ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 015 ป่าแห่งโชคชะตา
ตอนที่ 015  ป่าแห่งโชคชะตา
หลังจากที่พวกรีเซ่ตระเตรียมสำภาระสำหรับการเดินทางอันยาวนานที่กำลังจะเริ่มขึ้น  ก่อนที่จะออกเดินทางนั้นชาวเมืองต่างมาส่งมอบขวัญกำลังใจให้จนสุดหมู่บ้านเป็นครั้งสุดท้าย คณะเดินทางซึ่งประกอบไปด้วย  รีเซ่ แกรนเทียร์ , แองเจลล่า โอเวอร์ฮิว , รีซ่า แกรนเทียร์ ,  กาย  ครีเวอร์ , เอมิลี่  บลูโอเชี่ยน , แซกซีรัส โรกเกอร์ และ ซิเรีย โอเวอร์ฮิว  พวกเขาทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าสู่ป่าแห่งโชคชะตา (Fate forest) ที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างถูกลิขิตไว้ ป่าแห่งโชคชะตาที่เปรียบเสมือนเส้นทางสู่สวรรค์ และเส้นทางสู่นรก  (The way to Heaven and The way to Hell) 
“นี่ๆ ซิเรีย....เรากำลังจะไปไหนกันเนี่ย”รีเซ่เริ่มถามด้วยความเบื่อหน่าย
“พวกเรากำลังมุ่งสู่ สถานที่ทุกสิ่งถูกบันทึก และถูกลิขิต”ซิเรียตอบ แบบเป็นปริศนาชวนคิด
“บอกมาตรงๆก็ได้ ไม่เห็นต้องพูดอ้อมค้อมเล๊ย~ หรือว่า.........ไม่รู้จะไปไหน หึหึ”รีเซ่พูดออกมาลอยๆ พร้อมกับตีหน้าเซ่อ
“ว่า...ไงนะ”หญิงสาวเริ่มมีน้ำโห
“เปล่า~”เด็กหนุ่มยังตีหน้าเซ่อต่อไป
ว่าไงน้า!!! ตูม!!!  ว๊ากกก!!  ตูม!!
เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงของซิเรียที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เสียงที่สองคือหมัดที่ปล่อยออกมาใส่หน้าของเด็กหนุ่ม ส่วนเสียงที่ตามมาคือเสียงร้องของรีเซ่  ซึ่งลอยขึ้นเหนือฟ้าโดยหมัดเหล็กเทวดา ซึ่งปล่อยโดยซิเรีย  ก่อนจะตกลงมา และดังเป็นเสียงที่สี่
หลังจากควันจางลงก็ทิ้งร่างของรีเซ่ไว้อยู่บนหลุมขนาดพอเหมาะๆ
“รีเซ่!!” เป็นอะไรมั๊ย”แองจี้รีบวิ่งไปดูอาการของเด็กหนุ่ม ซึ่งกำลังตาลายกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“พี่คะ ไม่ทำเกินไปหน่อยหรอ”แองจี้ถามซิเรียด้วยความเป็นห่วง (ห่วงไอ้คนที่นอนอยู่ในหลุมน่ะ)
“ฮึ่ม!! ไม่เป็นไรหรอก สมควรโดนแบบนั้นแล้ว ถึงแม้จะเป็นผู้ถูกเลือกก็เหอะ” ซิเรียตอบด้วยความโมโห
“อะ...แองจี้”รีเซ่พยามพูดด้วยความเจ็บปวดแกมมึนงง เขาพยามเอื้อมมือไปหาเด็กสาว แต่เพราะด้วยความที่ตาลาย จึงทำให้พลาดไปโดนหน้าอกของเธอเข้า ทำให้แองจี้ถึงกับสะดุ้ง
“อ..อะ”แองจี้ถึงกับพูดแทบไม่ออก ก่อนที่รีเซ่จะรู้สึกตัว หมัดของเด็กสาวก็ถูกปล่อยออกไปแล้ว
อีตาบ้า!!! ตูมมมม!! ว๊ากกกกกก!!
ร่างของรีเซ่ปลิวไปเป็นครั้งที่สอง และตกกระทบพื้น กลายเป็นหลุมที่สอง
“ฮะฮะ พี่กับน้องคู่เนี่ยเหมือนกันจริงๆเล้ย~”กายเอ่ยออกมาลอย แต่มันดันไปเข้าหูของสองสาว
ตูมมมมม!!!
หลังจากเหตุการณ์บ้าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้คณะเดินทางล่าช้าลงเล็กน้อย แต่ก็ยังมาถึงที่หมาย
“ขอโต๊ดก๊าบบบบ”รีเซ่ได้แต่ขอโทษขอโพยเด็กสาว
“ไม่รู้ไม่ชี้แล้ว!! อีตาบ้า!! ลามก !! ชั้นอุส่าไว้ใจนายนะ!!”แองจี้ตะคอกใส่รีเซ่เป็นชุด จนเด็กหนุ่มพูดแก้ตัวไม่ได้
“งั้น...ถ้างั้น.....ก็แก้มัดชั้นที!!”รีเซ่ร้องออกมาด้วยความอวดครวญ เพราะตอนนี้ร่างของเขาถูกมัดติดกับเชือก ผูกไว้กับเครรามอสท์  พร้อมกับให้มันลากตามหลังกลุ่ม
“นี่ๆ เงียบได้แล้วทั้งสองคนน่ะ เราถึงแล้วนะ”ซิเรียดุเด็กหนุ่มและเด็กสาว
“หือ...ที่นี่มัน”กายเอ่ยออกมาขณะที่มองดูสถานที่เบื้องหน้า ซึ่งเป็นป่าขนาดมหึมา ที่มืดซะจนมองผ่านเข้าไปข้างในไม่ได้
“ใช่....ที่นี่แหละ ป่าแห่งโชคชะตา”ซิเรียเสริมในสิ่งที่กายพูดยังไม่จบ
“ระวังให้ดีล่ะ.....ทุกๆก้าว ที่ย่างเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ อาจเป็นความหายนะ”แซกซิรัส เสริมอีก
“ทุกๆสิ่งเริ่มขึ้นที่นี่ ถูกเก็บไว้ในที่แห่งนี้ และ..........ถูกทำลายที่นี่”ซิเรียพูดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะลงจากเครรามาอสท์ และก้าวเดินเข้าไปในเส้นทางที่คล้ายกับทางเข้าปากถ้ำ เพียงแต่เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่คดโค้งกันจนกลายเป็นซุ้มประตูที่ทอดยาวเข้าไปสู่ความมืด 
พวกเขาทั้งหมดเดินฝ่าเข้าไปในความมืด จนเมื่อถึงจุดที่มืดซะจนมองเส้นทางไม่ได้  ซิเรียจึงร่ายเวทย์เรียกแสงไฟสีขาวที่พอทำให้มองเห็นทางข้างหน้าได้ ลูกไฟสีขาวลอยสูงขึ้นเหนือหัวพวกเขามันลอยนำหน้าไป และทุกคนก็เดินตาม 
ผ่านไปแล้วเกือบๆสองชั่วโมง ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงจุดหมาย  แสงไฟที่ส่องออกมาจากลูกไฟสีขาวเป็นเพียงอย่างเดียวที่ทำให้บริเวณรอบๆพวกเขาสามารถมองเห็นได้   
ตึก!!
