ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

    ลำดับตอนที่ #8 : A Drop of Tears Vol 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.19K
      6
      13 ม.ค. 53

    Vol 8




    “ไลแลคตรงนี้บานแล้ว”




    เสียงหวานๆ ของทงเฮอุทานขึ้น  เมื่อเห็นที่ดอกไม้เล็กๆ ลักษณะเป็นช่อสีม่วงอ่อนบานอวดอยู่ข้างๆ ต้นกุหลาบหลากสีที่กำลังให้น้ำยามเช้าจากสายยาง  คนตัวเล็กทรุดตัวลงไปนั่งย่องๆ วางใบหน้าเรียวขาวที่แก้มใสแดงนิดๆ จากการกระทบอากาศลงบนเข่าทั้งสอง  สายตากลมเอียงมองเจ้าดอกไม้นั้น  ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหวนนึกถึงวัยเด็ก  ฮยอกแจมักจะชอบเก็บไลแลคที่สวนของโรงพยาบาลไปปักแจกันในห้องพักคนไข้ของเขาสักช่อสองช่อ




    สีหน้าที่สดใสแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าสร้อย  เมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นพี่ชายฝาแฝด  ทงเฮไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ที่แสนดีระหว่างสายเลือดมันขาดสะบั้นลงไปตั้งแต่เมื่อไร และเพราะเหตุใด....ฮยอกแจที่ใจดีและคอยดูแลปกป้องเขามาตลอด  ถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนใจร้าย  ที่คอยจ้องจะทำลายเขาด้วยการกระทำและคำพูดที่แสนโหดร้าย  แววตาที่มักจะทอดมองด้วยความอบอุ่น อ่อนโยน แต่ทุกวันนี้มันเต็มไปด้วยความเย็นชาและเกลียดชังอย่างรุนแรง




    มือเรียวเอื้อมไปดอกไม้นั้นแผ่วเบา  หยดน้ำใสรื้นขึ้นรอบดวงตากลมสวย




    “นี้นายนะ!!!”




    “อ๊ะ!!”




    ซ่า!!




    สุ่มเสียงที่เอ่ยทักเรียกตนในระยะประชิดด้านหลัง สร้างความตกใจให้คนที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตนเป็นการใหญ่  สายยางในมือเปลี่ยนทิศทางจากต้นไม้ในสวนกลายมาเป็นใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง  รับน้ำเข้าไปเต็มๆ  มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าที่มีแต่หยดน้ำเกาะพราว




    “คะ...คิบอม” ร่างบางเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน เสียงพูดถึงกับตะกุกตะกัก ติดอ่าง รีบลุกขึ้นวิ่งไปปิดน้ำ หลังจากหันไปพบว่าตนสาดน้ำไปโดนใคร ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจกลัวสุดขีด มือที่ประคองสายยางถึงกับสั่นน้อยๆ ร่างบางถอยออกมายืนห่างๆ ตัวลีบ สำรวจร่างของอีกฝ่ายที่ตอนนี้เปียกมะลอมมะแล่มทั้งแถบหน้า เส้นผมสีดำสนิทเปียกแนบลู่ใบหน้าคม เหมือนเห็นที่ขมับจะมีเส้นเลือดเกร็งกระตุกเต้นตุ๊บๆ




    “อี ทงเฮ!!!!” ร่างบางสะดุ้งคอหดให้กับน้ำเสียงแว้ดลั่นเรียกชื่อตน สายยางหลุดจากมือลงไปกองที่พื้น ใบหน้าหวานถึงกับหน้าซีดเผือด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาคมดุดันนั้น....คิบอมกำลังโกรธจัดจนควันจะออกหูเลยทีเดียว ทงเฮกล่าวเสียงสั่นเครือ ระล่ำระลัก




    “ทงเฮ...ขอโทษ...ดะ...เดี๋ยว...ทง...เฮ...ไปเอา...ผ้าขน...หนู...มา...ให้นะ”




    พร้อมกัน  ทงเฮก็ผละวิ่งรุรี้รุรนบ่ายหน้ากลับไปยังตัวบ้านเพื่อที่จะเอาสิ่งของตามที่บอก  แต่วิ่งไปได้เพียงสองสามก้าว ก็เซถลาเพราะสะดุดหินที่งอกโผล่ออกมาจากพื้นหญ้าไม่ทันระวัง  พริบตานั้น  ร่างทั้งร่างก็ล้มโครมล้มลงไปนั่งกองที่พื้น




    “นั่นนายลงไปทำอะไรที่พื้น จับกบหรือไง?” คิบอมเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ พลางก้มลงมองร่างที่พื้น ทงเฮลดสายตาต่ำหลบสายตาคมกริบคู่นั้น พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น คิบอมกอดอกมองอยู่อย่างนั้น โดยไม่คิดจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ความน้อยเนื้อต่ำใจแล่นวูบเข้ามาจุกเต็มอก




    “โอ๊ย!!!!!”




