คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เดือนสิบเอ็ด
เดือนสิบเอ็ด
“อือ จะกลับแล้วเหรอคะ”ร่างบอบบางของหญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงของสกายกำลังแต่งตัว
“อืม”สกายตอบกลับไป
มันเป็นแบบนี้มานานแล้วเพราะไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์แบบนี้จึงเลือกที่จะเข้าโรงแรมหรือไม่ก็ที่ห้องของคนคนนั้น
เมื่อสกายตอบกลับมาแบบนั้นร่างอวบอิ่มจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหาพร้อมทั้งอ้อนเพื่อเป็นการรั้งให้สกายอยู่ต่อ
“ไม่นอนพักก่อนเหรอคะ”ว่าออกไปเสียงหวานพร้อมเบียดตัวเข้าหาร่างสูง
“ไม่ละ”พูดแค่นั้นก่อนที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจรถแล้วเดินออกไปทันที
ปล่อยให้อีกคนในห้องทำหน้าไม่พอใจจนแทบกรีดร้อง
มหา’ลัย MUC
“กินไรดีวะ”ตอนนี้พวกผมอยู่กันที่โรงอาหารคณะเรามีเรียนช่วงเช้าต่อด้วยช่วงบ่าย
เมื่อเหลือเวลาไม่มากในการขึ้นเรียนในภาคบ่ายนี้เลยจำเป็นที่จะต้องฝากท้องที่โรงอาหารของคณะซึ่งก็ไม่ต่างจากทุกวันเพราะคนเยอะมากเหมือนเดิม
“ปัญหาระดับชาติจริง
ๆ”เป็นแบบนี้ทุกครั้งต้องขึ้นด้วยคำว่ากินอะไรดีตลอดอาหารที่จำเจบางทีก็เบื่อแต่เลือกมากไม่ได้หรอกเดี๋ยวไม่ได้กิน
ฮ่ะๆ
“นั่งโต๊ะนี้แล้วกัน”ผมว่าออกไปเมื่อเห็นโต๊ะว่างแล้ว
บางทีก็คิดนะรู้ทั้งรู้ว่านักศึกษาเยอะแล้วทำไมไม่ขยายโรงอาหารสักทีจะได้ไม่ต้องมาเบียดกันแบบนี้
“เอาไรดีอ้ายเดี๋ยวไปซื้อให้”ฝนถาม
“ฝนไปซื้อเถอะเดี๋ยวเราว่าจะไปลองเดินดูก่อนอ่ะ”ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะกินอะไรดี
“โอเค”
เมื่อนั่งอยู่คนเดียวบนโต๊ะบวกกับไม่มีอะไรทำผมจึงมองไปรอบ
ๆ โรงอาหารเพราะไม่รู้จะพักสายตาไว้ที่ไหนดี และคงจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าเพื่อนจะกลับมาที่โต๊ะถ้าไม่บังเอิญว่าผมดันไปสบตากับใครบางคนเข้า
ใครบางคนที่นั่งถัดไปอีกสองโต๊ะและนั่งตรงข้ามกับผมพอดี
ใครคนนั้นที่ทำผมโมโหและหงุดหงิดไปเมื่อคืนเป็นคนเดียวกันกับผู้ชายที่นั่งจ้องตาผมตอนนี้
ต่อให้เมื่อคืนจะเห็นหน้าไม่ชัดแต่ผมกลับจำดวงตาคู่นั้นได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ!
‘ไอ้ผู้ชายที่น่าโมโห!’
“อ้าย อ้าย
สัดอ้าย!”
เฮือก!
“ตะโกนทำห่าไรวะอยู่ใกล้แค่นี้”ทำเอาสะดุ้งตกใจจนหลุดจากความคิด
“กูเรียกตั้งนานเหม่อไรวะ”
“เปล่า”
“เออ ๆ
งั้นไปซื้อข้าวดิพวกกูมาแล้วเนี่ย”ตั้มบอกเพราะถามไม่เรียกมันเมื่อกี้คงไม่รู้สึกตัวสักทีว่าพวกเขามากันสักพักแล้ว
“เออ”ตอบกลับแล้วสะบัดก้นเดินออกไปทันที
“อะไรของมันวะ
ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะอารมณ์เหมือนเมนส์มางั้นแหละ”ว่าแล้วก็ส่ายหัวเบา
ๆ
พรึบ!
