คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : A Drop of Tears Vol 7
Vol 7
ช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่แซมด้วยสีเขียวของใบเฟิร์นที่ถูกจัดมาอย่างสวยงามในมือซีวอนถูกยื่นให้ทงเฮ ร่างบางเบิกตากว้าง มองช่อดอกไม้สลับกับใบหน้าของชายหนุ่ม ดวงตากลมหวานบอกความประหลาดใจเป็นล้นพ้น
"เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ ซีวอน? " ร่างบางพึมพำถาม รับช่อกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์มาถือไว้ กุหลาบตูมกำลังคลี่แย้ม หยดน้ำเกาะพราว ทงเฮจรดปลายจมูกลงบนกลีบอ่อนใสแผ่วเบา ได้กลิ่นหอมรวยระริน
"ก็แทนคำขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน"
"โธ่ ซีวอน เรื่องแค่นั้นเอง ทงเฮไม่โกรธซีวอนแล้ว ไม่เห็นต้องเปลืองสตางค์เลย" ทงเฮลากเสียงยาว พิจารณาช่อดอกกุหลาบในมือก็คิดว่ามันคงจะแพงไม่น้อย แล้วก็กล่าวอีกครั้งเสียงอ่อย สำนึกได้...
"ทงเฮเองก็ผิดด้วย "
ซีวอนยิ้มกริ่มส่ายหน้าให้กับถ้อยคำนั้น
"ไม่หรอก เราเข้าใจ เป็นเรา เราก็โกรธ...ถ้ามีใครสักคนมาทำร้ายคนที่เรารัก..."
ชเว ซีวอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาคมของเขาเปล่งประกายแจ่มจรัสแฝงความนัยบางอย่าง เหมือนต้องการสื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ มองทงเฮที่กำลังสนใจช่อดอกกุหลาบในมือ
ใบหน้าเรียวขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา ดวงตาสีนิลคู่โตดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นบนใบหน้านวลๆ นั้น ซ่อนตัวอยู่ภายใต้แพขนตาสีดำขลับ ปลายจมูกโด่งได้รูปเด่นรับกับริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อด้วยเลือดฝาดที่มักจะมีรอยยิ้มปรากฏออกมาเสมอๆ ผิวขาวที่ถึงแม้จะซีดเซียวแต่ก็ไม่ทำให้ร่างบอบบางตรงหน้าเขาดูน่ารักน้อยลงแต่อย่างใด ยิ่งทำให้ดูน่าทะนุทนอมมากยิ่งขึ้น
รูปร่างผอมบางที่มักจะชอบใส่เสื้อผ้าสีอ่อนที่ตัวใหญ่กว่าตัวเอง โดยเฉพาะสีขาวที่เขามักจะเห็นทงเฮใส่เป็นประจำเสียจนชินตา ผมยาวประบ่าสีดำขลับที่ห้อมรอบใบหน้าทำให้ร่างบางดูสวยหวาน ดวงตาโตคู่สวยที่มีจะมีแววเศร้าสร้อยและหยาดน้ำใสๆ หล่อเลี้ยงอยู่เสมอ อ่อนแอเสียจนอยากจะยื่นมือเข้าไปปกป้องดูแล
เขาเจาะจงมองไปยังใบหน้าของทงเฮ มองระเรื่อยตั้งแต่หน้าผากเกลี้ยงเกลา ดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสันงาม และท้ายสุดริมฝีปากนุ่มนวล สีชมพูอ่อนจางราวกับกลีบดอกซากุระน่าสัมผัสคู่นั้น มันคงจะนุ่มและหอมกว่ากลีบกุหลาบขาวในมือบาง...หนึ่งปีแล้วที่ชเว ซีวอนบอกกับตัวเองว่าเขาได้เพียงแค่แอบมองอยู่อย่างนั้น ทงเฮยังคงรักษาตัวและใจไว้เหมือนเดิม ชายหนุ่มไม่เคยทำอะไรได้มากกว่าการประคองผิวเนื้อขาวอ่อนนุ่มไว้ในอ้อมแขน
ซีวอนยกแขนขึ้นมาท้าวคาง เขามองริมฝีปากนั้นไม่วางตา อยากจะสัมผัสความนุ่มของกลีบบางสีระเรื่อนั้นดูสักครั้งว่าจะหอมหวานขนาดไหน...ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง จะมีโอกาสบ้างไหม....
........................
