ตอนที่ 14 : ❀ 14
ดอกไม้ดอกที่ 14
โรงแรม โซล
07.00 น.
เป็นเช้า....ที่โรงแรมมีงานสำคัญและจัดขึ้นเพื่อผู้ประกอบธุรกิจทางด้านการโรงแรมในโซลทั้งหมด และสำหรับงานในช่วงเช้าที่ต้องใช้ดอกไม้ประดับตกแต่งสถานที่ก็ถูกจัดวางเรียบร้อยไปแล้วเมื่อวานโดยที่พนักงานใหม่...ไม่ได้อยู่ช่วยพี่ๆในแผนกทำงานเลยสักชิ้น เพราะถูกเจ้าของโรงแรมเรียกตัวกลับคอนโดฯไปตั้งแต่ตอนบ่าย และงานวันนี้...ก็เป็นงานที่เจ้าของโรงแรมได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งงานจะถูกจัดขึ้นปีละครั้งและเป็นการสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือทำข้อตกลงเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจด้านนี้มีความเข้าใจ ไม่ทำผิดกฏหรือเป็นไปตามระเบียบที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้
ส่วนงานในช่วงเย็น...มันเป็นงานที่เจ้าของโรงแรมจัดขึ้นเองเพื่อขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ที่ปีนี้ให้เกียรติโรงแรมของเขาเป็นเจ้าภาพในการจัดงานสัมมนา
งานช่วงเย็น...ถูกจัดขึ้นที่ริมสระน้ำและเป็นแบบปาร์ตี้ค็อกเทล แต่สำหรับตอนนี้พนักงานจัดดอกไม้ที่ถูกคนเป็นเจ้าภาพรังแกอยู่ในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยดอกทิวลิปสีแดงก็กำลังรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นไข้ มันอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรงและไม่สดชื่นเอาเสียเลย ถึงแม้จะได้อยู่ท่ามกลางดอกไม้สีสันสดใสหรือสิ่งที่คิดว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มีความสุข แถมสระน้ำก็สร้างได้สวยมาก บรรยากาศก็ร่มรื่นเย็นสบาย แต่ในขณะนี้ เวลานี้ เดี๋ยวนี้ มันกลับไม่มีความรู้สึกอะไรเลยนอกจากความเหนื่อยล้า
“เซฮุน...ไหวหรือเปล่า ไปพักก่อนเถอะ หน้าซีดมากเลย”
“ไหวครับพี่ซูโฮ เดี๋ยวงานเสร็จไม่ทัน”
“ไม่ไหวก็รีบบอกเลยนะ เดี๋ยวพี่ให้ฮานิพาไปพัก”
“ครับ ขอบคุณครับ”
อาการอ่อนเพลีย...มันชัดเจนจนรองหัวหน้าต้องเอ่ยทัก และซูโฮก็ได้ไล่ให้ลูกน้องกลับไปนอนพักที่บ้านตั้งแต่เมื่อเช้าแต่ก็ถูกปฏิเสธ ในสายตาของรองหัวหน้าก็รู้สึกสงสารอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาเห็นใบหน้าซีดเซียว การเดินอย่างเชื่องช้าและการจัดดอกไม้ของลูกน้องที่ไม่คล่องแคล่วเหมือนอย่างที่เคย แต่...ถ้าให้มองในเนื้องาน ซูโฮก็ต้องการยอมรับว่าเซฮุนยังจัดดอกไม้ได้สวยเหมือนเดิมและถึงแม้จะทำงานช้าไปบ้างแต่ก็ยังดีที่มีคนช่วย เพราะวันนี้พนักงานรุ่นพี่อย่างคยองซูก็มาลาป่วยกระทันหัน แผนกจัดดอกไม้ของเขาจึงขาดคนช่วยงานสำคัญไปหนึ่งคน และถ้าขาดเซฮุนไปอีก...งานอาจเสร็จไม่ทันตามกำหนด
“พี่ซูโฮจะเอาอะไรเพิ่มไหมครับ ผมจะลงไปเอาแจกันดอกไม้ที่ห้องทำงาน”
“พี่ฝากเอา...คาร่าลิลลี่สีม่วง ใบฟิโล แล้วก็...กุหลาบสีขาวมาให้พี่หน่อยก็แล้วกัน พี่ว่าตรงโต๊ะค็อกเทลมันยังโล่งๆอยู่”
“ครับๆ....ได้ครับ”
วันนี้...เซฮุนเดินทางมาทำงานแต่เช้าและมันก็เช้ามากจนเจ้าของโรงแรมต้องขับรถมาส่งแล้วกลับขึ้นไปนอนต่อที่ห้องส่วนตัวชั้นบนสุดของโรมแรมเพราะจงอิน...ก็ต้องเข้าร่วมงานสัมมนาที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพในเวลาสิบโมง แต่...คนเตรียมงานอย่างโอเซฮุน ต้องมาเริ่มจัดดอกไม้ที่งานริมสระน้ำตั้งแต่เจ็ดโมง T^T
เจ้าของใบหน้าซีดเซียว...จากการถูกบรรเลงเพลงรักเมื่อคืนจนรักเกือบถึงรุ่งสาง ยืนจัดดอกไม้อยู่ที่ริมสระน้ำร่วมกับพี่ๆน้องๆในแผนกมาตั้งแต่เช้า ซึ่งตอนนี้งานก็ใกล้จะเสร็จเต็มทีและอาสาลงไปเอาแจกันดอกไม้ที่พนักงานรอบบ่ายอย่างซิ่วหมินเป็นคนทำไว้ขึ้นมาวางในห้องจัดเลี้ยง เซฮุนนำรถเข็นมาเก็บอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้เสร็จแล้วกลับมาที่ห้องทำงานด้วย นั่นจึงทำให้ในรถเข็นมันเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายและมันก็เยอะจนเกือบทำให้มองทางไม่เห็น
ฟอดดดดด!!!!
“พี่จงอิน...!!!”
“ครับเมีย...”
“ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ??!”
กำลังยืนรอลิฟท์เพื่อลงไปที่ห้องทำงาน...แถมยังรู้สึกเวียนศีรษะและต้องจดจำดอกไม้ใบไม้ต่างๆที่รองหัวหน้าสั่งให้เอาขึ้นมาตกแต่งโต๊ะค็อกเทลเพิ่ม แต่จากที่พยายามจำกลับต้องมาตกใจเมื่อได้รับแรงสัมผัสที่แก้มฟอดใหญ่ แถมคำว่า “เมีย” ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตกใจมากขึ้นไปอีกเพราะเจ้าของโรงแรมไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อเช่นนี้ มันอาจเป็นเรื่องใหญ่ถ้ามีใครมาเห็น มันดูไม่ดีถ้าที่ใครมาพบและคนที่เสียหายก็คือคิมจงอิน
แต่คนเอาแต่ใจ ก็ยังเอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยนเพราะ.....
“ก็คนมันคิดถึงหนิครับ...แล้วเซฮุนเป็นยังไงบ้าง?? เมื่อเช้าดูอาการไม่ค่อยดีเลย”
“แล้วเป็นเพราะใครล่ะครับที่เอาแต่ใจ”
“ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวก็โดนอีกจนได้...เซฮุนไม่รู้หรือไงว่ามันน่ารัก หื้มม?”
“พอเลยครับ...เดี๋ยวงานเซฮุนก็ไม่เสร็จพอดี แล้วตอนนี้เซฮุนก็รีบด้วย พี่จงอินมีธุระอะไรจะคุยกับเซฮุนหรือเปล่า เซฮุนจะต้องไปทำงานต่อแล้วนะ”
“เย็นนี้พี่ติดงานเลี้ยง...เซฮุนรู้ใช่ไหม? พี่อาจต้องค้างที่นี้ แต่พี่อยากให้เซฮุนกลับไปนอนที่คอนโดฯ เผื่อเซฮุนเป็นอะไรขึ้นมาพี่จะได้ให้คนของทางคอนโดฯไปขึ้นดูแล แล้วเดี๋ยวตอนเช้าพี่จะรีบกลับไปหา”
“แต่เซฮุนไม่ได้กลับไปห้องของตัวเองนานแล้วนะครับ ป่านนี้ห้องเน่าหมดแล้วมั้ง เซฮุนอยากกลับไปดูว่าห้องมันเป็นยังไงบ้าง แล้วอีกอย่าง...ให้เซฮุนไปนอนที่คอนโดฯคนเดียว เซฮุนก็เหงาแย่สิครับ ห้องพี่จงอินกว้างจะตาย เซฮุนกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองดีกว่า”
“อ้อนเก่งแบบนี้...เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับไปทำงานหรอกครับ”
“ก็มันจริงหนิครับ คอนโดฯพี่จงอินใหญ่จะตาย มองไปทางไหนก็เคว้งไปหมด”
“โอเคๆพี่ยอมแพ้แล้วครับ...งั้นพรุ่งนี้ตอนเย็นค่อยเจอกันนะครับคนดี”
“ครับ...เซฮุนไปทำงานก่อนนะ แล้วพี่จงอินก็ห้ามเมาด้วย เซฮุนเป็นห่วง”
“ไม่เมาหรอกครับ เมียไม่อยู่ให้ปล้ำ”
“พี่จงอินทะลึ่ง คนแก่ลามก!!”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้รู้ฤทธิ์คนแก่แน่ๆ...แต่ตอนนี้เซฮุนรีบไปทำงานก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่อดใจไม่ไหวแล้วมันจะยุ่ง”
รู้ดี...ว่าเจ้าของโรงแรมไม่เคยพูดเล่น พนักงานจัดดอกไม้จึงรีบเข็นรถเข้าไปในลิฟท์แล้วโบกไม้โบกมือเพื่อเป็นการกล่าวลาก่อนกดตัวเลขเพื่อยังชั้นของห้องทำงานทันที เพราะขืยยังคุยกันอยู่แบบนี้...มีหวังได้โดนมากกว่าแค่การหอมแก้มแน่ๆ แต่การถูกสัมผัสเพียงแค่นั้นหรือได้พูดคุยกันเล็กน้อยก็ทำให้คนที่ใกล้หมดแรงรู้สึกมีกำลังใจในทำงานมากขึ้น
...
