ตอนที่ 7 : ดวงใจศิขรินทร์ : ตอนที่ 2 --- 100%
"งั้นฝากไว้แค่นี้ครับ อย่าไปดื้อไปซนกันก็พอ"
"ไม่ดื้อค่า" เสียงขานรับจากบรรดาชาวค่ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวๆ ดังก้อง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ แต่ไม่ใช่กับมีนมีนาที่นั่งนิ่งอย่างนึกสงสัย ว่าทำไมดวงตาคมดุคู่นั้นถึงได้วกมาที่เธออยู่เรื่อยเลย นี่เขาคงไม่ได้กล่าวหาว่าเธอดื้อ เธอซนหรอกนะ
หลังจากจบการชี้แจงจากศิขรินทร์ ชายหนุ่มก็มอบหน้าที่ให้ดินกับพล เพื่อสรรหาที่พักให้กับชาวค่ายแต่ละคน โดยมีบรรดาชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรมมายืนรอรับสมาชิกใหม่ ทำเอาทุกคนลุ้นกันตัวโก่ง ด้วยไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ไปพักที่บ้านหลังไหน และที่บ้านหลังนั้นจะมีลักษณะเป็นอย่างไร
เสียงดินขานเรียกรายชื่อสมาชิกค่ายคนแรก ก่อนที่สาวร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนทะมัดทะแมงจะเดินไปจับสลากในกล่องกระดาษสีสันสดใสที่พลถืออยู่ แล้วจึงส่งให้ดินเปิดอ่าน
"บ้านแม่เอื้องจัน" ประธานค่ายร่างใหญ่ขานเสียงดังฟังเป็นภาษาเหนือชัดแจ๋ว ก่อนหญิงวัยกลางคนจะก้าวออกมาต้อนรับหญิงสาว เรียกเสียงเฮดังลั่น ประหนึ่งเชียร์มวยก็ไม่ปาน ทำเอาคนยืนสังเกตการณ์เผยยิ้มบางๆ ยามมองเหตุการณ์สนุกสนานตรงหน้า
"เด็กพวกนี้ดูท่าจะคึกคักกันน่าดูเลยแฮะ" ร้อยโทอคินเอ่ยขึ้นเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะมองดูบรรดาชาวค่ายอาสาส่งเสียงเย้วๆ เชียร์เพื่อนที่ลุกขึ้นไปจับสลากทีละคน
"คึกคักบ้างก็ดี เป็นสีสัน"
"แต่พี่มีนดูจะไม่คึกคักเท่าไหร่" ศิขรินทร์ชะงักไปเล็กน้อยยามที่เพื่อนเอ่ยชื่อหญิงสาวคนนั้นขึ้นมา พลันสายตาก็หันไปมองยังจุดที่ร่างบางนั่งอยู่ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ดินขานชื่อเรียก หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนพอดี
"น้องเขาดูน่าสนใจดีเนอะ" ศิขรินทร์เงียบ ไม่ได้ตอบคำถามนั้น ด้วยเพราะรู้แกวว่าเพื่อนกำลังจับสังเกตตัวเอง หมอนี่คิดว่าเขาสนใจเด็กนั่นงั้นหรือ
"แกว่าไหมคาม น้องพี่มีนน่าสนใจดี"
"หยุดความคิดของแกเดี๋ยวนี้เลย"
"แกรู้เหรอว่าฉันคิดอะไร" อคินถามพร้อมกับหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยท่าทีทะเล้น แต่ศิขรินทร์กลับตีสีหน้าเรียบเฉย
"โอเคๆ ฉันไม่พูดแล้วก็ได้" ร้อยโทอคินสงบปากสงบคำ แต่ใบหน้ากลับเจือไปด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี ที่กวนอารมณ์เพื่อนให้ขุ่นมัวได้ ขืนศิขรินทร์มีปฏิกิริยาแบบนี้แล้วล่ะก็ สิ่งที่เขาคิดคงจะไม่พลาดแน่ และถึงแม้อคินเพิ่งเอ่ยปากว่าจะไม่พูด แต่ก็อดไม่ได้เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชาวบ้านคนหนึ่งก้าวออกมา
"นั่นมันป้าคำจันนี่" ร้อยโทอคินเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ "แกยอมให้ป้าคำจันเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยหรือวะคาม"
"อือ" ศิขรินทร์ขานรับเพื่อนอย่างเสียไม่ได้ ด้วยเพราะรู้ถึงสาเหตุที่เพื่อนเอ่ยท้วงได้ดี ลูกชายป้าคำจันติดยาเสพติดและเป็นหนึ่งในสมาชิกของขบวนการค้ายาแถบตะเข็บชายแดน "เขามาหาฉันที่บ้าน และเสนอตัวเข้าร่วมกิจกรรม ฉันจะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะป้าคำจันไม่ได้ทำอะไรผิด"
