ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

    ลำดับตอนที่ #6 : A Drop of Tears Vol 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.37K
      4
      6 ธ.ค. 52

    Vol 6





    แสงตะวันลับขอบฟ้า เวลาของราตรีกาลจึงได้ปรากฏขึ้น  ที่สวนหน้าบ้านกว้างใหญ่สมบูรณ์ด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ดอกไม้หลายสีปลูกสลับกันไปเป็นระเบียบ  มีน้ำพุหินอ่อนเล็กๆ ตั้งอยู่กลางสวนสีเขียวนั้น  โคมไฟที่อยู่ตามสองข้างทางเดินเข้าตัวคฤหาสน์สีขาวเปิดแสงสว่างปรากฏให้เห็นเงาของสวนสวยที่ตกอยู่รัตติกาลให้ปรากฏเป็นเงาลางๆ ที่ขวางทางรัศมีแสงไฟ  บนเก้าอี้ไม้ตัวยาวข้างทางเดินนั้น ถูกร่างสูงของ  คิม  คิบอม จับจ้องนั่งอยู่  ชายหนุ่มนั่งพิงพนัก จ้องมองพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวบนท้องฟ้าสีนิล

     

    ‘ถ้าแกไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณฉันละก็ แกต้องไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงหนูทงเฮคนไข้ของพี่แกเป็นเวลาหนึ่งปี ถ้าแกทำได้ ทุกอย่างถือว่าเป็นโมฆะ’



    ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจแรงๆ ระบายความอึดอัดในใจ เพราะเงื่อนไขที่ผู้เป็นพ่อ  ชายหนุ่มผู้อำนวยการโรงพยาบาลยองคิม....ยื่นให้ทำให้เขาต้องมานั่งมองท้องฟ้าที่คฤหาสน์หลังใหญ่ได้สามเดือนแล้ว  แปลกใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมรับเงื่อนไขนี้   ไม่เข้าใจตัวเอง....อาจเป็นเพราะไม่อยากจะเป็นหนี้บุญคุณใครฟรีๆ โดยเฉพาะกับคนที่เกลียดชัง...



    และเมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนไข้ของพี่ชายหน้าสวย คิม  ฮีซอล ที่เขาต้องให้การดูแลในคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้  คิม  คิบอมก็ตระหนักถึงความอ่อนแอและความอ่อนไหวของชายหนุ่มร่างบาง ‘อี ทงเฮ’ ว่ามันหนักหนาขนาดไหน แค่เขาขึ้นเสียงดังเพียงนิดเดียวหรือต่อว่าอะไรเล็กๆ น้อยๆ ร่างบางก็จะสะดุ้งเฮือก ตัวสั่นสะท้านเหมือนคนจับไข้ ก้มหน้างุด น้ำตาหยดลงพร่างพรู... 



    คิม  คิบอม เกลียดคนอ่อนแอ อ่อนไหว และเจ้าน้ำตาชนิดเข้ากระดูกดำ   แค่คิดว่าจะต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคากับคนที่เกลียดจับจิตไปถึงหนึ่งปีเต็ม  ไม่แคล้วว่าพี่เลี้ยงจำเป็นอย่างเขาคงจะได้กรอกพาราแก้ปวดหัวจนหมดโรงพยาบาลแน่....




    คิบอมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  มองไปที่ถนนหน้าบ้าน พลันนึกถึงวันแรกที่เขาเจอกับ อี  ฮยอกแจ....




    “นายเป็นใคร?” ฮยอกแจที่ก้าวลงรถสีดำคันหรูราคาหลายล้านที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์ พร้อมกับตัวเขาที่กลับมาจากการเดินเล่นระบายอารมณ์เซ็งจัดที่ถูกพี่ชายส่งมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงคนไข้ที่แสนอ่อนแอ และเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของผู้เป็นพ่อที่ให้การช่วยเหลือ...บุญคุณที่เขาไม่อยากจะได้รับจากผู้ชายที่เขาต้องเรียกว่า ’พ่อ’ นัก...




    ‘คงจะเป็นพี่ชายฝาแฝดที่ชื่อ ฮยอกแจสินะ ‘ตอนนั้นคิบอมบอกตัวเองในใจ นึกถึงคำพูดของซียอง แม่บ้านคนเก่าคนแก่ว่าคุณหนูทงเฮมีพี่ชายฝาแฝดด้วย นัยน์ตาคมพิจารณาใบหน้าขาวนั้น และบอกตัวเองอีกครั้งว่า สองคนนี้น่าจะเรียกว่าพี่น้องมากกว่าฝาแฝดเสียอีก เพราะใบหน้าไม่มีส่วนไหนเหมือนกันเลย คงเป็นแฝดคนล่ะฝา...




