ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว(EXO) HIDE (Kaihun)

    ลำดับตอนที่ #3 : สาม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 237
      13
      1 มิ.ย. 64



    3.

     

     

    ปั้งงง!!

     

                “แบ่งเสื้อผ้ากันใส่นะ...แต่มันอาจจะตัวใหญ่ไปหน่อย”

     

                กว่าจะปลอบขวัญเด็กขี้ตกใจ...หรือกว่าจะบอกคนในอ้อมอกให้หายหวาดกลัว  ช่างไคก็รู้สึกเหนื่อยมากกว่าการซ่อมอะไรสักอย่างที่เสียหาย  เขาอยากรู้จริงๆว่าเด็กคนนี้เคยมีความเป็นอยู่เช่นไรและถูกทำร้ายมาเท่าไหร่ถึงได้หวาดระแวงแม้กระทั่งเสียงเพียงเล็กน้อย  มือหนาลูบศีรษะทุยด้วยความเห็นใจก่อนจำเป็นต้องปล่อยอ้อมกอดเพราะตอนนี้เซฮุนควรเปลี่ยนเสื้อผ้า

     

                “ฉันไม่เป็นไร...เดี๋ยวมันก็หาย  ไม่ต้องไหว้  ไม่ต้องไหว้...ฉันไม่โกรธหรอก”

     

                สงสัย...การเปลี่ยนเสื้อผ้าคงยากพอๆกับการสื่อสารกันให้เข้าใจเพราะแทนที่เซฮุนจะหยิบเสื้อผ้าไปจากมือของเขา  เจ้าตัวกลับใช้นิ้วชี้มาที่รอยกัดบนข้อมือและรีบคุกเข่าลงไปกับพื้นก่อนกราบขอโทษที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ   ไคยอมรับว่าตอนถูกกัดมันเจ็บมากๆ  แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าที่เซฮุนทำไปก็เพื่อป้องกันตัวเองและรอยกัดก็ไม่ได้ลึกจนได้เลือดได้แผล

     

                “บอกว่าไม่ต้องไหว้ไง...แล้วก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”

     

                อยากไหว้...แล้วก็จะไหว้ทุกครั้งเมื่อตัวเองทำผิดและต้องขอบคุณที่คนตรงหน้ายอมให้ความช่วยเหลือ  การให้ที่อยู่ก็เหมือนให้ที่ซ่อน  การให้ที่พักพิงก็เหมือนให้ชีวิตใหม่  แถมเสื้อผ้าที่หยิบยื่นมาให้นี่อีก  ทุกๆอย่างที่ช่างไคทำให้เขา...มันมากมายจนกราบไหว้เท่าไหร่ก็คงไม่พอ  สองมือน้อยๆพนมก้มกราบเจ้าของปราสาทผู้ใจดีอีกครั้งก่อนหยิบเสื้อผ้ามาจากมือหนา

     

    แต่.........!!!!

     

                “เฮ้ยยย!!...เซฮุนจะถอดเสื้อผ้าตรงนี้ไม่ได้  ไปนู่นเลย...ห้องน้ำ  ถ้ากลัวก็ไม่ต้องปิดประตู  ฉันจะรออยู่ตรงนี้  เข้าใจไหม...ถ้าเข้าใจก็พยักหน้า?”

     

                แค่หันไปเก็บเสื้อผ้าที่ถูกเทออกมาจากกระเป๋าเป้เพียงครู่เดียว...พอหันมาอีกทีเด็กตัวขาวก็เหลือเพียงกางเกงที่เปื้อนเลือดกองอยู่ปลายเท้า  ช่างไครีบคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างที่คล้ายว่าจะเปลือยเปล่าก่อนบอกให้เจ้าของความขาวเนียนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงห้องที่มีประตูไม้บานใหญ่เปิดอยู่  หัวใจของผู้ที่ไร้คนข้างกายมานานอย่างไคเหมือนจะวายไปตรงนี้เพราะสโนไวท์อายุสิบแปดไม่ยอมพยักหน้า  แถมยังส่ายหัวไปมาจนผมยุ่ง

     

                “ถ้ากลัวขนาดนั้น...เดี๋ยวฉันหันหลังให้ก็ได้  เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็บอกแล้วกัน  (เฮ้อออ!!)”