...
...
17.58 น.
อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า...งานเลี้ยงสังสรรค์ของผู้บริหารโรงแรมทั้งหมดก็ใกล้จะเริ่มต้นขึ้น พนักงานจัดดอกไม้ทุกคนจึงช่วยกันเร่งมือและเก็บรายละเอียดในการทำงานจนแล้วเสร็จ พวกเราทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้...บรรยากาศเริ่มร่มรื่นมากขึ้น พระอาทิตย์กำลังจะตกดินและท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนจากที่เคยสดใส...กลายเป็นสีส้มอ่อนๆดูสบายตาแถมยังมีลมพัดเอื่อยๆ แต่ก่อนที่งานจะเริ่มหรือก่อนที่แขกผู้มีเกียรติจะทยอยกันเดินเข้ามาในงาน เซฮุนกับพี่ๆในแผนกก็รีบเก็บของต่างๆใส่รถแล้วเข็นกลับไปห้องทำงานทันที
“เซฮุนกลับเลยก็ได้นะ ไม่ต้องอยู่ช่วยเราเก็บของหรอก”
“เราขอนอนพักแป๊บนึงแล้วกันฮานิ ตื่นเมื่อไหร่จะมาช่วยเก็บของ”
“ตามใจ...แต่กินยาก่อนดีไหม เดี๋ยวฮานิไปหยิบให้”
“ขอบใจนะ”
ทุกแผนกในโรงแรมแห่งนี้...จะมีห้องพักเล็กๆเอาไว้ให้พนักงานได้พักผ่อนเมื่อมีอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการทำงานหรือมีอาการป่วยแบบที่เซฮุนกำลังเป็นอยู่ สาวน้อยหนึ่งเดียวในแผนกอาสาช่วยคนหมดแรงเก็บของต่างๆที่ขนลงมาจากห้องจัดเลี้ยง เพราะเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีของเพื่อนร่วมงานมาตั้งแต่เช้าและจนถึงตอนนี้อาการของเซฮุนก็ใช่ว่าจะดีขึ้นแถมหน้าก็ซีดลงเรื่อยๆ
ส่วนคนอื่นๆในแผนก...ก็ออกไปเก็บดอกไม้ที่ห้องสัมมนาและเป็นห้องที่การประชุมเพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อช่วงบ่าย วันนี้ห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรมก็มีงานสัมมนาถึงสามห้อง ซึ่งแผนกจัดดดอกไม้และแผนกจัดเลี้ยงก็คงเป็นแผนกที่งานยุ่งไม่แพ้แผนกที่ต้องทำอาหาร ส่วนโอเซฮุนก็งานยุ่งเช่นกันแถมยังป่วยซ้ำเข้า และเมื่อฮานิเอายามาให้ทานเรีนบร้อย...คนป่วยก็รีบเอนหลังลงบนความนุ่มก่อนที่จะเวียนศีรษะมากไปกว่านี้ แต่.........
Rrrrrr!!!
Rrrrrr!!!
Rrrrrr!!!
Rrrrrr!!!
เหมือนได้นอนไปเพียงไม่กี่นาที...เสียงโทรศัพท์ในแผนกก็ดังขึ้นปลุกคนป่วยให้ลุกออกจากที่นอน ดวงตาคู่สวยพยายามปรับโฟกัส สองมือช่วยยันกายเพื่อลุกขึ้นยืน สองขาพยายามก้าวออกไปจากห้องพักด้วยความเชื่องช้า และกว่าจะได้รับสายก็เกือบทรงตัวไว้ไม่อยู่เพราะฤทธิ์ของการเป็นไข้เหมือนจะยังไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย
“สวัสดีครับ...ห้องดอกไม้ครับ เซฮุนรับสาย”
(ทำไมรับสายช้าจังเลยเซฮุน!!!??)
“มีอะไรเหรอจื่อเทา?”
(แขกในงานทำแจกันแตก!! เซฮุนช่วยจัดดอกไม้ขึ้นมาเปลี่ยนให้หน่อย ขอเร็วๆด้วย)
“ดอกไม้ตรงไหนล่ะ...เราจะได้จัดถูก??”
(บนโต๊ะค็อกเทลที่สอง)
“โอเค...จะรีบจัดให้เดี๋ยวนี้แหละ”
(เร็วๆเลยนะ!!)
ยิ่งกว่าความเร่งรีบ...ก็ไม่รู้จะสรรหาไหนมาเปรียบเพราะตอนนี้ยังไม่มีใครกลับมาที่ห้องสักคน เซฮุนจึงพยายามตั้งสติ ตั้งตัวและตั้งใจจัดดอกไม้ตามคำสั่งทันที มือบางหยิบแจกันแก้วทรงสูงใบใหญ่ ดอกไม้ใบไม้ตามแบบของเดิมที่แขกในงานทำแตก ขึ้นมาจัดด้วยความเร่งรีบทั้งๆที่ยังปวดศีรษะไม่หาย เซฮุนปักดอกคาร่าลิลลี่สีม่วง กุหลาบสีขาว ใบฟิโลที่มีลักษณะคล้ายหูช้างลงในแจกันและหยิบกระบอกน้ำมาฉีดลงบนความสวยงามที่จัดเสร็จแล้วเพื่อให้ดอกไม้ดูสดชื่นและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น จากนั้น...ก็วางลงบนรถเข็นแล้วเดินไปกดลิฟท์เพราะต้องรีบนำแจกันดอกไม้ไปวางในงานให้เร็วที่สุด
♪♫...♪..♫♪....♫♪..♪!!!
เมื่อกล่องโดยสารสี่เหลี่ยม...พามาส่งถึงชั้นที่จัดงาน เซฮุนก็เข็นรถดอกไม้เข้ามาเก็บไว้ที่ด้านหลังห้องจัดเลี้ยงก่อนยกแจกันไปวางบนโต๊ะค็อกเทลแล้วรีบเดินออกมาจากงานให้เร็วที่สุด เพราะเวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่คนในแผนกจัดดอกไม้จะต้องขึ้นมาวุ่ยวายในงาน ส่วนผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในงานตอนนี้...ก็จะมีแผนกจัดเลี้ยง แผนกครัวร้อนครัวเย็นและคนทำความสะอาดเท่านั้น
เซฮุนเดินกลับมาด้านหลังห้องจัดเลี้ยงอีกครั้ง แล้วค่อยๆเก็บเศษแจกันที่แตกรวมถึงดอกไม้ต่างๆทั้งที่ยังใช้ได้และหักเสียหายก่อนนำลงไปจัดการต่อที่ห้องทำงาน ของทุกอย่างถูกกองรวมกันไว้อยู่ในอ่างล้างมือของห้องจัดเลี้ยง และต้องขอบคุณแผนกทำความสะอาดที่ช่วยเก็บดอกไม้ใบไม้เอาไว้ให้เป็นอย่างดี ปกติแผนกของเขาจะใช้ดอกไม้เวียนไปจนกว่าจะหมดความสวยความเพราะงานบางงานก็ใช้ดอกไม้เพื่อตกแต่งสถานที่เพียงไม่กี่ชั่วโมงงานก็เสร็จสิ้น แล้วดอกไม้ที่ยังสดใหม่ก็ไม่ควรถูกทิ้งเมื่อจบงาน ความสวยงามยังคงใช้ได้ในงานต่อไป แถมยังประหยัดงบประมาณให้ทางแผนกอีกด้วย และเมื่อเซฮุนเก็บของเรีนบร้อย...เจ้าตัวก็ค่อยๆเข็นรถออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
แต่.....
“สวัดีครับเซฮุน...”