    ร่างบางมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า  สายตามีแววเยือกเย็น  สอดแทรกความไม่ไว้วางใจ ท่าทางยืนก็ดูจะเอาเรื่องไม่น้อย คิ้วเรียวขมวดกันให้ยุ่ง  คิบอมนึกขำสายตาคู่นั้น มันช่างแตกต่างจากสายตาผู้เป็นน้องชายลิบลับ....




    “ฉันคิม  คิบอม  ถูกส่งมาเพื่อดูแลน้องชายตามคำสั่งของคุณหมอคิม  ฮีซอล” คำตอบของคิบอม ทำเอาฮยอกต้องหัวเราะเสียงขึ้นจมูก  สีหน้าหวานฉาบแววความเบื่อหน่ายกับประโยคเหล่านั้นเต็มทน




    “ทงเฮนี้ดีเนอะ มีแต่คนรัก มีแต่คนอยากดูแลเอาใจใส่กันทั้งนั้น ขอบอกไว้ก่อนนะ คิม คิบอม ฉันไม่มีค่าจ้างให้หรอก เพราะฉันไม่ได้เป็นคนจ้างนายมา ห้ามมาเรียกร้องเอาเสียล่ะ”




    “ไม่เป็นไร เพราะฉันก็ไม่ได้เต็มใจอยากจะมาดูแลนัก”




    เขาพูดออกไปแบบนั้น  แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจ  ก้าวเดินขึ้นไปในตัวบ้าน  แล้วจู่ๆ  ก็หันหลังกลับมามองคิบอมที่เดินตาม...ฮยอกแจขยับเข้ามาใกล้  ริมฝีปากที่เรียบตึงขยับเป็นคำพูดว่า...





    “ฉันหวังว่านายคงจะทำหน้าของตัวเองให้ดีที่สุดแล้วกัน แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม”





    คิบอมมองตามร่างบางที่เดินเข้าบ้าน  น้ำเสียงเย็นชากับท่าทีที่เฉยเมยนั้นช่างขัดกับประโยคคำพูดยิ่งนัก




    คิบอมยิ้มขำให้กับตนเอง  ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจอย่างเงียบๆ  วินาทีแรกที่สบตากัน เหมือนมีกระแสไฟแล่นกระจายไปทั่วร่าง  ดวงตาเรียวเล็กเหมือนมีเวทมนต์สะกดให้คนมองต้องมนต์แล้วหลงเข้าไปในนั้น  จิตใจที่มั่นคงเกิดอาการหวั่นไหวให้กับคนที่เพิ่งจะพบหน้าได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ...





    “ดูท่าทางฉันจะสนใจนายขึ้นมาเสียแล้วสิ อี ฮยอกแจ”






    บรืน!!!!






    เสียงแล่นเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นจากด้านหลัง คิบอมหันไปมองอย่างรวดเร็ว ก็เห็นหน้ารถบีเอ็มดับเบิลยูซี่รีย์สามแล่นเข้ามา ริมฝีปากบางจุดยิ้มออกมาอย่างชื่นมื่น  มองตามรถสีดำคันหรูราคาหลายล้านจอดลงหน้าคฤหาสน์และดับเครื่องสนิท  



    พร้อมกัน ประตูทางฝั่งคนขับก็เปิดออก ร่างโปร่งระหงส์ผอมบางในชุดสูทสีเข้มราคาแพง ผมยาวสีดำขลับ ใบหน้าเรียวหวานขาวสะอาด ตัดกับริมฝีปากอิ่มแดงสด  ดวงตาเรียวเล็กสีดำใต้ขนตาเป็นแพงอน  คิ้วเรียวดกได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ก้าวเดินออกมา




    “เอารถฉันไปเก็บด้วย”




    ฮยอกแจโยนกุญแจรถให้กับดงโฮคนขับรถที่วิ่งตามมา  ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่ง  ก่อนที่จะจัดการนำรถไปเก็บในโรงรถตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย  ร่างบางหันกลับมาก็พบใบหน้าของคิม  คิบอมที่ก้าวเข้ามาหา



    “นายออกมาทำอะไรหน้าบ้านฉัน?” ฮยอกแจถามเสียงห้วนจัด สายตามีแววเยือกเย็นหรี่มองชายหนุ่มเล็กน้อย สีหน้าเรียบตึง คิบอมถอนหายใจ 



    “ฉันออกมาเดินเล่น” เขาบอก ลอบมองใบหน้าหวานของฮยอกแจ มันขาวซีดจนน่าตกใจ คิบอมใจหายวาบขึ้นมา มือเรียวเผลอยกประคองใบหน้าเรียวนั้นขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ อย่างลืมตัว ถามเสียงห่วงหาอาทร




    “นาย หน้าซีดมากเลย เป็นอะไร?”




