คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สอง
2.
ปั้งงงง!!!
“เชี่ยยย!!”
เสียงหน้าต่าง...ที่ถูกลมพัดจนกระแทกไปกับผนังทำให้หนุ่มผิวเข้มรู้สึกตกใจ
แต่ก็ไม่ได้ทำให้หายสงสัยในเรื่องของเศษขนมปังที่ตกเกลื่อนพื้น เขาจำได้ว่าไอ้เสียงหน้าต่างนั่นมามันจากส่วนใดของปราสาทเพราะตลอดสองวันที่เข้ามาตรวจเช็คสภาพภายในก็ทำให้รู้ว่าหน้าต่างบานนั้นอยู่ที่ชั้นสาม สายตาคมก้มมองไปตามทางที่คล้ายว่าจะเต็มไปด้วยเศษขนมปังและสองขาก็ต้องก้าวด้วยความอยากรู้
ถ้าเป็นหนูอย่างที่คิด...ก็จะรีบกำจัดรังของมันก่อนที่ปราสาทโทรมๆหลังนี้จะเสียหายไปมากกว่าเดิมเพระเท่าที่ตรวจเช็คเมื่อสองก่อนก็ไม่รู้ว่าจะต้องซ่อมอีกกี่เดือนกี่ปีถึงจะดูเหมือนใหม่ ถึงแม้โครงสร้างของปราสาทจะยังคงแข็งแรง เฟอร์นิเจอร์หลายๆชิ้นก็ยังใช้งานได้ แต่ก็มีอีกหลายส่วนที่ต้องซ่อมและที่ต้องซ่อมเป็นอย่างแรกเลยก็คือระบบไฟฟ้า แล้วคืนนี้คงต้องใช้ตะเกียงหรือไม่ก็จุดเทียนเพื่อให้มีแสงสว่าง จะทำอาหารก็ต้องก่อไฟด้วยฟืน จะอาบน้ำก็ต้องหาถังมารองน้ำให้เต็ม
การใช้ชีวิตในช่วงนี้...เหมือนต้องย้อนกลับไปในยุคที่ไร้ความทันสมัยทั้งๆที่ก็มีสมาร์ทโฟนก็อยู่ในกระเป๋ากางเกง T_T
ขายาวสมส่วน...ค่อยๆเดินมารอยของขนมปังเหมือนในนิทานที่เคยฟังตอนเด็กๆ จากห้องครัวลงมาจนถึงบันได จากบันไดก็เดินลงมาที่ชั้นหนึ่ง สายตาก็คอยกวาดมองร่องรอยที่เริ่มหายไปทีละน้อย ทีละน้อยและขนมปังชิ้นสุดท้ายก็หล่นอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง มันเป็นห้องที่อยู่ใกล้ประตูหน้าบ้านมากที่สุด
แถมยังถูกปิดสนิทจนไม่น่าจะมีตัวอะไรวิ่งเข้าไปได้?
แกร๊กกก!!
มือหนาจับลูกบิดก่อนเปิดแผ่นไม้บานเก่าออกอย่างช้าๆ...เขาเคยเข้ามาสำรวจห้องนี้แล้วครั้งหนึ่งเพราะมันเป็นห้องแรกที่เห็นเมื่อเข้ามาในปราสาท หนุ่มผิวเข้มจำได้ว่าในห้องมีเพียงโซฟาที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาวขนาดใหญ่และเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวที่อยู่ในห้อง
ส่วนประตูเก่าๆอีกบานทางซ้ายก็เป็นห้องน้ำที่มีเพียงแค่อ่างล้างหน้าเท่านั้น...ไม่มีอ่างอาบ ไม่มีฝักบัว
ไม่มีโถส้วม
ซึ่งเป็นห้องที่แปลก
เป็นการก่อสร้างที่แปลกและตอนนี้ก็เหมือนจะมีอะไรแปลกๆอยู่ในห้องด้วย??
ขอย้ำอีกครั้ง...ว่าเขาจำได้ว่าห้องห้องนี้มันเป็นอย่างไร ฝุ่นเยอะแค่ไหน แล้วเศษขนมปัง
ความเปียกชื้นของพื้นไม้รวมถึงผ้าที่ใช้คลุมโซฟานั่นอีก...ทำไมมันถึงเปียกไปด้วยน้ำ??
