ตอนที่ 3 : Chapter 3 Because your eyes said you were feeling it too [100%]
Chapter 3
Because your eyes said you were feeling it too
เช้านี้มาร์คออกกำลังกายด้วยการกำจัดวัชพืชในสวนหลังบ้าน แล้วขุดแปลงผักสวนครัวเพิ่มใหม่ให้แม่ของแบม หลังบ้านมีพื้นที่เยอะมากพอจะปลูกได้หลายอย่าง หลายแปลงที่มาร์คทำไว้ก่อนหน้านี้เริ่มโตพร้อมเก็บไปกินแล้ว
เขาว่าจะลองทำแปลงผักแบบไฮโดรโปนิกส์ดูบ้างเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้ผักที่บ้านก็เยอะกินไม่ทันจนต้องเอาไปแบ่งเพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียงบ้างแล้ว
“มาร์คนี่แข็งแรงดีจังเลยนะลูก ช่วยแม่ได้เยอะเลย”
แม่เอ่ยชื่นชมเจ้าของร่างสูงใหญ่ มาร์คเป็นชายสมชายที่ทำงานแบบที่ต้องใช้แรงผู้ชายได้ทุกอย่าง งานซ่อมแซมก็ยอดเยี่ยม อะไรในบ้านพังก็ได้มาร์คนี่แหละที่ช่วยซ่อมให้ ขนาดอุปกรณ์ทางการแพทย์มาร์คยังซ่อมได้เลย เห็นเล่าว่าตอนเด็ก ๆ คุณปู่สอนให้ทำงานพวกนี้บ่อย ๆ เพราะคุณปู่เป็นช่างมาก่อนด้วย
“ตัวใหญ่ออกอย่างนั้นไม่มีแรงสิครับแปลก”
ไม่ใช่แค่ตัวใหญ่ธรรมดา กล้ามงี้เป็นมัด ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ ๆ แต่เวลาไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แบมกลับตัวเล็กลงไปถนัดตา บางครั้งยังรู้สึกอิจฉาซิกแพคอันสมบูรณ์แบบของมาร์คเลย…
“แล้วน้องแบมไม่ไปช่วยพี่เขาบ้างหรือลูก”
“เข้าไปแล้วเขาไล่ออกมานี่ครับ”
แบมมุ่ยหน้าขัดใจ เขาจะอาสาช่วยแท้ ๆ มาร์คก็เอาแต่ไล่เขามาพักในร่ม บอกว่ามันร้อน เหนื่อย ไม่อยากให้หมอทำ แล้วมาร์คไม่เหนื่อยไม่ร้อนบ้างหรือยังไงเล่า…
“ก็พี่เขาเป็นห่วงเรานี่เนอะ” แม่พูดพลางยักคิ้วหลิ่วตามองลูกชายคนเดียว
ผู้หญิงน่ะเซนส์แรงจะตายไป มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าสองคนนี้มีซัมธิงอะไรกันอยู่ คนพี่ดูเอ็นดูคนน้องจะตาย จะมีก็แต่ลูกชายเขานี่แหละทำปากแข็งอยู่ได้ทั้งที่สายตาก็ไม่เคยละจากมาร์คได้เลย
“มองแบมอย่างนั้นคิดอะไรอยู่ครับ”
“ไม่มีเลยค่ะ แม่ไม่ได้คิดเลย” ปฏิเสธได้ไม่เนียนเลยสักนิด และแบมก็รู้ว่าแม่ไม่ได้คิดจะเนียนอะไรอยู่แล้ว แม่จ้องจะแซวเขากับมาร์คมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเหอะ
“แม่อ่า...”
เห็นน้องแบมของเธอทำหน้ามู่ทู่แม่ก็หัวเราะออกมา เขินแล้วชอบหงุดหงิดอยู่เรื่อย…
“แม่ไปทำงานก่อนนะคะ ได้เวลาแล้ว อย่าลืมกินข้าวเที่ยงกันนะลูก”
แบมพยักหน้ารับก่อนจะหยิบกระเป๋าทำงานของแม่มาถือจะพาไปส่งขึ้นรถหน้าบ้าน
“แม่ก็อย่าลืมเหมือนกันนะครับ อย่ามัวแต่ทำงานเพลินล่ะ”
แม่แบมเป็นหมอที่งานเยอะแทบจะตลอดเวลา แบบนั้นแบมก็กลัวแม่จะดูแลแต่คนอื่นจนลืมดูแลตัวเอง
“ไม่ลืมแน่นอนค่ะลูก ไปนะคะ”
แต่แบมคงลืมไปว่าแม่น่ะ นอกจากจะเป็นหมอแล้วยังเป็นนักบริหารเวลาชั้นเยี่ยมอีกด้วย ไม่งั้นจะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยจนถึงตอนนี้ได้ยังไง
“ครับ”
แบมยืนส่งแม่จนรถขับออกไปสักระยะแล้วค่อยเดินกลับไปหลังบ้าน เขานั่งมองมาร์คเตรียมดินเพื่อที่จะลงเมล็ดพันธุ์จนเสร็จ เรียบร้อยแล้วคนตัวใหญ่เหงื่อไหลย้อยก็ขอไปล้างตัวก่อนที่จะลงมาช่วยหมอทำความสะอาดบ้านชั้นล่าง
ปกติที่บ้านแบมจ้างแม่บ้านอยู่แล้ว เพราะบ้านมันใหญ่เกินกว่าจะทำความสะอาดกันเอง แต่แม่บ้านจะเข้ามาแค่อาทิตย์ละสามวัน และพอมีมาร์คมาอยู่ด้วยร่างสูงก็อาสาทำความสะอาดบ้านให้ วันไหนแบมอยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำแบบวันนี้เขาก็จะมาช่วยมาร์คด้วย
“ถัง มาอาบน้ำ”
มาร์คที่ซักผ้าถูกพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นวิ่งไล่จับรถถังให้ไปอาบน้ำ เมื่อกี้ที่มาร์คขุดดิน เจ้ารถถังก็ไปเล่นด้วยจนเลอะเทอะไปหมด “ไม่ต้องมาทำสั่นเลย ไปอาบน้ำ”