เสียงฝีเท้าของซิเรียหยุดลง ทำให้คณะเดินทางหยุดหมด สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าหญิงสาวคือประตูขนาดใหญ่ที่มีลวดลายแกะสลักที่สาวยงาม แต่ดูน่ากลัว ซิเรียเดินเข้าไปใกล้ประตูเหล็กบานยักต์ที่อยู่เบื้องหน้า หญิงสาวใช้ฝ่ามือเพรียวบางของเธอสัมผัสกับบานประตูขนาดยักต์ หญิงสาวค่อยๆแนบหูเข้าที่บานประตู
ฟี้ว!!
มีเสียงลมดังมาจากด้านหลังบานประตูเหล็ก  ซิเรียถอยออกมาจากประตูนั้นเธอหันกลับไปหาคณะเดินทางก่อนที่จะพูดออกไป
“เราถึงแล้ว....เส้นทางสู่นรกและสวรรค์”หญิงสาวบอกแก่ทุกคนด้วยสีหน้าจริงจัง
“เราต้องระวังตัวให้มากหลังจากนี้....เพราะที่ๆเราจะเข้าไป....คืออีกโลกหนึ่ง”หญิงสาวเอ่ยเสียงหนักแน่นก่อนที่จะหันเข้าไปหาประตูบานยักต์ตรงหน้า
ครืน!!
เกิดแผ่นดินไหวเล็กน้อย เพราะประตูบานนั้นค่อยๆเปิดออกแสงสว่างเจิดจ้าแผ่พุ่งออกมาจากประตู ทำให้คณะเดินทางทุกคนต้องใช้มือปิดตาเอาไว้  หลังจากแสงเริ่มสว่างน้อยลงทุกๆคนลืมตาขึ้นอีกครั้ง และมองไปยังสิ่งที่พวกเขาเห็นคือ  บานประตูเหล็กถูกเปิดออก เผยให้เห็นแสงสว่างจ้า ที่ไม่สามารถมองผ่านไปได้ แต่ตรงข้ามกับตอนที่คณะเดินทางกำลังจะเข้ามาในป่าแห่งนี้
“ชั้นจะเข้าไปล่ะนะ”ซิเรียพูดกับตัวเองก่อนที่จะก้าวข้ามประตูไป และตามด้วยคนอื่นๆ 
ฟ้าวว!!
ภายเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกวิ่งผ่านรอบๆตัวพวกเขาไปอย่างช้าๆ  ทั้งภาพแผ่นดินไหว ภาพการก่อกบฏ  และมีหลายๆภาพผ่านไปเรื่อยๆ รอบตัวพวกเขา  แต่มีอยู่หนึ่งภาพที่รีเซ่ถึงกับเอะใจหันกลับไปดู นั่นคือภาพสงครามกลางเมืองที่บราบิแกน ภาพที่ฝ่ายประชาชนต่อสู้กับทหารฝ่ายแบ่งแยกดินแดน รีเซ่พยามจะหยุดภาพนั้นเอาไว้แต่มันก็ลอยผ่านไป  จนเมื่อมาถึงภาพสุดท้ายภาพอณาจักรโอเวอร์ฮิวถูกโจมตีโดยฝูงสัตว์ร้ายสีดำทมิฬ แองจี้มองภาพนั้นตาไม่กระพริบ  แต่มันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเด็กสาวไม่สามารถรู้เรื่องราวต่อไปได้ และเมื่อทุกเหตุการณ์ผ่านไปแสงสีขาวๆค่อยๆจางหายลง มันเปลี่ยนเป็สถานที่แปลกตาแทน ภาพที่ทุกคนเห็นคือห้องโถงขนาดใหญ่มหึมาที่สูงยิ่งกว่าตึก  500 ชั้น รอบๆกำแพงเป็นตู้เก็บเอกสารจำนวนที่นับไม่ถ้วน แถมมันไม่ได้มีแค่ชั้นที่พวกรีเซ่อยู่เท่านั้น  แต่จำนวนตู้เก็บเอกสารยังมีอีกทุกๆชั้นจนไปถึงชั้นสุดท้าย 
“โอ้แม่เจ้า!!”กายอุทานออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
“ที่นี่มันอะไรเนี่ย!!”รีเซ่ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“.........ที่นี่ก็คือห้องเก็บบันทึก”เสียงของชายชราดังออกมาจากประตูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคณะเดินทาง
“ปู่เป็นใครง่ะ”รีเซ่ถามชายชราที่อยู่ในชุดผ้าคลุมยาวสีขาวสะอาดตา มีเครื่องรางบางอย่างห้อยที่คอเอาไว้ เขาเป็นคนที่ตัวค่อนข้างที่จะไม่สูงนัก
“โฮะๆ ..เออไม่มีใครเรียกข้าอย่างงั้นหรอก มีแต่เรียกข้าว่าทวดบ้างเอย แต่ข้าก็ไม่ถือหรอกนะ”ชายชรากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม เขาค่อยๆเดินมายังพวกรีเซ่
