ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Bleach: Ulquiorra x Original] The Lullaby for my dream

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter4 : I feel that something goes wrong

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      58
      20 เม.ย. 52

     

     

    ตั้งแต่เมื่อวานที่หญิงสาวที่ชื่อ อิโนะอุเอะ  โอริฮิเมะถูกนำตัวมายังลาส์  นอเช่และอยู่ภายใต้การดูแลของท่านอุลคิโอร่า  นางก็ถูกนำไปขังไว้ที่ห้องห้องหนึ่งภายในบริเวณส่วนกลางของวัง  เห็นหน้าตาดูซื่อๆไร้เดียงสาแต่เจ้าหล่อนเป็นคนที่ดื้อเงียบพอตัวเลยทีเดียว นางสร้างปัญหาให้นายท่านปวดหัวไม่น้อย  เพราะผ่านมาทั้งวันนางเล่นไม่ยอมทานอาหารที่อารันคาร์ทำไปให้เลยแม้แต่คำเดียว

     

    ไม่รู้ว่าที่นางทำแบบนั้นเป็นเพราะกำลังอยู่ในวัยต่อต้าน  หรือเป็นเพราะอาหารมันรสชาติห่วยจนกินไม่ลงก็ไม่รู้สิ...ข้าคิดพลางยกอาหารเย็นที่ทำเสร็จแล้วจากครัวออกมาวางไว้บนโต๊ะ

     

    ช่างเถอะ...จะเพราะเหตุผลไหน  มันก็ดูจะไม่เกี่ยวกับข้าอยู่ดี...

     

    ข้าได้ยินเสียงฝีเท้า...ดูเหมือนว่านายท่านจะกลับมาแล้ว

     

    ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะท่านอุลคิโอร่า  วันนี้จะทานอาหารเย็นด้วยกันไหมคะ  ข้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเริงร่า  เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามายังโต๊ะอาหาร

     

    นายท่านจ้องมองอาหารหลายอย่างที่ข้าทำวางนิ่งไว้บนโต๊ะ  ก่อนจะหยิบเนื้อไก่ชิ้นเล็กๆขึ้นมาชิ้นหนึ่งและใส่ปากเคี้ยว...ข้าจ้องหน้าเขา  ลุ้นว่าเขาจะพูดอะไรออกมาไหม

     

    ...อาหารที่เจ้าทำ...รสชาติอร่อยกว่าเจ้าพวกระดับล่างทำจริงๆนั่นแหละ

     

    ข้าเบิกตากว้างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...เขาชมว่าอาหารข้าอร่อย  เป็นครั้งแรกที่เขาทานอาหารที่ข้าทำแล้วชมว่ามันอร่อย!

     

    หัวใจข้าเต้นระรัวด้วยความดีใจ  ข้าฉีกยิ้มกว้าง  ในที่สุดความพยายามของข้าก็ส่งไปถึงเขา

     

    ...หากแต่ประโยคต่อมากลับแทบฉีกกระชากใจของข้าให้หยุดเต้น

     

    ยกมันใส่ถาดซิ  ข้าจะลองเอาไปให้แม่หญิงคนนั้นกิน...บางทีนางอาจจะยอมทานมันก็ได้

     

    ...เอ๋?”

     

    ...ว่ายังไงนะคะ  ข้าระล่ำระลักถามอย่างไม่เชื่อหู

     

    ข้าบอกว่ายกมันใส่ถาด  ข้าจะนำไปให้อิโนะอุเอะ  โอริฮิเมะ  เขาเอ่ยต่อราวกับมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยสักนิด  แต่มันทำให้ข้าชาวาบไปทั้งตัว

     

    ...อาหารที่ข้าเฝ้าตั้งใจทำเพื่อท่านทุกครั้ง  แต่ท่านไม่เคยสนใจ  หากแต่มาวันนี้ท่านกลับเห็นว่ามันมีค่า...เพื่อจะนำไปให้หญิงสาวชาวมนุษย์กินงั้นหรือ...

     

    ข้าก้มหน้าลง เพื่อซ่อนมิให้ท่านอุลคิโอร่าเห็นน้ำใสๆที่เอ่ออยู่ริมขอบตา  มือของข้าที่กำถาดอาหารแน่นสั่นอย่างควบคุมไม่ได้  ข้าพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติที่สุด  และเอ่ยออกมาช้าๆ...