    อี  ฮยอกแจปัดมือใหญ่นั้นออกอย่างไร้เยื่อใย  ขุ่นเคือง เขาไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเวทนา ร่างบางจ้องมองคิบอมตาเขม็ง  ชายหนุ่มผู้หวังดีถึงกับผงะเล็กน้อย





    “ไม่ต้องมายุ่ง!!!”





    ร่างบางหมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังตัวบ้าน  คิบอมมองตามร่างของฮยอกแจในชุดสูทสีเข้มจนลับสายตาไป แล้วก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ อีกครั้ง  ยกมือคลึงขมับ เหนื่อยและท้อใจกับความเฉยชาของฮยอกแจ  ร่างบางยังคงรักษาตัวรักษาใจไว้ดั้งเดิมเช่นวันแรกที่รู้จักกัน  ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมเปิดช่องว่างในใจให้เขาก้าวเข้าไปได้เลย... 





    ...............
    ..........................
    ..................................





    เสื้อสูทตัวนอกสีเข้มถูกเหวี่ยงพาดลงแบบส่งๆ บนเก้าอี้  เน็คไทรูดลงมาครึ่งหนึ่ง  กระดุมของเสื้อเชิ้ตสีดำเม็ดบนถูกปลดออกสองเม็ด  เผยให้เห็นแผ่นอกขาวนวลเนียน  ฮยอกแจเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหยิบชุดนอนออกมา  พลันสายตาก็เหลือบไปมองกระจกบานใหญ่ที่ฝังติดประตูตู้อีกฝั่ง  มันส่องสะท้อนให้เขาเห็นรอยแดงจุดใหญ่ที่เด่นชัดบนต้นคอ  



    ร่างบางเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง  มือเรียวสัมผัสรอยนั้นแผ่วเบา  ความเจ็บและจุกก่อตัวข้างในอก เมื่อนึกถึงคำพูดของคนที่ฝากร่องรอยที่รุนแรงนี้ไว้  เพียงแค่นั้นก็น้ำตาซึม 




    “จูบ สำหรับนายไม่ได้มีความหมายว่ารัก มันก็คือบทลงโทษของความเกลียดชังต่างหาก ลี ฮยอกแจ”





    “ฉันเกลียดนาย”





    เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น เรียกให้ฝ่ามือเรียวของฮยอกแจต้องรีบยกขึ้นปาดใต้ดวงตาเป็นการด่วน  สูดลมหายใจแรงๆ พร้อมปั้นหน้าเคร่งขรึม  เขาหันไปมองก็เห็นว่าคนที่เข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูก่อนก็คือ  น้องชายฝาแฝดของตน  อี  ทงเฮ...



    ทงเฮที่วันนี้อยู่ในชุดนอนสีฟ้าลายปลาการ์ตูนดูน่ารักเหมือนเด็กๆ ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูนั้น  สีหน้าลอกแลกและมีความหวาดกลัวนิดๆ  มือเรียวกำลังถือถาดไม้ที่มีถ้วยเซรามิกสีขาวและแก้วน้ำใบโต กลิ่นหอมของข้าวต้มไก่ลอยฟุ้งออกมาพร้อมควันสีขาวอ้อยอิ่ง....




    “มีธุระอะไร อีกอย่างเข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตแบบนี้ ไม่มีมารยาท” ฮยอกแจพูดขึ้นเสียงหงุดหงิดและเย็นชา รูดเน็คไทออกพาดไว้กับเสื้อนอก ทงเฮเม้มริมฝีปากแน่น สะอึกกับคำพูดของพี่ชายที่จงใจว่ากล่าว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนฮยอกแจไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้ วาบหัวใจ....ร่างบางก้มหน้านิ่ง รวบรวมความกล้ายกใหญ่ กลืนน้ำลงคออันแห้งผากแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอันเบาหวิวว่า




    “ทงเฮเอาข้าวต้มมาให้พี่ฮยอกแจฮะ เมื่อกี้พี่ซองมินโทรมาบอกว่าพี่ฮยอกแจยังไม่ได้ทานข้าวเย็น”