“ระวังนะ”ซิเรียร้องเตือน แต่ชายชรากลับยกมือแสดงกริยาว่าไม่ต้องใช้กำลังก็ได้
“ข้ามาดี....ถ้าจะถามชื่อเสียงเรียงนามล่ะก็  ข้ามีนามว่า ‘ผู้เก็บบันทึก’”ชายแก่พูดทิ้งไว้เป็นปริศนา
“นี่คุณปู่ บอกชื่อมาเถอะ อย่ามาพูดอ้อมค้อมเลย”รีเซ่ถามแบบเซ็งๆ
“อ๊ะ...แหมๆ ข้ามีนามว่า ‘ผู้เก็บบันทึก’ จริงๆ”ชายแก่ที่มีนามว่า ‘ผู้เก็บบันทึก’ตอบเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าที่จริงใจใสซื่อ
“คร๊าบๆ คุณ ‘ผู้เก็บบันทึก’ ”รีเซ่ตอบแบบเซ็งสุดๆ
“พวกเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไรรึ??” ‘ผู้เก็บบันทึก’ ถาม
“เราต้องการพบท่าน ‘นิวม่า”ซิเรียตอบทันทีที่คำถามจบ ชื่อนี้ทำให้รีเซ๋ฉุกคิดถึงผู้หญิงผมสีทองที่เคยมาช่วยบอกวิธีการใช้ดาบ *SP ให้ตอนอยู่บนเรือโจรสลัด
“งั้นก็เชิญ .” ‘ผู้เก็บบันทึก’พูดขึ้นแล้วเดินนำหน้าทั้งหมดไปยังประตูสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามจากประตูเหล็ก
ชายแก่เดินนำไปเรื่อยๆ ผ่านห้องโถงที่เป็นทางยาวสีขาวสะอาด ซึ่งทั้งสองข้างทางมีแท่นผลึกสีเขียวถูกติดไว้ที่ขอบผนังทั้งสองข้างทาง  พวกเขาเดินมาจนสุดขอบทาง และพบว่าทางข้างหน้าคือประตูบานเล็กๆ สีทองมีลวดลายของธรรมชาติถูกสลักเอาไว้
“เอาล่ะ....ถึงแล้ว ท่านนิวม่ากำลังรอพวกท่านอยู่”ชายแก่พูดก่อนจะเปิดประตูเข้าไป พวกเขาทั้งหมดค่อยๆเข้าไปทีละคนอย่างช้าๆ ด้วยความประหม่าเล็กน้อย
ภายในเป็นห้องสีเหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นัก มีโต๊ะสีน้ำตาลเข้มวางอยู่ตรงกลาง รอบๆ มีชั้นหนังสือวางเรียงรายอยู่ตามผนังจำนวนมาก ตรงมุมหนึ่งของห้องมีหญิงสาวผมสีทองที่อยู่ในชุดผ้าคลุมสีขาว เธอกำลังหยิบหนังสือสีดำสนิทออกมาจากชั้นที่สูงเหนือหัวเธอขึ้นไป
“อ่ะ....พวกเธอมากันแล้วหรอ”หญิงสาวหันกลับมาหา ใบหน้าของเธอทำให้รีเซ๋จำได้ทันทีว่าเธอคือหญิงสาวที่อยู่ในนิมิตของเขาตอนอยู่บนเรือของเสวน
“ขอโทษที่ไม่ได้ต้อนรับดีกว่านี้ แต่จะว่าไปที่นี่ก็ไม่ค่อยจะมีใครมาอยู่แล้วนิ”หญิงสาวพูดพร้อมกับสอดหนังสือกลับเข้าไปในชั้น
“ท่านนิวม่าคะ....เราต้องการรู้ตำแหน่งของแท่นผนึกครอสการ์ดค่ะ อย่างด่วนที่สุด”ซิเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่าซิเรีย.....ผนึกครอสท์การ์ดจะไม่ปรากฏถ้าไม่มีแท่นผนึกรูนเชียร์”นิวม่าตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำให้ภายในห้องเกิดความเงียบชั่วขณะ เหมือนมีคนทำให้ภายในห้องเป็นสุญญากาศ
“เราจำเป็นที่จะต้องหาแท่นผนึกรูนเชียร์ก่อน เนื่องจากแท่นผนึกนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหยุดยั้ง และค้นหาแท่นผนึกครอสท์การ์ด”นิวม่าเอ่ยขึ้น
“ถ้าเราหารูนเชียร์ไม่เจอ ผนึกครอสท์การ์ดก็จะออกมาไม่ได้”
“ถ้าอย่างงั้นเราก็ไม่ต้องหารูนเชียร์สิ ผนึกครอสท์การ์ดจะได้ไม่ปรากฏออกมา”กายบอกกับทุกๆคน
“แต่สิ่งที่พวกโลกที่สองต้องการไม่ใช่ผนึกครอสท์การ์ดน่ะสิ แต่เป็น....”นิวม่าพูดต่อแต่เธอยังพูดไม่จบทุกคนก็พูดออกมาพร้อมกันว่า
“รูนเชียร์!!”