มาร์คหิ้วรถถังขึ้นเมื่อจับตัวมันได้ ปกติรถถังชอบเล่นน้ำมาก แต่ตอนจะอาบน้ำทีไรมันก็ดื้อ กวนตีนจะวิ่งหนีตลอด โคตรจะป๊อดเลย
“วันนี้เราไปตกปลากันอีกไหมครับ”
แบมเอ่ยปากชวนหลังจากที่เดินเอาแชมพูอาบน้ำของรถถังมาให้มาร์ค มือเล็กก็ช่วยจับรถถังไว้ให้ร่างสูงได้จัดการมันง่าย ๆ ด้วย
วันนี้อากาศดีเขาเลยอยากจะออกไปหากิจกรรมทำข้างนอกสักหน่อย บ้านอยู่ใกล้ป่าใกล้เขาแบบนี้ ก็มีแต่ตกปลา ปั่นจักรยานกับเดินป่าเท่านั้นที่นึกออก แล้วไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดน่ะ มาร์คก็ชวนแบมไปทำมาหมดแล้วด้วย
“หมอชวนผมเดทหรือครับ”
“เดทอะไรเล่า แค่ชวนไปตกปลาเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ”
มาร์คหัวเราะร่วน การแกล้งหมอให้หน้าแดงเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานเอาเรื่องเลยล่ะ
“เราแวะขึ้นไปชมวิวข้างบนเขาด้วยได้ไหมครับ”
มาร์คไม่ปฏิเสธเพราะเขาชอบอยู่กับธรรมชาติอยู่แล้ว ตอนแรกที่เอ่ยปากชวนหมอเข้าป่ามาร์คก็แปลกใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่าแบมเป็นคนไม่ค่อยทำกิจกรรมลุย ๆ แบบนั้นเท่าไรทั้ง ๆ ที่บ้านอยู่ท่ามกลางหุบเขาแบบนี้ แต่พอดูท่าทางนุ่มนิ่มของหมอเขาก็พอจะเข้าใจว่าแม่คงเป็นห่วงกลัวหมอได้รับอันตรายเลยไม่ค่อยให้ไปไหน
“ถ้ารีบไปก็อาจจะพอมีเวลานะ”
แบมมองดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบบ่ายโมงแล้ว ปกติถ้าพวกเขาไปเที่ยวเล่นก็จะกลับกันไม่เกินห้าโมงเย็น เพราะค่ำแล้วในป่าจะอันตราย มาร์คไม่ยอมให้กลับช้ากว่านี้
“งั้นรีบเลยครับ”
“กินข้าวเที่ยงกันก่อนออกไปนะครับ”
พอหมอพูดถึงข้าวเที่ยงมาร์คก็หิวขึ้นมาเลย ทำงานบ้านกันเพลินแป๊บเดียวก็จะบ่ายแล้วหรือนี่
“ได้ครับ เดี๋ยวอาบน้ำให้รถถังเสร็จผมไปตักข้าวเลยนะ หมอไปเปลี่ยนใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวนะครับ เผื่อมีแมลงมากัด”
แบมพยักหน้ารับคำมาร์คก่อนจะช่วยล้างฟองแชมพูออกให้รถถัง คุณหมอก้มลงไปคุยกับเจ้าลูกหมาอย่างอารมณ์ดี
“รถถัง วันนี้ไปเที่ยวกันเนอะ”
เจ้าหมาพันธุ์บางแก้วตัวเดียวของบ้านหูตั้งทั้งยังกระดิกหางดิ้ก ๆ แสดงความดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยวจนลืมหนาว มันนั่งเป็นเด็กดีให้มาร์คกับแบมอาบน้ำเช็ดตัวให้จนเสร็จ กินข้าวก็รีบกินจนหมดก่อนมาร์คกับแบมอีก พอเห็นมาร์คไปยกจักรยานออกมามันก็วิ่งไปรอหน้าบ้านนู่นแล้ว
เกิดเป็นรถถังนี่ชีวิตดีจริง ๆ…
✧Vitamin B ✧
มาร์คกับแบมแวะไปซื้อเหยื่อตกปลาที่ตลาดก่อนจะพากันปั่นจักรยานไปตามถนนเส้นเล็กริมตีนเขาที่มีเงาของต้นไม้บดบังแสงอาทิตย์ให้รู้สึกร่มรื่นไปตลอดทาง จุดหมายคือริมลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอเท่าไรนัก
แบมที่นั่งซ้อนท้ายอาสาถือกระป๋องเหยื่อตกปลาและเบ็ดสองคันที่มาร์คผูกเชือกติดกันไว้ให้เขาถือง่าย ๆ
เมื่อก่อนแบมตกปลาไม่เป็น เดินป่าก็ไม่เคย ปั่นจักรยานไกลสุดก็แค่ไปตลาด แต่พอได้รู้จักมาร์คอะไรที่ไม่เคยก็ได้เคยเสียหมด เขารู้สึกสนุกไปกับทุกกิจกรรมที่มาร์คพาทำจนอดไม่ไหวที่จะชวนอีกคนออกมาด้วยกันบ่อย ๆ
“ผมชอบที่นี่มากเลย” มาร์คยิ้มไปพูดไป
คนที่นั่งซ้อนท้ายจักรยาน เหล่าต้นไม้ข้างทาง อากาศที่สุดแสนบริสุทธิ์ เสียงน้ำตกที่ดังอยู่ไกล ๆ และรถถังที่วิ่งเล่นกับแมลงตัวนั้นตัวนี้ ไล่ดมอะไรข้างทางไปเรื่อย ๆ ทุกสิ่งอย่างตอนนี้ทำให้สมองของมาร์คโปร่งโล่งสบาย
“อากาศดีใช่ไหมล่ะ”
“ส่วนหนึ่งครับ สำคัญคือเพราะมีหมออยู่ที่นี่ต่างหาก”
“เพ้อเจ้อ”
มาร์คก็ว่าเขาเคยบอกหมอไปแล้วนะว่าเขาน่ะคนจริงแค่ไหน พูดจริง คิดจริง แล้วก็ทำจริงด้วยเหอะ
“หมออยากได้ปลาอะไรครับวันนี้”
“อะไรก็ได้ที่เอามาทอดได้” แบมรู้จักปลาแค่ไม่กี่ชนิดที่มันพอจะมีขายในตลาดเท่านั้น กินได้กินไม่ได้เขาก็ถามมาร์คเอา จะว่าไปมาร์คนี่ก็รอบรู้ไปหมดทุกเรื่องเลยแฮะ ใช่คนจริง ๆ หรือเปล่าหว่า?
