ตอนที่ 4 : Chapter 4 All I do is think of you [100%]
Chapter 4
All I do is think of you
หลังจากวันนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ มาร์คก็ได้เวลาที่ต้องจาก…
มันเกิดขึ้นในสายของวันหนึ่งหลังจากที่แม่ออกไปทำงานแล้ว มาร์คไปรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน แบมก็กำลังล้างจานอยู่ในครัว เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นติดกันสองสามครั้ง คุณหมอตัวเล็กจึงรีบล้างมือเพื่อออกไปต้อนรับแขก
ปกติเวลาสาย ๆ ไม่ค่อยมีใครมาที่บ้านเพราะคลินิกก็ยังไม่เปิดและคนก็มักจะไปโรงพยาบาลกันมากกว่า
อาจจะเป็นเพื่อนบ้าน เพราะรถถังไม่เห่าเลย…
“สวัสดีครับ”
“ส..สวัสดีครับ มาหาใครครับ” แบมมองสำรวจคนแปลกหน้าที่เป็นผู้ชายใส่ชุดสูทสีดำสนิทประมาณห้าหกคน
พอเดาได้ว่าไม่ใช่คนแถวนี้อย่างแน่นอน สมองก็รีบประมวลผลอย่างรวดเร็ว
คนของพี่ชายมาร์คหรือเปล่า หรือว่าพวกของอันธพาลที่ตลาดที่หายหัวไปพักใหญ่แล้ว…
“คุณหมอน่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะครับว่าพวกเรามาหาใคร”
พูดอย่างนี้แสดงว่ารู้จักมาร์ค แบบนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย เกิดคนพวกนี้เป็นคนของพี่ชายมาร์คจะทำยังไงล่ะ มาร์คจะไม่โดนยิงตายหรือยังไง “ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ครับ” แบมตอบกลับน้ำเสียงหนักแน่น ร่างเล็กหันไปค้อนรถถังที่นั่งกินขนมอยู่ใกล้ ๆ
เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ แค่เขาเอาขนมให้กินก็กระดิกหางดุ๊กดิ๊กใส่เขาแล้ว ไอ้หมาโง่!
“อย่าให้เราต้องใช้กำลังเลยนะครับ”
“ยังไงก็ไม่ได้ครับ”
แบมเผลอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาห้าม แต่ฝั่งนั้นก็ดูจะไม่ได้เกรงกลัวอะไรเขาสักนิด ดูแล้วถ้าต้องสู้กันขึ้นมาจริง ๆ แบมคงแพ้ในห้าวินาที แต่ถามว่าเขาจะหนีไหม ไม่หรอก เพื่อความปลอดภัยของมาร์ค แบมสู้อยู่แล้ว
“จัดการเลย”
“ถ้าพวกคุณเข้ามาผมจะแจ้งตำรวจนะ!” คุณหมอตัวเล็กตะโกนขู่แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ฟังแต่อย่างใด ยังย่างสามขุมเขามาหาแบมจนใกล้จะถึงตัว “หยุดนะ!”
“อย่าแตะต้องน้องแบม”
ยังไม่ทันที่ชายชุดดำจะเข้ามาจับตัวแบมไว้ เสียงทุ้มต่ำของมาร์คก็ดังขัดขึ้นก่อน และพวกนั้นก็เหมือนจะฟังคำสั่งอย่างดีเยี่ยม
แบมรีบวิ่งไปหามาร์ค ร่างสูงจับมือคุณหมอไว้ดันให้ไปยืนอยู่ข้างหลังเขาก่อนจะหันมาทำสายตาตำหนิผู้มาใหม่
มาดี ๆ ไม่ได้หรือยังไง ทำให้คุณหมอของเขากลัวจนตัวสั่นหมดแล้วเนี่ย…
“นาย…”
“นายครับ นายปลอดภัยจริง ๆ ด้วย”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเหล่าชายโฉด ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้ายังทำหน้าโหดอยู่แท้ ๆ ทั้งหมดทำท่าจะเข้าไปสำรวจตัวมาร์คแต่ร่างสูงก็ยกมือห้ามแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าเขาสบายดี
“นายท่านดีใจมาก ๆ เลยนะครับที่รู้ว่านายยังมีชีวิตอยู่”
แบมว่าไม่ใช่แค่นายท่านอะไรที่พูดถึงนั่นดีใจหรอก คนพวกนี้ก็ดูท่าดีใจเหมือนกัน
“จะมาทำไมไม่บอกก่อน”