“งั้นก็หมายความว่า.....เราต้องหารูนเชียร์ก่อนผนึกครอสท์การ์ดถึงจะปรากฏ และถ้าเราพบรูนเชียร์ผนึกครอสท์การ์ดจะโผล่ออกมาทันที”รีเซ่ทวนในสิ่งที่นิวม่าพูดไปเมื่อครู่
“แต่ว่า....รูนเชียร์อยูที่ไหนล่ะ??”รีซ่าถามนิวม่าด้วยความสงสัย
“ผนึกรูนเชียร์น่ะหรอ.....ไม่รู้จ๊ะ”นิวม่าตอบด้วยสีแสดงถึงความสุขที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงเหมือนกับรีซ่า แต่คำตอบของเธอก็ทำให้คณะเดินทางถึงกับล้มคะมำหน้าทิ่มดินไปตามๆกัน
“ผนึกรูนเชียร์ ถูกลบออกไปจากประวัตศาสตร์เมื่อนานมาแล้ว ไม่ทิ้งร่องรอยไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ แม้แต่ในสถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีบันทึกหลงเหลือ มีเพียงแค่เรื่องเล่าและตำนานเท่านั้น  บ้างก็ว่ามันถูกทำลาย บ้างก็ว่าถูกส่งกลับสวรรค์  แต่ข้อมูลสุดท้ายที่ผู้สร้างผนึกรูนเชียร์ทิ้งไว้คือ ‘เมื่อแสงถูกบดบัง ความมืดจะปรากฏ  แบ่งร่างไว้เป็นสอง  ค่ำคืนถูกผันแปล จุดรวมความมืดที่ยิ่งใหญ่’.... นี่คือข้อความสุดท้ายของผู้สร้าง ข้อมูลนี้เหลือรอดไว้เพียงอย่างเดียว”นิวม่าอธิบายให้ฟัง
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”รีเซ่พูดเสียงงงๆ
“เมื่อแสงถูกบดบัง ความมืดจะปรากฏ ... มันหมายความว่ายังไงเนี่ย”แองจี้พยามๆใขปริศนา
“ทศทิศไม่ชี้ทาง แบ่งร่างไว้เป็นสอง ...... นินจาหรอ??”กายตอบแบบกำปั้นทุบดิน
“ค่ำคืนถูกผันแปล .....ใช่แล้ว!!”เอมิลี่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
“อะไรหรอๆ”ทุกๆคนพูดออกมาพร้อมๆกัน
“สุริยุปราคา ไง”เอมิลี่เฉลย
“ทามมายอ่ะ”รีเซ่ถามเด็กสาว
“ก็  เมื่อแสงถูกบดบัง ก็คือ พระจันทร์บดบังพระอาทิตย์  แบ่งร่างไว้เป็นสองก็คือ เงาของดวงจันทร์ที่ส่องลงมาบนโลก  ค่ำคืนถูกผันแปล ก็เท่ากับ ในช่วงสุริยุปราคาเกิด จะเกิดความมืดขึ้นชั่วขณะหนึ่งใช่มั๊ยล่ะ  ‘จุดรวมความมืดที่ยิ่งใหญ่ ก็คือจุดที่เงาของดวงจันทร์ตกกระทบมากที่สุด”เอมิลี่อธิบาย
“หมู่เกาะเทรนด์”นิวม่าเอ่ยออกมาลอยๆทำให้ทุกคนหันมามอง
“ก็ที่นั่นคือที่เกิดสุริยุปราคาในปีนี้น่ะสิ ส่วนวันที่ก็ 20 เมษายน”นิวม่าตอบ
“แต่มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นิ”กายแย้งขึ้นมา
“เราจำเป็นต้องเสี่ยงดู”ซิเรียตอบพร้อมกับมองหน้าเขา พลางคิดในใจ ‘หมู่เกาะเทนด์ อยู่ถัดลงมาจากป่าทรีมอส?นิบางที....’ แต่แล้วความคิดฟุ้งซ่านของเธอก็ถูกขัดจังหวะโดยรีเซ่
“วันเวลามันอาจไม่แน่นอนก็ได้นิ”รีเซ่เอ่ยถามนิวม่า หญิงสาวยิ้มมาให้เขาก่อนจะตอบไป
“รูนเชียร์จะต้องออกมาพร้อมกับผู้ถูกเลือกแน่ ชั้นเชื่ออย่างนั้น”นิวม่าตอบเบาๆ
“งั้นเราก็ควรออกเดินทางได้แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 4 วันเท่านั้น”ซิเรียบอกกับคนในคณะเดินทาง ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง และทุกคนก็เดินตามออกไป ยกเว้นรีเซ่
“นิวม่าครับ....คุณคือคนที่มาช่วยผมไว้ใช่ไหมครับ ผมเห็นคุณในนิมิตน่ะ:”รีเซ่ถามหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าเขา
“เธอคิดว่าไงล่ะ  ถ้าเธอเชื่ออย่างนั้นก็เอาเถอะ”หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มมาที่เขา รอยยิ้มของเธอในตอนนี้คล้ายกับแม่ของเขาไม่มีผิด
“ผมมีอีกคำถามนึงครับ ที่นี่เก็บข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ใช่ไหมครับ”รีเซ่ถามนิวม่าที่ยังยืนอยู่หน้าเขา
“อืม..”เธอตอบเบาๆ
“ผมขอดูอดีตของตัวเองได้ไหมครับ”
To Be Continued
*SP = ดาบเซเวนท์พาราไดซ์
.....................................................
Nakato
แง้ว~ เนื้อเรื่องเริ่มจะเข้มข้นขึ้นไปทุกทีแล้วนะครับ หุหุ ก็ติดตามกันหน่อยล่ะครับ แหะๆ
สำหรับตอนนี้ก็ยังไม่มีฉากบู๊อ่ะนะ อย่าว่ากันเลย
..................................................
Profiles Character #4 Renikus Grandtear
ชื่อ:รีนีคัส แกรเทียร์
อายุ:24
หมู่เลือด:A
ส่วนสูง/น้ำหนัก:186 ซม. / 58 กก.
สิ่งที่ชอบ:ของที่ทำลายได้
งานอดิเรก:เล่นหมากรุก
สิ่งที่เกลียด:โลก
สิ่งที่แพ้ทาง: n/a
อาวุธ:เคียวโครนอสท์
นิสัย:เงียบขรึม แสดงอารมณ์บางช่วง
สถานะปัจุบัน:อยู่ในสังกัดของดราโนม่า
รีนีคัสเป็นตัวละครที่ตั้งให้เป็นคู่อริกับพระเอกของเราอ่ะนะครับ บทบาทก็ตามตัวเลยพยามๆจะฆ่ารีเซ่ เหอะๆ  ผมก็คิดไม่ถึงอ่ะนะว่ารีเซ่จะต้องมาตรากตรำกับพี่ชายคนนี้ไปอีกจนถึงภาคจบเลย เหอะๆ ก็ถือว่ามีบทบาทที่ค่อนข้างจะเยอะ (มั๊ง) นายคนนี้จะมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับรีเซ่หลายอย่างมากเลยอ่าครับ แต่บอกไม่ได้ ก็ขอบอกไว้เลยตัวละครตัวนี้มีถึงภาคสามแน่ะ หุหุ (ภาคจบ) ผมก็จะพยามเอาให้มันจบอ่ะนะ หุหุ 
ปล.ตัวนี้ผมชอบที่สุดอ่ะ เหอะๆ
..............................................
