ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Durarara] My special Human (Izaya Orihara x Oc)

    ลำดับตอนที่ #10 : Chess piece 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 264
      31
      13 พ.ค. 63

     

     


     

     


     


         ดวงอาทิตย์ถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์ ความสว่างถูกแทนที่ด้วยความมืด เหล่าปีศาจเริ่มออกล่า ภายในห้องนอนขนาดเล็กถูกปูพื้นด้วยสีครีมเหลืองอ่อน แสงจากดวงดาวส่องผ่านม่าน ร่างเด็กสาวในชุดนักเรียนนอนหลับไหลบนเตียงนุ่มสบาย

     

     

         เสียงนาฬิกาปลุกดังรบกวนเธอ ร่างนั้นค่อยๆยันตัวขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปยังโต๊ะข้างเตียงเพื่อดับเสียง สายตาที่สะลึมสะลือเหลือบมองเวลาผ่านหน้าจอมือถือ

     

     

    01:30 A.M.

     

         'ได้เวลาแล้ว'

     

         ชิยูกิยันตัวขึ้นขยี้ตาพร้อมกับบิดขี้เกียจ หลังจากเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็น เธอก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวบนรถแต่โชคยังดีที่อิซายะไม่ได้ทำอะไรเธอแพลงๆ เธอเลยกลับบ้านโดยสวัสดิภาพแถมก่อนจากกันก็ชอบทำตัวกวนประสาทเหมือนเคย


         

         "ให้ฉันขึ้นไปร้องเพลงกล่อมให้เธอไหม" อิซายะยื่นอยู่ตรงหน้าประตูลิตฟ์เพื่อมาส่งเด็กสาวแต่ชิยูกิมองชายหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ มือเลื่อนไปทางแป้นปุ่นก่อนจะกดปุ่มลิฟต์หนีอีกฝ่ายมาดื้อๆ


         

          เมื่อร่างบางก้าวเท้าเข้าบ้านที่มีชินระมายืนรอต้อนรับแต่เธอกลับไม่สนใจคำทักทายของพี่ชายตัวเองใดๆทั้งสิ้น มุ่งหน้าจ้ำอ้าวเข้าห้องนอน กระโจนขึ้นเตียงโดยไม่เปลี่ยนชุดหรือกินข้าวเย็นทั้งนั้นเพื่อชารต์แบตตัวเองสำหรับคืนที่จะถึง

     

     

         หลังจากนอนเต็มอิ่มพอสมควร ใบหน้าที่เคยดูโทรม ตอนนี้ดูสดใสมีน้ำมีนวลมากขึ้น เธออาบน้ำเปลี่ยนชุดจากชุดนักเรียนเป็นไปรเวท เสื้อยืดคอเต่าสีดำกับกางเกงยีนขายาวทรงกระบอกเอวสูง พร้อมกับเสื้อกาวด์หมอสีขาวยาว

     

     

         เธอมองกระจกเงาขนาดเท่าตัวหันด้านข้างซ้ายขวาตรวจสภาพ ชุดคลุมสีขวาสะบัดพริ้วไปมาตามแรงอย่างน่ารำคาญ ใบหน้าของเด็กสาวแสดงความไม่พอใจมือจับคอเสื้อกาวด์แน่น 'ทำไมเสื้อกาวด์ต้องเป็นสีขาวด้วยนะ' เธอคิดอย่างรำคาญ สีขาวมันเลาะง่ายจะตายน่าจะเปลี่ยนเป็นสีดำไปเวลารักษาใครไม่รอดจะได้ไว้อาลัยในเวลาเดียวกันไปเลยและอีกอย่างนึงเธอเกลียดสีขาว

     

         ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังไล่หลัง "นอนหลับเต็มอิ่มไหม" ร่างของชินระยืนตรงประตูห้องมองน้องสาวเพียงคนเดียว เธอไม่ตอบอะไรในมือของชินระก็ถือเอกสารบางอย่างไว้เค้ายื่นมันมาที่เด็กสาว "นี้คืองานของเธอ"

