ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fanfic] หัวขโมยแห่งบารามอส เรื่องราว หลังจากนั้น

    ลำดับตอนที่ #43 : ค่ำคืนเมื่อยามประชุม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.49K
      18
      17 ต.ค. 48

        หกโมง ความจริงเขาควรจะเห็นหนึ่งในสามคนที่หายไปในช่วงเวลารอยต่อแบบนี้ได้แล้ว อย่างน้อยก็ต้องคิล เพราะนี่ก็ใกล้จะได้เวลาเข้าเวรยามในตัวปราสาทของมันแล้ว แต่นี่เขายังไม่เห็นเงาของใครซักคน



        ไอ้พวกบ้านั่นทำเอาเขาจะประสาทกิน พาคนของเขาไปยังไม่พอ ยังมาพูดกวนประสาทอีก แค่ไอ้โรคนเดียวยังไม่พอ ตอนนี้ยังมีคิลเพิ่มเข้ามาอีกคน ตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว ไอ้พวกนี้นับวันยิ่งจะมีความลับกับเขา



    \"ตลกเป็นบ้า แกว่าไหม\" น้ำเสียงกลั้วหัวเราะขำๆดังมาจากมุมตึกแห่งหนึ่ง อีกฝ่ายไม่ตอบ เสียงแรกจึงพูดขึ้นอีกครั้ง



    \"แกเห็นหน้ามันรึเปล่าล่ะ โอ๊ย นึกแล้วขำเป็นบ้า\"



    \"เพราะนายไปหัวเราะมัน มันก็เลยไล่ออกมา ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรต่อ\" เสียงที่สองเอ่ยขึ้นอย่างจะปราม



    \"เออ แล้วแกก็เลยโดนงานต่อ\" เสียงแรกพูดเหมือนรู้ทัน



    \"รู้ด้วยนี่ แต่ยังไงนายก็ต้องออกมาผลัดกะอยู่แล้ว\" เสียงที่สองเอ่ยอย่างอารมณ์ดี



    \"เออ ไม่ค่อยอยากเลย มีพวกรุ่นพี่สภาสูงอยู่รอบงานยังจะต้องเอาตัวชั้นไปทำไม่อีก ไม่เหมือนนาย ไปสั่งงานเสร็จเดี๋ยวก็แวบไปดูมันต่อได้\" เสียงแรกพูดน้ำเสียงอิจฉา เสียงที่สองเพียงแค่ยิ้มรับ ยิ้มที่เขารู้สึกอยากจะเอาหัวมันไปโขกผนังให้ตายกันไปข้างหนึ่ง



    \"รีบไปดีกว่าคิล หน้าที่ก็ยังเป็นหน้าที่ แต่ถ้านายอยากดู....\" เสียงที่สองเว้นช่วง



    \"เดี๋ยวชั้นจะหาทางทำให้นายได้ดูเอง\" น้ำคำเจ้าเล่ห์เรียกให้คนที่อดชมอะไรบางอย่างถึงกับยิ้มร่าสะใจ



    \"แล้วแกอย่าลืมคำพูดล่ะ\"



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



        สองทุ่ม ทั้งๆที่เธอต้องมาเข้าร่วมประชุม แต่จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่เจอ แม้ว่าท่านจ้าวเอวิเดสจะเข้ามายังโต๊ะเสวยเรียบร้อยแล้ว แต่อีกหนึ่งคนที่จะมานั่งข้างๆ ซึ่งเขามั่นใจว่าจะต้องเป็นเธอ จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่เห็น แต่ท่านจ้าวก็ดูจะไม่มีท่าทีร้อนใจ เหมือนกับจะคาดเอาไว้ก่อนแล้ว



        จนเมื่อสองคู่หนุ่มสาวเดินเข้ามาในโถงประชุมที่บัดนี้ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นงานเลี้ยงหรูหรา แต่หากได้รับความสนใจไปกว่าคู่หนุ่มสาวที่เพิ่งเข้ามาในงานไม่ หญิงสาวที่เกาะแขนบุรุษในชุดขาวเข้ามาในงานพร้อมรอยยิ้มและท่าทางที่เขาเคยเห็นเมื่อตตอนที่เจ้าหล่อนถูกทำโทษเพียงครั้งเดียวเท่านั้น



    \"อลิเซีย\" หลายคนบนโต๊ะเสวยพึมพำเบาๆ จ้าวปีศาจยิ้มอย่างพึงใจ เขายังคงมองภาพนั้นตาไม่กระพริบ ใช่ เธอในวันนี้คล้ายกับท่านอลิเซียที่เขาเคยเห็นตอนย้อนอดีตกลับมา แต่ถึงจะคล้าย แต่ก็ไม่เหมือนขนาดนั้น เธอก็ยังคงเป็นเธออยู่ดี



        สาวน้อยหันขึ้นไปกระซิบอะไรที่ข้างหูของบุรุษหนุ่มผู้น่าอิจฉาของชายอีกหลานคนทั่วทั้งงาน ก่อนที่เขาจะยิ้มและพยักหน้ารับน้อยๆ และเดินออกไป หมอนั่น ไอ้ขอทานกำมะลอจอมกวนประสาท โร เซวาเรส เธอเดินมายังโต๊ะเสวย ทำความเคารพเหล่ากษัตริย์ พร้อมกับเอ่ยคำขออภัย



    \"หม่อมฉันขออภัยเพคะที่ล่าช้า\" คำขออภัยที่แสนจะสุภาพ และ.... เดี๋ยว อะไรนะ เธอพูดว่า เพคะ งั้นเหรอ เจ้าของเรือนผมสีเงินตวัดกลับไปมองยังร่างสาวน้อยของเขาให้มั่นใจว่านี่ใช่เธอตัวจริง แต่ทว่ามีเพียงรอยยิ้มของเธอเท่านั้นที่ให้คำตอบกลับมา



    \"ไม่เป็นไรเฟลิโอน่า แต่วันหลังรีบมาให้ตรงเวลาด้วย\" เอวิเดสเอ่ยกับธิดา เธอกระซิบเสียงเบากับท่านจ้าว ผู้ซึ่งยิ้มรับอย่างเข้าใจ