ซีวอนลืมตาจ้องมองร่างบางตรงหน้า รอยยิ้มหวานที่ประดับบนดวงหน้าสวยหวาน ประกายแวววับในหน่วยตากลมโตสีนิลสดใส มือเรียวยกช่อดอกกุหลาบขึ้นมาจรดปลายจมูกหาความหอมสดชื่น แก้มใสเป็นสีชมพูระเรื่อ ความสวยงามของดอกกุหลาบที่ดีที่สุดของร้านยังดูหมองลงไปเมื่อเทียบกับความน่ารักของอี ทงเฮ....ซีวอนคลี่ยิ้มอย่างลืมตัว เพราะอย่างนี้หรือเปล่านะ เขาถึงได้รักร่างบางได้ถึงขนาดนี้...
ไว้เท่าความคิด ซีวอนก็เปิดกระเป๋าสีดำที่วางอยู่ข้างตัว หยิบกล้องถ่ายรูปคู่ใจขึ้นมา
แชะ!!!
"อ๊ะ!! "
ร่างบางสะดุ้งตกใจกับเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลตที่วูบเข้ามา ทงเฮหันขวับไปมอง ก็เห็นว่ามือของซีวอนกำลังถือกล้องสีดำเล็งมาที่เขา แก้มใสๆ ป่องขึ้นทันตา โวยวายเล็กๆ
"ซีวอนขี้โกง มาแอบถ่ายทงเฮได้ไง"
"น่ารักดีออก ดูสิ"
ชายหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้มพลางยื่นให้ทงเฮดู ร่างบางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ สายตากลมจ้องมองภาพที่แสดงผ่านเลนส์ ริมฝีปากเผยยิ้มบางๆ ก่อนที่จะหันไปขอซีวอนดูภาพอื่นๆ ซึ่งชายหนุ่มก็อนุญาตทันที ทั้งๆ ที่ปกติไม่มีใครสามารถแตะต้องกล้องราคาเหยียบแสนที่เขาหวงมากได้ง่ายๆ กล้องที่เขาเก็บหอมรอบริบทำงานพิเศษเก็บมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ....แต่สำหรับอี ทงเฮ ถือเป็นกรณีพิเศษ....
................
...........................
......................................
มือเรียวกดปุ่มเลื่อนภาพ ปากก็บอกวิธีการใช้แบบคร่าวๆ ให้ร่างบางฟัง ก่อนที่จะปล่อยให้ทงเฮดูภาพที่เขาบันทึกในเมมโมรี่ด้วยตัวเอง ทงเฮดูเหมือนจะสนใจของในมือทันควัน ริมฝีปากบางยิ้มพรายอย่างอารมณ์ดี แววตาตื่นเต้นแสดงความชอบใจราวกับเด็กกำลังสนุกกับของเล่นใหม่ หน่วยตาคมจ้องมองแก้มนิ่มที่ดูน่าสนใจกว่ารูปหลากสีผ่านจอเลนส์นั้น
ใบหน้าหวานของทงเฮที่เขาจ้องมองอยู่ จู่ๆ มันก็กลายมาเป็นใบหน้าของฮยอกแจ ซีวอนผงะกับภาพที่เขาเห็นในตอนนี้ มันเป็นภาพของฮยอกแจกำลังก้มลงมองกล้องในมือ บรรยากาศรอบตัวกลายมาเป็นลานม้านั่งของคณะวิทยาการจัดการที่เขาเคยศึกษาอยู่....ซีวอนกวาดสายตามองรอบตัวอย่างประหลาดใจ ม้านั่งในสุดใต้ต้นไม้สูงใหญ่ที่ทอดร่มเงาร่มรื่นคือที่ๆ เขากำลังนั่งอยู่ และคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันก็คือ อี ฮยอกแจ...
เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาด กางเกงสแล็คสีดำถูกรีดเสียจนเนียบ แทบจะหารอยยับไม่เจอ รองเท้าหนังสีดำเป็นมันเงางาม ช่างแตกต่างจากตัวเขาลิบลับที่มักจะสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นพอดีตัวปล่อยชาย กางเกงยีนต์กับรองเท้าผ้าใบ... แววตาที่จ้องมองภาพในกล้องเป็นประกายวิบวับ ดวงหน้าหวานที่มักจะเรียบตึงกำลังเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา....เสียงหวานๆ พูดด้วยความตื่นเต้น สดใส....
"สอนฉันถ่ายรูปหน่อยซิ ซีวอน"
.......................