“ไม่รู้จะบอกยังไงนี่ครับ นายไม่ให้ข้อมูลอะไรไว้ให้พวกเราติดต่อกลับเลย”
“ไปคุยกันหลังบ้าน ขอโทษคุณหมอเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษนะครับคุณหมอ” เหล่าชายชุดดำก้มหัวให้แบมเก้าสิบองศาอย่างพร้อมเพรียงเพื่อเป็นการขอโทษ คนตัวเล็กเองก็ค้อมศีรษะน้อย ๆ ตอบกลับไปเพราะแน่ใจว่าเขาเด็กกว่าทุกคนในนี้แน่นอน
“ม..ไม่เป็นไรครับ”
พอได้ยินคำให้อภัยทั้งหมดก็เคลื่อนย้ายตัวเองไปรอมาร์คที่หลังบ้านตามคำสั่ง
มาร์คเห็นหมอยังทำหน้าเอ๋อ ๆ มองตามคนแปลกหน้าไปไม่ละสายตาสักที มาร์คก็เข้าไปแตะแขนแล้วก้มลงไปกระซิบบอก
“เขามาดีครับ ขอโทษที่ทำให้หมอตกใจนะ”
“ค…คุณเป็นใครกันแน่ครับ”
มีคนใส่สูทมากมายอย่างนี้เรียกว่านาย มาร์คคงไม่ได้มีอาชีพขายข้าวแกงแน่ ๆ แต่มาร์คเคยบอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายและแบมก็เชื่อว่ามาร์คไม่ได้โกหก คงไม่มีอะไรต้องกังวล
“หมออยากให้ผมเป็นใครล่ะครับ”
ก็อยากให้มาร์คเป็นมาร์คนี่แหละ…
“พวกเขาจะไม่ทำอะไรคุณใช่ไหม”
แต่จะเป็นใครก็ช่างเถอะ ตอนนี้แบมแค่อยากมั่นใจว่ามาร์คจะปลอดภัย
“พวกเขาไว้ใจได้ครับ”
แบมเห็นรอยยิ้มของมาร์คก็นึกเบาใจ ร่างสูงขอตัวไปคุยกับแขก แบมเองก็ได้แต่แอบมองอยู่ข้าง ๆ หน้าต่าง มาร์คทำสีหน้าลำบากใจ แต่ลูกน้องหลายคนก็พยายามพูดอะไรอยู่หลายอย่าง พร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้ร่างสูงไปคุยกับใครสักคนที่คงสำคัญมากพอที่จะทำให้มาร์คพยักหน้าตกลงกับเหล่าชายชุดดำไป
ไม่นานพวกเขาก็กลับเข้าบ้านมา คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าคนอื่น ๆ โค้งศีรษะลาแบมและมาร์คพร้อมบอกกล่าวว่าพรุ่งนี้เช้าจะมารับ
มาร์ครับปาก…
พอทั้งบ้านเหลือแค่เขาสองคนร่างสูงก็ส่งยิ้มให้แบม รู้ว่าคุณหมอคงมีคำถามมากมาย และมาร์คก็พร้อมจะตอบทุกคำถาม
“คุณต้องกลับบ้านแล้วใช่ไหมครับ”
มาร์คเคยเล่าให้ฟังว่าบ้านพ่อเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ คนพวกนั้นบอกว่าจะมารับ คงไม่ได้มารับมาร์คไปตลาดหรือไปแถวนี้หรอก คงไม่ใช่ใกล้ ๆ หรอก…
“ตอนนี้ผมก็อยู่บ้านนะครับ”
สำหรับมาร์คที่ที่เขาอยู่ตอนนี้เขาก็นับว่าเป็นบ้านเหมือนกัน เพราะเขาอยู่แล้วรู้สึกปลอดภัย รู้สึกเป็นที่ ๆ ที่เขาอยู่แล้วมีความสุข อีกทั้งยังมีคนที่เขาอยากอยู่ด้วยอยู่ตรงนี้
“หมายถึงบ้านของคุณ”
แบมเดินตามมาร์คไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น คนตัวโตมองหน้าเขาแล้วยิ้มอีกครั้งก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาเงยหน้ามองฝ้าเพดานบ้านสีขาวครีมสะอาดตา
“ถึงจะไม่อยากไปจากที่นี่แค่ไหน แต่ตอนนี้ผมก็จำเป็นต้องกลับไปแล้วครับ”
อันที่จริงมาร์คเตรียมการจะกลับไปตั้งแต่สามเดือนก่อนที่โทรศัพท์กลับไปแจ้งข่าวที่บ้านแล้ว แต่เพราะหมอแบมนี่แหละที่ทำให้เขาไม่อยากจากที่นี่ไป มาร์คแอบถ่วงเวลากับปู่ไปมาอยู่นาน พอทางนั้นจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็ชักจะไม่มีข้ออ้างที่ไม่กลับไปแล้ว
“ครับ”
“หมอโกรธผมไหม” มาร์คหันมามองหน้าแบมตรง ๆ กลัวเหลือเกินกลัวว่าเขาจะทำให้หมอไม่มั่นใจ