     

                ขอถอนหายใจแค่ในความคิด...และรีบหันหลังให้กับขาวเนียนพร้อมเก็บเสื้อผ้าที่เกลื่อนอยู่บนเตียงอย่างช้าๆ  ส่วนผ้าห่มที่เคยคว้ามาคลุมความเปลือยให้เจ้าเด็กใบ้ก็ปล่อยมันกองอยู่ที่พื้นนั่นแหละ  ไคขอเห็นความสวยงาม  เห็นความกลมกลึงและเห็นความเป็นสโนไวท์ไปทั้งตัวแบบนั้นเพียงครั้งเดียวก็พอเพราะถ้าเห็นบ่อยกว่านี้...หัวใจของเขาก็คงวายก่อนจะได้ซ่อมปราสาท

     

                “เสร็จแล้วหระ...เหรอ  เฮ้ยยย!  เซฮุน??!!

     

                แต่คราวนี้...หัวใจได้วายของแท้เพราะแรงสะกิดบนหัวไหล่พร้อมภาพของกางเกงบ๊อกเซอร์ที่หลุดจากเอวบางไปกองอยู่บนพื้นมันพาให้หัวใจของช่างไคเหมือนจะหลุดออกมานอกอก  เขาเข้าใจว่าเซฮุนอยากอธิบายว่ากางเกงตัวนี้มันหลวมหรือมันใส่ไม่ได้  แต่การใช้วิธีแบบนั้น...มันก็เป็นอันตรายต่อหัวใจของเขามากเกินไป 

     

                “งั้นก็เอาตัวนี้ไปใส่...มันมีเชือกอยู่ตรงนี้เห็นไหม?  ดึงให้แน่นๆเลยนะ!!

     

                จำเป็น...ต้องหยิบกางเกงอีกตัวออกมาจากกระเป๋าเป้และกางเกงขายาวแบบมีเชือกผูกแทนที่จะเป็นยางยืดเซฮุนก็น่าจะใส่ได้  แต่ไคก็ขอย้ำว่าให้เจ้าตัวดึงเชือกให้แน่นๆเพราะหัวใจของเขามันรับไม่ไหวแล้วสำหรับความขาวเนียนหรือความกลมกลึง

     

                “โอเค...เรียบร้อย”

     

                และคราวนี้...หัวใจก็กลับมาเต้นเป็นปกติได้สักทีเพราะเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวแบบมีเชือกผูกมันเป็นชุดที่เซฮุนใส่ได้  ถึงแม้มันจะตัวใหญ่กว่าคนใส่ก็ตามที  แต่ก็ยังดีกว่าการใส่เสื้อขาดๆกับกางเกงที่เปื้อนไปด้วยคราบเลือดและความสกปรกจากฝุ่น

     

                “เซฮุน...นั่งลง  เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

     

                มือหนา...ตบเตียงคิงไซส์เบาๆก่อนใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลเอ่ยคำสั่งเพราะการจะให้คนแปลกหน้ามาอยู่ด้วยมันต้องมีข้อแม้หรือยังต้องทำความเข้าใจกันอีกมากมาย  ไคไม่ใช่คนเรื่องมาก  ไร้เหตุผลและเห็นแก่ตัว  แต่การใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานอาจทำให้ตัวเองพร้อมผู้มาอยู่ใหม่รู้อึดอัด  เขาจึงอยากอธิบายเพื่อให้เซฮุนรู้ว่าสิ่งใดทำได้  สิ่งใดเป็นข้อห้ามและสิ่งใดถือเป็นเด็ดขาด

     

               “ข้อแรกนะ...ถ้าเซฮุนอยากอยู่ที่นี่ก็ต้องช่วยฉันประหยัดเพราะฉันไม่ใช่คนรวย 

                ข้อสอง...เราต้องนอนห้องเดียวกันเพราะจะได้ไม่เปลืองไฟ

                ข้อสาม...ถ้าฉันต่อไฟเสร็จแล้วให้ใช้ไฟเท่าที่จำเป็น  ห้ามเปิดไฟทิ้งไว้เด็ดขาดยกเว้นตอนกลางคืน

                ข้อสี่...ถ้าเธอกลัวหรือได้ยินเสียงอะไรแปลกๆฉันอนุญาตให้ซ่อนได้  แต่!!ถ้าฉันเรียกเธอต้องรีบ   ออกมาจากที่ซ่อนทันที  เข้าใจที่พูดไหม??

                ข้อห้า...ถ้าเข้าใจให้พยักหน้า!!

