ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fanfic] หัวขโมยแห่งบารามอส เรื่องราว หลังจากนั้น

    ลำดับตอนที่ #44 : ตอนพิเศษคั่นฉากฮะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.09K
      7
      15 ม.ค. 49

    ฟิคสนองตัณหาฮะ อยากแต่งอะไรแนวๆนี้มานานแล้ว



     


    นี่สมมติเหตุการณ์(อีกแล้ว)นะฮะ



     


    ถ้าเกิดเหตุการณ์สงครามไม่ได้จบลงแบบในหนังสือ



     


    แบบว่า ถ้าลูน่าไม่ได้ร่ายมนตร์ไว้ที่ตัวของเฟรินมันจะเป็นยังไงอะไรแบบนั้น



     


    จะออกแนวสะเทือนใจนิดหน่อยฮะ(คิดว่าประมาณนั้นนะ)



     


    หวังว่าทุกท่านคงจะชอบ



     


    คงจะยาวหน่อยนะฮะ อาจจะต้องแบ่งเป็นสองสามตอน




     



     


    ฟื้นขึ้นมาสิ!! ฟื้นขึ้นมา!!” เสียงร้องอย่างตระหนกดังไปทั่วบริเวณ สายฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาราวกับจะร่วมร้องไห้ไปกับเหตุการณ์ครั้งนี้



     


    อย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว มือขาวซีดเอื้อมไปประคองร่างที่หายใจรวยริน



     


    ไหนบอกว่าจะไม่เป็นอะไรไง ไหนบอกว่าจะปกป้องชั้นไง เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทุกทีเหมือนคนเสียสติ มือที่ขาวซีดเพราะความเย็นของน้ำฝนเขย่าร่างที่ไร้สติบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง



     


    ได้โปรด ฟื้นขึ้นมา ทั่วทั้งเอเดนชั้นเหลือแค่นายคนเดียวเท่านั้นนะ น้ำตาไหลอาบสองแก้ม กับความเศร้าที่จะต้องสูญเสียคนสำคัญที่เหลือเพียงน้อยนิดไป



     


    ได้โปรด อย่าทำแบบนี้ ไม่มีนาย ชั้นจะอยู่ได้ยังไง ไม่มีนาย ชั้นจะยิ้มได้ออกได้ยังไง ได้โปรด แค่ฟื้นขึ้นมา ชั้นสัญญา ชั้นจะไม่หนีออกมาแบบนี้อีก แค่ฟื้นขึ้นมา แล้วบอกว่านายล้อชั้นเล่นเท่านั้น ร่างบางกรีดร้อง ขอแค่เพียงเขาฟื้นขึ้นมา แค่นั้นเท่านั้น เธอจะไม่ทำแบบนี้อีก ขอแค่เพียงเขายังอยู่กับเธอ จะแลกด้วยอะไร เธอก็ยอมทั้งนั้น เหมือนกับที่เมื่อห้าปีก่อน ที่เขายอมแลกพลังเวทย์ เพื่อใช้เป็นพลังชีวิตของเธอ



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                                    ........5 ปีก่อน สงครามเอเดนเดมอส ป่าหลงลืม..........



     


    เฟลิโอน่า!!!!!” เสียงร้องอย่างตระหนกดังมาจากผู้ไม่เคยตระหนก ความกลัวแล่นวาบเข้ามาในหัวใจเหมือนกับเมื่อสิบห้าปีก่อน เมื่อคราวที่ผู้เป็นใหญ่แห่งเดมอสได้สูญเสียภรรยาคนสำคัญไป และคราวนี้ เหตุการณ์นั้นกำลังจะย้อนกลับ มาเกิดอีกครั้ง ด้วยชีวิตของพระธิดาองค์เดียวของพระองค์



     


                    ชายหนุ่มผมสีชาปราดเข้ามาประคองร่างบางที่ล้มลงด้วยแรงดาบในทันใด เร็วกว่าใครๆทั้งหมดในที่นั้น แววตาสีเขียวมรกตที่เคยฉายแววระริกอยู่เสมอบัดนี้กลับฉายแวววิตกกังวลยิ่งกว่าสิ่งใด จะให้เธอตายไม่ได้



     


    เฟลิโอน่า จ้าวปีศาจปราดเข้ามาประชิดร่างของพระธิดาในอ้อมแขนของบุรุษผมสีชา โดยไม่สนแม้แต่สถานการณ์สงครามตรงหน้า ในสมองมีแต่ความกังวลเกี่ยวกับชีวิตของลูกสาว



     


    ท.... ท่านพ่อ..... ได้โปรด ช่วยหยุดด้วย..... หม่อมฉัน.... รักเอเดนมากเช่นเดียวกับที่รักเดมอสมากเช่นเดียวกัน แค่ก... ม.... หม่อมฉัน...... อยากให้ทุกอย่างยุติตรงนี้.... ม....ไม่อยากให้มีการสูญเสีย..... ได้โปรด..... ช่วยหยุดสงครามที่หม่อมฉันเกลียดด้วย ร่างบางที่หายใจรวยรินด้วยพิษบาดแผลของดาบปราบมาร ดวงหน้าหวานซีดเผือกด้วยเสียเลือดมากไป คำพูดติดขัดไปหมด เปลือกตาบางค่อยๆปรือลง หากแต่ยังไม่หลุบลงเพราะรอคำสัญญาที่สำคัญของบิดา



     


    ได้ลูกรัก พ่อสัญญา ทุกอย่างจะจบตรงนี้ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป พ่อจะรักษาให้เดี๋ยวนี้ เฟลิโอน่า อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป ผู้เป็นพ่อรับปาก พร้อมร่ายเวทย์รักษาในทันใด เพื่อช่วยทุเลาพิษบาดแผลที่เป็นทางยาวตลอดทั้งร่างของร่างบาง



     


    ขอบพระทัย ท่านพ่อ ร่างบางเอ่ยขอบคุณ ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบไป



     


    เฟลิโอน่า!!!!!!” เสียงกรีดร้องที่ดังไปทั่วบริเวณของสองบุรุษ กับอีกบุรุษที่หัวใจแทบสลายไปทั้งดวง



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                                    ...............ห้าวันถัดมา ชายแดนป่าหลงลืม............



     


    เฟรินเป็นยังไงบ้าง คำถามถูกส่งมาทันทีที่ร่างของชายหนุ่มเดินเข้ามาในบริเวณที่ตั้งค่ายของเหล่ากองทัพจากเอเดน บริเวณชายป่าหลงลืม เด็กหนุ่มผู้ถูกถามไม่สนใจที่จะตอบ กลับเดินตรงมุ่งหน้าไปยังกระโจมของเหล่าคิงประเทศต่างๆ



     


    อาการเฟรินเป็นยังไงบ้าง คำถามถูกย้ำอีกครั้ง เด็กหนุ่มผู้ถูกถามหันหน้ากลับมา



     


    ได้ พูดเลยก็ได้ ไปเรียกทุกคนมาสิ ชั้นจะพูดทีเดียว เด็กหนุ่มพูดเสียงเรียบ ท่าทีเยือกเย็นจนเกินเหตุ



     


                    หลังจากที่ทุกคนมาพร้อมกันในบริเวณลานทางเดินระหว่างกระโจม ซึ่งรวมหมายถึงเหล่ากษัตริย์ของประเทศต่างๆด้วย



     


    เจ้าหญิงแห่งบารามอสสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เมื่อเช้านี้ เด็กหนุ่มผมสีชาเอ่ยน้ำเสียงเรียบ คำพูดที่ขโมยเอาลมหายใจของทุกคนในบริเวณนั้นไปจนหมด แต่ดูเจ้าตัวจะไม่สนใจ และพูดต่อ



     


    คำสั่งเสียสุดท้ายของนางคือขอให้ยุติสงคราม และท่านจ้าวเอวิเดสก็รับคำขอนั่น ที่ให้ถือมาด้วยก็คือสัญญาสงบศึกตามที่นางร้องขอ เขาคลี่แผ่นกระดาษสัญญาที่มีตราประทับของเดมอสออก เผยให้เห็นเนื้อความโดยละเอียดของสัญญา และรอการเซ็นรับรองของทั้งสองฝ่าย เขาส่งมันไปยังไฮคิงเพื่อให้ลงนามรับรองให้เป็นทางการ



     


    ท่านจ้าวต้องการลายเซ็นขององค์ไฮคิงเป็นการยืนยัน โรบอกวัตถุประสงค์



     


        !!ปัง!!



     


                    เสียงทุบพื้นดังสนั่นดังมาจากสองบุรุษเพื่อนร่วมหอที่บัดนี้ดวงตาวาวโรจน์บ่งถึงความโกรธ และเสียใจที่สูญเสียคนสำคัญไป



     


    หมายความว่ายังไง เด็กหนุ่มผมดำเอ่ยถาม พยายามบังคับน้ำเสียงให้เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้



     


    ชั้นว่าชั้นพูดชัดแล้ว คิล เจ้าหญิงแห่งบารามอสทรงสิ้นพระชนม์แล้ว เขาย้ำอีกครั้งพร้อมถอนใจ



     


    พวกนายสองคนเป็นคนบังคับให้ชั้นพูดเอง จริงๆเรื่องนี้เฟรินไม่ให้ชั้นบอกพวกนาย.... คำพูดที่ไม่ทันจบประโยคก็หายไปด้วยหมัดลุ่นๆของเจ้าชายแห่งคาโนวาล



     


    นายปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้ยังไง ทำไมถึงดูไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย นายอยู่กับเธอตลอดเวลา ทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนั้น คาโลเอ่ยน้ำเสียงกร้าว บัดนี้สติและอารมณ์ที่เคยมีอยู่พร้อมกับเลือนหายไปทั้งหมด



     


    ไม่มีใครบังคับชะตากรรมได้หรอกคาโล และเฟรินเองก็ไม่มีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อในฐานะเจ้าหญิงสองดินแดน แต่ ในเมื่อนายก็มีส่วนทำให้เฟรินเป็นแบบนี้ รวมทั้งไม่แม้แต่จะหาทางช่วย ไม่แม้แต่จะไปดูอาการ นายคงจะไม่มีสิทธิ์มาว่าชั้น เขาพูดทิ้งท้ายพร้อมกับแววตาเย็นชา ก่อนจะเดินไปรับใบสัญญากลับคืนมาจากไฮคิง



     


    อ้อ เฟรินให้เอานี่ให้นาย เขายื่นมัดเส้นผมสีน้ำตาลที่ถูกมัดอย่างลวกๆให้บุรุษร่างสูงผู้ซึ่งรับไปด้วยความรู้สึกปวดใจ  ....เฟริน....



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


    หม่อมฉันกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ โรก้มลงทำความเคารพกับผู้เป็นใหญ่แห่งแดนประจิม



     


    แล้วหนังสือสัญญา จ้าวปีศาจเอ่ยถามถึงหนังสือสัญญาสงบศึก



     


    อยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ โรยื่นหนังสือสัญญาให้จ้าวปีศาจ ก่อนจะเอ่ยขอตัวออกไป



     


    ขอบใจเจ้ามาก ตามสบายแล้วกัน เอวิเดสเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ



     



     


    หน้านั่นไปโดนอะไรมาน่ะ เสียงหนึ่งเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าใครเข้ามาในห้องของตัวเอง



     


    อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ เขาตอบ พลางนั่งลงข้างๆเตียง พร้อมเอามือของคนทักมากุมเอาไว้



     


    อุบัติเหตุบ้านแกสิ โดนใครต่อยมามากกว่า คนทักย้อน ก่อนจะเอื้อมเอามือที่ยังเป็นอิสระไปแตะตรงส่วนที่ถูกต่อย



     


    ฝีมือหมอนั่นล่ะสิ ชั้นขอโทษแทนมันด้วยแล้วกัน คำขอโทษแทนจากบุคคลที่นอนอยู่บนเตียงทำให้เขาส่ายหน้าน้อยๆ



     


    ไม่เป็นไรหรอก ชั้นไม่ถือ นอนเถอะ ร่างกายนายยังไม่แข็งแรง เขาบอกให้ร่างที่อยู่บนเตียงพักผ่อน



     


    ไม่เอา ชั้นไม่เป็นอะไรหรอกน่า เมื่อเช้าก็ออกมาเดินได้แล้ว คงไม่เป็นไรเท่าไรหรอก คนป่วยอุทธรณ์



     


    ไม่ได้ ร่างกายนายยังไม่เสถียรกับการปรับตัว พักผ่อนมากๆ แล้วอีกสองสามวันชั้นจะจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้านายพักผ่อนอย่างเพียงพอ เขาเอ่ยเสียงเข้ม



     


    ก็ได้ รักษาสัญญาด้วยล่ะ คนป่วยรับคำเสียงอ่อย พร้อมกับล้มตัวลงนอน



     


    อืม นอนซะ เฟริน



     


    อืม



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                                    .......สามวันก่อน พระราชวังเดมอส......



     


    มันต้องมีสิ มันต้องมีวิธีที่จะยืดชีวิตนางออกไปได้ จ้าวปีศาจบอกตัวเองอย่างร้อนรน เขาพาร่างของพระธิดากลับมายังเดมอสทันที และลงมือรักษานางด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนอาการก็จะไม่ทุเลาลงไปเลย กลับดูแย่ลงไปทุกที ถ้าไม่รีบทำอะไรซักอย่าง บางทีเขาอาจจะสูญเสียนางไปอีกคนเหมือนกับที่สูญเสียอลิเซียไป



     


                    บุรุษเจ้าของผมสีชานัยน์ตาสีมรกตผู้ที่กำลังใช้ความคิดไตร่ตรองถึงความรู้จากหนังสือที่ตัวเองได้อ่านมา



     


    ท่านจ้าว หากหม่อมฉันบอกว่ามีวิธี แต่เสี่ยงมากล่ะพ่ะย่ะค่ะ โรเอ่ยถาม นัยน์ตาฉายแววกังวล



     


    บอกมา ข้าพร้อมทุกอย่างเพียงแค่ช่วยเฟลิโอน่าได้ จ้าวปีศาจตอบตกลงทันที



     


    แลกพลังเวทย์ของคนหนึ่งคน เพื่อใช้แทนชีวิตของคนอีกหนึ่งคน เขาบอกวิธี



     


    แต่อัตราการประสบความสำเร็จต่ำมาก หากโชคไม่ดี อาจถึงตายด้วยกันทั้งคู่ โรเอ่ยเสียงเบา นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยยืดชีวิตของเธอออกไป แต่ในขณะเดียวกันก็เสี่ยงมากเช่นกัน



     


    ตกลง เราจะทำ เจ้าบอกวิธีโดยละเอียดมาเลย โร เซวาเรส เอวิเดสตอบตกลงกับวิธีที่แสนเสี่ยงนั่น



     


    ท่านจ้าว หากหม่อมฉันบอกว่าจะขอร่วมพิธีด้วย โรลองเอ่ยขออนุญาต



     


    ได้ หากช่วยกันสองคนบางทีเราอาจมีสิทธิ์มากขึ้น จ้าวปีศาจอนุญาต เขาจึงรีบไปเตรียมการต่อในทันที



     


                    วงแหวนเวทย์ถูกวาดไว้ล้อมรอบเตียงของเจ้าหญิงสองดินแดน ที่บัดนี้ลมหายใจอ่อนลงทุกที หากไม่รีบทุกอย่างอาจสูญเปล่า ความคิดที่ช่วยให้คนทั้งคู่เร่งความเร็วในการร่ายคาถาออกไปอีก วงแหวนเวทย์ส่องแสงสว่างเรืองขึ้นมา ก่อนจะกลายเป็นสว่างจ้า คาถาบทยาวที่เริ่มจะมาถึงท่อนสุดท้าย บทแห่งการสังเวย บุรุษทั้งสองเดินเข้าไปยังกลางวงพร้อมกับเอ่ยคาถาวรรคสุดท้าย



     


    .....ดวงตะวันจงเปลี่ยนเป็นจันทรา รัตติกาลจงกลับกลายเป็นรุ่งทิวา ขอเหล่าทวยเทวา จงเปลี่ยนเอาพลังเวทย์ของข้า ให้กลับกลายเป็นพลังชีวิตของนาง สิ้นคำ วงแหวนเวทย์ดาวหกแฉกก็ส่องแสงสีขาวสว่างจ้า ก่อนที่สองบุรุษจะทรุดตัวลงราวกับพลังถูกสูบไป แต่คนทั้งคู่ ก็ยังไม่ตาย ซึ่งรวมไปถึงร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง ลมหายใจที่เคยรวยริน บัดนี้เริ่มกลับมามีจังหวะสม่ำเสมออีกครั้ง ดวงหน้าที่เคยซีดขาวเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาอีกครั้ง พิธีได้ผล นางยังไม่ตาย



     


                    พลังเวทย์ไม่ได้ถูกเอาไปทั้งหมด ถูกเอาไปเพียงแค่คนละครึ่ง ซึ่งสำหรับคนทั้งคู่ถือว่าไม่มีปัญหา เพียงแค่พักผ่อนมากซักสามสี่วันเดี๋ยวก็กลับคืนมาเอง



     


                    แต่พลังเวทย์ของพวกเขาแลกได้เพียงแค่พลังชีวิต ไม่ได้แลกเอาพลังเวทย์กลับมาด้วย เพราะฉะนั้นการที่ไม่มีพลังเวทย์จะทำให้พลังชีวิตของเฟรินไม่คงที่คงที่ จึงต้องมีคนคอยแบ่งพลังเวทย์ให้อยู่เป็นระยะ ดังนั้น ไม่เขาก็ต้องท่านจ้าว ซึ่งเป็นผู้ทำพิธีต้องผลัดกันมาคอยแบ่งพลังเวทย์ให้อยู่เสมอ ซึ่งเรื่องนี้ เขาไม่ได้บอกแก่เฟรินทั้งหมด เพราะเธออาจจะรับไม่ได้ที่ตัวเองต้องกลายสภาพเป็นอะไรที่คล้ายกับตุ๊กตา เขาบอกเธอแค่ว่า เธอต้องได้พลังเวทย์เป็นระยะๆเท่านั้น



     


                    สองวันหลังจากนั้น เฟรินเริ่มรู้สึกตัว หากแต่จิตใจไม่ได้อยากอยู่ จนท่านจ้าวต้องขอร้องให้มีชีวิตเพื่อนท่าน เธอจึงยอมสงบลงแต่โดยเ



     


    บัดนี้ เจ้าหญิงแห่งบารามอสได้ตายไปแล้ว เธอพูดอย่างหนักแน่น มือหยิบผ่าปฐพีขึ้นมาตัดผมสีน้ำตาลสวย ทุกสายตานิ่งค้าง



     


    ไปบอกพวกเขา โร บอกว่าเจ้าหญิงแห่งบารามอสตายไปแล้ว เขารับคำสั่งจากเธอ ก่อนที่เธอจะยื่นเส้นผมที่ตัดออกไปมาให้เขา



     


    และช่วยเอานี่ไปให้คาโลด้วย



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    ทำไม ทำไมถึงไม่รักษาสัญญา ไหนบอกว่าจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ แล้วทำไมถึงตายไป ใจดำ ใจดำมาก เฟลิโอน่า ทำไมถึงไม่ย้อนนึกถึงสัญญาบ้าง ทำไมถึงทิ้งฉันเอาไว้คนเดียว



     


                    หัวใจอ่อนล้า ที่เหมือนจะแตกสลายไปตั้งแต่ได้ยินว่าเธอตายไป น้ำตาไม่ยอมไหล ไม่ใช่เพราะไม่เสียใจ แต่เสียใจเกินกว่าที่น้ำตาจะไหลออกมา



     


                    วันนี้อากาศหนาว คนอย่างเขาที่ไม่เคยทุกร้อนกับสภาพอากาศ แต่ตอนนี้หัวใจกลับหนาวสั่น เพียงแค่ไม่มีเธออยู่ข้างกาย ไม่มีรอยยิ้มอบอุ่นมาให้เห็น ไม่มีร่างนิ่มๆมาให้กอด ต่อจากนี้ไป มันจะไม่มีอีกแล้ว



     


                    เป็นเพราะชั้นเหรอ เฟริน ที่ทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ เป็นเพราะชั้นเหรอ ที่ทำให้เธอเลือกที่จะตาย เป็นเพราะชั้นเหรอ ที่ทำให้เธอทิ้งชั้นไป



     


                    ขโมย ก็ยังเป็นขโมยอยู่วันยันค่ำ ขโมยที่ไม่ได้เอาไปเพียงแค่สภาพสงครามแห่งเอเดน แต่กลับขโมยหัวใจรักของเขาไปด้วย ภาพวันแรกที่พบกันแล่นเข้ามาในความทรงจำอย่างแจ่มชัด เหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ภาพที่เขาและเธออยู่ด้วยกันค่อยๆแล่นผ่านเข้ามา และออกไป จนถึงภาพสุดท้ายที่เขาเห็นเธอ รอยดาบปราบมารของท่านพ่อที่พาดขวางลำตัว โง่ที่สุด ทำอะไรบ้าๆ ทำอะไรไม่รู้จักคิด ทำไมถึงไม่รู้จักคิดถึงคนที่ยังอยู่บ้าง .....เฟริน.....