Ps.ช่วงนี้ผมจะไม่ค่อยมีเวลาอ่ะนะครับ เลยแต่งช้านิดหน่อย (เรียนหนัก) ใครที่เล่นMSN หลังสี่ทุ่มก็จะเจอผมยากขึ้น เหอะๆ ผมอาจจะออนอีกทีตอนวันเสาร์อ่ะนะ ก็แล้วแต่บุญกรรมของผม ใครมีอารายสงกาสัยกับนิยายผมก็ถามได้นะครับ (แต่จะตอบให้เล็กน้อย)
MSN: mr_nakato@hotmail,com
หลังจากที่พวกรีเซ่ตระเตรียมสำภาระสำหรับการเดินทางอันยาวนานที่กำลังจะเริ่มขึ้น  ก่อนที่จะออกเดินทางนั้นชาวเมืองต่างมาส่งมอบขวัญกำลังใจให้จนสุดหมู่บ้านเป็นครั้งสุดท้าย คณะเดินทางซึ่งประกอบไปด้วย  รีเซ่ แกรนเทียร์ , แองเจลล่า โอเวอร์ฮิว , รีซ่า แกรนเทียร์ ,  กาย  ครีเวอร์ , เอมิลี่  บลูโอเชี่ยน , แซกซีรัส โรกเกอร์ และ ซิเรีย โอเวอร์ฮิว  พวกเขาทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าสู่ป่าแห่งโชคชะตา (Fate forest) ที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างถูกลิขิตไว้ ป่าแห่งโชคชะตาที่เปรียบเสมือนเส้นทางสู่สวรรค์ และเส้นทางสู่นรก  (The way to Heaven and The way to Hell) 
“นี่ๆ ซิเรีย....เรากำลังจะไปไหนกันเนี่ย”รีเซ่เริ่มถามด้วยความเบื่อหน่าย
“พวกเรากำลังมุ่งสู่ สถานที่ทุกสิ่งถูกบันทึก และถูกลิขิต”ซิเรียตอบ แบบเป็นปริศนาชวนคิด
“บอกมาตรงๆก็ได้ ไม่เห็นต้องพูดอ้อมค้อมเล๊ย~ หรือว่า.........ไม่รู้จะไปไหน หึหึ”รีเซ่พูดออกมาลอยๆ พร้อมกับตีหน้าเซ่อ
“ว่า...ไงนะ”หญิงสาวเริ่มมีน้ำโห
“เปล่า~”เด็กหนุ่มยังตีหน้าเซ่อต่อไป
ว่าไงน้า!!! ตูม!!!  ว๊ากกก!!  ตูม!!
เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงของซิเรียที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เสียงที่สองคือหมัดที่ปล่อยออกมาใส่หน้าของเด็กหนุ่ม ส่วนเสียงที่ตามมาคือเสียงร้องของรีเซ่  ซึ่งลอยขึ้นเหนือฟ้าโดยหมัดเหล็กเทวดา ซึ่งปล่อยโดยซิเรีย  ก่อนจะตกลงมา และดังเป็นเสียงที่สี่
หลังจากควันจางลงก็ทิ้งร่างของรีเซ่ไว้อยู่บนหลุมขนาดพอเหมาะๆ
“รีเซ่!!” เป็นอะไรมั๊ย”แองจี้รีบวิ่งไปดูอาการของเด็กหนุ่ม ซึ่งกำลังตาลายกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“พี่คะ ไม่ทำเกินไปหน่อยหรอ”แองจี้ถามซิเรียด้วยความเป็นห่วง (ห่วงไอ้คนที่นอนอยู่ในหลุมน่ะ)
“ฮึ่ม!! ไม่เป็นไรหรอก สมควรโดนแบบนั้นแล้ว ถึงแม้จะเป็นผู้ถูกเลือกก็เหอะ” ซิเรียตอบด้วยความโมโห
“อะ...แองจี้”รีเซ่พยามพูดด้วยความเจ็บปวดแกมมึนงง เขาพยามเอื้อมมือไปหาเด็กสาว แต่เพราะด้วยความที่ตาลาย จึงทำให้พลาดไปโดนหน้าอกของเธอเข้า ทำให้แองจี้ถึงกับสะดุ้ง
“อ..อะ”แองจี้ถึงกับพูดแทบไม่ออก ก่อนที่รีเซ่จะรู้สึกตัว หมัดของเด็กสาวก็ถูกปล่อยออกไปแล้ว
อีตาบ้า!!! ตูมมมม!! ว๊ากกกกกก!!
ร่างของรีเซ่ปลิวไปเป็นครั้งที่สอง และตกกระทบพื้น กลายเป็นหลุมที่สอง
“ฮะฮะ พี่กับน้องคู่เนี่ยเหมือนกันจริงๆเล้ย~”กายเอ่ยออกมาลอย แต่มันดันไปเข้าหูของสองสาว
ตูมมมมม!!!
หลังจากเหตุการณ์บ้าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้คณะเดินทางล่าช้าลงเล็กน้อย แต่ก็ยังมาถึงที่หมาย
“ขอโต๊ดก๊าบบบบ”รีเซ่ได้แต่ขอโทษขอโพยเด็กสาว
“ไม่รู้ไม่ชี้แล้ว!! อีตาบ้า!! ลามก !! ชั้นอุส่าไว้ใจนายนะ!!”แองจี้ตะคอกใส่รีเซ่เป็นชุด จนเด็กหนุ่มพูดแก้ตัวไม่ได้
“งั้น...ถ้างั้น.....ก็แก้มัดชั้นที!!”รีเซ่ร้องออกมาด้วยความอวดครวญ เพราะตอนนี้ร่างของเขาถูกมัดติดกับเชือก ผูกไว้กับเครรามอสท์  พร้อมกับให้มันลากตามหลังกลุ่ม
“นี่ๆ เงียบได้แล้วทั้งสองคนน่ะ เราถึงแล้วนะ”ซิเรียดุเด็กหนุ่มและเด็กสาว
“หือ...ที่นี่มัน”กายเอ่ยออกมาขณะที่มองดูสถานที่เบื้องหน้า ซึ่งเป็นป่าขนาดมหึมา ที่มืดซะจนมองผ่านเข้าไปข้างในไม่ได้
“ใช่....ที่นี่แหละ ป่าแห่งโชคชะตา”ซิเรียเสริมในสิ่งที่กายพูดยังไม่จบ
“ระวังให้ดีล่ะ.....ทุกๆก้าว ที่ย่างเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ อาจเป็นความหายนะ”แซกซิรัส เสริมอีก
“ทุกๆสิ่งเริ่มขึ้นที่นี่ ถูกเก็บไว้ในที่แห่งนี้ และ..........ถูกทำลายที่นี่”ซิเรียพูดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะลงจากเครรามาอสท์ และก้าวเดินเข้าไปในเส้นทางที่คล้ายกับทางเข้าปากถ้ำ เพียงแต่เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่คดโค้งกันจนกลายเป็นซุ้มประตูที่ทอดยาวเข้าไปสู่ความมืด 
พวกเขาทั้งหมดเดินฝ่าเข้าไปในความมืด จนเมื่อถึงจุดที่มืดซะจนมองเส้นทางไม่ได้  ซิเรียจึงร่ายเวทย์เรียกแสงไฟสีขาวที่พอทำให้มองเห็นทางข้างหน้าได้ ลูกไฟสีขาวลอยสูงขึ้นเหนือหัวพวกเขามันลอยนำหน้าไป และทุกคนก็เดินตาม 
ผ่านไปแล้วเกือบๆสองชั่วโมง ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงจุดหมาย  แสงไฟที่ส่องออกมาจากลูกไฟสีขาวเป็นเพียงอย่างเดียวที่ทำให้บริเวณรอบๆพวกเขาสามารถมองเห็นได้   
ตึก!!
