คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter4 : I feel that something goes wrong
ตั้งแต่เมื่อวานที่หญิงสาวที่ชื่อ อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะถูกนำตัวมายังลาส์ นอเช่และอยู่ภายใต้การดูแลของท่านอุลคิโอร่า นางก็ถูกนำไปขังไว้ที่ห้องห้องหนึ่งภายในบริเวณส่วนกลางของวัง เห็นหน้าตาดูซื่อๆไร้เดียงสาแต่เจ้าหล่อนเป็นคนที่ดื้อเงียบพอตัวเลยทีเดียว นางสร้างปัญหาให้นายท่านปวดหัวไม่น้อย เพราะผ่านมาทั้งวันนางเล่นไม่ยอมทานอาหารที่อารันคาร์ทำไปให้เลยแม้แต่คำเดียว
ไม่รู้ว่าที่นางทำแบบนั้นเป็นเพราะกำลังอยู่ในวัยต่อต้าน หรือเป็นเพราะอาหารมันรสชาติห่วยจนกินไม่ลงก็ไม่รู้สิ...ข้าคิดพลางยกอาหารเย็นที่ทำเสร็จแล้วจากครัวออกมาวางไว้บนโต๊ะ
ช่างเถอะ...จะเพราะเหตุผลไหน มันก็ดูจะไม่เกี่ยวกับข้าอยู่ดี...
ข้าได้ยินเสียงฝีเท้า...ดูเหมือนว่านายท่านจะกลับมาแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะท่านอุลคิโอร่า วันนี้จะทานอาหารเย็นด้วยกันไหมคะ” ข้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเริงร่า เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามายังโต๊ะอาหาร
นายท่านจ้องมองอาหารหลายอย่างที่ข้าทำวางนิ่งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบเนื้อไก่ชิ้นเล็กๆขึ้นมาชิ้นหนึ่งและใส่ปากเคี้ยว...ข้าจ้องหน้าเขา ลุ้นว่าเขาจะพูดอะไรออกมาไหม
“...อาหารที่เจ้าทำ...รสชาติอร่อยกว่าเจ้าพวกระดับล่างทำจริงๆนั่นแหละ”
ข้าเบิกตากว้างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...เขาชมว่าอาหารข้าอร่อย เป็นครั้งแรกที่เขาทานอาหารที่ข้าทำแล้วชมว่ามันอร่อย!
หัวใจข้าเต้นระรัวด้วยความดีใจ ข้าฉีกยิ้มกว้าง ในที่สุดความพยายามของข้าก็ส่งไปถึงเขา
...หากแต่ประโยคต่อมากลับแทบฉีกกระชากใจของข้าให้หยุดเต้น
“ยกมันใส่ถาดซิ ข้าจะลองเอาไปให้แม่หญิงคนนั้นกิน...บางทีนางอาจจะยอมทานมันก็ได้”
“...เอ๋?”
“...ว่ายังไงนะคะ” ข้าระล่ำระลักถามอย่างไม่เชื่อหู
“ข้าบอกว่ายกมันใส่ถาด ข้าจะนำไปให้อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ” เขาเอ่ยต่อราวกับมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยสักนิด แต่มันทำให้ข้าชาวาบไปทั้งตัว
...อาหารที่ข้าเฝ้าตั้งใจทำเพื่อท่านทุกครั้ง แต่ท่านไม่เคยสนใจ หากแต่มาวันนี้ท่านกลับเห็นว่ามันมีค่า...เพื่อจะนำไปให้หญิงสาวชาวมนุษย์กินงั้นหรือ...
ข้าก้มหน้าลง เพื่อซ่อนมิให้ท่านอุลคิโอร่าเห็นน้ำใสๆที่เอ่ออยู่ริมขอบตา มือของข้าที่กำถาดอาหารแน่นสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ข้าพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติที่สุด และเอ่ยออกมาช้าๆ...
“ทราบแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะ ข้าจะไปนำรถเข็นอาหารมาใส่ให้” ข้าโค้งหนึ่งทีและรีบวิ่งกลับเข้าไปในครัว หยาดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาอาบแก้ม ข้ายกมือขึ้นปาดมันออกอย่างลวกๆ
...อย่าคิดมากสิอาราวเน่ ที่ท่านอุลคิโอร่าต้องใส่ใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นก็เพราะมันเป็นงานที่ท่านไอเซ็นมอบหมายมา จนกว่าท่านไอเซ็นจะเรียกใช้งานนาง นางจะเป็นอะไรไปไม่ได้โดยเด็ดขาด หากผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมกินอะไรแล้วล้มป่วยลง คนที่จะต้องได้รับผลเสียนั้นโดยตรงก็คือท่านอุลคิโอร่า ดังนั้นหากนางยอมกินอาหารที่เจ้าทำ มันก็เป็นการดีที่เจ้าสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของนายท่านได้ไม่ใช่หรือ...
...ใช่ การที่ท่านอุลคิโอร่าทำแบบนี้มันต้องเป็นเพราะหน้าที่ที่ได้รับมาแน่ๆ...ข้าคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ในใจ
ข้าหันไปมองหน้าตนเองในกระจก ปาดน้ำตาที่เหลืออออกจากดวงตาสีฟ้าเทอควอยซ์ของข้า ดวงตายังคงแดงอยู่น้อยๆ แต่ก็ช่างเถอะ!...ข้าเอามือสางผมยาวสีแดงสว่างของตนเองอย่างลวกๆ แล้วรวบมัดมันขึ้นไป
“อย่าคิดมากสิ อาราวเน่ ยิ้มเข้าไว้” ข้ายิ้มให้กับตนเองหนึ่งที แล้วก็เดินไปหยิบรถเข็นลากมันออกไปจัดวางอาหารอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีอารันคาร์ตนหนึ่งมาเข็นรถเดินตามท่านอุลคิโอร่าไป
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หลังจากท่านอุลคิโอร่าออกไปแล้วข้าจึงจัดเก็บทำความสะอาดโต๊ะ จากนั้นจึงเข้าไปล้างจานชามต่อในครัว ในระหว่างนั้นเอง ข้าก็รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างกระแทกเข้ามาในหัว...มีพลังแปลกปลอมบุกรุกเข้ามายังดินแดนฮูเอโก้ มุนโด้แห่งนี้!...ข้าตกใจจนเผลอปล่อยจานที่ล้างอยู่ตกกระแทกพื้นแตกกระจาย
“บ้าจริง!” ข้าสบถด่าในความซุ่มซ่ามของตนเอง ก่อนก้มลงเก็บเศษแก้วที่แตกเหล่านั้นแล้วนำไปทิ้ง พลางนึกในใจว่าพวกที่บุกรุกเข้ามาเหล่านั้นเป็นใคร
...คงเป็นพวกของผู้หญิงชาวมนุษย์คนนั้นสินะ...
สักพักก็มีอารันคาร์แผนกข่าวสารรีบวิ่งมา
“ท่านอุลคิโอร่า!”
“ท่านอุลคิโอร่าตอนนี้กำลังนำอาหารไปให้มนุษย์คนนั้นอยู่ มีอะไรหรือ?” ข้าถามขณะเดินออกมาจากครัว อารันคาร์ตนนั้นยกมือทำความเคารพข้าทีหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ
“ท่านไอเซ็นเรียกเหล่าเอสปาด้าทั้งสิบเข้าประชุมด่วนครับ” ข้าพยักหน้ารับ คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้บุกรุก นี่เป็นเรื่องด่วน!