    ยังไม่ทันจะลุกขึ้นยืนได้เต็มความสูง ก็มีอันต้องลงไปนั่งกองกับพื้นอีกครั้ง ร่างบางร้องโอดโอ๊ยเสียงดัง รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่ข้อเท้าข้างซ้าย ทงเฮนิ่วหน้าน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บ  หยดน้ำใสรื้นเป็นเม็ดที่หางตาคู่สวย




    “เจ็บขางั้นเหรอ?”  คิบอมเอ่ยถาม  ทงเฮพยักหน้าน้อยๆ ชายหนุ่มทรุดตัวลงไปนั่งทับส้น  มือเรียวเอื้อมจับข้อเท้านั้น  เพียงแค่ออกแรงสัมผัสเบาๆ ร่างบางก็แหกปากร้องลั่น 




    “โอ๊ย!!! เจ็บ!!”




    ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก “ซุ่มซ่ามได้เรื่องจริงๆ ฉันล่ะไม่เข้าใจ นายเป็นน้องชายฮยอกแจแน่เหรอ?”




    หัวใจหล่นวูบกับน้ำเสียงแข็งๆ และวาจาเปรียบเทียบนั้น  มือน้อยกำเข้าหากันแน่น กัดริมฝีปากข่มอารมณ์น้อยใจและสะกดกลั้นน้ำตาที่จะไหลออกมา  ทงเฮกัดฟันพยายามฝืนพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ....




    คิบอมลุกขึ้นกอดอกมองคนอวดเก่งที่ลุกขึ้นยืนทั้งๆ ที่ขาสั่นประหนึ่งเจ้าเข้า จนแทบจะพาร่างทั้งร่างไปกองกับพื้นอีกรอบ ในวินาทีต่อมา ทงเฮก็ทรุดฮวบลงไปที่พื้นอีกครั้งอย่างอ่อนแรงเพราะความเจ็บ  แต่ก่อนที่ร่างบอบบางจะไปสัมผัสกับพื้นอีกครา ก็ถูกอ้อมแขนแข็งแรงช้อนขึ้นทั้งตัว ตาต่อตาพบกันในระยะประชิดห่างกันเพียงแค่ฝ่ามือกัน กายของทงเฮสั่นสะเทือนภายในอ้อมแขนนั้น




    “เจ็บแล้วยังจะอวดเก่ง”




    เสียงกระซิบต่ำๆ แว่วลอยมากระทบโสตประสาทของร่างบาง ใบหน้าหวานกลายเป็นสีของกุหลาบ เลือดฉีดวูบไปทั่วร่าง  ใจเต้นแรง  ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกโอบกอดอย่างนี้เสียหน่อย ซีวอนเคยทำแบบนี้กับเขาครั้งหนึ่งที่ไข้ขึ้นสูงเสียจนลุกเดินไม่ไหว....ก็ไม่ทำให้ทงเฮรู้สึกสะท้านร้อนหนาว เขินอายได้เท่าอ้อมแขนของผู้ชายคนนี้  วงแขนอบอุ่นที่ถึงแม้จะว่างเปล่าแต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก.....




    ..............
    ..........................
    ....................................