เสียงฝีเท้าของซิเรียหยุดลง ทำให้คณะเดินทางหยุดหมด สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าหญิงสาวคือประตูขนาดใหญ่ที่มีลวดลายแกะสลักที่สาวยงาม แต่ดูน่ากลัว ซิเรียเดินเข้าไปใกล้ประตูเหล็กบานยักต์ที่อยู่เบื้องหน้า หญิงสาวใช้ฝ่ามือเพรียวบางของเธอสัมผัสกับบานประตูขนาดยักต์ หญิงสาวค่อยๆแนบหูเข้าที่บานประตู
ฟี้ว!!
มีเสียงลมดังมาจากด้านหลังบานประตูเหล็ก  ซิเรียถอยออกมาจากประตูนั้นเธอหันกลับไปหาคณะเดินทางก่อนที่จะพูดออกไป
“เราถึงแล้ว....เส้นทางสู่นรกและสวรรค์”หญิงสาวบอกแก่ทุกคนด้วยสีหน้าจริงจัง
“เราต้องระวังตัวให้มากหลังจากนี้....เพราะที่ๆเราจะเข้าไป....คืออีกโลกหนึ่ง”หญิงสาวเอ่ยเสียงหนักแน่นก่อนที่จะหันเข้าไปหาประตูบานยักต์ตรงหน้า
ครืน!!
เกิดแผ่นดินไหวเล็กน้อย เพราะประตูบานนั้นค่อยๆเปิดออกแสงสว่างเจิดจ้าแผ่พุ่งออกมาจากประตู ทำให้คณะเดินทางทุกคนต้องใช้มือปิดตาเอาไว้  หลังจากแสงเริ่มสว่างน้อยลงทุกๆคนลืมตาขึ้นอีกครั้ง และมองไปยังสิ่งที่พวกเขาเห็นคือ  บานประตูเหล็กถูกเปิดออก เผยให้เห็นแสงสว่างจ้า ที่ไม่สามารถมองผ่านไปได้ แต่ตรงข้ามกับตอนที่คณะเดินทางกำลังจะเข้ามาในป่าแห่งนี้
“ชั้นจะเข้าไปล่ะนะ”ซิเรียพูดกับตัวเองก่อนที่จะก้าวข้ามประตูไป และตามด้วยคนอื่นๆ 
ฟ้าวว!!
ภายเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกวิ่งผ่านรอบๆตัวพวกเขาไปอย่างช้าๆ  ทั้งภาพแผ่นดินไหว ภาพการก่อกบฏ  และมีหลายๆภาพผ่านไปเรื่อยๆ รอบตัวพวกเขา  แต่มีอยู่หนึ่งภาพที่รีเซ่ถึงกับเอะใจหันกลับไปดู นั่นคือภาพสงครามกลางเมืองที่บราบิแกน ภาพที่ฝ่ายประชาชนต่อสู้กับทหารฝ่ายแบ่งแยกดินแดน รีเซ่พยามจะหยุดภาพนั้นเอาไว้แต่มันก็ลอยผ่านไป  จนเมื่อมาถึงภาพสุดท้ายภาพอณาจักรโอเวอร์ฮิวถูกโจมตีโดยฝูงสัตว์ร้ายสีดำทมิฬ แองจี้มองภาพนั้นตาไม่กระพริบ  แต่มันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเด็กสาวไม่สามารถรู้เรื่องราวต่อไปได้ และเมื่อทุกเหตุการณ์ผ่านไปแสงสีขาวๆค่อยๆจางหายลง มันเปลี่ยนเป็สถานที่แปลกตาแทน ภาพที่ทุกคนเห็นคือห้องโถงขนาดใหญ่มหึมาที่สูงยิ่งกว่าตึก  500 ชั้น รอบๆกำแพงเป็นตู้เก็บเอกสารจำนวนที่นับไม่ถ้วน แถมมันไม่ได้มีแค่ชั้นที่พวกรีเซ่อยู่เท่านั้น  แต่จำนวนตู้เก็บเอกสารยังมีอีกทุกๆชั้นจนไปถึงชั้นสุดท้าย 
“โอ้แม่เจ้า!!”กายอุทานออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
“ที่นี่มันอะไรเนี่ย!!”รีเซ่ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“.........ที่นี่ก็คือห้องเก็บบันทึก”เสียงของชายชราดังออกมาจากประตูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคณะเดินทาง
“ปู่เป็นใครง่ะ”รีเซ่ถามชายชราที่อยู่ในชุดผ้าคลุมยาวสีขาวสะอาดตา มีเครื่องรางบางอย่างห้อยที่คอเอาไว้ เขาเป็นคนที่ตัวค่อนข้างที่จะไม่สูงนัก
“โฮะๆ ..เออไม่มีใครเรียกข้าอย่างงั้นหรอก มีแต่เรียกข้าว่าทวดบ้างเอย แต่ข้าก็ไม่ถือหรอกนะ”ชายชรากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม เขาค่อยๆเดินมายังพวกรีเซ่
