ตอนที่ 9 : MAFIA 09 :: ยอมแพ้ [100%]
เมื่อเสียงเครื่องยนต์นับสิบคันดับลง ปรากฏร่างสูงโปร่งของจองโฮซอกก้าวลงจากรถคันหรู ตามมาด้วยบอดี้การ์ดชุดดำของเขาเกือบยี่สิบชีวิตที่ลงจากรถของแต่ละคนตามมาติดๆ สายตาคมกวาดมองรอบๆบริเวณบ้านพักตากอากาศที่ไม่เคยใครรู้มาก่อนว่าคิมแทฮยองซื้อบ้านแบบนี้เอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่เขาสนใจก็คือต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ระยะทางจากโซลมาที่นี่ไม่ใช่ใกล้ๆ แต่โฮซอกและลูกน้องทุกคนสามารถเหยียบคันเร่งจนมาถึงที่หมายเพียงแค่ชั่วโมงเศษๆเท่านั้น
สายตาคมกวาดมองหาสิ่งมีชีวิตได้ไม่นานนัก ร่างสูงใหญ่ของลูกน้องแทฮยองก็ปรากฏตัวขึ้น สีหน้าเรียบนิ่งของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับเรื่องที่พบเจอ ราวกับว่าพวกเขาได้เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
“มาหาใครเหรอครับ?”
การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเท่าไร โฮซอกเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพ่นประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความสุขุมน่าเกรงขาม
“ผมมาหาคุณคิมแทฮยอง”
“นายท่านหลับไปแล้ว พวกคุณควรมาหาท่านใหม่พรุ่งนี้”
“งั้นเหรอ?”
โฮซอกยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะปรายตามองไปยังหน้าต่างชั้นสองของบ้านที่มืดสนิท ราวกับว่าทุกคนบนนั้นนอนหลับกันหมดแล้วจริงๆ
“เชิญกลับไปได้แล้ว”
“โทษทีนะ พวกผมยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการคงยังกลับไม่ได้”
“...”
“ค้นให้ทั่ว!”
“ครับ!!/ครับ!!”
การ์ดฝ่ายของโฮซอกทำตามคำสั่งเจ้านายทันที ทุกคนต่างบุกเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า แต่ทว่าการ์ดฝ่ายเจ้าของบ้านก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายบุกรุกเข้าไปง่ายๆ เห็นทีพูดไม่รู้เรื่อง มือหนาของการ์ดทั้งหมดต่างชักปืนกระบอกสั้นสีดำขลับจากเอวขึ้นมาจ่อเล็งไปยังกลางหน้าผากของอีกฝ่าย
ความเงียบเข้าปกคลุม เมื่อสถานการณ์เริ่มบานปลาย ทั้งสองฝ่ายจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่แต่ยังคงไม่ลดปืนลง สายตาแข็งกร้าวของชายหนุ่มทั้งสองฝ่ายจ้องตากันอย่างไม่ลดละ ราวกับว่าถ้ากระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว อาจจะถูกปลิดชีวิตได้อย่างง่ายดาย
“ใจเย็นๆกันก่อนสิ”
เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างสูงโปร่งในชุดนอนสีครีมเดินออกมาจากภายในบ้าน แทฮยองแสร้งอ้าปากหาวคล้ายกับพึ่งตื่นจากนอน กวาดสายตามองสถานการณ์คล้ายสนามรบก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง
“เกิดอะไรขึ้น เอ๊ะ...นั่นจองโฮซอก ลูกน้องคนสนิทของพี่ชายฉันนี่?”
“...”
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็คนกันเอง”
แทฮยองยกยิ้มเชิงแปลกใจที่จู่ๆคนของพี่ชายตนเองยกโขยงโผล่มากลางดึกแบบนี้
“...”
“มาทำไม?”
“แล้วคุณแทฮยองไปทำอะไรที่บ้านคุณยุนกิเมื่อช่วงบ่ายล่ะครับ?”
“อ่า...”
คนถูกถามทำสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นออก ก่อนจะส่งยิ้มร้ายกาจกลับไปให้อีกฝ่าย
โฮซอกมั่นใจว่าทุกคำพูดและทุกการกระทำของแทฮยองล้วนเป็นการแสดงทั้งสิ้น
รวมถึงชุดนอนนั่นด้วย
“คิดถึงพี่ชายสุดที่รักนี่นา ไปหาที่บ้านนับว่าแปลกมากหรือไง”
“หึ”
คนฟังถึงกับหัวเราะในลำคอ รู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าต้องตอบคำถามออกมาทำนองนี้ คงไม่มีใครรับสารภาพตรงๆว่าไปขโมยของหรอก
“คนของคุณมินยุนกิหายตัวไป”
“แล้ว?”
“พวกผมเลยมาตามหา ถ้าคุณแทฮยองบริสุทธิ์ใจก็ช่วยหลีกทางให้ด้วย”
แทฮยองจ้องมองคนตรงข้ามที่พูดจาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม เขากลั้วหัวเราะออกมาราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก
“ถ้าบอกว่าไม่ล่ะ”
“...”
จากรอยยิ้มขี้เล่นแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ แทฮยองละสายตาจากใบหน้าของโฮซอกและกวาดมองไปรอบๆที่มีแต่บอดี้การ์ดชุดดำหลายสิบคน น่าแปลกที่ไร้วี่แววเจ้านายของพวกมัน
“หวงนักหนาแล้วเจ้าของมันหายไปไหนซะล่ะ?”
“...”