    ฮยอกแจถอนหายใจยาว  นึกสถบว่าเลขาของตนเบาๆ  “แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ อี ซองมิน”




    “ถ้างั้นเดี๋ยวทงเฮวางไว้บนเตียงให้นะฮะ”




    เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ  ทงเฮจึงพูดขึ้นตัดบท  ร่างบางค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามา  จรดฝีเท้าให้เบาที่สุด...กลัวเจ้าของห้องจะนึกรำคาญแล้วไล่เขาออกไปอีก...มือเรียวที่ประคองถาดสั่นเทา  ได้ยินเสียงแก้วกับชามกระทบกันดังกึกๆ  แต่ก่อนที่มันจะถูกวางลงบนเตียงสีเข้ม ถาดไม้ในมือบางที่สั่นเทาก็ถูกฉกฉวยออกไป ฮยอกแจคว้ามันมาถือไว้เอง 




    “ไม่ต้อง ฉันทำเอง มือสั่นขนาดนี้เกิดมันหกรดที่นอนฉัน เดี๋ยวมดได้พากันแห่มาตอม พาลจะทำให้ฉันนอนไม่ได้พอดี”




    ทงเฮเงยหน้ามองสบสายตาคู่นั้นที่เหมือนจะอ่อนแสงลง มือเรียวที่ดึงถาดออกจากมือตนก็นุ่มนวลไม่รุนแรง คำพูดประชดประชันนั้นก็เช่นกัน  ก่อนที่จะไปสะดุดกับรอยแดงๆ จุดใหญ่ที่ต้นคอของผู้เป็นพี่ชาย  ร่างบางชะงักกึก สำรวจด้วยสายตาก็นึกตกใจกลัว  เพราะรอยนั้นเป็นสีแดงช้ำจนเกือบจะเป็นกลายเป็นสีม่วง  ไม่ต้องคิดเลยว่าคนที่โดนจะรู้สึกเจ็บขนาดไหน...




    “พี่ฮยอกแจ”




    “มีอะไร?” คนเป็นพี่ถามเสียงห้วนจัด




    “พี่ฮยอกแจนี้มันรอยอะไรนะฮะ ช้ำดูน่ากลัวจัง พี่ฮยอกแจไปโดนอะไรมาฮะ?”




    ฮยอกแจรีบยกมือขึ้นมาปกปิดรอยแดง ๆ ที่ลำคอของตนไว้  ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะจุดยิ้มพรายออกมาอย่างเจ้าเล่ห์  ปลายนิ้วเรียวเชิดคางมนของน้องชายที่ยังตีสีหน้างงๆ อยู่  พร้อมทั้งโน้มตัวไปข้างหน้า กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูนิ่มนั้น





    “ถ้าอยากรู้ว่านี้รอยอะไร ก็ไปถามชเว ซีวอน พ่อองค์รักษ์ที่แสนดีของนายเองสิ ทงเฮ”





    .............
    ..........................
    ...................................



    รถสีฟ้าขนาดกะทัดรัดแล่นเข้ามาจอดในคฤหาสน์ยามสายของวันหยุดสุดสัปดาห์  ซีวอนเปิดประตูรถลงมาพร้อมกับถุงขนมจำนวนหนึ่งที่บางครั้งเขาจะแวะเอามาฝากซียองและคนอื่นๆ  สาวใช้นางหนึ่งที่กำลังทำความสะอาดบ้านยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ชายหนุ่มแขกคนประจำของที่นี้




    “สวัสดีค่ะ คุณซีวอน วันนี้มาแต่วันเลยนะค่ะ” เธอกล่าวทักทายคุ้นเคย ซีวอนยิ้มอวดรอยบุ๋มที่แก้ม ยื่นถุงขนมให้เธอ



    “พอดีวันนี้เป็นวันหยุดนะครับ เอ่อนี้ ผมซื้อมาฝากทุกคนนะครับ เจ้านี้อร่อย”



    “ขอบคุณมากค่ะ”



    “แล้วทงเฮล่ะครับ?” ซีวอนถมหาคนที่ทำให้เขาต้องแวะเวียนมาที่คฤหาสน์ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง สอดสายตามองไปทั่ว สาวใช้ยิ้มอย่างรู้จุดประสงค์ที่แท้จริง




    “คุณหนูทงเฮอยู่ที่ศาลาสวนข้างบ้านค่ะ “





    ......................





    “ทงเฮ!!!” 