     


                    ดาวจรัสเต็มผืนฟ้า นายชอบดูดาว ถ้ามีนายอยู่ด้วยตอนนี้ก็คงจะดี นายจะช่วยรับไปได้มั้ย ของขวัญสุดท้ายจากฉัน



     


                    ดอกเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาจากฟ้า เหมือนจะแทนน้ำตาแห่งความเสียใจของใครบางคน



     



     


                    มือเล็กเอื้อมออกไปสัมผัสเกล็ดหิมะที่ตกลงมา มันไม่แปลกที่หิมะจะตกลงมา เพราะยังไงนี่ก็ใกล้ฤดูกาลเต็มที แต่มันแปลก ที่เกล็ดหิมะนั่นกลับดูเป็นดอกสวยงามราวกับใช้เวทย์มนตร์



     


                    ของนายใช่มั้ย คาโล



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    จากเหตุการณ์สงครามเอเดนเดมอส นี่ก็ผ่านไปแล้วห้าปี ห้าปีที่เฟรินถูกแทนที่โดยสมบูรณ์ ตำแหน่งตัวป่วนประจำรุ่นถูกแทนที่ด้วยฝีมือครี้ด ตำแหน่งคนเดินหมากก็ถูกแทนที่ด้วยโร และรวมไปถึงตำแหน่งหัวหน้าชั้นปีที่ว่างลงอีกที่ด้วย อาการแทนที่โดยสมบูรณ์นี้แทบจะเรียกได้ว่า เกือบทุกคนพยายามลืมเธออกจากใจ ยกเว้นอยู่ไม่กี่คนซึ่งก็คือกลุ่มของหัวหน้าชั้นปี ทั้งสามคนไม่เคยจะญาติดีกันซักครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คาโลที่ตั้งแง่กับโรด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แต่ดูฝ่ายโรเองก็จะไม่ใส่ใจกับปัญหาตรงนี้ ทุกอย่างดำเนินต่อมาอย่างปกติโดยที่ไม่มีเฟริน จนมาถึงปีสุดท้าย หมากกระดานเกียรติยศปีสุดท้ายที่พวกเขาทั้งหมดจะได้อยู่ในเอดินเบิร์ก ที่ปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่ ปีเจ็ดจะได้ว่างงานหนึ่งวันเต็มๆ และการแข่งขันก็ถูกเลื่อนออกไปวันหนึ่งเพราะความไม่เรียบร้อยของตัวงาน



     


                    เกือบทุกคนเลือกจะอยู่ในป้อม แต่ก็คงไม่ใช่โร อย่างแน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าโรเป็นอะไร บางคนก็ว่ามันบ้าไปแล้วตั้งแต่ที่มันมาบอกข่าวคราวนั้น เพราะบางทีมันก็หยิบกระดานหมากรุกขึ้นมาเล่นเองคนเดียวเสียเฉยๆ หรือบางทีมันก็นั่งยิ้มบางอยู่คนเดียวราวกับว่ากำลังคุยกับใครอยู่



     



     


    ทางนั้นๆ!! เสียงอึกทึกในตลาดเอดินเบิร์กดังขึ้นอย่างเป็นเรื่องปกติ คงจะมีขโมย เขาคิด สองเท้ายังคงเดินดูของในตลาดไปเรื่อยๆ



     


    มันไปทางโน้นแล้ว!!” เสียงชายฉกรรจ์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงนั่นเริ่มใกล้ตัวเขาขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกันความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่าง ซึ่งลางสังหรณ์ของเขาถูกต้อง ร่างคุ้นตาในชุดทะมัดทะแมงของผู้ชายกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา นัยน์ตาสีน้ำตาลถูกส่งมาให้เขาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ



     


    <ลุยเลย เดี๋ยวชั้นเคลียร์ให้> เขาบอกผ่านทางเวทย์สื่อสาร เวทย์ที่ท่านราชินีจันทราลูน่า เกรเดเวลลงไว้ให้เขาและเฟริน ด้วยไม่รู้ว่าจะห่วงหลานสาวที่ไม่ได้ออกไปไหน หรือว่ารู้ว่าหลานสาวคนนี้จะต้องหนีออกมากันแน่ หนึ่งในสายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็นระหว่างเขากับเธอที่เพิ่มขึ้นมาในเวลาห้าปี



     


    แค่นั้นแหละ เธอพูดขึ้น ก่อนจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์สี่ห้าคน แล้วแย้มรอยยิ้มบาง มือลูบแผลเป็นใต้ตาซ้ายอย่างเคยชิน ก่อนจะกระโดดม้วนตัวอ้อมหลังผ่านคนกลุ่มนั้นไป มือชูขึ้นบนฟ้า



     


    ไลท์นิ่ง แสงสว่างจ้าสว่างไปทั้งบริเวณ โรเอามือขึ้นบังตา ก่อนที่จะลงเวทย์พันธนาการไว้เป็นการช่วย สายตาขุ่นเขียวถูกส่งมาทางเขา ก่อนที่เจ้าหล่อนจะเรียกเสียงกัมปนาทขึ้นมาอีกครั้ง แล้ววิ่งหนีไป



     


    ฝากจัดการด้วย นั่นคือคำพูดสุดท้าย ก่อนที่โจรสาวจะหายตัวไป



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


     แล้ววันนี้นายไม่ต้องแข่งรึไง ถึงได้ออกมาเดินตลาดแบบนี้น่ะ เธอเอ่ยถาม ขณะเดินอยู่บริเวณป่าข้างโรงเรียนพระรราชาเอดินเบิร์ก



     


    ยังเตรียมงานไม่เสร็จเลย งานจะมีพรุ่งนี้ เขาตอบ พร้อมกับยิ้มขำๆกับสีหน้าของผู้ฟัง



     


    ไอ้บ้า แล้วแกก็ไม่บอกชั้นซักคำ เธอด่าเขา



     


    ทีนายจะมานายยังไม่บอกชั้นเลย เขาย้อน



     


    แต่แกก็รู้ทุกทีว่าชั้นจะมาวันไหน มาเมื่อไร และอยู่ตรงส่วนไหนของงาน แล้วชั้นจะบอกแกทำเพื่อเรอะ เธอแหวเขากลับ ใช่ เธอมาดูงานหมากกระดานเกียรติยศทุกปี ทั้งๆที่ไม่ได้บอก แต่โรก็รู้ว่าเธอมาทุกที



     


    เอาน่า อยู่ต่ออีกซักวันจะเป็นไรไป เขาปลอบ



     


    เรื่องเรอะ ชั้นไม่ว่างขนาดนั้น เธอว่า ก่อนจะรีบเอามือปิดปากเมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดคีย์เวิร์ดสำคัญออกไปซะแล้ว



     


    หมายความว่าไง เฟริน เขาถาม น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้น



     


    ชิ นายก็แบบนี้ทุกที รู้อยู่แล้วยังจะถามทำไม เธอไม่ตอบ แถมยังรวนคำถามเสียอย่างนั้น



     


    นายได้พลังเวทย์ครั้งสุดท้ายเมื่อไร ตอบมา เฟริน เขากำชับท้ายคำเมื่อเห็นว่าเธออาจจะไม่ตอบ



     


    สองเดือนก่อน เธอตอบเสียงอ่อน คำตอบที่ทำให้บุรุษผมสีชาสบถอุบแล้วฉวยมือเธอไปกุมในทันที จนเฟรินร้องโวยวาย



     


    มิน่า นายถึงไม่ยอมใช้เวทย์สื่อสาร เขาเอ่ยน้ำเสียงเครียดอย่างไม่ใส่ใจกับคำโวยของเธอ



     


    ไม่เอา โร ปล่อยสิ ไม่เป็นไรหรอก โร นายต้องแข่งพรุ่งนี้อีกนะ เดี๋ยวไม่มีแรงทำไง เธอร้องปฏิเสธพัลวัน มือข้างที่เป็นอิสระพยายามแกะมือให้ออกจากพันธนาการ แต่ดูจะไม่เป็นผล



     


    ไม่เกี่ยว เฟริน ถ้านายเป็นแบบนี้วันหลังชั้นจะบอกท่านจ้าวว่าจะไม่ให้นายออกไปไหนอีก เขาเอ่ยขู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมอยู่นิ่งๆเสียที



     


    โธ่ โร ไม่เอาน่า ชั้นจะกลับเดมอสแล้ว ปล่อยเถอะน่า ชั้นไม่เป็นไรหรอก เธอยังคงท้วงอยู่แบบนั้น



     


    ชั้นไม่อนุญาตให้นายกลับเดมอสโดยไม่มีชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าร่างกายนายไม่แข็งแรงพอที่จะใช้เวทย์สื่อสาร เขาเอ่ยปฏิเสธคำขอเสียงดุ



     


    นี่นายมีสิทธิ์เหนือชั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน เฟรินบ่นอุบอิบ



     


    ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน เขาตอบสั้นๆ คำตอบที่เรียกได้แต่เสียงสบถเบาและถอนใจของหญิงสาว



     


    โธ่ โร พอแล้วน่า ยังไม่กลับก็ได้ ปล่อยได้แล้ว เฟรินร้องท้วง นัยน์ตาสีน้ำตาลช้อนขึ้นมาสบกับเขาช้าๆ วิธีที่ได้ผลชะงัด โรปล่อยมือเธอในทันที



     


    ทำตัวดีๆ ห้ามใช้เวทย์ใดๆทั้งสิ้นในระหว่างที่ชั้นไม่อยู่ใกล้ๆ เขาสั่งเธอ อากัปกริยาที่นานๆครั้งเขาจะทำกับเธอ



     


    อืม รู้แล้วน่า ทำตัวเหมือนหมอนั่นไปได้ เธอพยักหน้ารับคำเสียงเบา พร้อมทั้งคำเปรียบเปรยข้างหลัง



     


    แล้วนายไปทำอะไรมาถึงได้โดนวิ่งไล่เอาแบบนั้น เขาเปลี่ยนคำถามด้วยน้ำเสียงนุ่มขึ้น มือพาร่างบางมานั่งคุยใต้ต้นไม้กันดีๆ



     


    ไม่มีอะไร เผอิญว่าชั้นวิ่งไปชนคนเป็นหัวหน้าเข้า เฮ้ ไม่ต้องมามองชั้นอย่างนั้น ชั้นขอโทษแล้วนะ แต่ไอ้หมอนั่นมันผิดเองต่างหาก ชั้นก็เลยชกสวนมันไปเลย เธอเล่า ก่อนเสริมท้ายเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย



     


    มันพูดว่าอะไร เขาถาม



     


    นายอย่ารู้เลยดีกว่า เดี๋ยวนายจะไปฆ่ามันทิ้งซะก่อน เธอพูดปัดๆ ที่มันทำให้คนฉลาดอย่างเขาเริ่มจะเดาได้ลางๆแล้ว



     


    ชั้นฆ่าทิ้งแน่ถ้ามันพูดแบบที่ชั้นคิดจริงๆ โรพูด แววตาดุขึ้นอย่างประหลาด



     


    เห็นมะ ว่าแล้วไง เธอเอ่ยเสียงเบา มือตบหน้าผากอย่างอ่อนใจ



     


    แล้วคิดยังไงถึงได้เล่นเวทย์ทั้งๆที่พลังเวทย์ไม่ค่อยจะมี เขาถามอีกครั้ง



     


    ก็แค่ไม่อยากให้ใครรู้ เธอเอ่ยตอบเสียงเบา ซึ่งนั่นก็พอแล้วสำหรับคำตอบของเธอทั้งหมด



     


    แล้วนายจะเอายังไง เขาลองถามความเห็นเธอ



     


    ยังจะถามอีก เราตกลงกันไว้ว่าไง เธอย้อนอีกครั้ง



     


                    โรถอนใจเบา แม้จะพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอจะปิดคนอื่นไปทำไม พอเถอะ เราต้องหาที่พักให้นายเฟริน



     


    ไม่ต้องหรอกน่า ฉันนอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ เฟรินว่า



     


    ใช่ ถ้านายร่างกายแข็งแรงกว่านี้ โรรับ ก่อนจะแจงเหตุผล



     


    แต่นี่ร่างกายนายอ่อนแอ ชั้นไม่อนุญาตให้นายนอนกลางป่ากลางถนนแน่นอน



     


    นี่ชั้นจะทำอะไรต้องให้นายอนุญาตทุกครั้งเลยรึไง เฟรินบ่น



     


    ไม่ทุกครั้งถ้านายทำตัวดีๆ แต่นี่นายหนีออกมา ชั้นไม่ส่งข่าวไปบอกท่านจ้าวนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว โรย้อนเสียงเบา พร้อมทั้งคำบลั๊ฟเสร็จสรรพ



     


    โร ไม่เอาน่า เฟรินคราง มันมีสิทธิ์ทำจริงได้ เพราะท่านพ่อไว้ใจมันมากกว่าเธอเสียอีก



     


    งั้นก็ฟังชั้น แล้วตามมานี่ โรสรุป ก่อนจะเดินนำออกไป



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    เสียงเชียร์ดังลั่นสนาม ร่างบางในชุดเก่าๆที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์มองไปยังสนามเบื้องล่างอย่างสนใจ กระดานสุดท้าย แล้วเธอจะได้กลับเสียที ไม่ต้องพบกันอีกแล้ว



     


                    ป้อมอัศวินปะทะปราสาทขุนนาง คู้รักคู่แค้นมาตลอดเจ็ดปี เจ็ดปีที่ฝ่ายปราสาทขุนนางแพ้ป้อมอัศวินมาตลอดทั้งเจ็ดปี ไม่นับปีหนึ่งซึ่งป้อมอัศวินแพ้ไปอย่างไม่ยุติธรรม(?) ผู้เดินหมากครั้งนี้คือเรนอน ซึ่งผิดคาดเอามากๆ เธอนึกว่าจะเป็นโรตามเคยเสียอีก สงสัยคราวนี้คงจะปล่อยซะแล้ว



     


    เบี้ยสาม ซีห้า เฟรินถอนใจเบากับคำสั่งของเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาล ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดีส่งซอร์โรไปตายชัดๆ



     


    เรือซ้ายซีห้า กำจัดเบี้ย เห็นมั้ยล่ะ ว่าแล้วเชียว เธอส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะส่งใจไปช่วยซอร์โรหวังให้มันไม่เจ็บหนักนัก



     


                    คิดอยากจะถามนัก ว่าใครเป็นคนจัดตำแหน่งเที่ยวนี้ มั่วเสียยิ่งกว่าอะไร คิดยังไงถึงเอาครี้ดขึ้นมาเป็นคิง แล้วเอาแองจี้ไปไว้ควีน ซีบิลดันให้เอาไปอยู่ม้า แล้วกัสก็เอาไปใส่บิชอป และอีกหลายตำแหน่งที่มั่วๆมากจนอยากจะตะโกนถามลงไปว่าจับฉลากเลือกตำแหน่งกันรึไง มันติดที่ว่าทำไม่ได้



     


    พวกนายคิดบ้าอะไรอยู่วะ เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ ตาเหม่อลอยไปยังสนามแข่งเบื้องหน้า พลางกับต้องคอยสังเกตรอบตัวเอาไว้ตลอด เผื่อมีคนรู้จักมาอยู่แถวนี้ แต่ดูเหมือนว่า เธอจะประมาทเกินไปซะแล้ว



     


                    มีดสั้นถูกจ่อไว้ตรงสีข้าง อย่างที่นักขู่กรรโชกฝีมือดีมักจะทำ แต่มันติดตรงที่ว่า มันจะมาขู่กรรโชกทรัพย์เธอไปเพื่ออะไรในเมื่อเธอก็แต่งตัวอย่างกับคนเร่ร่อน แม้ผมสีน้ำตาลของเธอตอนนี้จะยาวจนใครๆก็ดูรู้ว่าเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่น่าจะมีใครบ้าพอที่จะมารีดทรัพย์จากยาจกหรอก



     


    ห้ามร้องตะโกน ห้ามหันมามอง และห้ามทำพิรุธเด็ดขาด เจ้าหญิง ไม่เช่นนั้นเราอาจจะต้องมีการใช้กำลังกับพื้นที่บริเวณนี้ เสียงชายฉกรรจ์ดังขึ้นมาจากข้างหลัง ซึ่งมีกันกี่คนก็ไม่อาจบอกได้ รู้เพียงแต่ว่า พวกนี้รู้ว่าเธอคือใคร ใจจริงอยากจะเรียกดาบออกมาใจจะขาด แต่พวกมันดันขู่ไว้แบบนั้น เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้นนอกจากคนโดนลูกหลง ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เธอวาดดาบโดยไม่คิดเป็นเหตุให้คนตายเป็นเบือนั้นทำให้เธอกลัวการฆ่าคนอย่างไร้เหตุผลเป็นที่สุด และคนพวกนี้ ก็เหมือนจะรู้จุดอ่อนของเธอดีซะด้วย



     


    แล้วท่านต้องการอะไร เฟรินถามน้ำเสียงเรียบ พยายามทำตัวไม่เป็นพิรุธที่สุดเท่าที่จะทำได้



     


    ต้องการอะไรน่ะเหรอ ง่ายมากเลย ท่านเจ้าหญิง ชีวิตและพลังของท่านในฐานะธิดาแห่งความมืด ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ



     


    แต่ไม่ใช่ตรงนี้ เราไม่ต้องการให้ใครโดนลูกหลง เฟรินตอบกลับ ชายคนนั้นหัวเราะในลำคอ



     


    ไม่คิดว่าธิดาแห่งความตายจะห่วงคนอื่นเป็น เฟรินหลุบตาลงกับฉายานั่น หลายคนในแถบแอเรียสเป็นคนตั้งให้เธอตั้งแต่เธอไปฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่องเหล่านั้น ฉายาที่น่าเจ็บปวด



     


    และอย่างน้อย ขอให้เราดูหมากกระดานนี้ให้จบก่อน ถือซะว่าเป็นหมากกระดานสุดท้ายของชีวิตเรา เธอต่อรอง



     


    คงจะไม่ได้กระมัง เจ้าหญิง ไม่เช่นนั้นเกิดองครักษ์ของท่านเห็นเข้าอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้ หมอนี่รู้เรื่องโร ได้ยังไง ทุกอย่างเป็นความลับทั้งหมด แม้แต่ในเดมอส มือคนที่รู้เพียงแค่เครือญาติใกล้ชิดในเดมอส และโรเท่านั้น ไม่น่าจะมีใครรู้อีกนี่นา



     


    งั้นก็ควรจะรีบไปดีกว่า เฟรินว่า แม้ใจจะไม่สงบ แต่ก็ต้องเย็นไว้ก่อน การฝึกฝนมาตลอดห้าปีทำให้เธอเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ทางสีหน้าได้ และหาหนทางหาทางรอดในสถานการณ์จำเป็น



     


    ใจกล้าดี เจ้าหญิง นั่นจะทำให้ทางเราง่ายขึ้น ชายฉกรรจ์เอ่ยอย่างชอบใจ



     


    แต่ท่านต้องสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับคนที่ไม่รู้เรื่อง เฟรินต่อรองอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้อีกฝ่ายรับข้อต่อรอง



     


    ได้ เจ้าหญิง หากท่านยอมแต่โดยดี ข้าจะไปอย่างสงบ



     