“จะไปไหนวะ”เสียงเอ่ยถามเพื่อนดังขึ้นเมื่อเห็นสกายลุกขึ้นจากโต๊ะ
“เดี๋ยวมา”
สกายตอบกลับไปก่อนที่จะเดินตามหลังคนที่พึ่งลุกออกจากโต๊ะไป
“ปล่อยแม่งเหอะว่าแต่กินไรดีวะ
โว๊ะ! คิดไม่ออก”
เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันแหะ
ตอนที่ได้สบตากันอีกครั้งใบหน้าของคนที่ตัวเล็กกว่าเหมือนอยากเดินเข้ามาขยำเขามาก
กินไรดี ๆ
คิดไม่ออกเลยแหะงั้นเอาง่าย ๆ ตามสั่งแล้วกัน
คิดได้ดังนั้นก็เดินตรงไปที่หน้าร้านทันทีโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครเดินตามมาด้วย
ส่วนคนที่เดินตามก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะดูเหมือนอีกคนจะไม่รู้ตัว
“เอาอะไรดีจ้ะหนู”เอิ่ม เรียกหนูอีกแล้วเหรอ มันใช้เรียกเด็กตัวเล็ก ๆ น่ารักไม่ใช่เหรอครับ
ฮือออ
“เอากะเพราหมูกรอบไข่ดาวครับ”และก็มีเสียงสั่งข้าวด้านหลังขึ้นมาพร้อมกันกับเขาทำให้ต้องหันกลับไปมอง
“กะเพราหมูกรอบไข่ดาวครับ”
“นาย!”ให้ตายเถอะเวรกรรมอะไรเนี่ย
“ฉันมาก่อนนะ”รีบบอกออกไปทันที
“เหรอ
ไม่เห็นรู้เลย”ร่างสูงว่ากลับด้วยน้ำเสียงยียวน
“ว่าไงนะอยากมีปัญหานักหรือไง!”
ตัวอย่างกับลูกแมวจะมาสู้อะไรได้
หึหึ ให้ตายเถอะทำท่าแบบนี้แล้วแม่งน่ามันเขี้ยวจริง ๆ ให้ตายไอ้ตัวน่ารัก
เจอกันแค่ครั้งสองครั้งกลับทำให้เขาอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกมันน่าจับมาฟัดให้จมเขี้ยว
อย่างว่าแหละเขามันได้ทั้งชายและหญิงขอแค่น่ารักโดนใจก็พอ
“ไม่ได้อยากมีปัญหากับแมวเหมียวหรอกนะ”แมวเหมียว? อ่าพูดออกไปแบบไม่ทันคิดเลยแต่ก็เหมาะกับอีกคนดี
“ใครเป็นแมวไม่ทราบ!”ไอ้คนบ้ามีอย่างที่ไหนไม่สนิทมาเรียกคนอื่นว่าแมวเหมียวกันเดี๋ยวพ่อจะข่วนให้หน้าลายเลยค่อยดู
และก่อนจะเกิดสงครามหน้าร้านไปมากกว่านี้คุณป้าเจ้าของร้านก็ยื่นกับข้าวมาพร้อมกันสองจานเพื่อหยุดศึกหน้าร้าน
“ไม่ต้องเถียงกันนะลูกได้พร้อมกันเลยจ้า”
“หึ้ยย นี่ตังค์ครับ”ว่าอย่างขัดใจก่อนจะหยิบข้าวแล้วเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมือลั่นเขวี้ยงจานข้าวใส่หน้าใครบางคนแถวนี้
“หึหึ นี่ครับ”สกายหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะจ่ายเงินแล้วถือจานข้าวเดินตามออกไป
“เดินยิ้มมาเหมือนคนบ้า”ยูทักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเดินยิ้มมาเหมือนคนบ้าหรือมันบ้าจริง ๆ วะ
“แล้วไง”ตอกกลับเพื่อนอย่างไม่สนใจก่อนจะกินข้าว
แต่ยังไม่ทันจะกินข้าวเสร็จก็มีสาวสวยเจ้าของตำแหน่งดาวมหา’ลัยปีเดียวกันเดินเข้ามาซะก่อน
ก็สวยจริง ๆ นั้นแหละ
ไม่งั้นจะเป็นดาวได้หรอ
“หวัดดีน้ำหนึ่ง”เพื่อนในกลุ่มของร่างสูงเอ่ยทักออกไป
“ดีจ้ะ หนึ่งขอนั่งด้วยได้ไหม”
“ได้ดินั่ง
ๆ”
“กายคะ”เธอเลือกที่จะนั่งลงที่ว่างข้างเดือนปีสอง