ยังไม่ทันเดินออกไปไหน...กลิ่นบุหรี่ที่มาพร้อมเสียงทักทายของใครบางคนก็ทำให้ต้องหันกลับไปมองและ....
“คะ....คุณคริส!!”
“ดีใจจังเลยครับ...ที่คุณเซฮุนจำผมได้”
พนักงานจัดดอกไม้...ไม่ได้คิดเหมือนแขกในงานคนนี้เลยสักนิด เพราะหลังจากเก็บซากแจกันแตกเรียบร้อยแล้วก็จะรีบกลับลงไปที่ห้องทำงานเพราะรู้สึกเหม็นกลิ่นบุหรี่ รวมถึงอยากกลับไปช่วยงานพี่ๆในแผนกทำงานให้เสร็จ และยิ่งมาเจอกับผู้ชายคนนี้ ตอนนี้ ในสถานที่แบบนี้มันก็ยิ่งทำให้เซฮุนอยากออกไปจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ให้เร็วที่สุด
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณคริส...พอดีผมทำงานค้างไว้” โค้งตัวอย่างสุภาพเพราะผู้ชายตรงหน้าก็ถือว่าเป็นแขกที่มาร่วมงาน และเซฮุน..ก็ไม่ได้อยากทำเรื่องที่ดูเป็นการเสียมารยาทแบบนี้ แต่ถ้าเจ้าของโรงแรมมาเห็นก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ
“ดอกไม้ที่จัดอยู่ในงาน...สวยมากๆเลยนะครับคุณเซฮุน!!” ทิ้งบุหรี่ลงพื้นและเดินมาขวางทางพนักงานจัดดอกไม้ที่วันนี้ไม่ได้ใส่กระโปรง ไม่มีนม และไม่ได้โชว์เรียวขาสวยๆแบบที่เจอในงานเวดดิ้งแฟร์ แถมเจ้าตัวยังทำท่าทางเหมือนไม่อยากจะเสวนาด้วย
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ แต่ดอกไม้พวกนั้น...ผมไม่ได้ทำคนเดียว ผมกับพี่ๆในแผนกเราช่วยกันทำครับ” พยายามมองหาทางหนีทีไล่มากกว่าการสบตากับคู่สนทนา เพราะหลังห้องจัดเลี้ยงมันลับหูลับตาคนมากเกินไปและไม่คิดว่าแขกในงานจะเดินเข้ามาในส่วนนี้ เนื่องจากมันเป็นพื้นที่เฉพาะของพนักงานเท่านั้น
“ยังไม่เลิกงานอีกเหรอครับ...ทำไมเจ้าของโรงแรมใช้งานคุณโหดจัง?? คุณเซฮุนสนใจจะย้ายไปทำงานที่โรงแรมของผมไหมครับ ผมไม่ใจร้ายหรอกนะ”
เดินทางมาที่นี่...ในฐานะแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่งของงานสัมมนา แล้วก็มาตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าร่วมการประชุมกับผู้ประกอบธุรกิจการโรงแรมอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยง แต่สำหรับงานในค่ำคืนนี้...ผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรมอีกคนอย่างอู๋อี้ฟานกำลังรู้สึกเบื่องานสังสรรค์ที่มีแต่แขกผู้ใหญ่และคุยแต่เรื่องของงาน งาน งานและงานจนน่ารำคาญ เขาจึงแยกตัวออกมาสูบบุหรี่และคิดจะกลับไปพักที่ห้องรับรองที่ทางเจ้าภาพได้เตรียมไว้ให้แขกทุกคน
แต่...พอเห็นพนักงานคนหนึ่งเดินเอาแจกันที่มีความสวยงามมาวางที่โต๊ะค็อกเทล มันก็ทำให้รู้สึกว่างานเลี้ยงในค่ำคืนนี้คงไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว และเดินตามคนที่ตัวเองไม่ได้พบหน้ามานานด้วยความรีบร้อน
“เอ่ออ...ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากๆนะครับ แล้วผมก็ต้องขอโทษด้วยที่อยู่คุยกับคุณคริสไม่ได้ พอดีผมทำงานค้างไว้ แล้วต้องรีบกลับไปทำให้เสร็จ ผมขอตัวนะครับ”
“งานมันไม่หนีไปไหนครับ...คุณเซฮุนอยู่คุยกับผมก่อนสิ”
“คุณคริสปล่อยผมเถอะครับ!!!...ผมจะกลับไปทำงาน!!”
“ผมขอคุยด้วยสักครู่ไม่ได้เหรอครับ!??”
“อย่าดีกว่าครับ ผมเกรงว่าจะไม่เหมาะ!! คุณคริสกรุณาปล่อยมือผมด้วยครับ ผมเจ็บ!!”
ไม่ได้อยากใช้วาจา...ที่ดูเป็นการเสียมารยาทแบบนั้นเพราะทราบดีว่าอี้ฟานเป็นแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ในค่ำคืนนี้ แต่สิ่งที่ถูกกระทำมันเริ่มส่งผลให้พนักงานจัดดอกไม้รู้สึกกลัวและใจหนึ่งก็อยากแหกปากร้องให้คนอื่นได้ยินเผื่อแขกคนนี้จะเห็นแก่หน้าตาและชื่อเสียงของตัวเองบ้าง แต่อีกใจก็กลัวเจ้าภาพของงานจะมาเห็นแล้วปาร์ตี้ริมสระน้ำสุดหรู มันจะพังไม่เป็นท่า
แต่...การถูกผู้ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ยื้อยุดฉุดมืออยู่ในมุมมืดก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก!!
“ตกลงคุณเซฮุนกับจงอินเป็นแฟนกันหรือเปล่าครับ??” อยากถามเป็นสิ่งแรกตั้งแต่ได้สนทนากัน เพราะเมื่อเห็นสร้อยคอที่ทำจากทองคำขาวและจี้รูปดอกทิวลิปที่ประดับเพ็ชรสีแดงเม็ดงามบนลำคอสวย มันจึงทำให้อี้ฟานอยากรู้ว่าคนที่เขาจับมือเอาไว้ตอนนี้เป็นอะไรกับคู่แข่งทางธุรกิจ เนื่องจากของแพงๆที่มีราคามากมายขนาดนี้...พนักงานระดับล่างที่ทำได้แค่จัดดอกไม้อยู่ในโรงแรมก็คงไม่มีปัญญาซื้อมาใส่เองแน่นอน
“ขอโทษนะครับ...ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามข้อนี้ ถึงผมจะเป็นหรือไม่เป็นอะไรกับพี่จงอินมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณคริสเลยหนิครับ!!” เริ่มหงุดหงิด เริ่มปวดหัว และเริ่มไม่พอใจที่ถูกถามถึงเรื่องส้วนตัว
“เรียกกันสนิทสนมขนาดนั้น...คุณเซฮุนคงไม่ต้องตอบคำถามของผมแล้วละครับว่าเป็นอะไรกับจงอิน หึ!! สร้อยที่ใส่อยู่สวยมากนะครับ สั่งทำแบบพิเศษซะด้วย!!!” ไม่ชอบท่าทางที่คนตรงหน้าทำเป็นรังเกียจกันมากกว่าคำตอบที่ได้ ทั้งคิ้วที่ขมวดกันจนยุ่ง การพยายามจะดึงมือออก การขืนกายไปมาและการใช้น้ำเสียงที่แข็งกร้าว...ทุกๆอย่างมันทำให้อี้ฟานหงุดหงิดไปหมด
“ถ้ารู้แล้วก็รบกวนปล่อยมือของผมด้วยครับ ผมจะกลับไปทำงาน” เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เพราะตอนนี้แขกผู้มีเกียรติเริ่มทำตัวไม่ให้เกียรติใครทั้งนั้นแม้กระทั่งตัวเอง แถมการถูกบีบข้อมือก็พาลให้รู้สึกเจ็บร้าวไปหมดทั้งแขน
“คุณเซฮุนตอบมาแบบนี้ก็ดี...เพราะผมจะได้รู้ว่าาต้องทำยังไงต่อไป!!!” ยิ่งได้ยินคำพูดที่เหมือนเป็นคำตอบกลายๆ...ว่าระหว่างคู่แข่งทางธุรกิจกับพนักงานดอกไม้เป็นอะไรกันก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดมากไปกว่าเดิม อีกทั้งดวงตาเรียวสวยที่มองมาอย่างไร้ความหมายและว่างเปล่าก็กลายเป็นการเพิ่มความน่าสมเพชให้กับคนถูกมองจนน่าโมโห การเกิดมาเป็นเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งและมีหน้ามีตาทางสังคมไม่แพ้ใคร มีคนยกย่อง แถมยังเป็นที่รู้จักทั้งในแวดวงเดียวกันรวมถึงวงการบันเทิงก็ไม่เคยถูกมองด้วยสายตาแบบนี้เลยสักครั้ง และ......