     

     

         ชิยูกิรับมันมาก่อนจะอ่านรายละเอียดแบบผ่านๆ มีรูปชายวัยกลางคนนอนบนเตียงเหล็กบนหน้าท้องของเค้ามีรอยเย็บเป็นรอยยาวขนาดใหญ่ตั้งแต่หน้าอกจนถึงท้อง ชิยูกิมองพี่ชายตัวแสบที่ยืนยิ้มร่า

     

     

     

         "แค่งานง่ายๆใช่ไหมละ"

     

     

     

     

     

     

     

     

         'แน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันเข้าไปด้วย'

     

         "ไม่เป็นไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะโทรยิงเข้ามือถือก็แล้วกัน" ชิยูกิมองมือถือของหญิงสาวในชุดหนังสีดำรัดรูปข้างกายมีมอเตอร์ไซต์สีดำทมิฬ พวกเธอทั้งสองอยู่หน้าประตูโรงงานร้างแห่งนึง


     

         'ถ้าเธอว่างั้น ฉันจะอยู่แถวๆนี้ก็แล้วกัน' เมื่อตกลงกัยเรียบร้อย เด็กสาวก็เดินไปหยุดหน้าประตูรั่วเหล็ก ขณะนั้นเองก็มีชายในชุดสูทสองคนเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ เด็กสาวหยิบแฟ้มเอกสารให้พวกเค้าดูหลังจากตรวจสอบเสร็จพวกเค้าก็เดินประกบนำเธอไปยังโกดังเก็บของ

     

     

         สถานที่แห่งนั้นมีชายวัยชรายื่นอยู่หน้าประตูโกดังร้างกับลูกน้องสองสามคน เมื่อสังเกตว่ามีคนมาเยือนเค้าและนึกว่าจะเป้นหมอที่คุยกันไว้แต่สิ่งที่เห็นมากลับไม่ตรงปกกับความคิด


     

         "ไหนหมอที่จะมา นี้มันเด็กมอปลายไม่ใช่รึไง" ชายชราร่างอ้วนในชุดสูทสั่งตัดหรูมีสีหน้าที่ไม่พอใจ ในปากเองก็มีซิกก้าที่ถูกจุดจนส่งกลิ่นเหม็นโชยไปทั่ว


     

         "หัวหน้าครับ เด็กคนนี้แหละครับที่จะมาจัดการธุระให้เรา" ลูกน้องนายนึงป้องปากกระซิบกับนาย ผู้เป็นนายหันมามองเด็กสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งอีกทั้งยังทำสีหน้าดูถูกดูแคลน ชิยูกิอ่านสีหน้าออกเธอกอดอกทำสีหน้าเฉยชา

     


         "ถ้าคุณไม่พอใจก็ไม่เป็นไร" เธอพูด "ทางเราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนแต่จะหาหมอคนใหม่มาทันไหมมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพคนไข้ของคุณนะ" น้ำเสียงราบเรียบแต่กลับแฝงไปด้วยความไม่พอใจลึกๆ ถ้าเค้าจะไม่จ้างเธอก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในงานครั้งนี้สักนิด คนที่จะเดือดร้อนเองก็เป็นชายแก่ทิฐิสูงเสียมากกว่า

     


         ชายขราทำเสียงจิจ้ะเมื่อสิ่งที่เด็กสาวพูดนั้นจี้จุด เค้าหยิบซิกก้าออกจากปากพร้อมกับทำน้ำเสียงที่จริงจังเหมือนกับพวกมาเฟียอิตาลี่

     

     

         "อย่าทำพังก็แล้วกันนังหนู"

     

     

     

     

     