               

                คิดมาดีแล้ว...ว่าจะต่อไฟไว้ใช้เพียงแค่ห้องนอนเท่านั้น  ส่วนห้องอื่นๆก็ค่อยว่ากันทีหลังเพราะถ้าจะให้เปิดไฟทั้งหมดในปราสาท  มีหวังได้จ่ายค่าไฟเป็นแสนแน่ๆ  แล้วไหนจะค่าน้ำที่อาจท่วมถ้าไม่ปิดระบบไว้ให้ใช้ได้แค่เฉพาะบางจุด  ไคยังคงใช้น้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลและข้อตกลงที่สี่ก็คิดมาดีแล้วกันเหมือนกันเพราะจะห้ามไม่ให้เซฮุนวิ่งหนีหรือหาที่ซ่อนมันก็เป็นเรื่องยาก  ชีวิตที่อยู่ด้วยความหวาดระแวงพร้อมการถูกทำร้ายมาสารพัดมันจึงไม่แปลกเลยที่ต้องวิ่งหาที่ที่คิดว่าปลอดภัย

     

                “ข้อหก...ตอนนี้ฉันหิวแล้ว  เราลงไปทำอะไรกินในครัวกัน?”

     

                เด็กตัวขาว...ฟังทุกข้อตกลงด้วยความตั้งใจก่อนพยักหน้ารับทราบ  และข้อตกลงสุดท้ายก็ทำให้เขายิ้มได้เพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากขนมปังถุงนั้น  เซฮุนยกมือไหว้ช่างไคอย่างนึกขอบคุณกับทุกๆเรื่องที่ทำเพื่อเขา  จะมีใครเห็นใจคนแปลกหน้าและให้ที่อยู่อาศัยกันง่ายๆเช่นนี้คงไม่มีอีกแล้ว  โลกภายนอกที่ว่าดีมีแต่ความทันสมัยมันน่ากลัวกว่าปราสาทที่ไร้ความทันสมัยหลังนี้หลายเท่านัก 

     

                “ไปในครัวกัน...ฉันหิวแล้ว”

     

                ส่วนไค...ก็ไม่อยากถือสาหรือบ่นเรื่องการกราบไหว้ของเด็กคนนี้อีกแล้วเพราะเด็กที่มีสัมมาคารวะมันก็น่าส่งเสริมหรือต่อให้บ่นทุกครั้งที่เจ้าตัวยกมือไหว้ปากของเขาก็คงฉีกก่อนได้กินมื้อเที่ยง  เจ้าของปราสาทลุกออกจากเตียงพร้อมก้าวขาฉับๆตรงไปที่ประตู  เซฮุนก็รีบเดินตามไปทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น  แต่....!!

     

    ปั้งงงงงงงง!!!

     

                “หายตกใจ...แล้วค่อยออกมา”

     

                สงสัย...มื้อเที่ยงคงต้องเลื่อนออกไปอีกหน่อยเพราะเสียงหน้าต่างบานเดิมที่กระแทกไปกับผนังมันทำให้ช่างไคต้องไปถอดออกก่อนที่เด็กตัวขาวจะวิ่งหาที่ซ่อนทั้งวันทั้งคืน  ตอนนี้ไม่ต้องหันหลังกลับไปดูว่าเซฮุนซ่อนอยู่ตรงไหนเขาก็รู้ว่าไม่เป็นใต้เตียงก็ต้องที่ไหนสักแห่งในห้องนอน  ไคไม่ได้สนใจหรือต้องเข้าไปช่วยเหมือนอย่างทีแรกเพราะเขาต้องรีบไปจัดการกับหน้าต่างให้เรียบร้อย

     

                “เดี๋ยวฉันจะไปซ่อมหน้าต่างก่อน...ถ้าเซฮุนอยากไปด้วยก็รีบตามมา”

     

                ทำเหมือนไม่สน...แต่ตอนเดินกลับเข้ามาเอาเครื่องมือช่างในห้องนอน  สายตาก็เหลือบไปเห็นหัวทุยๆที่ขยับยุกยิกอยู่หลังประตูห้องน้ำ  ปากคมยกยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและรีบคว้าเอากล่องเหล็กเดินออกไปจากห้องอีกครั้ง  ใจหนึ่งก็อยากปลอบ  แต่อีกใจก็บอกว่าถ้าจะให้ปลอบกันบ่อยๆก็คงไม่ได้ทำอะไรกันพอดีเพราะเขามียังมีงานที่ต้องซ่อมอยู่อีกมากมายและปราสาทหลังนี้ก็ใหญ่จนไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะซ่อมได้หมด  หน้าต่างก็พัง  ไฟก็ยังไม่ได้ต่อ  เงินก็ไม่ค่อยมี  ทุกๆอย่างจึงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป

     

    ซึ่งก็รวมถึง...การดูแลเด็กตัวขาวอย่างเซฮุนด้วย

     

                “ออกประตูแล้วเลี้ยวขวานะ...ฉันซ่อมหน้าต่างอยู่ทางนั้นนนน!!