“หนึ่งมาหาผมมีอะไรหรือเปล่า”เมื่อโดนเรียกก็เอ่ยถามออกไปทั้งที่เลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ไม่สนใจแล้วนะ
“กายอะ
ยุ่งหรอคะช่วงนี้ไม่ตอบไลน์หนึ่งเลย”เธอว่าน้ำเสียงเหมือนจะงอนคนข้างตัวแต่กลับกอดแขนไม่ปล่อย
“ผมไม่ว่าง และเราก็ตกลงกันแล้ว
น้ำหนึ่งลืม?”ถามกลับเสียงเรียบ
ได้กันแค่ไม่กี่ครั้งแต่เธอดันจับเขาไม่ปล่อย
ทั้ง ๆ ที่ตกลงกันไว้แล้วแต่เหมือนเธอจะลืมไปแล้วสินะ
จะด่าว่าเขาเลวหรอ หึ
มันก็แฟร์ดีไม่ใช่หรอพวกเธอต่างหากที่เดินเข้ามาเอง รับข้อตกลงของเขาเอง
ไม่ได้ไปบังคับนิ และเขาก็ไม่ใช่คนผิดด้วย
“แต่กายคะ…”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบร่างสูงก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“ผมไม่ชอบพูดซ้ำนะมันน่าลำคาญ”แค่ประโยคเดียวทำเอาร่างข้างกายหน้าเจื่อนลง
เมื่อพูดจบร่างสูงของสกายก็ลุกออกไปทันทีทำเอาเพื่อนเดินตามกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว
ทิ้งสาวสวยดาวมหา’ลัยไว้ที่โต๊ะเพียงคนเดียว
ตุบ!
ให้ตายเถอะอีกแล้วเหรอเจ็บตัวอีกแล้วเหรอต้องไปล้างซวยแล้วมั้งเดือนอ้าย
“เห้ยอ้ายเป็นไรไหมวะ”เพื่อนรีบเข้ามาดูร่างเล็กของเดือนอ้ายทันทีตัวแม่งก็มีแค่นี้กล้าดียังไงมาชนยัยหนูอ้ายของพวกเขาวะ
แต่ไม่ทันที่จะได้โวยวายแทนเพื่อนตัวเล็กก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายคู่กรณีดันเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง
“เดินไม่ดูทางหรือไงวะ!”สกายสบทเสียงดังอย่างหงุดหงิด เพราะไม่ทันได้มองหน้าคนที่เดินชนด้วยซ้ำ
เดือนอ้ายรีบลุกขึ้นทันทีก่อนจะพูดสวนกลับไป
“ว่าใคร”เมื่อรู้ว่าเป็นใครร่างเล็กก็ไม่คิดจะยอมให้ตัวเองเจ็บตัวหรือโดนด่าฟรีหรอกนะกับคนคนนี้หลายรอบแล้วนะ
“ก่อนจะว่าคนอื่นเคยดูตัวเองไหมจะรีบไปตายหรือไงแล้วใครกันแน่ที่มันเดินไม่ดูทาง
เหอะ! คงจะดูอยู่หรอกนะก็เล่นเดินไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้นต่อให้เดินชนใครก็คงจะบอกว่าตัวเองไม่ผิดเหมือนตอนนี้สินะ
คนอย่างนายคงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะผิดหรอก!”เมื่อระบายออกหมดแล้วก็จูงมือเพื่อนออกมาจากตรงนั้นก่อนที่จะทนไม่ไหวแล้วมีเรื่องกันในเขตมหา’ลัย
“ห่าเอ้ย!!”สบถออกมาก่อนจะเดินออกไปจนเพื่อนได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจ
“กูตามอารมณ์มันไม่ทันแล้วเนี่ย”
“แต่คนที่ด่ามันเมื่อกี้แม่งเด็ดว่ะ”
“เออใช่
ใจกล้าชะมัด”ปกติเวลาสกายมันโกรธหรือโมโหพวกเขาจะเงียบ
เพราะมันน่ากลัวเกินไป
“เปลี่ยนอารมณ์เร็วชิบหาย”เพื่อนได้แต่เดินบ่นตามหลังกับอารมณ์ที่ไม่คงที่ของร่างสูง
“สัด!ทำแมวเหมียวโกรธจนได้”เมื่อขึ้นรถมาก็ได้แต่สบถอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งที่วันนี้เกือบดีอยู่แล้วเชียวแล้วจะทำไงดีวะ
ห่าเอ้ย!