“อย่านะครับคุณคริส!!!....ไม่นะ! !ปล่อยผมหยะ...อย่า อื้มมม!!!”
เสียงร้องห้าม...ถูกกลืนหายไปกับรอยจูบที่น่ารังเกียจเมื่อพนักงานจัดดอกไม้ถูกเจ้าของกายน่าหลงใหลในสายตาสาวๆครึ่งค่อนงาน โอบรัดและบดเบียดช่วงชิงรสสัมผัส ปากหยัก...เริ่มกอบโกยและกวาดต้อนความหวานที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะหวานได้ถึงเพียงนี้อย่างนึกอยากจะสั้งสอนให้เซฮุนรู้ว่า....อย่าคิดลองดีหรือปฏิเสธคนอย่างอู๋อี้ฟาน!!
แต่!!!!!!!!!!
“เซฮุน....!!!”
ยังไม่ทันได้จูบให้เต็มอิ่ม...เจ้าของริมฝีปากสีหวานก็หมดสติอยู่ในอ้อมกอดของเขา!!???
❀
20.16 น.
ยอมรับ...ว่าทำไปด้วยความโมโหและอยากสั่งสอนให้คนในอ้อมอกตอนนี้รู้ว่าไม่ควรปฏิเสธคนอย่างเขา การเกิดมาเป็นอู๋อี้ฟานที่มีแต่คนนับหน้าถือตา มีแต่คนอยากเข้ามาทำความสนิทสนมหรือยากเข้ามาเป็นคนรัก ทุกๆอย่างคือสิ่งที่เขาได้รับมาโดยตลอด แต่คนของคิมจงอินกลับมีท่าทีรังเกียจแถมยังไม่ให้โอกาสแม้กระทั่งการพูดคุยและการทักทาย ตอนเจอกันที่งานเวดดิ้งแฟร์ก็ยังไม่เห็นแสดงท่าทีที่น่าโมโหเช่นนี้ แล้วถ้าให้เดาก็คงเป็นเพราะถูกเจ้าของโรงแรมผิวเข้มสั่งห้ามเอาแน่ๆ และจากสิ่งที่ทำไปด้วยความโมโหก็พาลให้อีกฝ่ายถึงกับเป็นลมหมดสติ อี้ฟานพาร่างที่ดูเหมือนเป็นไข้ขึ้นมาบนห้องที่ทางเจ้าภาพได้จัดไว้ให้ เนื่องจากอุณหภูมิของคนในอ้อมกอดมันเริ่มสูงขึ้นจนรู้สึกได้ถึงความร้อนภายในร่างกาย
ร่างสวยในชุดพนักงานสีเขียวเข้ม...ถูกวางลงบนเตียงกว้างอย่าเบามือแล้วค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ดเพื่อความสบายตัว แต่!!รอยแดงจางๆบนผิวกายเนียนละเอียดที่เผยให้เห็นเมื่อปลดกระดุม...กลับทำให้อี้ฟานรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก แถมความหวานที่เพิ่งได้ลิ้มรสไปเมื่อครู่ก็ยังคงชัดเจนและกลิ่นหอมอ่อนๆของคนที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงก็ยิ่งเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้เลือดในกายมันยิ่งสูบฉีดมากขึ้นไปอีก
แต่...การจะทำเรื่องอย่างว่ากับคนที่ไร้สติมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบสักเท่าไหร่ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เคยทำกับคนอื่นก็ตามที
อี้ฟาน...หยิบผ้าขนหนูเนื้อดีมาชุบน้ำเพียงเล็กน้อยก่อนนำไปวางไว้บนหน้าผากของคนที่เหมือนจะมีไข้ เพราะจากที่เอามือไปวัดอุณหภูมิให้เมื่อครู่มันก็ทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าเจ้าของกายขาวเนียนต้องป่วยแน่ๆ มือหนาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้พนักงานจัดดอกไม้แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำต่อทันทีเพราะรู้สึกเหนื่อยจากการนั่งประชุมมาทั้งวันและต่อด้วยดื่มสังสรรค์กับผู้ใหญ่ที่ห้องจัดเลี้ยงริมสระน้ำ
ส่วนคนป่วย...ถ้าตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากันอีกที
แต่อาบน้ำไปก็คิดไป...ว่าท่าทีเฉยชาหรือคำพูดต่างๆที่เซฮุนแสดงออกมามันจะเป็นเพียงแค่การสร้างภาพเพื่อทำให้ตัวเองดูมีคุณค่าหรือแค่เล่นตัวไปอย่างนั้น เพราะคนอย่างอู๋อี้ฟานไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธและกล้าใช้สายตาดูถูกหมิ่นเกียรติแบบนั้นมาก่อน แล้วที่เคยเจอมาส่วนมากที่สุดก็แทบพลีกายพร้อมใจให้โดยที่ไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมาสักคำ และใช่ว่าไม่เคยเจอคนแบบเซฮุนมาก่อน แต่สุดท้าย...ทุกๆคนก็ต้องยอมมอบทั้งกายทั้งใจให้กับเจ้าของโรงแรมที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งนายแบบอย่างเขาทั้งนั้น ซึ่งอี้ฟานก็หวังว่า...โอเซฮุนจะง่ายเหมือนกับคนอื่นๆ
และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้...มันก็ทำให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่อย่างสบายใจต้องนึกถึงใครอีกคนเพราะการเป็นคนรักของคิมจงอินมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือจะเป็นใครก็ได้ แต่คนอย่างอู๋อี้ฟานถ้าต้องการสิ่งใดก็จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาเช่นกัน!!! ขนาดแฟนเก่าของจงอินยังได้มาครอบครองโดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลยสักนิด แล้วเซฮุนมันก็จะยากสักแค่ไหนกัน และนับตั้งแต่วันนั้น...จากการเป็นเพียงแค่คู่แข่งทางธุรกิจก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นศัตรูกันในทุกเรื่อง
อี้ฟานรู้ดีว่าจงอินกับแฟนคนเก่ารักกันมากแค่ไหน เพราะถ้าไม่รักก็คงไม่วางแผนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง...ซึ่งอี้ฟานเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้คนทั้งคู่ต้องแยกทางกัน และถ้าถามว่าอยากรู้สาเหตุของการเลิกราหรือเปล่า... อี้ฟานก็ขอตอบได้เลยว่าไม่!! แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะคบกับใครหรือใครจะเลิกกัน เพราะถ้าคนอย่างเขาต้องการสิ่งใดก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางอยู่แล้ว
แต่สำหรับแฟนเก่าของจงอิน...เขาแทบไม่ต้องแย้งหรือไม่ต้องหาวิธีเพื่อให้ได้มาครอบครองเพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง
มันเป็นการเจอกันที่ผับ...แล้วก็เจอกันมาหลายครั้ง และทุกครั้งก็มักจะมากับจงอินเสมอ แแต่ครั้งนั้นมันต่างไปจากทุกๆวันเพราะเธอดูเหมือนจะเมามากกว่าปกติ เธอมาคนเดียว เธอเดินเข้ามาหาท่ามกลางการดื่มสังสรรค์อยู่กับเพื่อนๆในวงการบันเทิงพร้อมคำพูดที่ว่า “ฉันเลิกกับจงอินแล้ว” และทุกๆการกระทำมันก็ช่างเหมาะกับงานประมูลที่ดินที่ใกล้จะเกิดขึ้น เพราะถ้าเรื่องนี้มันสร้างความกังวลใจให้จงอินได้...ที่ดินผืนงามก็ต้องตกมาเป็นของเขาแน่นอน
อี้ฟาน...ไม่เคยสนใจว่าใครจะรักหรือใครจะเลิก เพราะเมื่ออยากได้อะไรก็ต้องได้และทุกครั้งเขาก็ไม่เคยพลาด มันเป็นโอกาสดีที่จะเอาเรื่องการถูกบอกเลิกมาเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้จงอินขาดสมาธิ ขาดสติหรือขาดความยั้งคิดจนยอมถอนตัวออกจากงานประมูลที่ดิน ซึ่งเขาก็อยากได้ที่ดินผืนนั้นเช่นกัน ไม่มีใครเก่งเรื่องการประมูลที่ดินเท่าคนตระกูลคิมอีกแล้ว และโอกาสดีๆแบบนี้ใครยอมพลาด อี้ฟานทราบถึงจุดอ่อนของอีกฝ่ายอยู่พอสมควร การเป็นคนโมโหร้าย เอาแต่ใจหรือมักจะใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหาก็อาจทำให้จงอินต้องแพ้ในการประมูลที่ดินคราวนี้
แต่!!!...สิ่งที่คิดไว้ทั้งหมดกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะคนที่แพ้ก็คือตัวเขาเอง จงอินไม่ได้ถอนตัวจากการประมูลที่ดิน และที่ดินผืนนั้นก็ได้กลายมาเป็นโรงแรมอีกสาขาหนึ่งของตระกูลคิมที่ตั้งอยู่ในเขตปูซาน แต่การเสียที่ดินผืนงามให้กับคู่แข่ง...ก็ใช่ว่าจะทำให้อี้ฟานเลิกกับแฟนเก่าของจงอิน เพราะจากที่คบกันมาได้สักระยะหนึ่งเธอก็นิสัยดี เอาใจเก่ง และความน่ารักที่เธอแสดงออกมานั้นมันก็ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไม...จงอินถึงได้รักผู้หญิงคนนี้นักหนา
แต่...ทุกๆอย่างในชีวิตมันย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
เพราะความน่ารัก...ความเอาใจเก่งหรือความดีที่เคยเห็นและเคยได้รับกลับเป็นสิ่งที่ไม่ได้เป็นตลอดไป จากที่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ จากที่ไม่ห้ามก็ถูกห้ามไปหมดทุกอย่าง จากที่ไม่เคยก้าวก่ายในหน้าที่การงานก็ทำเอาลูกค้าในโรงแรมคอมเพลนแทบไม่เว้นแต่ละวัน แถมงานถ่ายแบบก็ถูกยกเลิกโดยไม่การบอกล่วงหน้า และทุกๆอย่างที่เริ่มเปลี่ยนไปมันไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับเขาเพียงฝ่ายเดียว แต่มันยังพาให้ธุรกิจของครอบครัวเกือบพังไปด้วย แล้วพนักงานในโรงแรมก็ต้องกลายมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของเธออีก
คบกันไม่ถึงครึ่งปี...ความอดทนก็หมดลงและไม่มีการบอกเลิกอย่างเป็นทางการเหมือนอย่างที่เธอทำกับจงอินเพราะคนอย่างอู๋อี้ฟาน ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ มันจะมีการเหนี่ยวรั้ง อ้อนวอน ขอร้องอะไรทั้งสิ้น และไม่กี่วันต่อมาหรือนับจากที่อี้ฟานไม่ได้สนใจเธออย่างที่เคย แฟนเก่าของจงอินก็หายตัวไปนับตั้งแต่วันนั้นและไม่เคยรู้ข่าวของเธออีกเลย อี้ฟานไม่ใช่แค่ไม่สนใจแต่ไม่เคยคิดที่จะตามหาเธอด้วยซ้ำ จะหายไปไหน ไปทำอะไรก็ไม่เคยให้ใครไปสืบค้นเพราะผู้หญิงที่ชื่อ “ซอลฮยอน” ไม่ได้มีค่าอะไรให้ต้องสนใจอีกต่อไป
และตอนนี้...คนที่น่าสนใจที่สุดก็คือ โอเซฮุน!!!!