"วอน...ซีวอน... " เสียงเรียกของทงเฮดึงสติที่หลุดลอยให้กลับเข้าร่าง ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ๆ บรรยากาศโดยรอบกลับกลายมาเป็นห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์ตระกูลอี ซีวอนยกมือขึ้นเสยผม นึกเยาะเย้ยตัวเองที่เผลอหลุดเข้าไปในโลกของอดีตอีกคราว เขาสะบัดศีรษะไล่ภาพของวันวานที่ไม่ควรจะนึกถึงให้ออกไป
"เป็นอะไรหรือเปล่า?" ทงเฮถามด้วยความเป็นห่วงที่เห็นใบหน้าคมนั้นดูแปลกๆ ซีวอนส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
"จริงซิ ทงเฮ เราออกไปถ่ายรูปกันข้างนอกไหม?"
คำชวนของซีวอน ทำเอาทงเฮเผยยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ ด้วยความดีใจสุดขีด คนตัวเล็กรีบพยักหน้าตอบรับทันที มือเรียวฉุดแขนแกร่งของชายหนุ่มให้ลุกขึ้นอย่างลืมตัว กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส...
"ไปกันเถอะ ซีวอน"
ใจเต้นไม่เป็นระส่ำ เมื่อถูกอีกคนสัมผัสเข้าที่ข้อมือ ความอบอุ่นดูจะซึบซาบอาบอิ่มความรู้สึกของอีกฝ่าย ทงเฮออกแรงลากคนตัวโตกว่าให้ออกไปข้างนอก ท่าทีตื่นเต้นประหนึ่งเด็กเล็กๆ ได้ไปเที่ยวสวนสนุกเป็นครั้งแรกจนไม่ได้นึกถึงอะไรทั้งสิ้น ชเว ซีวอนอดยิ้มให้กับท่าทีนั้นไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าทงเฮไม่ได้รักเขาอย่างที่เขารัก แต่ซีวอนก็ไม่มีวันเปลี่ยนความรู้สึกนี้เป็นอื่นได้....เขาก็ยังคงรอเวลาและโอกาสที่หัวใจดวงนั้นจะยอมแปรเปลี่ยน...
...............
......................
...................................
ประตูรถถูกปิดลง พร้อมกับสัญญาณกดล๊อกที่ดังขึ้น คิม คิบอมยกมือขึ้นนวดไหล่ คลายอาการปวดเมื่อยจากการออกแบบแพลนบ้านของลูกค้ากับเยวองเกือบทั้งคืน ไม่ได้หลับลงแม้แต่งีบหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถขับรถมาจนถึงบ้านได้โดยสวัสดิภาพ สงสัยเขาจะชินกับการใช้ชีวิตกลางคืนแบบนกฮูกเสียกระมั่ง....
ยกมือนวดต้นคอ ชายหนุ่มตั้งใจจะอาบน้ำให้สดชื่นแล้วจะล้มตัวลงนอน คาดว่าคงจะหลับยาวจนถึงเย็น
ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าบ้าน ก็แว่วได้ยินเสียงคนคุยกัน คิบอมหันไปมอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันฉับ ที่รถToyota Yaris สีฟ้าที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์ มีร่างของบุคคลสองคนยืนอยู่ข้างๆ รถคันนั้น ร่างหนึ่งสูงใหญ่ อีกร่างหนึ่งโปร่งระหงในชุดสีขาวสะอาดตาตัดกับผมสีดำสนิทที่ถูกรวบเป็นจุกเล็กๆ ที่ท้ายทอยขาวนวลละเอียด
.....อี ทงเฮ กับชเว ซีวอน ทั้งสองกำลังยืนพูดคุยกัน บนไหล่ของซีวอนสะพายกระเป๋ากล้องสีดำไว้ ก่อนที่มือเรียวของชายหนุ่มร่างสูงทำท่าจะเปิดประตูรถให้ทงเฮ ลักษณะของร่างบางดูสดใส แต่แก้มยังมีสีแดงระเรื่อ อาจจะเป็นเพราะพิษไข้จากเมื่อคืนที่ยังคงหลงเหลืออยู่....
คิบอมหรี่ตามองดูเงียบๆ ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปสกัดทันก่อนที่ทงเฮจะก้าวขึ้นรถ ทั้งคู่ชะงักเมื่อเห็นคิบอมมายืนขวางไว้ ทงเฮพึมพำออกมาเบาๆ
“คิบอม”
“จะพากันไปไหน?”