ก่อนที่จะชะงักกับคำพูดของตัวเอง
อดที่จะแปลกใจตัวเองไม่ได้กับคนที่เจอกันแค่ครั้งสองครั้ง
ทำไมเขาถึงเป็นได้ขนาดนี้
เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำแต่เขากลับยอมให้คนตัวเล็กนั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แบบนี้มันไม่ดีเลยจริง ๆ
ทำไมเธอถึงมีอิทธิพลกับฉันได้มากขนาดนี้นะแมวเหมียว
ตอนนี้อารมณ์ของเขาตีกันวุ่นวายไปหมด
ทั้งโมโห ทั้งสับสน
“เจ็บตรงไหนไหมอ้าย”ฝนถามเพื่อนพรางพลิกตัวเพื่อนไปมา
“ไม่เจ็บมากหรอกฝนแค่มือถลอกนิดหน่อยน่ะ”แสบชะมัด
“มือสวย ๆ ของยัยหนูอ้ายกูเป็นแผลจนได้”
“ตั้งแต่คบกันมากูยังไม่เคยทำมึงมีแผลเลยนะ”
“สัดเป็นรอยหมด”เพื่อนแต่ละคนบ่นไม่หยุดเป็น เพื่อนที่ดีจริง ๆ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่แกล้งกูอีก
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็หาย”เดือนอ้ายบอกกับเพื่อนให้สบายใจเพราะทุกคนดูหัวร้อนและพร้อมบวกมากในตอนนี้
“ไปทำแผลกัน”ฝนว่าออกมา
“โอเค ๆ
งั้นไปกันจะได้รีบขึ้นเรียน”
ถ้าเจอกันแล้วมีแต่เรื่องผมก็ขอให้เขาและผมไม่ต้องโคจรมาเจอกันซึ่ง
ๆ หน้าอีกแล้วกัน
......................................................................................
“สองวันมานี้มึงดูอารมณ์ไม่ดีนะ”เพื่อนทักขึ้น
สองวันแล้วที่สกายอารมณ์ไม่คงที่เดี๋ยวหน้านิ่งสักพักก็ทำหน้าหงุดหงิดหรือบ้างทีก็ทำหน้าเหมือนคนคิดไม่ตกจนเพื่อนตามไม่ทัน
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากร่างสูงมีเพียงการเหลือบสายตามองเพื่อนนิ่ง ๆ
จะให้บอกได้ไงว่าตั้งแต่วันที่เดินชนกับแมวเหมียวแล้วเผลอตวาดไปสองวันมานี้ยังไม่ได้เจอหน้าเลยโคตรหงุดหงิด
ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปตามที่ไหน
ไม่รู้ว่าต้องถามใคร
หงุดหงิดไปหมดเลยให้ตายเถอะ
แค่คน
ๆ เดียวที่ได้เจอแค่สองครั้งทำไมถึงมีอิทธิพลกับเขามากขนาดนี้
ทำไมถึงทำให้เขาเป็นได้มากขนาดนี้
ยังคงเป็นคำถามที่สกายเฝ้าถามตัวเองมาตลอดสองวันและยังคงไม่รับคำตอบเกี่ยวกับคำถามนี้
แต่ถ้าเจอกันอีกครั้งเขาอาจจะได้คำตอบที่ตามหาอยู่ก็ได้
“กูต้องเดินเหยียบกับระเบิดเข้าสักวันถ้าแม่งยังเป็นแบบนี้อยู่”เพื่อนหันไปซุบซิบกันเมื่อเห็นสกายเริ่มทำหน้าเหมือนโกรธคนทั้งโลกอีกครั้ง
“มันเป็นไรกันแน่วะ”
“กูคงจะรู้อยู่หรอก
ก็อยู่ด้วยกันไหมสัด”
“เอาใจไม่ถูกเลยเว้ย!”