    ตกลง งั้นเราควรรีบไป เฟรินค่อยๆผละจากขอบอัฒจันทร์ และเดินออกไปจากสนาม



     


    [โร โทษทีนะ] คำขอโทษที่ดังขึ้นในโสตประสาท เรียกให้บุรุษเจ้าของเรือนผมสีชาต้องเหลียวกลับไปยังอัฒจันทร์ตรงที่เธอนั่งดูอยู่ในทันใด ภาพเธอเดินออกไปจากอัฒจันทร์พร้อมกับชายชุดคลุมหน้าสีดำทำให้เขารู้สึกร้อนใจ อยากจะรีบจบกระดานเพื่อไปหาเธอให้เร็วที่สุด



     


                    เขาหันขึ้นไปมองหน้าเรนอน ที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคยควบคุมจิตวิทยาได้ แล้วหมากคราวนี้ก็ดันเป็นการจับฉลากตำแหน่งเสียด้วย ลำบากซะแล้ว



     


    เรนอน เปลี่ยนตัว เดี๋ยวนี้!” เขาตัดสินใจตะโกนขึ้นไปบนกระโจมของผู้เดินหมาก เสียงฮือฮาดังขึ้นระงม เมื่อเบี้ยอย่างเขาหาญกล้าที่จะไปสั่งคนเดินหมาก ฝ่ายปราสาทขุนนางตาเบิกกว้างทันที หากเปลี่ยนตัวครั้งนี้สำเร็จ ป้อมอัศวินก็อาจจะชนะไปอีกครั้ง



     


    ค...ค่ะ คุณโร เรนอนรับคำน้ำเสียงสั่น คำสั่งให้เขาเดินไปยังสุดกระดานดังขึ้นทันที อีกเพียงแค่สองช่องเท่านั้น



     


                    แต่ฝ่ายปราสาทขุนนางยังไม่ยอมแพ้ ส่งคนมาสกัดเขาถึงที่ ตอนนี้สถานการณ์ของป้อมอัศวินกำลังย่ำแย่ มาทิลด้าก็โดนต้อน เจคก็ดูท่าจะต้องโดนหามออกไปเร็วๆนี้ คาโลก็ดูจะรับมือไม่ค่อยไหวแล้ว



     


    พวกเราไม่ให้นายเปลี่ยนตัวสำเร็จแน่ ม้าขวาของฝ่ายปราสาทขุนนางส่งเสียงขู่ คำพูดสุดท้ายก่อนที่ม้าขวาตัวนั้นจะหายไปจากกระดาน



     


    ขอโทษที แต่เจ้าหญิงของชั้นกำลังแย่ ชั้นจะมาเสียเวลาตรงนี้ไม่ได้ เรนอน เร็วเข้า!!” เขาหันกลับไปสั่งเรนอนอีกครั้ง ที่กำลังไม่เข้าใจคำพูดที่ความหมายกำกวมเมื่อครู่ เรนอนสั่งให้เขาขยับขึ้นไปอีกช่อง ขาดอีกช่องเดียว ได้เวลาหาทางรุกฆาตแล้ว



     


                    โรตั้งสมาธิ พยายามมองกระดานในภาพรวม เพื่อให้เห็นถึงหนทางชนะ อย่างที่เฟรินบอกไว้ ทุกกระดานย่อมมีหนทางของมันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นหรือไม่เท่านั้น



     


                    เรืออีกตัวส่งส่งมาขวางทางเขา และแน่นอนว่าเรือผู้โชคร้ายคนนั้นก็ถูกกำจัดไปในเวลาอันรวดเร็ว แค่ดีดนิ้วเป๊าะเดียวเท่านั้น เขาสงบใจ และเตรียมตัวรับคำสั่งต่อไป



     


    เบี้ยหนึ่งอีแปด เปลี่ยนควีนสอง และขอเปลี่ยนตัวคนเดินหมาก สิ้นคำสั่งเรนอน ป้ายคำสั่งก็มาอยู่ในมือเขาทันที เรนอนเดินออกไปนั่งยังที่นั่งของตัวสำรอง โรเริ่มมองหาหนทางแห่งชัยชนะของเขา แต่ใครล่ะ ที่จะเป็นคนกุมมันอยู่ คำสั่งของคนเดินหมากฝ่ายปราสาทขุนนางดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งก็พุ่งเป้ามายังเขาอีกครั้ง และเขาก็ต้องจัดการอย่างไม่ให้เสียเวลา



     


                    ดาบใหญ่ตวัดวูบ ห้าปีมานี่ฝีมือดาบของเขาดีขึ้นมาก โดยเฉพาะวิถีดาบแห่งจิต ที่เขาต้องฝึกเพื่อไปใช้ฝึกซ้อมกับเธอ ร่างของบิชอปที่เข้ามาร่ายเวทย์ในช่องของเขาได้หายไปอีกครั้ง



     


    เรือซ้าย เอหก โรออกคำสั่ง คิลผู้ประจำอยู่เรือซ้ายก็เริ่มเดินไปยังพื้นที่เอหกทันที อีกเพียงช่องเดียวก็จะรุกคิงได้ และดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะรู้แล้วว่าเขาจะใช้คิลรุกฆาต จึงรีบขยับหมากหนีทันที ซึ่งนั่น ก็เข้าทางเขาในทันที



     


    ม้าซ้าย ซีสี่ คำสั่งที่สั่งให้ซีบิลไปดักทางหนีของคิงคนนั้น โรขยับยิ้มบาง แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร เสียงหวานก็ดังขึ้นมาในโสตประสาทอีกครั้ง



     


    [โร ช่วยด้วย] เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ทำให้เขาร้อนใจมากขึ้น เธอไม่ปลอดภัย บ้าที่สุด เขาต้องรีบจบซะแล้ว



     


    ไง ดูเหมือนท่านคนเดินหมากคนเก่งแห่งปราสาทขุนนางจะกลัวขอทานธรรมดาอย่างฉันซะแล้ว คำยั่วดังขึ้นมาจากปาก เพื่อหวังจะให้อีกฝ่ายเริ่มเดือด ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล หมากอีกตัวถูกส่งไปยังคิลเพื่อขวางการรุกฆาต ซึ่งนั่นทำให้หนทางแห่งการรุกฆาตเปิดกว้างขึ้น



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงกำลังใช้ดาบใหญ่ปัดป้องดาบเรียวอย่างเหนื่อยอ่อน เธอร่างกายไม่แข็งแรงพออย่างที่โรว่า เรี่ยวแรงที่เคยมีตอนนี้กลับหดหาย แม้จะเตรียมใจมาตาย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังทำใจไม่ได้ ต้องเรียกดาบขึ้นมาปกป้องตัวเอง



     


                    ความเหนื่อยล้าที่อีกฝ่ายสังเกตเห็นได้ชัด และยิ่งเพิ่มความเร็วในการรุกมากขึ้น จนทำให้เธอได้บาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ บาดแผลที่บั่นทอนกำลังอันน้อยนิดของเธอได้เป็นอย่างดี



     


    ท่านยอดเยี่ยมมาก ข้าขอชมเชย ข้าไม่เคยเห็นใครทนดาบของข้าได้นานเท่าท่านมาก่อนเลย โดยเฉพาะผู้หญิง



     


    งั้นก็ขอบใจสำหรับคำชมของท่านแล้วกัน เฟรินขยับยิ้มมุมปาก



     


    แต่เราคงต้องจบการเล่นตรงนี้ซะแล้ว เพราะข้างนอกก็ดูใกล้จะเสร็จกันเต็มทน ชายชุดคลุมเอ่ยอีกครั้ง และพุ่งตัวเข้ามาทางเธอด้วยความเร็วสูง



     


    [โร ช่วยด้วย] คำขอความช่วยเหลือที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะผละจากหมากกระดานที่กำลังติดพันมาช่วยเธอได้ในตอนนี้ แต่สิ่งที่คิดออกตอนนี้มีเพียงสิ่งนี้ และการเบี่ยงตัวหลบคมดาบเท่านั้น



     


        !!ฉัวะ!!



     


                    ดาบเรียวที่พลาดเป้าคือกลางลำตัวของร่างบางไป ได้ทำให้เกิดบาดแผลใหญ่ที่สีข้างแทน มือเล็กกุมบาดแผลใหม่ เลือดไหลทะลักออกมาราวกับสายน้ำ ทำให้คนที่เหนื่อยอ่อน เริ่มตาลาย ผ่าปฐพีถูกใช้เป็นที่ยันตัวไว้ไม่ให้ล้ม จะไม่ไหวอยู่แล้ว



     


    หืม ความเร็วใช้ได้เหมือนกันนี่ เจ้าหญิง ข้าไม่คิดว่าท่านจะหลบได้นะเนี่ย ชายคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ



     


    แต่คงจะไม่มีครั้งที่สอง เขาสรุปสุดท้าย แล้วเริ่มใช้ท่าเดิมอีกครั้ง ไม่ไหว จะให้หลบตอนนี้ก็หลบไม่ได้ซะแล้ว



     


        !!เคร้ง!!



     


                    เสียงโลหะปะทะโลหะ ดาบปะทะดาบ ผู้ปองร้ายปะทะองครักษ์ บุรุษเรือนผมสีชาเข้ามาช่วยเธอได้ทันท่วงทีเสมอ ความวางใจแล่นวาบ เปลือกตาบางที่พยายามจะลืมค้างให้อยู่มาตลอดการต่อสู้บัดนี้เริ่มปรือลงเมื่อเห็นผู้เข้ามาใหม่ ฝากด้วย โร นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่สติของเธอจะดับวูบลงไป



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    สัมผัสแรกที่รู้สึกคือความรู้สึกอุ่นร้อนบริเวณฝ่ามือ โรคงจะถ่ายพลังเวทย์ให้เธออยู่ สัณชาตญาณ ของเธอบอก ก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง ที่นี่ที่ไหน ไม่ใช่เดมอสนี่



     


                    ร่างบางลืมตาขึ้นทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงของใครก็ไม่รู้ โดยมีโรนอนหลับอยู่ข้างเตียง มือใหญ่ฉวยเอามือของเธอไปกุมเพื่อถ่ายทอดพลังเวทย์ อย่างน้อย เขาก็ยังอยู่ตรงนี้ เธอเริ่มที่จะสบายใจขึ้นเมื่อเห็นร่างของโรที่อยู่ไม่ห่าง รอยยิ้มบางถูกแต้มบนใบหน้าซีดเซียวของเธอ



     


                    แสงอาทิตย์เริ่มเล็ดรอดผ้าม่านสีลาเวนเดอร์เข้ามาในห้อง ห้องที่ท่าทางคุ้นตา แม้จะไม่แน่ใจซะทีเดียว แต่ก็คงจะใช่ห้องพักของนักเรียนป้อมอัศวินแน่นอน  และนี่ก็คงจะเป็นห้องของโร



     


                    มือเล็กข้างที่เป็นอิสระพยายามแกะมืออีกข้างออกจากพันธนาการอย่างเคยชิน เธอไม่ชอบให้ใครมาเสียสละเพื่อเธอ แม้จะเป็นคนที่สนิทมากแค่ไหนก็ตามที



     


                    สัมผัสขยุกขยิกบริเวณมือทำให้คนตื่นง่ายอย่างเขาโรเริ่มรู้สึกตัว ภาพเจ้าหญิงแห่งเดมอสที่รู้สึกตัวแล้ว และกำลังแกะมือเขาออกอย่างเคยตัวทำให้เขาโล่งใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่เป็นอะไรหนักมาก



     


    ฟื้นแล้วเหรอ เฟริน โรเอ่ยทักแทนคำว่าอรุณสวัสดิ์ รอยยิ้มเฝื่อนๆถูกส่งกลับมาแทนคำตอบ พร้อมกับคำถามที่แทนคำว่าอรุณสวัสดิ์ของเธอ



     


    ที่นี่ที่ไหน โร



     


    ที่นี่ห้องฉันเอง โรตอบพร้อมรอยยิ้มประจำตัว เฟรินกลืนน้ำลายเอือก



     


    เอดินเบิร์กเหรอ



     


    ใช่ เอดินเบิร์ก โรตอบรับพร้อมรอยยิ้มเมื่อท่าทีของเธอเหมือนจะกระอักกระอ่วน



     


    ชั้นสลบไปกี่วัน



     


    ประมาณวันนึงเห็นจะได้ คำตอบที่แทบทำเอาเธออยากจะเป็นลมลงไปอีกรอบ นี่มันต้องเสียพลังเวทย์ไปมากขนาดไหนเนี่ย



     


    ไม่มากหรอกเฟริน ชั้นให้นายได้สบายอยู่แล้ว โรตอบคำถามที่อยู่ในใจของเธอได้อย่างตรงจุด เฟรินสะอึก ก่อนจะเอ่ยถามต่อเสียงเบา



     


    แล้วนี่มีใครเห็นชั้นเข้ามาบ้าง



     


    คงจะหลายอยู่ เผอิญตอนนั้นนายเสียเลือดมาก ชั้นไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้น โรตอบคำถามอย่างไม่ใส่ใจ



     


    โร เฟรินคราง นึกอยากจะเขย่าตัวหมอนี่นัก ย้ำนักย้ำหนาว่านี่เป็นความลับ จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเธอยังไม่ตาย



     


                    โรนึกขำกับท่าทีหวงความลับเกินเหตุของหญิงสาว ทั้งๆที่เวลาปกติกลับไม่ค่อยกลัวเท่าไร แต่พอมาอยู่ที่นี่รู้สึกว่าจะระวังตัวเสียเหลือเกิน



     


    แล้วหมอนั่นเห็นฉันไหม เฟรินถามต่อ คำว่าหมอนั่นสำหรับพวกเขาสองคนต่างรู้กันดีว่าหมายถึงใคร



     


    ตอนนั้นชั้นไม่รู้ แต่คิดว่าไม่เห็น โรตอบพลางยักไหล่ นี่แสดงว่าเธอต้องเจ็บหนักมาก มันถึงได้ไม่สนใจสิ่งรอบตัวเลย



     


    แล้วนี่เมื่อไรชั้นจะได้กลับเดมอส คำถามที่ถามถึงสภาพร่างกายของเธอไปกลายๆ เพราะโรตอนนี้พัฒนาจากเพื่อนกลายมาเป็นหลายๆอย่างให้กับเธอเป็นที่เรียบร้อย



     


    ยืดเวลาไปอีกยาว เฟริน จนกว่าแผลที่ท้องนายจะหาย จนกว่านายจะกลับมาใช้เวทย์ต่อสู้และป้องกันตัวเองได้ จนกว่านายจะกลับมาใช้ความเร็วได้เหมือนเดิม จนกว่านายจะมีภูมิคุ้มกันกับอากาศมากขึ้นกว่านี้ และจนกว่าชั้นจะวางใจว่าไม่มีใครตามล่านายอีก โรแจงรายละเอียดยาวเหยียด เฟรินก็ได้แต่ฟังด้วยสีหน้าที่ซีดลงๆ พร้อมกับกลืนน้ำลายไปหลายอึก



     


    โร ที่นายพูดมานั่นอีกเดือนกว่าเลยนะ เฟรินพูดขอความเห็นใจ เธอไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานๆ เพราะเธอไม่อยากจะเห็นหน้าใครบางคน เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคงไม่ใจอ่อนง่ายๆจึงถอนใจแล้วเอ่ยถาม แล้วเคสสุดท้ายของนายมันหมายความว่าไง



     


    หมายความอย่างที่ชั้นพูด เฟริน มีคนรู้แล้วว่านาย ว่าธิดาแห่งความมืดยังไม่ตาย คำพูดเรียบๆของโรขโมยลมหายใจของเธอไปเกือบจะในทันที ถ้ามีคนรู้ มันหมายความว่าเธอจะต้องรีบหายตัวไปจากเอเดนให้เร็วที่สุด เพราะมันอาจหมายถึงสงครามอาจจะปะทุอีกครั้งเพราะหลายประเทศต้องการพลังของเธอ อีกหลายประเทศต้องการตัวเธอเพื่อไปต่อรองกับท่านพ่อของเธอ และอีกหลายประเทศต้องการตัวเธอเพื่อแก้แค้นให้กับคนที่ต้องตายไปเพราะเธอ



     


    โร ชั้นต้องกลับเดมอสให้เร็วที่สุด เฟรินพูด ทำหน้าตาเหมือนอยากร้องไห้ เขาก็ได้แต่ถอนใจ แล้วเขาจะช่วยอะไรเธอได้



     


    เฟริน นายกลับเดมอสคนเดียวไม่ได้ มันไม่ปลอดภัย เขาพยายามอธิบาย



     


    แต่ถ้ามีคนรู้ แล้วที่ชั้นพยายามมาตลอดห้าปีมันจะสูญเปล่า น้ำเสียงเริ่มติดจะสูง เธอลำบากใจ ห้าปีมานี่เขาเห็นเธอร้องไห้มาไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง และแต่ละครั้งมักจะเริ่มด้วยน้ำเสียงแบบนี้



     


    เราปิดมันได้ เฟริน เราปิดมันได้ เขาปลอบ



     


    ไม่ได้หรอก นายเป็นคนบอกเองว่ามีคนรู้แล้ว แล้วนายยังบอกชั้นอีกว่าคงจะมีอีกหลายคนที่เห็นนายพาชั้นเข้ามาในนี้ โร ได้โปรด ชั้นอยากกลับเดมอส เธอขอร้องเขาอีกครั้ง น้ำเสียงที่เริ่มสูงเริ่มสั่นเข้าไปอีก



     


    ไม่เอาเฟริน อย่าร้องไห้สิ โรเริ่มปลอบ เขารู้ว่าเธอต้องร้องไห้แน่ๆ



     


    โร ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นเกลียดสงคราม โร ชั้นอยากกลับเดมอสจริงๆ เฟรินเริ่มสะอึกสะอื้น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอเกลียดสงคราม แต่การจะให้เธอกลับคนเดียวมันก็อันตราย แล้วจะให้เขาไปส่งเธอมันก็ดูจะผิดสังเกต สิ่งแรกที่เขาคำนึงถึงก่อนมาตลอดห้าปีมานี่คือความปลอดภัยของเธอ เพราะงั้นจะให้ส่งเธอไปหาอันตราย เขาคงจะทำไม่ได้



     


    เฟริน เข้าใจด้วยสิ ความปลอดภัยของนายมาก่อนสิ่งอื่น ชั้นให้นายกลับทั้งๆที่ไม่แข็งแรงแบบนี้ไม่ได้ โรพยายามอธิบายถึงเหตุผล แต่เพียงเธอไม่เข้าใจ



     


    ไม่เอาโร ชั้นไม่อยากอยู่เอเดนถ้ามันจะเกิดสงคราม นะ โร ให้ชั้นกลับเดมอส โรเริ่มลำบากใจ เขาไม่เคยทนที่จะเห็นเธอร้องไห้ได้ซักครั้ง แล้วทุกครั้งเขาก็ได้แต่รอให้เธอหยุดเอง แต่ครั้งนี้ เขาจะต้องทำให้เธอเข้าใจเหตุผลด้วย แล้วเขาจะทำอย่างไรให้เธอเข้าใจ



     


    โร เฟรินเรียก ใบหน้ารื้นน้ำตาลช้อนขึ้นมาสบกับเขาช้าๆ เธอรู้จุดอ่อนของเขามากเกินไป เขาไม่รู้ว่าเขาจะทนทำใจแข็งไปได้อีกซักกี่น้ำ



     


    โร ได้โปรด น้ำเสียงวิงวอนที่ดังออกมาจากปาก พร้อมกับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่รื้นน้ำตาที่มาสบกับนัยน์ตาสีเขียวมรกต กำแพงที่เขาตั้งเอาไว้ก็แทบจะพังทลาย เพียงแต่เขาต้องใจแข็งเอาไว้



     


    เฟริน นอนซะเถอะ นายยังไม่แข็งแรง เขาตัดบท รู้ตัวเองดีว่าถ้าเขายังเห็นเธอร้องไห้ เขาคงจะทนทำใจแข็งได้อีกไม่นานแน่



     


    เชื่อชั้น เฟริน มันจะต้องไม่มีอะไร เขาพยายามเลือกคำให้ดีที่สุดเพื่อให้เธอสบายใจ ก่อนจะเอามือที่ไม่ได้กุมมือเธอไว้ขึ้นลูบเรือนผมสีน้ำตาล แล้วเอ่ยร่ายเวทย์นิทรา นัยน์ตาสีน้ำตาลใสที่รื้นน้ำตาลค่อยๆปรือลงด้วยฤทธิ์เวทย์ ก่อนจะหลับไปในที่สุด เขาถอนใจเบา



     


    คราวนี้ชั้นทำให้ไม่ได้จริงๆ เฟริน



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    เสียงคุยดังขึ้นระงมในห้องอาหารดราก้อน แต่คงไม่ใช่กลุ่มของเด็กปีเจ็ดป้อมอัศวิน ที่กำลังจับกลุ่มคุยปรึกษากันถึงเรื่องสาวน้อยปริศนาร่างเปื้อนเลือดที่โรพาเข้ามาในป้อมเมื่อวาน พวกเขาจำได้ดีถึงแววตากร้าวในดวงตาสีเขียวเจ้าเล่ห์คู่นั้น พวกเขาที่เพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรกถึงกลับกลัวจนเปิดทางให้ทันที พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่มีแววตาน่ากลัวเท่านี้มาก่อนหากไม่นับคาโลตอนโกรธ โรไม่ยอมละไปจากตัวเจ้าหล่อนแม้แต่นิดถ้าไม่ใช่เวลาอาหาร แล้วแถมยังซื้ออาหารขึ้นไปทานบนห้องตัวเองอีกต่างหาก เสนาธิการฝ่ายซ้ายอย่างโรรู้ดีว่า พอจบหมากกระดานเกียรติยศ ก็จะมีแค่การเตรียมสอบเท่านั้น เพราะฉะนั้น การเรียนของปีเจ็ดจะจะว่างเกือบตลอด



     


    แกว่าผู้หญิงคนนั้นใคร ครี้ดเอ่ยถามเสียงเครียด รู้สึกสงสัยในผมสีน้ำตาลนั่น



     


    ใครจะไปรู้ คงจะเป็นเพื่อน น้องสาว หรือไม่ก็.... เจคตอบ มือยกนิ้วก้อยที่เป็นสัญลักษณ์ของแฟนขึ้นมาแทนคำที่หายไป



     


        !!ปัง!!