    \"ก็โรมันไม่ยอมปล่อยลูกออกมาซะที บอกว่าของดีต้องไว้ทีหลังสุด ไม่รู้จะเล่นอะไรของมัน\" คำกระซิบอย่างไม่ค่อยจะพอใจที่คนอื่นไม่ได้ยินแม้แต่นิด



        การประชุมยังคงดำเนินต่อไปอย่างปกติ หลังจากที่ได้ซึมซาบแล้วว่า เฟรินยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนแม่ แล้วยิ่งแต่งตัวก็ยิ่งเหมือนมากขึ้น แต่ใครจะรู้ ว่ากว่าแม่ตัวยุ่งจะมาอยู่ในสภาพนี้ลำบากใช่เล่น อ้อ ขอเว้นไว้สามคนล่ะ



        หลังจากที่คิลและโรพาร่างของหญิงสาวมาได้โดยปลอดภัยแล้ว หนึ่งบุรุษผู้กำลังรอคอยการมาของเธอก็เริ่มดำเนินการต่อไปในทันที บุรุษร่างสูงยืนขึ้นแล้วเอื้อมมือออกไปรับธิดาองค์เดียวสุดที่รักของตนเองจากมือของโรมาในทันที วางร่างบางลงบนเตียงของตัวเอง ก่อนที่จะเอ่ยคำถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นพระธิดากำลังนอนแบบไม่มีท่าที่จะตื่นขึ้นมาง่ายๆ



    \"พวกเจ้าคงไม่ได้ใช้กำลังพานางมาหรอกนะ\"



    \"เปล่ากระหม่อม นางหลับอยู่แล้วตอนพวกเราไปถึง และพวหเราคิดว่าการปลุกแล้วค่อยพานางมานั้นดูจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า จึงพานางมาทั้งแบบนี้เลย\" โรเอ่ยตอบไปตามความจริง



    \"ก็ดี งั้นก็เริ่มกันเลยดีกว่า\" จ้าวปีศาจว่า ก่อนที่คอร์สมหาโหดในความคิดของเฟรินจะเริ่มขึ้น



        ไอ้พวกบ้าสองคนนั่นรู้ทั้งรู้แล้วก็เอาแต่มองเธอเฉยๆ แถมยังยิ้มร่าสะใจ เมื่อเห็นเธอโดนจับทำนู่นทำนี่เสียอีก มันทำให้เธอไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกเป็นกอง การที่ต้องมาทนนั่งเป็นหุ่นให้เขาคอยชักไปชักมาให้ทำนู่นทำนี่มันก็เกินพอแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าท่านพ่อเป็นคนบอกให้ทำนะ เธอจะไม่มีวันทำเลยเป็นอันขาด จนเมื่อเสียงหัวเราะของคิลดังขึ้นอีกครั้ง เส้นอารมณ์ที่จวนจะขาดแล้วขาดอีกจึงได้ขาดผึงในที่สุด เธอจัดการด่าและไล่ตะเพิดพวกมันสองคนออกจากห้องไปในทันที โดยไม่ลืมเอางานของเธอที่ต้องไปหารุ่นน้องในเย็นนี้โยนไปให้โรด้วย




        แม่ตัวดีที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเจ้าหญิงผู้เรียบร้อยน่ารัก คิดอย่างหงุดหงิดขณะที่มือก็กำลังตักอาหารทานเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่เรียบร้อย จนดูไม่ออกว่าที่เห็นอยู่ตรงหน้านี่คือการกินอย่างตระกละตระกลาม



    \"ดูเราจะสบายดีเหมือนเดิมนะ เฟริน\" คำทักทายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมาเกือบปี ทำให้เธอต้อนค่อยๆหันไปมอง



    \"ก็ดีเพคะ ท่านอาเธอร์ ดูท่านก็เช่นเดียวกัน\" เฟรินกล่าวตอบกลับไป ยังรุ่นพี่อดีตหัวหน้าปราสาทขุนนางเมื่อปีก่อน พร้อมค้อมศีรษะลงนิดๆเพื่อทำความเคารพ



    \"แล้วนี่ไปโดนอะไรมาล่ะ หัวขโมยตัวยุ่งถึงได้กลายมาเป็นเจ้าหญิงผู้แสนเรียบร้อยไปได้\" เจ้าชายอาเธอร์เอ่ยถามด้วยเหมือนจะแขวะเธอนิดๆ



    \"ก็นิดหน่อยนะเพคะ\" เฟรินตอบพร้อมรอยยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารต่อ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นมังสะวิรัติ ซึ่งเรียกให้คนเป็นรุ่นพี่มองมาอย่างสงสัย แม้ดวงตาสีดำสนิทนั่นจะยังจ้องแต่ร่างสาวน้อยนี่อย่างไม่วางตาอยู่ก็เถอะ



    \"พวกเราปีศาจเป็นมังสะวิรัติ หากท่านไม่รู้ ปรินซ์อาเธอร์\" เอวิเดสเป็นผู้ตอบคำถามนี้แทนพระธิดาผู้กำลังยุ่งกับการทานอาหาร



    \"อืม งั้นหรอกรึ ข้าเองก็ไม่เคยทราบ\" น้ำเสียงที่บอกถึงความประหลาดใจ หากแต่เจ้าชายอาเธอร์ก็ยังไม่หยุดส่งสายตาแปลกไปยังเฟริน ผู้ซึ่งตอนนี้ไม่แม้จะอยากเงยหน้าขึ้นไปมอง เพราะถ้ามอง มีสิทธิ์ว่าเธออาจจะขย้อนของที่เพิ่งกินไปออกมา(ออ ที่แท้ก็แค่ตระกละ)



        เสียงหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจดังขึ้นมาจากคิงริชาร์ด ผู้ซึ่งมองหลานชายตัวดีของเขาสลับไปสลับมากับเจ้าชายอาเธอร์แห่งซาเรส บางทีอาจได้มีการปะทะคารมที่น่าสนใจขึ้นมาก็ได้ ส่วนแม่หนูนั่น พอแต่งตัวขึ้นมาแล้วก็ดูดีจริงๆนั่นแหละ ใช่ เขาเองก็เป็นหนึ่งในเหล่าคนที่เห็นนางเป็นอลิเซียจริงๆ