หนุ่มผิวเข้มค่อยๆก้าวขาอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นความผิดปกติก่อนเอื้อมมือไปตรงความเปียกชื้นแล้วดึงผ้าขนาดใหญ่ออกจากโซฟาสีซีด
และ............
“โอ๊ยยยย!!”
มันก็ไม่ใช่หนูอย่างที่คิด...แต่ก็ต้องรีบคว้าตัวเอาไว้แม้แขนข้างหนึ่งจะถูกกัดจนเป็นรอยก็ตามที
แรงขัดขืนที่มากทำให้หนุ่มผิวเข้มต้องออกแรงโอบรัดและเพราะเกรงว่าตัวเองจะถูกกัดอีกครั้งจึงจำเป็นต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มี ในหัวก็คิดว่าเด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหนหรือเข้ามาในปราสาทได้อย่างไร...แล้วถูกจับไว้ด้วยแรงที่มากขนาดนี้แต่ทำไมไม่ร้องให้คนช่วย??
คำถามมากมาย...ผุดขึ้นจนแทบเรียงลำดับไม่ทัน แถมคนในอ้อมแขนก็ยังเอาแต่ดิ้นอยู่อย่างนั้น!!
“ใจเย็นๆ...ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ยิ่งดิ้นมันยิ่งเจ็บ ใจเย็นๆก่อนได้ไหม!!?”
“.....................”
“โอ๊ยยยย!!...”
“..........................”
“กัดอีกทีจะโทรเรียกตำรวจมาจับเลยนะ!!!”
โดนกัดแขนอีกรอบ...เจ็บอีกรอบและต้องออกแรงอีกรอบเพราะคนในอ้อมแขนยังไม่ยอมหยุดดิ้นสักที แถมยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ แต่!!พอขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ แรงดิ้น
แรงขัดขืนหรือแรงกำลังทุกอย่างก็เริ่มอ่อนลง หนุ่มผิวเข้มค่อยๆคลายการโอบรัดก่อนจับหนูตัวใหญ่ให้หันหน้ามาเพื่อถามถึงสาเหตุ แต่..........
(เชี่ยยย!!)
ขอสบถแค่ในใจ...เพราะเมื่อได้เห็นหน้าคนในอ้อมแขน ใจมันกลับเต้นเหมือนเจอของถูกใจ
ดวงตาคู่สวยสวยที่คลอไปด้วยน้ำสีใสพร้อมกระบนใบหน้าเรียวไล่ลงมาจนถึงพวงแก้มก็พาให้ไม่อาจละสายตา
ยิ่งแสงแดดที่ส่องเข้ามาจนเห็นความสวยงามได้อย่างชัดเจนก็ยิ่งไม่อยากจะละสายตามากขึ้นไปอีก น่ารักมาก
น่ารักมากจริงๆ...และไม่เคยเห็นใครน่ารักเท่านี้มาก่อน
เคยอ่านนิทานเรื่องสโนไวท์กันไหม?...เขาบอกได้เลยว่าเด็กคนนี้คือสโนไวท์ ผิวที่ขาวดั่งหิมะ รอยจับ
แรงบีบ
กำลังที่ใช้โอบรัดก็ทำให้ผิวขาวๆนั้นขึ้นริ้วแดงทั้งตัว แต่!!สองมือเรียวสวยที่ยกขึ้นมาเพื่อพนมก้มกราบก็ทำให้หนุ่มผิวเข้มต้องยอมละออกจากภวังค์ความน่ารัก
“ไหว้ทำไม...”
“..................”
