ตอนที่ 2 : Chapter 2 And then you came into my life [100%]
Chapter 2
And then you came into my life
ผ่านมาสองเดือนกว่า ๆ แล้วหลังจากเหตุการณ์วันนั้น มาร์คอาการดีขึ้นตามลำดับ ร่างสูงตอบสนองต่อการรักษาแบบดีเยี่ยมจึงทำให้แทบจะกลับมาเป็นปกติทุกอย่างแล้ว
มาร์คอาศัยอยู่ที่บ้านคุณหมอทั้งสองอย่างเป็นปกติสุข หมอกับแม่ไม่บังคับให้เขาบอกข้อมูลอะไรมากไปกว่าชื่อและประวัติโรคภัยไข้เจ็บ ไม่เปิดเผยเหตุการณ์ของเขาให้คนอื่นรู้ ซื้อเสื้อผ้าหาที่นอนดี ๆ ให้เขา ทำเหมือนมาร์คเป็นคนในครอบครัวเดียวกันอย่างไม่นึกรังเกียจ และมาร์คก็รู้สึกขอบคุณทั้งคู่อยู่เสมอ
บ้านของแบมเป็นบ้านเดี่ยวสามชั้นขนาดใหญ่พอตัว ชั้นล่างสุดเปิดเป็นคลินิกนอกเวลา มีแม่ของแบมเป็นหมอประจำอยู่ พอแบมกลับมาก็ช่วยแม่ตรวจคนไข้ในทุก ๆ วันที่เปิดคลินิก
แม่เป็นหมอใหญ่ที่ไม่เคยเก็บค่ารักษาแพง ๆ กับชาวบ้านเพราะก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองอะไร ออกจากฐานะดีมากด้วยซ้ำ บางทีมีคนมาเรียกดึก ๆ ดื่น ๆ แม่กับแบมก็ลุกไปช่วยดูอาการให้เสมอ
และข้อดีของการเป็นที่รู้จักของคนในอำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้ของแม่ก็คือ คนไม่ค่อยสงสัยกับการมาของมาร์ค ใครถามแม่แค่บอกว่าเป็นเพื่อนของน้องแบมมาพักร้อนทุกคนก็เชื่อได้โดยง่าย
อาจจะเพราะแบมกับมาร์คลุคค่อนข้างจะเป็นเด็กเมืองกรุงมาก ๆ กลมกลืนกันอยู่แค่สองคน ดูก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ล่ะมั้ง
มาร์คเองพออาการดีขึ้นแล้ว ด้วยความเกรงใจก็พยายามจะช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอบแทนที่แม่และคุณหมอให้ที่อยู่อาศัยและอาหารอันอุดมสมบูรณ์แก่ตนเอง ถึงแม้จะโดนหมอบ่นเพราะเป็นห่วงบ้าง มาร์คก็ยังแอบทำงานบ้านอยู่ดี
“หมอ เย็นนี้ให้ผมไปตลาดด้วยได้ไหมครับ”
แบมที่กำลังนั่งลิสต์รายการซื้อของสดเข้าบ้านอยู่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนเช็ดจานอย่างขะมักเขม้น
มาร์คเรียกแบมว่าหมอ เรียกแม่ว่าแม่เฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่แม่ก็เป็นหมอเหมือนกัน แต่จะให้อีกฝ่ายหยุดเรียกเขาว่าหมอแล้วเรียกน้องแบมเหมือนแม่ แบมคงขนลุกพิลึก…
“คุณอยากได้อะไร ผมจะซื้อมาให้”
แบมยังไม่อยากให้คนที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ขยับร่างกายมากนัก แม้มาร์คจะดื้อลุกมาช่วยทำนั่นทำนี่บ่อยแล้วก็เถอะ แต่ตลาดคนมันเยอะ เกิดใครชนมาร์คแรง ๆ จะทำยังไงล่ะ
“ผมเดินเองไหวแล้วครับ อยากออกไปข้างนอกบ้าง”
“อยู่แต่บ้านก็คงเบื่ออะเนอะ”
“…ครับ”
“ถ้าไหวก็ตามใจคุณแล้วกัน”
มาร์คยิ้มกว้างออกมาจนตาหยีเมื่อแบมอนุญาต หมอคิดว่าเขาเบื่อที่จะอยู่บ้าน แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย มาร์คเพียงแค่เห็นหมอไปตลาดหอบนู่นนี่กลับมาคนเดียวบ่อย ๆ แล้วรู้สึกสงสาร หมอตัวนิดเดียวเอง ให้เขาไปช่วยถือดีกว่า
มาร์คเช็ดจานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปกวาดใบไม้หลังบ้านต่อ พอถึงเวลาไปตลาดคนตัวโตก็รีบไปยกจักรยานออกมารอหมออยู่หน้าบ้านทันที
เขาเคยไปตลาดสองสามครั้งตอนหมอพาไปตัดผม ทุกครั้งก็นั่งรถยนต์ไปกับแม่กับหมอ แต่ก็พอจะจำทางได้อยู่
“ผมปั่นให้หมอซ้อนนะ”
แบมอยากตอบว่าไม่ เขาจะปั่นให้มาร์คซ้อนเอง แต่พอมองดูขนาดตัวแล้ว…เขาคิดว่าอย่าปฏิเสธมาร์คดีกว่า
“ไหวนะ”
“หมอตัวแค่นี้เอง ไม่ไหวได้ยังไงครับ”
ต่อให้มีมาอีกสักสิบหมอ มาร์คก็ยังคิดว่าเขาไหวอยู่ดี ผู้ชายอะไรตัวเล็กตะมุตะมิเหลือเกิน
“ระวังรถด้วยแล้วกันนะครับ”
“ครับ หมอขึ้นมาเลย”
พอแบมขึ้นมานั่งซ้อนท้ายจักรยานได้มาร์คก็เริ่มปั่นไปตามริมถนน แต่ปั่นไปได้นิดเดียวก็ต้องหยุดเพราะรถถัง หมาบางแก้วประจำบ้านดันวิ่งหูตั้งตามมาด้วย “ไอ้ถัง หยุดเลย กลับเข้าบ้านไปเลย ไปตลาดเดี๋ยวก็โดนหมาใหญ่กัดเอาหรอก”
