ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

    ลำดับตอนที่ #7 : A Drop of Tears Vol 7

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 53


    Vol 7



    ช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่แซมด้วยสีเขียวของใบเฟิร์นที่ถูกจัดมาอย่างสวยงามในมือซีวอนถูกยื่นให้ทงเฮ  ร่างบางเบิกตากว้าง มองช่อดอกไม้สลับกับใบหน้าของชายหนุ่ม  ดวงตากลมหวานบอกความประหลาดใจเป็นล้นพ้น 



    "เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ ซีวอน? " ร่างบางพึมพำถาม รับช่อกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์มาถือไว้ กุหลาบตูมกำลังคลี่แย้ม หยดน้ำเกาะพราว ทงเฮจรดปลายจมูกลงบนกลีบอ่อนใสแผ่วเบา ได้กลิ่นหอมรวยระริน




    "ก็แทนคำขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน"




    "โธ่ ซีวอน เรื่องแค่นั้นเอง ทงเฮไม่โกรธซีวอนแล้ว ไม่เห็นต้องเปลืองสตางค์เลย" ทงเฮลากเสียงยาว พิจารณาช่อดอกกุหลาบในมือก็คิดว่ามันคงจะแพงไม่น้อย แล้วก็กล่าวอีกครั้งเสียงอ่อย สำนึกได้...




    "ทงเฮเองก็ผิดด้วย "




    ซีวอนยิ้มกริ่มส่ายหน้าให้กับถ้อยคำนั้น




    "ไม่หรอก เราเข้าใจ เป็นเรา เราก็โกรธ...ถ้ามีใครสักคนมาทำร้ายคนที่เรารัก..."
       



    ชเว  ซีวอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาคมของเขาเปล่งประกายแจ่มจรัสแฝงความนัยบางอย่าง เหมือนต้องการสื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้  มองทงเฮที่กำลังสนใจช่อดอกกุหลาบในมือ
     



    ใบหน้าเรียวขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา  ดวงตาสีนิลคู่โตดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นบนใบหน้านวลๆ นั้น  ซ่อนตัวอยู่ภายใต้แพขนตาสีดำขลับ  ปลายจมูกโด่งได้รูปเด่นรับกับริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อด้วยเลือดฝาดที่มักจะมีรอยยิ้มปรากฏออกมาเสมอๆ  ผิวขาวที่ถึงแม้จะซีดเซียวแต่ก็ไม่ทำให้ร่างบอบบางตรงหน้าเขาดูน่ารักน้อยลงแต่อย่างใด  ยิ่งทำให้ดูน่าทะนุทนอมมากยิ่งขึ้น




    รูปร่างผอมบางที่มักจะชอบใส่เสื้อผ้าสีอ่อนที่ตัวใหญ่กว่าตัวเอง  โดยเฉพาะสีขาวที่เขามักจะเห็นทงเฮใส่เป็นประจำเสียจนชินตา  ผมยาวประบ่าสีดำขลับที่ห้อมรอบใบหน้าทำให้ร่างบางดูสวยหวาน  ดวงตาโตคู่สวยที่มีจะมีแววเศร้าสร้อยและหยาดน้ำใสๆ หล่อเลี้ยงอยู่เสมอ  อ่อนแอเสียจนอยากจะยื่นมือเข้าไปปกป้องดูแล




    เขาเจาะจงมองไปยังใบหน้าของทงเฮ  มองระเรื่อยตั้งแต่หน้าผากเกลี้ยงเกลา ดวงตากลมโต  จมูกโด่งเป็นสันงาม   และท้ายสุดริมฝีปากนุ่มนวล  สีชมพูอ่อนจางราวกับกลีบดอกซากุระน่าสัมผัสคู่นั้น  มันคงจะนุ่มและหอมกว่ากลีบกุหลาบขาวในมือบาง...หนึ่งปีแล้วที่ชเว  ซีวอนบอกกับตัวเองว่าเขาได้เพียงแค่แอบมองอยู่อย่างนั้น ทงเฮยังคงรักษาตัวและใจไว้เหมือนเดิม  ชายหนุ่มไม่เคยทำอะไรได้มากกว่าการประคองผิวเนื้อขาวอ่อนนุ่มไว้ในอ้อมแขน