ยอมรับว่ากลัวเมื่อถูกจับได้...และการเสแสร้งแกล้งใบ้ก็ถูกนำออกมาใช้อย่างเช่นที่เคย ใจมันเต้นตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้า เสียงเปิดประตูและเสียงผ้าที่ถูกดึงออกจากร่างกาย เด็กตัวขาวขอสู้สุดชีวิตเพื่อหาทางรอด ทั้งกัด
ทั้งข่วน ทั้งดิ้น ทำทุกอย่างเพื่อให้หนีรอดอีกครั้ง แต่การถูกโอบรัดด้วยแรงของคนที่มีกำลังเยอะกว่าก็ทำให้ต้องยอมพ่ายแพ้
แถมการถูกขู่ว่าจะแจ้งตำรวจก็พาลให้ยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก เขาไม่อยากถูกส่งตัวกลับไปที่เดิม ที่นั่นมีแต่ความมืด มีแต่คนใจร้ายและมีแต่ความสิ้นหวัง น้ำตาที่เคยไหลออกมาเพราะคำว่า “อิสระ”
ตอนนี้กลับไหลออกมาเพราะความ “กลัว”
เด็กตัวขาว...ยกมือไหว้ซ้ำๆก่อนใช้มือชี้ไปที่ปากก่อนโบกไปมาเพื่อบอกว่าตัวเองพูดไม่ได้
และนิทานเรื่องสโนไวท์ของหนุ่มผิวเข้มก็คงแปลกไปจากนิทานที่เคยอ่าน ไคเข้าใจว่าคนตรงหน้ากำลังสื่อสารว่าอะไร ส่ายหัวคงแปลว่าไม่ มือที่ชี้ไปที่ปากและใช้นิ้วทำเป็นรูปกากบาทก็คงแปลว่าพูดไม่ได้ ความสงสารอาจเป็นสิ่งแรกที่ไครู้สึก
ส่วนความสงสัยในเรื่องอื่นๆก็คงสอบถามให้ได้ความเพราะเขาอยากก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ไม่ต้องกลัวฉัน...เข้าใจไหม ถ้าเข้าใจให้พยักหน้า แล้วก็ห้ามกัด
ห้ามหนี
ห้ามไปไหนจนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง
โอเคไหม??”
และการพยักหน้าของเด็กตัวขาว...ก็ทำให้ไคต้องยอมปล่อยอ้อมกอด
โซฟาสีซีดกลายเป็นที่พูดคุยระหว่างคนแปลกหน้า
ดวงตาคู่คมมองคนที่นั่งพับแข้งพับขาและขดตัวอยู่บนโซฟาด้วยความสงสาร แล้วเสื้อผ้าที่ขาด กางเกงที่เปียกชื้นหรือจะเป็นเส้นผมสีดำที่เริ่มแห้ง ทุกๆอย่างที่เป็นเด็กคนนี้ทำไมมันถึงได้ดูเศร้านัก
“ฟังให้ดีนะ...ฉันเป็นเจ้าของปราสาทหลังนี้ ฉันชื่อไค
แล้วเธอล่ะ...ชื่ออะไร
มาจากไหน??”
ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลพูดคุย...และหวังว่าเด็กคนนี้จะให้คำตอบเขาได้ แม้จะต้องแปลความหมายจากท่าทางก็ตามที
ไคพยายามจะไม่กดดันหรือใช้สายตาที่ใครๆก็บอกว่าน่ากลัวเพราะเกรงว่าคนตรงหน้าจะไม่ให้ความร่วมมือ
“ชื่อ เซฮุน เหรอ?”
ใช้ฝุ่นบนพนักพิงของโซฟา...เขียนชื่อตัวเองให้เจ้าของปราสาทรับรู้และใช่การพยักหน้าเพื่อการสื่อสาร แต่เรื่องที่เขาเป็นใครมาจากไหนคงต้องทำท่าทางให้ดูเพราะเกิดมาจนอายุสิบห้าหรือตอนนี้จะอายุสิบแปดเขาก็เขียนอะไรไม่ได้เลยนอกจากชื่อของตัวเอง ลุงกับป้าไม่เคยส่งเสียให้เรียนหนังสือ วันวันเอาแต่ใช้ให้ไปทำไร่และต้องทำอาหารทุกมื้อให้ลุงกับป้ากินทุกวัน แล้วการไปตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารก็เป็นเหตุให้เขาถูกคนใจร้ายจับมาขังไว้นานถึงสามปี