มาร์คหันไปดุหมา แบมเองก็หันไปมองมันเหมือนกัน
แบมตั้งชื่อให้หมาตัวเองว่ารถถังเพราะมันดูใหญ่แข็งแรงดี แต่พอมาร์คมาเลี้ยงมันบ้าง จากรถถังคันใหญ่ก็เหลือแค่ถังเท่านั้น จากความยิ่งใหญ่กลายเป็นเหลือนิดนึงเมื่อถังใกล้เคียงคำว่ากระแป๋ง…
“เข้าบ้านไปเลยรถถัง”
รถถังทำท่าจะวิ่งตามอีกรอบ แต่พอแบมยกมือขึ้นห้ามแล้วไล่กลับ มันก็ทำหน้าหงอยยอมเดินกลับไปนั่งรอในรั้วบ้านอย่างว่านอนสอนง่าย
ตลาดสดอยู่ไม่ไกลเท่าไรแต่ก็ไม่ได้ใกล้มากนัก ที่บ้านแบมมีเพียงรถยนต์สองคันกับจักรยานเท่านั้น ตลาดหาที่จอดรถยาก เวลาไปทีไรแบมจึงชอบปั่นจักรยานเสมอ และเขาชอบไปตลาดเย็นมากกว่า ตลาดเช้าคนเยอะ วุ่นวาย
“หมออยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กหรือครับ”
ระหว่างทางมาร์คก็ชวนคุณหมอคุยไปเรื่อยเปื่อย อากาศยามเย็นกับพระอาทิตย์สีส้มที่กำลังจะลาลับ แสงของมันทำให้ท้องฟ้าเป็นสีพาสเทล สวยงามเสียจนมาร์คอดที่จะยิ้มชื่นชมออกมาไม่ได้
“อื้ม อยู่มาสิบเจ็ดปี พอสอบติดในกรุงเทพก็เลยย้ายไปเรียนที่นู่น เรียนจบใช้ทุนทำงานก็แถวกรุงเทพหมดเลย”
ในช่วงแรกที่รู้จักกัน ส่วนใหญ่แล้วเรื่องที่คุยกันก็จะเป็นเรื่องอาการป่วยของมาร์คมากกว่า แบมไม่ใช่คนพูดเก่ง ก่อนหน้านี้เขาก็เอาแต่เก็บตัวเพราะยังรู้สึกเฮิร์ท ๆ เรื่องรักครั้งเก่าอยู่ มีพักหลัง ๆ นี่แหละที่คุยกับมาร์คเรื่องสัพเพเหระเยอะขึ้นเพราะมาร์คชอบชวนแบมทำนั่นทำนี่ในเวลาว่างประจำ
“แล้วทำไมถึงกลับมาล่ะครับ?”
ทุกครั้งที่คุยกันมาร์คจะเป็นคนเริ่มเสมอ แบมคิดว่าน่าจะเป็นนิสัยของเจ้าตัว มาร์คคงชอบเข้าสังคม ถึงได้คุยเก่งและรู้วิธีเข้าหาคน อาจจะเพราะเป็นคนค่อนข้างจะกวน ๆ ด้วยส่วนนึงที่ทำให้มาร์คดูเข้าถึงง่าย และทุกครั้งที่คุยด้วยแบมไม่เคยรู้สึกอึดอัดเลย
“คิดถึงแม่น่ะ”
“หมออกหัก ก็เลยอยากกลับบ้านมาพักใจใช่ไหมล่ะ”
“รู้ได้ยังไง”
คนข้างหลังขมวดคิ้วมุ่น ไม่เคยคิดว่าที่จินมันชอบพูดว่าเขาเป็นคนอ่านง่ายนั้นจะเป็นเรื่องจริงเลยสักครั้ง จนมาเจอมาร์คนี่แหละเขาถึงเริ่มลังเลแล้ว
“ผมอ่านใจคนเก่ง” มาร์คตอบพลางยิ้มกวนแม้อีกคนจะมองไม่เห็น
หมอเป็นคนคิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าและสายตา อารมณ์ดี หงุดหงิด เศร้า เหงาหัวใจอะไรมาร์คก็ดูออกหมด บางครั้งตอนอยู่ที่บ้านอยู่ดี ๆ หมอแอบร้องไห้ก็มี จะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะถ้าไม่ใช่อกหักมา
“ไม่ใช่สักหน่อย มั่วแล้ว” แบมแอบยกมือตีหลังคนตัวโตเบา ๆ บ่นงุบงิบต่อด้วยประโยคที่ฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็ทำให้มาร์คหัวเราะได้ “แล้ววันนี้คุณอยากกินอะไร”
โอเค ถ้าหมออยากเปลี่ยนเรื่องมาร์คก็พร้อมที่จะเปลี่ยนให้
“หมอจะทำอะไรให้ผมกินล่ะครับ”
“แกงฟักดีไหม ใส่ไก่ด้วย” แบมเสนอ
มาร์คเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาที่เขาถามว่าอยากกินอะไร พอเขาบ่นก็พูดว่าตัวเองเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ทำหน้ากวนตีนใส่ตลอดจนหลัง ๆ ไม่ถามแล้ว ตามใจตัวเองดีกว่าเยอะ
“ดีครับ” มาร์คเห็นด้วย คิดไปถึงแกงไก่ใส่ฟักฝีมือหมอที่เคยลิ้มลองมาแล้วก็แอบกลืนน้ำลาย
หิวเลยได้ไหม…
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงตลาด มาร์คหาที่จอดจักรยานใกล้ ๆ แบมเองก็ลงไปยืนรอ หยิบกระดาษที่จดโพยรายการอาหารมาแล้วก่อนหน้าขึ้นมาดู จะแกงฟักต้องซื้อฟักเพิ่มหน่อยสินะ…
“หมอ ผมขอยืมเหรียญหน่อยได้ไหมครับ”
“เหรียญ? เอาไปทำไมครับ” แบมเงยหน้ามองคนสูงกว่าที่เดินมายืนใกล้ ๆ เขา มาร์คยิ้มให้และออร่าความหล่อของอีกฝ่ายก็เจิดจ้าเสียจนแบมเริ่มแสบตา
มาร์คกับฉากหลังที่เป็นตลาดสดช่างไม่เข้ากันเสียเลย…