...
...
...
...
...
งานเลี้ยงริมสระน้ำ
21.16 น.
เจ้าของโรงแรม...อยู่ในงานเลี้ยงและกล่าวขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ รวมถึงอยู่สังสรรค์ตามคำเชิญของผู้เป็นเจ้าภาพ และเมื่องานเริ่มได้สักพัก...กายสีน้ำผึ้งในชุดทักซิโด้สีอ่อนก็ค่อยๆเดินออกมาตรวจความเรียบร้อยบริเวณรอบที่จัดเลี้ยง เนื่องจากวันนี้เจ้าของโรงแรมได้รับเกียรติจากผู้ใหญ่ในแวดวงธุรกิจการโรงแรมให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน เขาจึงไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดหรือมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง
แต่!!...พอเดินไปถึงประตูทางเข้างาน กลับพบหญิงสาวที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงในเวลานี้ เพราะเจ้าของโรงแรมทราบดีว่างานจัดดอกไม้.มันควรทำเสร็จไปตั้งแต่ก่อนงานจะเริ่มเสียอีก??
“มาทำอะไรตรงนี้...ฮานิ!!!??”
“อุ้ยย!!! เอ่ออ...ขอโทษค่ะคุณจงอิน คะ...คือฮานิมาเก็บแจกันที่แขกทำแตกแล้วก็มาตามหาเซฮุนด้วยค่ะ เห็นพนักงานจัดเลี้ยงบอกว่าเซฮุนขึ้นมาเก็บแจกันกับดอกไม้พวกนี้ตั้งนานแล้ว แต่อยู่ดีๆก็หายตัวไป แล้วก็ไม่ได้เอาของลงไปด้วย...ฮานิก็เลยต้องขึ้นมาเก็บให้แทนค่ะ”
“แล้วตอนนี้หาเซฮุนเจอหรือยัง??!!!”
“ยะ...ยังค่ะ!! คือฮานิกับพวกพี่ๆในแผนกติดงานอยู่อีกห้องนึงแล้วเซฮุนก็นอนพักอยู่ที่ห้องทำงาน แต่พอฮานิกลับมาก็ไม่เจอเซฮุนอยู่ในห้องแล้วค่ะ แล้วแผนกจัดเลี้ยงก็โทรตามให้มาเก็บแจกันที่นี่อีกรอบ ฮานิก็ต้องเลยขึ้นมาค่ะ แต่...ฮานิคิดว่าเซฮุนอาจกลับบ้านไปแล้วก็ได้นะคะเพราะดูเหมือนเซฮุนจะไม่ค่อยสบาย”
“(ไม่สบาย??!)”
คนถูกไหว้วาน...ให้ขึ้นมาเก็บแจกันที่แตกอีกครั้ง ตอบคำถามของเจ้านายแบบไม่เว้นวรรคให้หายใจหายคอ เพราะมันทั้งตกใจและกลัวน้ำเสียงที่แข็งกร้าวกับสีหน้าท่าทางจริงจังของผู้ชายที่ยืนทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนโกรธใครมาเป็นสิบสิบชาติ ส่วนเจ้าของคำถามก็ได้แต่ขมวดคิ้วและพึมพำอยู่ในใจ พร้อมนึกโทษตัวเองที่เมื่อคืนโหมความต้องการใส่ร่างสวยจนทำให้ป่วยไข้ แถมตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพนักงานจัดดอกไม้ของเขาหายตัวไปไหน??
เจ้าของโรงแรม...ปัดมือเป็นเชิงไล่ให้พนักงานสาวออกไปให้พ้นๆหน้า และเดินออกจากงานเลี้ยงเพื่อไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดทันที จงอินมั่นใจว่าเซฮุนไม่มีทางหนีกลับบ้านทั้งๆที่งานยังไม่เสร็จแน่นอน เพราะคนรักมีความรับผิดชอบมากอยู่พอสมควร และถ้ากลับบ้านไปแล้วจริงๆก็ต้องลาหัวหน้าแผนกทุกครั้ง ไม่ใช่กลับไปโดยไม่บอกใคร มือหนาหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเบอร์ที่ทำให้เขายิ้มได้ทุกครั้ง แต่สำหรับ...ครั้งนี้มันกลับทำให้เจ้าของเครื่องยิ้มไม่ออก เนื่องจากไม่มีคนรับสายและเมื่อโทรออกอีกครั้งก็กลายเป็นฝากข้อความ??!
ตอนนี้...คนเป็นเจ้าภาพไม่สนแล้วว่างานมันจะสนุกหรือต้องต้อนรับแขกให้สมกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ให้ความไว้วางใจเพราะต้องตามหาคนที่หายไปให้เจอเสียก่อน ร่างสมส่วนในชุดทักซิโด้สุดเนี๊ยบ...ก้าวขาฉับๆออกมาจากลิฟท์เมื่อประตูเปิดออก แล้วเดินตรงเข้ามาในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดโดยมีผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ในห้องต่างพากันตกใจกับบุคคลที่เข้ามาในห้องห้องนี้เป็นครั้งสอง เพราะครั้งแรก...ก็มาตามหาใครสักคนและครั้งนี้ก็อาจเป็นเหตุผลเดียวกัน
“สวัสดีครับคุณจงอิน...มีอะไรให้พวกผมช่วยไหมครับ”
“ไม่มี!!...และผมขอสั่งให้ทุกคนออกไปจากห้องนี้ให้หมด!!!!”
“เอ่ออ...ให้ผมช่วยดีกว่าไหมครับ?? จะได้เร็วขะ..ขึ้น”
“ไม่ต้อง!!...ผมบอกว่าให้ออกไปให้หมด!!!!!!”
พนักงาน...ที่ทำหน้าที่อยู่ในห้องนี้ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นจากที่นั่งและรีบวิ่งออกไปข้างนอก โดยที่ไม่ต้องรอให้เจ้าของเสียงทรงอำนาจออกคำสั่งอีกครั้ง จงอินเริ่มอารมณ์เสียเพราะเป็นห่วงคนที่หายตัวไปเฉยๆแถมโทรไปก็ปิดเครื่อง สายตาคมกริบจ้องภาพที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วอยู่ตรงหน้าพร้อมเลื่อนเม้าท์เพื่อเร่งเวลาไปให้ถึงช่วงที่งานเลี้ยงกำลังเริ่มจะขึ้น และสักพัก...มือหน้าก็ค่อยๆคลิกเม้าท์เพื่อให้ภาพลดความเร็วลงเมื่อเห็นคนที่หายตัวไปเข็นรถเข้ามาในงานก่อนถือแจกันเดินเข้ามาวางที่โต๊ะค็อกเทล จากนั้นก็เดินกลับไปที่เดิม
แต่....ช่วงเวลาของการเข็นรถกลับออกไปจากงานทำไมถึงใช้เวลานานผิดปกติ??
