REVENGE 4
เวลาสี่ทุ่มที่สนามบินในประเทศเกาหลีใต้ตอนนี้มีผู้คนพุกพ่านเต็มไปหมด ทั้งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศนี้และกำลังจะออกจากประเทศนี้เดินกันวุ่นวายไปเสียหมด ปาร์คจินยองที่เพิ่งลงจากเครื่องก็เดินงุนงงกับสถานที่แห่งนี้อย่างสับสน เป็นเวลาสิบปีที่เข้าไม่ได้มาที่นี่เลยสักครั้งเดียว แม้จะยังคงติดต่อเพื่อนในโซลบ้างบางเวลาแต่ก็เป้นช่วงเวลาสั้นๆซะมากกว่า เพราะเวลาที่อเมริกาและโซลนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Rrrrrrr~~
เสียงเรียกเข้าของมือถือเครื่องหรูดังขึ้น มือบางหยิบโทรศัพท์นั่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะดูรายชื่อที่โทรเข้ามาในขณะนี้ แต่จินยองก็ต้องจิ๊ปากเมื่อสายของคนที่โทรเข้ามานั้นเป็นอะไรที่ไม่ควรโทรหาเขาในตอนนี้เป็นอย่างมาก คนที่โทรมาจากลอสแองเจลิสซึ่งในขณะนี้ก็เวลา 6 โมงเช้าของวัน ซึ่งคนที่โทรมาหาเขานั้นก็ไม่ควรที่จะตื่นในเวลานี้เลยสักนิด
"ว่าไงพี่มาร์ค ตื่นเช้าจังนะ" ร่างบางกดรับสายก่อนจะชิงพูดก่อนอย่างไว
[ถึงโซลแล้วใช่ไหม? เจอเพื่อนหรือยัง?]
"ยังไม่เจอเลย ผมก็หาอยู่เหมือนกันคนเยอะมากเลย เวียนหัว" จินยองยังคงเขย่งเท้าสอดส่องมองหาเพื่อนที่จะมารับขับในตอนนี้แต่ก็ยังไม่เจอใครเลยสักคน มีแต่เพียงนักท่องเที่ยวที่มากหน้าหลายตาที่เดินวนไปวนมาจนเขาเริ่มเวียนหัวแทน
[อย่าเพิ่งเป็นลมไปนะโว้ยยย ฮ่าๆๆ]
"ก็ไม่ได้อ่อนแอบอบบางอะไรขนาดนั้นป่ะว่ะ?"
"เฮ้!!! จินยองทางนี้ๆๆ!!!"
แต่ทว่า ในขณะที่จินยองกำลังหัวเสียกับประโยคยียวนกวนประสาทของคนปลายสายก็กลับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ชายร่างสูงผิวขาวแถมยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการกำลังโบกไม้โบกมือให้เขาจนแขนแทบจะหลุดจากบ่า ชายหนุ่มเสื้อยืดสีขาวที่ถูกสวมทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ที่ดูเข้ากันดีรีบวิ่งตรงมาหาเข้าด้วยท่าทีที่ร้อนใจ ชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่าเขาจนจินยองต้องเงยหน้าคุย จากชายหนุ่มที่ดูหล่อดูดีในอเมริกากลับการเป็นเด็กน้อยทันทีเมื่ออยู่กับเพื่อนคนนี้ซะงั้น
"ฮัลโหลพี่มาร์ค ผมเจอยูคยอมแล้วล่ะ"
[โอเค งั้นแค่นี้นะจะนอนต่อแล้ว]
มาร์คต้วนกดวางสายไปทันทีที่ส่งจินยองเรียบร้อย มือบางยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงอีกครั้งก่อนจะมาสนอกสนใจเพื่อนรักตรงหน้า รอยยิ้มหล่อเหลาของยูคยอมถูกส่งมาให้ร่างบางทันที เช่นเดียวกับจินยองที่เห็นเพื่อนที่แทบจะไม่เจอกันซึ่งๆหน้าแบบนี้มาตลอดสิบปีก็ทอดสายตาสำรวจมองเพื่อนรักของแปลกใจ เพียงแค่เจอกันผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ที่คอลกันไปมา ทั้งเฟสไทม์ต่างๆที่พอจะสื่อสารกันได้ก็แค่นั้น สิบปีมันทำให้คนเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรืออย่างไรนะ..