“ซื้อขนมโตเกียวครับ”
ถ้าจะซื้อขนมหรือของกินเอาแบงค์ไปเลยก็ได้นี่ แบมก็ไม่ได้งกหรือจะว่าอะไรสักหน่อย…
“เผื่อผมด้วยนะ ยี่สิบ เอาไส้หวาน”
แต่ถึงจะสงสัยแบมก็ยังหยิบเหรียญสิบสองเหรียญให้มาร์คตามที่ขอ และแบงค์ร้อยอีกใบเพื่อเป็นการฝากซื้อด้วย
มาร์ครอให้แบมเดินเขาไปในตลาดก่อน แล้วเขาจึงเดินไปสั่งขนมโตเกียวไว้ให้คุณหมอ คิวยาวมาก ๆ เพราะมีอยู่เจ้าเดียวทั้งอำเภอ เขียนกระดาษสั่งไว้แล้วร่างสูงก็ข้ามถนนไปใช้โทรศัพท์สาธารณะ ยี่สิบบาทที่หมอให้มามาร์คไม่ได้เอาไปซื้อขนม เขาใช้คุยโทรศัพท์จนหมดเกลี้ยง
ดีที่เขายังจำเบอร์ของคนสำคัญได้บ้าง…
มาร์ควิ่งกลับมาเอาขนมโตเกียวที่แม่ค้าแถมให้เสียเยอะ ลูกค้าที่ยืนรอก็แซวใหญ่ว่าเห็นคนหล่อเป็นไม่ได้ กิจการพร้อมจะเจ๊งขึ้นมาทันที เขาเอ่ยขอบคุณพร้อมยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดเพื่อนไปหาแบม
ตลาดสดที่นี่ไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้กว้างมาก ไม่เจอหมอโซนผักมาร์คก็เดินไปอีกฝั่งที่เป็นโซนเนื้อ เสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาให้ได้ยินแว่ว ๆ เป็นตัวบ่งบอกว่ามีเรื่องแล้ว มาร์ครีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ ร่างสูงมองหาแบมด้วยกลัวว่าหมอจะเป็นอันตราย และก็ใช่ หมอของเขาอยู่กลางวงเลยด้วย
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็หลบไปเลยไอ้น้อง”
“คุณนั่นแหละหลบไป คนเขาทำมาหากินจะมารีดไถเงินไปทั่วอย่างนี้ได้ยังไง”
แบมทำหน้ายุ่ง ไม่พอใจคนพวกนี้ที่มารังแกคนที่อ่อนแอกว่า ในทีแรกที่เขาเห็นทะเลาะกันนึกว่าเหล่าพ่อค้าแม่ค้าไปกู้เงินเขามา แต่พอได้ฟังแล้วกลับไม่ใช่ นักเลงพวกนี้มาไถเงินดื้อ ๆ แบบหน้าด้าน ๆ เลยต่างหาก
“ใช่ ไอ้เลว นิสัยไม่ดี”
“ทนมานานแล้ว ฉันทนให้เงินพวกแกมานานแล้ว ครั้งนี้จะไม่ยอมแล้ว”
“งานการไม่ทำยังจะมาอยากได้เงินคนอื่นอีก”
เหล่าแม่ค้าพ่อค้าในตลาดเริ่มประณามชายฉกรรจ์ทั้งสามคน อาจจะเพราะอดทนมานานอย่างที่บอก พอมีใครสักคนที่ลุกมาช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้ พวกเขาเลยกล้าต่อต้าน แต่พวกมันก็ไม่ได้อับอายอะไรเลยสักนิด
“เราแจ้งตำรวจมาจับมันเลยดีกว่าค่ะคุณหมอ”
พอได้ยินคำว่าตำรวจหนึ่งในสามคนนั้นก็ทำตาลุกวาวแล้วยกมือขึ้นเดินเข้าไปหาคนพูด
“ปากมากนักนะอีป้านี่ มาให้ตบปากทีดิ้!”
“ป้า ระวัง!” แบมเอาตัวเขาไปขวางไม่ให้ไอ้อันธพาลทำร้ายแม่ค้าในตลาดได้ ร่างเล็กหลับตาปี๋ คิดว่าต้องโดนฝ่ามือนั้นฟาดหน้าเข้าให้แน่ ๆ
“หมอครับ ระวัง!”
แต่มาร์คก็เข้ามากระชากคอผู้ชายที่กำลังจะทำร้ายแบมแล้วจับโยนออกไปให้ห่างเสียก่อน คิ้วเข้มของมาร์คขมวดมุ่นด้วยนึกไม่ชอบใจที่ไอ้พวกนี้จะทำร้ายแบม
บังอาจมาก…พวกมันบังอาจมากที่กล้าคิดจะทำร้ายคุณหมอของเขา
“มาร์ค…” แบมลืมตาขึ้นมามองร่างสูงคุ้นเคย ความรู้สึกอุ่นใจนี่มันอะไรกัน…“ขอบคุณครับ”
“หมอหลบไปข้างหลังก่อนนะ อย่าเข้ามาใกล้พวกมันนะครับ”
มาร์คเอาตัวเองบังแบมเอาไว้ เขาหันมามองคู่กรณีที่มีกันอยู่สามคน จ้องอย่างไม่เกรงกลัวอยู่อย่างนั้นจนพวกมันเริ่มจะเขว
“มองทำไมวะ!”
“ไม่ทำไม” มาร์คเพียงยกยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วตอบไปนิดหน่อยพวกนั้นก็ดูหัวร้อนมากขึ้นกว่าเก่าได้ง่าย ๆ
“ส…สาระแนนักก็มานี่เลยมึง” ว่าแล้วเหล่าอันธพาลก็ย่างสามขุมเข้ามาหามาร์ค ร่างสูงเพียงแค่เป่าปากหนึ่งครั้ง ถกแขนเสื้อยืดพร้อมสะบัดคอไปมาสองสามทีเท่านั้น
ไม่ได้ต่อยตีนาน แต่ก็ไม่ใช่ว่ามาร์คทำไม่ได้
…
แบมอ้าปากค้างมองมาร์คที่กำลังแทงเข่าใส่ท้องใครสักคนนั้นหนัก ๆ หลายครั้งจนมันจุก แล้วหันไปใช้ศอกเสยคางอีกคนที่กำลังจะเข้ามาต่อยมาร์ค กระโดดถีบยอดหน้าไอ้คนที่เหลือไปอีกหน…
“โอ้โห! เก่งมากเลย สู้มันลูกสู้มัน!”
