบหน้าคมหล่อที่พอโตขึ้นก็เห็นสัดส่วนใบหน้าชัดเจนโน้มลงมาซบที่ซอกคอหอมอย่างคุ้นชิน พรางเหลือบตาไปมองไอ่หน้าฝรั่งที่เห็นยืนจ้องพี่แบมตั้งแต่เมื่อกี้แล้วอย่างมีชัยชนะ
“โตแล้วก็ยังจะมาซบอีก” ถึงปากจะพูดเหน็บแนมแต่ก็ไม่ได้ดันออก ปล่อยให้ไอ่อ้วนมันซบจนหายคิดถึงแล้วผละออกไปเอง
“หิวจัง” มาร์คทำหน้าหงอยๆฟ้องพี่แบม นั่งเครื่องมาตั้งสิบสองชั่วโมงตั้งใจจะไม่กินอะไรบนเครื่องเพราะรอมากินกับพี่แบม
“งั้นไปกินข้าวกัน” แบมแบมยิ้มเอ็นดู เห็นใจเด็กโตที่ยังคงเป็นเด็กน้อยในสายตาเขาอยู่วันยังค่ำที่บินนานเฉลี่ยสิบสองถึงสิบห้าชั่วโมงแต่เจ้าตัวก็ยังจะดื้อดึงกลับบ้านตลอด แถมก็อ้อนให้พาไปกินข้าวด้วยทุกครั้งที่เขาเป็นคนมารับ
แบมแบมออกตัวเดินนำไปที่รถปล่อยให้มาร์คลากกระเป๋าตามต้อยๆข้างหลังได้ไม่นานก็มีมือใหญ่เข้ามาประสานนิ้วกับเขา พอหันไปก็เป็นไอ่อ้วนยิ้มหน้าระรื่นแกว่งแขนเขาไปมา แต่แบมแบมก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมกระชับมือที่จับไว้และจูงเจ้าของมือใหญ่ให้เดินตามไปที่รถ
“อย่าหลงซะล่ะ”
“หึๆ คร้าบบบ” มาร์คหัวเราะเจ้าเล่ห์ในลำคอ แต่แบมแบมก็เลือกที่จะทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วปล่อยผ่านไป ให้ไอ่เด็กที่มันได้กลับบ้านถาวรได้ใจไปก่อน ถือซะว่าเป็นของขวัญต้อนรับกลับบ้านก็ได้
ร้านอาหาร
“แล้วนี่อ้วนคิดยังอะว่าจะเรียนไร” แบมแบมใช้ตะเกียบที่ตัวเองใช้คีบอาหารเข้าปากเมื่อครู่ขึ้นมาชี้หน้ามาร์ค
“ก็กำลังดูๆอยู่... แล้วก็นะ หล่อขนาดนี้ยังจะเรียกอ้วนอีก” มาร์คทำหน้ายู่แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ก้มหน้าคีบซูชิเข้าปากต่อ พูดไปก็เท่านั้นทำอะไรแบมแบมเค้าไม่ได้หรอก ยังไงก็จะเรียกอ้วนอยู่ดี
เชอะ มันดีกว่าเขาตอนนี้ตรงไหนกัน...