“ส่งแต่ลูกน้องมา หรือว่าของที่หายไปไม่ได้สำคัญจริงๆ”
แทฮยองพ่นคำถามออกไปและพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุด
แต่ทว่าภายในใจเริ่มร้อนรน เพราะเขาลืมคิดไปเลยว่ายุนกิไม่ได้อยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่มันจะไม่ออกตามหาด้วยตัวเอง
พวกมันกำลังจะทำอะไร?
“คุณยุนกิก็มานะครับ มาถึงก่อนพวกผมซะอีก”
“...!!”
โฮซอกกระตุกยิ้มเมื่อพูดจบ จ้องมองสีหน้าของแทฮยองที่ฉายความตกใจออกมาอย่างปิดไม่มิด อย่าลืมสิว่าทั้งคู่คือมาเฟียตัวร้าย แทฮยองคิดกลอุบายหลอกคนอื่นได้ แล้วทำไมยุนกิจะคิดกลอุบายที่เหนือกว่าหลอกอีกฝ่ายไม่ได้ล่ะ
“โอ๊ย!!”
ร่างบางล้มคะมำลงกับพื้นทรายอย่างแรงเมื่อถูกบุคคลที่ตัวใหญ่กว่าลากแขนให้วิ่งมาไกลพอสมควร แต่แรงอันน้อยนิดทำให้แข้งขาอ่อนและล้มลงไปอย่างที่เห็น
“ไหวไหมครับ?”
“ฉันเจ็บข้อเท้า”
“เร็วๆดิพี่ เดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันหรอก!!”
การ์ดร่างใหญ่คว้าแขนคนบนพื้นให้ลุกขึ้น ซึ่งเธอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นยืนและวิ่งตามหลังผู้ชายตัวใหญ่ทั้งสองคนที่แทฮยองได้สั่งให้พาเธอหนีออกมา ทั้งสามวิ่งไปให้ห่างจากบ้านหลังใหญ่ตามแนวทะเลกว้างซึ่งเงียบสงัดไร้สิ่งมีชีวิต ไม่แปลกเพราะหาดแห่งนี้คือหาดส่วนตัวของแทฮยอง
หลังจากที่รู้ว่าผู้บุกรุกมาถึงไวกว่าที่คิด แทฮยองได้ขอร้องให้เธอเชื่อใจเขาอีกครั้ง แม้ว่าข้าวจะเอาแต่ร้องไห้เพราะความหวาดกลัวแต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น อย่างน้อยเมื่อได้สบตากับเขา นัยน์ตาคมที่ฉายความจริงใจออกมาซึ่งเธอไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน ข้าวพยักหน้าตอบตกลงและถูกการ์ดทั้งสองคนซึ่งอยู่กับเธอตอนนี้พาหนีออกมาทางหลังบ้าน ที่ต้องวิ่งด้วยเท้าเปล่าเพราะรถยนต์ทุกคันจอดหน้าบ้านทั้งหมด ขืนขับออกมาคงหนีไปไม่พ้นเพราะพวกของมินยุนกิได้คุมหน้าบ้านไว้เรียบร้อยแล้ว
แทฮยองคิดแผนในเวลาสั้นๆซึ่งมันกะทันหันเกินไป เขาให้ลูกน้องเพียงสองคนแอบพาข้าวออกไปให้ไกลจากบ้าน แสร้งทำเป็นว่าทุกคนอยู่ชั้นสอง ถ่วงเวลาให้คนของยุนกิพยายามบุกเข้าไป เขาจึงจำเป็นต้องเหลือการ์ดที่มีเพียงน้อยนิดออกรับหน้าแทนเพราะไม่ให้เกิดความสงสัย แต่ทว่ามันเป็นไปตามแผนเพียงครึ่งเดียว พวกเขาได้ถ่วงเวลาไว้แต่ดันถ่วงผิดคน หารู้ไม่ว่ามินยุนกิคนที่น่ากลัวที่สุดอยู่ส่วนไหนของชายหาดแห่งนี้
“เราจะไปที่ไหนคะ”
เสียงหวานถามออกมาพร้อมกับเสียงหอบ ทั้งสามวิ่งออกมาไกลพอสมควร แต่รอบข้างล้วนเป็นชายหาดและทะเลกว้าง ไม่มีวี่แววว่าจะแอบหรือหลบตรงไหนได้เลย
“วิ่งไปเรื่อยๆ”
“แฮ่กๆๆ”
“อย่าพึ่งหยุดได้ไหม!! ถ้าถูกจับได้พวกผมยังไม่อยากตายหรอกนะ!!”
“ฉันขอพักหน่อย แฮ่ก”
“หึ่ย!!”
การ์ดทั้งสองคนหัวเสียยกใหญ่เมื่อเห็นร่างกายที่อ่อนแอของเธอ ข้าวอ้าปากรับอากาศเหมือนคนกำลังจะหายใจไม่ออก ยอมรับว่ากลัวไม่น้อยไปกว่าพวกเขาแต่เธอวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วจะให้ทำยังไง
“พี่!! นั่น!!”
แต่จู่ๆเสียงการ์ดอีกคนดังขึ้นและชี้ไปยังด้านหลังที่พวกเขาวิ่งมา เป็นเพราะท้องฟ้ามืดสนิทจึงเห็นเพียงความสว่างจากดวงจันทร์ ไกลๆนั่นเป็นร่างสูงของผู้ชายสี่ถึงห้าคนกำลังตรงมาทางพวกเขา ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัดนักแต่ก็พอจะรู้ว่าคนพวกนั้นไม่ได้มาดีแน่เพราะปืนในมือของอีกฝ่ายที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาเรื่อยๆ
“เวรแล้วไง วิ่งดิ!!”