“สู้มัน! ๆ ๆ ๆ”
ลีลาท่าทางการต่อสู้ของมาร์คไม่ธรรมดาเสียจนแบมก็แอบตบมือเชียร์ไปกับพวกแม่ค้าด้วย ไม่ถึงห้านาทีมาร์คก็จัดการพวกมันให้ล้มลุกคลุกคลานไปกับน้ำคลำในตลาดได้ ก่อนจะตะเกียกตะกายหนีตายยังไม่วายหันมาชี้หน้ามาร์คว่าจะกลับมาเอาเรื่องอีกแน่ะ
เอาตัวเองให้รอดยังทำไม่ได้ ยังจะมาปากดีอีก…
“คุณเป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนไหม”
แบมเข้าไปถามไถ่มาร์คด้วยความเป็นห่วง ไม่มั่นใจว่าจะกระทบแผลเดิมที่มีอยู่มากน้อยแค่ไหน
“ไม่เป็นไรครับ หมอล่ะ” มาร์คส่ายหน้าส่งยิ้มให้แบมสบายใจ ร่างสูงจับตัวหมอมาสำรวจตรงนั้นตรงนี้ว่ามีแผลหรือได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“ผมไม่เป็นไร ทำไมคุณเก่งจังอ่ะ”
“ผมเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อนน่ะครับ” มาร์คตอบไปตามจริง เขาเรียนมาหลายอย่างจนลืม ๆ ไปบ้างแล้ว ที่สู้ไปเมื่อกี้ก็เอามาปน ๆ กันเอา พวกนั้นก็ไม่ได้เป็นงานเป็นการเท่าไรเขาเลยล้มได้ง่ายดายกว่าที่คิด
“ป้านึกว่าพระเอกหนังเลยนะเนี่ย หล่อจริง ๆ เลยลูกเอ้ย”
“ทั้งหล่อทั้งเก่งมาก ๆ เลย ขอบคุณนะลูกนะ ขอบคุณน้องหมอมากนะจ้ะ”
มาร์คยิ้มให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ชื่นชมและขอบคุณเขากันถ้วนหน้า ร่างสูงค้อมหัวให้ทุกคนน้อย ๆ
“ว่าแต่ เป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนน้องหมอเขาล่ะจ้ะ”
แบมหน้าแดงฉ่าเมื่อได้ยินคำถามนั้น สายตาหลายคู่มองเขากับมาร์คสลับกันไปมา
“หมอว่าไงล่ะครับ” มาร์คยิ้มกริ่มหันไปถามหมอบ้าง เล่นเอาเหล่าพ่อค้าแม่ค้าพากันทำเสียงแซวหวือ
“ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
แบมยิ้มแห้ง ๆ ไม่ยอมตอบคำถามนั้น ร่างเล็กเดินก้มหน้างุด ๆ ไปหยิบถุงผ้าที่ใส่ของที่ซื้อครบแล้วขึ้นมาจะถือไว้แต่มาร์คก็รีบเดินมาแย่งเขาไปก่อน
“หนักนะครับ ผมถือให้ดีกว่า”
แบมพยักหน้าพลางยกมือเกาหัวตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินนำมาร์คออกไปทางที่จอดจักรยานไว้
“เมื่อกี้คุณเก่งมากเลย”
มาถึงจักรยานแล้วแบมก็ยังไม่เลิกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดสักที
“ไม่หรอกครับ พวกมันแค่ไม่เก่งเท่าผมเท่านั้นเอง”
“แล้วทำไมตอนโดนยิงไม่สู้เขาล่ะครับ ปล่อยให้ถูกยิงตั้งสองทีได้ยังไง ถ้าคุณสู้คุณต้องจัดการพวกนั้นได้แน่ ๆ” มาร์คหัวเราะออกมาให้ท่าทางน่าเอ็นดูของหมอ ที่ดูเครียด ๆ นี่คงขัดใจที่เขาไม่สู้พวกที่คิดทำร้ายเขาในตอนนั้นอยู่สินะ
แต่ตอนนั้นคนมือเปล่านี่ไหนที่คิดจะสู้กับคนมีปืนก็คงโง่มากอ่ะ…
“ผมก็รอดมาแล้วนี่ไงครับ ช่างมันเถอะเนอะ”
มาร์คตอบกลับเสียงทะเล้นทั้งยังยิ้มให้หมอจนเต็มแก้ม ส่วนหนึ่งก็ได้หมอนี่แหละที่ช่วยชีวิตไว้ ไม่มีหมอมาร์คคงลงไปคุยกับยมบาลนานแล้ว
“ถ้าพวกมันไปเรียกพวกมาจัดการคุณล่ะครับ”
มาร์คหัวเราะออกมาอีกครั้ง หมออินเรื่องนี้กว่าเขาอีกนะเนี่ย เขายังไม่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยตรงไหนเลยนะ แต่ก็เข้าใจว่าหมอเป็นห่วง
อ่า…พอรู้ว่าหมอห่วงมากขนาดนี้หัวใจก็ฟู ๆ ขึ้นมาทันทีเลย
“ไม่หรอกครับ มันทำอะไรผมไม่ได้หรอก ทำอะไรชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่น่าจะได้แล้วด้วย”
“ทำไมอ่ะ?” เห็นท่าทีมั่นใจมากว่าพวกมันจะไม่กลับมาของมาร์ค แบมก็ยิ่งอยากรู้
“หมอเชื่อผมเถอะน่า คนไม่ดีเดี๋ยวเจ้าหน้าที่เขาก็ช่วยเราจัดการอยู่แล้วครับ ชาวบ้านเขาก็คงไม่ปล่อยไว้หรอก ต้องมีไปแจ้งความบ้างแหละครับ แต่ตอนนี้เรากลับบ้านกันดีกว่านะ เดี๋ยวจะมืดก่อน หมอไม่ต้องเครียดนะ”
“ก็ได้ครับ”
ถึงจะสงสัยแต่แบมก็ไม่ใช่คนเซ้าซี้อยู่แล้ว เอาเป็นว่าถ้าพวกมันมาหาเรื่องพ่อค้าแม่ค้าอีกรอบแล้วเขาเห็นอีก เขาค่อยฟ้องให้มาร์คมาจัดการพวกมันอีกก็ได้
✧Vitamin B ✧