“ผมจะโกรธคุณทำไมล่ะครับ”
“ผมกลัวหมอคิดว่าผมจะทิ้งหมอ”
แบมยิ้มให้ประโยคนั้นของมาร์ค เอาตรง ๆ ก็คงเหงาพอตัวถ้าไม่มีมาร์คอยู่ด้วยแบบหลายเดือนที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้นสักหน่อย แค่กลับบ้านไม่ได้หมายความว่าต้องทิ้งกันนี่
“ผมเข้าใจคุณนะครับ”
ยิ่งหมอยื่นมือขาวสะอาดมาแตะมือเขาและเอ่ยประโยคนั้นด้วยเสียงบางเบา มาร์คก็ยิ่งอยากทำตัวเอาแต่ใจเหมือนตอนเป็นเด็ก แต่คำว่าความรับผิดชอบมันก็ค้ำคออยู่นี่สิ
“เพราะว่ามีคนอีกหลายคนจำเป็นต้องพึ่งพาผม มีหลายอย่างที่ผมต้องกลับไปทำ” ร่างสูงละสายตาจากแบมอีกครั้ง กลัวว่าถ้าสบตาหมอนานกว่านี้อีกสักหน่อย เขาคงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเป็นแน่
แบมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของมาร์ค ไม่รู้ว่าผู้ชายที่ดูดีไร้ที่ติคนนี้จริง ๆ แล้วชีวิตเขาต้องรับผิดชอบอะไรมากมายขนาดไหน แต่แบมเชื่อ…
“คุณเป็นคนเก่งนะครับ ผมเชื่อว่าคุณจะทำได้ดีเท่าที่คุณอยากให้มันดี”
เชื่อว่าไม่ว่าเรื่องในชีวิตมันจะยากสักแค่ไหน มาร์คก็จะผ่านมันไปได้ไม่ช้าก็เร็ว “แต่ต่อให้มีเรื่องที่คุณทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงผมก็ยังอยู่ข้างคุณอยู่ดี”
มาร์คพรูลมหายใจออกมา ไม่รู้จะจัดการกับความน่ารักของแบมยังไงดีแล้ว…
“เก่งแค่ไหนหมอก็มาทำให้ผมแพ้หมออย่างนี้ทุกทีเลย”
สายตาคมละจากจุดที่เขาไม่ได้โฟกัสแต่แรกมามองคนข้างกาย พอรู้สึกว่าได้รับกำลังใจอย่างมากมายจากคนที่คาดหวัง รอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็ถูกส่งไปให้หมอ
“แล้วไม่ดีหรือครับ” แบมก้มหน้าลงหลบสายตามาร์ค กำลังจะขยับมือออกแต่เจ้าของมือใหญ่กว่ากลับคว้ามันไปกุมเอาไว้แน่นเสียแล้ว
แบมไม่คิดจะชักมือออกหรือปฏิเสธสัมผัสอุ่นจากมาร์ค เพราะเขาไม่ได้รู้สึกแย่ กลับกันมันทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีอีกต่างหาก
“ดีสิครับ ดีมาก” มาร์คขยับมือใช้นิ้วทั้งห้าสอดประสานกับมือเล็ก ๆ ของหมอ แล้วนั่งมองมือของพวกเขาที่กุมกันไว้อยู่อย่างนั้น
ไม่เคยคิดว่าแค่การจับมือกันกับคนที่เรารู้สึกด้วยมาก ๆ มันจะดีขนาดนี้ มาร์คยอมรับเลยว่าหัวใจเขาทำงานหนัก เหมือนเด็กหนุ่มพึ่งหัดมีความรักทั้ง ๆ ที่อายุเข้าเลขสามและผ่านเรื่องแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
“คุณเคยบอกว่าคุณทำงานหนัก”
เลยไม่ค่อยมีเวลาไปจริงจังกับใคร…อันหลังแบมก็จำได้แต่ไม่ได้พูดออกไป เพราะมันก็ไม่ใช่เวลาไหมล่ะ
“ครับ ก็พอตัว”
ได้ยินแบบนั้นแบมก็ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง ๆ ขนาดไม่มีงานทำมาร์คยังขยันทุกวัน ต่อไปนี้กลับไปทำงานอีกคนคงบ้างานมากแน่ ๆ
“ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะครับ อย่าหักโหมมาก มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
มาร์คมองเจ้าของประโยคแสดงความห่วงใยนั้นทั้งรอยยิ้ม ไล้นิ้วมือใหญ่ของตนลูบมือนุ่มของแบมไปมา เขาจะพยายามทำตามคำสั่งของคุณหมอทุกอย่างให้ได้เลย
“หมอ...”
“ครับ?”
แบมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตามาร์ค รอยยิ้มหล่อถูกส่งให้เขาอีกครั้ง และมันก็ดูหวานขึ้นทุกครั้งเสียด้วยสิ…
“ขอบคุณนะครับ” หมอเป็นพลังงานชั้นดีของมาร์ค เป็นอะไรสักอย่างที่แค่ได้มอง แค่ได้รับรอยยิ้มสวยหวานก็ทำให้เขามีแรงจะไปสู้กับโลกใบนี้ต่อ
“ผมเป็นกำลังใจให้คุณอยู่ตรงนี้เสมอนะครับ”
ถ้ามาร์คเหนื่อยหรือท้อ แค่หันมามองข้าง ๆ แบมก็จะยังอยู่ตรงนี้ อยู่ให้กำลังใจมาร์คเสมอ
“ผมเองก็จะเป็นกำลังใจให้หมอในทุก ๆ ที่นะครับ”
“ครับ”
แบมยิ้มให้มาร์คอีกครั้งกระชับมือที่จับกันอยู่ให้แน่นขึ้นอีกสักหน่อย แค่นั้นมาร์คก็ยิ้มสบายใจออกมาจนเต็มแก้ม
“ขอบคุณที่หมอเข้าใจผมนะ”
ไม่เป็นไร มาร์คจะคิดเสียว่าการที่เขาต้องกลับไปทำงาน กลับไปรับผิดชอบหลาย ๆ อย่าง กลับไปใช้ชีวิต ก็เพื่อให้เขาได้เป็นผู้ชายคุณภาพดี เป็นผู้ชายที่มีพร้อมในทุก ๆ อย่าง เป็นคนที่พึ่งพาได้ เป็นคนที่แม่จะฝากหมอไว้กับเขาได้อย่างไร้ความกังวล
เพื่อความสัมพันธ์ที่มันจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างมั่นคงของเรา มาร์คพร้อมแล้วที่จะทำทุกอย่าง พร้อมแล้วที่จะเติบโตไปอีกขั้น
ถึงตอนนั้นแล้วถ้าหมอจะปฏิเสธ มาร์คก็ไม่ยอมแล้วด้วย เขาแก่แล้ว เหนื่อยที่จะเล่น ๆ กับใครแล้ว…
✧Vitamin B ✧
40%
เย็นวันนั้นมาร์คเข้าไปบอกแม่ว่าเขาจำเป็นต้องกลับบ้านแล้ว แม่ทำเพียงแค่ยิ้มและให้กำลังใจ เพราะเข้าใจดีว่าคนเรายังไงก็ต้องกลับบ้าน เธออวยพรให้มาร์คประสบความสำเร็จในทุก ๆ สิ่งที่ทำ ย้ำให้ดูแลสุขภาพปิดท้ายตามฉบับคุณหมอ
เช้าอีกวัน คนของมาร์คมารับร่างสูงพร้อมด้วยรถตู้สีดำเงาวับสามคัน ที่แบมกับแม่เคยคิดว่ามาร์คคงมีฐานะพอตัวคงจะเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนแล้ว เพราะมีคนติดตามมากมายถึงขนาดนี้
แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นประเด็นสำคัญอะไร คนรวยในประเทศนี้มีเยอะแยะจะตายไป ขอเพียงแค่ว่าคนพวกนี้เป็นคนที่หวังดีกับมาร์คก็พอแล้ว
“ว่าง ๆ ก็กลับมาบ้านเราได้นะลูก อันนี้แม่กับน้องแบมทำให้เผื่อมาร์คหิวนะคะ”
แม่ยื่นกล่องข้าวให้มาร์คเพราะกลัวคนตัวโตจะหิวระหว่างการเดินทาง ชายชุดดำจะเข้ามารับไปถือไว้ให้แต่มาร์คห้ามก่อน
เขาจะถือไว้เอง และจะอาหารทานฝีมือของแม่กับหมอที่ทำในบ้านของเราให้หมดด้วย
“ขอบคุณแม่กับหมอมากนะครับ บุญคุณครั้งนี้ผมจะไม่ลืมเลย”
มาร์คหันไปส่งสัญญาณให้คนติดตามคนหนึ่งเข้ามาหา ชายคนนั้นส่งกระดาษหนึ่งใบให้มาร์ค ร่างสูงรับมาและยื่นให้แม่ “ผมอยากให้แม่รับไว้”
แม่ของแบมมองกระดาษเช็คหนึ่งใบในมือมาร์คที่มีเพียงแค่ลายเซ็น เธอรู้ในทันทีว่าที่มาร์คไม่เขียนตัวเลขลงไปเพราะต้องการให้คนรับใส่มันเอง คงเยอะเท่าไรก็ได้ แต่เธอก็เลือกที่จะเอื้อมมือออกไปดันกลับคืนให้มาร์ค
“อย่านับว่าเป็นบุญคุณอะไรกันเลยลูก แม่กับน้องแบมช่วยเพราะอยากช่วย ไม่ได้หวังอะไรมากกว่าเห็นมาร์คปลอดภัย และมาร์คอยู่ที่นี่ก็ทำให้บ้านหลังนี้มีความสุขด้วย ช่วยงานแม่อีกตั้งหลายอย่างแน่ะ แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ”
มาร์คยิ้มออกมาจนเต็มแก้ม เขารู้อยู่แล้วว่าแม่กับหมอต้องไม่รับอะไรจากเขาแน่นอน และเขาก็รู้ว่าไม่ควรที่จะยื่นให้เป็นครั้งที่สอง เพราะมันจะเป็นเหมือนการดูถูกน้ำใจของอีกฝ่าย
เขายังเชื่อในความดีเพราะโลกใบนี้มีแม่กับหมออยู่นี่แหละ…
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ว่าง ๆ ผมจะกลับมาเยี่ยมแม่อีกนะ” มาร์คเอ่ยขอบคุณอย่างใจจริงพลางขยับเข้าไปกอดแม่เต็มรัก แม่เองก็กอดมาร์คส่งต่อพลังบวกให้ร่างสูงจนเต็มตื้น
“มาได้เสมอเลยนะคะ”
แม่ยิ้มพลางยกมือลูบศีรษะมาร์คเบา ๆ เพราะก็เอ็นดูมาร์คเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งมาตั้งแต่พบกันครั้งแรกแล้ว
มาร์คนั่งยอง ๆ ลงมองหน้าเจ้าหมาประจำบ้านที่แหงนหน้ามองเขาตาละห้อย มาร์คเอ่ยขอมือรถถังก็ยกขาหน้าขึ้นมาวางบนมือมาร์คอย่างแสนรู้