        คิงชามัลถอนใจเฮือก แม้จะอยู่ในการประชุม และเหล่าคิงๆส่วนใหญ่ก็ยังให้ความสนใจกับการประชุม หากแต่ความสนใจของคิงองค์สำคัญของงานสองสามองค์กลับถูกดึงไปโดยเจ้าชายแห่งซาเรสและเจ้าหญิงสองดินแดนซะแล้ว



        อีกชั่วโมงครึ่ง ทนหน่อย ทนไปเฟริน แกต้องทน ขืนไม่งั้น มีหวังทุกอย่างจะได้พังเพราะแก เฟรินปลอบตัวเองอยู่เป็นระยะๆ ว่าอย่าพยายามเดินออกไปก่อนเวลาที่ขอให้คนมาช่วย มันจะน่าเกลียดเกินไป ใจเย็นๆเฟริน แกต้องทนได้



        แม้จะถูกอนุญาตให้เข้าร่วมโต๊ะเสวย แต่เขากลับไม่สนใจกับเนื้อหาการประชุมแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยเหลือบมองมายังหญิงสาวคนรักเป็นระยะๆ วันนี้เธอสวยมาก สวยเกินไปจนเขาแทบไม่อยากให้ใครเห็นนอกจากตัวเอง คิดแล้วก็รู้สึกอิจฉาเจ้าห้องสมุดเคลื่อนที่นั่น ที่ได้เห็นเธอก่อนใคร เห็นเธอนานกว่าใคร อิจฉา ที่เห็นเธอยิ้มให้มัน อิจฉาที่เธอทำตัวใกล้ชิดกับหมอนั่น ยิ่งเธอในวันนี้แสดงกิริยาอาการสมหญิงเพียงในไม่กี่ครั้งที่ได้เห็น มันยิ่งทำให้เจ้าชายอาเธอร์ที่วันนี้มานั่งร่วมโต๊ะเสวยกับคิงกาเบรียลส่งสายตาลามเลียไปให้มากขึ้น อาการหวั่นใจเริ่มปรากฏขึ้นมาในใจ ตั้งแต่เธอผ่านบทลงโทษเมื่อตตอนสอบกลางเทอมนั่นมา เธอก็เริ่มจะทำตัวดีขึ้น เรียบร้อยขึ้น จนเตะตาใครๆหลายคนมากขึ้นเรื่อยๆ และงานของเธอก็เริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนการที่เขาจะหาเวลาอยู่กับเธอสองคนนั้นยิ่งน้อยลงทุกที แต่เธอกลับมีเวลาอยู่กับหมอนั่นมากขึ้นทุกวัน



        วันนี้พระจันทร์เต็มดวง ข้างนอกคงสวยน่าดู ไม่รู้จะเห็นดาวรึเปล่า เธอรำพึงในใจ ทั้งๆที่ปีที่แล้วดันทุรังจะเข้ามาข้างใน แต่ปีนี้กลับอยากจะออกไปอยู่ข้างนอกมากกว่า ไม่ชอบ สังคมกษัตริย์ที่คนเคยใช้ชีวิตเป็นหัวขโมยอย่างเธอไม่เข้าใจ อึดอัด บรรยากาศที่ไม่อิสระในนี้ และที่สำคัญที่สุด รำคาญ สายตาที่รุ่นพี่อาเธอร์ยังคงส่งมาให้เธอได้อย่างไม่มีเบื่อ



        เสียงดนตรีคลอเบาๆดังมาจากฟลอร์ด้านหน้าของงาน สายตาของเธอเลื่อนไปยังฟลอร์ หนุ่มสาวหลายคู่กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน สายตาเลื่อนต่อไปหานักดนตรีผู้บรรเลง แต่กลับไม่มีแม้แต่เงา ทำให้เธอนึกถึงใครคนหนึ่งที่สามารถบรรเลงดนตรีได้ไพเราะจับใจแม้จะไม่มีเครื่องดนตรี เธอถอนใจเฮือก ไม่ได้ไปหลายปี ป่านนี้เขาโกรธแย่



        อาการถอนใจเบาของเฟรินไม่อาจรอดพ้นสายตาของสองเจ้าชายไปได้ เธอคงเบื่อ ความคิดที่แล่นเข้ามาในสมองพร้อมกัน ก่อนที่ผู้ไวกว่าจะถือโอกาสลุกขึ้นไปขอเต้นรำก่อน



    \"ให้เกียรติเต้นรำกับหม่อมฉันซักเพลง เจ้าหญิงเฟลิโอน่า\" เจ้าชายใจสิงห์เอ่ยขึ้นพร้อมค้อมตัวลงเป็นมารยาท เฟรินมองคนเป็นรุ่นพี่อย่างเหรอหรา จนแทบจะหลุดสรรพนามเดิมของตัวเองออกมา



    \"อ... เอ่อ... รุ่นพี่ คือ ผ... ม... หม่อมฉัน\" น้ำคำตะกุกตะกักกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอทำให้คิงชามัลต้องส่งสายตามาบอกให้รีบรับๆไปซะ เฟรินถอนใจเบา



    \"ก็ได้เพคะ เพลงเดียวเท่านั้นนะ ปรินซ์อาเธอร์\" เฟรินตอบตกลงอย่างอ่อนใจ ก่อนจะวางมือลงบนมือใหญ่ของอาเธอร์ แล้วพากันเดินออกไปบนฟลอร์ สายตาเย็นเยียบถูกส่งมายังคนตัดหน้าอย่างอาฆาต



    \"บอกก่อนนะพี่ ผมเต้นท่าผู้หญิงไม่เก่ง\" ท่าทางการพูดเปลี่ยนอย่างหน้ามือเป็นหลังมือทันทีเมื่ออกมาพ้นรัศมีการได้ยินของผู้คนบนโต๊ะเสวย อาเธอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย



    \"หืม นั่นเป็นการแสดงของเราหรอกเหรอเนี่ย\"



    \"แหะๆๆ พี่ ขอทีเถอะ ผมทนทำได้ไม่นานหรอกฮะ ถ้าไม่ใช่ว่ามีท่านพ่อนั่งคุมอยู่ข้างๆ\" เฟรินสารภาพเสียงอ่อน เสียงดนตรียังคงบรรเลงต่อไป เจ้าชายเจ้าหญิงก็ยังคงเต้นรำไปตามเสียงดนตรี แม้ว่าคนเป็นเจ้าหญิงจะเหยียบเท้าคนเป็นเจ้าชายไปแล้วถึงสี่ครั้ง