     

    ทราบแล้วค่ะ  รอสักครู่นะคะ  ข้าจะไปนำรถเข็นอาหารมาใส่ให้  ข้าโค้งหนึ่งทีและรีบวิ่งกลับเข้าไปในครัว  หยาดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาอาบแก้ม  ข้ายกมือขึ้นปาดมันออกอย่างลวกๆ

     

    ...อย่าคิดมากสิอาราวเน่  ที่ท่านอุลคิโอร่าต้องใส่ใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นก็เพราะมันเป็นงานที่ท่านไอเซ็นมอบหมายมา  จนกว่าท่านไอเซ็นจะเรียกใช้งานนาง  นางจะเป็นอะไรไปไม่ได้โดยเด็ดขาด  หากผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมกินอะไรแล้วล้มป่วยลง  คนที่จะต้องได้รับผลเสียนั้นโดยตรงก็คือท่านอุลคิโอร่า  ดังนั้นหากนางยอมกินอาหารที่เจ้าทำ  มันก็เป็นการดีที่เจ้าสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของนายท่านได้ไม่ใช่หรือ...

     

    ...ใช่  การที่ท่านอุลคิโอร่าทำแบบนี้มันต้องเป็นเพราะหน้าที่ที่ได้รับมาแน่ๆ...ข้าคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ในใจ

     

    ข้าหันไปมองหน้าตนเองในกระจก  ปาดน้ำตาที่เหลืออออกจากดวงตาสีฟ้าเทอควอยซ์ของข้า  ดวงตายังคงแดงอยู่น้อยๆ  แต่ก็ช่างเถอะ!...ข้าเอามือสางผมยาวสีแดงสว่างของตนเองอย่างลวกๆ  แล้วรวบมัดมันขึ้นไป 

     

    อย่าคิดมากสิ  อาราวเน่  ยิ้มเข้าไว้  ข้ายิ้มให้กับตนเองหนึ่งที  แล้วก็เดินไปหยิบรถเข็นลากมันออกไปจัดวางอาหารอย่างรวดเร็ว  หลังจากนั้นก็มีอารันคาร์ตนหนึ่งมาเข็นรถเดินตามท่านอุลคิโอร่าไป

     

     

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

     

    หลังจากท่านอุลคิโอร่าออกไปแล้วข้าจึงจัดเก็บทำความสะอาดโต๊ะ  จากนั้นจึงเข้าไปล้างจานชามต่อในครัว  ในระหว่างนั้นเอง ข้าก็รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างกระแทกเข้ามาในหัว...มีพลังแปลกปลอมบุกรุกเข้ามายังดินแดนฮูเอโก้  มุนโด้แห่งนี้!...ข้าตกใจจนเผลอปล่อยจานที่ล้างอยู่ตกกระแทกพื้นแตกกระจาย

     

    บ้าจริง!”  ข้าสบถด่าในความซุ่มซ่ามของตนเอง ก่อนก้มลงเก็บเศษแก้วที่แตกเหล่านั้นแล้วนำไปทิ้ง  พลางนึกในใจว่าพวกที่บุกรุกเข้ามาเหล่านั้นเป็นใคร

     

    ...คงเป็นพวกของผู้หญิงชาวมนุษย์คนนั้นสินะ...

     

    สักพักก็มีอารันคาร์แผนกข่าวสารรีบวิ่งมา

     

    ท่านอุลคิโอร่า!”

     

    ท่านอุลคิโอร่าตอนนี้กำลังนำอาหารไปให้มนุษย์คนนั้นอยู่  มีอะไรหรือ?”  ข้าถามขณะเดินออกมาจากครัว  อารันคาร์ตนนั้นยกมือทำความเคารพข้าทีหนึ่ง  แล้วจึงเอ่ยต่อ

     

    ท่านไอเซ็นเรียกเหล่าเอสปาด้าทั้งสิบเข้าประชุมด่วนครับ  ข้าพยักหน้ารับ  คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้บุกรุก  นี่เป็นเรื่องด่วน!