    ซีวอนยกแขนขึ้นมาท้าวคาง  เขามองริมฝีปากนั้นไม่วางตา  อยากจะสัมผัสความนุ่มของกลีบบางสีระเรื่อนั้นดูสักครั้งว่าจะหอมหวานขนาดไหน...ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง จะมีโอกาสบ้างไหม....




    ........................




    ซีวอนลืมตาจ้องมองร่างบางตรงหน้า  รอยยิ้มหวานที่ประดับบนดวงหน้าสวยหวาน ประกายแวววับในหน่วยตากลมโตสีนิลสดใส  มือเรียวยกช่อดอกกุหลาบขึ้นมาจรดปลายจมูกหาความหอมสดชื่น แก้มใสเป็นสีชมพูระเรื่อ  ความสวยงามของดอกกุหลาบที่ดีที่สุดของร้านยังดูหมองลงไปเมื่อเทียบกับความน่ารักของอี  ทงเฮ....ซีวอนคลี่ยิ้มอย่างลืมตัว  เพราะอย่างนี้หรือเปล่านะ เขาถึงได้รักร่างบางได้ถึงขนาดนี้... 



    ไว้เท่าความคิด  ซีวอนก็เปิดกระเป๋าสีดำที่วางอยู่ข้างตัว  หยิบกล้องถ่ายรูปคู่ใจขึ้นมา 




    แชะ!!!




    "อ๊ะ!! "




    ร่างบางสะดุ้งตกใจกับเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลตที่วูบเข้ามา  ทงเฮหันขวับไปมอง  ก็เห็นว่ามือของซีวอนกำลังถือกล้องสีดำเล็งมาที่เขา  แก้มใสๆ ป่องขึ้นทันตา  โวยวายเล็กๆ




    "ซีวอนขี้โกง มาแอบถ่ายทงเฮได้ไง"




    "น่ารักดีออก ดูสิ"




    ชายหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้มพลางยื่นให้ทงเฮดู  ร่างบางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้  สายตากลมจ้องมองภาพที่แสดงผ่านเลนส์   ริมฝีปากเผยยิ้มบางๆ  ก่อนที่จะหันไปขอซีวอนดูภาพอื่นๆ ซึ่งชายหนุ่มก็อนุญาตทันที  ทั้งๆ ที่ปกติไม่มีใครสามารถแตะต้องกล้องราคาเหยียบแสนที่เขาหวงมากได้ง่ายๆ  กล้องที่เขาเก็บหอมรอบริบทำงานพิเศษเก็บมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ....แต่สำหรับอี  ทงเฮ  ถือเป็นกรณีพิเศษ....




    ................
    ...........................
    ......................................




    มือเรียวกดปุ่มเลื่อนภาพ  ปากก็บอกวิธีการใช้แบบคร่าวๆ ให้ร่างบางฟัง  ก่อนที่จะปล่อยให้ทงเฮดูภาพที่เขาบันทึกในเมมโมรี่ด้วยตัวเอง  ทงเฮดูเหมือนจะสนใจของในมือทันควัน  ริมฝีปากบางยิ้มพรายอย่างอารมณ์ดี  แววตาตื่นเต้นแสดงความชอบใจราวกับเด็กกำลังสนุกกับของเล่นใหม่ หน่วยตาคมจ้องมองแก้มนิ่มที่ดูน่าสนใจกว่ารูปหลากสีผ่านจอเลนส์นั้น




    ใบหน้าหวานของทงเฮที่เขาจ้องมองอยู่  จู่ๆ มันก็กลายมาเป็นใบหน้าของฮยอกแจ  ซีวอนผงะกับภาพที่เขาเห็นในตอนนี้  มันเป็นภาพของฮยอกแจกำลังก้มลงมองกล้องในมือ  บรรยากาศรอบตัวกลายมาเป็นลานม้านั่งของคณะวิทยาการจัดการที่เขาเคยศึกษาอยู่....ซีวอนกวาดสายตามองรอบตัวอย่างประหลาดใจ ม้านั่งในสุดใต้ต้นไม้สูงใหญ่ที่ทอดร่มเงาร่มรื่นคือที่ๆ เขากำลังนั่งอยู่  และคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันก็คือ อี  ฮยอกแจ...




    เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาด กางเกงสแล็คสีดำถูกรีดเสียจนเนียบ แทบจะหารอยยับไม่เจอ  รองเท้าหนังสีดำเป็นมันเงางาม ช่างแตกต่างจากตัวเขาลิบลับที่มักจะสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นพอดีตัวปล่อยชาย  กางเกงยีนต์กับรองเท้าผ้าใบ... แววตาที่จ้องมองภาพในกล้องเป็นประกายวิบวับ  ดวงหน้าหวานที่มักจะเรียบตึงกำลังเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา....เสียงหวานๆ พูดด้วยความตื่นเต้น สดใส....




    "สอนฉันถ่ายรูปหน่อยซิ ซีวอน"




    .......................




    "วอน...ซีวอน... " เสียงเรียกของทงเฮดึงสติที่หลุดลอยให้กลับเข้าร่าง ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ๆ บรรยากาศโดยรอบกลับกลายมาเป็นห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์ตระกูลอี ซีวอนยกมือขึ้นเสยผม นึกเยาะเย้ยตัวเองที่เผลอหลุดเข้าไปในโลกของอดีตอีกคราว เขาสะบัดศีรษะไล่ภาพของวันวานที่ไม่ควรจะนึกถึงให้ออกไป 



    "เป็นอะไรหรือเปล่า?" ทงเฮถามด้วยความเป็นห่วงที่เห็นใบหน้าคมนั้นดูแปลกๆ ซีวอนส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร 




    "จริงซิ ทงเฮ เราออกไปถ่ายรูปกันข้างนอกไหม?"




    คำชวนของซีวอน  ทำเอาทงเฮเผยยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ ด้วยความดีใจสุดขีด  คนตัวเล็กรีบพยักหน้าตอบรับทันที  มือเรียวฉุดแขนแกร่งของชายหนุ่มให้ลุกขึ้นอย่างลืมตัว  กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส...




    "ไปกันเถอะ ซีวอน"




    ใจเต้นไม่เป็นระส่ำ  เมื่อถูกอีกคนสัมผัสเข้าที่ข้อมือ  ความอบอุ่นดูจะซึบซาบอาบอิ่มความรู้สึกของอีกฝ่าย  ทงเฮออกแรงลากคนตัวโตกว่าให้ออกไปข้างนอก  ท่าทีตื่นเต้นประหนึ่งเด็กเล็กๆ ได้ไปเที่ยวสวนสนุกเป็นครั้งแรกจนไม่ได้นึกถึงอะไรทั้งสิ้น  ชเว  ซีวอนอดยิ้มให้กับท่าทีนั้นไม่ได้  ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าทงเฮไม่ได้รักเขาอย่างที่เขารัก แต่ซีวอนก็ไม่มีวันเปลี่ยนความรู้สึกนี้เป็นอื่นได้....เขาก็ยังคงรอเวลาและโอกาสที่หัวใจดวงนั้นจะยอมแปรเปลี่ยน...




    ...............
    ......................
    ...................................



    ประตูรถถูกปิดลง พร้อมกับสัญญาณกดล๊อกที่ดังขึ้น  คิม  คิบอมยกมือขึ้นนวดไหล่ คลายอาการปวดเมื่อยจากการออกแบบแพลนบ้านของลูกค้ากับเยวองเกือบทั้งคืน  ไม่ได้หลับลงแม้แต่งีบหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถขับรถมาจนถึงบ้านได้โดยสวัสดิภาพ สงสัยเขาจะชินกับการใช้ชีวิตกลางคืนแบบนกฮูกเสียกระมั่ง.... 