กลับบ้านมาแล้วแบมก็สั่งให้มาร์คนั่งอยู่เฉย ๆ เพราะหลายครั้งที่มาร์คอาสาทำอาหารช่วยเขามักจะทำให้มื้อเย็นของที่บ้านเราเลทไปทุกที
มาร์คนั่งดูคุณหมอตัวเล็กทำกับข้าวอย่างเพลิดเพลิน ยอมรับอย่างเต็มปากเลยว่าหมอเป็นคนที่ดูดีและมีเสน่ห์มาก และเขาก็ชอบมองหมอบ่อย ๆ หมอดูสะอาดสะอ้านไปทุกส่วนของร่างกาย มาร์คคิดว่าแบบหมอนี่ไปเป็นดาราได้เลยนะ แต่ดูแล้วหมอคงไม่ชอบอะไรแบบนั้นเท่าไร
“ถ้าผมถามเรื่องแฟนเก่าหมอ หมอจะโกรธไหม”
“โกรธ”
“โธ่ หมอครับ” ไม่คิดเลยสักนิด พูดถึงปุ๊บหมอก็ตอบปั๊บเลย
“จะไปพูดถึงผู้ชายเฮ็งซวยแบบนั้นทำไม เสียเวลา เสียสุขภาพจิต” แบมเอ่ยน้ำเสียงติดหงุดหงิด เอาจริง ๆ ถึงสภาพหัวใจจะดีขึ้นมากแล้ว แต่พอพูดถึงมันก็ยังคับแค้นในอกอยู่ไม่น้อย
“ดูแล้วหมอกับเขาน่าจะจบไม่สวยเท่าไร”
“เละเทะเลยแหละ”
พูดไปมือก็สับหมูดังโป๊ก ๆ นึกไปถึงคนที่เคยรักแต่หักหาญน้ำใจเขาจนไม่เหลือชิ้นดีคนนั้นก็เจ็บใจ ความเสียใจผิดหวังมันก็น้อยลงแล้วล่ะ แต่ความโมโหที่ถูกทำให้เสียหน้ามันก็ยังมีมากอยู่
“เขาทำอะไรหมอครับ”
“ทำไมต้องเป็นผมที่ถูกกระทำ ผมอาจจะเป็นคนทำเองก็ได้”
“หน้าหมอไม่ได้บอกแบบนั้นนี่ครับ”
มาร์คยกมือเท้าคางมองคุณหมอที่ดูเซื่องซึมลงไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าคนซื่อ ๆ แบบหมอจะเป็นคนที่เริ่มต้นทำร้ายคนอื่นก่อน ถ้าบอกว่าโดนเอาเปรียบมานับครั้งไม่ถ้วนมาร์คยังเชื่อมากกว่า
“เขานอนกับคนอื่น”
แบมตัดสินใจเล่าให้มาร์คฟัง ดีเหมือนกันจะได้ระบายความทุกข์ใจที่เคยผ่านมาสักหน่อย และหลังจากนี้แบมจะไม่พูดถึงแล้ว เขารู้สึกว่ามันเสียเวลาที่จะพูดถึงจริง ๆ นะ
“…”
“และพอผมจับได้เขาก็บอกเลิกผม เขาบอกว่า…” แบมคิดไปถึงคำที่แฟนเก่าบอกเขาในวันนั้นก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาหน่อย ๆ “เขาหมดแพชชั่นในตัวผมแล้ว”
“…”
“ทำไมคุณเงียบอ่ะ แล้วมองทำไมครับ”
แบมหันหน้ามามองมาร์คก็เห็นว่างร่างสูงจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว อย่าทำให้เขาใจเสียจะได้ไหมล่ะ อยากหัวเราะก็หัวเราะออกมาเลย เพราะแบมก็พอจะรู้ตัวว่าเขามันก็ดูจืดชืดไม่จัดจ้านเหมือนใครคนอื่น
“มองว่าคนอย่างหมอมีตรงไหนให้หมดแพชชั่น”
ไม่ว่าเปล่ามาร์คยังไล่สายตามองแบมตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง ในความคิดของมาร์คแบบหมอนี่ถือว่าเพอร์เฟกต์เอาเรื่องเลยนะ หน้าตาดี การศึกษาดี ฐานะดี นิสัยก็น่ารัก แต่ความรักมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องพวกนี้เสมอไปนี่เนอะ หมออาจจะแค่ไม่ได้เกิดมาเพื่อใครคนนั้นแต่แรกแล้วก็ได้…
“คนมันไม่รักแล้ว รักคนอื่นไปแล้วก็แค่นั้น”
มาร์คพยักหน้าเห็นด้วย แต่ยังไงก็เถอะมาร์คก็ยังคิดว่าแฟนเก่าแบมใช้คำพูดแรงเกินไปหน่อย หมอเองก็คงจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยตอนที่ได้ยินคำนั้นออกจากปากคนที่เคยรัก
อีกอย่างนะ คนที่ควรถูกบอกเลิกไม่ใช่หมอสักหน่อย คนทำผิดมีสิทธิ์บอกเลิกคนอื่นก่อนด้วยหรือวะ…
“หมอเจ็บไหม”
“เจ็บ แต่ดีขึ้นมากแล้วครับ” มาร์คยิ้มอย่างนึกพึงพอใจในคำตอบ
“เพราะมีผมใช่ไหมล่ะ”
“ไม่เกี่ยวเลยเถอะ”
จริง ๆ เกี่ยวอยู่นิดนึงก็ได้ เพราะมีมาร์คให้ดูแลแบมเลยไม่ค่อยมีเวลาฟุ้งซ่านอะไรเท่าไร บางครั้งที่มาร์คเริ่มมีอาการข้างเคียงแปลกไปแบมก็เอาแต่นั่งอ่านหนังสือหาวิธีใหม่ ๆ มารักษา ซึ่งก็ได้ผลทุกครั้งเพราะความตั้งใจที่มีมากของเขานี่แหละ ไหนมาร์คจะชวนคุย ชวนเล่นเกม ฝึกรถถัง ปลูกผัก ปลูกต้นไม้อยู่บ้านบ่อย ๆ อีก แบมก็เลยไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปคิดมาก
รู้ตัวอีกทีสภาพหัวใจก็ดีขึ้นแล้ว ที่เขาว่าเวลาเยียวยาทุกสิ่งสงสัยจะเป็นเรื่องจริง…
“หมออยากมีแฟนใหม่ไหมครับ”
“ถามทำไมครับ”
“ผมจะเป็นให้”