     

    เดี๋ยวข้าจะไปบอกท่านอุลคิโอร่าให้เอง!”  ว่าแล้วข้าก็เริ่มวิ่งออกจากวังโดยทันที

     

    ข้าเปิดใช้พลังโซนีดเพื่อเร่งความเร็วในการเดินทาง...ไม่นานนักก็มองเห็นแผ่นหลังของท่านอุลคิโอร่าและอารันคาร์อีกตน  พร้อมกับอาหารที่กำลังจะถูกนำไปส่งยังห้องขัง

     

    ท่านอุลคิโอร่าคะ!!”  ข้าวิ่งมาหยุดอยู่ข้างกายเขาที่หยุดเดินและหันมามองข้าทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก  ข้าก้มตัวลงหอบหายใจด้วยความเหนื่อย

     

    มีอะไรรึ...ถ้าเรื่องผู้บุกรุกล่ะก็  ข้ารู้แล้ว

     

    ท่านไอเซ็นเรียกประชุมเอสปาด้าทั้งสิบโดบด่วนค่ะ 

     

    ข้าเห็นเขาพยักหน้าทีหนึ่ง

     

    เข้าใจล่ะ  จะไปเดี๋ยวนี้  เขาเอ่ย  พลางเปลี่ยนเส้นทางเดินทันที  ข้ามองถาดอาหารกับอารันคาร์ที่ยืนอยู่ใกล้  แล้วจึงเอ่ยตามหลังท่านอุลคิโอร่าไป

     

    ...อาหารนี่ให้ข้านำไปให้แทนไหมคะ

     

    ไม่ต้อง...เอากลับไปก่อน  ไว้เสร็จงานแล้ว  ข้าจะเอาไปให้นางเอง

     

    แปล๊บ!

     

    เอ๋...ทำไมข้าถึงรู้สึกเจ็บหัวใจอย่างประหลาดนะ?

     

    ทราบแล้วค่ะ  ข้ารับคำ   แล้วจึงสั่งให้อารันคาร์เข็นอาหารกลับไปเก็บไว้ยังครัวส่วนกลางก่อน  ไว้ท่านอุลคิโอร่ามีคำสั่ง  ข้าค่อยอุ่นให้มันอีกทีในภายหลัง  จากนั้นจึงไปยืนรอท่านอยู่หน้าห้องประชุม

     

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

     

    การประชุมเป็นอย่างไรบ้างคะ?”  ข้าถามทันทีที่เห็นท่านอุลคิโอร่าเดินออกมาจากห้องมาพร้อมกับคนอื่นๆ

     

    ท่านไอเซ็นบอกให้เอสปาด้าทุกตนทำตัวปกติ...ยังไม่มีอะไรน่าวิตกเขาตอบข้าขณะเดินไปยังเส้นทางที่ตรงสู่ห้องคุมขัง โดยมีข้าติดตามไปด้วย

     

    ท่านไอเซ็นสั่งให้ข้าไปแจ้งข่าวเรื่องผู้บุกรุกให้ผู้หญิงคนนั้นรู้

     

    ถ้าอย่างนั้นจะให้ข้าไปอุ่นอาหารแล้วนำไปให้พร้อมกันด้วยเลยไหมคะ?”  เมื่อข้าถามจบ เขาก็นิ่งไปครู่  ก่อนเอ่ยปฏิเสธ

     

    เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง...ข้าไม่คิดว่านางจะกินอะไรลงเมื่อรู้ข่าวนี้หรอก  ไว้ตอนค่ำๆค่อยเอาไปให้อีกที

     

    ค่ะ  จากนั้นข้าก็เดินตามท่านอุลคิโอร่าไปโดยไม่พูดอะไรอีก

     

     

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

     

    เบื้องหน้าข้าตอนนี้คือห้องที่คุมขังมนุษย์ที่ชื่อ อิโนะอุเอะ  โอริฮิเมะ  ท่านอุลคิโอร่าบอกให้ข้ารออยู่ข้างนอก  ก่อนเขาจะเปิดประตูเข้าไป ตอนแรกข้าได้ยินเสียงนางอุทานออกมาด้วยความตกใจ  จากนั้นเมื่อนายท่านแจ้งข่าวเรื่องผู้บุกรุกให้นางได้รับรู้  บรรยากาศภายในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที

     

    บอกมา...ว่าจิตใจและร่างกายของเจ้ามีไว้เพื่ออะไร  ข้าได้ยินเสียงเขาถามโอริฮิเมะ...ในคำพูดแฝงความกดดันเอาไว้  ข้ารู้ดี...ท่านอุลคิโอร่ากำลังเล่นสงครามจิตวิทยากับนางอีกครั้ง

     

    ...ค่ะ  หญิงสาวตอบรับ  ก่อนจะค่อยเอ่ยสิ่งที่เธอได้ท่องมา  ช้าๆ  ทีละคำ

     

    เพื่อท่านไอเซ็น...และเพื่อดวงใจของท่าน... 