ข้าวเบิกตากว้าง ร่างกายสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เท้าเล็กรีบก้าวตามแรงดึงที่ต้นแขน ลืมความเจ็บปวดทั้งหมดที่เพียงเพราะเธอจำเงาของผู้ชายตรงกลางได้
มินยุนกิกับปืนในมือของเขา!!
“วิ่งเร็วๆ!!”
ทั้งสามคนเพิ่มความเร็วในการสับขาไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไหวตัวทันและออกตามหาพวกเขาได้เร็วขนาดนี้ ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหันหลังมองอีกฝ่ายเป็นระยะก็รู้ว่าพวกเขากำลังเพิ่มความเร็วในการวิ่งตามมาเช่นกัน มันใกล้ขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าตัวเองได้วิ่งอยู่กับที่ แข้งขาอ่อนแรงและรู้สึกกระตุกวูบที่หัวใจ ได้แต่คิดว่าคงหนีไม่พ้นอีกต่อไปเพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนถูกสูบฉีด ถ้าไม่มีแรงดึงต้นแขนจากคนข้างหน้าป่านนี้เธอคงยอมแพ้ไปแล้ว
ปัง!!
“อั๊ก!!”
“กรี๊ด!!!!!!”
เสียงปืนดังสนั่นพร้อมกับคนข้างหน้าของเธอล้มลงไปกับพื้น ดวงตากลมโตสั่นระริก มองเห็นภาพของคนที่พยายามจะดึงแขนเธอให้วิ่งล้มลงต่อหน้าต่อตา ข้าวยกมือปิดปากตัวเองแน่นเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดมากมายไหลออกมายังบริเวณต้นขาของการ์ดหนุ่ม และการ์ดอีกคนที่วิ่งนำหน้าได้หยุดและชักปืนที่เอวออกมาจ่อไปยังฝ่ายตรงข้ามที่ค่อยๆเดินมาใกล้ เผยใบหน้าหล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยความน่ากลัวแผ่ซ่านออกมา ยุนกิลดปืนลงพลางตวัดสายตามองคนที่เขาพึ่งลั่นไกใส่นอนจับแผลถูกยิงบริเวณต้นขาของตัวเองพร้อมกับเสียงโอดโอยอย่างเจ็บปวด ก่อนที่สายตาแข็งกร้าวจะเลื่อนมองตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดที่กำลังนั่งคุกเข่าลงกับพื้นทรายและจับไปที่แขนของการ์ดผู้โชคร้ายอย่างเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้า ยุนกิขบกรามแน่นแต่ยังคงมองภาพตรงหน้าด้วยสายตายากจะคาดเดา
“คุณ ทำใจดีๆไว้นะคะ ฮึก”
“อ๊าก!!!!”
ข้าวทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นว่าเลือดสีแดงไหลเต็มพื้นทรายอย่างน่ากลัว เธอไม่คิดว่าความเจ็บปวดของใครหลายๆคนจะเกิดขึ้นเพราะตัวเธอเพียงคนเดียว ครั้งนี้ก็เหมือนกันที่การ์ดคนนี้แค่ช่วยเธอตามคำสั่งของแทฮยอง เขาไม่สมควรได้รับผลกรรมแบบนี้
ใบหน้าสวยที่นองไปด้วยน้ำตามากมายตวัดสายตามองร่างสูงที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว เธอค่อยๆลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับยุนกิที่ไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอเช่นกัน เขาไม่พูดอะไรเพียงแค่อยากรอดูการกระทำของคนตัวเล็กตรงหน้าว่าจะอวดเก่งอะไรขึ้นมาอีก
“คนใจร้าย คุณยิงเขาทำไม!!”
เสียงหวานตะโกนลั่นเพราะความไม่ยุติธรรมของคนไร้หัวใจ เธอไม่ชอบเห็นใครเจ็บปวด ยิ่งเป็นเพราะเธอยิ่งรู้สึกเหมือนจะตายทั้งเป็น เธอเจ็บได้แต่ทำไมคนอื่นต้องมาเจ็บด้วยเพียงแค่ความคิดชั่วๆและความเอาแต่ใจของมินยุนกิคนเดียว
“อยากตายแทนมันไหมล่ะ?”
เสียงทุ้มน่ากลัวพูดออกมาทั้งที่ยังจ้องใบหน้าสวยตรงหน้าไม่ยอมละสายตาไปไหน เขาโกรธที่เธอยอมเชื่อแทฮยองและหนีเขาไป เขาเกลียดที่เธอเห็นแทฮยองดีกว่าเขาและยอมตามมันไปง่ายๆ ตอนนี้เขาแค่มาทวงของของตัวเองคืน แม้ว่าต้องแลกด้วยการฆ่าคนตายอีกกี่สิบคนยุนกิก็ไม่สน
“ถามว่าอยากตายแทนมันไหม!!!”
“เอาสิ!! ฆ่าฉันให้จบๆไปสักทีเพราะฉันก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว!!”
“...”
“อยู่กับคุณก็เหมือนตายทั้งเป็น เพราะคุณไม่เคยเห็นว่าฉันเป็นคนในสายตาคุณอยู่แล้ว จะเก็บฉันไว้ทำไม”
น้ำตามากมายแข่งกันไหลออกมา เสียงสะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆจนยุนกิพูดอะไรไม่ออก เขาเป็นปีศาจร้ายในสายตาของเธอแต่มันคือเทพบุตรงั้นสินะ ยิ่งคิดมือหนายิ่งกำแน่น
คนไร้หัวใจที่มีสมองอันชาญฉลาดในเรื่องอื่นๆ แต่กลับคิดในแง่ลบและคอยมองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา เขายังคงเข้าใจว่าร่างบางตรงหน้าเห็นคิมแทฮยองดีกว่า ซึ่งเขาเกลียด...เกลียดการเป็นรองคิมแทฮยองในทุกๆเรื่อง
“มานี่”
“ไม่!!”