“ถัง เฮียกลับกรุงเทพก่อนนะ เดี๋ยวว่าง ๆ จะกลับมาหานะ เป็นเด็กดีของแม่รู้ไหม ดูแลแม่กับน้องแบมด้วยนะ”
เจ้ารถถังครางหงิงทำหน้าเศร้าเหมือนมันรู้ว่ามาร์คจะจากไปแล้ว เห็นอย่างนั้นมาร์คก็ก้มลงเอื้อมมือไปลูบหัวลูบตัวปลอบใจมัน ก่อนจะยืดตัวลุกขึ้นยืนดังเดิม
“หมอครับ…”
จบจากแม่กับรถถังแล้วก็ยังเหลืออีกรายสำคัญที่มาร์คจะต้องลา แม้เขาจะไม่อยากทำแค่ไหนก็เถอะ…
“ครับ…” แบมตอบรับเสียงหงอย แม่หันมองหน้าลูกชายตัวเองก็อยากจะแหมยาว ๆ ให้รอบโลกสักที
มองจากดาวพลูโตยังรู้เลยว่าเริ่มงอแงไม่อยากให้มาร์คไปแล้ว…
“ไม่อยากกลับกรุงเทพฯหรือครับ”
แบมเงยหน้าขึ้นมาสบตาร่างสูงแป๊บนึงก่อนจะกลับไปก้มหน้าดังเดิม แบมเห็นแววความหวังอยู่ในดวงตาคู่คมของมาร์คอย่างเต็มเปี่ยม
หัวใจเขาสั่นเพราะความหวั่นไหว…อยาก แต่ก็เลือกที่จะเอ่ยตอบกลับไปอีกแบบ
“ยังไม่อยากกลับครับ”
แต่แบมคิดว่าคงอีกไม่นานหรอก เขาไม่น่าทนได้นานหรอก…
“งั้นถ้าผมคิดถึงหมอก็ต้องมาหาที่นี่อย่างเดียวใช่ไหมครับ”
พูดไปมาร์คก็เริ่มคิดหาวิธีกลับมาที่นี่แบบที่มันไวที่สุด ลูกน้องเขาบอกว่าจังหวัดนี้มีสนามบิน แต่อำเภอที่หมออยู่ก็ห่างจากสนามบินเกือบสองร้อยกิโลเมตร
หรือเขาต้องใช้เครื่องบินส่วนตัว?
แล้วจะจอดตรงไหนดีล่ะ
“คิดถงคิดถึงอะไรเล่า…” คนตัวเล็กหน้าแดงฉ่า คนก็เยอะแยะแม่ก็อยู่ด้วยมาร์คยังพูดออกมาได้หน้าไม่อาย “โทรมาก็ได้ครับ เบอร์ก็ให้ไปแล้ว”
“หมอครับ” มาร์คขยับตัวไปยืนอยู่ข้างหน้าคนตัวเล็กกว่า แค่คิดว่าต้องจากก็คิดถึงเจ้าของใบหน้านวลใสนี้จนอยากจะกอดแน่น ๆ
“ครับ?”
“ทำไมไม่เงยหน้ามามองผมเลยล่ะครับ”
หมอเอาแต่ก้มหน้าพูดกับเขา เท้าก็เขี่ยพื้นไปมาอยู่อย่างนั้น แต่พอเขาทักก็เงยหน้ามาแสร้งทำตาเขียวปั๊ดใส่กลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงเฉยเลย
“ก็ไม่ได้ไม่มองสักหน่อย”
มาร์คยิ้มกว้าง ๆ เมื่อเห็นหน้าแบมชัด ๆ รู้แล้วว่าทำไมไม่มอง
กลัวเขาจับได้ว่าหมอไม่อยากให้เขาไปไหนนี่เอง…
“ไว้ผมจะโทรฯหาหมอทุกวันเลยนะ แล้วก็…” มาร์คตัดสินใจขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วรวบคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด เพราะถ้าเขาไม่กล้า คงได้เป็นบ้าตายที่ไม่ได้ทำแบบนี้สักครั้งก่อนจาก แบมสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ผลักออก “ถ้าหมอกลับกรุงเทพเมื่อไร โทรหาผมนะครับ เดี๋ยวผมจะไปรับหมอเอง”
“อื้ม” แบมพยักหน้ากับแผ่นอกกว้าง
ใจหายอยู่เหมือนกันนะที่จะไม่ได้เจอไม่ได้พูดคุยกันแล้ว คิดได้อย่างนั้นแบมก็ยกมือกอดอีกฝ่ายกลับไปบ้าง มาร์คกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด แอบสูดกลิ่นหมอเข้าปอดไปด้วยเพื่อต่อลมหายใจ
“ไว้กันเจอนะครับหมอ”
“ไว้เจอกันครับ”
ทั้งคู่ร่ำลากันด้วยสายตาเหงาหงอยอีกสักพัก สุดท้ายมาร์คก็ต้องไปขึ้นรถกลับแล้ว ร่างสูงยกมือไหว้แม่อีกครั้ง ลูบหัวรถถังอีกที และโบกมือลาแบมจนประตูรถตู้ปิดไป ชายชุดดำทำความเคารพแม่กับแบมแล้วขึ้นรถบ้าง ไม่นานรถทุกคันก็เคลื่อนตัวออกไปติด ๆ กัน
แม่มองหน้าลูกชายตัวเองที่ยืนโบกมือให้รถตู้คันใหญ่ไปจนลับตา ตากลม ๆ รื้นน้ำใสดูเศร้าสร้อยเสียจนแม่ต้องยกมือมาแนบหน้าอกตัวเอง
แย่แล้วลูกชายแม่ คิดถึงเขามากขนาดนี้ หัวใจทำงานไม่เต็มที่แย่เลย…
ครืดดด~ ครืดดด ~
พอรถไปพ้นสายตาปุ๊บ เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของแบมก็ดังขึ้นทันทีทันใด รถถังเห่าโฮ่งและแม่ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“รับโทรศัพท์สิคะลูก” เธอเอ่ยบอกลูกชายคนเดียวก่อนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมรถถังอย่างอารมณ์ดี
ทำไมแม่ต้องทำหน้าตาล้อเลียนเขาขนาดนั้นด้วย…
“สวัสดีครับ” แบมรับสายเสียงสุภาพเพราะเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้
[คิดถึงหมอจัง]
เดี๋ยวนะ เอาอินเนอร์ความเหงาของเขาเมื่อกี้กลับมาเลยนะ โธ่เอ้ย คิดได้ยังไงว่าคนช่างตื๊อแบบนั้นจะยอมให้แบมรอดไปได้ง่าย ๆ นะ!