“เดี๋ยวข้าจะไปบอกท่านอุลคิโอร่าให้เอง!” ว่าแล้วข้าก็เริ่มวิ่งออกจากวังโดยทันที
ข้าเปิดใช้พลังโซนีดเพื่อเร่งความเร็วในการเดินทาง...ไม่นานนักก็มองเห็นแผ่นหลังของท่านอุลคิโอร่าและอารันคาร์อีกตน พร้อมกับอาหารที่กำลังจะถูกนำไปส่งยังห้องขัง
“ท่านอุลคิโอร่าคะ!!” ข้าวิ่งมาหยุดอยู่ข้างกายเขาที่หยุดเดินและหันมามองข้าทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ข้าก้มตัวลงหอบหายใจด้วยความเหนื่อย
“มีอะไรรึ...ถ้าเรื่องผู้บุกรุกล่ะก็ ข้ารู้แล้ว”
“ท่านไอเซ็นเรียกประชุมเอสปาด้าทั้งสิบโดบด่วนค่ะ”
ข้าเห็นเขาพยักหน้าทีหนึ่ง
“เข้าใจล่ะ จะไปเดี๋ยวนี้” เขาเอ่ย พลางเปลี่ยนเส้นทางเดินทันที ข้ามองถาดอาหารกับอารันคาร์ที่ยืนอยู่ใกล้ แล้วจึงเอ่ยตามหลังท่านอุลคิโอร่าไป
“...อาหารนี่ให้ข้านำไปให้แทนไหมคะ”
“ไม่ต้อง...เอากลับไปก่อน ไว้เสร็จงานแล้ว ข้าจะเอาไปให้นางเอง”
แปล๊บ!
เอ๋...ทำไมข้าถึงรู้สึกเจ็บหัวใจอย่างประหลาดนะ?
“ทราบแล้วค่ะ” ข้ารับคำ แล้วจึงสั่งให้อารันคาร์เข็นอาหารกลับไปเก็บไว้ยังครัวส่วนกลางก่อน ไว้ท่านอุลคิโอร่ามีคำสั่ง ข้าค่อยอุ่นให้มันอีกทีในภายหลัง จากนั้นจึงไปยืนรอท่านอยู่หน้าห้องประชุม
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“การประชุมเป็นอย่างไรบ้างคะ?” ข้าถามทันทีที่เห็นท่านอุลคิโอร่าเดินออกมาจากห้องมาพร้อมกับคนอื่นๆ
“ท่านไอเซ็นบอกให้เอสปาด้าทุกตนทำตัวปกติ...ยังไม่มีอะไรน่าวิตก” เขาตอบข้าขณะเดินไปยังเส้นทางที่ตรงสู่ห้องคุมขัง โดยมีข้าติดตามไปด้วย
“ท่านไอเซ็นสั่งให้ข้าไปแจ้งข่าวเรื่องผู้บุกรุกให้ผู้หญิงคนนั้นรู้”
“ถ้าอย่างนั้นจะให้ข้าไปอุ่นอาหารแล้วนำไปให้พร้อมกันด้วยเลยไหมคะ?” เมื่อข้าถามจบ เขาก็นิ่งไปครู่ ก่อนเอ่ยปฏิเสธ
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง...ข้าไม่คิดว่านางจะกินอะไรลงเมื่อรู้ข่าวนี้หรอก ไว้ตอนค่ำๆค่อยเอาไปให้อีกที”
“ค่ะ” จากนั้นข้าก็เดินตามท่านอุลคิโอร่าไปโดยไม่พูดอะไรอีก
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เบื้องหน้าข้าตอนนี้คือห้องที่คุมขังมนุษย์ที่ชื่อ อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ ท่านอุลคิโอร่าบอกให้ข้ารออยู่ข้างนอก ก่อนเขาจะเปิดประตูเข้าไป ตอนแรกข้าได้ยินเสียงนางอุทานออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นเมื่อนายท่านแจ้งข่าวเรื่องผู้บุกรุกให้นางได้รับรู้ บรรยากาศภายในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
“บอกมา...ว่าจิตใจและร่างกายของเจ้ามีไว้เพื่ออะไร” ข้าได้ยินเสียงเขาถามโอริฮิเมะ...ในคำพูดแฝงความกดดันเอาไว้ ข้ารู้ดี...ท่านอุลคิโอร่ากำลังเล่นสงครามจิตวิทยากับนางอีกครั้ง
“...ค่ะ” หญิงสาวตอบรับ ก่อนจะค่อยเอ่ยสิ่งที่เธอได้ท่องมา ช้าๆ ทีละคำ
“เพื่อท่านไอเซ็น...และเพื่อดวงใจของท่าน...”