         เตียงหมอกับที่วางอุปกรณ์ต่างๆถูกจัดวางไว้กลางโกดังร้างราวกับเป็นฉากละครในหนัง หน้ากากยาสลบถูกสวมใส่ให้กับชายหนุ่มบนเตียงเหล็กจากนี้คงจะหลับไปไม่รู้เรื่องอีกนาน เธอตรวจดูสายละโยงละยาเพื่อเช็คความเรียบร้อย พร้อมเปิดกระเป๋าเครื่องมือพร้อมกับวางอุปกรณ์ที่ต้องใช้วางไว้เป็นระเบียบ

     


         มือเรียวใช้มีดเหล็กขนาดเล็กกรีดลงบนผิวหนังที่เป็นรอยเย็บไว้ลวกๆ ความสัมผัสนุ่มยุนผสมกับความหยาบกระด้างผ่านตัวมีดมาถึงฝ่ามือ กลิ่นคาวและเลือดฟุ่งกระจายไปทั่วห้อง เสียงเตือนชีพจรยังดังเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ

     


         งานที่เด็กสาวมอปลายกำลังทำอยู่นั้นไม่ใช่สาวเสริฟ พนักงานร้านสะดวกซื้อหรือเมดคาเฟ่อย่างเด็กทั่วๆไปแต่ว่ามันคือการผ่าเอายาเสพติดที่ลักลอบเข้าประเทศจากร่างชายไร้สติมาอย่างผิดกฎหมาย


     

         ครอบครัวของชิยูกิมีอาชีพที่ทำกันทุกคนนั้นก็คือหมอ เป็นงานที่ทรงเกียร์ติดีใช่ไหมละแต่ไม่ใช่กับบ้านเธอแน่ๆเพราะมันเป็นอาชีพ หมอเถื่อนแถมยังรายได้ดีกว่าหมอปกติเสียอีก

     


         อยากจัดฟันในราคาถูกงั้นหรอเราจัดให้ อยากทำศัลย์กรรมเปลี่ยนหน้าเราก็มี อยากผ่าตัดรวดเร็วทันใจเผื่อหนีตำรวจเราทำได้ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แขนงไหน บ้านคิชิทานิก็สามารถทำได้หมด

     

     

         ชินระเคยเล่าว่าตอนเป็นเด็กเค้าถูกพ่อให้บังคับจับมีดผ่าร่างเซลตี้ตอนสี่ขวบ ส่วนเธอน่ะหรอ ตั้งแต่จำความได้ ก็ไม่ต่างจากพี่เธอเท่าไรแต่ต่างตรงที่ว่า ครั้งแรกที่เธอเริ่มจับมีดก็คงจะเป็นอายุ6-7ขวบซึ่งช้ากว่าชินระนิดหน่อย ในตอนนั้นก็มีชินระยื่นเชียร์ให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานในเธอก็จะถูกลากตัวไปดูงานทุกครั้งที่มีโอกาส

     

     

         พอมีประสบการณ์หน่อยก็ได้เริ่มทำงานบ้างเพื่อเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆ งานนี้ก็ก็เช่นกัน

     

     

         ถุงพลาสติกถูกห่อด้วยเทปขนาดเท่าหนึ่งกำมือเริ่มทยอยวางลงบนถาดที่เตรียมไว้ จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสาม จำนวนทั้งหมด6ถุง ชายในชุดสูทสีดำเดินมายังถาดเงินเก็บของที่ต้องการไป

     

     

         งานผ่าเสร็จแล้วเหลือแค่งานเย็บ เด็กสาวใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดเลือดทำความสะอาดก่อนเก็บงาน เข็มรูปตะขอเบ็ดตกปลาถูกคีบ ด้ายชนิดพิเศษถูกรอยเข้ารูจากนั้นเธอได้ใช้เข็มนั้นเกี่ยวเข้าไปที่ผิวหนัง

     

     

         ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ดติ้ดติ้ดติ้ดติ้ดติ้ด สัญญาณชีพจรเตือนเร็วขึ้นผิดปกติ ผู้คนที่อยู่ภายในห้องพากันตื่นตระหนก

     

     

         "เกิดอะไรขึ้น" ถึงชายชราจะไม่ได้จบหมอมาแต่ถ้าได้ยินเสียงแบบนี้เข้าเป็นใครก็ใจไม่ดีทั้งนั้น

     

     

         "ยัยหนูถ้าสินค้าฉันเป็นไรไปขึ้นมาเธอต้องรับผิดชอบด้วย" เสียงตำหนิด่าถอจากนายจ้าง เด็กสาวไม่สนคำมุ่งสนใจกับสถาณการณ์ตรงหน้าแทน ยาสลบ น้ำเกลือ เลือดกับยาชาก็ให้ไปตามจำนวนน้ำหนักที่พอดีแต่ทำไมแรงดันในร่างกายถึงผิดปกติ

     

     

         ในเมื่อสภาพด้านนอกไม่มีปัญหางั้นก็คงเป็นสภาพภายใน มือเรียวเปิดปากแผลขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าสดสวยมองอวัยวะสีแดงที่ตัดกับสีตาที่ยังทำงานอยู่ทุกซอกทุกมุม จนเธอมาสังเกตแถวๆถุงกระเพาะอาหาร ดวงตาของเธอเบิกกว้างกับสิ่งที่พบ

     

     

     

         "เลือด ฉันขอเลือดกรุ๊ปA 4ถุง" ชิยูกิพูดแต่ทว่าทั้งห้องต่างนิ่งสนิท เธอเลยกระแทกเสียงดังใส่อีกครั้ง "อยากให้เค้าตายหรือไง ไปเอาเลือดมาเร็วเข้าสิ" เสียงตะหวาดได้ผล คนทั้งห้องรีบวิ่งออกจากห้องโกดังไปเพื่อไปเอาของตามคำสั่ง

     

     

         "เกิดอะไรขึ้น เค้าเป็นอะไร" ชายชราที่ตามไม่ทันกับเหตุการณ์ได้ถาม

     

     

         "ชายคนนี้เป็นไส้ติ่งอักเสบ" เธอถอดถุงมือคู่เก่าก่อนจะสวมคู่ใหม่แทน "แล้วฉันจะต้องผ่าตัดเค้าเดียวนี้"จากงานผ่าเย็บตอนนี้ได้กลายเป็นการผ่าตัดจริงๆเสียแล้ว

     

     

         "เธอจัดการมันได้ใช่ไหม" เด็กสาวไม่พูดตอบ มือกดเบอร์โทรหาชินระแต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีการรับสายใดๆโทรเข้าไปหาหลายสายเท่าไรก็มีผลเหมือนเดิม เธอกดตัดสายแบบไม่สบอารมณ์ เค้าเองก็คงจะกำลังงานยุ่งไม่ต่างจากเธอเช่นกัน

     

     

         "เงียบแบบนี้หมายความว่าไง" ชายชราขึ้นเสียงใส่ รอยย่นบนใบหน้าที่มีมากอยู่แล้วเมื่อเริ่มโกรธ คิ้วขมวดเป็นปมยิ่งทำให้หน้ามีรอยย่นมากกว่าเดิม "ฉันว่าแล้วว่าทำไมการจ่ายครั้งนี้มันถึงราคาถูกนัก โธ่เว้ย" นายว่าจ้างเดินไปเตะถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ สายยางถุงมือกระดาษที่เปื้อนเลือดต่างกระจายไปบนพื้น เค้าหันมามองเด็กสาวพร้อมกับชี้ด่าทอหน้าเธอ ลูกน้องที่มองอยู่ห่างๆต่างก็อยากจะเข้าไปห้ามแต่ถ้าทำเช่นนั้นพวกเค้าได้มีสภาพเดียวกับคนบนโต๊ะแน่ๆ

     

     