เสียงของชายหนุ่มห้าวห้วน หรี่ตามองทั้งคู่สลับไปมา ทงเฮอึกอัก หมุนซ้ายหมุนขวา เก้ๆ กังๆ อยู่ครู่หนึ่งก็หันมาสบตาคมดุของพี่เลี้ยงหนุ่ม บอกเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ...
“ทงเฮจะออกไปข้างนอกกับซีวอน”
มือเรียวจับแขนของซีวอนผู้ที่ยืนเงียบสงบอยู่ข้างๆ คิบอมจึงเปลี่ยนเป้าหมายหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มตาเขม็ง ชเว ซีวอนยิ้มแห้งแล้ง นึกขยาดสายตาคมจัดดุดันคู่นั้น ที่จ้องมองราวกับจะจับผิดประหนึ่งตัวเขาเป็นผู้ต้องหากำลังจะพานักโทษหนี ก่อนที่จะปั้นหน้าใจดีสู้เสือตอบออกไปด้วยเสียงนุ่มนวลรื่นหู
“คือฉันจะพาทงเฮออกไปถ่ายรูปแถวๆ ชานเมืองหน่อยนะ ไม่ต้องห่วงหรอก เย็นๆ ไม่เกินสี่โมงฉันก็จะพาเขากลับ หวังว่านายคงไม่โกรธนะ ที่ฉันพาทงเฮออกไปแบบนี้”
คิบอมถอนหายใจเล็กน้อย หันมามองทงเฮ ร่างบางก้มหน้างุดมองปลายเท้าของตน ไม่กล้าเงยสบสายตาตรงๆ คมจัดของบุรุษผู้นี้ สายตาที่ดูจะซอกแซกเข้าไปถึงหัวใจ
วินาทีต่อมา ทงเฮก็ต้องเงยหน้าขึ้นแปลกใจ เมื่อสัมผัสถึงความนุ่มของผืนผ้า คิบอมกำลังวางเสื้อกันหนาวสีเข้มตัวหนาลงบนไหล่บางทั้งสองของเขา ดวงตาสองคู่สบประสานกันโดยไม่ตั้งใจ แววตาดูเหมือนห่วงใยฉาบทั่วทำให้ร่างบางใจสั่น
“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ นายยังมีไข้อยู่”
กระแสเสียงอ่อนนุ่มเต็มเปี่ยมความเป็นห่วงที่ลอยเข้ามาในหู เล่นเอาใจของทงเฮพองโตแน่นคับอก แทบจะหยุดหายใจให้กับความห่วงใยที่อีกคนหยิบยื่นให้...ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับ....ก่อนที่วินาทีถัดมา ความรู้สึกห่อเหี่ยวจะเข้ามาแทนที่ เหมือนถูกฉุดให้ตกจากสวรรค์ เมื่อเสียงทุ้มพูดต่อไปว่า...
“ขืนนายเป็นหนัก พี่ฮีซอลได้บ่นฉันตายเรื่องไม่ยอมดูแลนาย ยิ่งขี้เกียจฟังอยู่”
ร่างบางหรุบเปลือกตาลงต่ำ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ดวงตาคู่งามแอบสั่นระริกและคลอรื้นด้วยหยาดน้ำตาแห่งความน้อยใจ มือเรียวกำเสื้อกันหนาวของอีกคนแน่น ถึงมันจะตัวใหญ่และอบอุ่นเพียงใด แต่ทงเฮกลับรู้สึกอึดอัดและเหน็บหนาวไปจนถึงขั้วหัวใจ...ปวดหนึบไปทั้งอก เมื่อรู้ถึงที่มาของความห่วงใยที่คิบอมยื่นให้...
ความห่วงใยของซีวอนที่มีให้เขานั้นมาจากใจ.....แต่ คิบอม ความห่วงใยมาจากหน้าที่ที่ต้องพึ่งกระทำ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องการความห่วงใยจากผู้ชายที่ชื่อ คิม คิบอมที่มาจากใจจริง แม้เพียงเศษเสี้ยวก็ยังดี...
“ฝากด้วยแล้วกัน”
คิบอมหันไปบอกคนร่างสูงข้างๆ ทงเฮ ซีวอนพยักหน้ารับคำเป็นมั่นว่าจะดูแลทงเฮให้ดี คิม คิบอมจึงหันหลังเดินขึ้นบันไดหินอ่อนหน้าคฤหาสน์ไป ....ซีวอนมองแววตาของร่างเล็กที่ทอดมองชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้าไปในตัวบ้าน
แววตาที่นำพาความรู้สึกบางอย่างจู่โจมเข้ามาจับหัวใจ ชเว ซีวอนภาวนาให้สิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เพราะกระแสความรู้สึกที่จับได้ในดวงตากลมโตคู่นั้น เป็นความรู้สึกเดียวกับแววตาที่เขามองทงเฮอยู่ในตอนนี้...