...ผิดคาด น้ำเสียงของนางยามเอ่ยประโยคนั้นออกมากลับหนักแน่นมั่นคงเสียจนข้าอดชื่นชมนางไม่ได้ ข้านึกว่านางจะตกใจร้องไห้ฟูมฟายที่ถูกบีบคั้นทางจิตใจเสียอีก
...ผู้หญิงคนนี้...แกร่งกว่าที่เห็น...
ท่านอุลคิโอร่าเดินกลับออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ เขาเดินผ่านข้าไปโดยไม่พูดอะไรสักนิด ข้าจึงได้แต่เดินตามไปเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าท่านอุลคิโอร่ากำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง...ข้าเดาว่าคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่
จู่ๆข้าก็ได้ยินเสียงทักทายจากทางด้านหลัง
“ไง” ทั้งข้าและท่านอุลคิโอร่าต่างก็หันหลังกลับไปทันที!
ที่ริมกำแพงด้านหลังมีร่างสูงใหญ่ของเอสปาด้าคนหนึ่งพิงอยู่...ชายคนนั้น...คนที่ข้ากลัวที่สุดเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเกือบจะปลิดชีวิตข้า...เขามาทำอะไรที่นี่!?
“เป็นยังไงบ้าง ท่าทีของคุณสัตว์เลี้ยงแสนรักนั่นน่ะ” ร่างสูงใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ แฝงความเย้ยหยั่นอยู่ในที
“...นอยโทร่า” ท่านอุลคิโอร่าเอ่ยชื่อเขาเสียงเรียบ
“ข้ารู้นะ ท่านไอเซ็นฝากให้เจ้าดูแลนางคนนั้นใช่มั้ยล่ะ? น่าอิจฉาจริงจริ๊-ง” เขาพูดทีเล่นทีจริงด้วยเสียงสูง ก่อนเบนสายตามาจ้องหน้าท่านอุลคิโอร่านิ่ง
“...แล้ว สอนกันไปถึงไหนแล้วล่ะ?”
“ท่าน!” ความโกรธของข้าพุ่งถึงขีดสุด เขากล้าดียังไงมาดูถูกนายของข้าแบบนี้ ข้าเตรียมจะพุ่งตัวไปจัดการกับเขา แต่ท่านอุลคิโอร่ากลับยกมือขึ้นห้ามไว้เสียก่อน ข้าหันหน้าไปมองนายท่านอย่างไม่เข้าใจ...จะห้ามทำไม ไม่โกรธบ้างหรือ?
ท่านอุลคิโอร่าจ้องตาร่างสูงตรงหน้านิ่ง ครู่หนึ่งท่านก็หันหลังเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ
“พวกชั้นต่ำ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ทันใดนั้น กำแพงด้านหน้าเขาก็ร้าวเพราะแรงชกอันหนักหน่วงของนอยโทร่า ที่เคลื่อนที่เข้าไปยืนขวางประจันหน้าท่านอุลคิโอร่าในเสี้ยววินาที
“อย่าเครียดนักเลยน่า ข้าแค่ถามว่าไปได้สวยรึเปล่าแค่นั้นเอง...หือ?” นอยโทร่ายังคงพูดจายียวนพยายามกวนประสาทนายข้าเช่นเดิม แต่สิ่งที่ได้รับก็มีเพียงเสียงตอบกลับอันราบเรียบเสมอต้นเสมอปลายก็เท่านั้น
“...กังวลรึไง กับเรื่องยิบๆย่อยๆแค่นี้” ท่านอุลคิโอร่าเอ่ยพลางจ้องหน้านอยโทร่า จากนั้นเขาจึงเบนหน้ากลับมาออกคำสั่งกับข้า
“เจ้ากลับไปเตรียมอาหารให้พร้อมซะ เดี๋ยวข้าจะตามไป” ข้าส่งสายตาไปมองนอยโทร่าอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะจำใจรับคำสั่งและเดินเลี่ยงออกมา ปล่อยท่านอุลคิโอร่าไว้กับนอยโทร่าเพียงลำพัง
...จุดมุ่งหมายของข้าตอนนี้คือไปยังครัวกลางเพื่ออุ่นอาหารเตรียมพร้อมสำหรับแม่หญิงคนนั้น...ผู้หญิงคนที่นายท่านต้องคอยดูแล...