“ไม่งั้นเหรอ?!”
กริ๊ก
ปืนสีดำขลับถูกจ่อเล็งไปยังกลางหน้าผากของเธอ ข้าวมองปลายกระบอกปืนนิ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความกลัว แต่มาถึงขั้นนี้แล้วตายๆไปซะให้หมดเรื่อง เพราะเธอไม่อยากอยู่กับคนใจร้ายอีกต่อไปเหมือนกัน
พอกันที
“จะยิงก็ยิงเลย”
“หึ!”
“...”
“ท้าฉันเองนะ”
ปัง!!!
“อ๊าก!!!!”
แต่ทว่าปลายกระบอกปืนเปลี่ยนเป้าหมายไปยังการ์ดหนุ่มอีกคนที่ทำหน้าที่พาเธอหนีมา เพราะไม่ทันตั้งตัวจึงถึงลูกกระสุนฝังไปที่ต้นขาข้างเดียวกันกับการ์ดคนแรก กลายเป็นทั้งสองคนนอนลงบนพื้นทรายพร้อมกับเลือดสีแดงไหลนองออกมาจากฝีมือมาเฟียโหดเหี้ยมคนนี้ ข้าวถึงกับขาอ่อนเมื่อเห็นภาพน่ากลัวเป็นครั้งที่สอง เธอเอามือปิดปากตัวเองแน่นและหันมองผู้เคราะห์ร้ายที่นอนร้องเพราะความเจ็บปวดอย่างน่าสงสาร
“ฮึก คนใจร้าย!!”
“ถ้ายังไม่เดินมา ฉันไม่ยิงแค่ขาของพวกมันแน่”
“ฮื้อ...อึก”
“ข้าว!!!”
“ค...คุณแทฮยอง!!”
ร่างสูงของแทฮยองที่หอบเหนื่อยเพราะเขาวิ่งตามหาคนตัวเล็กจนทั่ว แทฮยองฝ่ากลุ่มปะทะของโฮซอกออกมาได้เพราะลูกน้องของเขาไปกันทางไว้ให้ กลายเป็นว่าแทฮยองวิ่งออกมาได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกน้องของเขาที่เหลือได้คุมสถานการณ์หน้าบ้านเอาไว้ ตอนนี้ยังไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้น
“ฉันมาแล้ว”
ยุนกิมองน้องชายตัวเองก็อดจะหัวเสียอีกครั้งไม่ได้ ไหนจะคำพูดน่าคลื่นไส้จนอยากจะอ้วกนั่น แทฮยองปรายสายตามองลูกน้องตัวเองที่นอนกุมแผลฉกรรจ์ก่อนจะตวัดสายตามองคนเป็นพี่ชายที่ยืนถือปืนด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“ไม่ทำเกินไปหน่อยหรือไง?!”
“แกมายุ่งกับฉันก่อน คิมแทฮยอง”
“ยุ่งกับพี่ตอนไหน ผมยุ่งกับเธอต่างหาก!!”
“เพราะยัยนี่เป็นคนของฉันไงล่ะ!!!”
พี่น้องต่างจ้องหน้ากันไม่มีใครยอมใคร ปืนในมือของทั้งคู่ต่างกำมันแน่นแต่ไม่คิดจะยกขึ้นจ่อไปที่อีกฝ่าย
“หึ ให้เธอเลือกดีกว่าว่าอยากเป็นคนของใคร พี่...หรือผม”
แทฮยองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวพยายามข่มอารมณ์เดือดเอาไว้ ทั้งที่ในใจปะทุแทบอยากจะฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าอยู่ตอนนี้ ซึ่งไม่ต่างกับยุนกิสักเท่าไร
“ได้ งั้นเลือกมา”
ยุนกิยกยิ้มร้ายกาจก่อนจะตวัดสายตามองใบหน้าหวานที่เบะปากเตรียมจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ถ้าให้เธอเลือกคงไม่ต้องเดาว่าเธอจะเลือกใคร ดวงตากลมโตมองใบหน้าของแทฮยองอย่างไว้ใจอีกครั้ง ส่วนแทฮยองก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่า ร่างบางต้องเลือกเขาอย่างแน่นอน
แต่ทว่า...
“เลือกเอาว่าจะไปกับฉันดีๆ หรือจะไปกับมัน”
“...”
“ถ้าเธอเลือกมันคงไม่ต้องให้บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนแก่สองคนนั่น”
“คุณจะทำอะไร!!”
“ฆ่าลุงกับป้าเธอยังไงล่ะ!!”
“ฮึก ย...อย่านะ!! ฉันขอร้อง ฮื้อ”
ใบหน้าหวานส่ายหน้าแรงๆ ยุนกิยกยิ้มอย่างผู้ชนะ เขาตวัดสายตาเต็มไปด้วยความสะใจมองน้องชายตัวเองที่ยืนกำมือแน่น มินยุนกิจะเล่นแบบนี้งั้นเหรอ เอาเรื่องนี้มาขู่เธอคิดเหรอว่าข้าวจะยอมมาอยู่กับเขาอย่างตอนแรก มันแน่นอนว่าเธอต้องเลือกความปลอดภัยของครอบครัว
ร้ายนักนะมินยุนกิ
“งั้นก็เดินมา”
“อึก ฮื้อ ฉันยอมแล้ว”
ร่างบางค่อยๆเดินไปหาร่างสูงที่ยืนรอด้วยใบหน้านิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความสะใจจนปิดไม่มิด เธอก้มหน้ามองพื้นตลอดจนพาตัวเองไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายใจร้ายในที่สุด
พรึบ!!