    ซีวอนตะโกนเรียกคนที่นั่งอยู่ในศาลาสีขาวทรงโดมหลังเล็กๆ ร่ายล้อมด้วยเต็มไปด้วยช่อสีม่วงของดอกไลแลค กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาตามสายลมที่พัดมา ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาร่างเล็กๆ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สลักลายลายชดช้อย ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วฉีกยิ้มหวานปนเท่ห์ให้



    “ทำนั่งอะไรตรงนี้ทงเฮ แล้วทานข้าวเช้ากับยาหรือยัง?”



    เสียงทุ้มเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย  ทงเฮเหลือบสายขึ้นมาบุรุษที่นั่งอยู่ฟังตรงข้ามแล้วก็นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น  ไม่พูดอะไรออกมา  ซีวอนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีเย็นชาแบบนั้น  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันนึกสงสัย



    “ไม่สบายหรือ สีหน้าดูไม่ดีเลย?”
    เอื้อมมือจะไปแตะหน้าผากมนนั้น  แต่ก็ถูกปัดออกเสียกระเด็น  ซีวอนนิ่งอึ่งไปชั่วขณะด้วยความตกใจ  ทงเฮคนน่ารักและอ่อนหวานไม่เคยแสดงกิริยาแบบนี้กับเขาแม้แต่น้อย...เกิดอะไรขึ้น?




    ร่างบางจ้องมองซีวอนด้วยแววตาของความโกรธแค้น แล้วโพล่งออกมาเสียงดังว่า




    “ซีวอนใจร้าย!!! ทำไมต้องทำร้ายพี่ฮยอกแจรุนแรงขนาดนั้นด้วย!!!!”




    คิ้วเข้มเลิกสูง  ไม่เข้าใจทั้งคำพูดและท่าทีที่ทงเฮแสดงออกมาแม้แต่น้อย งุนงงสับสนระคนตกใจและแปลกใจเป็นอย่างเป็นอย่างมาก  ที่เห็นคนอ่อนแอ ใจเย็นและร่าเริงสดใสอย่าง  อี  ทงเฮ  ฟิวส์ขาดได้ขนาดนี้...




    “เราไปทำอะไร?”




    ทงเฮหงุดหงิดขึ้นมาฉับพลันที่เห็นสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนนั่น ความครุกกรุ่นไต่ระดับไปจนถึงขีดสุด  ร่างบางผุดลงขึ้นยืนเต็มความสูง  ตวาดเสียงแข็ง 



    “ทงเฮรู้ว่าซีวอนเกลียดพี่ฮยอกแจขนาดไหน แต่ทำไมต้องบีบคอพี่ฮยอกแจจนเป็นรอยเขียวช้ำขนาดนี้!!”



    “รอยช้ำที่คอ?” 



    ซีวอนทวนคำ  คิ้วเข้มนั้นขมวดเข้าหากันจนพันยุ่งไปหมด  นึกถึงรอยที่คอของฮยอกแจตามที่ทงเฮพูดขึ้น  แล้วก็สะดุดกึก หัวใจแทบจะหยุดเต้น  เมื่อหวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องประธานบริหารของโรงแรมแกรนด์เอเซีย ในวันที่เขาไปทำงานถ่ายภาพ...ร่องรอยที่เขาฝากฝังไว้ที่ซอกคอขาวจากแรงโทสะและความเกลียดชัง  หรือความลุ่มหลงกันแน่..



    ไม่คิดว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง  ฮยอกแจใช้มันเล่นงานเขาให้จนมุม...จงใจทำให้ทงเฮโกรธเกลียดชังเขา  ...ร้ายกาจ...ชายหนุ่มกำหมัดแน่น  คิดแล้วก็พาลโกรธไปถึงตัวต้นเหตุ  อี  ฮยอกแจ...



    “ทงเฮ ...ฟังนะ..ความจริงแล้ว...เรา...เรา...” 




    ชายหนุ่มตะกุกตะกักพูดแทบไม่เป็นประโยค ลิ้นพันกันชั่วคราว คิดหาคำแก้ตัวไม่ออก คำพูดที่เตรียมจะหลุดออกมาถูกกลืนหาเข้าไปในลำคอ ซีวอนจึงตัดสินใจนิ่งเงียบ หรุบเปลือกตาลงต่ำ  และนั่นก็เหมือนเชื้อเพลิงที่ถูกเติมลงไปในกองเพลิงพิโรธให้โหมกระหน่ำรุนแรงยิ่งขึ้น 


    ดวงตากลมหวานนั้นวาวโรจน์และสั่นระริก...โกรธ....โกรธเหลือเกินที่เพื่อนสนิทที่เขารักและไว้ใจที่สุดทำร้ายพี่ชายที่รักของเขาเสียจนเกิดบาดแผล...ริมฝีปากบางเม้มสนิท  น้ำตาร่วงพรูออกมาจากหน่วยตาร้อนผ่าว...