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ท่านอุลคิโอร่าก็ตามมาครัวกลางซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ข้าอุ่นอาหารเสร็จและกำลังจัดใส่รถพอดี
“ข้าอุ่นอาหารให้ร้อนและปรับรสชาติใหม่เรียบร้อยค่ะ...ข้าพยายามสุดฝีมือเลย หวังว่านางจะยอมทานนะคะ” ข้าพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า ข้าหมายความตามที่พูดจริงๆ เพราะข้าต้องแก้รสชาติอยู่นานสองนานเพื่อให้เหมาะกับลิ้นของคนญี่ปุ่นมากขึ้น
...อาหารจานนี้ข้ารับประกันว่ามันอร่อยมากๆเลยเชียวล่ะ หวังว่าคราวนี้นางจะเลิกดื้อยอมกินเสียที
ท่านอุลคิโอร่ามองอาหารในรถ ส่งสายตาให้อารันคาร์ที่อยู่ใกล้ๆเดินมาลากอาหารตามท่านออกไป
“ขอข้าตามไปด้วยได้ไหมคะ?” ข้าตื่นเต้นอยากลุ้นว่านางจะทานอาหารที่ข้าทำไหม และในเมื่อเขาไม่เอ่ยห้ามอะไร ข้าก็เลยทึกทักเอาเองว่าเขาอนุญาต แล้วเดินตามออกไปทันที
ไม่นานเท่าไรนัก...พวกเราก็เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของโอริฮิเมะอีกครั้ง
“...จะเข้าไปละนะ” ท่านอุลคิโอร่าบอกให้คนในห้องรู้ตัว ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป โดยข้าและอารันคาร์ที่เข็นอาหารมายืนรอคำสั่งอยู่ด้านนอก ตัวข้ายืนเกาะขอบประตู และเอียงตัวลอบมองเข้าไปด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ดวงหน้าใสงามพิสุทธิ์ทีจ้องดวงจันทร์อยู่คราแรกค่อยๆหันกลับมามองผู้มาเยือนช้าๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของนางจะฉายแววกังวล คิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆเมื่อรับรู้ถึงการบาดเจ็บของเพื่อนที่มาช่วยนาง หากแต่ยามเมื่อดวงหน้านั้นต้องแสงจันทร์ มันกลับทำให้เธอดูสวยงามอ่อนหวาน และบอบบางราวกับเทพธิดา
...หล่อนสวย แม้แต่ข้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันก็ยังต้องยอมรับ...
“...ดูท่าจะรู้ตัวแล้วสิ ดูเหมือนเจ้านอยโทร่าจะใจเร็วไปหน่อย ได้รับคำสั่งให้รอที่วังของตัวเองแท้ๆ...” ท่านเอสปาด้าหมายเลข4 กล่าว
“...ซาโดะคุงน่ะยังไม่ตายหรอก” เธอคนนั้นกล่าวออกมาในที่สุด แต่เมื่อเห็นท่านอุลคิโอร่ายืนนิ่งมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ เธอก็กล่าวย้ำอีกครั้งเสียงเข้ม
“ยังไม่ตาย”
ท่านอุลคิโอร่าเบนสายตากลับมองนางด้วยหางตา ค่อยๆเดินเข้าไปในห้องช้าๆ และเรียกให้อารันคาร์เข็นอาหารเข้ามาจัดโต๊ะ
“อาหารมาแล้ว กินซะ” นายข้าออกคำสั่ง หากแต่โอริฮิเมะก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“หน้าที่ของเจ้าก็คือรักษาชีวิตไว้จนกว่าท่านไอเซ็นจะเรียกตัว...กินซะ” เขาย้ำอีกรอบเสียงเข้มขึ้น แต่หญิงคนนั้นกลับไม่สะทกสะท้าน เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่หันมามองอาหารด้วยซ้ำไป