“กวนตีนแล้ว” แบมรีบหมุนตัวกลับไปทำอาหารต่อเพราะไม่กล้าสบตามาร์ค เห็นท่าทีขวยเขินจนไม่รู้จะจับตะหลิวหรือฝาหม้อก่อนของหมอ มาร์คก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “แล้วคุณไม่มีแฟนหรือไง”
“ผมมีแบบชั่วคราวเป็นส่วนใหญ่”
“แบบนั้นไม่น่าเรียกแฟน”
แบมจัดการทอดไข่เจียวหมูสับเป็นอย่างสุดท้ายในระหว่างที่รอแกงได้ที่ ทอดไปก็คุยกับมาร์คไปด้วย เพลินดีเหมือนกัน
“ไม่มีเวลาไปจริงจังกับใครหรอกครับ ผมงานเยอะ”
“คุณทำงานอะไรอ่ะ ไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลย” ร่างเล็กเอี้ยวตัวหันกลับไปมองมาร์คหน่อย ๆ
“ไม่ใช่งานผิดกฎหมายแล้วกันน่า หมออย่ามองผมแบบนั้นสิครับ” ตากลม ๆ ฉายแววเหมือนอยากรู้แต่ก็ไม่อยากรู้ เหมือนกลัวเขาทำเรื่องไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น
“ก็คุณชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบ”
“มีเสน่ห์ใช่ไหมล่ะครับ อยากเข้ามาค้นหาบ้างหรือยัง” มาร์คเก่งนักล่ะไอ้เรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของคนอื่น และแบมเองก็ไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นขนาดนั้นด้วยก็เลยยอมปล่อยผ่านไป
“คุณชอบผู้ชายหรือไง”
แบมรู้ตัวเองดีว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และรู้ว่ามาร์คก็รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นแบบไหน แต่ที่ยังมาแอ๊วเอินกันแบบนี้ไม่รู้ว่าจริงจังหรือล้อเล่นกันแน่
“ผมแค่ชอบหมอ”
“ผมบอกว่าอย่ากวนตีนไงครับ”
มาร์คหน้าตาดีน้อยที่ไหน แบมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ มาก้อร่อก้อติกกับเขาบ่อย ๆ เขาก็หวั่นไหวเป็นเหมือนกัน แต่ไม่อยากจะผิดหวังแล้วไง อกหักกับการรักใครมาก ๆ จนเหนื่อยแล้ว ขอเขาพักก่อนสักนิด
“ไม่ได้กวนครับ ก็หมอน่ารัก ใครไม่ชอบคนน่ารักบ้างล่ะ”
มาร์คไม่ได้รู้สึกชอบหมอเพียงเพราะว่าหมอเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้หรอก แต่เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างที่ลงตัวของหมอมันทำให้เขาหาเหตุผลที่จะห้ามใจตัวเองไม่เจอ
“มาชิมแกงให้หน่อยครับ”
แบมไม่อยากพูดกับมาร์คเรื่องพวกนี้แล้ว ยิ่งคุยเหมือนยิ่งขุดหลุมฝังตัวเองไปกันใหญ่
มาร์คลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปยืนใกล้ ๆ คนตัวเล็ก แกงไก่ใส่ฟักส่งกลิ่นหอมกรุ่นยั่วให้น้ำลายไหล มาร์ครับช้อนมาจากหมอเป่าเบา ๆ ให้คลายร้อนแล้วเอาเข้าปาก
“อร่อยแล้วครับ” ร่างสูงยกนิ้วชื่นชมก่อนจะคืนช้อนให้แบม มาร์คไม่ยอมเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ เขายังคงยืนคุยกับแบมอยู่หน้าเตาแก๊สแบบนี้ “หมอบอกว่าเรียนจบแล้วใช้ทุนแล้วแสดงว่าหมออายุยี่สิบห้าไม่ก็ยี่สิบหก ใช่ไหมครับ?”
“ยี่สิบห้า”
“ผมสามสิบ” มาร์คเคยบอกแม่ไปแล้วแต่กับหมอยังไม่เคย และพอแบมบอกของตัวเองมาเขาก็ไม่คิดโกงอีกฝ่าย
“ไม่จริงมั้ง”
แบมมองมาร์คอย่างพินิจพิจารณา ดูยังไงก็ไม่น่าจะเกินยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด แต่เกินมาจากที่เขาคิดตั้งสามสี่ปี กินโสมพันปีมาตั้งแต่เกิดหรือไงก็ไม่รู้
“จริงครับ”
“คุณหน้าเด็กเกินไป”
“เขาเรียกว่าคนดูแลตัวเองดีครับ” มาร์คยิ้มหล่อให้แบม ว่าแต่เขาหมอก็หน้าเด็กเหมือนกัน ตอนเจอครั้งแรกเขายังไม่ค่อยเชื่อเลยว่าเป็นหมอเต็มตัวแล้ว นึกว่านักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งปีสองเสียอีก “หมอต้องเรียกผมว่าพี่นะ”
“ฝันไปเถอะ” คนตัวเล็กกว่าเอ็ดเข้าให้ “หัวเราะอะไรครับ”
“แค่คิดว่าหมอน่ารักขนาดนี้ทำไมถึงยังโดนทิ้งอีกนะ”
“ย้ำอยู่นั่นแหละ รู้แล้วว่าโดนทิ้ง”
แบมมุ่ยหน้าใส่มาร์คอย่างนึกหงุดหงิดในใจ เขารู้ว่าโดนแกล้งอยู่แต่ก็ยังอดที่จะให้อีกคนมีอิทธิพลต่อตนเองไม่ได้ มาร์คล่ะชอบนักล่ะไอ้หน้ายุ่ง ๆ ของเขาเนี่ย
“หมอจะได้มีภูมิคุ้มกันในตัวเองไงครับ วันไหนที่หมอไม่เจ็บกับการพูดถึงแฟนเก่าแล้ว แสดงว่าหมอโอเคแล้ว หมอไปต่อได้”