เพื่อนซุบซิบกันไปเหลือบมองเพื่อนร่างสูงอย่างสกายไปด้วยเหมือนกับพากันระแวงอะไรสักอย่าง
เป็นภาพที่ตลกจริง ๆ
“นั้นมันใช่คนที่เดินชนกับไอ้กายไหมวะ” เมื่อปลายหางตาของดิวเจอเข้ากับคนตัวเล็กที่เดินชนกับเพื่อนเขาเข้า
“ไหน ๆ
เชี่ยใช่จริง ๆ ด้วยว่ะ”
“ไอ้กายนั้นใช่คนที่เดินชนมึงป่ะ”เต้สะกิดเพื่อนที่ทำหน้านิ่งไม่เลิก
ควับ! หันแบบนี้คอหักกันพอดี
แมวเหมียว!
ใช่จริง ๆ ด้วย!
ทำไงดีวะ ทำไงดี
เริ่มลนลาน
ดีใจฉิบหาย
หมับ!
“อ้ะ!?”เมื่อแขนเรียวโดนคว้าไว้ทำให้ต้องหันไปมองอย่างตกใจ ถ้าเกิดล้มขึ้นมาทำไง!
“แมวเหมียว”ว่าแต่เขาเดินมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!
เหมือนร่างกายเขาจะไปก่อนความคิดในสมองแหะ
“ปล่อย!
เป็นบ้าหรือไงมาจับแขนคนอื่น”เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนดึงแขนตัวเองไว้ก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้าแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะมืออีกคนเหมือนกับติดกาวไว้
แกะยากแกะเย็นจริง
แล้วนี่จะเจอกันอีกทำไมเนี่ย
ไม่ได้อยากเจ็บตัวอีกนะ
“ขอคุยด้วยหน่อย”สกายไม่สนใจทำตามคำบอกของคนที่ตัวเล็กกว่าตรงหน้าแต่เลือกที่จะบอกความต้องการของตัวเองออกไป
“จำไม่เห็นได้ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”เดือนอ้ายตอบกลับนิ่ง ๆ
“อีกอย่างเรารู้จักกันหรอ
ก็ไม่นะ”
“ใจเย็นก่อนขอคุยด้วยแป๊บเดียวนะ
นะครับ”สกายรีบพูด
“สองนาที”บ้าจริงแค่เขาพูดด้วยเสียงอ่อน พร้อมกับคำว่าครับทำไมถึงได้หลงกลแบบนี้
ใจง่ายเกินไปแล้วเดือนอ้าย!
จะมาแพ้ให้กับหน้าหล่อ
ๆ เสียงนุ่ม ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ จำไม่ได้หรือไงว่าเจอกันทีไรก็มีแต่เจ็บตัว
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไม่ตอบแต่เลือกที่จะจูงมือของคนตัวเล็กให้เดินตาม
“ว่ามาสิ”เมื่อได้อิสระคือจากการถูกจับแขนก็กอดอกมองใครอีกคนอย่างเอาเรื่อง
“วันที่เดินชน”ร่างสูงเริ่มเกริ่นขึ้น
เดือนอ้ายทำท่าจะเดินออกไปเพราะประโยคที่ร่างสูงเอ่ยออกมาเพียงแค่เริ่มต้นก็ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่พอใจเป็นอย่างมากจนทำให้ต้องคว้ามือเล็กมาจับไว้อีกรอบ
“เดี๋ยว
ฟังก่อนวันนั้นไม่ตั้งใจจะว่า”พูดออกไปแล้วมองหน้าคนตัวเล็ก
“ไม่โกรธได้ไหม”
ห้ะ!
