ตอนที่ 23 : +ลวงรัก 07+ ความซื่อตรง คือ 'ความไขว้เขว' [1]
“แต่งตัวมาแบบนี้ คงตั้งใจจะทำตัวโดดเด่น เพื่อเรียกร้องความสนใจสินะ”
“แต่อันที่จริง ตอนฉันโทรมาสอบถามที่บริษัทว่าต้องใส่ชุดยังไงมา เขาก็บอกว่าแต่งตัวมายังไงก็ได้ที่บริษัทไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรนะ แค่ให้ดูสุภาพสักหน่อยก็พอ”
“แล้วชุดแบบนี้มันสุภาพนักหรือไง สีเด่นหราขนาดนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันดูไม่มีกาลเทศะ”
“อย่าว่าเขาขนาดนั้นสิ เราว่า… ก็สวยดีนะ ดูเขามั่นใจมาก ๆ เลยด้วย”
ฉันที่พยายาทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่กางหูผึ่งฟังผู้หญิงสองคนนั้นคุยกันทุกประโยคทุกคำ อันที่จริงน้ำเสียงที่ใช้มันก็ค่อนข้างจะเกินคำว่ากระซิบกระซาบไปไกลโขแล้วล่ะ แบบนี้เรียกว่าจงใจพูดให้ได้ยินเลยดีกว่า
“ก็งั้นแหละแก มั่นหน้า!”
ฉันตวัดตาไปมองคนพูดทันทีที่รู้สึกว่าคำพูดของเธอมันเริ่มแสลงหูจนเกินกว่าจะรับไหว ว่าจะทำเฉยแล้วนะ เพราะบนโลกใบนี้ใคร ๆ ก็โดนนินทาทั้งนั้น แต่ดูท่าทางยัยผมหางม้านี่ดูจะออกรสออกชาติกับการพูดถึงฉันเกินไปแล้ว
มั่นหน้าเนี่ยนะ!
“อย่าพูดเสียงดัง เดี๋ยวเขาก็ได้ยินสิ!” ยัยผู้หญิงผมยาวที่นั่งอยู่ด้วยกัน ปรามเพื่อนตัวเองเสียงเบา แต่เหมือนเธอก็ยังไม่ยอมหยุด
“อ้าว! แกก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เขาได้ยินหรอกเหรอ” ไม่พูดเปล่ายัยหางม้ายังนั่งหัวเราะคิกคักชอบใจอีกต่างหาก ที่ได้พูดจาเหน็บแนมใส่ฉันอย่างสนุกสนาน
“ว่าใครมั่นหน้า” ฉันถามออกไปอย่างสุดจะทน เพราะแบบนี้ไงเลยไม่ชอบสังคมผู้หญิง เอาแต่แก่งแย่งชิงดี นินทากันอยู่ได้ ทีพวกเธอแต่งหน้าหนาเตอะฉันยังไม่วิจารณ์เลย เพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล และความพึงพอใจของตัวเอง
แล้วยัยนี่มีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าฉันมั่นหน้าวะ แค่ใส่ชุดที่มันเด่นกว่าพวกเธอเนี่ยนะ!
ทันทีที่ฉันถามออกไปสองคนนั้นก็แยกตัวออกจากกันเล็กน้อย ก่อนที่ยัยผมยาวจะก้มหน้าหลบสายตากัน ส่วนยัยหางม้านั้นกลับลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ และทำทีเป็นหยิบเอกสารขึ้นมาตรวจดู เหมือนเสียงฉันเป็นเสียงนกเสียงกาอีกด้วย
คิดว่าจะยอมทำเฉยเหรอวะ!? ขนาดนี้แล้ว
“ฉันถามว่า... เมื่อกี้คุณว่าใครมั่นหน้าคะ” ฉันถามย้ำอีกครั้ง พยายามสกัดกั้นความโกรธตัวเองไว้ในใจ ไม่ให้มันปะทุออกมามากจนเกินพอดี ไม่อยากจะเสียงานตั้งแต่ยังไม่เริ่มหรอกนะ
แต่ก็ว่าเถอะ! ฉันไม่ได้หาเรื่องยัยพวกนี้ก่อนสักหน่อย!