    ยกมือนวดต้นคอ ชายหนุ่มตั้งใจจะอาบน้ำให้สดชื่นแล้วจะล้มตัวลงนอน คาดว่าคงจะหลับยาวจนถึงเย็น




    ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าบ้าน ก็แว่วได้ยินเสียงคนคุยกัน  คิบอมหันไปมอง  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันฉับ ที่รถToyota Yaris สีฟ้าที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์ มีร่างของบุคคลสองคนยืนอยู่ข้างๆ รถคันนั้น ร่างหนึ่งสูงใหญ่ อีกร่างหนึ่งโปร่งระหงในชุดสีขาวสะอาดตาตัดกับผมสีดำสนิทที่ถูกรวบเป็นจุกเล็กๆ ที่ท้ายทอยขาวนวลละเอียด




    .....อี  ทงเฮ  กับชเว  ซีวอน ทั้งสองกำลังยืนพูดคุยกัน  บนไหล่ของซีวอนสะพายกระเป๋ากล้องสีดำไว้  ก่อนที่มือเรียวของชายหนุ่มร่างสูงทำท่าจะเปิดประตูรถให้ทงเฮ  ลักษณะของร่างบางดูสดใส แต่แก้มยังมีสีแดงระเรื่อ อาจจะเป็นเพราะพิษไข้จากเมื่อคืนที่ยังคงหลงเหลืออยู่....




    คิบอมหรี่ตามองดูเงียบๆ ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปสกัดทันก่อนที่ทงเฮจะก้าวขึ้นรถ ทั้งคู่ชะงักเมื่อเห็นคิบอมมายืนขวางไว้  ทงเฮพึมพำออกมาเบาๆ




    “คิบอม”




    “จะพากันไปไหน?”




    เสียงของชายหนุ่มห้าวห้วน  หรี่ตามองทั้งคู่สลับไปมา  ทงเฮอึกอัก หมุนซ้ายหมุนขวา เก้ๆ กังๆ อยู่ครู่หนึ่งก็หันมาสบตาคมดุของพี่เลี้ยงหนุ่ม  บอกเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ...




    “ทงเฮจะออกไปข้างนอกกับซีวอน”




    มือเรียวจับแขนของซีวอนผู้ที่ยืนเงียบสงบอยู่ข้างๆ  คิบอมจึงเปลี่ยนเป้าหมายหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มตาเขม็ง ชเว  ซีวอนยิ้มแห้งแล้ง  นึกขยาดสายตาคมจัดดุดันคู่นั้น  ที่จ้องมองราวกับจะจับผิดประหนึ่งตัวเขาเป็นผู้ต้องหากำลังจะพานักโทษหนี ก่อนที่จะปั้นหน้าใจดีสู้เสือตอบออกไปด้วยเสียงนุ่มนวลรื่นหู




    “คือฉันจะพาทงเฮออกไปถ่ายรูปแถวๆ ชานเมืองหน่อยนะ ไม่ต้องห่วงหรอก เย็นๆ ไม่เกินสี่โมงฉันก็จะพาเขากลับ หวังว่านายคงไม่โกรธนะ ที่ฉันพาทงเฮออกไปแบบนี้”




    คิบอมถอนหายใจเล็กน้อย  หันมามองทงเฮ ร่างบางก้มหน้างุดมองปลายเท้าของตน  ไม่กล้าเงยสบสายตาตรงๆ คมจัดของบุรุษผู้นี้ สายตาที่ดูจะซอกแซกเข้าไปถึงหัวใจ
    วินาทีต่อมา  ทงเฮก็ต้องเงยหน้าขึ้นแปลกใจ  เมื่อสัมผัสถึงความนุ่มของผืนผ้า  คิบอมกำลังวางเสื้อกันหนาวสีเข้มตัวหนาลงบนไหล่บางทั้งสองของเขา  ดวงตาสองคู่สบประสานกันโดยไม่ตั้งใจ  แววตาดูเหมือนห่วงใยฉาบทั่วทำให้ร่างบางใจสั่น