“ทอดน้ำปลาได้ไหมครับ” แค่นึกถึงปลาทอดราดซอสสุดแซ่บมาร์คก็กลืนน้ำลายลงคอแล้ว แต่ที่เขาคิดว่าแซ่บกว่าซอสก็น่าจะหมอนี่แหละ…
“จัดไป”
“ทำไมหมอทำอาหารอร่อยจังครับ”
ตั้งแต่เขากินอาหารที่บ้านแบมมาก็ไม่เคยมีอะไรไม่อร่อยเลย หมอทำกับข้าวเก่ง ขนาดหุงข้าวยังหุงได้นิ่มพอดีทุกครั้ง เขาติดใจรสมือหมอเสียจนอยากได้มาเป็นพ่อครัวส่วนตัวแล้ว
“ผมฝึกทำมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ แม่สอน”
มาร์คพยักหน้าเข้าใจ ไม่ใช่แค่หมอที่ทำอาหารอร่อย แม่หมอก็ฝีมือระดับเทพเหมือนกัน เพราะหมอมีอาจารย์เก่งขนาดนั้นก็เลยทำอร่อยขนาดนี้สินะ
“แล้วทำไมหมออยากเป็นหมอล่ะครับ”
“เพราะพ่อกับแม่เป็นหมอด้วยล่ะมั้งครับ แต่พ่อเสียเพราะโรคร้ายแรง ตอนนั้นยังไม่มีทางรักษาน่ะ”
แบมเกิดมาในครอบครัวคุณหมอ จินเคยบอกว่าแบมเป็นคนที่มีพร้อมทุกอย่างทั้งสติปัญญา หน้าตา และฐานะ แบมคิดว่านั่นเป็นความโชคดีของเขาที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อกับแม่ เขามีทุกอย่างได้ทุกวันนี้ก็เพราะพ่อกับแม่
“หมอคงเสียใจ”
“ก็เสียใจมากครับ แต่ทุกคนล้วนมีวันที่ต้องสูญเสียเหมือนกันทั้งนั้นแหละเนอะ”
แบมเห็นผู้คนสูญเสียคนที่รักมานับครั้งไม่ถ้วนจนเข้าใจความเป็นไปของสัจธรรมชีวิตที่ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแล้วล่ะ และเขาก็ได้เรียนรู้อีกอย่างคือชีวิตคนเรามันสั้นนัก รีบทำสิ่งที่เรามีความสุข รีบรักคนที่เรารักอยู่ให้มาก ๆ เวลาทุกวินาทีมีค่าเกินกว่าจะจมปลักอยู่กับความทุกข์
“ล่าสุดผมเองก็มีวันนั้นไม่นานมานี้เองครับ”
“คุณเสียใจมากไหมครับ” แบมซึมยิ่งกว่ามาร์คอีกเมื่อร่างสูงพูดถึงเรื่องนี้ เขาจำได้ดีที่มาร์คเคยเล่าว่ากลับมางานศพของพ่อ
“อาจจะเพราะไม่ได้สนิทกับพ่อมาก เลยไม่เท่าไร ผมถูกเลี้ยงมาโดยคุณปู่น่ะครับ”
“แล้วแม่คุณล่ะครับ”
“ไปรอผมอยู่บนฟ้าตั้งแต่ผมเด็ก ๆ แล้ว”
“ผมเสียใจด้วยนะครับ แล้วก็ขอโทษที่ผมถามถึงนะ” น้ำเสียงของแบมบ่งบอกว่าเสียใจด้วยจริง ๆ และมาร์คก็ชอบความจริงใจของหมอมาก
หมอดูเหมือนคนที่ไม่ค่อยแคร์อะไรแต่จริง ๆ แล้วมาร์คค้นพบว่าไม่ใช่เลย หมอสนใจและใส่ใจคนใกล้ตัวมาก ๆ ด้วยซ้ำ เขาเคยพูดเคยเล่าอะไรไปหมอก็จำมันได้ทุกอย่าง และหมอก็ให้เกียรติพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นมาก ๆ ถ้าไม่อยากพูดอะไรหมอก็ไม่เคยบังคับเลย
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นหมอ ผมพร้อมตอบทุกคำถาม”
แน่นอนว่ามาร์คจัดแบมให้อยู่ในโซนพื้นที่ส่วนตัวของเขาแล้ว เพราะฉะนั้นเขาไม่เคยอึดอัดที่แบมจะถามเรื่องอะไรก็ตาม และแม้มันจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มาร์คก็ยังโอเคถ้าคนที่ถามจะเป็นแบม
“บางคำถามคุณก็ไม่ตอบเถอะ”
อย่างเช่นว่าทำงานอะไร เลี่ยงไปเรื่อยเลย…
“บางอย่างก็ต้องให้เวลามันนิดนึงครับ”
อืม…บางอย่างที่ว่ามาร์คก็ไม่ได้อยากปิดนะ แต่มันไม่รู้จะบอกยังไง บอกไปก็กลัวหมอลังเลใจในเรื่องของเรา
ถ้าเกิดหมอคิดจะยอมแพ้ขึ้นมาล่ะ เขาไม่แย่หรอกหรือ…
35%
“คุณกับพ่อโอเคกันอยู่ใช่ไหมครับ หมายถึงตอนที่ท่านยังอยู่” พอมาร์คอนุญาตแบมก็เลยไม่ลังเลที่จะถามต่อ
เพราะมาร์คบอกว่าไม่ได้สนิทกับพ่อ แบมเลยนึกไม่ออกว่ามาร์คมีความผูกพันธ์กับพ่อในระดับไหน ตอนเจอกันครั้งแรกก็บอกว่าเหตุมาจากพี่ชายต่างแม่ด้วย
“พ่อกับแม่เป็นคนที่ผมรักมากโดยไม่มีข้อแม้อยู่แล้วครับ ถึงเขาจะไม่ได้เลี้ยงผมแต่ผมไม่เคยนึกโกรธเคืองอะไร เราห่วงใยกันห่าง ๆ เสมอ และพอเสียไปก็เข้าใจความเป็นไปของโลกดีครับ”
คนเราเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา มาร์คร้องไห้เสียใจที่พวกท่านจากไปได้ แต่ต้องไม่ใช่ตลอดไป เขาต้องเข้มแข็งให้คนบนนั้นหายห่วง เข้มแข็งให้คนที่ยังอยู่ได้มีที่พึ่งพา และเข้มแข็งเพื่อตัวเขาเอง เพราะไม่ว่ายังไงคนที่ยังหายใจก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป
“ปู่คุณสอนคุณมาดีมาก ๆ เลยนะครับ”
แบมคิดว่าปู่มาร์คคงเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมากแน่ ๆ ถึงได้สอนให้มาร์คมีทัศนคติที่ดีได้ขนาดนี้ มาร์คมองโลกเป็นมาก ๆ มาร์คไม่ใช่ผู้ชายที่โตแค่ตัวหรือหล่อแค่หน้าตา ความดูดีของมาร์คมันออกมาจากข้างใน จากทัศนคติ จากความคิด แบบนั้นแหละแบมถึงได้…
ไม่อยากยอมรับเลยแฮะ…
“เขาสอนผมทุกอย่างเลยนะครับ ให้รู้จักให้เกียรติคนอื่น ไม่ตัดสินคนแค่ภายนอก ให้เข้าใจชีวิต ให้เข้าใจความลำบาก ให้ทำหลาย ๆ อย่างเป็นด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมาก ปู่ผมเขาเก่งมาก ๆ เลยนะครับ”
พอพูดถึงคุณปู่มาร์คก็ยิ้มจนเต็มแก้ม ปู่เป็นผู้ชายที่เป็นทุกอย่างให้เขา เป็นทั้งปู่ พ่อ แม่ เพื่อนเล่น และอาจารย์ เพราะมีปู่ มาร์คถึงได้เป็นผู้เป็นคนจนถึงทุกวันนี้
“คุณก็ดูเก่งเหมือนกันครับ”
แบมไม่รู้หรอกว่ามาร์คทำงานอะไร แต่จากที่อยู่ด้วยกันมามาร์คก็ทำเป็นทุกอย่าง เขาเลยคิดว่ามาร์คต้องเป็นคนที่ถ้าตั้งใจทำงานอะไรแล้วก็น่าจะเก่งมากในเรื่องนั้นแน่ ๆ
“หมอเองก็เก่ง”
“เพราะผมเรียนมาไง” แบมเข้าใจว่ามาร์คหมายถึงเก่งเรื่องงานหมอ ๆ แต่มาร์คไม่ได้หมายความแค่นั้น…
“ไม่ได้หมายถึงว่าหมอเก่งเรื่องการเป็นหมออย่างเดียวนะครับ อย่างอื่นหมอก็เก่งด้วย”
เอาอีกแล้ว ปูมาแบบนี้หาเรื่องจีบเขาอีกแหง ๆ
“อย่างอื่นที่ว่าคืออะไรครับ” ถามออกไปแล้วก็อยากตบปากตัวเองแรง ๆ สักที…
แล้วจะไปชงให้เขาทำไมเล่าแบม!