“พึ่งออกไปเองนะ ทำไมคุณรีบโทรจัง”
[ผมบอกไปแล้วว่าผมคิดถึงหมอ] น้ำเสียงปลายสายบ่งบอกว่าอย่างนั้นจริง ๆ คุณหมอยกมือเกาหัวตัวเองแก้เขินก่อนจะเดินเข้าบ้านไปบ้าง
เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ทำหน้ากรุ้มกริ่มเบอร์นั้น
“คิดถึงไวไปไหมครับ”
[ไม่เห็นหมออยู่ในสายตาปุ๊บผมก็คิดถึงปั๊บเลยครับ แปลกเนอะ]
“บ้าบอ…”
มาร์คได้ยินหมอบ่นอะไรไม่รู้งุ้งงิ้งฟังไม่รู้เรื่อง เดาว่าอีกคนคงทั้งเขินทั้งโมโหเขาจนทำตัวไม่ถูกอยู่แน่ ๆ ว่าไปแล้วก็คิดถึงท่าทางไปไม่เป็นอันแสนน่าเอ็นดูของหมอชะมัดเลย
ยังไม่ถึงห้านาทีที่ห่างกันดีด้วยซ้ำมาร์คก็เริ่มออกอาการแล้ว ภาวนาให้เขาอยู่รอดปลอดภัยจนถึงวันที่ได้เจอหมออีกครั้งเถอะนะ ความคิดถึงได้โปรดปรานีเขาด้วย…
✧Vitamin B ✧
“วันนี้คุณโทรมาบ่อยเกินไปแล้ว”
ครั้งที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ เจ็ดไม่ก็แปดแล้วมั้ง ปกติมาร์คจะโทรมาแค่วันละสองสามครั้งเองเพราะฝ่ายนั้นงานเยอะแยะรัดตัวเหลือเกิน แบมเองก็ไม่เคยโทรไปด้วยเพราะกลัวมาร์คจะไม่ว่าง เขาไม่อยากรบกวน
[คิดถึงนี่ครับ]
“คิดถึงก็ไม่เห็นจะกลับมาเยี่ยมสักทีเลย” แบมตัดพ้อเข้าให้ พูดมาเป็นเดือนว่าคิดถึงเขาแต่ไม่เห็นจะโผล่หัวกลับมาเลย คิดถึงจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้…
[โธ่ หมอครับ อย่าทำเสียงอย่างนั้นสิ ผมงานเยอะมากเลย เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน ไม่มีวันหยุดเลย หมอกลับมากรุงเทพได้ไหมครับ]
นี่ก็ครั้งที่เท่าไรไม่รู้เหมือนกันที่มาร์คขอแบบนี้ ดูท่าว่าอยากจะให้แบมกลับไปมากจริง ๆ
ก็นะ อยู่ใกล้ก็ดีกว่าอยู่ไกลกันอยู่แล้ว…
“ผมยังไม่อยากกลับครับ”
แบมโกหกไปคำโตเพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะกลับวันไหน ยังไม่ได้ปรึกษากับแม่ด้วย
[ผมรออยู่นะครับ…] มาร์คเอ่ยเสียงอ้อน พูดอยู่ทุกวันก็หวังว่าหมอจะใจอ่อนเข้าสักวัน แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร หมอยังไม่สะดวก มาร์คก็พร้อมจะรอต่อไป [ผมต้องไปประชุมแล้วครับ หมออย่าลืมกินข้าวเยอะ ๆ นะ]
“โอเคครับ คุณเองก็อย่าลืมเหมือนกันนะ”
[ครับคุณหมอ เลิกงานแล้วผมจะโทรไปใหม่นะครับ]
“ครับ”
แบมกดวางสาย หันมาก็เจอกับแม่ที่กำลังยืนกอดอกยิ้มล้อเขาอยู่ ร่างเล็กหน้าแดงฉ่ายกมือเกาหัวตัวเองน้อย ๆ เพราะไม่รู้ว่าแม่ได้ยินอะไรไปบ้าง ให้เดาก็น่าจะทั้งหมดแหละ
“รถถังไปไหนแล้วครับ”
แม่หัวเราะออกมาให้คนเขินจนไม่รู้จะพูดอะไร ปกติถามหารถถังที่ไหนล่ะ…
“กินข้าวจ้ะ น้องแบมก็ได้เวลากินข้าวแล้วเหมือนกันนะ”
“ครับ งั้นแบมตักข้าวเลยนะ”
“ค่ะลูก” แม่ยิ้มจนเต็มแก้มมองแบมที่รีบลุกลี้ลุกลนไปตักข้าวใส่จานด้วยความรักและเอ็นดูเกินใคร
ช่วงนี้ลูกชายเธอติดโทรศัพท์มาก ๆ วันหยุดก็เอาแต่จับโทรศัพท์รอคนโทรมาหา และเธอก็รู้ด้วยว่าน้องแบมของเธอน่ะคุยกับมาร์คทุกวันเลย บางวันคุยกันจนถึงดึก ๆ ดื่น ๆ เธอเดินผ่านห้องลูกทีไรก็ได้เสียงงุ้งงิ้ง ๆ ตลอด