     

                ไม่สนเลยจริงๆ...แต่ตะโกนบอกทางให้เสร็จสรรพ  และเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมาข้างหลัง  ปากคมก็ยกยิ้มอย่างลืมตัวอีกครั้ง  เซฮุนเดินตามมาห่างๆก่อนนั่งแหมะลงพื้นที่ปูด้วยก้อนหินเพื่อมองช่างไคซ่อมหน้าต่าง  มือหนาเปิดกล่องเครื่องมือ  หยิบค้อน  หยิบไขควงและค่อยๆถอดน็อตออกทีละตัว  ทีละตัวก่อนขยับหน้าต่างออกจากบานพับ

     

                “เซฮุน....มาช่วยหน่อย!!

     

                เห็นอยู่...ว่านั่งพับแข้งพับขาทำหน้าฉงน***  ไคจึงเอ่ยปากขอความช่วยเหลือและเพื่อให้เซฮุนเลิกทำหน้าสงสัยเสียทีเพราะมันน่ารักเกินไป  ใช่ว่างานช่างมันจะยากจนต้องหาคนช่วย  แต่การทำคนเดียวมันก็เสร็จช้า  แถมตอนนี้ท้องยังร้องเหมือนคนอดข้าวมาสักสามวัน  ส่วนคนถูกเรียกก็รีบลุกขึ้นจากการนั่งทำตาแป๋วและช่วยจับขอบหน้าต่างเอาไว้ทันที

     

                “มันหนักนะ...ค่อยๆวาง  ระวังทับมือตัวเองด้วย”

     

                หน้าต่างบ้าบออะไร...แม่งใหญ่เกือบเท่าประตู  ไคจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเสียงกระแทกนั้นถึงดังจนทำให้เซฮุนต้องวิ่งหาที่ซ่อน  เรื่องซ่อมหน้าต่างไม่ใช่ปัญหาเพราะเขาเป็นช่าง  สิ่งใดพังก็ซ่อมได้หมด  แต่ที่เป็นปัญหาคือเรื่องของขนาดหรือความใหญ่โตของสิ่งที่พัง  ขอบคุณเด็กตัวขาวที่ช่วยกันแบกหน้าต่างออกมาจากบานพับ  ส่วนหน้าต่างอีกฝั่งก็ขอปิดเอาไว้ก่อนที่มันจะสร้างเสียงน่ากลัวให้กับเด็กคนนี้

     

                “ไหว้ทำไมอีกเนี่ย?”

     

                วางหน้าต่างลงกับพื้นเรียบร้อย...ก็รีบยกไม้ยกมือขึ้นมาพนมก้มกราบช่างไคด้วยความอ่อนน้อมเพราะอยากขอบคุณคนตรงหน้าที่ช่วยกำจัดเสียงที่มักจะทำให้เขาต้องหาซ่อนด้วยความหวาดกลัว  และเมื่อไหว้เสร็จก็รีบช่วยช่างไคเก็บอุปกรณ์ในการซ่อมหน้าต่างทันที  ทั้งค้อน  ทั้งไขควงรวมถึงน็อตอีกหลายตัว  ทุกๆอย่างถูกเก็บลงในกล่องเหล็กด้วยความตั้งใจ

     

                “..........?”

     

     

    ได้ลูกมือแล้วสินะ??!

     

     

     

     

     

     

     

     

     



     

     


     

     

     

     

     

     

     

    กร๊อบบบบ!!

    แกร๊บบบบ!!

     

                “เซฮุนทำเป็นแน่นะ?”

     

                กิ่งไม้ขนาดย่อม...ที่อยู่ใต้เตาเหล็กโบราณกำลังถูกมือบางหักเป็นท่อนเล็กท่อนน้อยอย่างชำนาญก่อนใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อทำอาหาร  ส่วนเซฮุนยังคงใช้การพยักหน้าเป็นการตอบคำถาม  แล้วก็ตอบคำถามนั้นด้วยความมั่นใจเพราะการถูกลุงกับป้าจิกหัวใช้ให้ทำงานสารพัดมันส่งผลให้เขาทำเป็นทุกอย่าง  ยิ่งการทำอาหารด้วยวิธีแบบนี้ก็ยิ่งคุ้นชินกว่าอะไรทั้งหมด

     

     

                ไม้ขีดถูกจุดขึ้นอย่างไม่นึกกลัว...ความร้อนถูกวางลงบนกองไม้แห้งๆและปากก็ทำหน้าที่เป่าลมเพียงเบาๆเพื่อให้ไฟติดเพิ่มมากขึ้น  ดวงตาคู่คมมองการกระทำของเด็กตัวขาวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  อึ้ง  ทึ้ง  ประหลาดใจและไม่คิดว่าเซฮุนจะสามารถทำอะไรที่ดูโบราณแบบนี้ได้เพราะสมัยนี้เขาก็ใช้แต่เตาแก๊สกันทั้งนั้น  ไม่มีใครใช้การจุดไฟด้วยไม้ขีดหรือต้องใช้ท่อนไม้มาทำเป็นฝืนเพื่อหุงหาอาหาร  แต่ก็อาจจะยกเว้นคนในชนบทที่อยู่ห่างไกลความเจริญ...แล้วเซฮุนก็คงเคยอยู่ในชนบทที่ไหนสักแห่ง?