         "นี้นังหนู ฉันลงทุนกับงานนี้ไปเยอะนะ ฉันต้องส่งเจ้านี้ให้กับบริษัทอื่นต่ออีก ถ้าเกิดเธอทำพลาดละก็-"

     

     

         "ถ้าคุณยังไม่หยุดพูด ที่ต่อไปที่ฉันจะผ่าไม่ใช่คนที่นอนบนเตียงแน่" เธอพูดโดยยังไม่ละสายตาจากผู้ป่วยฉุกเฉิน ชายแก่สงบปากลงโดยไม่เต็มใจ ชิยูกิกลับมาสนใจงานตรงหน้าโดยปกติแล้วเคสแบบนี้เธอจะมีชินระไม่ก็พ่อของเธอคอยดูอยู่ข้างๆแต่วันนี้จะต้องฉายเดี่ยวซะอย่างงั้น

     

     

         'เอาก็เอา รอดเป็นรอด ตายเป็นตาย' การผ่าตัดไส้ติ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆและไม่ใช่เรื่องตลก ถ้าหากพลาดนิดเดียวหรือทำไม่ทันเวลาน้ำหนองของเหลวเสียๆทั้งหลายจะปนเข้าสู่กระแสเลือดจนทำให้ร่างกายติดเชื้อและสุดท้ายก็คือเจอกันโลกหน้าแน่นอน

     

     

         โดยปกติการผ่าไส้ติ่งจะมีสองแบบก็คือแบบสอดกล้องกับผ่าสดๆแบบเหตุการณ์นี้ ถ้าเลือกได้ก็คงอยากใช้แบบสอดกล้องมากกว่าทั้งเวลาความปลอดภัยมีโอกาสสูงกว่าเยอะแต่ด้วยที่ว่าดันไปเจอแบบบังเอิญก็มีแค่ทางเดียวเท่านั้น ก่อนจะยัดยาเข้าไปนี้ไม่ตรวจสอบเลยรึไงเป็นหมอที่งานหยาบจริงๆ

     

     

         เครื่องมือหมอทั้งหลายยึดเนื้อไว้ให้เปิดกว้าง ตรวจสอบอวัยวะภายในที่อาจติดเชื้อมาก่อน เมื่อเช็คจนแน่ใจว่าควรจะเอาส่วนในออก เธอก็ได้ใช่มีดกับที่คีบตัดเส้นก้อนเนื้ออย่างเบามือ เศษเนื้อที่ดูไม่ออกว่าออกมาจากส่วนไหนของร่างกายได้ถูกคีบมาวางไว้ในถาดทีละชี้นทีละชิ้น

     

     

         เรื่องราวดำเนินไปจนเรื่อยๆมาหนึ่งชั่วโมงกว่าชิ้นเนื้อสุดท้ายที่ดูเหมือนติ่งหนองเน่าที่มีของเหลวอยู่ภายในได้ถูกวางไว้ชิ้นสุดท้าย 



         การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีคนไข้อยู่ในอาการทรงตัว ทีเหลือก็แค่ปล่อยให้นอนพักผ่อนวันถึงสองวันก่อนจะใช้ชีวิตปกติได้ก่อนจะส่งตัวไปยังบริษัทใหม่

     

     

     

     

     

     

          04:30 A.M.

     

     

         ซองสีน้ำตาลใหญ่กว่าฝ่ามือถูกยื่นมา ชิยูกิรับมันมาก่อนจะเปิดซองก็พบธนบัตรสีเขียวปึกหนา เธอนับมันเพื่อเช็คจำนวน รอยยิ้มบางเผยให้เห็นเล็กน้อยก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อคลุม

     