    “ดูแลตัวเองด้วยล่ะ นายยังมีไข้อยู่”




    กระแสเสียงอ่อนนุ่มเต็มเปี่ยมความเป็นห่วงที่ลอยเข้ามาในหู  เล่นเอาใจของทงเฮพองโตแน่นคับอก  แทบจะหยุดหายใจให้กับความห่วงใยที่อีกคนหยิบยื่นให้...ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับ....ก่อนที่วินาทีถัดมา  ความรู้สึกห่อเหี่ยวจะเข้ามาแทนที่ เหมือนถูกฉุดให้ตกจากสวรรค์ เมื่อเสียงทุ้มพูดต่อไปว่า...




    “ขืนนายเป็นหนัก พี่ฮีซอลได้บ่นฉันตายเรื่องไม่ยอมดูแลนาย ยิ่งขี้เกียจฟังอยู่”




    ร่างบางหรุบเปลือกตาลงต่ำ  สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ดวงตาคู่งามแอบสั่นระริกและคลอรื้นด้วยหยาดน้ำตาแห่งความน้อยใจ  มือเรียวกำเสื้อกันหนาวของอีกคนแน่น  ถึงมันจะตัวใหญ่และอบอุ่นเพียงใด  แต่ทงเฮกลับรู้สึกอึดอัดและเหน็บหนาวไปจนถึงขั้วหัวใจ...ปวดหนึบไปทั้งอก เมื่อรู้ถึงที่มาของความห่วงใยที่คิบอมยื่นให้...



    ความห่วงใยของซีวอนที่มีให้เขานั้นมาจากใจ.....แต่ คิบอม  ความห่วงใยมาจากหน้าที่ที่ต้องพึ่งกระทำ




    แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องการความห่วงใยจากผู้ชายที่ชื่อ คิม  คิบอมที่มาจากใจจริง  แม้เพียงเศษเสี้ยวก็ยังดี...




    “ฝากด้วยแล้วกัน”




    คิบอมหันไปบอกคนร่างสูงข้างๆ ทงเฮ  ซีวอนพยักหน้ารับคำเป็นมั่นว่าจะดูแลทงเฮให้ดี  คิม  คิบอมจึงหันหลังเดินขึ้นบันไดหินอ่อนหน้าคฤหาสน์ไป ....ซีวอนมองแววตาของร่างเล็กที่ทอดมองชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้าไปในตัวบ้าน  



    แววตาที่นำพาความรู้สึกบางอย่างจู่โจมเข้ามาจับหัวใจ  ชเว  ซีวอนภาวนาให้สิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา  เพราะกระแสความรู้สึกที่จับได้ในดวงตากลมโตคู่นั้น  เป็นความรู้สึกเดียวกับแววตาที่เขามองทงเฮอยู่ในตอนนี้...




    ..................
    ..........................
    ...................................




    ระหว่างทางที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดบ้านตรงไปยังห้องนอนของตน  คิบอมมีอันต้องชะงักฝีเท้า เมื่อสายตาดันเหลือบเห็นร่างบอบบางของ อี  ฮยอกแจยืนทอดอารมณ์อยู่สวนข้างบ้านเพียงลำพัง  ชายหนุ่มแอบยิ้มกับตัวเองจางๆ




    ร่างบางของชายหนุ่มเจ้าของบ้านยืนพิงเสาของศาลาสีขาวหลังเล็กๆ  ที่ตั้งอยู่กลางสวน   เหม่อมองท้องฟ้าที่อยู่เบื้องบนด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายใน  บุหรี่ในมือถูกอัดเข้าปอดแรงๆ ควันสีขาวลอยโขมงรอบตัว  เขาก้มลง  มองม้วนบุหรี่ที่คีบอยู่ในระหว่างนิ้วของตน