    คิบอมอุ้มร่างของทงเฮมาถึงห้องนั่งเล่น วางร่างนั้นลงบนโซฟาอย่างเบามือ  ก่อนที่จะยื่นมือรับกล่องปฐมพยาบาลที่วานสาวใช้ที่เดินผ่านให้ไปเอามาให้...เขาถลกขากางเกงขายาวพับขึ้นสูง  จ้องมองข้อเท้าที่เริ่มแดงบวมเป่ง มันคงระบมเพราะแรงกระแทก...ถอนหายใจเฮือก




    “ทนเจ็บเอาหน่อยแล้วกัน อย่าร้องออกมาล่ะ หนวกหู”




    ปลายนิ้วเรียวนวดคลึงข้อเท้าขาวจัดที่เคล็ดให้เลือดเดิน  ร่างบางนิ่วหน้าลงด้วยความเจ็บ  คิบอมเหลือบสายตาขึ้นเล็กน้อย  มองคนตัวเล็กที่ขบริมฝีปากสีสดเสียเป็นเส้นตรงกลั้นเสียงร้อง  ขอบตานั้นก็คลอรื้นไปด้วยหยดน้ำ ลมหายใจขาดห้วงยามปลายนิ้วกดลงไปที่บาดแผล คิบอมจุดยิ้มไม่รู้ตัว นึกขำกับท่าทางของทงเฮ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่กลัวคุณหมอดุ...




    หลอดยาแก้ปวดถูกหยิบออกมาจากกล่อง เนื้อเจลสีฟ้าอ่อนแตะลงบนข้อเท้าเบาๆ ความเย็นทำเอาทงเฮสะดุ้ง  คิบอมนวดให้เนื้อยาซึมลงไปในผิว ไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังถูกร่างบางจ้องมองตาไม่กระพริบ ถึงแม้ใบหน้าคมจะบึ้งตึงแสดงความหงุดหงิด  แต่มือที่ทำให้แผลให้ช่างแผ่วเบาและนุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึก  ทงเฮไม่รู้สึกเจ็บเหมือนอย่างตอนแรก กลีบปากสีสดคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว  บางมุม คิม  คิบอมก็ไม่ได้ใจร้ายหรือเย็นชาจนน่ากลัวนัก....





    “ยิ้มอะไร?” คิบอมเอ่ยถามเสียงดุ หลังจากพันผ้ายืดให้เสร็จ พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบรอยยิ้มละไมบนใบหน้านวลนั้น ทงเฮเผลอสะดุ้งตัว หุบยิ้มฉับพลัน ร่างบางส่ายหน้าเสียผมเผ้ากระจายแล้วหลบสายตาให้วุ่น ชายหนุ่มนึกขำคนตรงหน้า ท่าทางเหมือนเด็กทำความผิดแล้วโดนจับได้




    “ช่วงนี้ก็อย่าพยายามเดินให้มาก เดี๋ยวมันจะอักเสบ”




    “ขอบใจนะ”




    เสียงหวานกล่าวอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง  แต่ก็ดังพอที่จะให้อีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บของเงยหน้าขึ้นมามองได้  สีหน้าของคิบอมเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา  ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกไป  ทงเฮถอนหายใจ  คิบอมกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว....




    “อ๊ะ!! จริงซิ ผ้าขนหนู”





    ทงเฮร้องขึ้นมาเสียงดังอย่างเพิ่งจะคิดได้ว่าเขาจะเข้าบ้านมาเอาผ้าขนหนูไปให้คิบอม  ที่โดนเขาสาดน้ำใส่ก่อนหน้านี้  ร่างบางหน้าตื่นตกใจระคนซีดเผือดในคราวเดียว  เขาไม่อยากให้คิบอมโกรธหรือเกลียดเขามากไปกว่านี้  ซึ่งทงเฮก็ไม่เข้าใจเหตุผลนัก...ว่าทำไม?




    ร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ  พยายามเกาะพนักของโซฟาไว้และไม่ลงน้ำหนักที่เท้าซ้ายมากเกินไป  ก่อนที่จะกะเพลกลากเท้าออกไปที่ประตูห้อง  ความเจ็บระบบจากข้อเท้าแล่นริ้วไปทั่วร่างยามขยับ  แต่ทงเฮก็ยังกัดฟันพยุงร่างกายที่ไม่สมบูรณ์นักไปที่ประตู   ฝืนตัวเองเต็มที่




    “อ๊ะ!!” เพราะเผลอลงน้ำหนักที่เท้าซ้าย ทำให้เสียการทรงตัวอย่างสิ้นเชิง   ร่างบางทรุดฮวบ แต่ก่อนที่จะล้มลงไปกองที่พื้น ก็รู้สึกถึงวงแขนของใครคนหนึ่งคว้าลำตัวไว้ ลมหายใจอุ่นๆ รดรินอยู่ข้างใบหู




    “จะไปไหน?” เสียงห้าวถามขึ้นอย่างเย็นชา และนั่นทำให้ทงเฮได้สติรู้ว่าเจ้าของเสียงของผู้ที่ช่วยเหลือนั้นเป็นใคร




    “คิบอม!!”