     


                    เสียงทุบโต๊ะเสียงดังดังขึ้นมาจากคนสองคน หนึ่งคือเจ้าแม่มาทิลด้า ผู้ซึ่งทำเป็นประจำเวลามีใครพูดไร้สาระ แต่อีกคนนี่สิ เขาไม่เห็นมันมาร่วมประชุมไร้สาระแบบนี้นานแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่เห็นมันทุบโต๊ะแบบนี้มาตั้งแต่สาวน้อยผมสีน้ำตาลคนนั้นตายไป พูดตามจริง เขาไม่เห็นมันแสดงอารมณ์แบบนี้ถ้าไม่นับเวลามันทำกับโร มาตั้งแต่โรมาบอกว่าเฟรินตายไปแล้ว คิลสะกิดคาโลเบาๆ เขาจึงกลับมาเป็นปกติ



     


    อย่ามาไร้สาระ มาทิลด้าพูดเสียงเข้ม พร้อมกับคาโลที่ส่งนัยน์ตาสีฟ้าขวางๆมาให้



     


    อยากรู้ทำไมไม่ไปถามเจ้าตัว กัส โทนีย่าพูดขึ้นมากลางวง



     


    ถามแล้วมันจะยอมตอบรึไง ซอร์โรโต้กลับ



     


    ไม่ถามแล้วจะรู้รึ นิกส์ย้อน



     


    แกก็รู้ว่าคนอย่างโรมันหวงความลับ ถ้ามันเป็นความลับต่อให้เอาคีมมาง้างปากมันมันก็ไม่พูด อาชูร่าว่าบ้าง



     


                    หลายเสียงพูดเสนอความเห็นของตัวเอง หลายคนก็ฟังอย่างครุ่นคิด แต่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มาร่วมประชุมครั้งนี้โดยมีคำตอบอยู่ภายในใจแล้ว



     


    ไปถามให้รู้เรื่องดีกว่า เก็บไว้นานๆเดี๋ยวก็หายไปอีก คิลระซิบบอกเพื่อนรัก คาโลมองหน้านักฆ่า มันรู้ตลอดว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่



     


    ไปด้วยกัน ชั้นเองก็อยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง คิลกระซิบต่อ คาโลพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะตอบกลับไป



     


    งั้นก็ไป มันกำลังจะมาซื้อของแล้ว



     


                    ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีชากำลังเดินไปซื้ออาหารเหมือนทุกที โดยที่คราวนี้ก็ซื้อกลับขึ้นไปทานข้างบนเหมือนสองสามมื้อก่อน เพียงแต่คราวนี้ ดูเหมือนว่า มันจะเยอะกว่าทุกที คิลสะกิดคาโลเป็นแนวให้ตามไป พวกเขาไม่อยากคุยกับมันตรงนี้ ไปคุยในห้องมันบางทีอาจเป็นความคิดที่ดีที่สุด



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    โรวางถาดอาหารลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วฉวยมือเล็กมานั่งกุมไว้เหมือนเดิม เขาถอนใจ เขาคิดจะหาทางแก้มนตร์นี้มาเกือบสามปีได้แล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ ช่องว่างพลังของเฟรินส่วนที่เสียไปมีเยอะเกินไป เขาให้คนเดียวไม่ไหว เขาไม่เหมือนท่านจ้าว ที่สามารถให้ได้เดือนละครั้ง แต่เขาต้องให้สามวันครั้ง หากเป็นเวลาปกติ แต่นี่ร่างกายเธออ่อนแอ เขาต้องให้วันละครั้ง เธอจึงจะมีแรง แต่พูดตามจริง เขาต้องอยู่ใกล้ตัวเธอตลอดเวลาเพื่อจะได้รู้อาการของเธอให้ทันท่วงที และตอนนี้ ก็ได้เวลาปลุกเธอขึ้นมาทานอะไรหน่อยแล้ว



     


    เฟริน ตื่นนะ ทานอะไรหน่อย โรเอ่ยปลุกเสียงนุ่ม มืออีกข้างเขย่าตัวเธอเบาๆ ที่ปกติมันจะไม่ได้ผล แต่นี่อารมณ์ของเธอไม่ค่อยมั่นคง เพราะงั้นเธอจึงไม่ได้หลับลึกนัก



     


    อ....อืม เสียงหวานครางเบาๆ โรค่อยๆประคองร่างบางให้ขึ้นมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน



     


    หิวมั้ย ทานอะไรหน่อยนะ โรหันไปหยิบถาดอาหารที่ซื้อขึ้นมาเมื่อครู่มาวางใกล้มือ แล้วเลือกหยิบชามซุปขึ้นมา



     


    ทานซุปหน่อยนะ จะได้มีแรง โรพูด พลางตักซุปขึ้นมาหมายจะป้อนให้



     


    ไม่เอา ชั้นไม่หิว เฟรินบอกปฏิเสธ เขาวางช้อนลง แล้วพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอทานอาหาร



     


    เฟริน อย่าดื้อสิ นายทำแบบนี้มันไม่มีผลดีหรอกนะ



     


    ก็ปล่อยไปสิ เธอพูดเสียงแข็ง เธอกำลังโกรธเขา



     


    นายโกรธชั้นเหรอ เขาถามตรงๆ เธอเงียบไม่ตอบ เธอเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่จะเลี่ยงไม่ตอบคำถามของเขา



     


    เฟริน มีเหตุผลหน่อยสิ ต่อให้นายทำแบบนี้มันก็ไม่ช่วยให้นายได้กลับเดมอสเร็วขึ้นหรอกนะ รังแต่จะทำให้ช้าลง ทานอะไรหน่อยนะ เขาเริ่มเกลี้ยกล่อม



     


    ไม่เอา ชั้นไม่หิว ออกไปได้มั้ยโร ชั้นอยากอยู่คนเดียว เธอยังปฏิเสธเสียงแข็ง



     


                    เขาหลุบตาลงนิดๆ ก่อนจะลุกออกไปจากข้างเตียง ทิ้งถาดอาหารไว้บนโต๊ะหัวเตียง เผื่อเธออาจะจะอยากทานอะไรบ้าง



     


    ถ้าหิวก็ทานหน่อยนะ เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง



     


        แกร็ก!



     


                    เสียงปิดประตูห้องดังขึ้น สองบุรุษผู้อยู่ข้างนอกถึงกับมองภาพอย่างงุนงง ถ้ามันจะออกมาก็ควรจะต้องมีถาดอาหารมาด้วยสิ แต่นี่ไม่เห็นมีเลย



     


    พวกนายมีอะไรรึเปล่า คิล คาโล เขาเอ่ยถามถึงสองบุรุษผู้แอบอยู่ เขารู้นานแล้วว่าทั้งคู่ตามมา แต่เขาคงจะให้เธอเห็นไม่ได้ เพราะเธออาจจะร้องไห้สติแตกขึ้นมาอีกครั้ง



     


    ชั้นคงไม่อนุญาตให้พวกนายเข้าไปในห้องชั้นตอนนี้ มีอะไรจะคุยไปคุยห้องพวกนายดีกว่า โรเสนอทางเลือก ที่อีกสองคนได้แต่ต้องทำตาม ทั้งสามพากันเข้าไปในห้องคิลเพื่อสอบถามเรื่องราวที่ค้างมาถึงห้าปี



     


    ว่ามา คิลว่า ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนอนในห้องของตัวเอง โรคว้าเก้าอี้เพียงตัวเดียวของห้องมานั่ง ส่วนคาโล ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างโต๊ะเขียนหนังสือ



     


    นายอยากถามอะไร โรย้อน



     


    นายมีอะไรจะพูด ว่ามา พวกเรารอฟัง คิลพูดซ้ำอีกครั้ง อย่างพยายามอดทน



     


    นายไม่ถาม ชั้นก็ไม่มีอะไรจะพูด โรว่าไปอีกเรื่อง



     


    ในห้องนายใช่เฟรินใช่มั้ย คาโลเอ่ยถามขึ้นมาอย่างหมดความอดทน



     


    ถ้าชั้นบอกว่าใช่นายจะเชื่อเหรอ ถ้าชั้นบอกไม่ใช่นายจะเชื่อรึเปล่า คำตอบของนายมันอยู่กับใจของนายอยู่แล้ว โรตอบไม่ใช่คำตอบ



     


                    น้ำเสียงเรียบๆของโรสยบทุกความเคลื่อนไหว ใช่ โรพูดถูก ถ้ามันตอบว่าใช่ เขาก็อาจไม่เชื่อ ถ้ามันตอบว่าไม่ใช่ เขาก็คงทำใจไม่ได้ แล้วเขาถามมันไปจะได้อะไรขึ้นมา



     


    งั้นให้ชั้นพบเธอซักครั้ง คาโลเอ่ยขอ



     


    คงไม่ได้ คาโล เธอบอกว่าอยากอยู่คนเดียว โรตอบน้ำเสียงบอกเหมือนไม่ใส่ใจ แต่หลุบสายตาลง



     


    แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะพบเธอไม่ได้ คิลท้วง



     


    ร่างกายเธอยังไม่แข็งแรง จิตใจเธอยังไม่มั่นคง อารมณ์เธอยังไม่คงที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเธอพบนาย บางทีเธออาจสภาพแย่ลง โรบอกเหตุผล นัยน์สีเขียวมรกตสบกับนัยน์สีฟ้าที่กำลังวาวโรจน์



     


    หมายความว่ายังไง คาโลเอ่ยถามเสียงเครียด



     


    นั่นไม่ใช่เธอที่นายรู้จักอีกแล้ว นายไม่เคยจะไปเดมอสซักครั้งตลอดห้าปีมานี่ นายคงไม่เข้าใจ โรพูดอย่างดูแคลน



     


    โร พูดมาดีๆ อย่ามารวน คิลขู่



     


    ชั้นพูดตรงเท่าที่ชั้นจะพูดได้แล้ว คิล ชั้นไม่มีสิทธิ์พูดมากกว่านี้ โรเลี่ยงคำถาม



     


    นายปิดอะไรพวกเรา คายออกมาให้หมด เส้นอารมณ์ของคาโลขาดผึง มันจะปิดอะไรนักหนา โรมองหน้าเขาเหมือนจะเยาะ ก่อนจะตาจะเบิกกว้าง แล้ววิ่งออกไปจากห้องในทันที เรียกความงุนงงจากอีกสองบุรุษในห้องได้เป็นอย่างดี



     


                    ประตูห้องข้างๆถูกเปิดผางออกด้วยฝีมือเจ้าของห้อง เฟรินกำลังกระโดดออกจากหน้าต่างห้องเขาไป ภาพที่ทำให้เขาตกใจแทบบ้า หันกลับมามองอีกหลายบุคคลในห้องเขาอย่างเอาเรื่อง



     


    พวกนายไปพูดอะไรกับเธอ น้ำเสียงเจือกระแสโกรธชัดเจนเค้นถาม



     


    อ...เอ่อ คือ โร เพื่อนๆพยายามจะเกลี้ยกล่อม โรสบถอุบ แล้วเอ่ยคำขาดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดอย่างไม่เคยเห็น



     


    ถ้าเธอเป็นอะไรชั้นไม่ละเว้นเธอแน่ มาทิลด้า!!” ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปเพื่อตามเธอกลับคืนมา สวนทางกับสองบุรุษที่กำลังตามเข้ามาในห้องที่เกิดเรื่อง



     


                    มาทิลด้าเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นห้องเมื่อบุรุษร่างสูงเจ้าของห้องวิ่งออกไป น้ำตาของเจ้าหญิงแดนนักรบรินไหลออกมาจากนัยน์ตาสีเขียวคู่สวยช้าๆ



     


    ทำไม่นายไม่เคยเข้าใจเลย โร



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    ร่างบางในชุดหลวมโพรกของผู้ชายกำลังวิ่งตัดป่าไปอย่างไม่รู้ทิศทาง ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าที่พวกนั้นพูดเพราะเห็นอาการของโรว่ามันแย่ลง แต่ทำไมถึงต้องมาคิดว่าเธอดูดเอาพลังของเขาไปด้วยล่ะ เธอไม่ได้ชอบร่างกายแบบนี้นักหรอกนะ น้ำตาที่คิดว่าแห้งไปแล้วกลับไหลขึ้นมาอีกรอบ เธอร้องไห้บ่อยขึ้นตลอดห้าปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยแม้แต่คิดจะร้อง



     


                    ปากแผลเปิด ถ้าโรรู้คงด่าเธอเละ ร่างบางคิด ก่อนจะหยุดพักที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง เลือดไหลซิบออกมาจากแผลที่สีข้าง เรียกให้ดวงหน้าที่เพิ่งจะดูมีสีเลือดซีดลงอีกครั้ง ร่างกายเธออ่อนแอ โรพูดถูก



     


                    การจะปิดปากแผลตัวเองเธอก็ทำไม่ได้ เพราะทำไม่เป็น สิ่งที่ทำได้ก็ได้แต่ปล่อยให้มันไหลต่อไป เหมือนกับคนรอความตาย ร่างกายอ่อนแอของเธอคงจะทนได้ไม่นาน หลักฐานที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีก็คือ ตอนนี้ตาของเธอเริ่มจะพร่าลงแล้ว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ทานอาหารด้วย



     


                    สายลมเย็นพัดมาเหมือนจะมาโอบอุ้มร่างบางเอาไว้ด้วยความห่วงใย นัยน์ตาที่พร่ามัวเริ่มจะปรือลงด้วยต้องการจะพักผ่อน มือเล็กกุมปากแผลด้วยความเจ็บแปลบนิดๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอตาสว่างขึ้นแม้แต่น้อย



     



     


                    อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป อย่าเพิ่งคิดสั้น อย่าทำอะไรสิ้นคิด ได้โปรด รอชั้นก่อน เสียงภาวนาในใจของคนที่ตามมาดังขึ้นตลอดทาง พลังเวทย์เธอเบาบางเกินกว่าที่เขาจะจับทิศทางได้ สิ่งที่ทำได้คือต้องเสี่ยงดวงตามหาในป่านี่อย่างเดียวเท่านั้น เธอยังร่างกายอ่อนแอ คงวิ่งไปได้ไม่ไกลนัก



     


                    สองเท้าออกแรงวิ่ง สองตาคอยสอดส่องตามหา เพื่อหวังว่าจะเห็นเธอมุมใดมุมหนึ่งของป่าในช่วงที่เขาวิ่งผ่าน



     


                    เปลือกตาเริ่มปิดลง ภาพใครคนหนึ่งลอยอยู่ในห้วงความคิดเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน เพราะมีภาพของใครอีกคนซ้อนขึ้นมาแทน



     


    คงจะได้เวลาแล้วมั้ง นั่นสินะ ร่างบางเอ่ยพึมพำเสียงเบาเหมือนกับจะเยาะตัวเอง



     


    ดินก็ควรจะกลับเป็นดิน....



     


    เฟริน!!” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นเหมือนมาจากที่ไกลๆ



     


    ตุ๊กตาก็ควรจะกลับเป็นตุ๊กตา...



     


    เฟริน!!” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกเหมือนใกล้ขึ้นกว่าเดิม



     


    ร่างกายที่โกงเวลามา...



     


    เฟริน!!ๆ” น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยใกล้หูมากยิ่งขึ้น แต่เธอไม่มีแก่ใจจะมองอีกแล้วว่าจะใช่เขารือไม่



     


    ก็สมควรแก่เวลา....... คำพูดคีย์เวิร์ดวรรคสุดท้ายถูกกลืนหายไปเมื่อบุรุษเจ้าของเสียงเรียกประกบปากตัวเองลงบนริมฝีปากเรียวสวย นัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบลงเบิกกว้างขึ้น และยิ่งกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าเป็นฝีมือใคร



     


        !!เผียะ!!