    ‘นี้แกสูบบุหรี่รึฮยอกแจ แกหัดทำตัวเลวๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรฮะ’





    “ฉันไม่ยักกะรู้ว่านายสูบบุหรี่ด้วย”




    เสียงทักทำให้ฮยอกแจหลุดจากภวังค์ของความคิดในอดีต   ฮยอกแจหันศีรษะไปตามเสียงพูดของคนที่ยืนมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ตัว  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดแขนยาวลายทางขาวดำ  กางเกงยีนต์ขายาวสีหม่นๆ  ใบหน้าคมเข้มของเขากำลังจับจ้องมองมายังตัวเขาด้วยนัยน์ตาคมเรียวเล็ก  มันฉาบแววประหลาดใจ ฮยอกแจถอนหายใจเฮือก  ยกมือขึ้นกอดอก  จับจ้องมองใบหน้าคมของคิบอม  สีหน้าและแววตาเอาเรื่อง...




    “ฉันจะสูบหรือไม่สูบมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย คิม คิบอม”




    “ก็ไม่หรอก ฉันก็แค่แปลกใจ ไม่คิดว่า....”




    “ฉันไม่ใช่คนดีอย่างที่นายคิดหรอกนะ”




    ฮยอกแจชิงตัดบทเสียก่อนที่คิม คิบอมจะพูดจบ  จ้องมองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มมุมปาก คิบอมชะงักไปชั่วครู่ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอ้างว้างเดียวดายที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มและหน่วยตานั้น แอบแฝงความเจ็บปวดแสนสาหัส ความวูบโหวงในอกแล่นเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว....




    “ฮยอกแจ”




    ร่างสูงเปรยพึมพำเรียกชื่อคนตรงหน้า  สายตาคมหรุบมองที่ซอกคอขาวที่มีรอยแดงจุดใหญ่  ที่บัดนี้เริ่มจางลงไปมาก ฮยอกแจใส่เสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ซึ่งเป็นสีที่เขาเห็นร่างบางใส่เป็นประจำ  ปลดกระดุมลงมาเผยรอยนั้นให้เห็น  คิบอมอยากจะเอ่ยปากถามว่านั้นเป็นฝีมือของใคร?...แต่ก็ยับยั้งชั่งใจไว้  ฮยอกแจไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัว....




    ฮยอกแจยกบุหรี่อัดเข้าปอดติดๆ กัน ควันโขมง  จนคิบอมกลัวว่าร่างบางจะสำลักควันเหล่านั้น  มันลอยไปตามสายลมที่พัดกรูเข้ามาจนผมสีดำกระจาย  บางส่วนคลอเคลียแก้มขาว ดวงตากลมเรียวของร่างบางแห้งผากและหรุบต่ำ  บ่งบอกถึงอารมณ์เจ็บปวดที่ซ่อนลึกอยู่ในดวงใจ  เหมือนของมีคมปักลงตรงๆที่ขั้วใจแล้วกรีดค้างไว้ให้ทรมาน เจ็บปวดไม่แพ้กัน....คิบอมอยากรู้ว่าใครกันที่ทำให้กลีบของกุหลาบป่าแสนงามชอกช้ำได้ถึงเพียงนี้




    บุหรี่ในมือที่เพิ่งจะหมดไปเพียงเล็กน้อยถูกฉวยออกไป  ฮยอกแจหันศีรษะไปตามเสียงพูดของคนที่คว้าบุหรี่ในระหว่างนิ้วของเขาไปอย่างถือวิสาสะ ร่างบางหรี่ตาลงไม่พอใจ คิบอมจัดการดับเปลวเพลิงสีแดงของสารนิโคตินในมือด้วยการขยี้มันกับที่เขี่ยบุหรี่เล็กๆ  ก่อนที่จะเงยหน้าสบนัยน์ตาเรียวเล็กด้วยสายตาห่วงใย




    “อย่าสูบเลย เสียสุขภาพปอดเปล่าๆ”