    “นี้นายกำลังจะไปไหน ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเพิ่งเดิน” เสียงดุทำเอาทงเฮหน้าเจื่อนลง ร่างบางข่มเสียงตอบออกไปให้นิ่งที่สุด




    “ทงเฮจะไปเอาผ้าขนหนูมาให้คิบอม” คำตอบของร่างบางทำเอาชายหนุ่มต้องถอนหายใจแรงๆ




    “ไม่ต้อง ฉันไปเอาเองได้ นายนะ กลับไปนั่งที่เดิมคืนไป”




    โอบประคองร่างบางให้เดินกลับไปยังโซฟาตัวเดิม ทงเฮแอบยิ้มในใจคนเดียวเงียบๆ ถึงปากจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา  ท่าทีรำคาญ แต่การกระทำช่างตรงข้ามกัน มือคู่นั้นค่อยๆ ประคองด้วยความอ่อนโยน  ไม่เร่งเร้าให้รีบเดิน... ก่อนที่คิบอมจะยกมือขึ้นเสยเส้นผมหมาดๆ ที่ลู่ลงมาออกให้พ้นๆ ใบหน้าคล้ายนึกรำคาญ หยดน้ำยังเกาะตามเส้นผมนิ่ม บางส่วนไหลมาถึงลำคอระหง ทงเฮเอียงคอมองแว่บหนึ่ง...




    ไว้เท่าความคิด เสื้อยืดแขนยาวถูกยกปาดน้ำที่ต้นคอนั้นให้อย่างช้าๆ ท่ามกลางความตกใจของคิม คิบอมที่ อยู่ๆ ก็ถูกอีกคนจู่โจมเข้าให้แบบนี้ ....ทงเฮใช้แขนเสื้อซับหยดน้ำให้ ไม่นึกกลัวว่ามันจะเปียกไปด้วย กลีบปากบางๆ ก็พูดว่า...




    “ขอโทษนะ ทงเฮไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้ามา ก็เลย...คิบอมคงไม่ถือสานะ”




    สัมผัสของผิวเนื้ออ่อนนุ่มราวกับสำลีต้องลงบนผิวเนื้อที่ต้นคอ  ที่มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยออกมาจากคนตัวบาง จนต้องเผลอสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าปอด รู้สึกชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก  ไม่ฉุนอย่างเครื่องเทศแรงๆ ที่อยู่ในน้ำหอมของสุภาพสตรีบางชนิดที่ได้กลิ่นแล้วแทบสำลัก...



    ใบหน้าหวานสวยเหมือนเด็กสาว  ผิวขาวบอบบาง ดวงตากลมโตสีนิล คิ้วเรียวสวย ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ...ร่างโปร่งระหงจนเกือบจะดูผอม เรือนผมยาวประบ่าสีดำสนิทขับให้คนตัวเล็กแลดูเหมือนเด็กเล็กๆ 



    มือเรียวจับข้อมือบางข้างที่วางอยู่บนลำคอไว้  ทงเฮสะดุ้งด้วยความตกใจนิดๆ ดึงมือกลับ  แต่ก็ทำไม่ได้เพราะอีกคนยึดไว้เสียแน่น แล้วดึงเบาๆ ให้ขยับเข้ามาใกล้จนใบหน้าห่างกันเพียงไม่กี่เซน ร่างบางเงยหน้าขึ้นมอง  ใบหน้านวลสูบฉีดเลือดขึ้นมาทันที  เมื่อสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดรินอยู่ข้างแก้ม กลิ่นโคโรญแบบผู้ชายลอยเข้ามาแตะจมูก... ใจเต้นตึกตักขึ้นมา...อย่างไม่ทราบสาเหตุ




    หน่วยตาคมจับจ้องใบหน้าสีระเรื่อไม่วางตา  ทุกอย่างเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน เงียบชนิดว่าถ้าเข็มตกคงได้ยินเสียงชัดแจ๋ว ดวงตากลมโตไหวระริกด้วยความเขินอายที่ถูกจับจ้องจากนัยน์ตาคม รู้สึกถึงใจที่เต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...หวาบหวามในอกอย่างประหลาดยามที่ได้สบสายตาเรียวเล็กที่สะท้อนเงาของเขาในนั้น




    คิบอมกวาดมองทั่วใบหน้าหวานของร่างตรงหน้า  ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีสด  เหมือนตกอยู่ในภวังค์  คิบอมรู้สึกเหมือนมีอำนาจมนต์สะกดบางอย่างสะกดให้เขาไม่อาจจะละสายตาออกไปได้  อยากลิ้มลองกลีบปากสีหวานราวกับกลีบดอกซากุระนั้น...