มือหนาคว้าเอาข้อมือเล็กเย็นเฉียบไปกุมไว้ทันทีก่อนจะออกแรงบีบหวังจะให้กระดูกข้างในแตกละเอียด ข้าวไม่เงยหน้ามองใครทั้งสิ้น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอยู่แบบนั้น ยุนกิหันมองใบหน้าแทฮยองแวบเดียวก่อนจะออกแรงดึงคนตัวเล็กให้เดินตามเขาไป และเป็นจังหวะเดียวกับที่โฮซอกขับรถมารับเจ้านายตัวเองพอดี
ทิ้งเพียงร่างสูงที่กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนออกมาอย่างน่ากลัว เป็นอีกครั้งที่เขาทำอะไรไม่ได้ ดวงตาร้อนเผ่า ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะอยากเอาชนะพี่ชายตัวเองอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้กลับไม่ใช่ เขาเอาแต่นึกถึงใบหน้าหวานๆของอีกฝ่าย ความเป็นห่วงเกาะกินหัวใจจนรู้สึกบางอย่างขึ้นมา
ในเมื่อเธออยากมาอยู่กับเขาจริงๆ แทฮยองก็สัญญากับตัวเองว่าจะไปช่วยเธออีกครั้ง
เขาจะรีบไปก่อนที่หัวใจของเธอจะแปรเปลี่ยนเป็นอื่นไปซะก่อน…
เมื่อยุนกิยัดหญิงสาวเข้าไปในรถยนต์เรียบร้อยแล้ว โฮซอกจึงขับรถออกจากบริเวณชายหาดส่วนตัวของคิมแทฮยองทันที ภายในรถเงียบสงัดมีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ข้าวเบียดตัวเองให้ชิดริมหน้าต่างให้มากที่สุด หางตาเหลือบมองร่างสูงที่นั่งอยู่เบาะข้างติดกันก็เห็นว่าใบหน้าหล่อคมกำลังจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา สายตาแข็งกร้าวน่ากลัวไม่ละไปไหน มันน่ากลัวพอๆกับอารมณ์ของเขาในตอนนี้
“ไปที่นั่นใช่ไหมครับนายท่าน”
โฮซอกที่ประจำตำแหน่งคนขับเอ่ยขึ้นพลางมองเจ้านายผ่านกระจก
“อืม” ยุนกิตอบสั้นๆ
คำว่า ที่นั่น ทำให้คนข้างๆเขาขมวดคิ้วด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะใจกล้าอ้าปากถามออกไปในที่สุด
“จะพาฉันไปไหน?”
“พาไปฆ่า!”
“...!!”
เมื่อได้ยินคำตอบของมาเฟียไร้หัวใจ ร่างบางสั่นระริกด้วยความกลัวจนยุนกิเห็นได้ชัด เธอค่อยๆเงยหน้ามองใบหน้าดุดันที่จ้องมองใบหน้าของเธออยู่ก่อน และราวกับว่ามีรังสีบางอย่างส่งผ่านกลับมาจนข้าวต้องรีบหันหน้าหนี ร้อนเผ่าที่ดวงตาทั้งสองข้างอีกครั้ง ยุนกิไม่อาละวาด ไม่กระทำรุนแรงอย่างเช่นทุกครั้ง แม้แต่คำพูด เขาไม่พูดหรือด่าเธอออกมาสักคำผิดกับที่คิดเอาไว้ เขานิ่งเกินไปจนเดาไม่ออก ไม่รู้ว่าตอนนี้คนใจร้ายกำลังคิดอะไรอยู่ หรือเขาอาจจะเบื่อกับการเก็บเธอไว้ใกล้ๆเต็มทีแล้ว
คำว่า ฆ่า ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากกระจับนั่นมันคงเป็นความจริงที่ยุนกิจะตัดสินใจลงมือทำอะไรบางอย่าง ทั้งๆที่เขาควรจะทำไปตั้งนานแล้ว
เอี๊ยด!!!!
เมื่อเครื่องยนต์ดับสนิท พวกเขาใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ใบหน้าหวานหันมองรอบข้างด้วยสีหน้าตื่นตระหนกก่อนที่สายตาจะมองเห็นทะเลกว้างอีกครั้ง ทำให้เธอมั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังวนเวียนอยู่กับทะเล แค่ออกมาไกลจากชายหาดส่วนตัวของแทฮยองเท่านั้นเอง
หมับ!!
“โอ๊ย!!”
เสียงหวานร้องลั่นเมื่อถูกมือหนากระชากข้อมืออย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว ยุนกิลากเธอออกมาจากรถยนต์และทั้งคู่ก็ยืนอยู่บนชายหาดกว้างที่เงียบสงัดไร้ผู้คน หรืออาจจะเป็นเพราะเวลากลางดึกแบบนี้ หรือไม่...ชายหาดตรงนี้คงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มินยุนกิซื้อเอาไว้แล้วก็ได้ ข้าวพยายามสะบัดมือออกแต่คนใจร้ายกลับลากเธอตรงไปยังทะเลโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เธอหันหน้ามองโฮซอกที่ยืนอยู่ข้างรถยนต์ด้วยแววตาขอความช่วยเหลือ เมื่อเธอได้สบตากับร่างสูงเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่โฮซอกจะหมุนตัวเดินขึ้นรถและขับออกไปในที่สุด
“โอ๊ย เจ็บนะ!!”