     

                “เซฮุนจุดไฟอย่างเดียวก็พอ...เดี๋ยวฉันทำข้าวผัดให้กิน”

     

                ยอมรับ...ว่าใช้ไม้ขีดหรือฝืนแบบเจ้าเด็กตัวขาวไม่เป็น  และที่เตรียมไว้ตั้งแต่เข้ามาสำรวจปราสาทครั้งก่อนก็คือไม้ขีด  ตอนแรกเอาก็ไว้สำหรับจุดตะเกียงในยามค่ำคืน  ตอนนี้ก็เอาใช้จุดไฟเพื่อทำอาหาร  ส่วนฝืนแล้วก็ท่อนไม้มากมายมันคล้ายว่าจะมีมานานพอๆกับความใหญ่หลังนี้  ไคคิดว่าอาจมีใครสักคนเคยเข้ามาอยู่ก่อนเขาเพราะของบางอย่างเช่น จานชาม  ช้อนส้อมและหม้อหลากหลายขนาดมันยังดูใหม่...แม้รูปลักษณ์ของมันออกจะโบราณไปสักหน่อย  แถมยังต้องทำความสะอาดอยู่บ้าง  แต่ก็ยังดีกว่าต้องซื้อมาเพิ่ม

     

                “เซฮุนกินได้ทุกอย่างใช่ไหม...แล้วแครอทนี่ล่ะ?”

     

                ให้เด็กจุดเตา...ตัวเองก็เตรียมเนื้อหมู  เตรียมผักพร้อมเครื่องปรุงต่างๆเอาไว้  แต่ความที่แก่กว่าและคนตรงหน้าก็อายุแค่สิบแปด  ไคจึงจำเป็นต้องถามก่อนลงมือทำอาหารในครั้งนี้เพราะเด็กบางคนก็ไม่ชอบกินผัก  ยิ่งเป็นแครอทหรือผักใบเขียวอย่างต้นหอมผักชีก็ยิ่งไม่ชอบหนักเข้าไปอีก  แต่!!คำตอบโดยการพยักหน้าจนผมปลิวแล้วก็โชว์ยิ้มสวยจนเขี้ยวเล็กๆก็พาให้พ่อครัวหนุ่มต้องโยนส่วนผสมทั้งหมดลงในกระทะ

     

                “เดี๋ยวฉันทำไข่ดาวด้วยดีกว่า...”

     

    แปะๆ ๆ ๆ!!!

     

                “เซฮุนชอบไข่ดาวเหรอ?”

     

                เสียงปรบมือ...พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็กๆอีกครั้งก็ทำให้ไคอดมองไม่ได้  มือทำหน้าที่ผัดข้าวก็จริง  แต่สายตามันไม่อาจละจากใบหน้าที่น่ารักเช่นนั้นได้เลย  แค่บอกว่าจะเพิ่มไข่ดาวให้ด้วย  ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ดีใจขนาดนั้น?  และตั้งแต่เอาเสื้อผ้าให้ใส่  ช่วยกันซ่อมหน้าต่างจนพากันลงมาทำอาหารในห้องครัว...รอยยิ้มที่สดใสแบบนั้นก็ยังประดับอยู่บนใบหน้าของเซฮุน  ซึ่งมันทำให้รู้สึกดีมากจริงๆ!!!

     

                “หยิบไข่ให้ฉันหน่อย!!

     

                การทำอาหารด้วยเตาโบราณหรือต้องใช้ฝืน....มันไม่สามารถควบคุมความร้อนได้แบบเตาแก๊ส  ไคจึงจำเป็นต้องบอกให้เด็กตัวขาวช่วยหยิบไข่ไก่ให้ก่อนที่กระทะไหม้  ส่วนข้าวผัดที่ทำเสร็จแล้วก็รีบยกมาเทลงบนจานกระเบื้องสีขาวทั้งสองใบ  มือหนาคว้าไข่ไก่มาจากมือน้อยๆหนึ่งฟองแล้วตอกใส่กระทะ...อีกหนึ่งฟองก็ตอกใส่กระทะและอีกหนึ่งฟองรวมเป็นสามที่ตอกใส่กระทะ

     

                “ฉันให้เซฮุนกินสองฟองเลย...”