จากทีแรกที่คิด ๆ ว่ามาร์คกับน้องแบมอาจจะชอบกันแบบกิ๊ก ๆ กั๊ก ๆ เพราะคนหนึ่งก็โสดคนหนึ่งก็พึ่งอกหักมา อยู่ใกล้กันเลยอาจจะเผลอใจไปบ้าง แต่นานวันเข้าก็เริ่มมองออกว่าสองคนนี้จริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มากแน่ ๆ ขนาดอยู่ไกลกันขนาดนี้ยังทำให้ความรู้สึกไม่ลดลงเลย
เผลอ ๆ มากขึ้นด้วยซ้ำ…
“น้องแบมอยากกลับกรุงเทพไหมลูก”
แบมชะงักไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินคำถามนั้นจากแม่ระหว่างมื้ออาหาร ร่างเล็กหยุดคิดสักพักก่อนจะตักข้าวกินต่อ
“ทำไมแม่ถามแบบนั้นล่ะครับ”
“ดูเหมือนลูกอยากกลับไปแล้ว”
“…” แบมไม่มีอะไรจะปฏิเสธเพราะเขาก็รู้สึกอย่างที่แม่ว่าจริง ๆ
อยู่ดี ๆ ก็คิดถึงเมืองกรุงทั้ง ๆ ที่ปกติก็ไม่ได้ชอบมันสักเท่าไร อยู่ดี ๆ ก็อยากกลับไปทั้ง ๆ ที่หนีมันมาเอง…
“แม่ว่าตอนนี้ลูกแม่เข้มแข็งและพร้อมสู้กับทุกสิ่งแล้วล่ะ กลับไปทำสิ่งที่ลูกรัก ทำฝันของลูกให้เป็นจริง กลับไปอยู่ใกล้ ๆ คนที่ทำให้ลูกมีความสุข กลับไปดีไหมจ๊ะ”
“แม่จะให้แบมทิ้งแม่อีกแล้ว”
แบมทำหน้างอแงใส่ คนเป็นแม่ยิ้มรับพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเบา ๆ
“แม่ชอบที่นี่ และอยากอยู่เป็นหมอที่นี่จวบจนลมหายใจสุดท้าย มันเป็นความสุขของแม่ น้องแบมไม่ได้ทิ้งแม่ ไม่เคยทิ้งแม่ และน้องแบมก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตแม่ เป็นคนที่ทำให้แม่มีความสุขและภาคภูมิใจจนชีวิตนี้แม่ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากเห็นน้องแบมมีความสุข”
“แม่ครับ~”
แบมหยุดกินข้าวก่อนจะลุกขึ้น เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ แม่ก่อนจะสวมกอดผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในโลกไว้จนเต็มรัก รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ จะหาใครเข้าใจเขาได้เท่าคน ๆ นี้ ไม่มีอีกแล้ว
“เราต้องหาความสุขใส่ตัวเองบ้างนะลูก”
ชีวิตคนเรามันสั้น จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แบบนั้นเธอก็อยากให้ลูกได้ใช้ทุกวินาทีของชีวิตให้มีคุณค่า เดินตามความฝัน ช่วยเหลือผู้คน และมีความสุขกับคนที่รัก “กับมาร์คลูกรู้สึกดี ๆ กับพี่เขาหรือเปล่าคะ”
“…”
“ไม่ตอบแสดงว่าใช่”
“แม่อ่ะ” รู้อยู่แล้วก็ยังชอบมาถามอะไรให้เขาเขินอยู่เรื่อย แม่ต้องติดนิสัยมาร์คมาแน่ ๆ
“คนนี้แม่โอเคนะลูก”
“แม่ครับ~”
แม่หัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนเขินจนเริ่มจะงอแงแล้ว
ปกติแฟนคนก่อนของลูกชายเธอก็พอจะรู้จักอยู่ เจอกันตอนไปเยี่ยมน้องแบมที่กรุงเทพบ้างสองสามครั้ง และเธอไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ ๆ ว่าพอเป็นมาร์ค น้องแบมดูมีความสุขและได้เป็นตัวของตัวเองกว่าเมื่อก่อนมาก
เป็นน้องแบมที่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร เป็นแค่คุณหมอที่เก่งแค่เรื่องหมอ ๆ กับเรื่องทำอาหาร อย่างอื่นก็เงอะงะทำไม่เป็นสักอย่าง