แววตา...ของความเป็นห่วงในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความโกรธเมื่อจงอินเห็นคู่แข่งทางธุรกิจเดินตามคนรักของตัวเองเข้าไปทางด้านหลังของห้องจัดเลี้ยง แล้วภาพหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลยเพราะเป็นจุดที่ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ คนเป็นเจ้าของโรงแรมไม่คิดว่าพนักงานจัดดอกไม้ของเขาจะได้เจอกับผู้ชายคนนี้อีกครั้งเนื่องจากงานในส่วนที่ต้องรับผิดชอบกับงานที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้มันไม่มีทางมาเจอกันได้อย่างแน่นอน แต่สุดท้าย...สิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้น!!!?
จงอิน...เร่งภาพให้เร็วขึ้นอีกครั้งเพราะรู้สึกเป็นห่วงคนรักรวมถึงไม่ไว้ใจคู่แข่งที่มาเป็นแขกผู้มีเกียรติในงานค่ำคืนนี้ และภาพที่เห็นต่อจากนี้ก็เปลี่ยนจากความโกรธเป็นความโมโหจนอยากทำลายโรงแรมของคู่แข่งให้พังพินาศเมื่อเห็นร่างสวยที่ตัวเอง กอด จุมพิต และสัมผัสอยู่เมื่อคืนถูกอุ้มออกไปจากงานแล้วพาขึ้นไปที่ห้องพัก
โครมมม!!!!!
“วันนี้มึงตายแน่...อี้ฟาน!!!”
ลุกขึ้นถีบเก้าอี้จนล้มคว่ำ...และเสียงดังขนาดนั้นก็พาให้พนักงานที่เพิ่งถูกไล่ออกไปจากห้องต้องวิ่งกลับเข้ามาอีกรอบเพราะคิดว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคนเป็นเจ้านาย แต่...ยังไม่ทันเดินไปถึงไหน พนักงานชายคนหนึ่งกลับถูกแรงปะทะจากคนที่กำลังโกรธมากเมื่อเห็นภาพบาดใจโดยที่ไม่ได้รับคำขอโทษหรือพูดอะไรออกมาสักคำนอกจากการถูกมองด้วยสายตาที่ดุดัน
...
...
...
♪♫...♪..♫♪....♫!!!
แค่ขึ้นลิฟท์มาเพียงไม่กี่วินาที...แต่ใจของคนที่กำลังโมโหมันดูเหมือนจะยาวนานเป็นชั่วโมง และเมื่อประตูของกล่องโดยสารสีทองเปิดออก คนเป็นเจ้าของโรงแรมก็รีบวิ่งไปที่ห้องพักของคู่แข่งทันทีพร้อมพยายามทำใจให้เย็น แต่สำหรับตอนนี้มันยากเกินจะควบคุมเพราะช่วงเวลาที่คนรักถูกอุ้มขึ้นมาที่นี่มันก็นานพอจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น และใช่ว่าอยากคิดอะไรในแง่ลบ แต่คนอย่างอู๋อี้ฟานก็ไม่เคยปล่อยให้ใครรอดไปได้สักคน
ปัง ๆ ๆ !!!
ปัง ๆ ๆ !!!
มือหนาทุบลงบนประตูไม้เนื้อดี...ด้วยอารมณ์ที่ถึงขีดสุดโดยลืมไปเลยว่าบนชั้นนี้ก็มีแขกคนอื่นเข้าพักด้วยเหมือนกัน และอาจถูกตำหนิได้ว่านี่คือการบกวนเวลาพักผ่อนของแขกท่านอื่นๆ แต่...ตอนนี้คนเป็นเจ้าของสถานที่ก็ไม่สนใจใครเช่นกันและคิดว่าถ้าคนในห้องไม่ออกมาเปิดประตู...เขาก็จะพังเข้าไป!!!
แกร๊กก!!!
และ...เมื่อประตูถูกเปิดออกด้วยมือของคนที่พาคนรักของตัวเองขึ้นมาที่นี่ แถมยังแต่งกายชวนให้อารมณ์ต่างๆพลุ่งพล่านมากไปกว่าเดิมก่อนส่งยิ้มเหมือนเป็นเชิงเยาะเย้ยยืนอยู่ตรงหน้า จงอินจึงเดินเข้าไปผลักคนที่นุ่งแค่ผ้าขนหนูหมิ่นเหม่ไว้ที่เอวและเปียกเหมือนเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆห้องเพื่อหาคนที่หายตัวไปจากการถูกอุ้ม!!!
“เมียกูอยู่ไหน!!!!??”
“ใจเย็นๆ...พูดเสียงดังแบบนี้เดี๋ยวเซฮุนก็ตื่นพอดี คนกำลังหลับสบาย”
“อย่ามากวนตีน...กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับคนของกูอีก!!!”
“แน่ใจ??...ว่าคนของมึง?”
“ไอ้สัด!!...มึงทำอะไรเมียกู!!!”
ผัวะ!!!
ผัวะ!!!
ต่อยแขกผู้มีเกียรติของงานที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ...ล้มคว่ำลงไปนอนอยู่บนพื้นพรมด้วยความโมโห แถมการแต่งกายก็เป็นสภาพที่ชวนให้คิดไปไกลรวมถึงการพูดการจาที่ได้ยินก็ยิ่งพาลให้ปวดประสาท...นั่นจึงทำให้จงอินเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่
“ถ้าไม่สลบไปก่อน...ป่านนี้เมียมึงคงเสร็จกูไปนานแล้ว แต่คราวหน้ากูจะไม่ปล่อยให้เซฮุนรอดเหมือนวันนี้แน่!!!!”
“มันจะไม่มีวันนั้น!!!...แล้วถ้ามึงยังไม่หยุด กูกับมึงได้เห็นดีกันแน่...คอยดู!!!”
“ปากนุ่มๆ สะโพกเน้นๆ...จับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด แล้วใครมันจะไปหยุดได้วะ หึ!!!”
“มะ...มึง!”
“ก่อนจะต่อยกูอีกรอบ...มึงเก็บแรงไว้อุ้มเมียกลับบ้านดีกว่ามั้ง!! เซฮุนนอนอยู่ในห้อง ตัวร้อนยังไฟ แล้วววว...ถ้ามึงดูแลไม่ได้ ก็ทิ้งเซฮุนไว้ที่นี่ เดี๋ยวกูดูแลให้เอง”
“เสือกกก!!”
ใช่ว่าอยากมีเรื่องจนถึงขึ้นลงไม้ลงมือ...แต่คำพูดที่ถูกปั่นประสาทจากคู่แข่งมันทำให้อารมณ์ที่พยายามจะควบคุมให้ดีกลับขาดลงและรู้สึกโมโหมากขึ้นกว่าเดิม คนเป็นเจ้าของโรงแรมรีบก้าวขาเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องนอนก็พบกับคนที่หายตัวไปนอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ดูซีดเซียวกว่าตอนที่เห็นเมื่อตอนเช้า และเมื่ออุ้มคนรักเข้าสู่อ้อมกอดในท่าเจ้าสาว...จงอินก็รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของเซฮุนที่มันร้อนจนทำให้ชุดทักซิโด้ของเขาอุ่นตามไปด้วย
“ดูแลให้ดีล่ะ...ถ้ากูเจอเซฮุนอีกครั้ง กูไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่”
“.....!!!!!”
ไม่อยากสนใจ...คำพูดที่ยั่วโทสะของคู่แข่งอีกแล้ว เพราะตอนนี้จงอินเป็นห่วงคนรักมากกว่าอะไรทั้งหมด และเมื่อเดินออกมาจากห้องของอี้ฟานเรียบร้อย เขาก็พาร่างของคนป่วยขึ้นไปพักที่ห้องชั้นบนสุดของโรงแรมทันที เพราะขืนขับรถกลับคอนโดฯตอนนี้มีหวังผู้ใหญ่ในงานที่จัดขึ้นริมสระน้ำคงตามหาตัวเจ้าภาพให้วุ่นไปหมด
❀
Agapanthus Condominium โซล
00.45 น.
Rrrrr!!!
Rrrrr!!!
Rrrrr!!!