    \"อ๊ะ ผมขอโทษฮะ ผมบอกแล้วไง ผมเต้นท่าผู้หญิงไม่เก่ง\" เสียงขอโทษขอโพยจากเฟรินที่ดังขึ้นเป็นรอบที่เก้าได้แล้ว เจ้าชายอาเธอร์ต้องยอมรับความจริงปลงๆว่า แม่สาวน้อยตรงหน้านี่เต้นไม่เก่งจริงๆอย่างที่พูดไว้



    \"เอาล่ะ จบแล้ว พอได้แล้วมั้ง เราเล่นเอาชั้นปวดเท้าไปหมด\" อาเธอร์พูดออกมาไม่รู้ว่าหยอกเล่นหรือพูดจริง



    \"แหะๆๆ ผมขอโทษฮะ รุ่นพี่\" เฟรินหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะรีบปรับท่าทีเมื่อเดินเข้าใกล้โต๊ะเสวยอีกครั้ง ทั้งคู่ทำความเคารพบุคลลในโต๊ะเสวย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ ไอ้โร เมื่อไรแกจะมาพาชั้นออกไปจากที่นี่ซักที



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



        อีกสิบนาที เข้าไปได้แล้วมั้ง ป่านนี้มันคงโวยแย่แล้ว ร่างสูงรำพึง ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในตัวปราสาท



        บรรยากาศงานเลี้ยงที่สัมผัสได้ถึงความรื่เริง สมกับเป็นงานเลี้ยง แต่อาจจะยกเว้นอยู่คนสองคนก็ได้ล่ะมั้ง



        ร่างสูงของเจ้าชายแห่งคาโนวาลยังคงจ้องร่างบางของเจ้าหญิงสองดินแดนไม่เลิกตั้งแต่เจ้าหล่อนกลับมาจากเต้นรำกับเจ้าชายอาเธอร์ ส่วนคุณเธอเจ้าหญิงสองดินแดนก็เอาแต่หลบตา ไม่มองหน้า แม้จะเหลือบตาขึ้นมามองเป็นระยะๆก็ตามที เขาอมยิ้มกับท่าทีอันแสนน่าขัน ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้โต๊ะเสวยมากขึ้น โค้งตัวทำความเคารพ แล้วเดินไปกระซิบอะไรกับตัวเป้าหมาย ที่ลุกขึ้นแล้วแล้วเดินตามเขาออกไปอย่างรวดเร็วราวกับคนที่รอเวลามานาน



    \"หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ\" น้ำเสียงขออนุญาตอันแสนสุภาพ ดังขึ้นก่อนที่ร่างบางนั้นจะผละออกจากโต๊ะเสวยไป



        เจ้าของเรือนผมสีเงินยังคงมองตามร่างของคนรักไปอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องหลบสายตาเขา และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีแววดีใจฉายอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลกลมโตคู่นั้นเมื่อหมอนั่นเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับเธอ



    \"มีงานงั้นรึ\" เสียงเปรยถามเบาๆดังมาจากจ้าวปีศาจ คาโลที่รู้สึกว่าคำถามนั่นถามเขา เขาจึงเป็นฝ่ายตอบ



    \"หม่อมฉันคิดว่าคงจะเป็นอย่างนั้นล่ะมั้งกระหม่อม เธอมีหน้าที่ดูแลเด็กปีหนึ่ง โดยมีโร เซวาเรสเป็นผู้ช่วย ข้างนอกอาจจะมีเรื่อง โรก็เลยมาตามเฟรินออกไป\"



    \"อืม งั้นรึ\" เสียงเปรยลอยๆดังมาจากคิงริชาร์ดที่พยักหน้าน้อยๆ แต่แววตาฉายประกายระริก



    \"แต่หน้าเจ้าดูเหมือนจะไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนี่นะ\" คิงริชาร์ดทิ้งคำพูดไว้ให้ใครหลายๆคนเอาไปคิดเล่น



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    \"ชักช้า\" เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ คำที่ตอกเข้าไปยังผู้ที่พาเธอออกมา ร่างบางนั่งอยู่ในกิริยาที่ขัดกับภาพในงานเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว



    \"นี่เร็วกว่ากำหนดตั้งห้านาทีนะ\" โรท้วงยิ้มๆ



    \"ชั้นบอกว่าประมาณชั่วโมงครึ่งสองชั่วโมง นั่นหมายถึงประมาณ ไม่ใช่ให้มาตรงเวลาเป๊ะๆ อย่ามาแกล้งโง่ โร\" เธอแหวกลับใส่คนแกล้งโง่ ที่ยิ้มรับอย่างจงใจ



    \"ก็นึกว่านายจะคุยกับคาโลอยู่ เลยไม่อยากเข้าไปขัด\" คำล้อเล่นที่ทำให้ดวงหน้าหวานขึ้นสีก่ำ



    \"แล้วทำไมชั้นต้องคุยกับหมอนั่น\" เฟรินถามเสียงดังลั่น



    \"อ้าว ไม่ได้คุยหรอกเหรอ\" คนชอบแกล้งก็ยังเปรยยั่วไม่หยุด แม้ว่าแม่สาวน้อยน่ารักตรงน่าจะใกล้สติแตก แต่ดวงหน้าที่ขึ้นสีก่ำสุกมันทำให้เขาอดแกล้งไม่ได้



    \"โร แกเอาสมองส่วนไหนมาคิด\" น้ำเสียงที่เริ่มจะเย็นลงเหมือนกับเวลาที่เจ้าหล่อนเริ่มบอกว่าไม่เล่นด้วย



    \"โอเคๆ ไม่เล่นก็ไม่เล่น ไม่เอาน่า พวกเฟมกลัวนายกันไปหมดแล้ว\" โรยกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงบอกยอมแพ้ ก่อนที่เฟรินจะกลับมาเป็นปกติ รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏขึ้นมาบนดวงหน้าหวานเหมือนเดิม