..................
..........................
...................................
ระหว่างทางที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดบ้านตรงไปยังห้องนอนของตน คิบอมมีอันต้องชะงักฝีเท้า เมื่อสายตาดันเหลือบเห็นร่างบอบบางของ อี ฮยอกแจยืนทอดอารมณ์อยู่สวนข้างบ้านเพียงลำพัง ชายหนุ่มแอบยิ้มกับตัวเองจางๆ
ร่างบางของชายหนุ่มเจ้าของบ้านยืนพิงเสาของศาลาสีขาวหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางสวน เหม่อมองท้องฟ้าที่อยู่เบื้องบนด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายใน บุหรี่ในมือถูกอัดเข้าปอดแรงๆ ควันสีขาวลอยโขมงรอบตัว เขาก้มลง มองม้วนบุหรี่ที่คีบอยู่ในระหว่างนิ้วของตน
‘นี้แกสูบบุหรี่รึฮยอกแจ แกหัดทำตัวเลวๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรฮะ’
“ฉันไม่ยักกะรู้ว่านายสูบบุหรี่ด้วย”
เสียงทักทำให้ฮยอกแจหลุดจากภวังค์ของความคิดในอดีต ฮยอกแจหันศีรษะไปตามเสียงพูดของคนที่ยืนมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ตัว ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดแขนยาวลายทางขาวดำ กางเกงยีนต์ขายาวสีหม่นๆ ใบหน้าคมเข้มของเขากำลังจับจ้องมองมายังตัวเขาด้วยนัยน์ตาคมเรียวเล็ก มันฉาบแววประหลาดใจ ฮยอกแจถอนหายใจเฮือก ยกมือขึ้นกอดอก จับจ้องมองใบหน้าคมของคิบอม สีหน้าและแววตาเอาเรื่อง...
“ฉันจะสูบหรือไม่สูบมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย คิม คิบอม”
“ก็ไม่หรอก ฉันก็แค่แปลกใจ ไม่คิดว่า....”
“ฉันไม่ใช่คนดีอย่างที่นายคิดหรอกนะ”
ฮยอกแจชิงตัดบทเสียก่อนที่คิม คิบอมจะพูดจบ จ้องมองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มมุมปาก คิบอมชะงักไปชั่วครู่ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอ้างว้างเดียวดายที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มและหน่วยตานั้น แอบแฝงความเจ็บปวดแสนสาหัส ความวูบโหวงในอกแล่นเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว....
“ฮยอกแจ”
ร่างสูงเปรยพึมพำเรียกชื่อคนตรงหน้า สายตาคมหรุบมองที่ซอกคอขาวที่มีรอยแดงจุดใหญ่ ที่บัดนี้เริ่มจางลงไปมาก ฮยอกแจใส่เสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ซึ่งเป็นสีที่เขาเห็นร่างบางใส่เป็นประจำ ปลดกระดุมลงมาเผยรอยนั้นให้เห็น คิบอมอยากจะเอ่ยปากถามว่านั้นเป็นฝีมือของใคร?...แต่ก็ยับยั้งชั่งใจไว้ ฮยอกแจไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัว....