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังทำเป็นนิ่งเฉย ฉันจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปยืนตรงหน้า พร้อมกอดอก และก้มหน้ามองเธอทั้งคู่ด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“ไหนบอกว่าพูดดังเพราะตั้งใจให้ได้ยินไง พอดีเมื่อกี้ยังได้ยินไม่ถนัด ก็เลยอยากจะฟังให้ชัด ๆ ว่าการที่ฉันแต่งตัวแบบนี้ มันไปหนักส่วนไหนของพวกเธอ” ฉันมองไล่พวกเธอไปทีละส่วนตามที่เอ่ยปาก “มือ แขน ไหล่ หรือว่าหัว!”
“นี่! ฉันก็ไม่ได้เอ่ยชื่อสักหน่อย” ยัยหางม้าเงยหน้าขึ้นมาตอบฉันทันที “เธอเองจะร้อนตัวทำไม หรือคิดมาตัวเองมั่นหน้าจริง ๆ”
“รูปประโยคที่พูดออกมา มันฟังยากมากมั้ง ว่าหมายถึงใคร”
“ก็ไม่ได้หมายถึงเธอก็แล้วกัน”
“เหรอ!” ฉันกระแทกเสียงกลับไปด้วยความไม่ชอบใจ โกหกหน้าด้าน ๆ คนบ้าอะไรวะ รู้จักกันมั้ยก็ไม่ แต่มาพูดจาหาเรื่องกันซะงั้น
“พวกเธออย่าทะเลาะกันเลย เรามาสัมภาษณ์งานกันนะ” ผู้หญิงหน้าหวานอีกคนในห้อง ที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น “ถึงห้องนี้จะไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้จับตาดูเราอยู่นะ”
“จับตาก็จับตาไปสิ ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อใครสักหน่อย ยัยนี่มันร้อนตัวเสนอหน้าวิ่งเข้ามารับคำพูดของฉันเอง” ยัยหางม้าสวนขึ้นมา ด้วยคำพูดที่ทำเอาฉันอยากจิกหัวเธอ แล้วตะโกนใส่หน้าว่า ‘หล่อนเป็นบ้าอะไรค่าาาา’ แต่ก็ทำได้แค่กดอารมณ์ตัวเองเอาไว้
“ถ้าสักแต่ปากพล่อย แต่ไม่กล้ายอมรับแบบนี้ ที่หลังอย่าเสร่อพูดออกมาเลยดีกว่า”
“นี่!”
“หุบปากเลยนะ! ฉันยังพูดไม่จบ” ฉันหยุดคำพูดของเธอพร้อมทั้งรัวคำพูดของตัวเองต่ออย่างเหลือทนกับความหน้าด้านหน้ามึน “ฉันแค่จะบอกเธอว่า ถ้าพูดจาดี ๆ ไม่เป็นละก็... ทีหลังเก็บปากไว้กินข้าวเถอะ จะได้ไม่ต้องไปเห่าใส่คนอื่น ดีไม่ดี อาจจะปากแตกจนกินข้าวร้อนไม่ได้ขึ้นมาสักวันก็ได้!”
“นี่แกว่าฉันเป็นหมาเหรอ แล้วการที่แกมายืนเห่าขู่ฉันแบบนี้ แกต่างอะไรจากฉัน ห้ะ!”
“ถึงแม้การที่ฉันไม่ยับยั้งชั่งใจ แล้วมาเห่าตอบเธอแบบนี้ มันจะดูไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ แต่ขอให้รู้เอาไว้เลยนะ ว่าฉันไม่ได้มีดีแค่เห่า แต่ฉันจะกัดด้วย!” ฉันกระแทกเสียงกลับไป แม้จะไม่ได้ตะคอกเสียงดัง แต่ก็ใช้น้ำเสียงในโทนที่ข่มให้เธอเป็นรองกว่าฉันอยู่ดี “กัดไม่ปล่อยเลยล่ะ”
อย่างให้โกรธ นุ้งไฝว้นะบอกไว้ก่อนนนนน นางเอกมินนิคไม่มีคำว่ายอมมมม 55555555555
แหงะ มาช้าอะขอโทษค่าาา ><
.
ป.ล. ใครเล่นทวิตไปคุยกันในแท็กได้นะคะ วันดีคืนดีมินนิคก็ไปสปอยในนั้นแหละ >,<
MINNIK
มีคำผิดบอกได้นะคะ เพราะแต่งสดลงสดงับ
อย่าลืมกด ♥ และคอมเมนต์เป็นกำลังใจดี ๆ ใจเรานะคะ
1 เมนต์ = สิบล้านกำลังใจ
ร๊ากกกรีดเดอร์สองล้านเท่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

⌐╦╦═─(╯°□°)╯
รอค่าาาา