    \"ก็แค่นั้นแหละ\" เธอว่าเรียบๆ เงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะบ่นเสียงเบา



    \"คืนนี้ไม่เห็นดาวเลย สว่างเกินไป\"



    \"สว่างไว้น่ะ ดีแล้ว\" โรว่าเบาๆ เฟรินหันหน้าไปมองคนพูด



    \"ก็มันจริงนี่\" เขาพูดต่อ \"หรือนายไม่คิดงั้น\" คำพูดที่ถูกส่งออกมาพร้อมแววตาแปลกๆจากดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น



    \"จะว่าไป มันก็.....นะ\" เฟรินรับคำเนือยๆ



    \"แต่มันไม่ใช่หน้าที่ชั้นเลยนะ โร\" คำพูดที่คนฟงัหลายๆคนไม่เข้าใจความหมาย แต่คนโต้ตอบก็ตอบกลับ



    \"มันก็ไม่ใช่หน้าที่ชั้นพอๆกับที่มันไม่ใช่หน้าที่นายนั่นแหละ\"



    \"แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ\" เธอว่า ก่อนจะกระโดดลุกขึ้นยืน



    \"ถ้ารู้ไปถึงหูโรเวนมีหวังโดนสวดยับ\" โรต่อคำ ก่อนจะเรียกดาบขึ้นมาในมือ แล้วฟันฉับเข้าไปในพุ่มไม้แห่งหนึ่งในบริเวณนั้น



        ร่างของผู้บุกรุกยามวิกาลพุ่งตัวออกมาจากพุ่มไม้แทบจะในทันที สามร่าง ร่างในชุดคลุมที่ทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ สามต่อสอง เสียเปรียบ รึเปล่านะ



    \"รุ่นพี่ เกิดอะไรขึ้นครับ\" เสียงร้องถามดังมาจากพวกรุ่นน้องที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณ



    \"ไม่มีอะไร หลบไป เตรียมตัวให้พร้อม ตอนนี้เรากำลังมีแขก\" โรพูดยิ้มๆ เช่นเดียวกับเฟริน ที่ตอนนี้เรียกผ่าปฐพีขึ้นมาที่มือเป็นที่เรียบร้อย ริมฝีปากแย้มยิ้มบาง มือลูบแผลเป็นใต้ตาซ้ายอย่างเคยชิน ทั้งคู่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับแขกทั้งสามคน พร้อมรอยยิ้มสะใจ



    \"รู้มั้ยว่าเวลานี้เอดินเบิร์กไม่ต้อนรับแขก\" เฟรินเปรย มือขยับดาบใหญ่ให้ถนัดมือ



    \"แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งป้อมอัศวิน พวกเราคงปล่อยให้พวกท่านผ่านตรงนี้ไปไม่ได้\" โรพูดต่อ ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาฝ่ายผู้บุกรุกในทันที



    \"รับมือ!!\"



          !!เคร้ง!!



        เสียงดาบปะทะดาบ เร็ว โรที่ว่าเร็วแล้ว แต่คู่ต่อสู้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เฟรินกำลังปะทะดาบอยู่กับผู้บุกรุกอีกคน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ผู้บุกรุกอีกคนกำลังจะไปยังห้นาประตูทางเข้างาน



    \"โรนอส!! ตรงนั้นพวกนายคุม\" เฟรินหันไปตะโกนออกคำสั่งกับรุ่นน้องทันทีที่เห็นว่าพวกเขาสองคนรับมือผู้บุกรุกพร้อมกันสามคนไม่ไหว



        พวกเขาสองคนติดพันกับการประดาบตรงหน้าจนไม่เป็นอันทำอะไร พวกเฟมก็ดูเหมือนจะต้านไม่ไหว ถ้าพวกเขาคนใดคนหนึ่งไม่เข้าไปช่วย บางทีอาจจะ..... บ้าที่สุด ไม่ทันแล้ว



        เขตอาคมถูกสร้างขึ้นมากักพวกรุ่นน้องของเธอเอาไว้ เธอผละจากคู่ต่อสู้ตรงหน้าไปในทันที เพื่อไปกันไม่ให้ผู้บุกรุกอีกคนเข้าไปในตัวงานได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากลำบากเกินกว่าที่ร่างบางที่ใส่ชุดยาวกรอมเท้าจะทำได้ไหว สิ่งที่ทำได้ จึงได้แต่ตะโกนผ่านประตูเข้าไปเพื่อให้คนข้างในเตรียมตัวเท่านั้น



    \"โรเวน! อารักขา มีผู้บุกรุก!!\"



        เหล่าองครักษ์ลุกขึ้นแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงของรุ่นน้องคนสำคัญ ร่างของหนึ่งในสี่ผู้คุมกฎกำลังปะทะดาบและเวทย์ไปพร้อมๆกันกับสองผู้บุกรุกปรากฏอยู่นอกหน้าต่างกระจกใสตรงบริเวณห้องโถง เป็นเครื่องยืนยันว่า เสียงที่ได้ยินไม่ใชสิ่งโกหก



    \"โร แกช่วยทำอะไรกับเขตอาคมบ้าๆนั่นหน่อยจะได้มั้ย\" เสียงหวานตะโกนไปถามบุคคลที่ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายต้อนหรือถูกต้อนมายังกำแพงปราสาท



    \"นายถามตัวเองดีกว่าเฟริน\" โรตอบมาด้วยน้ำเสียงกวนประสาทเหมือนเช่นเคย ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง เพราะโรเป็นคนตั้งรับถึงสอง ในขณะที่เธอรับมือเพียงแค่คนเดียว แต่แค่คนเดียวก็เหลือรับในสภาพของชุดราตรียาวกรอมเท้า และรองเท้าส้นสูง และไม่นะ....



    \"โร ระวังข้างหลัง!!\" ร่างบางร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกอีกคนโผล่ขึ้นมาทางข้างหลังของร่างของบุรุษผมสีชา



          !!เคร้ง!!