    “อึก...คนใจร้าย ทงเฮเกลียดซีวอนที่เป็นแบบนี้ที่สุดเลย!!!!!”




    สิ้นเสียงตะโกนลั่นประหนึ่งคนขาดสติ  ร่างบอบางของทงเฮก็สะบัดปราดเข้าไปในตัวบ้าน  ซีวอนรีบลุกขึ้น  กระวีกระวาดวิ่งตามร่างบางไป




    “ทงเฮ เดี๋ยวก่อน ทงเฮ!!!




    ..............
    ....................
    ..............................




    “ทงเฮ เราอธิบายเรื่องนี้ได้นะ”



    ซีวอนคว้าแขนเพรียวบางผายผอมไว้ได้ทันก่อนที่อีกคนจะวิ่งหนีขึ้นบันไดบ้าน  ทงเฮหลิ่วสายตามองมือที่คว้าแขนเขาไว้  ร่างบางสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม อาจเป็นเพราะกลัวร่างบางเจ็บหรือไม่มีเรี่ยวแรงจะจับก็ไม่รู้  ทำให้ทงเฮหลุดพ้นได้อย่างง่ายดาย  ร่างบางจ้องมองใบหน้าหล่อเข้มของซีวอนด้วยนัยน์ตาขุ่นเคือง แก้มขาวใสเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา  ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า  เจ็บปวดในใจลึกๆ ที่เห็นน้ำตาของทงเฮที่เกิดขึ้นจากฝีมือของเขา...
     


    “ทงเฮไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ทงเฮเกลียดคนใจร้าย เกลียดคนใจร้ายที่สุด!!อึก!!”



    อาการหอบที่เป็นกำเริบขึ้นฉับพลัน  ทงเฮทรุดลงไปนั่งกุมคอเสื้อของตนพลางส่งเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรง  ทรมาน เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามใบหน้าเรียวนวลเป็นจำนวนมาก  ซีวอนหน้าตื่น  เขาถลันไปประคองร่างบอบบางนั้น แต่ก็ถูกมือเรียวนั้นปัดออกมาอย่างไม่ใยดี 



    “อย่า...มา...อึก...จับ...ตัว...ทงเฮนะ...ป้าซียอง!!!!”



    ร่างบางออกแรงตะโกนเรียกแม่บ้านประจำคฤหาสน์  ไม่ถึงอึดใจร่างอวบอ้วนของหญิงสาวในชุดเมดสีน้ำเงินก็วิ่งมาอย่างรวดเร็ว  เธออุทานด้วยความตกใจ  แล้วรีบไปประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกและหอบอย่างรุนแรง สีหน้าร้อนรน




    “เกิดอะไรขึ้น? เสียงดังไปถึงข้างนอก”




    สุ่มเสียงทุ้มดังขึ้นที่ประตูคฤหาสน์   ในเวลาต่อมาก็ปรากฏเรือนร่างของคิม คิบอมเดินเข้ามา  ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเพิ่งกลับมาจากการทำธุระส่วนตัวข้างนอก เขาหันไปมองสบตากับซีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างที่หอบหายใจ  สองสายตาประสานกันโดยไม่ตั้งใจ  คิบอมขมวดคิ้ว แววตาฉาบความแปลกใจที่เห็นซีวอนเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ทงเฮหายใจแรงๆ อยู่ในอ้อมแขนของซียอง...เกิดอะไรขึ้น?



    แต่ความคิดเหล่านั้นก็หลุดลอยไป  เพราะเสียงเรียกร้อนรนกระวนกระวายของซียองดังขึ้น...



    “คุณหนูทงเฮอาการกำเริบค่ะ คุณคิบอม“



    “อีกแล้วเหรอนี้?”