ฮยอกแจยกบุหรี่อัดเข้าปอดติดๆ กัน ควันโขมง จนคิบอมกลัวว่าร่างบางจะสำลักควันเหล่านั้น มันลอยไปตามสายลมที่พัดกรูเข้ามาจนผมสีดำกระจาย บางส่วนคลอเคลียแก้มขาว ดวงตากลมเรียวของร่างบางแห้งผากและหรุบต่ำ บ่งบอกถึงอารมณ์เจ็บปวดที่ซ่อนลึกอยู่ในดวงใจ เหมือนของมีคมปักลงตรงๆที่ขั้วใจแล้วกรีดค้างไว้ให้ทรมาน เจ็บปวดไม่แพ้กัน....คิบอมอยากรู้ว่าใครกันที่ทำให้กลีบของกุหลาบป่าแสนงามชอกช้ำได้ถึงเพียงนี้
บุหรี่ในมือที่เพิ่งจะหมดไปเพียงเล็กน้อยถูกฉวยออกไป ฮยอกแจหันศีรษะไปตามเสียงพูดของคนที่คว้าบุหรี่ในระหว่างนิ้วของเขาไปอย่างถือวิสาสะ ร่างบางหรี่ตาลงไม่พอใจ คิบอมจัดการดับเปลวเพลิงสีแดงของสารนิโคตินในมือด้วยการขยี้มันกับที่เขี่ยบุหรี่เล็กๆ ก่อนที่จะเงยหน้าสบนัยน์ตาเรียวเล็กด้วยสายตาห่วงใย
“อย่าสูบเลย เสียสุขภาพปอดเปล่าๆ”
'สูบบุหรี่ไม่ดีหรอกนะฮยอกแจ อย่าสูบเลย เราเป็นห่วง'
คำพูดของคิบอมทำเอาแววตาที่แข็งกร้าววูบอ่อนแสงลงทันที ร่างกายเหมือนจะอ่อนปวกเปียก หวนนึกถึงใบหน้า แววตา รวมถึงถ้อยคำของคนๆ หนึ่งที่เคยพูดประโยคคล้ายๆ กันนี้กับเขาในอดีต หัวใจเหมือนถูกกระแสไฟฟ้ากระตุ้นให้ปวดแปลบ ร่างบางเผลอกำมือ เม้นริมฝีปากแน่นจนเกร็งสะท้านไปทั่วร่าง....เหตุการณ์ในห้องนั่งเล่นที่เขาบังเอิญไปเห็นลอยเข้ามาในหัวแบบไม่ตั้งใจ...
เขาก้าวเข้าไป คิบอมสะดุ้งตกใจเมื่อมือเรียวนั้นเอื้อมมากระชากคอเสื้อเขา ฮยอกแจจ้องตาเขม็ง ความไม่พอใจกระจายไปทั่วใบหน้าหวานที่บึ้งตึง กดเสียงลงต่ำเมื่อกล่าวออกไปว่า...
“ถึงฉันจะอนุญาตให้นายมาดูแลทงเฮ แต่นายก็ไม่มีสิทธิมายุ่งย่ามกับชีวิตของฉัน คิม คิบอม”
“ฮยอกแจ แต่ฉัน....”
“ไม่ต้องมาเป็นห่วง ฉันไม่ต้องการความห่วงใยจากใครทั้งนั้น จำไว้!!!!”
กล่าวจบ ฮยอกแจก็ผละจากคิบอมไปอย่างไม่ใยดีแล้วหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน ร่างโปร่งระหงเดินห่างเขาออกไปทุกที ชายหนุ่มมองจนแผ่นหลังบางนั้นลับสายตา คิบอมระบายลมหายใจออกมาแรงๆ ความรู้สึกเหมือนเห็นกำแพงกระจกบางๆ กั้นระหว่างเขากับร่างบางไว้ กระจกที่หนาเพียงไม่กี่มิล...แต่กลับแข็งแกร่งจนยากที่จะทำลาย
“ฉันต้องทำยังไง นายถึงจะยอมเปิดใจให้ฉันสักที ฮยอกแจ”
.............
.....................
.................................
ปล้ำลิง ขอบคุณอันจัง สำหรับแบนเนอร์ฟิกสวยๆ เรื่องนี้ (ถ้าเราทำ สามชาติมั้งถึงจะเสร็จ) แทงยูมากๆ แล้วคราวหลังจะไปรบกวนใหม่น้า...
คุยกันหลังฉาก
สำหรับเรื่องนี้ ต่อไปหลังจากนี้ไรเตอร์จะขอลงครั้งละห้าสิบเปอร์เซ็นต์นะค่ะ (ทั้งๆ ที่เคยสัญญาว่าจะลงให้ครบร้อยแล้วแท้ๆ ) เนื่องจากถ้ารอให้ครบร้อยคงนานมากกกกก เพราะไรเตอร์ต้องแต่ง(สด) ไป เรียนไปด้วย (ปกติไรเตอร์จะมีสำรองไว้ลงแล้ว แต่งไว้ตอนปิดเทอม) ต้องขออภัยรีดเดอร์ทุกท่านด้วยที่ต้องผิดสัญญา เอาล่ะ มาช้าก็ดีกว่าไม่มาว่าไหมค่ะ เหอๆๆๆ
ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน่ะ อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องก่อน....(เกาะขารีดเดอร์ทั้งหลายไว้)
ปล้ำลิงอีกรอบ มีความผิดพลาดในการลงครั้งแรก ต้องขออภัย ไม่ได้เช็ค....
ความคิดเห็น