        เสียงดาบปะทะมีดสั้น บุรุษผมดำเอามีดสั้นขึ้นมารับดาบเรียวได้ทันท่วงที ก่อนจะเอ่ยคำกระเซ้า



    \"พวกแกกะไม่เหลือของสนุกไว้ให้พวกเราเลยรึไง\" สองบุคคลเห็นแก่ตัวหันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้านักฆ่า



    \"ก็พวกนายไม่รีบมา\" โรเอ่ยตอบเสียงเรียบ แววตาระริกกลับมาคงที่เหมือนปกติ พลางหันไปยังอีกบุรุษ ผู้ตรงรี่ไปช่วยสาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มทันทีที่เห็นว่าเจ้าหล่อนต้านแรงดาบไม่ไหว เกราะป้องกันถูกสร้างขึ้นมาในทันทีที่เจ้าหล่อนล้มลงไป



    \"นี่รีบแล้วโว้ย! ได้ยินเสียงไอ้เฟรินไอ้คาโลมันก็ตามชั้นให้ออกมาทันทีเลยนะ\" คิลหันไปโวยกลับ ในขณะที่รับมือกับผู้บุกรุกไปด้วยนัยน์ตาพราวระยับ



    \"นานๆทีจะได้มาช่วยกันซะที\" โรโต้ตอบกลับ มือขยับดาบในมือให้มั่นขึ้น



    \"ก็ใช่สิ ปกติแกช่วยแต่ไอ้เฟรินมันคนเดียวนี่\" คิลแยกเขี้ยวประชด โรหัวเราะหึๆรับ อะไรๆมันก็ดูดีขึ้นเมื่อพวกเขารับมือด้วยสถานการณ์ที่เท่าเทียม



    \"ทำอะไรไม่ดูสภาพตัวเอง\" คำด่ากลายๆที่แฝงด้วยแววเป็นห่วงถูกส่งมาให้เหมือนเคย มือยังคงกางเกราะน้ำแข็งไว้ป้องกันอันตรายไม่หยุด



    \"ก็นายลองมาอยู่ในสภาพแบบนี้มันก็คงไม่ต่างกับชั้นเท่าไรหรอกวะ\" คำพูดที่ฟังไม่ค่อยเข้าหูเหมือนเคยกลับมาอีกครั้ง หึ ว่าแล้ว ว่านั่นนายต้องเล่นละครแน่นอน



    \"งั้นก็เปลี่ยนชุดซะสิ\" คำเปรยสั้นๆตามแบบฉบับของเจ้าชายน้ำแข็งดังขึ้นเบาๆ



    \"แกพูดเองนะ\" เจ้าหญิงสองดินแดนดีดนิ้วเป๊าะเดียว ชุดราตรีสีขาวยามกรอมเท้าก็กลายเป็นเสือนยืดกางเกงขาสั้นที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหวมากขึ้น



    \"ต้องขอบใจลางสังหรณ์และความใจดีของโรที่ยอมให้ฉันใส่ชุดนี้ไว้ข้างใน\" เสียงหวานดังขึ้นพร้อมรอยิ้มสะใจ มือขยับดาบใหญ่ในมือให้เข้าที่ แล้วออกไปลุยกับผู้บุกรุกต่อ ทิ้งอีกคนที่เหลือไว้ให้เจ้าชายแห่งคาโนวาลเป็นผู้จัดการไป



        แม้ศึกข้างนอกจะน่าดู แต่ศึกข้างในกลับน่าดูกว่า ผู้บุกรุกในชุดคลุมมิดชิดจนไม่เห็นแม้แต่หน้าตาที่ตอนแรกมีอยู่สาม กลับเพิ่มมาเป็นสี่ แล้วตอนนี้ก็กลายเป็นเต็มทั่วทั้งโถง และชุลมุนวุ่นวายไปหมด



        สี่สุดยอดฝีมือของปีสามซึ่งเป็นความหวังรุ่นต่อไปยังปะทะกับผู้บุกรุกอยู่ข้างนอก เหล่ารุ่นพี่สภาสูงก็วุ่นอยู่กับการอารักขาเหล่าคิงคนสำคัญ และแม้แต่คิงบางคนเอง ก็ยังต้องลงมือต่อสู้ด้วยตัวเอง อาจจะยกเว้น คิงเดวิล เอวิเดสก็เป็นได้ ที่เอาแต่หลบคมดาบและเวทย์มนตร์ด้วยรอยยิ้มบาง สายตาจับจ้องไปยังหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ที่เผยให้เห็นถึงร่างของพระธิดาและอีกสามสหายของเธอ ที่บัดนี้กำลังรับมือกับกลุ่มผู้บุกรุกข้างนอกอย่างตึงมือ แต่สนุกสนาน เขาไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาวมากนัก เพราะฉะนั้นเขาอยากจะเห็นมันให้มากที่สุด



        สี่ร่างหันหลังชนกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผู้บุกรุกพวกนี้ฝีมือดี บางทีอาจยืดเยื้อ รับทำให้จบอาจจะดีกว่า



    \"ไง ไม่คิดว่าพวกนายก็จะจนมุม\" น้ำเสียงใสกวนประสาทของเจ้าหญิงหัวขโมยดังขึ้นมาในขณะที่ตัวเองก็กำลังปัดป้องคมดาบไปด้วย



    \"แล้วทำยังกับนายจะดีนักหนา\" คิลเอ่ยขัดคอ



    \"ก็ไม่ได้บอกว่าฉันจะดีกว่านาย\" เฟรินท้วงกลับ



    \"เลิกเถียงกันซะทีเถอะน่า\" เสียงดุดังมาจากเจ้าชายน้ำแข็งที่กำลังร่ายเวทย์สร้างเกราะป้องกันพวกเขาเอาไว้



    \"เรามารีบจัดการให้มันเสร็จๆไปดีกว่า\" โรสรุปสุดท้าย ก่อนจะเก็บดาบลง แล้วเริ่มหันมาใช้วิธีที่ถนัดกว่า



        ศึกภายในระหว่างของคิง อดีตสองในสามสิงห์แห่งเอเดน กำลังปะทะกับผู้บุกรุกคนเดียวกัน!! สองรุมหนึ่ง ที่ดูไม่เหมือนสองรุมหนึ่ง เมื่อผู้บุกรุกคนนั้นราวกับจะอ่านการเคลื่อนไหวของเธอได้ทั้งหมด ทั้งหลบ ทั้งโต้กลับ ทั้งๆที่โดนรุมอยู่ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ได้เปรียบกลับเป็นผู้บุกรุกเสียมากกว่า



          !!โครม!!