     


                    ฝ่ามือเล็กถูกออกแรงปะทะกับใบหน้าของอีกฝ่ายทันใด ตั้งใจว่าจะต่อย แต่กลับกลายเป็นตบ น้ำตาแห่งความโกรธค่อยๆรินไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลที่แสดงถึงความผิดหวัง เสียใจ เขากล้าทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง



     


    ขอโทษ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เธอก็คงไม่หยุด เขาพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ไม่แม้แต่จะโกรธเธอที่ไปตบเขา



     


    ทำไม ทำไมกัน ทั้งๆที่ไว้ใจ ทั้งๆที่ชั้นไว้ใจนาย แต่นาย ทำไม ทำไม เธอพูดไม่เป็นจังหวะ ความโกรธครอบงำจิตใจ เธอผิดหวังกับคนๆนี้



     


    ขอโทษ เฟริน ชั้นรู้ว่าเธอยังไม่ลืมเขา แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เธอก็คงจะไม่ยอมหยุด และเธออาจจะตายไปจริงๆ น้ำเสียงแสดงความขอโทษถูกส่งมาจากใจจริง นัยน์สีเขียวหลบไม่สบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลนั่น



     


    ถ้าเธอเป็นอะไรไปชั้นคงไม่ให้อภัยตัวเอง เขาเอ่ยจากใจจริง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ แต่ไหล่บางสั่นระริก เหมือนจะร้องไห้ เธออ่อนไหวขึ้นตลอดห้าปีที่ผ่านมา



     


    เฟริน ชั้นขอโทษจริงๆ สิ้นคำขอโทษ ร่างบางก็โถมเข้าใส่ร่างสูงราวกับหมดความอดกลั้น ทำนบน้ำตาพังทลาย เสียงสะอึกสะอื้นดังไปทั่ว



     


    ชั้นกลัว โร ชั้นกลัวว่ามันจะเป็นแบบที่มาทิลด้าบอก พวกเขา.... พวกเขาลืมชั้นไปแล้ว โร ชั้นไม่เหลือที่ไหนในเอเดนให้กลับอีกแล้ว เสียงสะอึกสะอื้นไม่เป็นจังหวะบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคง เขาค่อยๆโอบเธอไว้อย่างปลอบประโลม



     


    พวกเขาบอกในสิ่งที่ชั้นกลัว โร ชั้นกลัวจริงๆ กลัวว่ามันจะเป็นแบบนี้ซักวัน โร ชั้นไม่อยากอยู่ที่นี่



     


    พวกเขาลืมฉันโร พวกเขาลืมฉัน ทั้งๆที่ฉันไม่เคยจะลืมพวกเขา ชั้นไม่เหลือใครอีกแล้ว น้ำตาที่รินไหลอย่างหยุดไม่อยู่ เขาโอบเธอแน่นขึ้นแล้วเอ่ยปลอบ



     


    ไม่หรอกเฟริน พวกเขายังไม่ลืมเธอหรอก บอกชั้นสิว่าพวกเขาพูดอะไร เขาหยอดคำถามในช่วงสุดท้าย



     


    พวกเขา พวกเขาบอกว่าให้ชั้นไปจากที่นี่ พวกเขาบอกว่าชั้นทำให้นายอาการไม่ดี โร ชั้นจะทำยังไงดี เฟรินยึดที่พึ่งสุดท้ายไว้แน่น



     


    ไม่เป็นไร เฟริน เชื่อชั้น ชั้นยังแข็งแรงดี ชั้นยังไม่เป็นไร คำปลอบเธอเบาๆ มือลูบเรือนผมสีน้ำตาลเบาๆ



     


    ฮึก โร ชั้นไม่เหลือใครอีกแล้ว เธอสะอึกสะอื้นเอ่ยคำอ้อนเสียงสั่น



     


    ไม่เฟริน เธอยังเหลือท่านจ้าว ท่านเกรเซอร์ ท่านลูน่า โกโดม และอีกหลายๆคน เธอยังเหลือคิล ยังเหลือคาโล พวกเขาไม่เคยลืมเธอนะ เขาปลอบเธอ



     


    และต่อให้ทั้งโลกของเธอไม่มีใคร เธอก็ยังมีชั้น ชั้นจะอยู่ข้างๆเธอแน่นอน เขาเอ่ยให้คำมั่น



     


    จริงนะ หญิงสาวถามย้ำเพื่อต้องการความมั่นใจ แม้เสียงจะยังสั่น



     


    จริงสิ ไม่เป็นไรหรอก เชื่อชั้น เฟริน มันจะไม่เป็นไร เธอค่อยๆพยักหน้า เปลือกตาหลุบลงอย่างเหนื่อยอ่อน และกระดากอาย ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องบอกว่าไม่เป็นไร เธอก็ยังจะอ้อน ทั้งๆที่รู้ว่าเขาจะต้องปลอบ เธอก็ยังจะขอความเห็นใจ เธอมันอ่อนแอ ห้าปีมานี่เธอพึ่งเขามาตลอด โดยไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าเขาจะหักหลังเธอ เธอเชื่อใจเขา



     


    โร ชั้นเกลียดร่างกายบ้าๆนี่



     


    ชั้นสัญญา ชั้นจะหาทางแก้ให้ ไม่เป็นไรเฟริน ไม่เป็นไร โรเอ่ยปลอบหญิงสาวอีกครั้งอ้อมแขนใหญ่กระชับขึ้นเล็กน้อยอย่างต้องการจะปลอบประโลม



     


                    เสียงสะอึกสะอื้นยังดังขึ้นอยู่เป็นระยะ แม้จะเบาลง โรหันไปสนใจกับปากแผลเปิดที่ตรงสีข้างของเฟริน เขารับรู้มันได้หลังจากที่เขากอดเธอว่าปากแผลของเธอเปิด เขาหาทางห้ามเลือด ก่อนจะหันมาถามสภาพของเธอ



     


    ไหวมั้ย เฟริน เฟรินพยักหน้าแทนคำตอบ แม้ดวงหน้าจะดูไม่ได้จากการร้องไห้ และการเสียเลือดมาก โรประเมินดูแล้วเห็นว่าคงจะไม่ไหวเสียแล้ว



     


    คงไม่ล่ะ เฟริน นอนซะ ชั้นจะพานายกลับไปรักษา เขาร่ายเวทย์นิทราอีกครั้ง หากแต่เป็นอย่างอ่อน และเอามือประคองร่างบางที่ล้มลงด้วยฤทธิ์เวทย์ ก่อนจะค่อยๆอุ้มกลับไปอย่างระมัดระวัง โดยที่ไม่รู้ว่า มีใครคนหนึ่งคอยดูพวกเขาทั้งสองคนอยู่ตลอดเวลา



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    ร่างสูงของบุรุษเจ้าของเรือนผมสีชาวางร่างของหญิงสาวลงกับเตียงนอนในห้องของเขาอย่างเบามือ ก่อนจะลงมือรักษา แม้เวทย์รักษาของเขาจะไม่ดีนัก แต่ก็พอที่จะปิดปากแผลของเธอได้แหละน่า



     


                    เวทย์รักษาที่ไม่คุ้นเคยกินพลังเวทย์ของเขา แต่เธอก็ยังต้องการพลังเวทย์ แม้เขาจะเหนื่อยอ่อน แต่ชีวิตของเธอย่อมมาก่อน โรกุมมือเล็กของเฟรินไว้ แล้วเริ่มถ่ายทอดพลังเวทย์ให้



     


                    ภาพที่ใครมาเห็นคงเข้าใจผิดว่าโรเป็นคนรักของเฟรินได้ไม่ยาก บรรยากาศของคู่รักหวานแหววที่ไม่รู้ว่ามันลอยมาจากไหน ทั้งๆที่ในห้องนั้นมีแต่ความเป็นของบุรุษเจ้าของห้องอยู่เต็มไปหมด



     


                    พลังเวทย์ที่ของเขาเริ่มจะมีน้อยลงหลังจากใช้เวทย์รักษาไปเมื่อครู่ แต่เธอกลับต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอาจจะให้ได้ไม่พอ แต่เขาจะทำอย่างไรดี



     


    เฟริน ชั้นจะทำยังไงดี ร่างสูงเอ่ยเสียงเบา แววหนักใจฉายอยู่อยู่ชัดบนใบหน้า



     


    โร เฟรินครางเบาๆ



     


    อยู่นี่ เฟริน มีอะไรรึเปล่า โรกระชับมือแน่นขึ้นเพื่อยืนยันตัวตน



     


    แกร่ายเวทย์นิทราใส่ฉันอีกแล้วนะ เฟรินแยกเขี้ยวนิดๆส่งไปให้คนดูแลที่ไม่เคยอยู่ห่าง



     


    มันเป็นวิธีที่จะพามาได้ง่ายที่สุด เขาตอบกลับ ถอนใจเบา เธอยังสบายดี



     


    นายมันก็แบบนี้ทุกที เธอเอ่ยตัดพ้อ ก่อนจะถอนใจ แล้วเอ่ยต่อรองเรื่องต่อจากเมื่อเช้าอีกครั้ง



     


    ให้ชั้นกลับเดมอสนะ แววตาอ้อนวอนถูกส่งไปพร้อมกับคำพูด



     


    ไม่รู้สิ เฟริน ชั้นว่า.... โรเอ่ยอย่างช่างใจ ก่อนจะถูกขัดด้วยคำพูดของเฟริน



     


    ให้ท่านพ่อ โกโดม พี่ดิอัส หรือคนอื่นมารับก็ได้นี่ เฟรินต่อรอง



     


    แล้วชั้นจะลองดู ประมาณห้าวัน จดหมายถึงจะไปถึงเดมอส นายรอไหวมั้ย โรเอ่ยถามอย่างช่างใจ



     


    เราเปิดช่องว่างมิติไม่ได้เหรอ เฟรินเอ่ยถามถึงวิธีที่สะดวกกว่า



     


    คงไม่ไหวล่ะเฟริน โรตอบ เฟรินหันขึ้นไปมองคนที่บอกว่าไม่ไหวให้ชัด ก่อนที่ตาจะเบิกกว้าง แล้วแทบจะสะบัดมือจากพันธนาการในทันที



     


    ปล่อยให้ตัวเองแย่แบบนี้ได้ยังไง เธอเอ่ยตำหนิคนไม่ยอมดูแลตัวเองเสียงดัง ใบหน้าเข้มอย่างชายหนุ่มกำลังซีดอย่างบ่งว่าใกล้จะป่วย แววตาสีมรกตแววรู้ทัน ตอนนี้กลับฉายแววล้า



     


    ไปพักผ่อน ชั้นจะไม่ยอมรับอะไรจากนายจนกว่านายจะมีสภาพดีกว่าชั้น เฟรินสั่งชายหนุ่ม อย่างที่เขาต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้ด้วยสายเลือดครึ่งหนึ่งในตัว



     


    ได้ๆ แต่เธอต้องทานอะไรหน่อย โรหันไปหยิบถาดอาหารที่วางทิ้งเอาไว้ขึ้นมาวางตรงหน้า พึมพำอะไรบางอย่างแล้วเหล่าอาหารเย็นชืดก็มีควันกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง



     


    ทานซะ ระหว่างที่ยังร้อนๆอยู่เนี่ยแหละ



     


    ทานด้วยกันนะ ชั้นว่าชั้นทานคนเดียวไม่หมด เฟรินเอ่ยชวนเสียงแห้งๆ เมื่อเห็นปริมาณอาหารในถาด ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยซะหรอกที่จะทานไม่หมด แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าอะไร เธอรู้สึกไม่เจริญอาหารเอาเสียเลย



     


    ก็ได้ โรรับคำง่ายๆ ขยับตัวให้ถนัดขึ้น แล้วมื้ออาหารช่วงเย็นก็เริ่มขึ้น



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


    โรมันขังตัวเองอยู่ในห้องตั้งแต่กลับเข้ามา ส่วนไอ้คาโลจนตอนนี้ก็ยังไม่พูดอะไร ครี้ดพูดขึ้นเสียงเบาอย่างหนักใจ



     


    มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนที่หน้าตาเหมือนเฟรินคนนั้นมีอะไรกันแน่ ไม่มีใครยอมรับว่าผู้หญิงที่พวกเขาเห็นในห้องเมื่อครู่คือเฟริน แต่สิ่งที่พวกเขารู้ก็คือ มาทิลด้าไปต่อว่าผู้หญิงคนนั้น เรื่องที่ทำให้โรดูจะอ่อนแอลง มาทิลด้าดูออก ทั้งๆที่พวกเขาทุกคน อาจจะรวมถึงผู้หญิงคนนั้นมองไม่เห็น และโรก็เข้ามาเมื่อเธอคนนั้นบอกว่าจะไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก แววตากร้าวแข็งน่ากลัวนั่น ตลอดที่อยู่ด้วยกันมา พวกเขายังไม่เคยเห็นมันซักครั้ง พอพวกคาโลที่เพิ่งเข้ามารู้เรื่องทั้งหมด คาโลก็วิ่งตามโรออกไปอีกคน ท่าทางของคาโลดูร้อนใจเหมือนกับเวลาที่เฟรินของมันมีอันตราย



     


                    แล้วเมื่อโรกลับมาถึงป้อมอีกครั้งก็ไม่คิดจะพูดอะไรทั้งนั้น พาผู้หญิงคนนั้นเข้าห้องตัวเองไปในทันที จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาจากห้อง ส่วนคาโลเองก็กลับมาในช่วงเวลาไล่ๆกัน แถมยังดูอาการจะหนักกว่า เพราะมันดูแย่เอามากๆตอนที่กลับมา



     


                    กุญแจไขความลับในตอนนี้มาตกอยู่ที่คิลเพียงคนเดียวที่ยังพูดรู้เรื่อง แต่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่คิดจะตอบคำถาม ด้วยเหตุผลที่ว่า มันก็ยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้



     


                                                    แล้วใครกัน จึงจะเป็นคนเฉลยเรื่องราวแห่งความวุ่นวายครั้งนี้



     



     


    ใจคอนายคิดจะบอชั้นซักหน่อยมั้ยว่านายไปเห็นอะไรมา คิลเอ่ยกล่อมเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ทั้งๆที่เขาหวังความจริงจากไอ้เพื่อนคนนี้ แต่ตั้งแต่กลับมามันก็มานั่งเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งอยู่เสียเฉยๆ ไม่ยอมพูดยอมจา



     


    คาโล แกเป็นบ้าอะไรไป แกไปเห็นอะไรมา ถ้าแกไม่พูดแล้วฉันจะช่วยอะไรแกได้มั้ยวะ คิลเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนลง



     


    แกอย่าทำเหมือนชั้นไม่ใช่เพื่อนแกจะได้มั้ย คาโลเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาสีม่วงของเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียว ก่อนจะตัดสินใจเล่าทุกอย่างที่ได้ไปเห็นมาทั้งหมดให้คิลฟัง



     



     


    แกหมายความว่า..... คิลย้ำถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ คาโลพยักหน้าช้าๆ คิลเอามือตบหน้าผากเสียงดัง



     


    บ้าที่สุด ต้องไปลากไอ้โรมาคุยกันให้รู้เรื่อง



     


                    ใช่ ต้องไปลากมันมาคุยให้รู้เรื่อง แต่มันจะทำได้เหรอ ในเมื่อเฟรินดูจะขาดหมอนั่นไม่ได้



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    สามวันผันผ่าน แม้เรื่องราวจะดูเป็นปกติ แต่ก็ไม่ปกติ โรดูจะติดอารมณ์ดีง่ายขึ้น ในขณะที่คิล และ คาโล ดูจะเครียดบ่อยครั้งขึ้น โรดูจะใช้เวลาส่วนตัวอยู่ในห้องบ่อยครั้งขึ้น และนานมากกว่าเดิม เช่นเดียวกับคิลและคาโลที่ปรึกษากันเองมากขึ้น และดูเหมือนว่าทั้งสามจะเว้นระยะกันเสมอ



     


    คายออกมาให้หมด พวกแกเก็บอะไรเอาไว้ ครี้ดที่ดูจะหมดความอดทนเป็นที่สุดจากระยะเวลาสามวันอันน่าอึดอัด ปีสุดท้าย แทนที่จะอยู่ด้วยกันดีๆ กลับมีเรื่องขึ้นมาซะได้ เขาพาโร คิล และคาโล มานั่งโต๊ะและสอบถามกันตรงๆในห้องนั่งเล่นรวม โดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น เพราะมันน่าอึดอัดเกินกว่าจะรอให้ไอ้พวกปากหนักนี่มาพูดกันเอง



     


    พูดไม่ได้ โรตอบตรงๆ สัญญาที่ให้ไว้กับเฟรินถือเป็นสิ่งที่เขาต้องปฏิบัติตาม สายตาเขียวขุ่นถูกส่งไปยังไอ้คนที่บอกพูดไม่ได้



     


    มันยังไม่ชัด ก็ไม่อยากพูด คิลตอบแทนคาโล



     


    แต่ก็ต้องบอก เลิกเล่นแง่กันเสียทีจะได้ไหม โร ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับนาย กัสเอ่ยถามบ้าง



     


    คนสำคัญ โรตอบสั้นๆ คาโลตวัดสายตามาจ้องเขม็ง มันพูดได้ไม่เกรงใจใครซักนิด



     


    แล้วสำคัญยังไงกับนาย คาโลเอ่ยถามเสียงเย็น



     


    สำคัญกว่าที่นายเคยให้ความสำคัญกับเธอ โรโต้กลับ แววเย้ยหยันชัดในดวงตา ก่อนที่จดหมายฉบับหนึ่งจะปรากฏขึ้นในมือ มือหยิบขึ้นมาพลิกดู ตามองดูชื่อผู้ส่ง ประกายแปลกใจปรากฏขึ้นชั่วครู่ในดวงตา ก่อนจะจางหายไป แล้วลุกขึ้นยืน



     


    ขอโทษที ชั้นไม่ว่าง ขอตัว สิ้นคำแล้วก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นรวมไปในทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดทาน คิลและคาโลส่งสายตาเป็นความหมายว่า ตามไป



     



     


    เฟริน จดหมายตอบกลับมาจากท่านจ้าวแน่ะ โรยื่นจดหมายที่เพิ่งได้รับกลับมาสดๆร้อนๆให้กับสาวน้อยที่นั่งเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง ที่แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่าจดหมายตอบกลับ



     


    ท่านพ่อเหรอ แล้วว่าไงมั่งล่ะ เฟรินเอ่ยถาม มือยื่นมารับจดหมายไปเปิดอ่าน



     


    ไม่รู้เหมือนกัน ลองอ่านดูสิ โรตอบกลับ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ



     


    พี่ดิอัสกับพี่เซรีน อยู่ชายแดน อาจจะให้พวกพี่เขามารับ เฟรินสรุปเนื้อความหลักๆในจดหมายให้ฟัง



     


    นอกนั้นก็...... เฟรินเว้นช่วงสายตากวาดไปจนสุดกระดาษ รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะพูดต่อ



     


    ไม่มีอะไร



     


    ไม่มีอะไร แน่นะ โรถามย้ำ สายตาคาดคั้นเอาความจริงเมื่อเห็นความผิดปกติในท่าที



     


    ไม่มีอะไรหรอกน่า เฟรินบอกปัด แววระริกฉายในดวงตา



     


    งั้นขอฉันอ่านจดหมายหน่อย โรยื่นมือไปขอจดหมายมาอ่านเพื่อความแน่ใจ (แล้วไม่ยอมเปิดอ่านก่อนล่ะ)



     


    ไม่ให้ ไม่พูดเปล่า มือพับจดหมายเก็บลงกระเป๋าเสื้อทันทีเสียด้วย



     


    ไม่มีอะไรแล้วทำไมให้อ่านไม่ได้ โรจับผิดท่าทีที่ระริกระรี้เป็นพิเศษของแม่ตัวยุ่ง



     


    ก็ไม่อยากให้อ่าน ไม่เอาน่าโร ไม่มีอะไรหรอกน่า เชื่อใจกันหน่อยสิ



     


    นายมันเชื่อใจได้ที่ไหนกันเล่า ตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้ว บอกว่าจะไม่หนีออกมาอีก แล้วก็หนีออกมาทุกปี ถ้าไม่ใช่ฉันช่วยแล้วคิดเหรอว่านายจะได้อิสระในเดมอสแบบที่เป็นอยู่เนี่ย โรประชดน้อยๆในคำพูด



     


    โธ่ โร น่านะ เชื่อใจกันหน่อยสิ แววตาเว้าวอนอย่างที่เธอชอบใช้เวลาอ้อนที่ส่งออกไปพร้อมคำพูด โรสบถเบากับความใจอ่อนของตัวเอง จริงๆแล้วเขาก็คงไม่ต่างกับคาโลเมื่อก่อนเท่าไรนัก บางทีอาจจะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำ



     


    ก็ได้ แต่อย่าก่อเรื่อง ทำตัวดีๆด้วย โรพูดอย่างปลงตกเมื่อแม่สาวน้อยคนนี้อ้อนเขาได้ผล



     


    อื้ม เธอขานรับพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะดันหลังอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น



     


    หิวแล้วล่ะ ไปหาอะไรมาให้ทานหน่อยสิ นะ โร แววใสซื่อที่เนียนสนิททำให้เขาเชื่อได้ไม่ยาก พยักหน้ารับ และลุกออกไปหาอะไรมาให้แม่เจ้าหญิงจอมยุ่งแห่งเดมอสได้ทาน



     


    ขอบใจนะ เธอส่งคำขอบคุณไล่หลังไป ก่อนจะถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อบุรุษเจ้าของห้องปิดประตูลง จะให้บอกได้ไงเล่า ว่าท่านพ่อส่งพลังเวทย์ผ่านทางจดหมายมาให้ ขืนบอกไป เธอก็คงมีหวังถูกคุมเข้มมากกว่าเดิม ด้วยว่ามันกลัวเธอจะสะเดาะกุญแจหนีออกไป โดยที่ไม่รู้เลยว่า สำหรับขโมยเก่าอย่างเธอน่ะ ถึงจะลงเวทย์ไว้ที่ประตูก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่า คำขวัญของขโมยก็คือ หากประตูไม่ได้ จงลองหน้าต่าง



     


                    แต่ก็นั่นแหละ จะให้หนีออกไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไอ้พวกบ้าสงครามมันยังอยู่กันเต็มเมือง อยู่ใต้จมูกพวกมันถือว่าปลอดภัยกว่า



     