    คิม  คิบอมพูดพลางถอนหายใจยาว สีหน้าเรียบเฉยระคนเบื่อหน่าย  ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นเต้น  เขาหยิบยาในกระเป๋าเสื้อของร่างเล็กออกมา  ฉีดยาสีขาวในกระป๋องสีน้ำเงินเข้าสู่ปากบางๆ จนกระทั่งเสียงหอบหยุดลงไปพร้อมสติของคนป่วย  ซีวอนได้แต่ยืนมอง เขาไม่สามารถเอื้อมมือเข้าไปช่วยเหลือได้เหมือนทุกครั้ง ปล่อยให้คิบอมจัดการดูแลทงเฮแทน มือเรียวกำแน่นจนกระดูกปูดออกมา



    คิบอมออกแรงช้อนร่างบางของทงเฮที่หมดสติไปแล้วขึ้นในอ้อมแขน ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของเจ้าตัวโดยมีซียองตามมาติดๆ 



    “รู้สึกว่าองค์รักษ์จะทำให้องค์หญิงแสนงามทรงพิโรธขึ้นมาเสียแล้วสิ...ท่าทางงานนี้องค์รักษ์ที่แสนดีจะถูกเกลียดซะแล้วกระมั่ง”



    เสียงทักที่ดังออกมาจากมุมบ้านเรียกศีรษะสีดำของชเว  ซีวอนให้หันควบไปมองเจ้าของเสียง  สีหน้าตึงฉับพลัน  ความโกรธแล่นริ้วขึ้นมาจับที่ใบหน้าจนแดงกร่ำ  ฮยอกแจกอดอก  ร่างบางวันนี้อยู่ในชุดไปรเวทแบบสบายๆ เสื้อคอกว้างสีเข้มกับกางเกงขายาวสีดำ  จงใจเปิดเผยรอยแดงช้ำที่คอ....ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่ามุมปากได้รูปนั้นกดเป็นรอยยิ้มเยาะ ความโกรธและรังเกียจปะทุหนักขึ้น



    ฮยอกแจหัวเราะหึๆ ส่งยิ้มหวานระรื่นมายังความเกรี้ยวกราดขุ่นมัวของซีวอน  ร่างบางเดินตรงเข้าไปหา เอื้อมมือมาจับแขนแกร่ง พูดเสียงอ่อนหวาน
    “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ คุณชายชเว ซีวอน ไม่น่ารักเลยนะครับ ฉันก็เห็นใจนายเหมือนกันนะที่โดนโกรธขนาดนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นายอยากโง่ทิ้งหลักฐานไว้เล่นงานตัวเองล่ะ หึ ขุดหลุมฝังตัวชัดๆ ที่นี้รู้หรือยังล่ะคุณชาย ไม่ว่ายังไงทงเฮก็ยังรักฉันมากกว่านาย...”



    ใบหน้ายังคงระรื่น ฮยอกแจเอียงคอลงเล็กน้อยยั่วยวน กระตุ้นอารมณ์โมโหของซีวอน ชายหนุ่มขบกรามแน่น  เขากระชากต้นแขนนั่นเต็มแรง ดวงตาคมลุกวาวเอาเรื่อง ฮยอกแจกระตุกยิ้มมุมปาก  นิ้วเรียวขาวกลมมนวางทาบริมฝีปากหยักสีส้มอมชมพู 



    “อย่าคิดที่จะทำร้ายฉัน ถ้าไม่อยากให้ทงเฮโกรธและเกลียดนายไปตลอดชีวิต”



    ร่างบางพูดขึ้นอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า เล่นเอาชายหนุ่มงันไป จำนนต่อคำขู่  จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็แสดงให้ซีวอนรู้ซึ้งถึงความโกรธที่เกิดจากความรักพี่ของทงเฮว่ามีมากขนาดไหน  เพียงแค่เห็นรอยช้ำที่ต้นคอฮยอกแจเท่านั้น ..ถ้ามากกว่านี้ล่ะ ทงเฮก็คงจะเกลียดเขาอย่างที่ฮยอกแจพูดเป็นแน่...แล้วความอดทน ความดีที่เพียรพยายามมาตลอดถึงหนึ่งปีก็คงจะจบกัน  ซีวอนจะเสี่ยงให้มันพังทลายลงเพราะอารมณ์ชั่ววูบอย่างนั้นหรือ...



    “นายทำแบบนี้ทำไม ทั้งๆ ที่นายก็รู้ว่าฉันรักทงเฮ” ซีวอนถาม ไม่เข้าใจ ฮยอกแจยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น รอยยิ้มที่เคลือบความปวดร้าว...ถ้อยคำที่ทำให้หัวใจมันเจ็บเจียนตาย



    “ทำไมนะเหรอ เพราะฉันอยากให้ทงเฮเกลียดนายยังไงล่ะ?”



    “เพราะอะไร!!! นายทำมันเพื่ออะไร ทำไมนายถึงอยากให้ทงเฮเกลียดฉัน ตอบมาซิ!!! ฮยอกแจ!!!!”