ยุนกิเห็นร่างบางเอาแต่หันมองรถยนต์ของลูกน้องเขาไม่ละสายตา จึงตั้งใจบีบข้อมือเล็กแรงๆให้เธอหันกลับมาสนใจตัวเอง ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเมื่อใบหน้าหวานชักสีหน้าโกรธแค้นและหันหน้ากลับมาสนใจเขาในที่สุด สายตาคมตวัดมองใบหน้าของเธอที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดอย่างนึกรำคาญ
“จะร้องทำไมหนักหนา!!!”
“ฮึก ฮื้อ”
“ทีอยู่กับมันแล้วหน้าตาระรื่น อ๋อ...หรืออยากขายตัวให้มัน อยากได้มันจนตัวสั่นหะ!!”
เสียงทุ้มตวาดลั่นพร้อมกับความเดือดที่พยายามกลั้นมันไว้มานานระเบิดออกมาจนได้ ข้าวหลับตาแน่นและยกหลังมืออีกข้างที่ว่างขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มใส ยุนกิถลึงตาจ้องใบหน้าสวยอย่างคาดโทษ เห็นว่าข้าวไม่ตอบอะไรและเอาแต่ก้มหน้า ทำให้ยุนกิยิ่งหมั่นไส้อยากแกล้งมากขึ้นเป็นทวีคูณ เขาออกแรงลากแขนให้เธอเดินตามมาอีกครั้ง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปยังทะเลกว้างก็พบว่าไม่ไกลออกไปมีเรือลำขนาดกลางสีขาวจอดนิ่งอยู่ราวกับว่าจอดรอใครบางคนอยู่อย่างนั้น และเมื่อรู้ตัวอีกทีขาทั้งสองข้างเริ่มเปียกมากขึ้นเพราะคนตัวใหญ่ลากเธอลงทะเลมาเรื่อยๆ ข้าวตั้งสติจึงยื้อแรงเอาไว้จนยุนกิหันหน้ามามองพลางจิ๊ปากด้วยความรำคาญ
“ปล่อยฉันนะ!!!”
“เก็บแรงไว้ดีกว่า!”
“ฉันไม่ไป กรี๊ด!!!”
แขนแกร่งรวบสะโพกกลมกลึงไว้ก่อนจะยกขึ้นพาดบ่า เขาเดินดุ่มๆลงทะเลที่ห่างออกไปเพียงนิดเดียวก็จะถึงเรือยอร์ชส่วนตัวของเขาเอง ยุนกิได้สั่งโฮซอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าให้จัดเตรียมเรือมารับเขาให้เร็วที่สุด เพราะยุนกิตั้งใจจะไม่กลับโซลตั้งแต่แรก ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนของมาเฟียร้ายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุกมาในถิ่นของคิมแทฮยอง เรื่องข้ออ้างที่เขาเอาลุงกับป้าของเธอมาขู่ แน่นอนว่าผู้หญิงจอมพยศคนนี้ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้และเดินกลับมาหาเขาเองโดยที่ยุนกิแทบจะไม่ออกแรงอะไรเลย
“กรี๊ด!!! ไอ้คนเฮงซวย ปล่อยนะ!!!”
คนตัวเล็กดิ้นพล่านอยู่บนบ่าแกร่ง เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่แรงไม่น้อย ทำให้ร่างสูงถึงกับเหงื่อซึมตามไรผม กว่าจะแบกเธอขึ้นมาบนเรือสำเร็จก็ทำเอาเหนื่อยใช่เล่น
“ถ้ายังไม่หยุดดิ้น ฉันจะโยนลงทะเลปล่อยให้จมน้ำตายอยู่นี้แหละ!!”
“ก็ปล่อยสิ เดินเองได้!!”
น้ำเสียงอู้อี้ดังอยู่บริเวณแผ่นหลังของเขา ยุนกิกระชับแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปภายในตัวเรือที่เปิดประตูรออยู่แล้ว เมื่อเจ้านายก้าวขึ้นเรือเรียบร้อย ลูกน้องของเขาที่ประจำการคนขับก็แล่นเรือออกไปยังทะเลกว้างทันที ถึงแม้ว่าข้าวจะห้อยหัวอยู่ก็เถอะ ภาพตรงหน้าจึงเป็นพื้นสีขาวซึ่งเธอก็มั่นใจแล้วว่าเรือที่เห็นเมื่อครู่เป็นเรือของเขาจริงๆ
ตุบ!!
“อ๊ะ!”
ไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของเธอถูกคนใจร้ายเหวี่ยงลงอย่างแรงจนก้นกระแทกกับพื้น มือเล็กกุมสะโพกตัวเองไว้พลางทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ แต่ไม่เท่ากับเจ็บที่หัวใจเมื่อเห็นบางคนยืนมองการกระทำของตัวเองด้วยสีหน้าเย้ยเยาะ ราวกับว่าสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่...ก็เห็นเป็นเพียงเรื่องสนุกอย่างหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกผู้ถูกกระทำว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ข้าวตวัดสายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อแต่เย็นชา ยุนกิกระตุกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“มองทำไม?”
“คุณต้องการอะไรกันแน่!”
“เป็นคำถามที่ดี”
“คุณทำแบบนี้ทำไม!!”
“...”
“ฮึก คุณตามฉันกลับมาทำไม ในเมื่ออีกหกเดือนคุณก็จะขายฉันให้คนอื่นอยู่ดี!!”
“หยุดพูด”
“ก็ขายฉันให้แทฮยองไปสิ เขามีเงินจ่ายอยู่แล้ว ถึงจะแพงแค่ไหน—”
“บอกให้เงียบ!!”