เพราะเรื่องนี้เหรอถึงต้องจริงจังขนาดนี้
เพราะมันไม่มีความจำเป็นเลยด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายจะต้องมาขอโทษเขา เพราะเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วแค่สำนึกผิดก็น่าจะพอมั้ง
“นาย..
ต้องการอะไรกันแน่ เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ
อีกอย่างเรื่องมันจบไปแล้ว”หรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
“แค่ไม่อยากให้โกรธ”สกายบอกออกไปแบบที่คิด
“เรารู้จักกันเหรอก็ไม่
ความจริงนายไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ แต่สิ่งที่นายทำตอนนี้มันไม่น่าไว้ใจเอาซะเลยรู้ไว้ด้วย”
“ชื่ออะไร”
“หืม?”สับสนแล้วนะต้องการจะสื่ออะไรกันแน่อยู่ดี ๆ ก็ถามชื่อกันน่ะ
“ในเมื่อแมวเหมียวบอกว่าเราไม่รู้จักกันการทำความรู้จักกันก็ต้องรู้จักชื่อก่อนไม่ใช่เหรอ”ว่าออกไปอย่างซื่อ ๆ แต่โทษทีเหอะหน้านายไม่ได้บ่งบอกว่าใสซื่อเลยจริง ๆ
“ไม่บอกหรอกนะ”ไม่ได้อยากรู้จักซะหน่อย
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไรเรียกแมวเหมียวก็ดีนะไม่ซ้ำกับใครดี”ว่าอย่างอารมณ์ดี
“ห้ามเรียกนะ!”
“ทำไงดีละก็แมวเหมียวไม่ยอมบอกชื่อเองนิ”ว่าอย่างยียวน
แล้วทำไมต้องการเป็นเขาที่เสียเปรียบไอ้คนตัวสูงตรงหน้าด้วย
เรื่องมันเป็นแบบนี้ได้ยังไงอ่ะ
สับสนจัง
ครืดด ครืดด
ครืดด ..
เลิกสนใจคนตรงหน้าก่อนจะรับโทรศัพท์เมื่อเป็นสายเรียกเข้าจากเพื่อน
‘ไม้เน่า’
“ฮัลโหล”
‘ยัยหนูอ้ายมึงอยู่ไหนเนี่ยรอนานแล้วนะ’
“กำลังไป
ๆ อย่าบ่นได้ไหม”
‘พวกกูนั่งรอจะครึ่งชั่วโมงแล้วไหม’
“ก็เดี๋ยวจะถึงแล้วนี้ไง”
‘ให้ว่องแม่มึงจะแดกหัวพวกกูแล้วเนี่ย’
“เออ ๆ”
เมื่อเก็บโทรศัพท์ลงแล้วก็ทำเหมือนจะเดินออกไปทันทีแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนที่คุยกันเมื่อกี้พูดออกมา
“ชื่ออ้ายสินะแมวเหมียว
อืม ๆ แมวเหมียวอ้ายคล้องจองกันดีนะว่าไหม”คล้องจองกับผีนะสิ!
“รีบ ๆ
พูดความต้องการของนายมาสักที”เดือนอ้ายเร่ง อยากเรียกชื่อก็เรียกไปเพราะตอนนี้เขารีบ!
“หึหึ
เผื่อแมวเหมียวยังไม่รู้ฉันชื่อสกายเรียนไฟฟ้าปีสองจากวันนี้ไปก็เตรียมตัวให้ดีละแมวเหมียว
จะไม่ปล่อยแล้วนะ”
“อะไรน่ะ
ไม่ปล่อยงั้นหรอ หมายความว่าไงกันแน่”พูดแบบนี้มันงงนะ
“จีบนะครับ”
ไม่ดีนะ แบบนี้ไม่ดีแน่
ๆ
หน้าร้อนมากเลยไม่ชอบไม่เอาแบบนี้นะ!
“ไม่ได้นะ!”