                    ข้อดีของการอยู่ในเอดินเบิร์กก็คือ โรมันบริการถึงที่เพราะเธอเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ด้วยฝีมือการกักบริเวณกลายๆของมัน ส่วนข้อเสียก็คือ การต้องอยู่ในห้องอุดอู้อยู่แค่นี้ มันขัดกับหลักการดำเนินชีวิตของหัวขโมยเก่าอย่างเธอเอามากๆ แต่ก็นั่นแหละ ขัดมันได้ที่ไหน มนเมื่อตอนนี้มันมีอำนาจเหนือเธอเสียอีก



     


                    เสียงคุยบางเบาดังขึ้นนอกประตูทำให้เธอต้องสะดุดความคิด เอาอีกแล้ว มาทะเลาะกันโดยไม่เกรงใจข้างในเนี่ย คราวนี้จะเป็นใครอีกล่ะ เธอเงี่ยหูฟังเผื่อว่าพอจะชั่วคลี่คลายสถานการณ์ขึ้นมาได้มั่ง



     


    พวกนายสองคนนี่มันจะอะไรอีก เสียงคุ้นหูเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทนเต็มที่ โรแหง สงสัยวันนี้โดนหนัก



     


    นั่นมันคำถามของพวกเราต่างหาก นายจะทำตัวมีความลับอะไรนักหนา อา แล้วนั่นก็เสียงคิล สงสัยพวกนั้นอีกแน่เลย เอาไงดี



     


    ขอทีเถอะ ฉันไม่ว่าง โรบอกปัดๆ



     


    [โร พวกนั้นเหรอ]



     


    <อืม หิวมากมั้ย> โรตอบรับผ่านเวทย์สื่อสาร พร้อมถามกลับทันที



     


    [ไม่เท่าไร ว่าแต่นี่มันหลายรอบแล้วนะ] เธอโต้ตอบกับเขาผ่านประตูทางเวทย์สื่อสาร ฝ่ายคิลเมื่อเห็นคู่กรณีเงียบไป จึงเอ่ยกระตุ้น



     


    นายมีอะไรรึเปล่า โร



     


    [เอาเถอะ เล่าๆไปเลยก็ได้ ฉันเบื่อเต็มที นอนกลางวันไม่ได้เลยนะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่แล้วพวกนายมีเรื่องกันรายวัน] เฟรินเอ่ยอนุญาตผ่านทางเวทย์สื่อสาร โรรับคำสั่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาในห้อง พร้อมถาดอาหารที่เพิ่งไปซื้อมา (เร็วชิบ)



     


    เข้ามาสิ เธออนุญาตแล้ว โรเอ่ยเชิญคู่กรณีให้เข้ามาในห้องตัวเองเพื่อความสะดวก ซึ่งคนทั้งคู่ก็ไม่ขัดศรัทธาเลยสักนิด เดินเข้ามาในห้องด้วยความเต็มใจ



     


    แย่จริงๆ บอกแล้วว่าให้รีบๆปล่อยฉันกลับนายก็ไม่เชื่อ เสียงหวานเอ่ยลอดมาผ่านมุมกำแพง เสียงหวานอันคุ้นเคย



     


                    โรเดินไปยังโต๊ะหัวเตียงเพื่อวางถาดอาหารให้ใกล้มือเธอ ก่อนจะเอ่ยโต้ตอบ



     


    ก็บอกแล้วว่ามันอันตราย ชั้นบอกแล้ว จะให้ส่งนายไปหาอันตรายฉันทำไม่ได้ พูดจบแล้วก็เหลียวหลังกลับไปแนะนำสาวน้อยบนเตียงให้อีกสองบุรุษผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้รู้จัก



     


    ขอแนะนำ เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปริ้นเซส ออฟ เดมอส



     


    ไงคิล เธอเอ่ยทักคนหนึ่ง โดยเลี่ยงที่จะทักกับอีกคนหนึ่ง คิลเบิกตากว้างอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ



     


    เฟริน นี่แกจริงๆเหรอ



     


    ส่วนนึงใช่ แต่อีกส่วนก็ไม่ใช่ เฟรินตอบคำถาม พลางหยิบขนมปังในชามบิออก แล้วส่งเข้าปาก



     


    หมายความว่าไง คาโลเอ่ยถามเสียงเย็น ความน้อยใจแล่นวาบ เฟรินทำเป็นไม่สังเกตเห็นมัน แล้วไหวไหล่น้อยๆเป็นเชิงให้อีกคนเล่าแทน



     


    นี่ไม่ใช่เฟรินที่พวกนายเคยรู้จักเสียทีเดียว



     


    เป็นแค่คนที่อยู่ไม่ได้โดยไม่มีโรเท่านั้น เฟรินพูดต่อ ก่อนจะหยิบขนมปังอีกชิ้นเข้าปาก โดยไม่สนใจสายตาไม่เข้าใจของผู้รับฟัง แล้วหันไปถามคนที่หยิบขึ้นมาให้



     


    แล้วนายไม่ทานเหรอ



     


    ไม่ล่ะ ยังไม่หิวเท่าไร นายทานไปเถอะ โรตอบปัด



     


    ก็เคยบอกแล้วว่าทานคนเดียวไม่หมด ทานด้วยกัน เธอยัดขนมปังก้อนหนึ่งลงในมือขอทานกำมะลอ ก่อนจะยกชามซุปขึ้นมาตักกิน



     


    ก็ได้ โรรับคำ ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหาร โดยไม่เกรงใจสายตางุนงงของผู้เข้ามาเยือนซักนิด



     


    แล้วพวกนายมีอะไรอยากรู้อีกมั้ย เฟรินเอ่ยถามต่อทันทีที่วางชามลง



     


    เมื่อกี้นายหมายความว่าไง คิลถามคำถามตรงประเด็น



     


    ไอ้โรมันทำให้ฉันกลายเป็นตุ๊กตา เฟรินตอบ สายตาขุ่นเขียวถูกส่งไปยังเจ้าตัวต้นเรื่อง โรสะดุ้งเฮือก ขนาดไม่บอก เธอยังรู้ แล้วถ้าบอก มีหวังเขาตายไม่ต้องเกิด



     


    นั่นมันจำเป็น ทีกับท่านจ้าวนายไม่เห็นไปว่าบ้าง โรเอ่ยแก้ตัว



     


    ก็นั่นมันพ่อฉัน แล้วอีกอย่าง ตัวต้นคิดมันนาย เฟรินกระแทกเสียงตอบกลับ เห็นทีตอนเขากลับไปเดมอสต้องกลับไปเค้นโกโดมเสียหน่อย เฟรินวางมือจากถาดอาหาร แล้วคว้าขนมปังชิ้นสุดท้ายมาเข้าปาก ก่อนจะเอ่ยจบมื้ออาหารอย่างที่ถูกฝึกมา อิ่มแล้วค่ะ



     


    ทำไมแกกินน้อยจังวะ คิลเอ่ยถามเพื่อนรักที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานอย่างไม่เข้าใจ



     


    นั่นสิเฟริน วันนี้ทานน้อยผิดปกติ เป็นอะไรรึเปล่า โรหันมาจ้องหน้าสาวน้อยอย่างพินิจ



     


    ไม่เป็นไรหรอกน่า ชั้นสบายดี ไม่เห็นเหรอ ใช้เวทย์สื่อสารได้แล้ว เฟรินปฏิเสธ โรเลิกคิ้วขึ้นนิดๆอย่างฉงน นี่เธอใช้เวทย์สื่อสารได้เร็วขนาดนี้เชียว ตอนที่อยู่หน้าห้องเขามัวแต่รำคาญพวกข้างล่าง รวมถึงคิลและคาโลจนไม่ได้สนใจ



     


    งั้นก็ตามใจ โรพยักหน้าเบาๆให้กับคนที่อาการทางร่างกายผ่าน ที่ไปนั่งลงข้างหน้าต่างที่เดิม แล้วเอ่ยถามคนต้องการคำตอบต่อ



     


    แล้วมีอะไรอีกมั้ย คิล



     


    เยอะแยะ ไหงแกไม่ตายวะ คิลทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆกัน ในขณะที่คาโลยังจ้องมองสาวน้อยไม่เลิก



     


    โน่น ต้องไปขอบคุณพ่อขอทานคนฉลาดโน่น ที่ทำให้ฉันยังไม่ตาย แต่กลายเป็นอะไรบางอย่างที่คล้ายกับตุ๊กตา เฟรินชี้มือไปยังโร



     


    ก็แล้วไหนมันบอกว่าแกตายไปแล้ว คิลยังถามต่อ



     


    มันพูดที่ไหนเล่า ฉันบอกให้มันไปบอกว่าเจ้าหญิงแห่งบารามอสตายไปแล้วต่างหาก ตรงไหนกันที่บอกว่าฉันตายไปแล้ว เฟรินขัด พร้อมถามกลับไปในตัว



     


    ก็เจ้าหญิงแห่งบารามอสมัน......



     


    มีหลายคน แม่ฉันก็เป็นเจ้าหญิงแห่งบารามอส แต่ก็นั่นแหละ ฉันแค่อยากตัดยศในเอเดนทิ้งไปเสียที เฟรินยักไหล่พูด



     


    หมายความว่าไง คาโลที่นิ่งเงียบมานานเอ่ยถามขึ้นบ้าง เฟรินตวัดสายตากลับมาสบกับนัยน์ตาสีฟ้าที่ฉายแววดีใจอยู่ลึกๆ ก่อนจะหันกลับมายังนักฆ่าอีกครั้ง



     


    ไม่มีเหตุผล เธอตอบ เว้นช่วงนิดๆ ความเงียบปกคลุมทั้งห้องในทันที ก่อนที่สาวเจ้าจะสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้าง แล้วหันไปกอดแขนโรไว้แน่น



     


    โรช่วยด้วย มาแล้ว เธอกระซิบเสียงเบา หลับตาแน่น โรมุ่นหัวคิ้วลงนิดนึง ก่อนจะคลายความสงสัยเมื่อเห็นมิติตรงหน้าบิดผัน ที่เขาก็รับช่วงเปิดต่อ



     


    เฟลิโอน่า!!’ เสียงนั่นดังขึ้นทันทีที่มิตินั่นกว้างพอที่จะเห็นหน้าของใครคนหนึ่ง



     


    สวัสดีครับ คุณเซรีน โรกล่าวทักทายอย่างสุภาพ คนที่ชื่อเซรีนชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมาทักทายกลับ



     


    สวัสดีจ้ะ โร ก่อนจะหันมาเล่นงานคนที่เห็นบุรุษตรงหน้าเป็นที่พึ่ง เลิกซ่อนซะเถอะ เฟลิโอน่า พี่เห็นนะ ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้



     


    แหะๆๆ ไงฮะ พี่เซรีน เฟรินทักทายเสียงแห้งๆ



     


    บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าหนีออกมา มีอะไรบอกพี่ ผ่านเรน่า หรือเลออนก็ได้ ผมสีน้ำทะเลของเอลฟ์สาวนามเซรีนสะบัดไปตามแรงอารมณ์โกรธของเธอ นัยน์ตาสีม่วงสว่างหรี่ลงเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยจะพอใจ



     


    ก็แหม พี่เซรีน นิดๆหน่อยๆเอง อย่าโกรธสิฮะ เฟรินไกล่เกลี่ย



     


    ไม่โกรธ นิดๆหน่อยๆ นี่มันกี่ครั้งแล้วล่ะ ที่เราพูดแบบนี้ เอลฟ์สาวยังคงแหวต่อ



     


    ไม่กี่ครั้งเอง อย่าโกรธสิ เดี๋ยวพี่ดิอัสหนีนะฮะ เฟรินแหย่เสียงเฝื่อนๆ เอลฟ์สาวค้อนควับ



     


    เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกัน!’



     


    พูดถึงคุณดิอัส คุณดิอัสอยู่ตรงนั้นมั้ยครับ โรหันไปถามถึงบุคคลที่เพิ่งถูกพูดถึง



     


    อยู่สิ โรมีอะไรกับดิอัสรึเปล่าล่ะ เซรีนถาม น้ำเสียงคนล่ะโทนกับเมื่อตอนที่พูดกับเธอ



     


    ก็นิดหน่อยครับ รบกวนคุณเซรีนช่วยเปิดช่องว่างมิติอีกอันได้มั้ยครับ ผมอยากคุยกับคุณดิอัสหน่อย โรตอบ เซรีนพยักหน้ารับ หันออกไปคุยอะไรกับอีกคน เฟรินคว้าข้อมือของคนจะทิ้งเธอแน่น



     


    ช่วยชั้นหน่อยสิ โร นายก็รู้ ชั้นรับมือพี่เซรีนคนเดียวไม่ไหว เสียงกระซิบเบาที่ทำให้เขายิ้มบาง



     


    จัดการเองแล้วกัน งานนี้นายเป็นคนก่อ



     


    ใจร้ายที่สุด คนใจร้ายขยับรอยยิ้ม ก่อนจะเปิดช่องว่างมิติอีกอันที่เพิ่งถูกเปิดขึ้นจากอีกฟากของคู่สนทนา พร้อมทั้งเดินออกไปจากรัศมีการได้ยินของเธอ ไปคุยธุระของมันกับพี่ดิอัส พร้อมทั้งลากเพื่อนอีกสองของมันไปด้วย ปล่อยให้เธอโดนเอลฟ์สาวด่าอยู่คนเดียว



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


    แกล้อเล่น คิลพูดเสียงเบาตาเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินความลับที่ โรปิดมากว่าห้าปี โรไม่ใส่ใจ พลางหันไปปรึกษาเรื่องที่ใหญ่กว่ากับอัศวินมือฉกาจของเดมอส



     


    แล้วคุณดิอัสได้ยินข่าวลือแปลกๆว่ามั้ยครับ



     


    นิดหน่อย ไม่รู้ว่าต้นเรื่องมาจากไหน แต่ข่าวลือตอนนี้เริ่มหนาหู โดยเฉพาะในเอเดน ตอนนี้มีการตั้งค่าหัวให้เฟลิโอน่าเรียบร้อยแล้วเอลฟ์หนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงสงบ โรขยี้ผมเพื่อหวังจะสงบจิตใจที่เริ่มวุ่นวาย บ้าจริงๆ ไม่น่าจะมีใครรู้ได้เลยนี่นา ถ้าไม่นับกลุ่มหัวหน้าอัศวินตรงหน้านี่ก็ไม่น่าจะมีใครรู้อีกแล้ว



     


    แล้วท่านจ้าวว่าไงบ้างครับ โรถามต่อ



     


    นี่เรายังไม่ได้อ่านจดหมายอีกเหรอ โร ท่านจ้าวส่งจดหมายผ่านนายไม่ใช่รึไง คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ



     


    มันจ่าหน้าถึงเฟริน ผมเลยยังไม่ได้อ่าน เนื้อความมีอะไรที่ผมต้องรู้รึเปล่าครับ โรถามน้ำเสียงเครียด



     


    พูดตอนนี้คงไม่สะดวก เอาเป็นว่าเราไปถามเฟลิโอน่าเอาเอง ส่วนทั้งสองคนนี่ นายรับรองได้แค่ไหนว่าเขาจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ นัยน์ตาสีน้ำเงินเบือนไปยังอีกสองบุรุษข้างกายโรอย่างคาดคั้น โรเบือนหน้าไปสบกับเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยให้คำรับรอง



     


    เรื่องนี้เฟรินเป็นคนตัดสินใจ หมายความว่าจะต้องไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง แล้วโดยส่วนตัวผมเองก็มั่นใจในความซื่อสัตย์ของคนทั้งคู่ ผมคิดว่าพวกเขาคงจะไม่อยากสูญเสียเฟรินไปอีกครั้ง



     


    เอาเป็นว่าฉันเชื่อคำพูดของเรา โร ฝากเฟลิโอน่าด้วย ดิอัสเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะตัดการติดต่อไป โรเอามือกุมหน้าผากอย่างเครียดจัด เขาบอกเรื่องที่ว่าเขาจะเล่าความลับห้าปีให้คิลและคาโลฟัง ซึ่งดิอัสก็ยอมรับและอนุญาต คุณดิอัสมีเครดิตมากพอกับเหล่าเสนาบดีระดับสูงคนหนึ่ง ด้วยดำรงยศแม่ทัพใหญ่ของเดมอสด้วยวัยเพียงสิบเก้าหากเทียบอายุมนุษย์ ดิอัสถวายสัตย์ว่าจะจงรักษ์ภักดีต่อเจ้าหญิงเฟลิโอน่าเมื่อตอนที่เกิดเรื่องตอนงานเลี้ยงครบรอบเดือนของเธอ ซึ่งตอนนั้นเขายังมีอายุแค่ห้าปีเทียบอายุมนุษย์ แต่เขาก็รักษาสัตย์ได้ตลอดมา และเป็นคนฝึกดาบให้เฟรินในช่วงห้าปีมานี่ด้วย



     


                    เช่นเดียวกับเซรีน ที่รับรู้เรื่องได้จากการเป็นมือขวาของราชินีจันทราลูน่า มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านลูน่าด้วยการที่แม่ของเซรีน เป็นญาติกันกับแม่ของท่านลูน่า (เอ่อ เราคิดว่าแม่ของเอวี่กับแม่ของลูน่าคงเป็นคนละคนกันนะ เพราะเท่าที่ดูจากหนังสือเห็นอายุไม่เท่ากันเพราะคนละเชื้อสายนี่ เราเลยคิดเอาเอง ถ้าไม่ใช่ก็ช่างมันเถอะ ถือซะว่าเป็นฟิค อย่าคิดมาก) เป็นคนสอนเวทย์ให้เฟรินในระหว่างห้าปีมานี่



     


                    โดยคนทั้งคู่มีน้องชายน้องสาวอยู่ในรั้วราชสำนักเดมอส คือดิอัสก็มีน้องสาวเป็นนางกำนัลส่วนตัวของเฟริน ส่วนเซรีนก็มีน้องชายเป็นหัวหน้าหน่วยวิจัยแห่งเดมอส ซึ่งหากพวกเขาจะรู้เรื่องก็ไม่ใช่เรื่องแปลก



     


    เฟริน คุณเซรีนไปแล้วใช่มั้ย โรหันไปถามสาวน้อยหนึ่งเดียวในห้อง ปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้



     


    อืมสิ เล่นเอาฉันหูชาไปเลย แล้วฝั่งนายกับพี่ดิอัสมีอะไรรึเปล่า เฟรินรับ ก่อนจะถามกลับ



     


    นิดหน่อย เฟริน ขอจดหมายฉันหน่อย คุณดิอัสบอกว่ามีบางเรื่องที่ฉันต้องรู้ โรบอกจุดประสงค์



     


    ไม่ให้ เฟรินปฏิเสธทันควัน



     


    เฟริน อย่าดื้อ ขอฉันดูจดหมายหน่อย โรเริ่มแข็งน้ำเสียง



     


    ไม่เอา ไม่มีอะไรในจดหมายนั่นหรอกน่า เฟรินยังคงปฏิเสธ ถอยหนีคนที่เริ่มรุกไล่



     


    เฟริน นายปิดอะไรฉันอยู่ โรจ้องลึกอย่างต้องการจะล้วงความลับในดวงตาสีน้ำตาล



     


    ไม่มี เฟรินเบือนหน้าหนี แต่ชายหนุ่มไม่ใส่ใจ มือใหญ่คว้าไปยังกระเป๋าเสื้อของเจ้าหล่อน แล้วฉวยเอาจดหมายไปในทันที



     


    โร สาวน้อยร้องเสียงสูง แต่เมื่อโรกำลังจะเปิดจดหมายออกอ่าน เฟรินก็ตัดสินใจดีดนิ้วขึ้น แล้วเปลวไฟก็ลุกพรึบขึ้นที่ตัวจดหมาย จนเขาต้องรีบโยนทิ้ง



     


    เฟริน ทำอะไรน่ะ โรแทบจะตวาดในการกระทำของเฟริน



     


    นายไม่เคารพสิทธิชั้นเลย อยู่ๆก็มาหยิบจดหมายไปหน้าตาเฉย ชั้นก็ต้องป้องกันความลับของตัวเองสิ ไปล่ะนะ สาวเจ้าหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ก่อนจะกระโดดหนีออกไปยังต้นไม้ใหญ่นอกหน้าต่าง โยนตัวลงไปยังพื้นดินด้านล่าง แล้วออกวิ่งไปในทันที