หมับ!
“โอ๊ย!”
ยุนกิกระชากแขนบางให้ลุกขึ้นและผลักลงบนเตียงนอนที่อยู่ไม่ไกล
ใช่แล้ว...เขาพาเธอเข้ามาในห้องนอนสุดหรูของเรือยอร์ชโดยที่ข้าวไม่ทันได้สังเกตว่าตัวเองอยู่ตรงส่วนใดของเรือ มารู้ตัวอีกทีก็นอนหงายอยู่บนที่นอนกว้างนุ่ม และร่างสูงของยุนกิที่ตามขึ้นมาคร่อมเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อใบหน้าหล่อคมโน้มลงมาแทบจะติดใบหน้าของเธอ แต่ก็ต้องเบ้ปากเพราะแขนทั้งสองข้างถูกมือหนาล็อคไว้เหนือศีรษะ แรงมากมายมหาศาลของยุนกิทำให้ข้าวนึกกลัวอยู่ไม่น้อยแต่ก็ต้องแสร้งอวดเก่งต่อไป
“ออกไปนะ!!”
“เลิกพูดถึงมันก่อนที่ฉันจะเอาลูกปืนยัดปาก”
“...”
“อยากตายมากหรือไง!?”
“คนใจร้าย ฮึก”
น้ำเสียงหวานพูดออกมาเบาๆในลำคอราวกับว่ากลัวคนบนร่างจะได้ยิน ยุนกิจ้องมองใบหน้าสวยที่มีคราบน้ำตาติดอยู่บนแก้มใส ดวงตากลมโตที่เขาคิดว่าเคยร่าเริงสดใส ตอนนี้หม่นหมองและมีน้ำคลออยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาเธอมักจะร้องไห้ แล้วเวลาที่อยู่ใกล้คนอื่นล่ะ เธอร้องไห้บ้างหรือเปล่า?
คนไม่มีหัวใจเอาแต่คิดไปต่างๆนาๆอยู่คนเดียว โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่านัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวกำลังกวาดมองพิจารณาใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ใต้ร่าง ทั้งคิ้ว ดวงตา จมูกและริมฝีปากสีแดงฉ่ำธรรมชาติที่กำลังสั่นระริกเพราะอะไรเขาเองก็ไม่แน่ใจ ก่อนที่ปากอิ่มตรงหน้ากำลังขยับเพื่อพูดอะไรบางอย่าง
“ฉ...ฉันไม่พูดแล้วก็ได้ ออกไปจากตัวฉันสักทีเถอะมันหนักนะ”
ยามที่ริมฝีปากบางกำลังขยับไปมา หัวสมองของยุนกิกลับตื้อไปหมด เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
มินยุนกิผู้ที่ไม่เคยมีจูบแรก...
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังหวงริมฝีปากของตัวเองยิ่งกว่าอะไร แม้ว่าจะเคยร่วมหลับนอนกับหญิงสาวมามากมายแต่ไม่เคยมีใครได้ลิ้มลองรสจูบของมาเฟียหนุ่มเลยสักคน เพราะมินยุนกิคิดว่าการจูบใครสักคนเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง รักที่ออกมาจากหัวใจจริงๆ ถึงเขาจะไม่เคยบอกรักใคร ไม่เคยจูบใคร แต่ยุนกิก็ไม่รู้สึกว่าการขาดความรักเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิต ไม่มีความรักเขาก็อยู่ได้
ผิดกับปัจจุบันโดยสิ้นเชิงที่ไม่มีผู้หญิงคนนี้ เขากลับอยู่ไม่เป็นสุข
แต่คงเป็นเพราะคิมแทฮยอง เขาแค่ไม่อยากให้น้องชายตัวร้ายมีความสุขกับคนของเขาก็เท่านั้น คงเป็นเหตุผลนั้น เหตุผลนั้นจริงๆ...
“...”
ใบหน้าหวานหันไปหันมาเพราะท่าทางแปลกๆของยุนกิที่เหมือนคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง ข้าวไม่กล้าเอ่ยชื่อเรียก ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เหงื่อผุดตามไรเส้นผมเพราะความกลัวผู้ชายตรงหน้า เธอรู้ตัวว่ายุนกิกำลังจ้องมองริมฝีปากของเธออยู่ ปากบางจึงเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเขาตวัดสายตาขึ้นมามองตาเธอแทนปากอย่างตอนแรก ใบหน้าหล่อหงิกงอเหมือนคนกำลังถูกขัดใจ
“อ...อะไร ลุกออกไปสักทีมันเมื่อยนะ!”
ข้าวดิ้นพล่านแต่ข้อมือทั้งสองข้างยังคงถูกบีบไว้แน่น คนตัวสูงไม่พูดอะไรเอาแต่จ้องหน้าเธออยู่แบบนั้น ก่อนที่สายตาจะเหลือบมองลำคอระหงที่ตอนนี้กลับมีบางสิ่งเด่นชัดคือรอยแดงช้ำเลือดเป็นจ้ำๆ ยุนกิขมวดคิ้วแน่น ขบกรามอย่างลืมตัวก่อนจะนึกย้อนกลับไปถึงเมื่อตอนเช้าว่ารอยบ้าๆนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน ล่าสุดที่เขาเห็นเธอยังไม่มี งั้นก็แสดงว่าเจ้าของรอยนี้คือคนที่เขาเกลียดขี้หน้า
“ใครดูดคอ?”
“ห...หะ?”
“หูหนวกเหรอ!”