“ก็พี่แบมจะเรียกอ้วนอะ ทำไมดื้อ”
“ดื้อแต่ก็หล่อนะครับแถมน่ารักอีกด้วย สนใจเอาไปเลี้ยงไหมครับคนสวย” มาร์คยิ้มทะเล้นหยักคิ้วหลิ่วตาใส่พี่แบม
“แหวะ หลงตัวเองมากๆเลยนะรู้เปล่า” แบมแบมเอาตะเกียบเคาะกับจานจนเกิดเสียงไปสองสามที มองหน้ามาร์คละคนเหม็นเบื่อ
ตอนเด็กยังน่ารักกว่านี้เลย พี่แบมยืนยันนอนยัน
“อ่ะ ชูโทโร่” มาร์คคีบชูโทโร่ที่เป็นเนื้อท้องของปลามากูโร(ปลาทูน่า)ส่วนหลังไปตรงหน้าแบมแบมพรางเปิดปากทำเสียงอ้ามมมให้แบมแบมทำตาม
แบมแบมที่วันๆขลุกอยู่แต่บริษัทไม่ได้มีโมเมนต์ดังเช่นหนุ่มสาวทั่วไป เพราะปีนี้ก็ปาไปสามสิบแล้ว ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หยิบตะเกียบขึ้นมาจะคีบเนื้อต่อจากมาร์คที่ส่งมาจ่อตรงปาก แต่ก็ได้รับสายตาดุๆจากมาร์ค แถมยังไม่ยอมปล่อยเนื้อที่เขาส่งมือไปคีบไว้แล้วอีก
“ทำไมทำหน้างั้นอะ” แบมแบมขมวดคิ้วถาม
“ไม่ต้องคีบ อ้าปากเร็วๆ จะป้อน” มาร์คเร่งเร้าแบมแบมจนต้องยอมอ้าปากรับเนื้อชูโทโร่ที่มีไขมันระดับปานกลางจากอีกคนเข้าปาก
รสชาตินุ่นละมุนติดลิ้นถึงจะมีความแน่นของเนื้อปนอยู่ แต่ก็ยังสามารถรับความรู้สึกการละลายของไขมันบนลิ่นได้ดี เป็นสิ่งที่แบมแบมชอบในบรรดาอาหารญี่ปุ่นรองลงมาจากเนื้อโอโทโร่เลยล่ะ แต่ลายนั้นรู้สึกว่าไขมันสูงไป แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นบ่อยๆหลอก
“ทำไมต้องป้อนด้วย” พอมองไปรอบๆร้านก็เห็นแต่คนที่เขามาเป็นคู่กัน แบมแบมก็เริ่มรู้สึกอายขึ้นมา อายุก็ปูนนี้แล้วยังจะให้เด็กคีบเนื้อเข้าปากประหนึ่งเป็นคู่รักกันอีก
“เอ้า ทีแบมยังป้อนมาร์คได้เลยอะ นี่อุตส่าห์รีบๆโตจะได้มาป้อนแบมบ้างเลยนะเนี่ย” มาร์คไม่ได้เอะใจอะไรเอ่ยตอบตามใจคิด
“มันไม่เหมือนกันป้ะ ตอนนั้นมาร์คเด็กอยู่นี่น่า” แบมแบมพองลมไว้ในปากอย่างไม่รู้ตัว ทำให้คนมองถึงกับใจสั่น
“แบมไม่เห็นความหวังดีของมาร์คหรอ” มาร์คทำหน้าหงอยสู้กลับ ถึงจะกำลังใจสั่นกับใบหน้าสวยก็ตาม
มันน่าน้อยใจมากเลยนะอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะได้ป้อนข้าวแบมบ้างแต่เจ้าตัวกลับไม่ชอบใจ
มาร์คได้แต่นั่งตัวลีบไม่กล้าถือตะเกียบขึ้นมาทำอะไรอีก
แบมแบมทำตาเลิกลั่กรู้ตัวว่าโดนงอนเข้าแล้ว แต่เขาผิดอะไรวะ นี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะเว้ย!
รังสีความเศร้าโศกแผ่ออกมารอบตัวมาร์ค แบมแบมเองก็คิดไม่ตกว่าจำทำเช่นไรดี มาวันแรกก็ชิบหายไปหลายอย่างแล้ว!