         "พรุ่งนี้จะให้หมออีกคนมาตรวจอาการอีกรอบนึง อ้อแล้วก็นี้" เธอยื่นล้วนเข้าหระเป่าก่อนจะยื่นบิลกระดาษให้กับนายจ้างจำนวนหลักแสน ซึ่งนั้นทำให้ชายแก่มองจนผมแทบหงอกขึ้นอีกสิบเส้นเค้าพยายามที่จะเอยบางอย่างแต่เด็กสาวกลับขัดไว้ก่อน "ผ่าตัดครั้งนี้ไม่มีแถมหรอกนะ"

     

     

         "อย่าแม้แต่จะเบี้ยวเชียว นายทวงหนี้ของฉันยิ่งโหดๆอยู่ ทางที่ดีโอนมาตามวันที่กำหนดเลยจะดีกว่า" ชายแก่กัดฟันกรอดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ดูท่าว่าการลงทุนครั้งนี้เค้าคงจะขาดทุนพอตัว

     


         เด็กสาวกล่าวอำลา มือก็ส่งข้อความไปหาสาวตำนานเมือง เธอตัดสินใจยื่นรอที่ป้ายรถเมลืฝั่งตรงข้ามโรงงานร้าง ไร้ซึ่งผู้คนและรถราทีเพียงแค่แสงไฟจากโคมไฟข้างถนนกับแสงจันทร์สีขาวสาดส่องมาตามถนนก่อให้เกิดเงาเป็นฉากที่เหมาะจะลักพาตัวใครสักคนจริงๆ

     

     

         มือที่เล่นมือถืออยู่ก็เงยหน้ามองไปรอบๆจนเธอสังเกตเห็นป้ายบอกสัญญาณของคนข้ามถนนสีเหลืองที่เป็นรูปผู้ใหญ่จูงมือเด็กข้ามถนน

     


         มันเป็นภาพที่ชวนให้เธอนึกถึงเหตุการณ์นั้นเสียจริง ดวงตาของเธอหมองลงเมื่อเห็นทางม้าลายไร้คนในยามค่ำคืนตรงหน้า

     


         มือเล็กถูกจูงจากผู้ใหญ่ข้ามถนนทางม้าลายฝ่าฟูงชนนับสิบ "เราจะไปไหนกัน" เสียงเล็กใสถาม เธอเงยหน้ามองคนร่างสูงแสงแดดสาดส่องทำให้เห็นแต่ร่างเงาดำกำลังหันมามองเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น เป็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยกับเธอเสียจริง

     

     

     

         แรงเขย่าจากไหล่ทำให้เธอได้สติอีกครั้ง ชิยูกิหันมามองตามแรงเธอเห็นหญิงสาวในชุดหนังสีดำสวมหมวกกันน็อค สีเหลืองคาดสีน้ำเงินที่มีหูแมวเล็กๆ

     

         "เซลตี้" เธออุทานเบาๆ เซลตี้ละจากตัวเด็กสาวก่อนจะหยิบมือถือขึ้ยมาพิมพ์บางอย่าง

     

         'เป็นอะไรรึเปล่า ฉันเข่ยาเธอนานกว่าจะรู้สึกตัว' สายตาสวยมองหน้าจอ 

     

         "โทษที ฉันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ไปกันเถอะ" เธอรับหมวกกันน็อคสีดำที่มีหูแมวเหมือนกับเซลตี้มาสวนก่อนจะขึ้นซ้อนหลังมอเตอร์ไซต์ไร้เครื่องยนต์

     

     

     

     

         ในขณะเดียวกันร่างปริศนาในคราบสีขาวที่แม้แต่เงาดำทมิฬจากท้องฟ้าก็ไม่สามารถกลบได้ มันกำลังยื่นจ้องมองรถมอเตอร์ไซต์สีดำที่กำลังจากไปไกลเรื่อยๆจนลิบตา สายตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเด็กสาวผมสีเฮเซลนัทไม่ละสายตา ริมฝีเผยรอยยิ้มกว้างชวนขนลุก  

     

     

     

     

         "เจอตัวแล้ว"

     

     

     

     

      

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×