        เสียงกัมปนาทที่ดังขึ้นจากลานกว้างภายนอก เรียกความสนใจจากทุกบุคคลได้ชะงัด การต่อสู้ทุกรูปแบบถูกหยุดค้าง ความกังวลเริ่มฉายชัดบนดวงตาของเพื่อนร่วมป้อมของสี่บุคคลที่อยู่ข้างนอก และรวมถึงผู้เป็นพ่อของสองในสี่ของบุคคลที่อยู่ข้างนอกด้วยเช่นเดียวกัน แม้จะรู้ ว่าพวกเขามีฝีมือ และดีเสียด้วย แต่ยังไงก็อดเป็นห่วงไม่ได้



        ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ฝุ่นที่บังมิดแม้แต่แสงไปจากในงาน หรือแสงจันทร์จากเดือนเพ็ญ ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากจากการระเบิด ได้บดบังวิสัยการมองไปทั้งหมด ใครกัน ใครจะเป็นผู้ชนะ ภายในกลุ่มฝุ่นควันนั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่



    \"แค่กๆๆ\" เสียงไอดังมาจากภายในกลุ่มของฝุ่นควันหนา



    \"แค่กๆ เป็นเพราะแกนั่นแหละ ไอ้คิล\" เสียงบ่นพลางไอสำลักฝุ่นดังขึ้นอีกครั้ง ชื่อของบุคคลที่ถูกกล่าวถึงทำให้ทุกคนภายในรู้สึกผ่อนคลายลงในทันที



        เงาลางๆของร่างสี่ร่างเริ่มปรากฏให้เห็นเมื่อฝุ่นจางลง ทั้งสี่เดินออกมาพร้อมกับชัยชนะที่กุมได้ในมือ ฝีมือดี พร้อมทั้งมีมันสมอง และที่ขาดไม่ได้เลย สายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด มิตรภาพที่มองไม่เห็น มิตรภาพอันแสนประหลาดของเจ้าชาย นักฆ่า หัวขโมย และขอทาน ที่เกิดขึ้นโดยมีเจ้าหญิงหัวขโมยเป็นศูนย์กลาง



    \"ไอ้โรมันบอกให้รีบทิ้งไปไกลๆแกก็ดันทิ้งไว้แค่ระยะห้าเมตร บ้าจริงๆ\" เสียงสบถก่นด่าดังมาจากสาวน้อยหนึ่งเดียวของทีมใส่ไปยังนักฆ่าผมดำไม่มียั้ง



    \"วะ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่ามันจะเป็นระเบิด\" คิลโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้



    \"ก็คาโลมันก็บอกแล้วไง\" เธอสวนกลับทันที



    \"แค่ห้าวิก่อนมันจะระเบิด มันจะทันทำอะไรกินวะ\" คิลเถียงกลับ



    \"แล้วนักฆ่าเค้าต้องเร็วไว้ก่อนไม่ใช่รึไง เอ๊ะ แต่ก็นะ ก็แกมันฝีมือไม่ได้เรื่องนี่นา\" เฟรินหยอดคำยั่วไว้ข้างท้ายอย่างเคยปาก มือยังปัดฝุ่นดินจากระเบิดเมื่อครู่มือเป็นระวิง แต่ปากก็ยังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ



    \"เฮ้ย แกพูดงี้ได้ไงวะ เฟริน\" คิลร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ



    \"เงียบกันซะที ทั้งคู่นั่นแหละ\" คาโลเอ่ยขึ้นมาอย่างสุดจะทนกับการประทะฝีปากของนักฆ่าไร้หัวคิด กับเจ้าหญิงหัวขโมยปากเบา



    \"ไม่เอาน่าคิล ถ้าไม่มีเฟรินนายก็ได้กลายเป็นเศษชิ้นเนื้อไปแล้ว ไม่ได้มาเถียงกับมันอยู่ตรงนี้หรอก\" โรเอ่ยขำๆ



    \"เออ ชั้นผิด ชั้นมันผิดคนเดียว แล้วส่วนแม่เจ้าหญิงของพวกแกสองคนก็ถูกเสมอ\" คำพูดประชดของคนที่หวิดจะกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อดังขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อส่งไปยังอีกสองบุรษที่เหลือ ซึ่งคนนึงก็ยิ้มรับคำเย้า ส่วนอีกคนก็เอาแต่ตีหน้าเรียบ



        เฮ้อ จะว่าไปมันก็จริง เขาหวิดตายไปแล้วถ้าไม่ได้เฟรินวิ่งมากางเกราะป้องกันให้เขาทัน แต่ความผิดมันมาจากไอ้คนวางแผนสองคนนั่นต่างหากเล่า



        แผ่นหลังชนกันยิ่งเบียดเข้ามาชิดมากขึ้นทุกทีเนื่องจากเริ่มเสียเปรียบมากขึ้น แม้โรจะปรับวิธีการต่อสู้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นมากนัก เพราะเหล่าผู้บุกรุกดูเหมือนว่าจะไม่มีวันหมดแรงไปเสียที ในขณะที่พวกเราเริ่มเหนื่อยอ่อน



    \"ใครมีแผนอะไรบ้างมั้ย\" เขาเอ่ยถามขึ้นมาในที่สุด เมื่อเริ่มรับมือไม่ไหว และคาโลก็เริ่มที่จะหันมาป้องกันแทนจู่โจม



    \"แล้วนายคิดว่าไง\" โรเอ่ยถามกลับ แต่ไม่ได้ถามเขา แต่หันไปถามคาโลที่ยังเงียบและคอยกางเกราะป้องกันให้พวกเขาไม่หยุด



    \"อย่าย้อนมากโร ชั้นรู้ว่าแกมี รีบๆบอกมา\" เฟรินเอ่ยขึ้นมาอย่างสุดจะทน ตอนนี้ดวงตาสีน้ำตาลเต็มไปด้วยแววเครียดระคนอ่อนล้า ด้วยแรงของผู้หญิงย่อมน้อยว่าแรงของผู้ชายอยู่วันยันค่ำ