เด็กตัวขาว...นำผ้าที่เคยใช้คลุมโซฟามาทำท่ามัดแขนมัดขา
ก่อนเดินไปที่ประตูพร้อมกดล็อคและนั่งชันเข่าท่าเหมือนตอนถูกจับมาขังไว้ในห้องใต้ดิน เหตุการณ์ต่อไปถูกเล่าโดยการจูงมือเจ้าของปราสาทออกมาจากห้อง แล้วทำท่าวิ่งหนี มุดรั้ว
มุดช่องประตูรวมถึงเอาตัวเองมาแอบอยู่ในผ้าม่าน เสื้อขาดๆถูกเปิดออกเพื่อโชว์รอยแผลจากการถูกรั้วเหล็กบาด ที่ข้อมือข้อเท้าก็เป็นรอยของโซตรวนครั้งถูกจองจำ
ถึงแม้...จะจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน
แต่ท่าทางต่างๆที่พยายามบอกเล่าเรื่องราวมาทั้งหมดมันก็น่าหดหู่ไม่ใช่น้อย การถูกมัดจนแขนขาเป็นรอยลึก การถูกขังอยู่ในห้องมืดๆ หรือการวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดมันไม่ควรเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น หนุ่มผิวเข้มรู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ การเล่าเรื่องราวไปพร้อมๆกับดวงตาที่แดงก่ำคือสิ่งที่เหมือนจะอัดอั้นอยู่ในใจมาแสนนาน แล้วการใช้ฝุ่นบนโซฟาเพื่อเขียนชื่อ รูปรถบรรทุกที่วาดใส่กำแพง รูปคน
รูปเงิน รูปตัวเองที่หนีเข้ามาแอบอยู่ในปราสาท ทุกๆรูปถูกวาดโดยใช้ฝุ่นบนผนังบ้าง บนพื้นไม้บ้าง
ซึ่งแต่ละภาพก็กลายเป็นเรื่องราวที่สามารถเอามาปะติดปะต่อกันได้ไม่ยาก
“พอแล้ว...ให้ฉันทำแผลให้ใหม่ก่อนเดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อเพราะแผลอาจติดเชื้อ”
ขอหยุดความน่าเวทนาไว้เพียงแค่นี้เพราะถ้าให้เล่าต่อ...ใจของคนฟังคงรับไม่ไหว
>_<!!!
แกร๊กกก!!
“แล้วเซฮุนอายุเท่าไหร่...?”
มือเรียว...ที่กางออกสิบนิ้วก่อนงอนิ้วนางกับนิ้วก้อยลงก็ทำให้ไครู้ว่าเจ้าสโนไวท์ของเขาอายุ 18 กล่องยาถูกวางลงบนโต๊ะเมื่อพาคนเจ็บมาพักที่ห้องนอนบนชั้นสาม ห้องๆนี้ถือเป็นห้องแรกที่ถูกปรับปรุงไปเมื่อสองวันก่อนเพราะจะให้เข้ามานอนโดยที่ห้องยังเต็มไปด้วยฝุ่นก็เห็นทีจะไม่ไหว
ส่วนไฟที่ยังไม่ได้ต่อก็ต้องใช้เทียนหรือตะเกียงในยามค่ำคืน แต่ในตอนที่แดดยังมี...หน้าต่างก็ต้องถูกเปิดเพื่อรับแสง
“ฉันเหรอ...ฉันอายุ 30!”
นิ้วเรียวสวย...ที่ขยับไปมาเหมือนกำลังนับเลขก่อนชี้มาที่หนุ่มผิวเข้มก็ทำให้ทราบว่าถูกเด็กตรงหน้าถามถึงอายุบ้างแล้ว ไคตอบไปอย่างไม่นึกอาย ในวัยสามสิบ...ใครๆอาจคิดว่าต้องมีเงิน มีงานหรือมีความมั่นคงชีวิต แต่!!ในวัยสามสิบของแต่ละคนมันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร การเกิดมาเป็นลูกนอกสมรส พ่อแม่ก็ตายหมด
แถมยังได้มรดกเป็นปราสาทผีสิง...แล้วแบบนี้ใครมันอยากจะไปนับญาติด้วย ไคทำแผลให้เด็กตัวขาวไปพร้อมๆกับการพูดคุยและแผลถลอกบนหน้าท้องเนียนก็ไม่ได้ลึกมากจนถึงขั้นต้องเย็บ แต่การใส่ยารวมถึงติดผ้าก๊อตก็น่าจะดีกว่าแค่การล้างเลือดออกอย่างที่คนเจ็บทำเอาไว้
“ทำอะไร?!”