“จะป้อนก็ป้อนสิ พี่แบมก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย ทำไมต้องงอนพี่แบมด้วยเล่า” มาร์คยังก้มหน้างุ่นไม่ยอมตอบ
“วันนี้พี่แบมจะให้มาร์คไปนั่งเล่นที่บริษัทก็ได้นะ” ยังมีความเงียบเป็นเสียงตอบรับ
หนอย ได้คืบจะเขาศอก
“คืนนี้พี่แบมจะไปนอนด้วยเลยเอ้า!” ถ้าครั้งนี้ไม่ได้ผลจะไม่ง้อมาร์คแล้วนะ
“โอเคเลยคร้าบบ งั้นกินต่อเนอะๆ เดี๋ยวมาร์คป้อนเอง อ้ามมม” คำพูดของแบมแบมดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ปัดเป่ารังสีดำทะมึนนั้นได้ดีจนคนที่แง่งอนไปเมื่อครู่มีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันตาเห็น
ใครจะไปรู้นอกจากตัวมาร์คเองล่ะว่า เขาหายงอนตั้งแต่จะให้ป้อนนั่นแล้ว แต่ก็ดีแล้วแหละที่เงียบไว้ เพราะรู้ดีว่ายังไงแบมก็ต้องง้อเขาต่อแน่ๆ มาร์คมั่นใจ
พอแบมแบมเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความระรื่นจากรังสีดำทะมึนก็เปลี่ยนเป็นดอกไม้บานก็แทบจะเบ้ปาก รู้แล้วล่ะว่าโดนเด็กมันเอาเปรียบ
เนี่ย ระริ้กระรี้จนน่าหมั่นใส่
พออนุญาตให้ป้อนได้ก็คีบใส่ปากไม่ยอมหยุดจนแทบจะสำลัก
เอาเถอะ.. เจริญอาหารไปอีกมื้อก็แล้วกัน
“เดี๋ยวแวะบริษัทก่อนนะ”
“เคคร้าบบบ” ไอ่ปีศาจเจ้าเล่ห์ในร่างมนุษย์ที่นั่งสงบเสงี่ยมบนรถของเขาทำหน้าระรื่นมาตลอดทางเอ่ยขึ้นเหมือนชีวิตนี้มีอะไรแฮปปี้นักหนา
นี่ต้องให้หมั่นไส้วันละร้อยหนใช่ไหมเนี่ย
พอรถเคลื่อนตัวเข้ามาภายในโรงจอดรถใต้คนโต ก็เป็นแบมแบมที่เดินนำขึ้นไปยังชั้นที่สิบเก้าซึ่งเป็นชั้นของผู้บริหารสูงสุดทั้งชั้นส่วนชั้นยี่สิบเป็นเพนท์เฮาส์ ได้เข้ามาพักพอๆเดียวกับคอนโดของเขาเลย ส่วนใหญ่ทำงานดึกก็ไม่ค่อยได้กลับก็จะมานอนเพนท์เฮาส์ แต่ถ้าวันไหนกลับเวลาปกติก็จะไปคอนโดแทนเพราะของใช้ส่วนใหญ่ของเขาจะอยู่ที่นั่น
ในระหว่างการเดินทางขึ้นมาขั้นบน แบมแบมก็เห็นพนักงานสาวน้อยสาวใหญ่ให้ความสนใจกับบุคคลที่เดินตามหลังเขาต้อยๆ แต่เจ้าตัวก็ได้สนใจเลยสักนิด ตาคมฉายแววดื้อรั้นให้ความสนใจกับการออกแบบรวมถึงประติมากรรมภายในอาคาร เหมือนมาเดินชมบริษัทเขายังไงอย่างงั้น
ก็บริษัทออกแบบนี่หว่า ถ้าภายในไม่เลิศก็คงไม่รอดมาจนถึงทุกคนนี้ เพราะงานเปิดตัวบริษัทแท้ๆ ทำให้ผู้คนได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมภายในตึกจนเป็นที่น่าสนใจและเตะตาของเศรษฐีหลายๆคน ด้วยประติมากรรมของชาวตะวันตกผสมกับตะวันออกอย่างลงตัว ทำให้เกิดความน่าหลงใหลยิ่งขึ้นไปอีก