“คุณเคยมีแฟนไหม แบบที่ไม่ชั่วคราว”
ตอนมีแฟนมาร์คจะเป็นผู้ชายโรแมนติกหรือเปล่านะ แล้วทำไมพอนึกถึงว่ามาร์คมีแฟนแบมต้องหงุดหงิดด้วยวะ
“เคยสิครับ หน้าตาดีออกอย่างนี้ ผมไม่หล่อเสียของหรอกน่า”
คุณหมอตัวเล็กแอบถอนหายใจอย่างนึกเหนื่อยอ่อน หมดอารมณ์จะพูดคุยจริงจังกับมาร์คแล้ว คนอะไร ทำเป็นเล่นไปทุกเรื่องเลย
“จะสาระสักครั้งได้ไหมครับ”
มาร์คยกมือยอมแพ้เพราะหมอเริ่มทำท่าจะหมดความอดทนกับเขาแล้ว
หยอกนิดหยอกหน่อยก็ทำหน้างอใส่เขา จะว่าดุก็ไม่เหมือนดุ หมอแบบ…ดูน่าแกล้งให้ร้องไห้แล้วค่อยเข้าไปโอ๋ถามว่าอยากได้อะไรครับ เดี๋ยวซื้อให้ทุกอย่างเลย อะไรประมาณนั้นอ่ะ มาร์คก็อธิบายความรู้สึกของเขาไม่ถูก
“สองสามคนครับ แต่เลิกหมดแล้ว หมอจีบผมได้นะ ผมโสด”
“แล้วดีไหมครับ ตอนคบกัน” แบมไม่ตอบรับคำเชิญชวนของอีกฝ่ายแต่เลือกที่จะถามเลี่ยงไปทางอื่นแทน
“เฉย ๆ ครับ อาจจะเพราะผมขี้เบื่อ”
มาร์คยอมรับเลยว่าเขาเป็นผู้ชายประเภทที่หัวกระไดบ้านไม่เคยแห้ง พอโสดปุ๊บก็มีคนใหม่รอจะเสียบปั๊บ เขาเคยคบจริงจังอยู่สองสามคนเพราะคิดว่าคงไปกันได้ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดสักราย สามเดือนนี่คือมากสุดที่มาร์คเคยคบมาแล้ว และมันก็มากพอที่จะทำให้รู้ว่าคนไหนใช่ไม่ใช่
“เพลย์บอยสินะครับ”
“แค่ยังไม่รู้สึกว่าจะมีใครที่ใช่จริง ๆ เฉย ๆ ครับ”
มาร์คไม่คิดว่าเขาจะเป็นอย่างที่หมอว่า สำหรับมาร์คแล้วถ้ายังโสดอยู่ ก็มีสิทธิ์เลือกที่จะคุยกี่คนก็ได้ แต่ถ้าเมื่อไรมีเจ้าของแล้วก็ต้องให้เกียรติและซื่อสัตย์ต่อตัวจริงของตนเองด้วยการไม่นอกใจนอกกายกัน
และยืนยันได้ว่าถึงมาร์คจะดูเจ้าชู้ แต่เขาก็ไม่เคยคบซ้อนเลยสักครั้งและไม่เคยคิดจะทำเรื่องแบบนั้นด้วย
“ข้ออ้างของพวกที่หาเรื่องเจ้าชู้แบบไม่รู้สึกผิดก็แบบนี้ล่ะ”
มาร์คหัวเราะให้ประโยคของแบม ตาคมมองเสี้ยวหน้าหวาน ๆ ของหมอที่ฉายแววไม่พอใจก็นึกชอบใจอย่างหาเหตุผลไม่ได้
“คงงั้นมั้งครับ” อยากจะปฏิเสธแต่ก็คิดว่าไม่ดีกว่า รอให้หมอพิสูจน์จากการกระทำของเขาเองดีกว่า “ว่าแต่หมอเป็นหมออะไรอ่ะ”
“ตอนนี้เป็นแค่เรสซิเด้นท์ กำลังต่อเฉพาะทางครับ ผมอยากเป็นศัลยแพทย์”
เป็นความใฝ่ฝันของแบม ในทีแรกก็คิดว่าจะหมอเด็กหรือศัลแพทย์ดี แต่คิดไปคิดมาเขาก็ไม่ได้ชอบเด็กขนาดนั้นและเขาโกหกไม่เป็น เวลาฉีดยาให้คนไข้แล้วต้องโกหกว่าไม่เจ็บ แบมทำไม่เป็นเลย เจ็บก็บอกว่าเจ็บ แบมบอกทุกคนได้แค่ให้อดทนเท่านั้น
“แล้วหมอไม่อยากกลับไปทำงานหรือครับ ผมว่าคนไข้หลายคนต้องคิดถึงหมอแน่ ๆ”
มาร์คเดาว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลหมอต้องฮ็อตในหมู่คนไข้มากแน่นอน ขนาดอยู่นี่คนที่มาคลินิกยังพากันชมว่าหมอแบมน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้อยู่ทุกวัน
หมอเล่นหน้าใสปิ๊ง ยิ้มทีโลกก็ร้อนขึ้นจนแทบละลายอย่างนี้ ใครมันจะไปห้ามใจไม่ให้หลงเสน่ห์หมอเขาได้ล่ะ…
“…อยากสิครับ”
ตั้งแต่จำความได้แบมก็อยากจะเป็นหมอมาโดยตลอด ยิ่งได้เป็นแล้วก็ยิ่งรักอาชีพนี้ อยากจะทำมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่มีแรงทำเลยแหละ
“ขอให้คุณหมอได้เป็นศัลยแพทย์อย่างที่หวังไว้นะครับ สู้ ๆ นะครับหมอ”
“ขอบคุณครับ” แบมยิ้มให้มาร์คที่ยิ้มมาให้เขาก่อนหน้าอยู่แล้ว เขาเองก็จะพยายามเป็นให้ได้เหมือนกัน แต่คงหลังจากที่หัวใจเขากลับมาแข็งแรงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วน่ะนะ “ขอถ้วยให้ผมหน่อยครับ รถถังอย่ากวนได้ไหม”
แบมทำอาหารอย่างสุดท้ายเสร็จแล้ว แม่เองก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้วเลยคิดว่าตักรอเลยดีกว่า แต่พอเจ้ารถดังได้ยินคำว่าถ้วยก็เข้ามาคลอเคลียแข้งขาคุณหมอทันที
ดูท่าว่าจะหิวจนเริ่มงอแงแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ชักไม่ยอมกินอาหารเม็ด ไอ้หมาเรื่องมาก..