     

                สองมือน้อยๆ...พนมกราบพ่อครัวคนเก่งด้วยความอ่อนน้อมและด้วยความดีใจที่ไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้  เขาไม่เคยได้กินอะไรดีๆแบบมาก่อน  ตอนอยู่บ้านลุงบ้านป้าเขาได้กินแต่ผักต้มหมูต้มที่ต้องจิ้มกินกับซอสเค็มๆ  ยิ่งตอนถูกจับมาขังไว้ก็ยิ่งกินไม่ลง  แถมอาหารแต่ละมื้อก็แทบกลืนไม่ได้  ข้าวมันมาพร้อมกับเม็ดกรวดเม็ดทราย  ขนมปังก็แข็งไม่ต่างอะไรกับก้อนหิน  น้ำที่ดื่มในแต่ละวันก็มีแต่กลิ่นสนิม  แต่ตอนนี้!!...ข้าวผัดใส่แครอทกับผักที่ไม่รู้จักชื่อสีเขียวและไข่ดาวสองฟองรวมถึงหนุ่มผิวเข้มก็คือสิ่งที่ทำให้เด็กอย่างเขามีความสุขมากที่สุดในชีวิต

     

                “เสร็จแล้ว...ยกไปกินได้เลย!!  เอานมที่อยู่ในถุงมาเทใส่แก้วด้วยนะเซฮุน!!

     

                ได้กินทั้งข้าวผัด...ได้กินทั้งไข่ดาว  แถมยังจะได้กินนมอีกด้วย  เด็กตัวขาวรับข้าวผัดกับไข่ดาวสองฟองมาวางไว้บนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ก่อนจะรีบเดินไปคว้าถุงกระดาษ  แล้วหยิบกล่องที่มีรูปวัวสีขาวสีดำออกมาเทความอร่อยใส่แก้วใบใหญ่  เซฮุนขอชิมรสชาติหวานมันก่อนข้าวผัดไปจิบหนึ่งแล้วก็ต้องส่งยิ้มให้กับผู้ชายใจดีที่ยังยืนอยู่หน้าเตา  มันอร่อยมากจริงๆ...อร่อยกว่าน้ำที่มีกลิ่นสนิม  อร่อยกว่าขนมปังที่แข็งเหมือนก้อนหินและอร่อยกว่าทุกๆอย่างที่เคยกินมาตลอดสิบแปดปี

     

                “ค่อยๆกิน...ใจเย็นๆ”

     

                เห็นเด็กตัวขาว...ดื่มนมอึกใหญ่  ตักข้าวผัดเข้าปากคำโตแถมยังส่งยิ้มหวาน  ทุกๆการกระทำมันจึงพาให้ไคอดที่จะเตือนไม่ได้เพราะเกรงว่าเจ้าตัวจะสำลัก  แต่!!คนที่จะสำลักก็อาจจะเป็นพ่อครัวคนนี้ก็ได้  ทั้งความน่ารัก  ความเสื้อตัวใหญ่  ความผมสีดำที่ยุ่งเหยิงหรือจะรอยยิ้มหวานๆ...ทุกอย่างที่เป็นสโนวท์ในแบบฉบับของช่างไคมันเหมือนจะทำให้เขาสำลัก!!!!  แล้วแค่ข้าวผัดหนึ่งจานกับนมหนึ่งแก้วทำไมมันถึงทำให้เซฮุนดูมีความสุขได้ขนาดนี้????

     

                “อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     

                ยิ้มอีกแล้ว  พยักหน้าอีกแล้ว...และน่ารักอีกแล้ว  คำตอบของเซฮุนทำให้คนเป็นพ่อครัวรู้สึกใจชื้นเพราะเกรงว่าอาหารมื้อนี้จะไม่ถูกปาก  ปกติไคไม่ค่อยทำอาหารทานเอง  ส่วนมากจะซื้อแบบสำเร็จรูปมากกว่า  กินเป็นมื้อๆให้มันจบๆไป...แล้วงานช่างก็ติดพันจนไม่มีเวลา  แต่พอได้รับมรดกเป็นปราสาทหลังนี้เมื่ออาทิตย์ก่อน...การทำอาหารทานเองจึงต้องเริ่มต้นขึ้น  และการที่ยังไม่ได้ต่อไฟฟ้า  ไม่มีตู้เย็น  ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ  การซื้อกินของมาตุนไว้จึงไม่คุ้มที่จะเสีย

     

                “แล้วเย็นนี้เราจะกินอะไรกันดี?”