    ไม่ต้องคิดให้มากความ  อำนาจของอารมณ์อยู่เหนือทุกอย่างแล้วในตอนนี้  ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงต่ำลงมาอย่างแช่มช้า จนลมหายใจแผ่วร้อนกระทบแก้มของคนร่างเล็กอย่างบางเบาอีกครั้ง วินาทีนั้นทงเฮกลั้นหายใจอย่างคนคิดอะไรไม่ออก  หลับปี๋เมื่อใบหน้าคมสันโน้มลงมาใกล้เต็มที  จนกระทั่ง ทงเฮรู้สึกถึงความนุ่มอุ่นชื้นแต่ร้อนผ่าวประทับลงบนริมฝีปากของตนอย่างนิ่มนวล  สะท้านไปทั้งร่าง...




    สมองขาวโพลนไปหมด  รู้สึกมึนและเบลอราวกับคนถูกวางยา  ความร้อนพุ่งเห่อมากองกันที่ใบหน้าขาวจนมันกลายมาเป็นสีแดงเรื่อ  ร้อนรุ่นไปทั้งกายกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิตทำให้ทงเฮเคลิ้มจนไม่คิดจะปัดป้อง  คิบอมเองก็กำลังมัวเมาลุ่มหลงกับรสชาติหอมหวานจากกลีบปากบาง เล็ดเลาะรสชาติทั้งจากกลีบปากบนและล่างจากเรียวปากอิ่ม ยิ่งได้ชิมยิ่งหวาน  ติดใจ...เสียงร้องครางในลำคอยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ชายหนุ่มอยากจะเข้าไปลิ้มลองรสชาติที่ซ่อนอยู่ภายในนัก




    “อย่า...นะ”




    ทว่า  ทันทีที่ลิ้นร้อนๆ ทำท่าจะแทรกเข้าไปรุกราน  ทงเฮก็เบิกตากว้างสะดุ้งผวากายกับสิ่งแปลกปลอมที่พยายามบุกรุกเข้ามา  ร่างบางส่ายหน้าหนี  ออกแรงผลักอกคนตัวสูงเต็มแรง  คิบอมชะงัก  เสียงสั่นเครือฉุดให้สติที่แตกกระเจิงกลับเข้ามารวมกลุ่มกันอีกครั้ง  และนั้นทำให้เขารู้ตัวว่าทำอะไรลงไป  ทงเฮถอยห่างออกไปจนชิดขอบโซฟา ตัวสั่นเทา




    “นายร้องไห้ทำไม?” ชายหนุ่มร่างสูงถาม พยายามทำน้ำเสียงให้เย็นชาที่สุดกลบเกลื่อนรู้สึกผิดที่แล่นริ้วเข้ามาในอก ที่เห็นอีกคนนั่งน้ำตาริน...เสียงสะอื้นแผ่วๆ ลอดเข้ามาในหู ทงเฮเงยหน้าขึ้นสบตาคิบอมตรงๆ ดวงตาหวานฉ่ำแดงระเรื่อไม่ต่างจากใบหน้า ริมฝีปากสั่นระริก ภาพที่ได้เห็นเหมือนตอกย้ำความผิดของตัวเองให้ทับถมทวี...




    “ขอโทษ ก็...ก็...ทงเฮ...กลัว...คิบอม...จะ...สอด...อะไร..เข้ามา...ใน...ปาก...ของ..ทงเฮ...ก็ไม่....รู้”




    เสียงกล่าวกระท่อนกระแท่นของทงเฮ  ทำเอาคิบอมนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก  ไม่เชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยิน...
     



    “นายเคยจูบหรือเปล่า?”