“ทำให้คนอื่นหวั่นไหวใจสั่นเก่ง น่ารักเก่ง…”
“ถ..ถึงแล้วครับ! คุณเหนื่อยไหม” คุณหมอพูดแทรกรัว ๆ ขึ้นมาไม่ยอมให้มาร์คพูดต่อจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจออกมา
ถามเองแท้ ๆ แต่พอได้ยินคำตอบก็ไม่อยากฟังแล้ว อากาศวันนี้มันก็ร้อนจริง ๆ เลย หน้าแบมแดงหมดแล้วเนี่ย…
“ไม่เหนื่อยครับ หมอตัวเบา ทำไมหมอตัวเล็กจัง”
แบมขยับตัวลงจากจักรยานเมื่อมาถึงริมลำธารที่เคยมาตกปลากันบ่อย ๆ แล้ว เขาก็ว่าเขาหนักอยู่นะทำไมมาร์คดูสบาย ๆ เหลือเกินที่ลากเขาขึ้นเนินเขามาแบบไม่ให้เขาเดินเลยแบบนี้
“ก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้นไหม คุณตัวใหญ่เองต่างหาก กินอะไรเป็นอาหารเนี่ย...รถถังอย่าเล่นน้ำนะ ไปนั่งรอตรงนู้นเลย” เจ้ารถถังที่กำลังจะกระโจนลงน้ำใส ๆ ชะงักงัน มันทำหูลู่หางตกแล้วเดินเข้ามาคลอเคลียแบมก่อนจะยอมเดินไปนั่งรออยู่ที่โขดหินที่ประจำ
“กินเหมือนหมอนั่นแหละครับ” อาจจะเยอะกว่าหมออยู่หน่อยแต่มาร์คก็กินข้าวหม้อเดียวกับหมอมาหลายเดือนแล้ว “หมอว่าผมหุ่นดีไหม”
“ถามทำไมครับ” แบมหิ้วกระป๋องใส่เหยื่อกับเบ็ดตกปลาไปนั่งใกล้ ๆ ริมน้ำ มือขาวบางเริ่มแกะเชือกที่ผูกเบ็ดสองคันไว้ด้วยกันออก
“อยากให้หมอแสดงความคิดเห็นเฉย ๆ ครับ”
พอมาร์คบอกแบบนั้นแบมก็เงยหน้าขึ้นเริ่มสำรวจอีกฝ่าย แม้ว่าจะแอบมองมาหลายครั้งตอนมาร์คถอดเสื้อขุดแปลงผัก ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือตอนเล่นน้ำตกกับรถถัง แต่ก็ยังรู้สึกว่าอยากมองใหม่อยู่ดี
มาร์คเป็นคนหน้าตาดีจัด เรียกได้ว่าหล่อเหลาระดับพระเอกซีรีส์เกาหลีเลย ผิวก็ขาวสุขภาพดี กล้ามเนื้อบนร่างกายก็แน่นหนั่นไปทุกส่วน ทั้งขา แขน หน้าอก และหน้าท้องยาวไปถึงช่วงวีเชฟ…
ขนาดตอนนี้มีเสื้อยืดปิดบังอยู่ยังรู้เลยว่าใต้ร่มผ้านั่นต้องสวยมากแน่ ๆ เขาเคยสัมผัสมันบ้างตอนที่บังเอิญอยู่ใกล้ ๆ กันแล้วมือไปโดน
ทั้งแน่นทั้งแข็งจนขนลุก…
“ก็...ดีครับ”
ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ถ้าบอกว่าไม่ มาร์คก็จะถามอีกว่าไม่ดีตรงไหน และแบมก็หามันไม่เจอด้วย ไอ้ตำหนิบนร่างกายของมาร์คน่ะ
“หมอเขินทำไม”
“ผมไม่ได้เขินนะ” รีบหลบสายตา หน้าแดงคอแดงหูแดงไปหมดเลย เนี่ยนะไม่ได้เขินของหมอ?
“หมอเป็นคนปากแข็งนะครับ รู้ตัวไหม” มาร์คแซวคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้ามองกระป๋องเหยื่อตกปลาไม่ยอมเงยหน้ามามองกัน
“...”