เสียงโทรศัพท์...ที่วางอยู่ที่ข้างโต๊ะหัวเตียงดังขึ้นปลุกเจ้าของเครื่องให้ตื่นมารับสายในเวลาดึก และมันก็ดึกมากจนรู้สึกหงุดหงิดเพราะตั้งแต่เดินทางทำงานมาที่โซล เขาก็ยังไม่พักเลยสักนาทีแถมเพิ่งจัดกระเป๋าเดินทางเพื่อกลับเชจูในวันพรุ่งนี้เสร็จไปเมื่มช่วงหัวค่ำ
“ฮัลโหลลลลล....ใครวะ?? โทรมาทำไมดึกๆดื่นๆ คนจะหลับจะนอน!!!”
(กูเอง...มีเรื่องให้ช่วยหน่อย!! อย่าบ่นมากได้ไหมวะ!)
“อ้าว!!...จงอิน เป็นไรป่าววะ?? ทำไมเสียงเครียดๆ?”
ตาสว่างทันที...เมื่อทราบว่าคนในสายคือคนที่ต่อยปากตัวเองแตกไปเมื่อวาน และโทรมาในยามวิกาลด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แถมตื่นมาก็ไม่เจอคนตัวเล็กที่ยังกอดกันอยู่เมื่อช่วงหัวค่ำ???
(พรุ่งนี้มึงอย่าเพิ่งกลับเชจูนะ แล้วตอนเช้าก็พาแฟนมึงมาที่โรงแรมด้วย มาช่วยเฝ้าไข้เซฮุนให้กูหน่อย พรุ่งนี้เช้ากูติดประชุม...แล้วมึงก็ต้องเข้าประชุมกับกูด้วย)
“เซฮุนเป็นอะไร!?? แล้วทำไมกูต้องเข้าประชุมด้วยวะ?”
(เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้มึงฟังตอนเช้า...ตอนนี้กูขอไปดูเซฮุนก่อน)
“เออออ!!!...แล้วประชุมเริ่มกี่โมง?”
(เก้าโมง...)
“ได้ๆ...พรุ่งนี้เจอกัน”
(อืมม...ขอบใจ!)
วางสมาร์ทโฟนไว้ที่เดิมเมื่อรู้สาเหตุของการที่ต้องตื่นมารับโทรศัพท์กลางดึก และรีบลุกขึ้นจากเตียงเดินไปดูในห้องน้ำว่าคนตัวเล็กหายตัวไปไหน แต่ก็ไม่พบ ขายาวในกางเกงนอนลายทางสีฟ้ากำลังเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อไปดูแฟนที่ห้องนั่งเล่น เพราะคิดว่าเจ้าตัวแอบมานั่งดูหนังและกินขนมหวานของโปรดยามดึกเหมือนอย่างที่ชอบทำ
แต่...เดินออกมาจากห้องนอนยังไม่ถึงสองก้าว เสียงของประตูห้องพักที่ถูกเปิดและปิดลงอย่างเบามือก็ทำให้วิศวกรหนุ่มต้องหยุดชะงักและรีบเดินกลับเข้าไปแอบอยู่ในมุมมืดข้างประตูห้องนอนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก
แกร๊กก!!!
และภาพ...ของคนตัวเล็กที่หิ้วถุงพลาสติกไว้ในมือพร้อมการเดินย่องเข้าไปในครัว แล้วหยิบของบางอย่างออกมาก่อนเดินหายเข้าไปในห้องนั่งเล่นก็ทำให้คนแอบมองต้องเดินตามไปดูอย่างเงียบๆ เพราะอยากรู้ว่า...คนที่ตัวเองนอนกอดอยู่เมื่อช่วงหัวค่ำหายตัวไปไหน? ไปทำอะไร? แล้วถือสิ่งใดติดมือกลับมาด้วย?? และ.......
“น้องแบคไปไหนมาครับ? อยากไปไหน ทำไมไม่ปลุกพี่?” เปิดไฟในห้องนั่งเล่นจนมันสว่างไปทั้งห้องและทำให้คนที่กำลังจะเดินไปเปิดทีวีถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ชานยอลยืนพิงกรอบประตู กอดอกและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“ปะ...ไปมินิมาร์ทใต้ตึกมาฮะ น้องแบคหิวก็เลยลงไปซื้อไส้กรอกมากิน” ก้มหน้างุดตอบความจริงไปแบบหมดเปลือก เพราะการนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำมันทำให้เขาต้องตื่นมากลางดึก ท้องมันร้องจนทนไม่ไหวแถมการเดินทางมาที่นี่แบบกะทันหันก็ทำให้ตู้เย็นที่ไม่เคยใช้งานมาตั้งแต่ย้ายไปอยู่เชจูไม่มีอะไรแช่ไว้เลยสักอย่างนอกจากน้ำเปล่า ส่วนที่ซื้อมาตุนไว้เมื่อเช้าก็กินหมดไปตั้งแต่เที่ยง
“แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วครับ...ถ้าน้องแบคเป็นอะไรขึ้นมาแล้วพี่จะทำยังไง!!? ชุดก็โป๊ เสื้อเนี่ยยยย!!!...กว้างจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน กางเกงก็สั้น...ก้มทีตูดออกมาเป็นก้อนเลย ทำไมไม่ใส่เสื้อคลุม หึ!!!” ไปไหนไม่บอกก็โกรธมากพออยู่แล้ว และยังไปทั้งๆที่ใส่ชุดนอนด้วยเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงนอนขาสั้นที่สั้นจนแทบจะเป็นกางเกงในเดินลงไปซื้อของกินข้างล่างอีก และถึงแม้ที่นี่จะเป็นคอนโดฯของแฟนตัวเล็กแต่ชานยอลก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
“น้องแบคไปแค่มินิมาร์ทเองนะฮะ...ทำไมพี่ชานยอลโกรธขนาดนี้ด้วยล่ะ??” รีบเดินเข้าไปเกาะแขนคนที่ยืนต่อว่าตอขานตัวเองอยู่ตรงหน้าประตูห้อง และถามออกไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องโดนดุขนาดนี้ทั้งๆที่เขาก็ไม่ใช่เด็กอายุห้าขวบที่แอบหนีพ่อแม่ออกไปซื้อขนมโดยที่ไม่บอกผู้ใหญ่
“ถ้าเป็นแฟนกันแล้วน้องแบคอยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไปโดยที่ไม่บอกพี่ งั้นน้องแบคก็ไม่ต้องมีแฟน...จะเอาแบบนั้นไหม?? แล้วถ้าพี่ทำแบบน้องแบคบ้างล่ะ ออกไปไหนดึกๆแล้วตื่นมาไม่เจอพี่ น้องแบคจะรู้สึกยังไง!???” แกะมือเรียวสวยที่จับแขนของเขาเอาไว้ออกจากเกาะกุม และเดินเข้าห้องนอนไปทันทีเมื่อพูดความรู้สึกที่อยู่ในใจออกไปจนหมด
“น้องแบคขอโทษ...คราวหลังน้องแบคจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว พี่ชานยอลอย่าโกรธน้องแบคนะฮะ” ไส้กรอกและเยลลี่ที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทถูกทิ้งไว้บนโต๊ะหน้าทีวีอย่างไม่ใยดี เพราะตอนนี้คนถูกโกรธต้องรีบวิ่งเข้ามาง้อแฟนตัวใหญ่ในห้องนอน มันไม่อยากถูกเมินอีกแล้ว และรู้สึกผิดที่ทำอะไรไปโดยไม่นึกถึงจิตใจของอีกฝ่าย
แต่ใจลึกๆก็ยังคิดอยู่ว่า...ลงไปซื้อของกินแค่นี้ทำไมถึงต้องถูกดุ!!!?
วิศวกรหนุ่ม...นอนหันหลังให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้กระโดดขึ้นมานั่งทับอยู่บนเอว และพยายามทำให้ร่างกายของเขานอนหงายให้ได้ทั้งๆที่ตัวเองก็มีแรงเท่ามด ชานยอลพยายามขืนตัวเพื่อแกล้งให้คนที่นั่งคร่อมอยู่บนเอวของเขาหมดแรงด้วยรู้สึกหมั่นไส้มากกว่าทำไปด้วยโกรธ รวมถึงอยากให้แบคฮยอนคิดก่อนทำเสมอ เพราะทุกครั้งที่แฟนของเขาไม่ระวังตัว มันก็มักจะเกิดเรื่องที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บและการลงไปซื้อของกินด้วยการแต่งกายแบบนั้นมันก็ยิ่งเป็นจุดสนใจของใครต่อใครมากขึ้น
“ถ้าคราวหน้าทำอีก...พี่จะไม่พูดกับน้องแบคแล้วนะครับ จะไม่เตือน จะไม่บอก แล้วก็จะไม่มีพี่คอยอยู่ตามใจแบบนี้อีกแล้ว น้องแบคอยากได้แบบนั้นใช่ไหมครับ?”