    \"พูดไปโร\" คาโลสรุปสุดท้าย น้ำเสียงแฝงแววเครียด



    \"นาย คิล ชั้นมั่นใจฝีมือนาย ไปทำอย่างที่นายอยากทำ เฟริน นายใช้เวทย์สะกดความเคลื่อนไหวได้ใช่มั้ย\" โรเว้นช่วงถาม เฟรินพยักหน้า ทั้งหมดยังปลอดภัยในเกราะป้องกันของคาโล



    \"ดี งั้นนายอยู่ตรงนี้ คอยซัพพอร์ตคิล หยุดความเคลื่อนไหวของเจ้าพวกนั้น\" โรแจงต่อ \"ส่วนชั้นกับคาโลจะถ่วงเวลามันไว้ให้นายจัดการได้สะดวกคิล\" ทั้งสามคนพยักหน้ารับแผนการ และเตรียมตัวแยกย้ายไปจัดการ



    \"ไปได้!!\" โรให้สัญญาณ คาโลคลายเกราะป้องกัน และทุกคนแยกย้ายออกไปจัดการตามแผน



        เฟรินเริ่มบริกรรมคาถาสะกดความเคลื่นไหว โดยมีคาโลและโรคอยคุ้มภัยให้กับสาวน้อยที่กำลังร่ายคาถาที่มีแต่เจ้าตัวใช้ได้เพียงคนเดียวคิลแยกตัวออกไปเพื่อชาร์จพลังไฟฟ้า และ....



    \"...ด้วยนามแห่งเจ้าแห่งความว่างเปล่า ขอจงดลบันดาล ให้เหล่าผู้อาจหารมาลองฤทธิ์ จงหยุดความเคลื่อนไหว ขอตรวนแห่งอากาศ....\" โรดีดนิ้วหนึ่งครั้งเพื่อลงเวทย์ป้องกันมนตร์ของเฟรินที่จะส่งผลมาถึงพวกเขา \"จงพันธนาการ!! แสต็กเน้นท์!!\" สิ้นเสียงเฟริน เหล่าร่างในชุกคลุมก็เคลื่อนไหวช้าลง ช้าลง จนเป็นหยุดนิ่ง ซึ่งเป็นโอกาสดีของคิลที่จะ... ควักหัวใจของเหล่าผู้บุกรุกออกมาทั้งหมด



        สิ่งที่เรียกว่าหัวใจ ของผู้บุกรุก ในมือคิล กลับกลายเป็นก้อนเนื้อรูปร่างประหลาด ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่หัวใจ และจากสี่ก้อน ก็เริ่มจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง คาโลและโรเบิกตากว้าง



    \"คิล ทิ้งมันไป มันเป็นระเบิด!!!\" คาโลตะโกนลั่น คิลเบิกตากว้าง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเมื่อคิลโยนมันออกไป ก็ใกล้ได้เวลาระเบิดเต็มทน เฟรินวิ่งไปยังบริเวณที่คิลยืนอยู่อย่างรวดเร็ว และ....



          !!โครม!!



    \"เฟริน!!!!\" คาโลและโรร้องลั่น ด้วยกังวลว่าสาวน้อยจอมยุ่งจะเป็นอะไรไป
    (แล้วคิลล่ะ ไม่ห่วงรึ)คิลเอาแขนขึ้นบังส่วนใบหน้าและหลับตาแน่นตามสัญชาตญาณ ก่อนจะค่อยๆลืมตาและเอาแขนลง เมื่อเห็นว่าตัวเองปลอดภัย ภาพเฟรินกำลังกางเกราะป้องกันพวกเขาไว้ปรากฏขึ้นเป็นภาพแรก ภาพมันที่กึ่งนั่งกึ่งคุกเข่าบ่งบอกว่ามันเหนื่อย และรีบมากที่จะมาช่วยเขา และที่สำคัญกว่านั้น ถ้ามันเป็นอะไรไป เขาคือรายต่อไปที่จะตาย



    \"ปลอดภัยใช่มั้ยวะ คิล\" แม่เจ้าหญิงปากหมาส่งเสียงสอบถามทุกข์สุขพร้อมรอยยิ้มกว้างทำให้เขาเริ่มโล่งใจ
    (โล่งใจที่ไม่ถูกฆ่าอย่างทรมานอ่ะเด่ะ) ก่อนที่มันจะสำลักฝุ่น พร้อมกันกับที่ไอ้เจ้าชายสององค์เดินเข้ามาหาได้ถูกที่พอดี



    \"ทุกอย่างมันเป็นเพราะแกนั่นแหละ\"




        อะไรๆก็โทษมาที่เขาหมด มันเป็นความผิดของไอ้โรเจ้าของแผนต่างหากเล่า ไม่รู้จักไปโทษมันบ้าง เขาเดินตามแม่ตัวยุ่งไปอย่างหงุดหงิด แม้จะโล่งใจที่มันไม่เป็นไร



    \"แล้วแกจะเข้าไปในงานทำไม\" เขาถามอย่างอดไม่ได้ เมื่อเธอลากพวกเขาเข้าไปในตัวงานหลังจากที่เห็นว่าทุกคนปลอดภัยดี



    \"ชั้นคิดว่าชั้นรู้จักผู้บุกรุกน่ะสิ\" เฟรินตอบ พร้อมรอยยิ้มบาง รอยยิ้มที่คิลเห็นแล้วรู้เลยว่าทำไมรุ่นน้องปีหนึ่งถึงกลัวเฟรินหนักหนา



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    จบเหอะ ยาวไปหน่อย



    ไปแบ่งอีกตอนซะ ให้มันดูดีหน่อย



    ตอนนี้ตอนที่รอคอยมานาน



    มีคนชอบประโยคที่เราใส่ไปด้วย



    ขอบคุณฮะ คุณ faie



    แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบคำว่า



    \"โรเวน!! อารักขา มีผู้บุกรุก!!\" มากกว่านะฮะ



    เอาล่ะฮะ มันเคลียร์คะแนนอีกแล้ว



    พูดด้วยความจริงใจนะฮะ



    เปิดมาไม่เห็นคะแนนแล้วรู้สึกโหวงเอามากๆ พอๆกะที่ไม่เห็นเม้นเลย



    เม้นให้หน่อยสิฮะ ขอร้อง



    ขอบคุณที่ยังอ่านฟิคเราฮะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×