“แล้วหมอชอบไหมครับ”
“ช..ชอบอะไร”
“ชอบผมไง”
“แล้วทำไมผมต้องชอบด้วย!” เสียงสะบัดน้อย ๆ ของหมอทำเอามาร์คหัวเราะร่วน
พอโดนจับได้หมอก็เป็นแบบนี้ทุกทีเลย…
“เพราะว่าผมหน้าตาดี หุ่นดี แถมยังมีเสน่ห์ด้วยไงครับ”
“คนอะไรโคตรหลงตัวเอง” คนตัวเล็กมุ่ยหน้าใส่ร่างสูงที่ขยับตัวมานั่งลงข้าง ๆ เขา
“หรือหมอว่าไม่จริง”
ถึงมันจะจริงแต่แบมก็ไม่ยอมรับให้อีกฝ่ายได้ใจหรอก
“เอาอันนี้ใส่ให้ผมหน่อย”
มาร์คหัวเราะอีกครั้งเมื่อคุณหมอเฉไฉไปเรื่องอื่นอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะเซ้าซี้อะไรแบมต่อ เพราะกลัวหน้าหวาน ๆ นั้นจะระเบิดเอาเสียก่อน
แบมยื่นเบ็ดตกปลาให้มาร์คจัดการใส่เหยื่อให้ เขาชอบตกปลาตรงแค่ได้นั่งมองปลามากินเหยื่อและยกขึ้นแค่นั้น นอกนั้นทำไม่ค่อยเป็น อาศัยปรมาจารย์มาร์คนี่แหละคอยชี้แนะให้
“เรียบร้อยครับ หมออย่าขยับบ่อยนะ เดี๋ยวปลามันกินแต่เหยื่อแล้วหนีไป”
มาร์คเอ่ยเตือนคนตัวเล็ก เพราะพอได้อาวุธหมอก็รีบวิ่งไปขว้างเบ็ดลงน้ำทันที ท่าทางเหมือนเด็กได้เล่นของเล่นที่ตัวเองชอบทำให้มาร์คนึกเอ็นดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“รู้แล้วน่า”
แบมยื่นปากใส่คนตัวใหญ่กว่า แต่ก็ยอมหาก้อนหินมาช่วยประคองเบ็ดตกปลาไม่ให้มันสั่นเกินไป จะถือไว้นานเข้าเดี๋ยวเมื่อยมือเหมือนครั้งก่อน ๆ เก็บแรงไว้หมุนรอกตอนปลามากินเหยื่อแล้วดีกว่า วันนี้เขาจะต้องได้ปลาก่อนมาร์คให้ได้เลย
มาร์คจัดการเบ็ดตกปลาของตัวเองบ้าง เสร็จแล้วก็มายืนถือคันเบ็ดนิ่ง ๆ มองน้ำใสที่ไหลเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยรอปลามา เขาเงียบ หมอก็นั่งเล่นกับรถถังไป แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดความอึดอัดใด ๆ ระหว่างกัน
ออกจะสบายใจมาก ๆ ด้วยซ้ำไป…
“หมอคิดจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพอยู่ไหมครับ”
แบมแบมละสายตาจากรถถังเงยหน้ามองร่างสูงที่มองเขามาก่อนอยู่แล้ว ใบหน้าติดหวานก้มลงมองกระแสน้ำใส ครุ่นคิดคำตอบของคำถามนั้นไม่นานเท่าไร
“ก็คิดอยู่เหมือนกันครับ อันที่จริงผมมีแพลนจะทำวิจัยกับอาจารย์แพทย์หลายคนด้วย มีแต่คนเก่ง ๆ ถ้าได้ร่วมงานกันผมคงได้ความรู้ใหม่ ๆ มาพัฒนาตัวเองเยอะเลย”
โรงพยาบาลที่กรุงเทพหลายแห่งติดต่อแบมมาต้องการตัวเขาไปทำงานด้วย รวมถึงโรงพยาบาลเดิมที่เคยทำก็ยังตามง้ออยู่ไม่ขาด ไหนจะเรื่องต่อเฉพาะทางอีก อาจารย์หมอหลายท่านเคยบอกว่าแบมเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นหมอ เขารักในอาชีพ อายุแค่นี้ฉลาดขนาดนี้ยังไปได้อีกไกล และแบมคงทำประโยชน์ให้คนหมู่มากได้ไม่น้อย
“หมอดูเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นนะครับ”
ใช้ชีวิตด้วยกันมาไม่ใช่ว่านานหรอก แต่มาร์คก็ดูออกว่าแบมน่ะ ที่บ้านปลูกฝังมาดีแค่ไหน แม่แบมชอบช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลยังไงคนลูกก็ไม่ได้ต่างกันเลย
“อะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ผมก็อยากทำทุกอย่างนั่นแหละครับ”
มาร์คยิ้มเอ็นดูออกมา หมอของเขาไม่ได้สะอาดแค่ร่างกายนะ จิตใจหมอก็ดีมาก ๆ ด้วย ดูสิ ตัวเล็กแค่นี้ก็เป็นคุณหมอที่รักษาคนอื่นมาเยอะแยะได้แล้ว คนเก่งของเขาล่ะ
“หมอครับ”
“ครับ?” แบมเงยหน้าขึ้นมาสบตามาร์ค รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายทำให้หน้าเขาร้อนขึ้นมาอีกแล้ว
“ไม่ว่าวันข้างหน้าหมอจะอยากทำอะไร ไม่ว่ามันจะได้หรือไม่ได้ สำเร็จหรือไม่สำเร็จ หมอก็ยังมีผมที่จะอยู่ข้างหมอเสมอนะครับ ไม่ว่าหมอจะเฟลสำหรับใครแต่ยังไงหมอก็คือเดอะเบสท์ของผมนะ” มาร์คเอ่ยบอกเสียงหนักแน่น “แม่เองก็ภูมิใจในตัวหมอมากเหมือนกันนะครับ”
เหมือนกัน…
“ขอบคุณนะครับ”
แบมส่งยิ้มหวานกลับไปให้มาร์ค ก่อนจะก้มหน้าดูน้ำในลำธารต่อ แต่รอยยิ้มของหมอไม่ได้จางหายไปไหน มันยังคงประดับอยู่บนใบหน้านวลใสนั้น
แบมเคยคิดมานานแล้วว่าเขาจะมีโอกาสได้มีใครสักคนแบบนั้นไหม ใครสักคนที่ภูมิใจที่มีเขาอยู่ในชีวิต ใครสักคนที่ไม่กดดันให้เขาต้องทำได้เพียงอย่างเดียว ใครสักคนที่เข้าใจว่าเขาก็คนธรรมดาคนหนึ่ง มีผิดพลาด มีสำเร็จ มีวันที่ดี มีวันที่เหนื่อย ใครสักคนที่พร้อมจะอยู่ข้างเขาไม่ว่าวันนั้นมันจะดีหรือแย่แค่ไหนก็ตาม
เหมือนเขาจะเจอแล้วสิ…
“ได้แล้ว!”