เขาสร้างบริษัทขึ้นมาให้ภายในเป็นดั่งสวรรค์ของมนุษย์เงินเดือน งานออกแบบนับว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากๆ จะให้วันๆมานั่งมองแต่โต๊ะกับเก้าอี้มันก็ไม่ใช่
มาร์คดูเหมือนจะตื่นเต้นไม่น้อยกับสิ่งที่เจอ ตอนที่พามาล่าสุดมันก็ไม่ได้ตกแต่งเยอะขนาดนี้ล่ะมั้ง เจ้าตัวจึงเอาแต่มองไม่หยุด
อย่างพี่แบมนี่หมดความน่าสนใจไปเลย
แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนชอบไอเดียร์การตกแต่งของเขา มันทำให้มีกำลังใจทำงานทุกครั้งที่มีคนให้ความสนใจในผลงานของเรา อย่างน้อยในสิ่งที่มีอยู่ก็อยากพัฒนาให้มันดีขึ้นไปอีกล่ะนะ
“ชอบหรอ” แบมแบมชะลอการเดินหันหน้ามาเอ่ยถาม
“อื้อ แบม มาร์คคิดออกแล้วล่ะว่าจะเรียนอะไร” มาร์คละความสนใจสักพัก หันมาคุยกับแบมแบมด้วยสายตาจริงใจ ไม่มีแววความขี้เล่นอย่างที่เคยเป็นเลยสักนิด
“หึ อะไรล่ะ” แบมแบมขำหึในลำคอ เห็นสนใจขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วมั้งว่าจะเรียนอะไร
“มาร์คจะเรียนสถาปัตย์ล่ะ” แบมแบมยิ้มพึงพอใจในคำตอบที่ได้ยิน มันก็ไม่ได้ต่างไปจากที่เขาคิดเท่าไหร่
“จริงจังแน่เหรอ มันไม่ได้ง่ายหรอกนะ มาร์คอาจจะสนใจแค่ตอนนี้ แต่พอเอาเข้าจริงมันอาจจะไม่ใช่ทางเลือกของมาร์คก็ได้ ลองไปคิดดูอีกทีไหม” แบมแบมเองก็เอ่ยตอบด้วยแววตาจริงจังเช่นกัน
สำหรับเขานับว่าเป็นโชคดีที่เลือกเรียนสายนี้แล้วชอบ พอจบมาก็ไปเรียนบริหารต่อเพื่อจะเปิดบริษัท
และเขาก็ทำได้
ในตอนนี้เขาแค่เป็นห่วงมาร์ค ไม่อยากให้อารมณ์ชั่ววูบเข้ามาตัดสินใจในสิ่งที่ต้องทำมันไปตลอดชีวิต อยากให้เลือกในสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขซะมากกว่า
“จริงๆแล้วเค้าก็พอคิดมาบ้างแล้วล่ะ แต่พอมาเจอกับอะไรแบบนี้มันก็เหมือนเป็นตัวที่ทำให้มาร์คตัดสินใจเร็วขึ้น” มาร์คอมยิ้มเขินกับการที่จะต้องมาเล่าความคิดให้กับอีกคนฟัง
มันดูเหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝันที่เราอยากเป็นนู้นเป็นนี่ ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ไกลเกินตัวไปหน่อยสำหรับเรา แต่ในความเป็นจริงมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองไม่ใช่หรอกเหรอ ว่าจะทำในสิ่งที่ฝันให้มันเป็นจริงได้หรือป่าว
“ก็เอาสิ พี่แบมก็ตามใจมาร์คตลอดนั่นแหละ มาร์คก็รู้” เพียงแค่ได้เห็นความจริงใจ แบมแบมก็เผยยิ้มออกมาก่อนจะหันหน้ากลับไปแล้วเริ่มเดินต่อ