“นี่ครับหมอ” มาร์คหยิบถ้วยกระเบื้องที่ใกล้มือเขามากกว่ายื่นให้แบมไป ตาก็มองหน้ายุ่ง ๆ เพราะหงุดหงิดรถถังของหมอไม่ห่าง
“รถถัง เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว อดทนหน่อยดิ”
“แค่นี้ก็อ้วนเป็นหมูแล้วนะไอ้ถัง เบา ๆ ลงหน่อยขนมอะ”
มาร์คเองก็หันไปดุรถถังด้วย แต่ความหิวไม่ปรานีใครไม่ว่าจะกับคนหรือหมา รถถังยังคงซุกไซ้ขาคุณหมอไม่ห่าง สุดท้ายแบมที่กำลังจะขยับตัวหนีก็เสียหลักจนได้
“รถถัง! อ๊ะ!”
คุณหมอกำลังจะหงายหลังล้มลงไปแล้ว แต่มาร์คก็ไวพอที่จะคว้าเอวบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ตากลม ๆ สบเข้ากับดวงตาคม แบมรู้สึกว่าฉากนี้มันคุ้น ๆ เหมือนในละคร เขาอยากผละออกไปแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ร่างกายมันไม่ยอมขยับ
แบมรู้ตัวว่าหัวใจเขาเต้นแรงมาก ๆ พอ ๆ กับอีกคน และถ้าเขาได้ยินเสียงหัวใจมาร์คแบบนี้ มาร์คก็คงได้ยินเสียงหัวใจของเขาเหมือนกันใช่ไหม…
แต่ให้เขาทำไงได้ล่ะ ก็ใกล้กันเสียขนาดนี้ ใกล้จนแบมหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว…
มาร์คพึ่งรู้ว่าหมอตัวเล็กกว่าที่เขาคิดไว้มาก เอวที่เขากอดไว้นี่ก็บางเหลือเกิน บางจนนึกอยากจะกระชับเข้ามากอดแรง ๆ ให้จมหายไปกับกายแกร่งของเขา หน้าเล็ก ๆ ปากอิ่ม ๆ แก้มแดงสุกปลั่งกับกลิ่นสะอาด ๆ ของหมอนี่ก็ดี ดีจนมาร์คเผลอขยับใบหน้าเข้าไปหวังเชยชมใกล้ ๆ
ติ้ง ต่อง ~
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เรียกให้คนทั้งคู่ออกจากภวังค์ที่สร้างกันไว้ แบมกระพริบตาปริบ ๆ รีบขยับตัวออกห่างจากมาร์คก่อนจะก้มหน้างุดหันไปดูผัดดูแกงในหม้อทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่มีอะไรให้น่าสนใจแล้ว
“ระวังหน่อยสิครับหมอ”
มาร์คอมยิ้มให้ท่าทางของคนเขิน เมื่อกี้เขาเองก็ต้องหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เหมือนกัน
ดวงตากลมโต ริมฝีปากสวย ๆ กับกลิ่นของหมอยังติดอยู่ในความรู้สึกเขาอยู่เลย…
“ขอบคุณครับ” แบมเอ่ยเสียงเบาหวิว รู้สึกคอแห้งขึ้นมาเสียดื้อ ๆ คุณหมอตัวเล็กมองหารถถังก็พบว่ามันวิ่งไปรอรับแม่หน้าบ้านนู่นแล้ว
สร้างเรื่องไว้แล้วก็หนี วันนี้ไม่ต้องกินขนมแล้ว…
“แม่น่าจะกลับมาแล้ว ผมไปเปิดประตูก่อนนะครับ” มาร์คหันหลังให้แบมเพื่อที่จะไปรับแม่ แต่เขาก็พลันนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกแบมให้รู้เอาไว้ก่อน “หมอครับ”
“ค..ครับ?”
“ความจริงแล้วผมไม่ได้เป็นประเภทที่ชอบพูดเล่นหรือกวนตีนใครไปเรื่อยหรอกนะครับ”
“…”
“ผมเป็นแบบที่คิดอะไรก็พูดออกไปตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม และผมหมายความตามที่พูดไปทุกอย่าง”
ที่บอกว่าหมอน่ารัก ที่บอกว่าชอบหมอ ที่บอกว่าจะเป็นแฟนให้…
“อ..อื้ม”
…มาร์คจริงจังทั้งนั้น
✧Vitamin B ✧
To be continue…
#มบย่อมาจาก
มาเร็วเคลมเร็วค่ะ รีบ ๆ จีบ ๆ กันเลยไม่ต้องเสียเวลาแล้ว อิอิ
ตอนนี้อัพร้อยเปอร์ไปเลยค่ะเพราะว่านุ๊กขี้เกียจซอย55555
หมั่นไส้ความหมอของเขา หมอเขาไปเป็นของเธอเมื่อไรอ่ะคุณมาร์ค
อุ้แหม่ เผลอไม่ได้มีแทะตลอด
ติชมหรือบลา ๆๆ ได้ที่ #มบย่อมาจาก นะคะ
ขอบคุณมาก ๆ เลยค่าา❤️
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ง่ออชัดเจนเขิลล
นุ้งยอมแล้ววว
มาร์คไม่ได้มาเล่นๆ ง่อคนจริง
ปล.ตัวเองอาจจะเข้าใจเรื่องresidentผิดไปหน่อยนะคะ ถ้าอยู่ในช่วงเรียนต่ออยู่ๆจะหายไปไม่ได้นะคะ ต้องลาให้เป็นกิจจะลักษณะ แล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลได้ด้วยนะคะ ยกเว้นลาออกจากที่เก่าแล้วไปสมัครที่ใหม่
คนไข้คุณหมอ เตาะหมอหนักมาก ^^