    ร่างบางส่ายหน้าหยิกๆ ชายหนุ่มเบิกตากว้าง




    “ถ้าอย่างนั้นนี้ก็เป็นครั้งแรกของนายนะสิ”
     



    ทงเฮพยักหน้ารับเบาๆ แก้มใสทั้งสองขึ้นสีแดงระเรื่อที่ไม่รู้มาจากความโกรธที่ยังหลงเหลืออยู่  หรือเขินอายกับคำพูดของร่างสูงกันแน่...คิบอมถอนหายใจลึกและหนักหน่วงออกมา ใบหน้าคมเรียบเฉย ริมฝีปากขบเข้าหากันแน่น ความรู้สึกหลากหลายตีกันให้วุ่นวายไปหมด...




    “คิบอม โกรธทงเฮเหรอ?” เสียงหวานกล่าวอย่างสั่นเครือ เมื่อเห็นใบหน้าคมดูไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก 



    “ทงเฮขอโทษ”



    คิบอมหันไปมอง น้ำตายังไหลลงตามแก้มใส ระเรื่อยมาจนถึงปลายคาง และดูเหมือนคนตัวเล็กพยายามที่จะสะกดกลั้นมันไว้ไม่ให้ไหลออกมาอีก เหมือนมีหอกด้ามโตตอกย้ำความผิดของตนให้ใหญ่ขึ้น ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าไม่ใช่คนผิด แต่ก็ยังมากล่าวคำขอโทษให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นเลวขนาดไหน คิบอมถอนหายใจเฮือก ศีรษะปวดหนึบไปทั่ว...



    ชายหนุ่มเขยิบเข้าไปใกล้  มือแกร่งยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกให้เบาๆ  ทงเฮช้อนสายตาฉ่ำน้ำมอง ประหลาดใจที่เห็นแววตาคมนั้นอ่อนแสงลง...ทงเฮบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม? คิบอมกำลังบอกขอโทษเขาผ่านสายตา..




    “คุณหนูทงเฮค่ะ!!!”




    เสียงเรียกที่เข้ามาใกล้  ทำให้มือเรียวของคิบอมผละออกจากแก้มใสของทงเฮโดยอัตโนมัติแล้วถอยห่าง  ร่างบางรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาลบรอยออกให้หมด....  ซียองในเครื่องแต่งกายสีน้ำเงินเข้มแบบสุภาพรีบตรงหรี่เข้าไปหาร่างของคุณหนูของตนที่นั่งอยู่บนโซฟา หญิงสาวใจหาย  เมื่อสายตาของเธอปราดไปยังข้อเท้าขาวจัดข้างซ้ายมีผ้าพันไว้ ซียองทรุดตัวลงนั่ง  มือกลมจับข้อเท้าข้างนั้นขึ้นมาพิจารณาดู ซักถามอย่างห่วงใย




    “เจ็บมากไหมค่ะ คุณหนู?”





    ร่างบางส่ายหน้าตอบปฏิเสธให้แม่บ้านที่ทำหน้าตาจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อเพื่อให้เธอสบายใจ  มองแผ่นหลังของคิบอมที่เดินออกจากห้องนี้ไปเสียดื้อๆ โดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรให้ใครรู้  นึกถึงปฏิกิริยาของคนตัวสูงเมื่อครู่แล้วก็พาลรู้สึกแปลกๆ  




    มือเรียวเล็กยกขึ้นแตะเบาๆที่ริมฝีปากเกลี่ยไปเกลี่ยมาอยู่อย่างนั้น...ใจเต้นระรัว ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร เขาปล่อยตัว  ปล่อยใจให้เตลิดไปอย่างรั้งไว้ไม่ได้..... หัวใจวาบหวิวเหมือนจะขาดไปในบัดนั้น ความรู้สึกที่รุมเร้าจิตใจมาตลอดตั้งแต่ที่คิม  คิบอมก้าวเข้ามาในชีวิตกำลังแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน? ทงเฮถามกระซิบถามตัวเองในใจด้วยความรู้สึกที่แสนสับสน  ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนแม้แต่น้อย

    ................
    ........................
    ..................................


    เอาใจสาวกคิเฮไปเต็มๆๆ สำหรับตอนนี้   นี้ก็เข้าช่วงสอบกลางภาคกันแล้ว
    ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบนะเหมียว....




    นี้คือดอกไลแลคสีม่วงค่ะ 
    ความหมายในภาษาดอกไม้หมายถึง  ความรักครั้งแรกที่หวานฉ่ำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×