"ทำไมมองงั้นอ่ะ?"
"ก็เห็นเปลี่ยนไปเยอะไง ฉันแทบจำนายไม่ได้เลยนะยูคยอม"
"ฉันหล่อขึ้นใช่ไหมล่ะ?" คิ้วหนาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเชิดหน้าเก๊กท่ามั่นใจเข้าไปใหญ่
"ก็คงงั้นมั้ง" ร่างบางตีหน้ายิ่งเมื่อดูเหมือนเพื่อนของเขาจะเริ่มหลงตัวเองขึ้นทุกที
"ใครๆก็ว่างั้นอ่ะ ฮ่าๆๆ"
"น่ามคาน" จินยองเบ้ปากใส่ร่างสูงที่ยืนเก๊กหน้าหล่อจนน่าหมันไส้ แต่ก็ดูเหมือนว่ายูคยอมจะไม่ค่อยสะทกสะท้านอะไรเลยสักนิดใบหน้าหล่อเหลายังคงระรื่นลอยหน้าลอยตาอยู่เหมือนเดิม
"ฮ่าๆๆ โอเค๊ๆ กลับบ้านกันเถอะ"
ระหว่างเดินทางออกจากสนามบินเพื่อไปยังบ้านของยูคยอมนั้น ทั้งสองก็พูดคุยเจื้อแจ้วกันมาตลอดทางอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันต่างๆนาๆ จนทำให้จินยองรู้ว่าตอนนี้พ่อกับแม่ของยูคยอมบินไปดูงานกันที่ญี่ปุ่นสักสองวันแล้ว เพราะฉะนั้นในตอนนี้ยูคยอมก็อยู่บ้านคนเดียวถ้าหากว่าไม่รวมจินยองที่กำลังจะมาขออาศัยอยู่หลังจากนี้ไป
รถยนต์คันหรูจอดเทียบกับลาดจอดรถหน้าบ้านของยูคยอม เมื่อรถยนต์จอดปุ๊บก็มีชายวัยกลางคนและแม่บ้านวิ่งกรู่เข้ามารับจนจินยองเองก็งงอยู่เหมือนกัน ชายวัยกลางคนรับกุญแจของของยูคยอมทันทีเพื่อนำรถของเขาเข้าไปเก็บ แม่บ้านที่วิ่งเข้ามาก็ขนกระเป๋าเสื้อผ้าของจินยองขึ้นไปบนบ้านทันทีโดนที่เขาไม่พูดอะไรให้มากความ ฐานะทางบ้านของยูคยอมก็ดีพอสมควรเลยทีเดียว
"ขึ้นไปพักเถอะจินยอง ดึกล่ะ"
"อืม ขอบใจนะยูคยอม"
"เพื่อนกันน่า แค่นี้เรื่องจิ๊บจ๊อย"
ร่างบางเดินดิ่งตามแม่บ้านที่เอ็นดูเขาอย่างดี ดึกป่านนี้ยังจะออกมาต้อนรับเขาอีกจนรู้สึกเกรงอกเกรงใจ จินยองมายังห้องนอนที่แม่บ้านตระเตรียมไว้ให้ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปทันทีโดยไม่รีรอ ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยล้ากับการเดินทางที่แสนจะเนินนานมาตลอดทั้งวัน ร่างบางหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงอย่างอิดโรยโดยที่เขาไม่ได้หลับใหลไปแต่อย่างใด
ในหัวสมองเขากลับคิดทบทวนเกี่ยวกับการหางานทำในโซล แม้ว่าเขาจะได้ติดต่อกับบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งเอาไว้แล้ว โดยที่เขาได้นัดหมายให้ไปสัมภาษณ์งานในวันจันทรืที่จะถึง แต่เขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะสามารถทำได้ไหม และอีกเรื่องคืออดีตที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เขามาเหยียบในโซลเรื่องราวเก่าๆก็ลอยเข้ามาในหัวตลอดเวลา แม้จะพยายามสะบัดความคิดบ้าๆออกไปแล้วมันก็ไม่สามารถลบออกไปจากสมองได้เลย ก่อนที่จินยองจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจและพลางพึมพำกับตัวเอง
"สู้ๆนะปาร์คจินยอง"
เท้าหนาพลางก้าวลงตามยังชั้นล่างของบ้านหรูหลังใหญ่ บ้านที่ไม่ค่อยมีใครอยู่บ่อยครั้งมันกลับทำให้เงียบสงบราวกับบ้านร้าง นอกจากคุณนายอิมแล้วก็มีแม่บ้านไม่มากนักที่อาศัยอยู่ ส่วนตัวอิมแจบอมเองก็เทียวไปเทียวมาระหว่างเกาหลีและต่างประเทศบ่อยๆจนไม่ค่อยมีเวลาได้กับมาบ้านสักเท่าไหร่
ขณะที่ร่างสูงเดินลงบันไดมานั้นก็เรียกความสนใจจากคนภายในบ้านได้เป็นอย่างดี สายตาของเมดสาวน้อยสาวใหญ่ที่อยู่ในบ้านก็แปลกอกแปลกใจที่เห็นอิมแจบอมอยู่ในบ้าน เพราะเจ้าตัวก็ไม่ได้บอกกล่าวใครสักคนว่าจะกลับโซลมาตอนไหน แม้แต่คุณนายอิมเองเขาก็ไม่ได้บอกเลยสักคำ สายตาของผู้เป็นแม่ที่เห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็เบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนที่ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาจะส่งรอยยิ้มสดใสให้กับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในชีวิต
"แจบอม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก" คุณนายอิมเดินเข้าไปหาลูกชายคนเดียวของเธอทันทีก่อนจะใช้มือลูบใบหน้าหล่อของอิมแจบอมอย่างเป็นห่วง
"เมื่อคืนครับ เห็นบ้านมืดหมดแล้วเลยไม่อยากรบกวนน่ะครับ" แจบอมสวมกอดผู้เป็นแม่ทันทีก่อนจะฝังจมูกลงที่แก้มทั้งสองของคุณนายอิม
"จริงๆเลยนะเรา ทำอะไรไม่เคยจะบอกแม่เลย"
"ฮ่าๆๆๆ ไม่งอนนะครับที่รักของผม" แจบอมโผ่กอดแม่อย่างอ้อนๆ เมื่อคุณนายอืมมีทีท่าว่าจะงอนเขานิดหน่อย
"แล้วกลับมาด่วนๆแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าหื้ม?"
"เอ่อ.. ผม" น้ำเสียงตะกุกตะกักของลูกชายตัวดีก็ทำให้ผู้เป็นแม่หรี่ตาลงเล็กน้อย
"แจบอม.."
"โถ่ แม่อ่ะ ก็งานที่บริษัทนั่นแหละครับ"
"ลูกก็ฝากลุงซูดูแลไว้ไม่ใช่เหรอ?"
"ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นนั่นแหละครับ ผมอยากดูแลเองมากกว่า" คำพูดของอิมแจบอมทำให้ผู้เป็นแม่อึ้งไปเล็กน้อย น้ำเสียงจริงจังและมุ่งมั่นของเขามันยิ่งไม่อยากทำให้เธอถามอะไรไปมากกว่านี้
"อ่า แล้วแต่ลูกเลยแล้วกัน ดูแลสุขภาพด้วยนะลูก"
"ครับ ผมจะออกไปข้างนอกซะหน่อย แม่จะเอาอะไรไหมครับ?"