“ไม่เอาฮะ...น้องแบคขอโทษ คราวหลังน้องแบคจะไม่ทำอีกแล้ว ดีกันนะพี่ชานยอล ดีกัน ดีกัน น้องแบคขอโทษ”
ชานยอลทราบดี...ว่าต้องใช้คำพูดแบบไหนคนตัวเล็กถึงจะยอมเชื่อฟัง เพราะถ้าพูดไปโดยปราศจากเหตุผลหรือใช้แต่อารมณ์เหมือนอย่างที่เคยทำ คนที่อยู่ในอ้อมกอดตอนนี้.ก็คงโวยวายและเถียงเหมือนอยากจะเอาชนะทั้งๆที่ตัวเองทำผิด ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงมากมายอะไร แต่ถ้าแบคฮยอนได้รับบาดเจ็บหรือเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นตอนลงไปซื้อของกินคนเดียว ชานยอลคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ
ฟอดดดด!!
“พี่ไม่ได้โกรธน้องแบคนะครับ...แต่พี่เป็นห่วง แล้วชุดนอนมันก็เอาไว้ใส่นอน ไม่ใช่ใส่ลงไปไหนมาไหนข้างนอก”
“ฮะ...น้องแบครู้แล้วฮะพี่ชานยอล”
“งั้นก็นอนกันได้แล้ว...พรุ่งนี้น้องแบคต้องรีบไปเฝ้าเซฮุนแต่เช้า เซฮุนไม่สบาย”
“.......???”
เงยหน้าขึ้นจากอกกว้างด้วยความสงสัย...เพราะเมื่อวานก็ยังเห็นเซฮุนเป็นปกติดี และวันนี้เขาก็นั่งแปลเอกสารอยู่ในห้อง ส่วนแฟนก็เคลียร์งานเรื่องการต่อเติมห้องพักของโรงแรมสาขาเชจูอยู่กับเลขาของจงอินตั้งครึ่งค่อนวันก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าใครจะเป็นอะไรสักคน แต่ทำไมตอนนี้...ชานยอลถึงพูดแบบนั้น??
“น้องแบคไม่ต้องห่วงเรื่องงานที่เชจูนะครับ เดี๋ยวพี่โทรไปคุยกับคุณอาให้เอง”
“เซฮุนเป็นอะไรมากไหมฮะพี่ชานยอล...เราไปหาเซฮุนคืนนี้เลยไม่ได้เหรอ???”
“ตอนนี้เซฮุนมีจงอินดูแลอยู่แล้วครับ น้องแบคนอนเถอะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว แล้วพี่ก็ต้องเข้าประชุมกับจงอินด้วย ไม่รู้จะได้กลับเชจูวันไหน?”
“เฮ้ออออ...น้องแบคอยากอยู่กับพี่ชานยอลจังเลยฮะ แต่ต้องถามคุณพ่อก่อนว่าลางานได้หรือเปล่า”
“พี่ก็อยากอยู่กับน้องแบคนะครับ แต่งานของพี่มันไม่ค่อยแน่นอน”
“น้องแบครู้ครับ...แค่บ่นเฉยๆเอง ถ้าลางานไม่ได้ น้องแบคกลับเชจูคนเดียวได้ฮะ เดี๋ยวให้พ่อมารับที่สนามบินก็ได้ถ้าพี่ชานยอลเป็นห่วง”
“เรื่องนี้เอาไว้ว่ากันทีหลัง....ตอนนี้น้องแบคนอนก่อนดีกว่า เดี๋ยวป่วยไปอีกคนพี่คงโดนคุณอาบ่นหูชาแน่ๆ”
จุ๊บบ!!!
“ฮะ...นอนก็นอน ฝันดีนะฮะพี่ชานยอล”
“ฝันดีครับ...น้องแบค”
การโดนจูบเบาๆที่แก้ม...และได้อ้อมกอดเล็กๆโอบไว้เหมือนเมื่อช่วงหัวค่ำ มันก็ทำให้ชานยอลแทบไม่อยากหลับเลยในคืนนี้ เพราะอยากทำอย่างอื่นมากกว่า แต่ก็เข้าใจดีว่าเวลานี้คงไม่เหมาะและตัวเขาเองก็ได้รับความสุขจากแฟนตัวเล็แบบเต็มอิ่มไปแล้วเมื่อช่วงสายของวัน
แต่...ขออีกสักรอบก็คงไม่ทำให้ตื่นสาย(มั้ง)? เพราะวิศวกรหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับไปเชจูวันไหน???
...
...
...
...
...
“อ๊ะ...ซี้ดดด!!!”
“อื้มมม......”
“พี่ชานยะ...ยอล แรงอีก อ๊ะ!!!”
“ซี้ดดด อ่าห์!!”
❀
100%
แก้ไขเมื่อ 03/11/60
สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ ^-^)
เป็นการแบ่งเปอร์เซ็นต์ตอนที่บ้าบอที่สุดของเรา (อย่าถือสากันเลยยยยย) T^T
ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตาม ขอบคุณคอมเม้นท์ใหม่ๆ และคอมเม้นท์ของนักอ่านคนเดิม ที่เริ่มติดตามอ่านมาตั้งแต่แรก และยังกลับมาอ่านอีกครั้งในช่วงของการรีไรท์ ขอบคุณจริงๆค่ะ (-:
แล้วจะเข้ามาแก้คำผิดเรื่อยๆนะคะ
รัก ♥
#ดอกไม้ของเจ้านาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

712 ความคิดเห็น
-
#682 KHlulaby (จากตอนที่ 14)วันที่ 12 ตุลาคม 2562 / 23:47เซฮุนลูกกกกจะรอดมั้ยเนี่ย เอาพี่คริสออกไปเลย แงงงงงง // ชานยอลนี่คือติดแบคไปละนิ 55#6820
-
#561 /tl26&? (จากตอนที่ 14)วันที่ 23 กรกฎาคม 2561 / 00:13ฮื่อ เซฮุนที่น่าสงสาร จงอินทำไมไม่อ่อนโยนแบบพี่ชานยอลเลยอ่า#5610
-
#475 Jammie-Lee (จากตอนที่ 14)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 / 23:55จงอินจะลงอะไรที่ฮุนนี่อีกไหมเนี่ยยยย ถถถถ#4750
-
#195 มักเน่ไลน์94 (จากตอนที่ 14)วันที่ 20 กรกฎาคม 2559 / 20:05ได้มีสงครามอีกแน่ๆเลยยยยย#1950
-
#131 Kannika Tankam (จากตอนที่ 14)วันที่ 14 มิถุนายน 2559 / 22:16น้องฮุนโดนอีกแล้วววว พี่จงอินอย่าเพิ่งโกรธนะคะ น้องฮุนไม่รุ้เรื่องงงงง#1310
-
#107 ME3 KAEKY (จากตอนที่ 14)วันที่ 6 มิถุนายน 2559 / 18:20ห้ามทำอะไรน้องนะคริส!#1070
-
#105 june2546 (จากตอนที่ 14)วันที่ 6 มิถุนายน 2559 / 18:08อี้ฟานอย่าทำอะไรฮุนนะ#1050
-
#98 eve_popparazzi (จากตอนที่ 14)วันที่ 6 มิถุนายน 2559 / 13:53แบคกับฮุนนี้โดนรังแกตลอด5555#980
-
#97 a-ndrem (จากตอนที่ 14)วันที่ 6 มิถุนายน 2559 / 12:08อี้ฟานนี่คนดีป่ะะะ#970
-
#73 rin_napason123 (จากตอนที่ 14)วันที่ 12 พฤษภาคม 2559 / 20:59โง้ยยยยชอบ#731
-
#73-1 Mokara(จากตอนที่ 14)13 พฤษภาคม 2559 / 08:54เย้ๆ...ดีใจ ขอบคุณมากนะคะ#73-1
-
-
#72 อีเหี่ยว (จากตอนที่ 14)วันที่ 11 พฤษภาคม 2559 / 23:14สนุกมากเลยชอบทั้ง2 คู่#721
-
#72-1 Mokara(จากตอนที่ 14)12 พฤษภาคม 2559 / 07:34ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน จุ้บๆ#72-1
-
-
#71 Real1__pcy2 (จากตอนที่ 14)วันที่ 11 พฤษภาคม 2559 / 21:52น้องแบคขี้ยั่ว ขอให้พี่ชานตะบะแตกไว้ๆๆ?#710
-
#70 anty (จากตอนที่ 14)วันที่ 11 พฤษภาคม 2559 / 01:40แก่นคะแก่นมาก แต่น้อยใจอะทำไมตอนไคฮุนมันสั่นแต่ตอนชานแบคมันยาวดี แต่ชอบคะชิปทั้งสองคู่เลย แล้วมาอัพอีกนะคะสนุกดี#701
-
#70-1 Mokara(จากตอนที่ 14)11 พฤษภาคม 2559 / 08:37แงแงแง รอไคฮุนสักครู่นะคะใกล้จะมาแย้ว....ขอบคุณที่สนุกกับฟิคของเรานะคะ#70-1
-
-
#69 a-ndrem (จากตอนที่ 14)วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 / 18:02แบคน่าสงสาร#690