แบมร้องออกมาด้วยความดีใจเมื่อเบ็ดกระตุกเรียก และพอเขารีบหมุนรอกขึ้นมาก็ได้ปลาขนาดเท่าผ่ามือ แต่มาร์คเคยบอกว่าปลาน้ำจืดชนิดนี้เท่านี้ถือว่าใหญ่เต็มตัวแล้ว
“มา ผมช่วยจับนะ”
มาร์คขยับตัวเข้าไปเอาปลาออกจากเบ็ดแล้วใส่ถังที่เตรียมมาด้วย ใส่น้ำเข้าไปให้ปลาไม่ตายก่อนถึงบ้านปิดท้าย เพราะตัวมันไม่ได้เล็กมาร์คกับแบมจึงเลือกมันเป็นอาหารเย็นในวันนี้ ปกติแล้วถ้าได้ตัวเล็กพวกเขาก็จะปล่อยไปรอให้มันโตก่อน
“เอาอีกตัวพอแล้วเนอะ เอาแค่พออิ่ม”
“ครับ” มาร์ครับคำระหว่างเอาเหยื่อใส่ให้หมออีกรอบ
แบมจุ่มเบ็ดลงน้ำอีกครั้งรออีกสักพักปลาก็มากินเหยื่อ แต่มันก็กินแค่เหยื่อแล้วหายไปเลย ของมาร์คก็เช่นกัน ใส่เหยื่อตัวแล้วตัวเล่าก็เสียเปล่า จนเหยื่อหมดพอดีมาร์คถึงได้ปลามาอีกตัว
“ขึ้นไปข้างบนก่อนไหมครับ” เก็บอุปกรณ์อะไรกันเรียบร้อยแล้วแบมก็หันไปถามมาร์ค
ข้างบนที่ว่าคือจุดชมวิวบนเขาที่ไม่ได้อยู่สูงมากนักแต่ก็เห็นทิวทัศน์ของตัวอำเภอเล็ก ๆ นี้ได้เกือบหมด มาร์คไปครั้งแรกเมื่อเดือนก่อน และเขาก็ชอบตรงนั้นมาก มาแถวนี้ทีไรต้องพาแบมไปทุกครั้ง
“ไปครับ มาผมถือเอง หมอเอาอันนี้ไปนะ”
มาร์คให้แบมถือแค่คันเบ็ดกับกระป๋องเปล่า ส่วนถังน้ำใส่ปลาค่อนข้างหนักเขาเลยไม่ยอมให้หมอหิ้ว พวกเขาทิ้งจักรยานไว้ตรงนี้เพราะเดินขึ้นไปง่ายกว่า มันก็ไม่ไกลเท่าไรด้วย
70%
บนจุดชมวิวที่ทอดยาวประมาณสองร้อยเมตรนี้ วัยรุ่นและชาวบ้านแถวนี้จะชอบขึ้นมาบ่อยในช่วงวันหยุด หลายที่จึงจะมีเพิงหญ้ามุงไว้ให้หลบแดดอยู่ด้วย มาร์คเองก็เอาไม้เอาหญ้ามาทำไว้เป็นจุดของเขากับหมอเหมือนกัน มาร์คเดินดูมาหลายที่ เขาว่าจุดที่เขาทำไว้นี้วิวสวยที่สุดแล้ว
เข้ามายืนหลบแดดรับลมกันได้สักพักฝนก็ดันตกลงมาเสียอย่างนั้น ตกมาทั้ง ๆ ที่แดดออกนี่แหละ
“บนเขาแบบนี้ฝนตกบ่อยจริง ๆ”
แบมบ่นแต่ก็ยื่นมือไปแตะเล่นน้ำฝนข้างนอกพลางยิ้มน้อย ๆ
ความจริงที่ทำให้มาร์ครู้สึกว่าตรงนี้มันสวยที่สุดอาจจะไม่ใช่เพราะภาพทิวทัศน์ตรงหน้าหรอก…เพราะคนข้าง ๆ เขามากกว่า
“รอสักพักก็น่าจะหยุดแล้วครับ”
แบมพยักหน้าเห็นด้วยกับมาร์ค เพราะแดดออกและเมฆก็ไม่ได้หนาอะไร ช่วงนี้ก็ไม่ใช่ฤดูฝนด้วย คงตกตามอัธยาศัยเฉย ๆ แต่อย่างนี้ก็ดีไปอีกแบบ มีรุ้งให้เห็นด้วย
“ถ้าหมอเมื่อยก็นั่งนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
แบมยิ้มให้ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นดินที่มาร์คเอาใบไม้ใบใหญ่ ๆ หลายใบมาปูซ้อนกันไว้ให้เขานั่งอย่างเช่นทุกครั้ง รถถังนอนอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าอยากจะออกไปเล่นน้ำฝนเต็มแก่แต่ก็ไม่กล้าออกไปเพราะกลัวโดนดุ
มาร์คจับใบไม้ใบใหญ่อีกใบมาม้วน ๆ เป็นทรงกรวยแล้วใช้เศษไม้ยึดติดริมของมันไว้ด้วยกัน เสร็จเรียบร้อยไอ้เจ้าใบไม้กรวยนั้นก็ถูกสวมลงบนหัวของแบมเบา ๆ
“เดี๋ยวหมอไม่สบาย”
คุณหมอตัวเล็กก้มหน้างุด รู้สึกเขินกับการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แสดงออกว่าใส่ใจของมาร์คจนเริ่มจะทำตัวไม่ถูก มาร์คยิ้มชอบใจก่อนจะทำอันเล็ก ๆ ให้รถถังบ้าง
“สงสารมันจังเนอะ”
มาร์คหันกลับมามองคนที่เริ่มจะเล่นกับปลาแล้ว มือขาวบางของแบมแตะลงไปบนน้ำในถัง แต่ก็ชักมือออกทุกครั้งที่จะไปโดนตัวปลาที่แหวกว่ายไปมาอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ตากลมที่หลุบลงมองสิ่งมีชีวิตสองตัวฉายแววเศร้าสร้อยที่ต้องใช้มันเป็นอาหาร
“แต่มันอร่อยก็ช่วยไม่ได้นะครับ”
แบมพยักหน้าให้มาร์คน้อย ๆ มันก็เป็นไปตามธรรมชาติของห่วงโซ่อาหารอ่ะเนอะ…
“อื้อ นั่นสิ เข้าใจเรานะเจ้าปลานะ ไม่เล่นด้วยแล้ว เดี๋ยวทำใจกินไม่ลงอ่ะ”
ว่าแล้วหมอก็หันไปลากรถถังมานั่งใกล้ ๆ แล้วเล่นกับหมาแทน
น่ารัก…
ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่ที่รู้จักหมอมามาร์คถึงได้นึกถึงคำนี้บ่อยนัก หมอเป็นแบบที่…แบบที่เขาชอบมาก ๆ เลย มันบอกไม่ถูกแต่มาร์ครู้สึกแค่ว่าคนแบบนี้แหละ ที่เขาตามหามาค่อนชีวิต คนแบบหมอนี่แหละ…
“ผมชอบฝนตกแบบตอนนี้มากเลย” มาร์คเอ่ยบอก
จริงอยู่ที่อากาศมันเย็น ๆ ชื้น ๆ ชวนให้เหนียวตัว แต่เขากลับไม่หงุดหงิดเลย รู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากด้วยซ้ำ มันดีอ่ะ มันดีจริง ๆ
“แบบไหนครับ?”