ลึกๆแล้วข้าเห็นใจนาง เพราะข้าเองก็รู้ดีว่าการต้องสูญเสียเพื่อนไปมันน่าเศร้าเพียงใด...แต่ถ้าหากนางยังขืนดื้ออยู่แบบนี้ นางจะทำให้ท่านอุลคิโอร่าหงุดหงิดเอาได้
“ช่วยกินหน่อยเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นร่างกายเจ้าจะไม่ไหวเอานะ” ข้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบใจนางพลางจะเดินเข้าไปในห้อง
“ถอยออกไป อาราวเน่...” ท่านอุลคิโอร่าสั่งข้าเสียงเรียบ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดดีกับนาง สถานะของนางคือนักโทษ ไม่ใช่เจ้าหญิงที่จะต้องมาคอยเอาอกเอาใจ” ข้าชะงัก ก่อนถอยออกไปยืนนอกห้องตามเดิม
“ขอโทษค่ะ” ข้าเอ่ยขออภัยที่ถือวิสาสะพูดออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
โอริฮิเมะเคลื่อนสายตามามองข้าแว่บหนึ่งด้วยความแปลกใจที่เห็นข้ามากับท่านอุลคิโอร่า ก่อนจะเลื่อนกลับไปมองพื้นด้านล่างและยืนนิ่ง ณ จุดๆเดิม...ข้ามองอาหารบนโต๊ะที่มีควันครุกรุ่นลอยอยู่...ท่าทางอาหารที่ข้าทำคงเป็นหมันอีกมื้อแล้วสินะ
ความดื้อดึงของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ข้ารู้สึกถึงรังสีความไม่พอใจที่เริ่มกระจายออกมาจากตัวท่านอุลคิโอร่า ข้าเริ่มเหงื่อตก...
...เอาแล้วไหมล่ะ นางต้องโดนสงครามจิตวิทยากดดันระลอกใหม่จากเขาแน่ๆ
“’งั้นจะให้ข้าจับยัดปากมั้ยล่ะ? รึว่าต้องให้มัดแล้วจับกรอก”
ข้ากลอกตาขึ้นฟ้า...นั่นไงล่ะ...เริ่มแล้ว...
“...ซาโดะคุงยังไม่ตาย...” เธอยังย้ำคำเดิม ซึ่งมันก็เหมือนยิ่งราดน้ำมันบนกองเพลิง...ท่านอุลคิโอร่าเป็นพวกเวลาหงุดหงิดแล้วจะแสดงออกด้วยการซัดคอมโบเซตคำพูดเชือดเฉือนให้ซะด้วยสิ
“รั้นจริงๆ เรื่องนั้นน่ะจะยังไงก็ช่างเถอะ อยากจะให้ข้าพูดอะไรกันแน่?...บอกว่า ‘อย่าห่วงไงๆก็ต้องรอด’รึไง?” เขาหยุดไปครู่ แล้วจึงเอ่ยต่อเสียงเข้ม
“น่าสังเวช ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อปลอบใจเจ้าหรอกนะ...” โดนพูดใส่เสียขนาดนี้ โอริฮิเมะก็ยังคงยืนนิ่งไม่สนใจ ทำราวกับเจ้านายข้าไม่มีตัวตน
ท่านอุลคิโอร่ายืนจ้องมองหญิงสาวตรงหน้านิ่ง
“...ไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงยึดมั่นถือมั่นกับความเป็นความตายถึงขนาดนั้น” เมื่อได้ยินประโยคนี้ ข้าสังเกตว่าใบหน้าของโอริฮิเมะเปลี่ยนไป
“ไม่ว่าจะอย่างไร เพื่อนๆของเจ้าก็ต้องตายทั้งหมดน่ะแหละ ก็แค่คนหนึ่งตายไปก่อนมันจะต่างกันตรงไหน ก็น่าจะเดาออกแต่แรกไม่ใช่รึว่ามันจะเป็นแบบนี้”
“...หยุดนะ...” ข้าได้ยินเสียงเธอคนนั้นเอ่ยห้าม น้ำเสียงสั่นไหว ถึงกระนั้นท่านอุลคิโอร่าก็ยังคงพูดต่อไป
“...ถ้าเดาไม่ออกความรับผิดชอบก็อยู่ที่พวกมันที่อยากโง่เอง แค่หัวเราะเยาะแค่นี้ทำถึงทำไม่ได้?” ดวงตาของนางเบิกกว้าง ฉายแววท้อแท้อย่างไม่อาจปิดบังได้ แต่ท่านอุลคิโอร่าก็ยังคงกล่าวถ้อยคำประชดประชันบาดจิตใจของหล่อนต่อไป
“ถ้าเป็นข้า...กับคนที่ไม่เจียมฝีมือบุกเข้ามาในฮูเอโก้ มุนโด้แบบนี้...”