กำลังเก็บกล่องยา...แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะคนที่เคยนอนอยู่บนเตียงกลับลุกขึ้นก่อนนั่งคุกเข่าและพนมมือไหว้อยู่บนพื้นพรม กายบางก้มกราบคนใจดี นิ้วเรียวก็ชี้มาที่ตัวเองแล้วจิ้มลงบนพื้น
ทุกๆอย่างถูกทำย้ำๆซ้ำๆเหมือนอยากบอกว่าขอบคุณและขออยู่ที่นี่ เซฮุนไม่อยากกลับบ้านไปอยู่กับลุงกับป้าอีกแล้ว ขืนกลับไปก็คงถูกคนใจร้ายลักพาตัวมาอีกแน่นอน
“เซฮุนจะอยู่ที่นี่เหรอ?”
ไม่แน่ใจ...กับสิ่งเด็กตัวขาวกำลังจะสื่อสาร แต่เมื่อเอ่ยถามและเจ้าตัวก็พยักหน้าจนผมกระจาย ไคก็ได้แต่คิดว่าตัวเองจะทำเช่นไรดี ใช่ว่าจะให้เซฮุนอยู่ไม่ได้หรือไม่อยากให้อยู่ แต่มันจะเกิดปัญหาขึ้นในภายหลังหรือเปล่า ซึ่งเขาก็ไม่รู้และต้องคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
แต่........!!!
ปั้งงง!!!!!!
Rrrr!!!!!!!
“เซฮุน...ออกมา!!”
ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ...เสียงหน้าต่างที่กระแทกไปกับผนังพร้อมเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ทำให้ต้องหยุดความคิดเอาไว้ชั่วคราว แล้วเสียงทั้งหมด!!ก็เป็นเหตุให้เด็กตัวขาวตกใจจนต้องหาที่ซ่อน และที่ซ่อนใกล้ที่สุดก็คือ...ใต้เตียง
ไครีบรับสายแต่ก็ต้องรีบเข้าไปที่ใต้เตียงเช่นกันเพราะเกรงว่าเซฮุนจะได้รับบาดเจ็บ มือข้างหนึ่งกอดเด็กตัวขาวเอาไว้ ส่วนอีกมือก็ต้องรับโทรศัพท์ด้วยความทุลักทุเล
“ครับ...ช่างไคครับ”
(สวัสดีค่ะคุณไค....ตกลงเรื่องซ่อมหน้าต่างว่าไงคะ)
“ขอโทษทีครับ...ผมลืมไปเลย แล้วบ้านคุณอยู่แถวไหนครับ?”
(ถนนXXX หน้าตึก........)
“โอเคครับ....เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปดูที่หน้างานแล้วจะรีบจัดการซ่อมให้นะครับ”
(ขอบคุณค่ะ)
ถ้าเป็นงานที่ไกลเกินไป...ช่างอย่างเขาคงต้องปฏิเสธเพราะมันไม่คุ้มกับค่าเดินทาง การเป็นช่างอิสระใช่ว่าจะมีงานกันได้ง่ายๆ
แล้วเดี๋ยวนี้ตามบริษัทต่างๆก็ไม่ค่อยรับพนักงานใหม่เข้าทำงาน สวัสดิการเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกๆบริษัท การจ้างคนใหม่จึงกลายเป็นสิ่งที่บริษัทหลายๆที่ไม่กล้าเปิดรับ พวกเขายอมให้โอทีกับพนักงานคนเก่ามากกว่าจะยอมเสียทั้งเงินเดือนหลักหมื่นรวมถึงสวัสดิการอื่นๆอีกมากมาย แต่ไคก็รู้สึกดีที่ตัวเองไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำงาน มีใครจ้างมาเมื่อไหร่ก็ไปทำตามออร์เดอร์
แม้เงินที่ได้อาจจะไม่มากหรือดูไม่มั่นคงเท่ากับทำงานในบริษัท...แต่มันสบายใจดี
ส่วนตอนนี้มันเริ่มมาสบายใจแล้ว...เพราะเด็กตัวขาวยังไม่ยอมออกมาจากใต้เตียง?!
“กลัวอะไร?”