    'สูบบุหรี่ไม่ดีหรอกนะฮยอกแจ อย่าสูบเลย เราเป็นห่วง'





    คำพูดของคิบอมทำเอาแววตาที่แข็งกร้าววูบอ่อนแสงลงทันที  ร่างกายเหมือนจะอ่อนปวกเปียก  หวนนึกถึงใบหน้า แววตา รวมถึงถ้อยคำของคนๆ หนึ่งที่เคยพูดประโยคคล้ายๆ กันนี้กับเขาในอดีต  หัวใจเหมือนถูกกระแสไฟฟ้ากระตุ้นให้ปวดแปลบ ร่างบางเผลอกำมือ เม้นริมฝีปากแน่นจนเกร็งสะท้านไปทั่วร่าง....เหตุการณ์ในห้องนั่งเล่นที่เขาบังเอิญไปเห็นลอยเข้ามาในหัวแบบไม่ตั้งใจ...




    เขาก้าวเข้าไป  คิบอมสะดุ้งตกใจเมื่อมือเรียวนั้นเอื้อมมากระชากคอเสื้อเขา  ฮยอกแจจ้องตาเขม็ง  ความไม่พอใจกระจายไปทั่วใบหน้าหวานที่บึ้งตึง  กดเสียงลงต่ำเมื่อกล่าวออกไปว่า...




    “ถึงฉันจะอนุญาตให้นายมาดูแลทงเฮ แต่นายก็ไม่มีสิทธิมายุ่งย่ามกับชีวิตของฉัน คิม  คิบอม”




    “ฮยอกแจ แต่ฉัน....”




    “ไม่ต้องมาเป็นห่วง ฉันไม่ต้องการความห่วงใยจากใครทั้งนั้น จำไว้!!!!”




    กล่าวจบ ฮยอกแจก็ผละจากคิบอมไปอย่างไม่ใยดีแล้วหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน  ร่างโปร่งระหงเดินห่างเขาออกไปทุกที ชายหนุ่มมองจนแผ่นหลังบางนั้นลับสายตา  คิบอมระบายลมหายใจออกมาแรงๆ  ความรู้สึกเหมือนเห็นกำแพงกระจกบางๆ กั้นระหว่างเขากับร่างบางไว้  กระจกที่หนาเพียงไม่กี่มิล...แต่กลับแข็งแกร่งจนยากที่จะทำลาย 
     



    “ฉันต้องทำยังไง นายถึงจะยอมเปิดใจให้ฉันสักที ฮยอกแจ”




    .............
    .....................
    .................................




    ปล้ำลิง ขอบคุณอันจัง  สำหรับแบนเนอร์ฟิกสวยๆ เรื่องนี้ (ถ้าเราทำ สามชาติมั้งถึงจะเสร็จ)  แทงยูมากๆ แล้วคราวหลังจะไปรบกวนใหม่น้า...


    คุยกันหลังฉาก


    สำหรับเรื่องนี้  ต่อไปหลังจากนี้ไรเตอร์จะขอลงครั้งละห้าสิบเปอร์เซ็นต์นะค่ะ (ทั้งๆ ที่เคยสัญญาว่าจะลงให้ครบร้อยแล้วแท้ๆ ) เนื่องจากถ้ารอให้ครบร้อยคงนานมากกกกก เพราะไรเตอร์ต้องแต่ง(สด) ไป  เรียนไปด้วย (ปกติไรเตอร์จะมีสำรองไว้ลงแล้ว แต่งไว้ตอนปิดเทอม) ต้องขออภัยรีดเดอร์ทุกท่านด้วยที่ต้องผิดสัญญา  เอาล่ะ  มาช้าก็ดีกว่าไม่มาว่าไหมค่ะ เหอๆๆๆ
     

    ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน่ะ  อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องก่อน....(เกาะขารีดเดอร์ทั้งหลายไว้)

    ปล้ำลิงอีกรอบ  มีความผิดพลาดในการลงครั้งแรก  ต้องขออภัย  ไม่ได้เช็ค....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×