“ข้าคงจะขุ่นเคืองกับความโง่เง่าของพวกมันมากกว่า”
ดูเหมือนว่าสิ่งที่นายข้าพูดไปจะทำให้ความอดทนเส้นสุดท้ายของนางขาดสะบั้นลง เธอหันหลังและสาวเท้าตรงเข้ามาเผชิญหน้ากับท่านอุลคิโอร่า...และโดยไม่มีใครคาดฝัน
ฉาด!!!
เสียงนั้นก้องกังวานและก่อให้เกิดความเงียบกริบขึ้นทั่วทั้งห้อง
เมื่อสักครู่ เธอเพิ่งจะตบหน้าท่านอุลคิโอร่าไป!
ข้ายืนอึ้งกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า หญิงคนนั้นจ้องมองนายข้าด้วยความโกรธแค้น เธอหอบหายใจอย่างหนักราวกับว่าความโกรธที่เกิดขึ้นมันกดทับร่างเธอจนหายใจได้อย่างยากลำบาก
ตาย...ตายแล้ว ยัยนั่นทำอะไรลงไป!!! ช่างบังอาจนัก!!! ใจหนึ่งข้าก็เห็นใจนาง แต่อีกใจข้าก็โกรธ...โกรธในสิ่งที่นางเพิ่งกระทำ
ท่านอุลคิโอร่ายืนนิ่งสนิท ไม่ตอบโต้อะไรนอกจากเลื่อนสายตามามองผู้ที่บังอาจตบหน้าเขาช้าๆ แววตาน่ากลัวยิ่ง
งานนี้เธอโดนท่านอุลจับมัดกรอกข้าวใส่ปากแน่ๆ!!!
...แต่แล้วช่างน่าผิดคาด เมื่อสิ่งที่ท่านอุลคิโอร่าทำคือ...หันหลังเดินกลับออกมา...
“อีกชั่วโมงข้าจะกลับมาใหม่ ตอนนั้นถ้าเจ้ายังไม่กินข้าจะจับมัดแล้วกรอกปาก...รู้ไว้ซะด้วย” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับนาง ก่อนที่ประตูจะปิดลง
ข้าได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาจากในห้อง...หัวใจของนางคงเจ็บปวดรวดร้าวอย่างหนักจากคำพูดของท่านอุลคิโอร่าเมื่อครู่
ข้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างของผู้เป็นนาย...เขายืนนิ่ง...ยืนนิ่งคิดอะไรบางอย่าง จนกระทั่งข้าเรียกชื่อเขาจึงรู้สึกตัว
“ท่านอุลคิโอร่าคะ?” เหมือนเพิ่งรับรู้ว่ามีข้าอยู่ตรงนั้น เขาจึงเลื่อนสายตามามอง
“ตรงหน้า...เจ็บ...รึเปล่าคะ?” ข้าถามออกไปด้วยความเป็นห่วง...อะไรบางอย่างในใจข้าบอกว่าเขาดูแปลกไปจากปกติ เมื่อสิ้นคำถามข้าเขาก็เบนสายตากลับไปจ้องทางเดินด้านหน้าดังเดิม เอ่ยเสียงเรียบ
“ของแบบนั้นไม่ระคายผิวอารันคาร์หรอก เจ้าก็น่าจะรู้”
จากนั้นเขาจึงเดินนำข้าไป
“กลับวังกันได้แล้ว”
...อีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ท่านอุลคิโอร่าก็มาที่ห้องขังนี่อีกครั้ง และเมื่อข้าถามเขายามกลับไปที่วังก็ได้รับคำตอบว่าอาหารมื้อนั้น อิโนะอุเอะ โฮริฮิเมะทานเรียบไม่มีเหลือ...
ความคิดเห็น