คำตอบที่ได้...คือท่าทางของการถูกจับและถูกมัดมือมัดเท้า กายบางที่ขดตัวจนหัวเข่าแทบชิดกับหน้าอก ข้อมือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาประกบกัน
ส่วนข้อเท้าก็เอามาแนบกันไว้และทุกๆท่าทางที่เซฮุนแสดงออกมามันก็ทำให้เจ้าของปราสาทตัดสินใจได้ว่าควรทำเช่นไร
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่...เซฮุนต้องออกมาจากใต้เตียง ตกลงไหม?
ถ้าไม่ออกจะเรียกตำรวจมาจับ”
จำเป็นต้องขู่...ไม่อย่างนั้นเด็กตัวขาวที่เขาคิดว่าเหมือนสโนไวท์ก็คงไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน แล้วคำขู่เช่นนั้นก็ได้ผล เซฮุนคลานออกมาจากใต้เตียงอย่างช้าๆ ใบหน้าเรียวสวยดูไม่ค่อยสดใสเมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ ไครู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองใช้ขู่มันทำให้เจ้าตัวดูเศร้า
แต่ทำไมต้องเศร้าด้วยล่ะ...ทุกอย่างต้องมีเหตุผลและต้องถามให้ได้ความเพราะไม่อยากรู้สึกผิดซ้ำสอง
“กลัวตำรวจเหรอ?”
และคำตอบ...ก็คือการพยักหนาจนผมกระจายอีกครั้ง
ไคได้แต่ส่ายหัวด้วยความเพลียใจเพราะการสื่อสารกันเช่นนี้มันค่อนข้างลำบาก เขาอยากเข้าใจ
อยากรู้
อยากสอบถามอีกหลายๆเรื่อง
แต่จะไปคาดคั้นอะไรกับคนเป็นใบ้ก็คงจะใจร้ายเกินไปหน่อย
มือหนาปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าให้เด็กตัวตัวขาวและเขาก็เพิ่งสังเกตว่ามันขาดจนเป็นทางยาว ส่วนกางเกงนั่นก็เปื้อนคราบเลือดจนเป็นรอยด่าง
“ดะ...เดี๋ยว ๆ
ๆ มาบีบคอทำไมเนี่ย!!!”
กำลังคิด...ว่าจะเอาเสื้อผ้าของตัวเองให้คนตรงหน้าเปลี่ยน
แต่ยังไม่ทันได้คิดหรือเดินไปดูในกระเป๋าว่ามีชุดไหนที่คนตัวบางขนาดนี้จะใส่ได้ เขาก็ถูกมือเรียวบีบคอเข้าอย่างแรงก่อนจะปล่อยและทำท่าเหมือนตำรวจที่กำลังทำความเคารพผู้ที่มียศสูงกว่า
เซฮุน...ทำท่าทางแบบนั้นซ้ำๆพร้อมกับความกลัวที่ฉายอยู่ในแววตาคู่สวยและชี้ไปที่แผลบนแก้มสลับกับบาดแผลที่หน้าท้อง
“เคยโดนตำรวจบีบคอแล้วก็ทำให้ตรงนี้มีแผลใช่ไหม...เซฮุนจะบอกแบบนี้ใช่ไหม?”
ไค...เริ่มไม่สบอารมณ์กับการพยักหน้าของสโนไวท์ตัวน้อยเพราะนั่นหมายถึงการถูกทำร้ายจากคนควรที่ทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน ตำรวจมีสิทธิ์อะไรมาบีบคอเซฮุน แถมยังใช้มีดกรีดใบหน้าสวยๆให้เป็นรอย มีคำไหนที่ยิ่งกว่าคำกว่า “เลว”
อีกไหม?
เขาอยากจะพูดคำนั้นออกมาอย่างไม่กลัวการถูกฟ้อง เด็กมันก็ตัวแค่นี้ทำไมถึงทำร้ายกันได้ลงคอ แล้วทำไม...เซฮุนถึงต้องมาเจอเรื่องราวร้ายๆเช่นนี้ โลกมันกว้างจนไคไม่คิดว่าการถูกลักพาตัว การถูกขาย
การถูกทารุณมันจะมีอยู่จริง
เคยเห็นแค่ไหนหนัง ในซีรีส์
ในละครหลังข่าว...แต่ตอนนี้มันกลับถูกเล่าจากเด็กที่นั่งอยู่ตรงหน้า!!