    มือแกร่งเขย่าร่างเล็กหัวสั่นหัวคลอน ตะคอกถามฉุนเฉียว ฮยอกแจนิ่งเงียบ  เม้มปากแน่น..และนั่นยิ่งทำให้นายหนุ่มที่ต้องการคำตอบโมโหควันออกหู  เลือดขึ้นหน้า เขาเขย่าร่างบางแรงขึ้น 



    “ตอบฉันมาสิ!!! ฮยอกแจ ตอบมาว่าทำไม!!!!”



    “ฉันหมั่นไส้ อยากให้ทงเฮเกลียดนาย นายจะได้รู้รสชาติของการถูกเกลียดว่ามันเป็นยังไง ก็แค่นั้น”



    ฮยอกแจบอกด้วยเสียงอันดังฟังชัดและหนักแน่น  คล้ายจะต้องการบอกความรู้สึกบางอย่างที่เก็บซ่อนมานานในก้นบึ้งให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความหมายที่แฝงมา...คำพูดประโยคที่เจือนความเจ็บปวดแสนสาหัสกับคนพูดไม่น้อย  เหมือนเข็มสะกิดแทงใจดำ  ขมขื่นและเจ็บเหลือเกินกับคำพูดที่ต้องฝืนออกไป  กลับมาย้อนทำร้ายตัวเองแทน  หัวใจบีบรัดแน่น ก้อนสะอึกแล่นขึ้นมาจุกในลำคอ...น้ำตาพาลจะไหลจนต้องเชิดหน้าขึ้นสูง สะกดกลั้นความอ่อนไหว...



    แต่น่าเสียดายคนฟังไม่อาจจะรับรู้ละอองความรู้สึกที่บางเบาเหล่านั้น  มันจึงลอยหายเข้าไปในอากาศอย่างไร้ค่า...



    “เหตุผลเพียงแค่นี้นะเหรอ นายถึงกับลงทุนใช้รอยนั้นเป็นเครื่องมือทำให้ทงเฮเกลียดฉัน”



    “........”



    “จำไว้!! อี ฮยอกแจ ไม่ว่าทงเฮจะเกลียดฉันขนาดไหน ฉันก็ไม่มีวันหยุดรักเขา เข้าใจไหม!!!!”



    ร่างบางถูกมือใหญ่เหวี่ยงอย่างไม่ใคร่จะนุ่มนวลนัก  ฮยอกแจทรุดลงไปไถลกับพื้นหินอ่อนของบ้าน  แรงกระแทกที่รุนแรงทำให้ข้อศอกขาวเกิดรอยแผลถลอก ฟันขาวถูกขบเข้าหากันแน่น ซีวอนหันหลังกลับ  แต่ไม่วายหันกลับมาส่งสายตาอาฆาตให้ฮยอกแจแวบหนึ่ง แค้นเคือง... เพียงเวลาไม่นาน เสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มขึ้นและในวินาทีต่อมารถยนต์คันเล็กก็แล่นออกจากคฤหาสน์ตระกูลอี....



    ความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่วคฤหาสน์สีขาวหลังงามแห่งนี้   สาวใช้สองคนที่พากันยืนมองต่างแยกย้ายไปทำงานที่ตนรับผิดชอบ  ไม่มีใครเดินเข้ามาหาถามไถ่หรือช่วยเหลือ  ทุกคนต่างถอยหนี หวาดกลัวอารมณ์ของคุณหนูคนโตว่าจะพาลอาละวาดใส่....จนสุดท้ายก็เหลือเพียง อี  ฮยอกแจที่นั่งอยู่เพียงลำพัง...



    ร่างบางจุดยิ้มมุมปากเยาะเย้ยตัวเอง เคยชินเสียแล้วกับการต้องอยู่คนเดียวโดดเดียวแบบนี้  ฮยอกแจก้มลงมองพื้น ปล่อยใจให้เหม่อลอย  หน่วยตาร้อนผ่าว ดวงตาแดงเรื่อ...




    ‘ไม่ว่าทงเฮจะเกลียดฉันขนาดไหน ฉันก็ไม่มีวันหยุดรักเขา’




    ฮยอกแจไม่รู้ตัวว่าน้ำใสๆ และร้อนผ่าวได้พากันร่วงเผาะลงมาตามร่องแก้มตั้งแต่เมื่อไร  ร่างบางวาดรอยยิ้มมุมปากให้กับตัวเอง  พึมพัมเบาๆ เสียงราบเรียบแต่ขมขื่นเป็นที่สุด




    “นั่นสินะ ต่อให้ถูกเกลียดขนาดไหน ก็ไม่มีวันที่ฉันจะหยุดรักนายได้สักที ซีวอน”




    ............
    ....................
    ..............................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×