“ถามอะไรของคุณ อ๊ะ! เจ็บนะ”
มือหนาช้อนปลายคางและหันใบหน้าของเธอไปทางขวาสลับกับทางซ้ายซึ่งปรากฏรอยคิสมาร์คเด่นชัดหลายจุดยาวไปถึงไหลปลาร้า ก่อนจะใช้นิ้วโป้งกดลงไปแรงๆจากอารมณ์ที่เย็นลงกลับเดือดขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอบ!!”
“ท...แทฮยอง”
“ได้กับมันแล้วหรือไง?”
“เปล่านะ!”
“...”
“เจ็บ อย่ากดแบบนั้นได้ไหม!”
ยุนกิยังไม่เลิกกดนิ้วโป้งลงไปที่รอยช้ำแดงบนลำคอของเธอ นอกจากจะกดเขายังถูแรงๆหวังจะลบรอยนี้ให้หายไป แต่มันยิ่งทำให้ร่างบางเจ็บมากกว่าเดิม
“มันทำอะไรเล่ามาให้หมด”
“อ๊ะ คุณยุนกิ อึ้ย! เอาหน้าออกไปนะ!”
จมูกโด่งแตะที่แก้มเนียนเบาๆเพราะคนไม่มีหัวใจยับยั้งตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาลากจมูกสูดดมความหอมไปทั่วแก้มนุ่มจนถึงซอกคอขาวที่มีรอยรักของแทฮยองทับอยู่ แต่ยุนกิไม่สนใจ...เขาอยากจะทับรอยพวกนี้ให้สิ้นซาก อยากให้คนใต้ร่างเป็นของเขาแค่คนเดียวเท่านั้น
“เล่ามาให้หมด”
น้ำเสียงแหบพร่าคลอเคลียอยู่บริเวณข้างใบหูจนข้าวสะดุ้งเฮือก กัดกลีบปากล่างแน่นก่อนจะหันหน้าหนีคนฉวยโอกาสที่ล่วงเกินเธอไปถึงใต้เสื้อตัวบาง เพราะตอนนี้มือซนของเขากำลังลากผ่านหน้าท้องเนียนที่หดเกร็งเมื่อมือหนาออกแรงบีบเบาๆ
“ม...ไม่ได้ทำอะไร อ๊ะ คุณยุนกิ!”
“แล้วไงต่อ”
“แค่ทำรอยนั่น ไม่มีอะไรนอกจากนั้นจริงๆ”
ข้าวหลับตาแน่นเมื่อริมฝีปากเย็นเฉียบของยุนกิเริ่มขบกัดที่ลำคอของเธอ มันยิ่งเจ็บเพราะเขากัดเข้าไปที่รอยเก่าของแทฮยอง
“ไม่นะ!”
ร่างบางดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ยกมือที่เป็นอิสระทั้งสองข้างทุบตีแผ่นหลังกว้างแต่ยุนกิไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด เอาแต่ดูดดุนเนื้อหวานๆอย่างชอบใจ จากนั้นก็เบียดลำตัวให้นอนทับร่างของเธอจนอะไรต่อมิอะไรเบียดเสียดกัน ทั้งหน้าอกนูน และส่วนแข็งขืนที่เป้ากางเกงของมาเฟียหนุ่ม หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำเพราะรู้สึกว่ายุนกิตั้งใจเอาส่วนนั้นของตัวเองถูไถลงมา
“ปล่อยนะ จ...เจ็บ คุณเป็นบ้าอะไร! แฮ่ก”
ยุนกิผละริมฝีปากออกมา และจ้องมองผลงานของตัวเองที่ลำคอขาวตอนนี้แดงช้ำหนักกว่าเดิมก่อนจะยกยิ้มร้ายกาจ สายตาคมเลื่อนมองใบหน้าหวานที่เตรียมตัวจะร้องไห้อีกครั้ง เธอร้องไห้แน่ๆถ้าเขาไม่ลุกออกไปสักที
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันไม่ได้ทำอะไร”
“ฉันพูดจริงๆนะ!”
“ถอดให้ฉันดูสิ”
“...!!”
“ถ้าได้กันเมื่อกลางวัน ตอนนี้ก็ยังคงมีรอยอยู่...จริงไหม?”
“คนบ้า!!”
ใบหน้าหวานขึ้นริ้วสีแดงจัดเมื่อยุนกิพูดจาน่าเกลียดออกมา ข้าวส่ายหน้าแรงๆเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ได้พูดเล่น
“ถอดสิ”
“ไม่!!”
“งั้นฉันถอดให้”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

/ชอบอ่ะพี่กิโหดดี...แต่ลดความน่ากลัวลงนิดไหมล่ะอ่านไปบ้างทียังกลัวพี่แกเลย!!
สุ้สุ้นะไรท์~ ชอบฟิคนี้มากเรย ชอบจนเราแนะนำให้เพือนมาอ่านด้วยย ~ ว่างๆก้อมาต่อบ่อยๆเด้อออ
โหดอิ๋บอ๋าย หวงสุดๆ และหื่นมากๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง โอ้โห ยอม ยอมเป็นเมียทั้งสองคนอ่ะ -,.- ตอนนี้ยังทีมโฮซอก เอ้ย แทฮยองอยู่นะถ้ายุนกิยังไม่รู้ใจตัวเองอยู่ มาหงมาหวงเฉยๆไม่ได้ หลอกขย้ำฟรีไม่เอา เราหึง /อ้าว ผิดๆ
ข้าวบอกไม่ก็คือไม่ แกจะมาถอดเถิดอะไรรรร โอ๊ย รอ NC สิคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ทั้งเรื่องเรียนและงานเขียน รออยู่น๊า ว่างเมื่อไหร่มาอีก ดูแลสุขภาพด้วยเน้อ