"มันก็จริงอย่างที่แกว่า แต่มันจะอันตรายตรงที่ไม่รู้ไว้ไอ้จองมันจะย้อนกลับมาเมื่อไหร่นี่สิ" ร้อยโทอคินหมายถึงลูกชายของป้าคำจันที่หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้แรมเดือน และในขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้
"นั่นแหละที่น่าเป็นห่วง"
"แล้วแกจะยอมให้น้องคนนั้นไปพักที่บ้านป้าคำจันจริงๆ น่ะหรือ ขืนไอ้จองมันย้อนกลับมาล่ะ"
"มันคงยังไม่กล้าย้อนกลับมาหรอก"
"แกจะมั่นใจได้ยังไง" ศิขรินทร์เงียบลงอย่างไปไม่เป็น เมื่อถูกเพื่อนย้อนถามตรงประเด็น ด้วยเพราะไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่านายจองจะไม่ย้อนกลับมาที่มะปินอีก
“งั้นคงต้องจัดเวรยามรักษาความปลอดภัย คอยผลัดเปลี่ยนกันดูแลความเรียบร้อยของหมู่บ้านในช่วงสองเดือนนี้” ศิขรินทร์เอ่ยขึ้น หลังจากหยุดคิดชั่วครู่ ก่อนสรุปว่าการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ
“งั้นฉันจะจัดเวรให้พวกลูกน้องมาช่วยอีกแรงก็แล้วกัน ถ้ามันเห็นพวกทหารเดินป้วนเปี้ยน มันคงจะไม่กล้ากลับมาตอนนี้หรอก" ร้อยโทอคินบอกสำทับ ขณะที่ศิขรินทร์พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ก่อนทั้งคู่จะยุติบทสนทนาลง แล้วเพ่งสายตาไปยังร่างบางของคนต้นเหตุที่เดินแยกออกไปยืนคู่กับป้าคำจัน ขณะกำลังยืนรอและร่วมเชียร์บรรดาสมาชิกชาวค่ายคนอื่นๆ จนจับสลากกันครบทุกคนแล้ว ประธานค่ายอย่างดินจึงขยับก้าวออกมาชี้แจงกำหนดการคร่าวๆ ของกิจกรรมในช่วงค่ำ แล้วจึงอนุญาตให้ทุกคนแยกย้ายออกจากลานรวมพล เพื่อไปยังที่พักของแต่ละคน ซึ่งอยู่กระจายกันออกไป โดยมีเจ้าของบ้านแต่ละหลังกุลีกุจอช่วยหอบหิ้วข้าวของและสัมภาระกันดูวุ่นวาย แต่ใบหน้าของทุกคนกลับเจือไปด้วยรอยยิ้มละไม
มีนมีนาหิ้วกระเป๋าเดินทางที่บรรจุเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็น รวมไปถึงสิ่งของจำพวกหนังสือ ของกระจุกกระจิกที่อดีตคนรักอย่างทศเทพเคยมอบให้ ซึ่งหญิงสาวขนมาบริจาคจนหมดแบบไม่คิดอาลัยอาวรณ์ ขณะกำลังเดินตามป้าคำจัน เจ้าของบ้านร่างผอมบางไปยังที่พัก ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากลานรวมพลราว 800 เมตร
"เหนื่อยก่อเจ้า" มีนมีนาเงยหน้าขึ้นยิ้มแหยๆ ยามที่ป้าคำจันเอ่ยถามด้วยภาษาเหนือชัดเจน ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงปนหอบเล็กน้อย
"นิดหน่อยค่ะ ว่าแต่...อีกไกลไหมคะ"
"อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วจ้ะ บ้านป้าอยู่ตรงนู้น" มีนมีนามองตามนิ้วของป้าคำจัน เห็นบ้านไม้แบบยกใต้ถุนสูงตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เคียงข้างด้วยบ้านลักษณะเดียวกันและบ้านปูนชั้นเดียวแบบมีใต้ถุนอีกหลายหลัง หญิงสาวเห็นเพื่อนชาวค่ายคนหนึ่งกำลังหิ้วกระเป๋าเดินขึ้นไปบนบันไดที่ทำจากไม้แต่ไม่มีราวจับ ท่าทางทุลักทุเล ดูน่าขัน พอคิดดังนั้นก็หลุดยิ้ม เพราะคิดว่าตัวเองก็น่าจะมีท่าทางไม่ต่างกัน
"บ้านป้าคำจันอยู่กันกี่คนหรือคะ" มีนมีนาถามกลบความเงียบ เพราะเท่าที่สังเกตดูป้าคำจันไม่ใช่คนพูดเก่ง เหมือนกับป้าเอื้องคำ เจ้าของบ้านที่รับดูแลน้ำฝน เจ้านั้นพูดเป็นต่อยหอย แบบที่น้ำฝนพูดไม่ทันเลยทีเดียว และมีนมีนายังจำรอยยิ้มแหยๆ ของรุ่นน้องได้ดี