     

                นิ้วเรียว...ที่ชี้ไปยังจานข้าวที่หมดเกลี้ยง  แก้วนมที่หมดเกลี้ยงและไข่ไก่ที่อยู่ในกล่องพลาสติกก็ทำให้ไคทราบว่าเย็นนี้คงต้องทำขาวผัดไข่ดาวอีกครั้ง  ใช่ว่าเบื่อ...แถมยังยินดีที่จะทำให้กิน  แต่สำหรับวันพรุ่งนี้หรือวันต่อๆไปคงต้องเปลี่ยนบ้างและต้องออกไปซื้อของมาเพิ่มเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาอยู่ด้วยกันในปราสาทโทรมๆหลังนี้

     

                “กินเสร็จเราไปช่วยกันจัดห้องนะ...คืนนี้จะได้มีพัดลมใช้  แล้วก็มีตู้เย็นด้วย”

     

                ตักข้าวเข้าปากเป็นคำสุดท้าย...ก็เอ่ยชวนคนที่กินเสร็จก่อนช่วยกันจัดห้อง  และท้ายรถกระบะคันเก่าของเขาก็มีทั้งตู้เย็นขนาดเล็ก  พัดลมรวมถึงอุปกรณ์ในการทำงานอีกหลายอย่างให้ค้นย้าย  ไคตั้งใจไว้แล้ว  ทำใจไว้แล้ว...และคิดมาดีแล้วว่าจะอยู่ที่นี่  ถึงแม้ความใหญ่โตมันจะดูน่ากลัวเหมือนปราสาทผีสิง  แต่ความจนหรือหมดหนทางต่อชีวิตมันน่ากลัวกว่าผีเป็นไหนไหน  เงินที่เก็บไว้มันมีไม่มากพอจะจ่ายค่าเช่าได้ตลอดไป  งานช่างก็ไม่ได้มีทุกวัน  ค่าแรงก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน  ซึ่งความไม่แน่นอนในหลายๆอย่างมันผลักดันให้ลูกนอกสมรสอย่างเขาต้องย้ายเข้ามาอยู่ในมรดกแปลกประหลาดแห่งนี้

     

    แล้วความไม่แน่นอน...ก็ยังทำให้ได้มาเจอกับเด็กตัวขาว   เป็นใบ้และไม่รู้จักที่มาที่ไปอีกต่างหาก??

     

                “อยากกินอะไรอีกไหม?”

     

                เขาไม่รู้...ว่าเซฮุนเคยมีชีวิตหรือเคยใช้ชีวิตอยู่อย่างไรและตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคาดคั้น  แต่เท่าที่เห็นอยู่เมื่อครู่ก็ทำให้ไคต้องถามว่าเจ้าอยากกินอะไรอีกไหมเพราะเด็กคนนี้เหมือนจะไม่ได้กินข้าวมานานแสนนาน  แล้วนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังถุงขนมปังก็คือคำตอบ  ไคหยิบทั้งขนมปังและแยมสตอร์เบอร์รี่ออกมาแกะก่อนใช้ช้อนตักสิ่งที่คล้ายเยลลี่สีแดงทาลงไปบนความนุ่มสีขาวสองแผ่น 

     

                “ฉันทาแยมให้...กินแบบนี้อร่อยกว่า”

     

                เป็นอีกครั้ง...ที่ต้องยกสองมือขึ้นมาพนมก้มกราบก่อนหยิบขนมปังสองชิ้นมากัดเต็มคำ  และขนมปังกับรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆของสิ่งที่ช่างไคเรียกว่า  “แยม”  ก็อร่อยกว่าขนมปังที่เขาแอบหยิบมากินครั้งแรกเสียอีก  ส่วนหนุ่มผิวเข้มก็ได้แต่นั่งยิ้มและได้แต่นั่งมองสองแก้มป่องๆที่เต็มไปด้วยของกินที่เขาทำให้  แต่!!ท่าทางที่กินไปด้วยพร้อมดวงตาคู่สวยที่ปรือปรอยก็ทำให้ช่างไคคิดว่าวันนี้คงต้องจัดห้องคนเดียวแน่ๆ

     

                “เซฮุน...เดี๋ยวค่อยมากินต่อก็ได้  ตาจะปิดแล้ว!?”