“แบบที่มีหมออยู่ด้วยกัน” แบบที่ได้ยืนมองหมอเล่นนู่นเล่นนี่ มองหมอหัวเราะและยิ้มได้ง่าย ๆ แบบนี้ โคตรจะเพลิดเพลิน โคตรจะมีความสุข
“อ..อื้ม”
แบมขานรับเสียงเบา ไม่กล้าเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายด้วยรู้ว่าจะเจอกับอะไรที่ทำให้เขาเขินจนไม่ไปเป็นทุกครั้ง
“ผมถามเรื่องแฟนเก่าหมออีกได้ไหม”
“ได้สิครับ” แบมพยักหน้าตอบกลับน้ำเสียงสบาย ๆ ไม่ได้รู้สึกว่ามาร์คละลาบละล้วงอะไร เขาเองก็รู้สึกเฉย ๆ ที่จะพูดถึงไปแล้วด้วย
“ถ้าเขากลับมาขอคืนดี หมอจะดีด้วยไหมครับ”
“ผมเป็นพวกเจ็บแล้วจำนะ”
แบมไม่เคยคิดจะกลับไปคบกับแฟนเก่าตั้งแต่ที่เขาคนนั้นบอกเลิกกันอย่างไม่ไยดีแล้ว ตอนรักเขาก็รักมากอยู่หรอก แต่พอถึงจุดที่ทำใจได้และหมดรักแล้ว แบมก็ไม่คิดจะกลับไปอ่านหนังสือเล่มเก่าที่ทำเขาเสียน้ำตามาหลายต่อหลายหน้าอีก
“แต่ก็ดูใจอ่อนง่ายอยู่เหมือนกัน”
“ไม่ใช่กับครั้งนี้ครับ” ไม่ใช่กับอะไรที่เห็นอยู่กับตาว่าผิดแต่กลับยอมโง่อยู่ต่อไป อันที่จริงเขาควรจะคิดได้ตั้งแต่ฝ่ายนั้นทำผิดต่อเขาซ้ำ ๆ ซาก ๆ แล้วด้วยซ้ำ ไม่น่าให้ความรักมันบังตามานานขนาดนี้ “คุณยิ้มทำไม”
แบมเงยหน้ามองเมื่อมาร์คเงียบไป และก็เห็นว่าเจ้าของร่างสูงกำลังยิ้มให้เขาอยู่
แบมเคยบอกหรือยังนะว่าเวลามาร์คยิ้มน่ะ ออร่าความหล่อของอีกคนเปล่งประกายจนแสบตาแค่ไหน เนี่ย แบมแสบจนต้องเบนสายตาไปมองอย่างอื่นแทนแล้ว
“แค่คิดว่าตัวแค่นี้เองแต่ทำไมหมอกลับดูไม่อ่อนแอเลยนะ” มาร์คเอ่ยกับคุณหมอตัวเล็ก ดีใจกับหมอที่ไม่ต้องเจ็บกับความรักอีกต่อไป และยังดีใจกับตัวเขาเองด้วย…
ตอนนี้มั่นใจมาก ว่าหมอลืมรักครั้งเก่าได้แล้ว หมอพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่แล้วจริง ๆ…
“เพราะอ่อนแอจนโดนกระทำมาเยอะแล้วมั้งครับ เลยต้องเริ่มปกป้องตัวเองบ้าง”
“หมอทำถูกแล้วครับ” มาร์คชอบที่หมอเป็นแบบนั้น เขาชอบเห็นคนรักตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเองและรู้จักปกป้องความรู้สึกของตัวเอง
“แล้วคุณ…อยากกลับบ้านบ้างไหมครับ”
แบมถามเรื่องของมาร์คบ้าง เขาว่าจะถามมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่กล้าสักที…
“หมอไล่ผมอยู่หรือเปล่า”
แบมรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที เพราะกลัวว่ามาร์คคิดแบบนี้ไงเลยไม่กล้า กลัวมาร์คจะเข้าใจผิดแล้วรู้สึกไม่ดี
“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะครับ แค่ลองถามดูเฉย ๆ” แบมจะอยากไล่มาร์คไปทำไม ในเมื่อพอมีอีกคนอยู่ด้วยแล้วชีวิตเขามีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
“...”
“คนเราน่ะ ต่อให้จะไปเถลไถลที่ไหนนานแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องกลับบ้านนะครับ”
มาร์คอยู่ที่บ้านแบมมาห้าเดือนแล้ว แบมคิดว่ามาร์คควรจะกลับไปหาครอบครัวบ้าง อย่างน้อยให้พวกเขาได้มั่นใจว่ามาร์คไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง “คนที่บ้านคุณเองก็อาจจะรออยู่เหมือนกันนะ พวกเขาคงคิดถึงคุณแล้วล่ะครับ”
ก็จริงอย่างที่แบมพูด มาร์คมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เขาหายไปนานแบบนี้ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง คนที่ร้อนใจที่สุดคงเป็นปู่ของเขา ถึงจะรู้ว่าเขาปลอดภัยแต่ถ้ายังไม่ได้เจอหน้าแบบนี้ปู่คงยังไม่สบายใจแน่ ๆ
“ผมก็คิดถึงพวกเขาเหมือนกันครับ”
“งั้นกลับบ้านไหมครับ”
แบมอยากให้มาร์คไปทำอะไรที่ต้องทำและควรทำ ไปดูแลคนที่รักเพื่อจะไม่มานั่งเสียดายทีหลัง ไม่อยากให้อีกคนเจ็บปวดกับคำว่าสายเกินไป
“หมอกลับกับผมไหม?”