     


    เฟริน!!!!!! บ้าที่สุดโรตะโกนลั่นเมื่อเฟรินหนีออกไปจากการปกป้องของเขา วิ่งไปหาอันตราย บ้าที่สุดแล้วที่เขาทำมาตลอดห้าวันนี่มันเพื่ออะไรกัน คุณเซรีนไปบอกอะไรเฟริน แล้วถ้าเธอเป็นอะไรไป เขาจะมีหน้าไปพบท่านจ้าว หรือแม้แต่คุณดิอัสได้ยังไง



     


    แยกกันไปตาม เฟรินจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ร่างกายเธอไม่ได้แข็งแรงอย่างที่นายเห็น แผลที่ท้องก็ยังไม่หาย แล้วไหนจะมีคนล่าค่าหัวอีก ไปตามหาเธอให้เร็วที่สุด เร็วเข้า!!!!!” โรออกคำสั่งอย่างลืมตัวเป็นที่สุด ก่อนที่จะพุ่งออกจากห้องไปในทันที พร้อมกับบุรุษที่ร้อนใจไม่แพ้กัน



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    เสียงกรีดร้องลั่นของหญิงสาว เร่งให้เหล่าผู้ออกตามหาร้อนใจมากยิ่งขึ้น



     


                    เธออยู่ไหน เธออยู่ไหน เธอไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ชายหนุ่มวิ่งตามหาตัวหญิงสาวที่หนีหายไปในป่าหลังโรงเรียน พร้อมกับใจที่กระวนกระวาย



     


                    ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ไอ้เรื่องไม่ดีที่ว่านั่นมันคืออะไร  สิ่งที่ทำได้ คือการวิ่งต่อไป วิ่งไปยังต้นกำเนิดของเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ แล้วรีบตามหาตัวเธอให้เจอโดยเร็วที่สุด



     


                    เธอเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมาก เหมือนไม่ใช่เธอคนเดิมเหมือนที่เขารู้จัก ทำตัวดีขึ้น เรียบร้อยขึ้น สมเป็นผู้หญิงมากขึ้น น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นคนเปลี่ยนเธอ แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังรักเธออยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะไม่รักเขาแล้วก็ตามที เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจที่เคยหายไปก็ปวดร้าว ยิ่งเห็นเธอทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนก็ยิ่งปวดร้าวมากขึ้น



     


                    เธอคงไม่ยกโทษให้เขา ซึ่งเขาก็ไม่โต้แย้ง แต่หากทำได้ เขาอยากจะเอ่ยขอโทษเธอซักครั้ง อยากให้เขาและเธอกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนเมื่อห้าปีก่อน แต่เขาคงทำได้แค่ฝันเท่านั้น เมื่อตอนนี้ เธอมีอีกคนมาอยู่ข้างกายแทนเขาเสียแล้ว



     


                    สองขายังคงออกแรงวิ่ง สองตายังคงคอยสอดส่อง สองหูยังคงเงี่ยเพื่อฟัง หนึ่งใจยังสงบคอยติดตาม



     



     



     



     


               ร่างเปื้อนเลือดของหญิงสาวทำเอาเขาตกใจแทบคลั่ง แล้วไหนจะการที่ถูกอุ้มอย่างไม่ไยดีนั่นอีกเล่า



     


                    ทั้งๆที่เธอไม่ควรจะมาอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วยซ้ำ แล้วพวกมันกลับทำเหมือนเธอเป็นสัตว์อะไรบางอย่างซะอย่างนั้น



     


    ปล่อยเธอ เขาเอ่ยน้ำเสียงกร้าว ชายฉกรรจ์ผู้กำลัง หิ้ว ร่างของเธอที่สติเลือนรางหันกลับมามองอย่างฉงน



     


    ฉันบอกให้ปล่อยเธอ เดี๋ยวนี้



     


    แล้วทำไมข้าต้องทำตามที่ท่านบอกด้วยเล่า ท่านองครักษ์ ชายฉกรรจ์เล่นลิ้น



     


    คืนตัวเจ้าหญิงมา แล้วเอาตัวข้าไปแทน เขาเอ่ยต่อรอง ชายผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ



     


    เอาตัวเจ้าไปแล้วข้าจะได้อะไรขึ้นมา



     


    เจ้าชายแห่งเวนอลและทริสทอร์ ราชบุตรเขยแห่งเดมอส อำนาจที่พวกเจ้าอยากได้ ข้าจะให้มันเอง ปล่อยเธอ โรชูครึ่งตราจักรพรรดิเวนอลขึ้น อย่างหวังจะใช้ต่อรองกับชีวิตของหญิงสาวได้



     


    เจ้าชายแห่งเวนอลและทริสทอร์ ราชบุตรเขยแห่งเดมอสงั้นหรือ น่าสนใจไม่เลวนี่ ท่านเจ้าชาย



     


    ปล่อยเธอซะ แล้วเจ้าจะเอาตัวข้าไปทำอะไรก็เชิญ โรยื่นข้อเสนออีกครั้ง ด้วยแววตามุ่งมั่น เขาจะเป็นอะไรไปก็ช่าง ขอแค่เธอปลอดภัย



     


    โร อย่า เฟรินร้องห้ามเสียงเบา แม้ฝ่ายที่อยากให้ได้ยินจะไม่ได้ยิน แต่คนที่ไม่อยากให้ได้ยินก็ได้ยิน ชายฉกรรจ์ในชุกผ้าคลุมแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บาง ก่อนจะเอ่ยตอบรับข้อเสนอเมื่อชั่งน้ำหนักดูถึงส่วนได้ส่วนเสียดีแล้ว



     


    ดีนี่ ดูท่าเจ้าจะสำคัญกับเจ้าหญิงพอสมควร ได้ ท่านเจ้าชาย ชายฉกรรจ์ปล่อยตัวเฟรินในทันที โรวิ่งไปคว้าตัวหญิงสาวที่หล่นลงมาจากที่สูงได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่ตัวของเธอจะตกถึงพื้น



     


    ลากันซะให้เสร็จ



     


    โร ไม่เอา อย่าไปนะ เฟรินร้องห้ามเสียงเบา



     


    ยัง ยังไม่ไปไหนเฟริน จนกว่าคาโลจะมาถึง ฉันจะยังไม่ไปไหน โรกระซิบตอบ สองมือกอดร่างบางไว้แน่น ซุกหน้าหลบตาหญิงสาว เรื่องนี้เขาตัดสินใจแล้ว



     


    ไม่เอา ไม่ให้ไป โร บอกสิว่าจะไม่ทิ้งฉันไปไหน เฟรินเอ่ยอ้อนเสียงรวยรินด้วยพิษของคมดาบที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ แต่มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ ทำนบน้ำตาที่เพียรจะกลั้นหลั่งรินออกมาอีกครั้ง



     


    โร ได้โปรด ไม่เอา ไม่เอาคาโล ไม่เอาใครทั้งนั้น กลับเดมอสกัน แล้วฉันสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ น้ำตาไหลอาบสองแก้มด้วยกลัวจะเสียคนสำคัญไป



     


                    เสียงแหวกพุ่มไม้ดังขึ้นมาจากข้างหลัง ร่างสูงของเจ้าชายแห่งคาโนวาลมุ่งมาทั้งสาม โรมองไปยังคาโลอย่างสื่อความหมายบางอย่าง



     


                    คาโลสาวเท้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่โรยันตัวลุกขึ้นยืน มือประคองร่างบางส่งให้อีกฝ่าย พร้อมกับคำพูดสุดท้าย



     


    ฝากเฟรินด้วย ดูแลเธอให้ดี ก่อนที่จะเดินออกไปทำตามข้อเสนอของตนเอง



     


    ไปได้แล้ว ข้าพร้อมแล้ว



     


    ไม่เอา โร กลับมา ไม่เอา ไม่ให้ไป ไม่ โร ไม่ ได้โปรด ไม่ ร่างบางร้องโวยวายดังลั่น แม้จะพยศได้ไม่มากด้วยพิษบาดแผลยังคงเล่นงานร่างกาย แต่ก็ทำให้อ้อมแขนของเจ้าชายแห่งคาโนวาลกระชับขึ้น



     


    ไม่นะ โร อย่าไปนะ ชาเบรียน เสียงประท้วงสุดท้าย ก่อนที่โรจะหันกลับมาทางเธอ แล้วถูกชายในชุดคลุมพาไป



     



     



     


    ไม่นึกว่าเจ้าจะทำตามที่พูดจริงๆ ชายฉกรรจ์เอ่ยขึ้นอย่างสนใจ แต่เจ้าชายสองดินแดนก็ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่าจนใจ อีกฝ่ายจึงสงบคำบ้าง



     


                    สายลมแรงโบกพัดส่งเสียงหวีดหวิว ทำให้รู้สึกวังเวงนัก ก่อนที่โรจะเอ่ยขึ้นมา



     


    ไม่เคยมีใครบอกท่านหรือ ว่าเจ้าชายแห่งเวนอลและทริสทอร์ได้ตายไปแล้ว สิ้นคำ มีดสั้นสีเงินคม ก็ตวัดเข้าหาตัวเอง โลหิตสีแดงสดไหลทะลัก มือที่ถือมีดสั้นก็พลอยหมดแรงตาม



     


    ท่านจะไม่ได้ตัวใครไปทั้งสิ้น เพราะทุกคนที่ท่านต้องการตัว ล้วนแต่ได้ตายไปแล้ว วจีสุดท้าย ที่ทำให้ชายฉกรรจ์ถึงกับโกรธเลือดขึ้นหน้า ทั้งๆที่จะเอาไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่ไว้ต่อรองอะไรหลายๆอย่าง แต่กลับถูกมันตลบหลังอย่างไม่คิดว่ามันจะกล้า มือคว้าดาบเล่มยาวออกมาหมายจะปลิดชีพ แต่ก็ถูกกริชมาขัดไว้เสียก่อน



     


    อย่าซ้ำเติมคนเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้านั่นเป็นเพื่อนของคนในตระกูลฟีลมัส คิลเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม มือโยนกริชสีเงินเล่น อย่างต้องการจะสื่อว่า ถ้าขยับ คนที่ตายก่อนคือแก



     


                    ชายฉกรรจ์เห็นท่าไม่ดี จึงต้องถอยหนี ทิ้งไว้แต่ร่างของคนโง่ที่ฆ่าตัวตาย เพียงเพื่อเจ้าหญิงคนบาปองค์เดียว



     


    แกเป็นอะไรไปวะ โร ไอ้บ้าเมื่อกี้มันทำอะไรแกรึไง คิลปราดเข้ามายังบุรุษเจ้าของเรือนผมสีชาที่เลือดท่วม



     


    เปล่าคิล ช... ชั้นทำเองตัว.... ชั้นเอง ข.... ขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องของเฟริน ก.... ก่อนหน้านี้ ไม่ต้อง.... เป็นห่วง เฟริน..... ปลอดภัยดี ตอนนี้อยู่กับคาโลโรตอบคำถามหลายคำถามในคราวเดียว อย่างติดๆขัดๆ แม้จะเป็นคำถามที่นักฆ่ายังไม่ได้เอ่ยถามเลยก็ตามที



     


    แกแข็งใจทนหน่อย เดี๋ยวไอ้คาโลก็คงมา พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสองร่างของเจ้าหญิงสองดินแดนและเจ้าชายแห่งคาโนวาลก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลัง บาดแผลฉกรรจ์บนร่างของหญิงสาวหายไปแล้ว คงด้วยเวทย์รักษาของคาโล



     


    โร ไม่นะ เฟรินอุทานเบา พร้อมปราดเข้าไปประชิดร่างของโรในทันที



     


    เฟริน อย่าร้องไห้ มือใหญ่ปาดน้ำตาให้กับหญิงสาว ที่ไม่เคยฟังที่เขาปราม หญิงสาว ที่เขารักที่สุดในชีวิต



     


    เฟริน..... เข้ามาใกล้ๆอีกนิดได้ไหม โรพูดเสียงเบา ซึ่งเฟรินก็ปฏิบัติตามในทันที เสียงบริกรรมร่ายคาถาดังขึ้นเบาๆ วงแหวนเวทย์ปรากฏขึ้นรอบตัวคนทั้งคู่ ก่อนที่จะส่องแสงสว่างจ้า



     


    ฉ... ฉันแก้คำสาปของเธอ..... ให้แล้วนะ รอยยิ้มเซียวๆปรากฏขึ้นดวงบนหน้าของคนเจ็บหนัก น้ำตาเม็ดโตไหลอาบสองแก้ม เขามอบพลังเวทย์ทั้งหมดให้เธอ



     


    ไม่เอา โร ไม่เอา ไม่แก้คำสาป แค่นายสบายดีเท่านั้น ไม่เอา



     


    มีชีวิตอยู่ต่อไป....เฟริน จำไว้ ฉันรักเธอ คำพูดสุดท้าย ของชายหนุ่ม ผู้คุ้มครองเธอมาตลอด แม้จนถึงเวลาสุดท้ายแห่งชีวิต



     


                    ท้องฟ้ามืดมน หยาดฝนโปรยปราย หนาวสะท้านทั้งใจกาย หากแต่ไม่มีใครมาช่วยคลายมันอีกแล้ว



     


    ไม่นะ ไม่นะโร ไม่ เฟรินกรีดร้องลั่น



     


    ฟื้นขึ้นมาสิ!! ฟื้นขึ้นมา!!” เสียงร้องอย่างตระหนกดังไปทั่วบริเวณ สายฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาราวกับจะร่วมร้องไห้ไปกับเหตุการณ์ครั้งนี้



     


    อย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว มือขาวซีดเอื้อมไปประคองร่างที่หายใจรวยริน



     


    ไหนบอกว่าจะไม่เป็นอะไรไง ไหนบอกว่าจะปกป้องชั้นไง เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทุกทีเหมือนคนเสียสติ มือที่ขาวซีดเพราะความเย็นของน้ำฝนเขย่าร่างที่ไร้สติบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง



     


    ได้โปรด ฟื้นขึ้นมา ทั่วทั้งเอเดนชั้นเหลือแค่นายคนเดียวเท่านั้นนะ น้ำตาไหลอาบสองแก้ม กับความเศร้าที่ต้องสูญเสียคนสำคัญที่เหลือเพียงน้อยนิดไป



     


    ได้โปรด อย่าทำแบบนี้ ไม่มีนาย ชั้นจะอยู่ได้ยังไง ไม่มีนาย ชั้นจะยิ้มได้ออกได้ยังไง ได้โปรด แค่ฟื้นขึ้นมา ชั้นสัญญา ชั้นจะไม่หนีออกมาแบบนี้อีก แค่ฟื้นขึ้นมา แล้วบอกว่านายล้อชั้นเล่นเท่านั้น ร่างบางกรีดร้อง เพื่อนอีกสองคนได้แต่ยืนมองอยู่ข้างหลัง เขาไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่จะคลายความเศร้าของเธอลง คนทั้งคู่ ได้สูญเสียเพื่อน ไปในปีสุดท้ายของเอดินเบิร์ก



     


    ไหนนายบอกว่าไม่อนุญาตให้ฉันกลับเดมอสคนเดียวไง แล้วไม่มีนายอยู่ฉันจะกลับเดมอสได้ยังไง เฟรินเขย่าร่างเย็นเยียบของชายหนุ่ม นัยน์ตาเศร้าหมอง น้ำตาไหลอาบหน้า ความเศร้าที่ไม่อาจบรรเทา เมื่อไม่มีอีกแล้ว คนที่คอยปกป้อง คนที่คอยอยู่เคียงข้างมาตลอดห้าปี



     


    ฟื้นขึ้นมาสิ โร ฟื้นขึ้นมาสิ ชาเบรียน หญิงสาวร่างบางซุกหน้าลงกับลำตัวเปื้อนเลือดของชายหนุ่มที่อุทิศวิญญาณแด่เธอ ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบไป



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


                    ร่างบางขยับตัวช้าๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะคาโลรักษาให้ก่อนหน้านี้แล้ว แม้ว่าเธอจะได้พลังเวทย์ของโรมาแล้ว แต่กลับไม่มีแรง และทั้งที่รู้ทั้งรู้ ว่าโรตายไปแล้ว เมื่อเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นร้อนที่บริเวณมือ ก็ต้องเหลียวไปดู แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อคนที่อยู่ตรงนั้น ไม่ใช่เขาคนเดิม



     


                    เรือนผมสีเงินของเจ้าชายแห่งคาโนวาลปลิวนิดๆไปกับแรงลม ดวงหน้าฉายถึงความอิดโรย ทั้งๆที่เคยรู้สึกคิดถึง แต่บัดนี้กลับไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นแล้ว เพราะคนสำคัญคนหนึ่งของเธอ ได้ตายจากเธอไปเสียแล้ว



     


    โร ฉันจะทำยังไงดี ร่างบางพึมพำเสียงเบา ความเศร้าขึ้นมาจุกอยู่ที่อก เหมือนกับอยากจะระเบิดออกมา แต่ก็ออกไม่ได้



     


    ฟื้นแล้วเหรอ น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นถามด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวไม่ตอบ มีเพียงนัยน์ตาเลื่อนลอยเท่านั้น



     


    เฟริน คาโลลองเรียกดูอีกที แต่ก็ไร้ผล ดูเหมือนว่า เธอจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว



     


    เฟรินได้โปรด พูดอะไรบ้าง ตอบฉันหน่อยสิ เฟริน คาโลเขย่าบ่าของหญิงสาวเบาๆ เพื่อหวังจะให้เธอรู้สึกตัว ซึ่งมันก็ได้ผล



     


    มีอะไรหรือ ปรินซ์คาโล น้ำเสียงฟังดูห่างเหิน ที่เขาฟังแล้วปวดใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดในสิ่งที่ค้างคา



     


    เฟริน เรา กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ



     


    กลับมาเป็นเหมือนเดิม แบบไหนของท่านล่ะ ปรินซ์คาโล น้ำเสียงเย็นชาพร้อมสายตาเย็นเยียบที่ฟังแล้วน่าเจ็บปวดถามย้อน



     


    เหมือนเมื่อห้าปีก่อน ได้โปรด เฟริน อย่าทำแบบนี้



     


    เหมือนเมื่อห้าปีก่อน ทั้งๆที่ท่านไม่เคยสนใจไยดีเราเลยเนี่ยนะ น้ำเสียงที่เริ่มขึ้นสูง บ่งถึงอารมณ์ไม่คงที่ของเจ้าตัว



     


    อยากให้เป็นเหมือนเดิม ตอนที่ฉันเจ็บ นายอยู่ไหนล่ะ น้ำตาที่เคยหลั่งรินเพื่อชายคนนี้ ที่เคยเหือดแห้งไปแล้วรอบหนึ่ง พาลจะไหลขึ้นมาอีกครั้ง



     


    ตอนที่ฉันร้องไห้ นายอยู่ไหนล่ะ



     


    แล้วตอนที่ฉันต้องการใครสักคน นายอยู่ไหนล่ะ



     


    โรต่างหากล่ะ โรต่างหากที่อยู่ข้างๆฉัน นายทิ้งฉันไปเองนะ ปรินซ์คาโล แล้วทำไมตอนนี้มาขอคืนดีเล่า หรือว่าคาโนวาลไม่มีศักดิ์ศรีจนถึงต้องมาขอคืนดีกับผู้หญิงที่เคยทิ้งไป



     


    เฟริน ฟังฉันก่อน คาโลพยายามจะอธิบาย



     


    ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฟัง เชิญท่านออกไปเสียเถอะ ปรินซ์คาโล ไปหาเจ้าหญิงเรนอนของท่าน แล้วปล่อยเราให้อยู่คนเดียว เฟรินออกปากไล่ โดยไม่แม้แต่จะมองหน้า



     


    ออกไปซะ ปรินซ์คาโล เราต้องการพักผ่อน เฟรินพลิกตัวล้มลงนอนเหมือนต้องการจะยืนยันคำพูดตัวเอง จนคาโลจนใจต้องยอมออกไปจากห้อง



     


    เฟริน ฉันขอโทษ เสียงปิดประตูห้องขึ้นขึ้นไล่หลังเสียงขอโทษ ทิ้งไว้เพียงร่างบางที่อารมณ์อ่อนไหว



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


    เฟริน



     


    เฟริน ได้ยินฉันไหม เฟรินหันไปรอบตัวเพื่อหาต้นเสียง



     


    อยู่นี่ ต้นเสียงดังขึ้นข้างหลังตัวเธอ เฟรินหันหลังกลับไปมอง



     


    โร นั่นนายเหรอ เฟรินอุทานเบาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ



     


    อืม โรยิ้มรับ



     


    นายยังไม่ตาย เฟรินร้องขึ้นอย่างดีใจ



     


    ไม่ เฟริน ฉันตายไปแล้ว โรส่ายหน้าช้าๆ



     


    แต่ว่า นายก็ยังอยู่ตรงนี้นี่ เฟรินพูดอย่างไม่เข้าใจ



     


    นี่เป็นเพียงแค่ ห้วงคำนึงของฉันที่อยู่ในพลังเวทย์ในตัวเธอเท่านั้น โรตอบข้อสงสัยพร้อมรอยยิ้ม



     


    แต่ว่า.... เฟรินทำท่าจะค้านอีกครั้ง แต่โรก็ขัดเอาไว้



     


    ฉันตายไปแล้ว เฟริน ไม่ว่าเธอจะรับได้หรือไม่



     


    แต่....