     

                นั่งมองอยู่นานจนอดไม่ไหว...และจำเป็นต้องลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนหยิบขนมปังออกมาจากมือบาง  ไครีบอุ้มคนที่คล้ายว่าจะหลับลงบนโต๊ะอาหารไว้ในท่าเจ้าสาว  สองขาก็เร่งก้าวออกมาจากห้องครัวแล้วขึ้นบันไดไปยังชั้นสามทันที  เตียงเป็นที่หมายถัดไปแล้วค่อยๆวางร่างน้อยๆลงบนความกว้างขนาดคิงไซส์  กินง่ายหลับง่ายดีจริงๆ  เมื่อคืนคงใช้แรงทั้งหมดไปกับการวิ่งหนี  แต่จะหนีอะไร  หนีใครและทำไมต้องหนี...คงต้องรอเจ้าตัวพร้อมกว่านี้ถึงจะพูดคุยกันได้

     

                “ใจร้ายเกินไปแล้ว.....”

     

                พูดอยู่คนเดียว...เมื่อเห็นร่องรอยบนข้อมือเล็กๆที่คล้ายว่าจะถูกจองจำไว้นานจนเกิดรอยแผลเป็น  ไคเผลอลูบรอยแผลนั้นอย่างลืมตัวเพราะมันเป็นแผลที่ดูน่ากลัวจนอดคิดไม่ได้ว่าความเลวร้ายแบบนั้นยังไม่อยู่ในโลกนี้อีกหรือ?  ผิดอะไรจึงถูกกักขัง  โกรธเคืองเรื่องใดจึงถูกจองจำหรือทำไมต้องลงโทษกันถึงเพียงนี้...แล้วไหนจะความบ้าใบ้พูดไม่ได้นี่อีก????

     

     

                ไค...ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนเป็นใบ้จะสามารถได้ยินหรือเข้าใจในสิ่งที่สื่อสารเพราะบางคนหูหนวกจึงเป็นใบ้  การไม่ได้ยินจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่รู้ความหมาย  แต่สำหรับเซฮุน...เจ้าตัวได้ยินทุกอย่าง  เพียงแต่ตอบกลับมาไม่ได้เท่านั้น  และความโล่งใจก็คงมีอยู่แค่เรื่องเดียวคือ...การที่เรายังพอจะสื่อสารกันได้อย่างถามไปก็พยักหน้ากลับมา  ไม่ชอบก็ส่ายหัว  อยากขอบคุณก็ยกมือไหว้หรืออยากให้เข้าใจมากกว่านี้ก็ใช้การวาดรูปเพื่อเป็นตัวช่วยในการสื่อสาร

     

     

                จำได้...ว่าการเขียนชื่อตัวเอง  การวาดรูปคนหน้ายักษ์  รูปเงินจำนวนมาก รูปรถบรรทุกคันใหญ่และทุกๆรูปที่ใช้ฝุ่นเขียนขึ้นมามันดูน่าหดหู่มากแค่ไหน  ไคไม่รู้เลยว่ารูปพวกนั้นมันเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง  เท่าที่รู้ก็คือท่าทางที่เด็กตัวขาววิ่งนี้เข้ามาในปราสาท  โดนรั้วเหล็กเกี่ยวผิวหนังจนหน้าท้องเป็นแผลแล้วก็...การวิ่งหนีเสียงต่างๆที่ได้ยิน  แต่เพียงการเข้าใจแค่นั้นก็ทำให้ไคไม่กล้าทิ้งเด็กคนนี้หรือโทรแจ้งตำรวจเพื่อส่งเจ้าตัวกลับบ้าน

     

                “ฉันอนุญาตให้อยู่จนกว่าจะพอใจเลยนะ...”

     

    ทุกๆที่คงไม่ปลอดภัยสำหรับเซฮุนใช่ไหม...แล้วคำว่า  “ตำรวจ”  ก็ห้ามพูดออกไปเด็ดขาด!!!??

     

     

     

     


     

     

     

     

     


     

     

     

     


     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่สาม : flickr.com

    ***ฉงน  หมายถึง  งุนงง  สงสัย  ไม่แน่ใจ

     

    Talk.

    ช่างไคจะให้น้องอยู่ด้วยจริงๆใช่ไหมคะ ^^)

    ส่วนตอนนี้...ฟิคสองเรื่องระหว่าง  #KHanother  กับ  #KHhide  มันกำลังตีกันอยู่ในหัวของเราค่ะ5555555++

    คาแรคเตอร์ของช่างไค+เซฮุนในเรื่องนี้...กับคุณจงอิน+น้องเซฮุนใน  #KHanother  มันต่างกันมากจริงๆ

    ทำเองเครียดเอง  แต่งเองก็งงเอง...และใครที่รอ #KHanother อยู่  รบกวนรออีกหน่อยนะคะ  T^T

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆเลยค่ะ...แล้วก็อย่าลืมติดแท็กหรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาา(ไหว้ย่อ) 

    รัก

    #KHhide  

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×