"อืม...ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ที่บ้านก็มีเยอะแยะแล้ว"
"งั้นผมไปก่อนนะครับ"
ร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มผู้เป็นแม่เล็กน้อยก่อนจะขอตัวเดินออกไปเพื่อไปทำธุระที่ตัวเองตั้งใจตั้งแต่แรก สายตาของผู้เป็นแม่มองตามหลังลูกชายอย่างไม่ละสายตา เธอรู้ดีว่าลูกชายของเธอฝังใจเรื่องในอดีตจนคิดจะหาทุกวิถีทางที่จะแก้แค้น แม้ว่าเธอเองจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถหยุดความคิดหรือห้ามปราบผู้เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอได้เลย คุณนายอิมรู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงความโลภของใครบางคนที่คิดจะทำลายครอบครัวเธอให้ย่อยยับ และเธอเองก็ยังคงมั่นใจในตัวเพื่อนของเธอเสมอ เพื่อนที่คบกันมามากกว่า 20 ปีอย่าง ปาร์ค ซูฮยอก จะไม่มีวันทำร้ายเธอและสามีของเธอได้อย่างแน่นอน แต่กลับเป็นอิมแจบอมที่ปักใจเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสายตาของตนเองอย่างไม่สามารถขัดแย้งอะไรได้
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีผู้คนพุกพ่านวุ่นวายไปซะหมด ในวันนี้เป็นวันอาทิตย์เพราะฉะนั้นผู้คนต่างพากันมาช็อปปิ้งกันในวันนี้ เช่นเดียวกับจินยองและยูคยอมที่ออกมาเดินช็อปปิ้งในวันนี้เหมือนกัน ทั้งสองเดินดุ่มเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนชื่อดังร้านหนึ่งก่อนจะเลือกสรรเสื้อผ้าที่ดูเหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด
ทั้งคู่ใช้เวลาเลือกเสื้อผ้านานพอสมควรก่อนจะปลีกตัวออกจากร้านทันทีเมื่อได้ชำระเงินที่แคชเชียร์เสร็จเรียบร้อย ใบหน้าหวานยิ้มแย้มสดใสตลอดเมื่อได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระกับเพื่อนรักอย่างคิมยูคยอม ภาพเก่าๆสมัยเรียนมัธยมก็ผุดลอยมาในหัวตลอดเวลา จนถึงตอนนี้ที่เขาได้กลับมาอยู่กับเพื่อนรักอีกครั้ง มันจึงเป็นช่วงเวลาที่เขาอยากจะจดจำไปนานแสนนาน
ทว่า ขณะที่เขาทั้งคู่กำลังเดินอย่างใจเย็นอยู่นั้นกลับมีคนวิ่งกรูผ่านร่างพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว เสียงฮือฮาซุบซิบของผู้หญิงหลายคนต่างก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองงุนงงเป็นไก่ตาแตก แม้จะไม่มีเสียงกรี๊ดกร๊าดแบบเจอดารานักร้องแต่ภาพตรงหน้าของเขาทั้งคู่ก็เรียกความสนอกสนใจอยู่ไม่น้อย หรืออาจจะเป็นเซเลปคนดังในเกาหลีก็เป็นไปได้
"มีอะไรกันว่ะ? เซเลปเหรอ?" จินยองถามขึ้นโดยที่เท้ายังคงเขย่งชะโงกหน้ามองไปด้านหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็น
"น่าจะใช่มั้ง? แต่แม่งแปลกป่ะ ดูดิ แหวกเป็นทะเลแหวกเลย" ยูคยอมพยักหน้าขึ้นเป็นสัญญาณให้คนข้างๆมองเห็นความผิดปกติด้านหน้า พวกที่วิ่งไปทางนั้นกลับแหวกทางให้ใครบางคนเดินอย่างเงียบสนิท แม้จะวิ่งกรูไปตอนแรก แต่กลับทำตัวหดเหมือนโดนแม่ดุอบ่างไงอย่างงั้น
"อ่า.. ช่างเถอะ ไปหาอะไรกินดีกว่า"
"อืม ไปดิ"
ยูคยอมเดินนำจินยองไปทางอื่นทันทีที่รู้สึกว่าเหตุการณ์ด้านหน้าไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าสนใจสักเท่าไหร่ แม้จินยองเองก็อยากรู้อยากเห็นอยู่เหมือนกันว่าภาพตรงนั้นคืออะไร แต่มันก็คงไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตของเขามากนักจึงเลือกที่จะเดินออกมา รวมถึงเกรงใจยูคยอมที่ดูท่าจะหิวมากอยู่เหมือนกัน แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าชายเซเลปคนที่เขาเลือกที่จะมองข้ามผ่านนั้น กำลังมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน
(อ่านทอล์คสักนิดจิตแจ่มใส)
-TALK-
__มาแล้ววว ฮืออออ เฉียดไปเฉียดมา
เขาจะเจอกันแล้วค่ะ ตอนหน้านะ อิอิ
ยังไงก็ติดตามกันต่อไปน้าา
ปล.ฝากติดแท็กคอมเมนต์ให้ไรท์หน่อยน้า
hashtag : รวบน
(รีเวนจ์บีเนียร์)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
เป็นอีกเรื่องที่สนุกมากก
ปลื้มมใจจจ