เขาไม่ได้กำลังทำตัวเป็นแม่เป็นเพียงฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเขาเป็นหนึ่งในกำลังใจให้มาร์คได้เขาก็อยากเป็น
ถ้าจะเรียนสายนี้จริงเขาก็คงรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วแหละ ต่อจากนี้ก็คงต้องเจียดเวลางานมาติวหนังสือให้เจ้ามาร์คแล้วน่ะสิ
“ใจดีที่สุดเลยครับ” มาร์ควิ่งเข้าโผกอดแบมแบมกลางสายตาผู้คนในบริษัทโดยไม่อาย แต่ก็ไม่มีใครก็ใช้สายตาละลาบละล้วงเกินไปเพราะที่กำลังมองนั่นคือประธานบริษัทเชียวนะ ขืนยังยืนอยู่ตรงนั้นนานอีกหน่อยซองขาวอาจจะมาวางที่โต๊ะในวันรุ่งขึ้นเป็นแน่
กว่าจะขึ้นมาถึงชั้นที่สิบเก้าได้ก็เสียเวลากับสิ่งรอบกายไปนานพอสมควร
แบมแบมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะเลขาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสาม ต่อจากนี้ก็คงต้องเซ็นต์เอกสารรับรองบนโต๊ะอย่างเดียว ไหนๆก็ยกเลิกการพบลูกค้าวันนี้แล้วจะกลับบ้านเร็วฉลองที่มาร์คมันกลับบ้านก็แล้วกัน
แบมแบมผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานก็เจอกับเลขาตัวเองและอีกคนที่น่าจะเป็นลูกค้าชาวฝรั่งเศสเข้ามานั่งรอที่โต๊ะรับแขก
“เอ่อ คือคุณแบมคะ...” คุณเลขาฝีมือดีแทบกระอักเลือดที่เห็นสายตาเชือดเฉือนของผู้เป็นนาย ตนนั้นย่อมรู้ดีว่าเจ้านายหน้าหวานนั้นหวงความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหน ขนาดเขาที่เป็นเลขายังต้องออกมาทำงานหน้าห้องคอยรับแขกให้ไปอีกห้องนึงและคอยรายงานคนที่ต้องการขึ้นมายังชั้นสิบเก้า ส่วนโต๊ะรับแขกที่ตั้งตระง่านไว้ในห้องส่วนตัวก็เพียงประดับไว้เท่านั้น ไม่ได้มีไว้รับแขกจริงๆสักหน่อย
แบมแบมพอเห็นคุณเฟยมีสีหน้าลำบากใจจะตอบตัวเองก็พอเดาได้ว่าคงเป็นพวกลูกค้าหัวรั้นอีกตามเคย ก็ได้แต่ถอนหายใจไม่แรงมากนักด้วยความที่ต้องรักษามารยาทจึงจำต้องทักทายอีกคนด้วยภาษาอังกฤษอันดีเยี่ยมใบหน้าประดับไปด้วยยิ้มการค้า
“ผมแบมแบมครับ ประธานบริษัท BK Design ไม่ทราบว่าคุณ...”
“เซนครับยินดีที่ได้รู้จักคุณแบมแบม”
“อ่า...ครับ”
มาร์คที่มัวแต่สำรวจความเรียบร้อยของโต๊ะเลขาว่าไม่ได้มีอาวุธอะไรที่สามารถฆ่าหรือล่อลวงอะไรพี่แบมของเขาได้ก็เดินตามเข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้าย แต่ก็แทบจะผงะถอยหลังเมื่อเจอแขกอีกคนที่นั่งตรงเจ้าอี้ ในมือของแขกคนนั้นจับเข้ากับมือบางที่ซึ่งเหมาะที่จะอยู่ในมือของเขามากกว่าอย่างแนบแน่นไม่ยอมปล่อย
ไอ่นั่นมันฝรั่งที่เห็นตอนอยู่ที่สนามบินนี่หว่า!