“ทำไมล่ะ”ต่อให้คำตอบเป็นแบบไหนเขาก็ไม่สนใจหรอกนะก็จะจีบคนนี้ใครมันจะทำไม
เจ้าตัวไม่อนุญาตไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาอนุญาตตัวเองเอง
ในเมื่ออยากได้คำตอบของคำถามที่ค้างคามันก็ต้องหาจากคนที่ทำให้ต้องตั้งคำถามสิถึงจะถูก
หึหึ
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้”ว่าแล้วก็รีบเดินออกไปทันทีทิ้งให้คนตัวสูงหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี
เหมือนกับได้ปลดล็อกความรู้สึกตลอดสองวันที่ผ่านมาเลยให้ตายเถอะชักจะมีอิทธิพลกับเขามากเกินไปแล้วนะ
เหมือนเขาใกล้ได้คำตอบแล้วล่ะ
“เป็นมึงมึงงงไหมแม่งอารมณ์ดีมาจากไหนวะ”
“เป็นงง
แต่ว่านะคนที่มันเดินชนแล้วลากเขาไปเมื่อกี้มันดูมีอะไร ๆ อยู่นะมึงว่าไหมบีสอง”
“กูก็คิดแบบมึงบีหนึ่ง
บีสามมึงอย่าเงียบ”
“กูไม่ได้เงียบกูสังเกตอาการมันอยู่”
เล่นส่งไม้ต่อกันดีจริง
ๆ แต่ไม่เป็นไรปล่อยไปก่อน
เตรียมตัวให้ดีเถอะแมวเหมียว
หึ
“กว่าจะเสด็จมาได้นะ”
“ก็มาแล้วนี้ไง”
“ไปไหนมาอ้ายทำไมวันนี้มาช้า”ฝนถามขึ้นเพราะปกติแล้วเดือนอ้ายไม่เคยมาสายขนาดนี้มาก่อนแต่นี่จะขึ้นเรียนในอีกสิบนาทีแล้วพึ่งจะมาถึงเป็นอะไรที่แปลกไปจริง
ๆ
“อ๋อพอดีแวะซื้ออะไรกินนะฝนเลยมาช้า”ฝนนน ขอโทษเราไม่กล้าบอกจริง ๆ
ได้แต่เอ่ยขอโทษเพื่อนในใจไม่เคยโกหกเลยสักครั้งก็ต้องโกหก
ฮืออ
“งั้นก็แล้วไป”เมื่อถามไถ่กันเสร็จอาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาทำให้ต้องหันกลับไปมองจอโปรเจ็กเตอร์เนื้อหาการเรียนในวันนี้
แต่กลับเรียนไม่เข้าหัวเลยด้วยซ้ำเมื่อมีเรื่องกวนใจแบบนี้
นั่งถอนหายใจบ่อยจนเพื่อนต่างหันมามองแต่เดือนอ้ายกลับไม่รู้สึกตัวเพราะในหัวยังคงวนเวียนกับคำพูดเดิม
ๆ ซ้ำ ๆ ที่เหมือนเปิดเทปไว้ในหัว
ให้ตายเถอะนายเล่นบ้าอะไรอยู่กันแน่
เห้อ
ไม่ใช่ไม่เคยโดนจีบแต่กับคนคนนี้มันต่างออกไปมันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
ในเมื่อมันยังมีอะไรที่ค้างอยู่ในใจมาตลอดเรื่องที่ไม่เคยบอกให้ใครรับรู้แม้แต่เพื่อนก็ตาม
แต่ความรู้สึกที่บอกได้ในตอนนี้คือ กลัว ใช่เขากลัว กลัวว่ามันจะมีวันนั้น
เขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นเพราะเขาคงรับมันไว้คนเดียวไม่ไหว
ไม่อยากให้มีวันนั้นเหมือนกับที่คนสำคัญของเขาเคยเจอ
การมีความรักมันจะตามมาด้วยความเสี่ยงหลาย
ๆ อย่าง
การที่เขากลัวเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นบางคนอาจจะบอกว่าจะคิดมากไปก่อนทำไม
มันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่สำหรับเขาแล้วนั้นไม่ให้มันเกิดขึ้นเลยยังจะดีซะกว่า
ตัดไฟแต่ต้นล้มเนี่ยแหละ
#ฟ้าคลั่งรัก
ความคิดเห็น