"สอง ลุงกับป้า รวมหนูด้วยก็เป็นสาม" ป้าคำจันตอบสั้นๆ ขณะที่มีนมีนาพยักหน้ารับน้อยๆ
"แล้วป้าคำจันไม่มีลูกหรือคะ"
"มีจ้ะ แต่มันไม่อยู่"
"งั้นมีนขอฝากตัวเป็นลูกสาวสักสองเดือนนะคะ"
"จ้า" มีนมีนาฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี แล้วรีบกึ่งลากกึ่งหิ้วกระเป๋าไปยังบ้านพักเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
บ้านของป้าคำจัน เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่ยกพื้นสูงจากพื้นดิน มีบันไดไม้กว่าสิบขั้นทอดสูงสู่ระเบียงบ้านที่ยื่นออกไปแถบเชิงเขา ด้านในโล่งกว้าง มีห้องครัวและห้องนอนอีกสองห้อง ขณะที่โถงกลางบ้านมีโทรทัศน์วางตั้งอยู่
"พออยู่ได้ไหม" ป้าคำจันถาม ขณะที่มีนมีนากวาดตามองไปรอบบ้านที่ค่อนข้างโล่งกว้าง ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างไม่เรื่องมาก ดีกว่าเพิงนอนตอนไปค่ายอาสาสมัยมหาวิทยาลัยตั้งเยอะ
"อยู่ได้ค่ะ สบายมาก"
"ป้าเตรียมห้องนอนไว้ให้หนูแล้ว หวังว่าจะพออยู่ได้นะ" หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอก แล้วเดินไปผลักบานประตูที่ทำจากซี่ไม้ไผ่ให้เปิดออก เผยให้เห็นห้องขนาดเล็ก โล่งกว้าง เนื่องจากไม่มีเครื่องเรือนสักชิ้น มีเพียงเสื่อและเครื่องนอนกองไว้ตรงมุมหนึ่ง
"ห้องนอนเก่าลูกป้าเอง แต่มันไม่อยู่แล้ว ป้าเลยปัดกวาดเช็ดถูให้ใหม่" มีนมีนาก้าวเข้าไปในห้องพร้อมกับกลอกตามองสำรวจไปรอบๆ ขณะที่เจ้าของบ้าน เดินไปเปิดหน้าต่างที่ปิดไว้ ก่อนลมเย็นๆ จะโชยเข้ามาปะทะใบหน้า
"ตรงห้องนี้จะมองเห็นวิวไร่ชา ป้าคิดว่าหนูน่าจะชอบ" มีนมีนาขยับเข้าไปดู เห็นไร่ชากว้างขวางอยู่ด้านล่าง
"ชอบค่ะ สวยมากเลย" หญิงสาวยิ้มกว้าง มองไร่ชาสีเขียวละลานตาอย่างชอบใจ
"งั้นหนูพักผ่อนเถอะ เก็บข้าวของให้เรียบร้อย เดี๋ยวป้าจะไปช่วยเขาเตรียมอาหารเย็น วันนี้นายคามจัดงานต้อนรับ เราจะไปกินรวมกันที่ลานดินกลางหมู่บ้าน"
"ลานดินที่เราเพิ่งจากมาน่ะหรือคะ"
"จ้ะ ที่นั่นแหละ"
"งั้นมีนขอจัดของสักพัก แล้วจะตามไปนะคะ"
"จ้ะ ตามสบายเลย"
"ขอบคุณป้าคำจันมากนะคะ" มีนมีนากระพุ่มมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าที่ฉีกยิ้มกว้างรับคำอย่างยินดี
"ป้ายินดีเจ้า ยังไงก็ทำตัวสบายนะ ขาดเหลืออะไรก็บอกป้าได้"
"ค่ะ" มีนมีนายิ้มรับบางๆ ก่อนป้าคำจันจะผละออกไป หญิงสาวยืนมองวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นจากหน้าต่างได้อีกชั่วครู่ แล้วจึงผละไปรื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นออกมาวางเรียงบางส่วน ก่อนจะล้มตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนทับฟูกนอนสีกลางเก่ากลางใหม่ที่กองอยู่ พร้อมกับเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูเป็นอันดับแรก พบเป็นข้อความจากพะแพงที่ส่งมาสำทับว่าอย่าลืมโทรรายงานเมื่อถึงหมู่บ้านมะปิน แต่เมื่อมีนมีนาเหลือบมองขีดสัญญาณตรงมุมขวาบนของหน้าจอแล้วก็ได้แต่เฉย ก่อนวางโทรศัพท์มือถือในลงอย่างไร้ความหมาย แล้วหลับตาลง สูดเอาอากาศบริสุทธิ์ที่แสนเย็นสบายเข้าปอดเฮือกใหญ่
ของีบหลับสัก 10 นาทีแล้วค่อยเดินหาจุดสัญญาณโทรกลับละกัน
----------------------------------------------------------------
อัพแล้วจ้าาา อย่าลืมคอมเมนต์ โหวตส่งกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กลัวแทนเลย