“ระวังนะ”ซิเรียร้องเตือน แต่ชายชรากลับยกมือแสดงกริยาว่าไม่ต้องใช้กำลังก็ได้
“ข้ามาดี....ถ้าจะถามชื่อเสียงเรียงนามล่ะก็  ข้ามีนามว่า ‘ผู้เก็บบันทึก’”ชายแก่พูดทิ้งไว้เป็นปริศนา
“นี่คุณปู่ บอกชื่อมาเถอะ อย่ามาพูดอ้อมค้อมเลย”รีเซ่ถามแบบเซ็งๆ
“อ๊ะ...แหมๆ ข้ามีนามว่า ‘ผู้เก็บบันทึก’ จริงๆ”ชายแก่ที่มีนามว่า ‘ผู้เก็บบันทึก’ตอบเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าที่จริงใจใสซื่อ
“คร๊าบๆ คุณ ‘ผู้เก็บบันทึก’ ”รีเซ่ตอบแบบเซ็งสุดๆ
“พวกเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไรรึ??” ‘ผู้เก็บบันทึก’ ถาม
“เราต้องการพบท่าน ‘นิวม่า”ซิเรียตอบทันทีที่คำถามจบ ชื่อนี้ทำให้รีเซ๋ฉุกคิดถึงผู้หญิงผมสีทองที่เคยมาช่วยบอกวิธีการใช้ดาบ *SP ให้ตอนอยู่บนเรือโจรสลัด
“งั้นก็เชิญ .” ‘ผู้เก็บบันทึก’พูดขึ้นแล้วเดินนำหน้าทั้งหมดไปยังประตูสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามจากประตูเหล็ก
ชายแก่เดินนำไปเรื่อยๆ ผ่านห้องโถงที่เป็นทางยาวสีขาวสะอาด ซึ่งทั้งสองข้างทางมีแท่นผลึกสีเขียวถูกติดไว้ที่ขอบผนังทั้งสองข้างทาง  พวกเขาเดินมาจนสุดขอบทาง และพบว่าทางข้างหน้าคือประตูบานเล็กๆ สีทองมีลวดลายของธรรมชาติถูกสลักเอาไว้
“เอาล่ะ....ถึงแล้ว ท่านนิวม่ากำลังรอพวกท่านอยู่”ชายแก่พูดก่อนจะเปิดประตูเข้าไป พวกเขาทั้งหมดค่อยๆเข้าไปทีละคนอย่างช้าๆ ด้วยความประหม่าเล็กน้อย
ภายในเป็นห้องสีเหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นัก มีโต๊ะสีน้ำตาลเข้มวางอยู่ตรงกลาง รอบๆ มีชั้นหนังสือวางเรียงรายอยู่ตามผนังจำนวนมาก ตรงมุมหนึ่งของห้องมีหญิงสาวผมสีทองที่อยู่ในชุดผ้าคลุมสีขาว เธอกำลังหยิบหนังสือสีดำสนิทออกมาจากชั้นที่สูงเหนือหัวเธอขึ้นไป
“อ่ะ....พวกเธอมากันแล้วหรอ”หญิงสาวหันกลับมาหา ใบหน้าของเธอทำให้รีเซ๋จำได้ทันทีว่าเธอคือหญิงสาวที่อยู่ในนิมิตของเขาตอนอยู่บนเรือของเสวน
“ขอโทษที่ไม่ได้ต้อนรับดีกว่านี้ แต่จะว่าไปที่นี่ก็ไม่ค่อยจะมีใครมาอยู่แล้วนิ”หญิงสาวพูดพร้อมกับสอดหนังสือกลับเข้าไปในชั้น
“ท่านนิวม่าคะ....เราต้องการรู้ตำแหน่งของแท่นผนึกครอสการ์ดค่ะ อย่างด่วนที่สุด”ซิเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่าซิเรีย.....ผนึกครอสท์การ์ดจะไม่ปรากฏถ้าไม่มีแท่นผนึกรูนเชียร์”นิวม่าตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำให้ภายในห้องเกิดความเงียบชั่วขณะ เหมือนมีคนทำให้ภายในห้องเป็นสุญญากาศ
“เราจำเป็นที่จะต้องหาแท่นผนึกรูนเชียร์ก่อน เนื่องจากแท่นผนึกนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหยุดยั้ง และค้นหาแท่นผนึกครอสท์การ์ด”นิวม่าเอ่ยขึ้น
“ถ้าเราหารูนเชียร์ไม่เจอ ผนึกครอสท์การ์ดก็จะออกมาไม่ได้”
“ถ้าอย่างงั้นเราก็ไม่ต้องหารูนเชียร์สิ ผนึกครอสท์การ์ดจะได้ไม่ปรากฏออกมา”กายบอกกับทุกๆคน
“แต่สิ่งที่พวกโลกที่สองต้องการไม่ใช่ผนึกครอสท์การ์ดน่ะสิ แต่เป็น....”นิวม่าพูดต่อแต่เธอยังพูดไม่จบทุกคนก็พูดออกมาพร้อมกันว่า
“รูนเชียร์!!”