     


    ไม่มีแต่ เฟริน ฉันมาพูดกับเธอ เรื่องของคาโล โรเอ่ยเข้าเรื่อง



     


    ไม่เห็นมีอะไรต้องพูด เฟรินผินหน้าหนี



     


    ต้องพูด เพราะฉันไม่ได้อยู่ปกป้องเธออีกต่อไปแล้ว



     


    ไม่จำเป็น ฉันดูแลตัวเองได้ เฟรินเบี่ยง



     


    ฟังฉัน เฟริน ลองฟังที่คาโลพูด เขาไม่เคยลืมนาย เขายังคงรักนายตลอดมา ไม่น้อยไปกว่าฉัน หรือบางที อาจจะมากกว่าฉัน โรอธิบาย



     


    แต่....



     


    เชื่อฉัน ฉันเชื่อว่าเขาจะดูแลนายได้เป็นอย่างดี ร่างของโรเริ่มที่จะเลือนราง



     


    โร.... เฟรินเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนต้องการจะถาม



     


    ไม่มีเวลาแล้ว ฟังเขาเฟริน เชื่อฉัน โรพูดอย่างรวดเร็ว มือปลดครึ่งตราจักรพรรดิเวนอลออกจากคอ แล้วยื่นส่งให้เธอ



     


    เก็บนี่ไว้ แล้วจำไว้ ฉันยังอยู่กับเธอเสมอ โรเอ่ยเมื่อเฟรินรับครึ่งตราจักรพรรดิไป



     


    แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย เฟรินถามเขา โรเพียงแต่ยิ้มเศร้าๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะจางหายไปในที่สุด



     


    โร!!!!”



     


                    เสียงร้องตะโกนลั่นของหญิงสาว เรียกให้บุรุษที่เพิ่งถูกไล่ออกไปวิ่งเข้ามาในห้องทันใด เพื่อดูถึงอาการผิดปกติ แต่สิ่งเดียวที่เห็นก็คือร่างบางของหญิงสาวกำลังสั่นระริก สองมือกำครึ่งตราจักรพรรดิแน่น เหมือนกับว่าเป็นของสำคัญ



     


                    ภาพอันอ่อนไหวสมเป็นผู้หญิงของสาวน้อยในห้อง แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่มันทำให้เขาแทบขาดใจ เขายินดียอมทำทุกอย่าง เพียงเพื่อทำให้เธอหยุดร้องไห้ แต่เขาจะทำอย่างให้เธอหยุดร้องเล่า



     


    คาโล หญิงสาวเอ่ยเสียงพร่า เมื่อเห็นว่าใครเข้ามาในห้อง น้ำตาไหลอาบสองแก้ม น้ำตาของเธอที่เขาไม่อยากเห็นมากที่สุด



     


    คาโล ฉันจะทำยังไงดี คำพูดที่เคยดูห่างเหินเมื่อครู่กลับมาฟังอยู่ใกล้ชิดขึ้น เขาค่อยสาวเท้าเขาไปใกล้มากขึ้น



     


    โรไม่อยู่แล้วฉันจะทำยังไงดี ร่างบางถามเสียงสั่น มือยังกุมจี้ครึ่งตราจักรพรรดิที่ช่วยยืนยันว่าเมื่อครู่ที่เธอได้ไปเห็นมานั้นไม่ใช่ความฝันแน่น



     


    แต่ฉันยังอยู่ตรงนี้ เขาพูดเหมือนจะปลอบ



     


    ในเอเดนนี้ฉันมีเขาแค่คนเดียว ฉันจะทำยังไงดี คำพูดตัดพ้อที่เหมือนจะไม่ได้ฟังคำพูดของเขาทำให้เส้นอารมณ์เขาตึงขึ้นมาชั่วขณะ



     


    ทำไมต้องเป็นโรล่ะ เป็นฉันไม่ได้เหรอ ให้โอกาสฉันอีกครั้งไม่ได้เหรอ เขาพูดน้ำเสียงแข็ง ก่อนจะอ่อนลงในช่วงสุดท้าย



     


    ไม่ได้เหรอ เฟริน



     


    โรไม่เคยหลอกฉัน โรไม่เคยทิ้งฉัน แต่นายไม่เหมือนกัน เฟรินเปรียบ



     


    ฉันขอโทษ เฟริน



     


    พูดมาสิ คำแก้ตัวของนายฉันจะฟัง แต่จำไว้ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้ เฟรินยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง หากโรต้องการให้เธอฟัง เธอก็จะฟัง แต่เขาจะทำให้เธอจะเชื่อคำของเขาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวของเขาเอง



     


                    นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยช้อนขึ้นมาสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอย่างไม่เชื่อหู แต่เมื่อเห็นถึงความสงบที่แฝงอยู่ในไหล่บางที่ยังสั่นอยู่น้อย ก็ทำให้เขาตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจตลอดห้าปีออกไป



     


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



     


    จริงๆตัดจบตรงนี้ได้เลยนะเนี่ย



     


    แต่ในหัววางพล็อตส่วนสรุปไว้เหมือนกัน



     


    ดูไปก่อนว่ามีคนอยากอ่านเยอะแค่ไหน



     


    ถ้าเยอะเดี๋ยวจะเอามาลงให้ฮะ



     


    ว้ากกกกกก ภาพพจน์คาโลเจ๊งหมด



     


    เตือนไว้ก่อน สำหรับคนที่อยากอ่านส่วนสรุป



     


    จากข้างบนที่เห็นภาพพจน์มันเสียไปแล้ว



     


    อันนี้มันจะเสียมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก



     


    แถมยังเสียแบบไม่ใช่คาโลที่คุณๆรู้จักอีกต่างหาก



     


    เพราะฉะนั้น ถ้าอยากอ่านกรุณาทำใจฮะ



     


    ขอบคุณทุกท่านที่คอยมาอ่านคอยมาทวงคอยมาเม้นให้ฮะ



     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



     


    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะมีวันนี้ เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนดวงหน้าสวย



     


    อืม นั่นสิ ชายหนุ่มตอบรับ สองแขนโอบเอวหญิงสาวอันเป็นที่รักแน่น



     


    ทั้งๆที่เมื่อห้าหกปีก่อนเรายังทะเลาะกันอยู่เลย หญิงสาวหันกลับไปมองหน้าคนรัก พร้อมรอยยิ้ม



     


    ต้องบอกว่า ทั้งๆที่เธอยังเกลียดฉันอยู่เลย ชายหนุ่มแก้คำพูด พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างที่คงได้เห็นไม่บ่อยนัก



     


    ก็นายมันทำตัวให้ฉันเกลียดเองนี่ บอกไว้ก่อนนะ ต่อให้ผ่านมานานแค่ไหนฉันก็ยังไม่ยกโทษให้ หญิงสาวสะบัดหน้าหนี



     


    ขอโทษ จะให้พูดกี่ครั้งก็ได้ ฉันขอโทษ นะเฟริน หายโกรธซะทีเถอะ ชายหนุ่มเริ่มเอ่ยอ้อนสาวคนรัก หลายปีมานี่มันพัฒนาตัวเองขึ้นเยอะ



     


    ท่านแม่โกรธอะไรท่านพ่อเหรอครับ เด็กชายตัวเล็กๆเดินมาเอ่ยถามคู่หนุ่มสาว



     


    อย่าโกรธท่านพ่อเลยนะคะ ท่านแม่ เด็กหญิงวัยใกล้เคียงกันเดินเข้ามาพูดบ้าง คำพูดของเด็กน้อยทำให้คนเป็นแม่หันไปค้อนคนเป็นพ่อวงโต



     


    นายไปเป่าหูลูกฉันยังไง ถึงได้ไปเข้าข้างนายกันหมด



     


    ความลับของราชวงศ์ คนเป็นพ่อตอยกลับอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งภรรยาสาว



     


    ท่านแม่..... เด็กน้อยสองคนพูดพร้อมกัน ดวงตากลมโตสองสีของเด็กน้อยทั้งสองช้อนขึ้นมาสบจนคนเป็นแม่ต้องยอมแพ้



     


    ก็ได้ แม่ยอมแพ้แล้ว ไม่โกรธก็ได้ คนเป็นแม่ยกมือขึ้นสองข้าง ก่อนจะรีบหันไปเสริมคำพูดกับอีกคน



     


    แต่นี่ก็เพราะลูกขอร้องนะ จำไว้ ไม่ใช่เพราะนาย คาโล



     


    ทีแรกก็เพราะโร ทีนี้ก็เพราะลูก นายจะยกโทษให้ฉันเพราะฉันเองไม่ได้รึไง คาโลกระชับอ้อมแขนขึ้น



     


    แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะโร เพราะลูก ชาตินี้ทั้งชาติฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้นาย



     


    ไม่เป็นไร แค่หายโกรธก็พอแล้ว คาโลหอมแก้มใส ก่อนจะฉุดร่างของภรรยาให้นั่งลงกับพื้นหญ้า



     


    ท่านแม่ ท่านพ่อรักท่านแม่ออก ทำไมท่านแม่ถึงโกรธท่านพ่อล่ะคะ เด็กหญิงเอ่ยถามเสียงใส หลังจากที่นั่งลงข้างตัวของบุพการีทั้งสอง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลฉายแววใคร่รู้



     


    ท่านพ่อของลูกเขาจูบผู้หญิงอื่นต่อหน้าแม่ เฟรินฟ้องลูกสาวคนน่ารัก ที่ถอดแบบมาจากตนเองเปี๊ยบ



     


    ไหนท่านพ่อบอกว่ารักท่านแม่คนเดียว เด็กชายที่นั่งอยู่อีกข้างของพ่อแม่ถามคนเป็นพ่อขึ้นบ้าง สายตาฉายแววคาดคั้น



     


    ก็รักแม่คนเดียว แต่ตอนนั้นพ่อต้องรักษาแผล เลยต้องให้น้าเรนอนจูบรักษา คาโลอธิบายให้ลูกชายคนโตฟังอย่างอ่อนใจ เพราะเขาเองก็พูดแบบนี้กับเธอมาเป็นหลายสิบรอบแล้ว



     


    แต่นาย/ท่านพ่อรักษาตัวเองได้ สมาชิกในครอบครัวทั้งสามค้านพร้อมกัน คาโลถึงกับสะอึก



     


    โอเค พ่อผิดเอง อย่าโกรธพ่ออย่างนั้นสิ เฟย์ แฟลร์ คนเป็นพ่อเอ่ยขอโทษอย่างจนใจ



     


    รู้ตัวก็ดี เฟรินสะบัดหน้าหนี



     


    อย่าอารมณ์เสียสิ วันนี้เรามาพักผ่อนกันนะ คาโลเอ่ยอ้อนภรรยาสาว สองมือกระชับร่างบางให้เข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้น



     


    ร้อน คาโล ปล่อย เฟรินร้องท้วง แถมยังดิ้นขลุกขลักด้วยอยากให้หลุดจากไอ้เจ้าชายที่กลายเป็นคิงน้ำแข็งละลายมือกาวไปแล้ว



     


    ก็ได้ เขาพูดอย่างเสียดาย มือคลายอ้อมกอดออก ก่อนที่จะหอมแก้มของหญิงสาวอีกครั้ง



     


                    ใช่ วันนี้เขาอุตส่าห์จัดการกับงานทั้งหมดเพื่อให้วันนี้จะได้มาพักผ่อนกันทั้งครอบครัว ครอบครัวอันแสนน่ารักที่เขาเคยฝันเอาไว้ มีเขากับเธอ และลูกน่ารักๆซักสองคนแบบนี้ เขามีวันนี้ได้ ต้องขอบคุณ โร เซวาเรส และเธอที่เชื่อคำพูดของหมอนั่นเสมอจนเขาอิจฉา



     


                    แม้เขาจะไม่อยากพูด แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ว่า ถ้าหมอนั่นไม่ตายไป เขาก็จะไม่มีวันนี้ เพราะเขาเชื่อว่า เธอต้องเลือกหมอนั่นมากกว่าเขา และก็เป็นเรื่องจริงอีก ที่ถ้าเธอไม่ปักใจเชื่อคำพูดของโรในความฝัน ที่เธอยืนยันว่าไม่ใช่ฝัน เขาก็คงจะไม่มีวันนี้อีกเช่นเดียวกัน ถ้าพูดกันไปแล้ว เขาก็ถือว่าติดหนี้มัน หนี้ที่ไม่รู้ว่าจะชดใช้อย่างไรจึงจะสมควรแก่สิ่งที่เขาได้มาเพราะหมอนั่น



     


    นี่ คาโล เคยคิดมั้ย ว่าถ้าโรไม่ตายไป เราจะได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้รึเปล่า เฟรินถามเสียงเบา เพราะลูกๆสองคนของพวกเขาก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกเขานัก



     


    ลองถามตัวเองสิ ว่าถ้าโรไม่ตาย เธอจะยกโทษให้ฉันรึเปล่า คาโลตอบคำถามของเธอด้วยคำถาม เฟรินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ



     


    ไม่ ฉันไม่คิดว่าถ้าโรไม่บอกฉันจะยอมฟังคำแก้ตัวของนาย แม้คำตอบของเธอจะน่าเจ็บใจแค่ไหน แต่เขาก็ต้องยอมรับ เพราะเขาเป็นคนผิดเองทั้งหมด



     


    นั่นแหละคำตอบ คาโลตอบสั้นๆ



     


    นายไม่โกรธเหรอ เฟรินถามเมื่อเห็นสามีทำตัวผิดไปจากที่คิด



     


    โกรธสิ ทั้งโกรธ ทั้งหึง ทั้งอิจฉา โกรธ ที่เธอไม่คิดจะยกโทษให้ฉัน หึง ที่เธอทำตัวสนิทสนมกับหมอนั่นมากกว่าฉัน อิจฉา ที่เธอฟังคำของหมอนั่นมากกว่าฉัน คำพูดยาวๆถึงความในใจของคนตรงหน้าที่เธอได้รับทำให้เธอนิ่งไปเหมือนกัน



     


    แต่ฉันก็ดีใจ ที่อย่างน้อย หมอนั่นยอมให้ฉันดูแลเธอต่อจากเขา คาโลจบคำพูดของเขาด้วยความดีของคนสำคัญของเธอที่ตายจากไปแล้ว



     


    อย่างน้อย นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่ฉันพอจะชดใช้หนี้ระหว่างฉันกับมันได้



     


                    เฟรินหัวเราะคิกกับความคิดเล็กคิดน้อยของสามี มือเล็กเอื้อมเข้าไปกอดแขนของคนตัวใหญ่กว่า แล้วเอ่ยคำพูด



     


    ถึงฉันจะรักโรจริง แต่โรก็ไม่อยู่ให้ฉันเลือกแล้ว ตอนนี้ฉันเหลือแต่นายเท่านั้นและ



     


    หมายความว่าถ้าโรยังอยู่ เธอจะเลือกโร คาโลกอดร่างเล็กตอบ พร้อมคำถามในมุมกลับ



     


    ก็คงจะใช่ เฟรินชั่งใจก่อนตอบ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ตัวเองอาจถูกลงโทษสถานหนักได้



     


    นั่นมันเป็นสิทธิของนาย แต่ถ้านายเลือกโรจริง มันคงทำให้ฉันใจสลาย คำพูดที่เตรียมจะมาต่อคำถูกกลืนหาย เมื่อถูกอีกฝ่ายประกบริมฝีปากเข้ามา รสสัมผัสอันนิ่มนวลทำให้คำพูดทั้งหลายในสมองกระเจิงไปทั้งหมด ร่างสูงเบียดตัวเข้ามาใกล้ แล้วยิ่งรุกหนัก ในขณะที่มือเล็กออกแรงพยายามดันร่างสูงให้ออกห่าง แต่มีหรือ ที่แรงผู้หญิงจะสู้แรงผู้ชายได้ เฟรินจึงต้องจำยอมกับการลงโทษของมัน



     


                    ร่างสูงยอมถอนริมฝีปากออกเมื่อร่างบางเริ่มอุทธรณ์ร้องหาออกซิเจน เฟรินหอบหายใจเร็วเมื่อได้มาพบกับอากาศบริสุทธิ์ ดวงหน้าหวานขึ้นสีก่ำ แต่เมื่อร่างสูงทำท่าจะต่อ เธอก็ต้องรีบร้องท้วง



     


    พอแล้วคาโล ฉันอายลูก เธอปรายตาไปยังลูกน้อยทั้งสองที่จ้องพ่อแม่ตาแป๋ว



     


    ก็ได้ ไว้ค่อยต่อคืนนี้ก็ได้ คำพูดของสามีที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินจากปาก ทำให้เธอรีบผละตัวออกห่าง ก้มหน้างุดหลบตาสามี คาโลขยับรอยยิ้มละไม กับท่าทางขี้อายอันแสนน่ารักของภรรยา แล้วคว้าเอวบางให้เข้ามาใกล้อีกครั้ง



     


    ฉันรักเธอนะ เฟลิโอน่า ราชินีของฉัน



     


                    คำบอกรักแสนหวาน แต่แผ่วเบา สายลมแผ่วเบาของฤดูร้อนพัดผ่าน คำบอกรักของคนปากแข็ง แต่ใจอ่อน เธอหลับตาลง หวังจะซึมซับคำพูดเหล่านั้นเอาไว้ ภาพของชายคนสำคัญของเธอผ่านเข้าในห้วงความคิดอีกครั้ง หญิงสาวชั่งใจอยู่ชั่วครู่ แต่เมื่อเห็นเขายิ้มให้ เธอก็พยักหน้า



     


    ฉันก็รักนาย คาโล วาเนบลี แววตาหวานซึ้งของหญิงสาวเงยขึ้นมามองเขา คาโลกระชับอ้อมกอด



     


    ขอบใจที่เลือกฉัน



     


                    ฉันรักนายคาโล วาเนบลี แต่ฉันก็รักนายเช่นกัน โร เซวาเรส นายจะอยู่ในใจของฉันตลอดไป



     


                                                    หลับให้สบาย โร แล้วสักวันที่เราได้เจอกัน ฉันจะบอกนาย ว่าฉันก็รักนายเช่นเดียวกัน และฉันมีความสุขดี ขอบใจที่เลือกเขาให้ฉัน ขอบใจที่เป็นห่วงความสุขของฉัน



     


                                                    เจ้าชายในดวงใจของฉัน........ ทั้งสองคน



     


    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



     


    จบของจริง



     


    จริงๆแล้วไม่อยากให้โรตายเลย



     


    แต่ถ้าโรไม่ตาย บางทีเราอาจตายก่อน



     


    เนื่องด้วยจะถูกสาวกคาโลฆ่า



     


    โทษฐานไปทำให้คาโลอกหัก



     


    แต่โรตายเราก็โดนฆ่าเหมือนกันแหละ



     


    แต่งไปก็กลัวสาวกตัวละครไป



     


    เอาล่ะฮะ ภาคพิเศษก็จบลงไปแล้ว



     


    ขอคอมเม้นด้วยฮะ



     


    ขอบคุณทุกคนที่ชอบภาคพิเศษนี้ฮะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×