มาร์คแทบปรี่เข้าไปหาถ้าแบมแบมไม่ชักมือออกมาซะก่อน สายตามาร์คฝาดฟันกับแขกที่บังอาจเข้ามาในห้องได้ไงยังก็ไม่ทราบก่อนที่แบมแบมจะเป็นคนกล่าวห้ามทับ
“ไม่ทราบว่าคุณเซนมีธุระด่วนอะไรหรือป่าวครับ” เขาไม่แน่ใจว่าคนๆนี้ใช่ลูกค้าที่เขาต้องพบในบ่ายสองที่ผ่านมานี้ไหม เพราะเขาก็ยกเลิกไปแล้วแถมได้อ่านแต่รายละเอียดงานยังไม่ได้ดูข้อมูลของลูกค้าเลย
“ต้องมีสิครับผมอุตส่าห์บินมาเพื่อคุยงานกับคุณแต่คุณกลับยกเลิกนัดไปกับแฟนซะได้”
แบมแบมหางคิ้วกระตุก ไปกับแฟนงั้นเหรอ? แสดงว่าคุณเซนจำผิดคนแล้วล่ะ เขาแค่ไปรับน้องที่สนามบินเอง
“อ่า..คุณคงจำผิดคนแล้วล่ะครับ ผมแค่ไปรับน้องที่สนามบิน” มาร์คพอได้ยินก็เกิดอาการน้อยใจขึ้นมาทันที
อุตส่าห์ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจแบบนั้นแล้วแท้ๆ ทำไมพี่แบมกลับบอกว่าเป็นแค่น้อง
เหอะ... ถ้าอยากได้น้องมากทำไมไม่ขอให้คุณน้าพิมพ์(แม่แบมแบม)ปั้มอีกสักคนล่ะ
คุณเซนถึงกับยิ้มเยาะในใจที่จี้ถูกทางแล้ว “นั่นสินะครับ ผมคงจำผิดเอง... จริงๆผมอยากที่จะคุยเรื่องการออกแบบตึกกับคุณให้จบวันนี้เลย แต่เห็นแบบนี้ก็คงจะไม่ทันเพราะผมต้องรีบไปเช็คอินโรงแรมก่อน”
แบมแบมเหลือบมองข้างกายคุณเซนที่ยังหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในห้องของเขาด้วย
นี่เขาไม่ได้เข้าเอากระเป๋าไปเก็บในโรงแรมแล้วค่อยมาหรอกเหรอ ฮึ..เขาไม่ชวนค้างเพนท์เฮาส์แน่ๆล่ะ
“ต้องขอโทษที่เลื่อนนัดแล้วกันนะครับ ถ้าอย่างงั้นเอาเป็นพรุ่งนี้เช้า...”
“ผมไม่รับคำขอโทษนะ..”
“...” แบมแบมที่ยังพูดไม่จบ ได้แต่อ้าปากค้าง
“ไปกินข้าวกับผมสิ ผมจะไม่โกรธคุณ”
“ไอ่..” มาร์คกัดฟันกรอดเตรียมพุ่งมาหาคุณเซนแต่แบมแบมกลับยกมือมาขวางไว้แล้วปรามเบาๆ
“มาร์คอย่า...” มือบางยกขึ้นมาลูบแขนแกร่งเบาๆปลอบปละโลมให้ใจเย็นลงหน่อย
“คุณเดินทางมาคงจะหิวสินะครับ ข้างล่างบริษัทเรามีโรงอาหารเดี๋ยวผมพาไปกิน” ไอ่คุณเซนมีสีหน้าอึกอักอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าแบมแบมจะเล่นพาไปกินข้าวใต้บริษัทผิดกับสิ่งที่เซนคิดไว้ลิบลับ
มาร์คยิ้มกริ่มเยาะเย้ยไอ่คุณเซน พอใจกับคำพูดของแบมแบมเป็นอย่างมาก ทำเอาอารมณ์นอยๆเมื่อครู่หายไปจนหมด
เนี่ย... อีกหน่อยจะคิดว่าตัวเองเป็นไบโพล่าละนะ
คิดจะมาจีบพี่แบมหรอ หึ ถ้าแบมแบมเอาไอติมไปง้อได้แล้วค่อยมาคุยกัน!


นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โตมาแล้วร้ายกว่าเดิมเยอะเลยนะเนี่ย
ร้ายนักนะ เด็กอ้วน