เป็นน้องแบมที่งอแงเก่ง เป็นน้องแบมที่ตื่นเต้นง่ายกับการได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ เหมือนเด็ก ๆ เป็นน้องแบมคนเดิม ๆ ของเธอที่ไม่ต้องพยายามแสดงออกว่าตัวเองโตแล้วและรับมือได้กับทุกเรื่อง
เป็นน้องแบมที่ดูสดใสและมีความสุขไปจนถึงดวงตา…
“ทั้งหล่อทั้งนิสัยดี ผู้ชายแบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ แล้วนะคะ ไม่รีบคว้าไว้มาร้องไห้ทีหลังแม่ไม่โอ๋แล้วนะ”
“ไหงกลายเป็นแม่ดูเข้าข้างเขาไปเลยอ่ะ แบมเป็นลูกแม่นะครับ”
“มาร์คก็เป็นลูกแม่เหมือนกันนี่คะ ลูกเขยอ่ะนะ”
พอแม่พูดแบบนั้นแบมก็ยิ่งหน้าแดงขึ้นกว่าเก่า รู้ว่าแม่เปิดทางให้แต่ก็ไม่คิดว่าจะเช็ดหัวกระไดบ้านต้อนรับมาร์คถึงเพียงนี้ นี่หวงเขาบ้างหรือเปล่าเนี่ย?
“แม่ครับ แบมยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลยนะ”
“อีกไม่นานหรอกค่ะ เชื่อแม่เถอะ พี่เขาไม่ได้ดูใจเย็นขนาดนั้นหรอกลูก” แม่ตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ มาร์คใจเย็นมาตั้งหลายเดือนแล้ว เธอวางยี่สิบบาทพนันตรงนี้เลยว่าไม่เกินสองอาทิตย์ แม่จะมีว่าที่ลูกเขยชื่อมาร์คอย่างแน่นอน “ตกลงอยากกลับแล้วหรือเปล่าคะลูก?”
“ก็…ครับ”
“งั้นพรุ่งนี้เลยเนอะ”
“แม่ครับ เร็วเกินไป”
แม่หัวเราะร่วนออกมาอีกครั้ง แกล้งน้องแบมให้เขินมันสนุกอย่างนี้นี่เองมาร์คถึงได้ทำบ่อย ๆ
“แม่ว่าช้ากว่าใจน้องแบมแล้วนะคะเนี่ย”
“แม่ครับ~” พอทำอะไรไม่ถูกก็มาเกาะขาอ้อนแม่ครับ แม่คร๊าบบบ ด้วยท่าทางน่ารักแบบนี้ จะไม่ให้ผู้ชายหลายคนเขามาตามจีบตลอด ๆ ได้ยังไงละน้อ
“ถ้าตัดสินใจจะกลับเมื่อไรก็บอกแม่นะ แล้วก็ฝากบอกมาร์คว่าแม่คิดถึงนะคะ ไว้ว่าง ๆ แม่จะไปเยี่ยมนะลูก หรือลูกสองคนว่าง ๆ จะกลับมาบ้านเราเมื่อไรก็ได้นะคะ”
“ขอบคุณนะครับ แบมรักแม่ที่สุดในโลกเลย”
“รักเหมือนกันค่ะลูก” แม่ยิ้มจนถึงดวงตาก่อนจะยกมือลูบศีรษะกลมของแบมด้วยความรัก
เธออยากให้ลูก ๆ ออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ถ้าเหนื่อยล้าก็แค่กลับบ้านมาพักผ่อน เติมพลังใจให้เต็มแล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าเมื่อไร ที่ตรงนี้ยังมีรักรอคอยทั้งคู่อยู่เสมอ…
✧Vitamin B ✧
To be continue…
#มบย่อมาจาก
แม่น้องแบมก็คืออิชั้นเองนี่แหละค่ะ/เช็ดหัวกระไดบ้านรอ 5555 แม่วางยี่สิบหรอคะ นุ๊กวางร้อยนึงเลย! ถถถถถ
ช่วงแรก ๆ ดำเนินเรื่องเร็วหน่อยนะคะ เพราะหลังจากที่คุณมาร์คของหมอกลับแล้ว
เรื่องความหวานของทั้งหมอกับมาร์คยังมีอีกเยอะแยะเลย อิอิ
เรื่องนี้ฟีลกู้ดแบบว่าล้านเปอร์เซ็นต์
ไม่ต้องกลัวหรือกังวลว่ามาม่าจะโผล่มากลางคันนะคะ ไม่มีหรอกค่ะ ครั้งนี้ไม่มีจริงๆ 555
ติชม หรือ บลาๆๆ ร่วมกันได้เสมอที่ #มบย่อมาจาก
ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ❤️
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณแม่ขี้ชิปอ่า 5555
แม่น่ารักก/เอ็นดูคนห่างแปบเดียวคิดถึงละ
เขิลอ่ะ เขิลแบบจริงจัง