“งั้นก็หมายความว่า.....เราต้องหารูนเชียร์ก่อนผนึกครอสท์การ์ดถึงจะปรากฏ และถ้าเราพบรูนเชียร์ผนึกครอสท์การ์ดจะโผล่ออกมาทันที”รีเซ่ทวนในสิ่งที่นิวม่าพูดไปเมื่อครู่
“แต่ว่า....รูนเชียร์อยูที่ไหนล่ะ??”รีซ่าถามนิวม่าด้วยความสงสัย
“ผนึกรูนเชียร์น่ะหรอ.....ไม่รู้จ๊ะ”นิวม่าตอบด้วยสีแสดงถึงความสุขที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงเหมือนกับรีซ่า แต่คำตอบของเธอก็ทำให้คณะเดินทางถึงกับล้มคะมำหน้าทิ่มดินไปตามๆกัน
“ผนึกรูนเชียร์ ถูกลบออกไปจากประวัตศาสตร์เมื่อนานมาแล้ว ไม่ทิ้งร่องรอยไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ แม้แต่ในสถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีบันทึกหลงเหลือ มีเพียงแค่เรื่องเล่าและตำนานเท่านั้น  บ้างก็ว่ามันถูกทำลาย บ้างก็ว่าถูกส่งกลับสวรรค์  แต่ข้อมูลสุดท้ายที่ผู้สร้างผนึกรูนเชียร์ทิ้งไว้คือ ‘เมื่อแสงถูกบดบัง ความมืดจะปรากฏ  แบ่งร่างไว้เป็นสอง  ค่ำคืนถูกผันแปล จุดรวมความมืดที่ยิ่งใหญ่’.... นี่คือข้อความสุดท้ายของผู้สร้าง ข้อมูลนี้เหลือรอดไว้เพียงอย่างเดียว”นิวม่าอธิบายให้ฟัง
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”รีเซ่พูดเสียงงงๆ
“เมื่อแสงถูกบดบัง ความมืดจะปรากฏ ... มันหมายความว่ายังไงเนี่ย”แองจี้พยามๆใขปริศนา
“ทศทิศไม่ชี้ทาง แบ่งร่างไว้เป็นสอง ...... นินจาหรอ??”กายตอบแบบกำปั้นทุบดิน
“ค่ำคืนถูกผันแปล .....ใช่แล้ว!!”เอมิลี่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
“อะไรหรอๆ”ทุกๆคนพูดออกมาพร้อมๆกัน
“สุริยุปราคา ไง”เอมิลี่เฉลย
“ทามมายอ่ะ”รีเซ่ถามเด็กสาว
“ก็  เมื่อแสงถูกบดบัง ก็คือ พระจันทร์บดบังพระอาทิตย์  แบ่งร่างไว้เป็นสองก็คือ เงาของดวงจันทร์ที่ส่องลงมาบนโลก  ค่ำคืนถูกผันแปล ก็เท่ากับ ในช่วงสุริยุปราคาเกิด จะเกิดความมืดขึ้นชั่วขณะหนึ่งใช่มั๊ยล่ะ  ‘จุดรวมความมืดที่ยิ่งใหญ่ ก็คือจุดที่เงาของดวงจันทร์ตกกระทบมากที่สุด”เอมิลี่อธิบาย
“หมู่เกาะเทรนด์”นิวม่าเอ่ยออกมาลอยๆทำให้ทุกคนหันมามอง
“ก็ที่นั่นคือที่เกิดสุริยุปราคาในปีนี้น่ะสิ ส่วนวันที่ก็ 20 เมษายน”นิวม่าตอบ
“แต่มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นิ”กายแย้งขึ้นมา
“เราจำเป็นต้องเสี่ยงดู”ซิเรียตอบพร้อมกับมองหน้าเขา พลางคิดในใจ ‘หมู่เกาะเทนด์ อยู่ถัดลงมาจากป่าทรีมอส?นิบางที....’ แต่แล้วความคิดฟุ้งซ่านของเธอก็ถูกขัดจังหวะโดยรีเซ่
“วันเวลามันอาจไม่แน่นอนก็ได้นิ”รีเซ่เอ่ยถามนิวม่า หญิงสาวยิ้มมาให้เขาก่อนจะตอบไป
“รูนเชียร์จะต้องออกมาพร้อมกับผู้ถูกเลือกแน่ ชั้นเชื่ออย่างนั้น”นิวม่าตอบเบาๆ
“งั้นเราก็ควรออกเดินทางได้แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 4 วันเท่านั้น”ซิเรียบอกกับคนในคณะเดินทาง ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง และทุกคนก็เดินตามออกไป ยกเว้นรีเซ่
“นิวม่าครับ....คุณคือคนที่มาช่วยผมไว้ใช่ไหมครับ ผมเห็นคุณในนิมิตน่ะ:”รีเซ่ถามหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าเขา
“เธอคิดว่าไงล่ะ  ถ้าเธอเชื่ออย่างนั้นก็เอาเถอะ”หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มมาที่เขา รอยยิ้มของเธอในตอนนี้คล้ายกับแม่ของเขาไม่มีผิด
“ผมมีอีกคำถามนึงครับ ที่นี่เก็บข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ใช่ไหมครับ”รีเซ่ถามนิวม่าที่ยังยืนอยู่หน้าเขา
“อืม..”เธอตอบเบาๆ
“ผมขอดูอดีตของตัวเองได้ไหมครับ”
To Be Continued
*SP = ดาบเซเวนท์พาราไดซ์
.....................................................
Nakato
แง้ว~ เนื้อเรื่องเริ่มจะเข้มข้นขึ้นไปทุกทีแล้วนะครับ หุหุ ก็ติดตามกันหน่อยล่ะครับ แหะๆ
สำหรับตอนนี้ก็ยังไม่มีฉากบู๊อ่ะนะ อย่าว่ากันเลย
..................................................
Profiles Character #4 Renikus Grandtear
ชื่อ:รีนีคัส แกรเทียร์
อายุ:24
หมู่เลือด:A
ส่วนสูง/น้ำหนัก:186 ซม. / 58 กก.
สิ่งที่ชอบ:ของที่ทำลายได้
งานอดิเรก:เล่นหมากรุก
สิ่งที่เกลียด:โลก
สิ่งที่แพ้ทาง: n/a
อาวุธ:เคียวโครนอสท์
นิสัย:เงียบขรึม แสดงอารมณ์บางช่วง
สถานะปัจุบัน:อยู่ในสังกัดของดราโนม่า
รีนีคัสเป็นตัวละครที่ตั้งให้เป็นคู่อริกับพระเอกของเราอ่ะนะครับ บทบาทก็ตามตัวเลยพยามๆจะฆ่ารีเซ่ เหอะๆ  ผมก็คิดไม่ถึงอ่ะนะว่ารีเซ่จะต้องมาตรากตรำกับพี่ชายคนนี้ไปอีกจนถึงภาคจบเลย เหอะๆ ก็ถือว่ามีบทบาทที่ค่อนข้างจะเยอะ (มั๊ง) นายคนนี้จะมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับรีเซ่หลายอย่างมากเลยอ่าครับ แต่บอกไม่ได้ ก็ขอบอกไว้เลยตัวละครตัวนี้มีถึงภาคสามแน่ะ หุหุ (ภาคจบ) ผมก็จะพยามเอาให้มันจบอ่ะนะ หุหุ 
ปล.ตัวนี้ผมชอบที่สุดอ่ะ เหอะๆ
..............................................
Ps.ช่วงนี้ผมจะไม่ค่อยมีเวลาอ่ะนะครับ เลยแต่งช้านิดหน่อย (เรียนหนัก) ใครที่เล่นMSN หลังสี่ทุ่มก็จะเจอผมยากขึ้น เหอะๆ ผมอาจจะออนอีกทีตอนวันเสาร์อ่ะนะ ก็แล้วแต่บุญกรรมของผม ใครมีอารายสงกาสัยกับนิยายผมก็ถามได้นะครับ (แต่จะตอบให้เล็กน้อย)
MSN: mr_nakato@hotmail,com
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น