คงจะดีไม่น้อยถ้าหมอกลับกรุงเทพไปด้วยกัน อย่างน้อยก็ไม่ไกลกันมากเท่าตรงนี้…
“คุณกลับก่อนค่อยมาชวนผมไปเที่ยวบ้านคุณทีหลังก็ได้”
“หมอพูดแล้วนะ” มาร์คยิ้มจนเต็มแก้มที่หมอไม่ปฏิเสธ อีกทั้งประโยคของแบมยังบอกเป็นนัย ๆ ว่าหมอจะกลับไปแน่ จะกลับไปอยู่ใกล้ ๆ มาร์คแน่นอน
“คุณก็อย่าลืมมาชวนผมแล้วกัน ผมไม่เข้าบ้านใครโดยไม่ได้รับคำเชิญหรอกนะ เสียมารยาท” แบมกัดริมฝีปากล่างตัวเองเอาไว้เพื่อกลั้นรอยยิ้ม แต่มันยากจัง สุดท้ายเขาก็ต้องยิ้มอยู่ดีไหมอ่ะ ก็มัน…ขนาดนี้แล้วอ่ะ
“สำหรับหมอผมจะเตรียมการต้อนรับเป็นพิเศษเลยครับ” ว่าไปแล้วมาร์คก็เริ่มคิดว่าเขาควรจะทำยังไงดี
ทำยังไงให้หมอประทับใจจนอยากจะอยู่บ้านเขายาว ๆ ไปจนแก่เลยดีนะ…
“ให้มันจริงเถอะครับ”
พูดไปมือขาวบางของแบมก็ลูบตัวให้รถถังได้นอนสบาย ๆ ไปด้วย ฝนใกล้จะหยุดแล้วแต่เขาว่าจะชวนมาร์คอยู่ต่ออีกสักพัก เย็น ๆ ค่อยกลับ วันนี้แม่เลิกงานหนึ่งทุ่ม ยังไงก็มีเวลาทำมื้อเย็นเหลือเฟือ
“หมอครับ...”
“หื้ม?”
“ต่อให้ผมกลับบ้านแล้ว เราก็จะยังติดต่อ ยังพูดคุยกับแบบนี้ได้อยู่ใช่ไหมครับ”
“ได้แน่นอนครับ”
แบมไม่ได้คิดจะเลิกติดต่อกับมาร์คตราบใดที่มาร์คเองก็ยังอยากคุยกับเขาอยู่ ทุกวันนี้โลกมันก็ไปไกลแล้ว แม้แบมจะเป็นมนุษย์ที่ไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียมากนัก แต่เขาก็รู้วิธีใช้มันสื่อสารอยู่
“ผมแค่ถามอีกครั้งให้มั่นใจขึ้นกว่าเดิมเฉย ๆ”
“มั่นใจเรื่องอะไรครับ” แบมเงยหน้ามองร่างสูงที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว สบตากันเพียงครู่มาร์คก็ยิ้มออกมาและหันกลับไปมองสายฝนปรอย ๆ และแสงแดดข้างนอกต่อ…
“เรื่องที่เราใจตรงกันจริง ๆ”
ไม่ทัน แบมไม่เคยตามผู้ชายคนนี้ทันเลยสักอย่าง เผลอตัวเผลอใจแสดงความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้อยู่เรื่อย
พอแบมไม่ตอบอะไรมาร์คก็ยิ่งยิ้มเพราะรู้ว่าหมอเขิน ร่างสูงเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ แบม ก่อนจะยื่นมือไปช่วยลูบตัวเจ้ารถถังที่หลับปุ๋ยไปแล้ว มาร์คเงียบไปนานจนแบมต้องเอ่ยปากถาม
“คิดอะไรอยู่ครับ”
“คิดถึงหมอไงครับ”
มาร์คไม่ได้โกหก เขากำลังคิดว่าจะทำยังไงดีให้ได้หมอมาอยู่ข้างกาย คิดว่าตอนนี้เขาดีพอหรือยัง ถ้ายัง มาร์คต้องพยายามตรงไหนเพิ่มเติมอีกไหม
“ผมก็อยู่ตรงนี้”
มาร์คมองเจ้าของหูแดง ๆ ที่แม้จะคุยกับเขาอยู่แต่ก็ยังก้มหน้าไม่ยอมสบตากัน เขาเคยครุ่นคิดทบทวนมาหลายต่อหลายครั้งว่ากับคนนี้เขาจะจริงจังไหม จริงจังได้แค่ไหน และนอกจากคำตอบในหัวใจจะไม่เคยโผล่คำว่าไม่ออกมาเลย มันยังชัดเจนไปด้วยคำว่า ‘มาก’ อีกด้วย
เป็นครั้งแรกที่เริ่มคิดจะแชร์อีกครึ่งชีวิตร่วมกับใครสักคน และคน ๆ เดียวคนนั้นมาร์คก็อยากให้เป็นแบม…
“หมอครับ”
ไม่รู้ว่าจะไปกันได้ดีไหม แต่ตอนนี้มาร์ครู้แค่ว่า…
“ครับ?”
“ผมชอบหมอจริง ๆ นะ”
…โคตรชอบหมอเลย
“…” แบมรู้แล้ว รับรู้ได้จากการกระทำที่ชัดเจนของมาร์คมาตลอดนั่นแหละ
“ถ้าเขิน หมอไม่ต้องพูดก็ได้ครับ” แบมเงยหน้ามามองมาร์คแป๊บนึงก่อนจะก้มหน้ากลับไปมองรถถัง แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับมาร์คแล้ว “แค่มองตาหมอผมก็รู้แล้วว่าหมอคิดอะไร”
อย่างที่คนเขาบอก ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ
และตอนนี้ดวงตาของหมอก็กำลังบอกมาร์คว่าหัวใจหมอน่ะ…
…ชอบมาร์คเหมือนกัน
✧Vitamin B ✧
To be continue…
#มบย่อมาจาก
อยากจะแหมไปถึงดาวอังคาร จีบกันไปเขินกันมาอยู่ได้
ขนาดนี้แล้วก็ควรจะคบ ๆ กันให้จบ ๆ ไปเลยค่ะ หาที่ใช่กว่านี้ไม่มีแล้วนะ5555
วันละนิดจิตแจ่มใสกันเนอะ
นุ๊กพยายามจะมาอัพทุกวันนะคะ แต่เพราะพรู๊ฟไม่ค่อยทันเลยขอขี้โกงด้วยการอัพวันละ 35% ตอนแรกถามเพื่อนว่าวันละ 2% ดีไหม เพื่อนด่าอ่ะค่ะ งงมาก มันน้อยตรงไหน 55555
ติชมหรือ บลา ๆๆ ร่วมกันได้ที่ #มบย่อมาจาก นะค๊าา
ขอบคุณมาก ๆ เช่นเคยค่าา ❤️
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ละมุนมากก
อ่านเเล้วเขินมากๆ ทำไมเค้าสองคนถึงน่ารักกันขนาดนี้
โอยยยยยยยยยยละมุนน
กลัยมาอ่านอีกรอบก็ยิ้ม
หุบยิ้มไม่ได้เลย????????
เขินนนนเหมือนเป็นคุณหมอเลย5555