“ขอโทษนะ...ทีหลังจะไม่พูดถึงตำรวจแล้ว”
สองมือ...พนมก้มกราบคนแปลกหน้าผู้ใจดีเพราะในโลกนี้คงไม่มีใครใจดีกับเขาอีกแล้วนอกจากช่างไค
ขนาดลุงกับป้าแท้ๆยังใจร้ายกดขี่ใช้งานเขาสารพัด แถมยังโชคร้ายถูกจับมาขังมาขายอยู่ในห้องใต้ดิน
วันนี้มันเหมือนฟ้าหลังฝนมีจริงอย่างเคยได้ยิน ช่างไคใจดี
มีปราสาทหลังใหญ่
ทำแผลให้ด้วย...ช่างไคใจดีที่สุดในโลก
“เลิกไหว้ก่อน เซฮุนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า...เสื้อตัวนี้มันขาดแล้ว เดี๋ยวฉันไปหามาให้...รออยู่ตรงนี้นะ”
ไคเดินไปหยิบกระเป๋าเป้...ก่อนเปิดซิปและเทเสื้อผ้าออกมากองบนเตียงเพื่อเลือกชุดที่คนตัวบางพอจะใส่ได้
ส่วนเรื่องของชั้นในก็คงต้องเอาไว้ก่อนเพราะมันไม่มีขนาดที่เด็กคนนี้จะใส่ได้แน่นอน มือหนาหยิบเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงบ๊อกเซอร์สีเทายื่นให้เซฮุนทันทีเมื่อตัดสินใจได้ แต่.......!!!
ปั้งงงงงง!!!
“ไม่ต้องแอบ...ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว
ถ้าฉันอยู่ด้วยเซฮุนไม่ต้องซ่อน
ตกลงไหม?”
วันนี้...คงต้องซ่อมหน้าต่างบนชั้นสามเป็นอย่างแรกหรือไม่ก็ปิดเอาไว้ชั่วคราวเพราะขืนยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เขาคงต้องคอยจับเด็กคนนี้เอาไว้ก่อนที่จะวิ่งหนีและหาที่ซ่อนเหมือนหมาที่กลัวเสียงปะทัด ไครีบดึงเด็กตัวขาวมากอดปลอบพร้อมบอกว่าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นหากเขายังอยู่ตรงนี้
คนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกและไม่อยากเห็นอีกแล้วเพราะมันหดหู่เหลือเกิน
“ถ้าฉันอยู่ด้วย...เซฮุนห้ามวิ่งหนี แล้วก็ไม่ต้องซ่อน ที่นี่เป็นของฉัน...จะไม่มีใครเข้ามาทำร้ายเซฮุนแน่นอน”
สองมือ...ที่กำเสื้อของหนุ่มผิวเข้มไว้แน่น ทำให้คนเป็นเจ้าของอยากหยุดฝันร้ายที่เด็กคนนี้เคยเจอ ไคไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เซฮุนเคยถูกทำร้าย เคยถูกขังหรือเคยถูกทำอย่างไรและมากน้อยแค่ไหน เจ้าตัวถึงได้แสดงอาการออกมาเช่นนี้
กายน้อยๆยังคงสั่นแม้อยู่ในอ้อมกอดพร้อมการปลอบใจ
เสื้อยืดสีดำก็ยับยู่ยี่ด้วยแรงจากความหวาดกลัวและใบหน้าเรียวสวยก็ยังคงซบอยู่บนอกกว้างเหมือนหาที่พึ่ง
“ไม่ต้องกลัวน้าาา.....”
เสื้อผ้ายังไม่ได้เปลี่ยน...คำปลอบใจยังไม่สิ้นสุดและคำถามก็ยังมีอีกมากมาย????????
100%
Cr.
ภาพในตอนที่สอง : hearthomemag
Talk.
สงสารน้องด้วย
สงสารช่างไคด้วย...แล้วจะอยู่กันได้ยังไงนะ?
เราฝากติดตาม
คอมเมนต์และให้กำลังใจกับฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ส่วนจะเป็น S/F หรือเรื่องยาว...เราขอลองเขียนไปเรื่อยๆก่อนเพราะยังไม่แน่ใจเลยค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ
รัก ♥
#KHhide
ความคิดเห็น