     

    ...ผิดคาด  น้ำเสียงของนางยามเอ่ยประโยคนั้นออกมากลับหนักแน่นมั่นคงเสียจนข้าอดชื่นชมนางไม่ได้  ข้านึกว่านางจะตกใจร้องไห้ฟูมฟายที่ถูกบีบคั้นทางจิตใจเสียอีก

     

    ...ผู้หญิงคนนี้...แกร่งกว่าที่เห็น...

     

     

    ท่านอุลคิโอร่าเดินกลับออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ  เขาเดินผ่านข้าไปโดยไม่พูดอะไรสักนิด  ข้าจึงได้แต่เดินตามไปเรื่อยๆ  ดูเหมือนว่าท่านอุลคิโอร่ากำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง...ข้าเดาว่าคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่

     

     

    จู่ๆข้าก็ได้ยินเสียงทักทายจากทางด้านหลัง 

     

    ไง  ทั้งข้าและท่านอุลคิโอร่าต่างก็หันหลังกลับไปทันที!

     

    ที่ริมกำแพงด้านหลังมีร่างสูงใหญ่ของเอสปาด้าคนหนึ่งพิงอยู่...ชายคนนั้น...คนที่ข้ากลัวที่สุดเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเกือบจะปลิดชีวิตข้า...เขามาทำอะไรที่นี่!?

     

    เป็นยังไงบ้าง  ท่าทีของคุณสัตว์เลี้ยงแสนรักนั่นน่ะ  ร่างสูงใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ  แฝงความเย้ยหยั่นอยู่ในที

     

    ...นอยโทร่า  ท่านอุลคิโอร่าเอ่ยชื่อเขาเสียงเรียบ

     

    ข้ารู้นะ  ท่านไอเซ็นฝากให้เจ้าดูแลนางคนนั้นใช่มั้ยล่ะ?  น่าอิจฉาจริงจริ๊-  เขาพูดทีเล่นทีจริงด้วยเสียงสูง  ก่อนเบนสายตามาจ้องหน้าท่านอุลคิโอร่านิ่ง

     

    ...แล้ว  สอนกันไปถึงไหนแล้วล่ะ?”

     

    ท่าน!”  ความโกรธของข้าพุ่งถึงขีดสุด  เขากล้าดียังไงมาดูถูกนายของข้าแบบนี้  ข้าเตรียมจะพุ่งตัวไปจัดการกับเขา  แต่ท่านอุลคิโอร่ากลับยกมือขึ้นห้ามไว้เสียก่อน  ข้าหันหน้าไปมองนายท่านอย่างไม่เข้าใจ...จะห้ามทำไม  ไม่โกรธบ้างหรือ?

     

    ท่านอุลคิโอร่าจ้องตาร่างสูงตรงหน้านิ่ง  ครู่หนึ่งท่านก็หันหลังเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ

     

    พวกชั้นต่ำ  เขาเอ่ยเสียงเรียบ

     

    ทันใดนั้น  กำแพงด้านหน้าเขาก็ร้าวเพราะแรงชกอันหนักหน่วงของนอยโทร่า  ที่เคลื่อนที่เข้าไปยืนขวางประจันหน้าท่านอุลคิโอร่าในเสี้ยววินาที

     

     

    อย่าเครียดนักเลยน่า  ข้าแค่ถามว่าไปได้สวยรึเปล่าแค่นั้นเอง...หือ?”  นอยโทร่ายังคงพูดจายียวนพยายามกวนประสาทนายข้าเช่นเดิม  แต่สิ่งที่ได้รับก็มีเพียงเสียงตอบกลับอันราบเรียบเสมอต้นเสมอปลายก็เท่านั้น

     

    ...กังวลรึไง  กับเรื่องยิบๆย่อยๆแค่นี้  ท่านอุลคิโอร่าเอ่ยพลางจ้องหน้านอยโทร่า  จากนั้นเขาจึงเบนหน้ากลับมาออกคำสั่งกับข้า

     

    เจ้ากลับไปเตรียมอาหารให้พร้อมซะ  เดี๋ยวข้าจะตามไป  ข้าส่งสายตาไปมองนอยโทร่าอย่างไม่ไว้ใจ  ก่อนจะจำใจรับคำสั่งและเดินเลี่ยงออกมา  ปล่อยท่านอุลคิโอร่าไว้กับนอยโทร่าเพียงลำพัง

     

    ...จุดมุ่งหมายของข้าตอนนี้คือไปยังครัวกลางเพื่ออุ่นอาหารเตรียมพร้อมสำหรับแม่หญิงคนนั้น...ผู้หญิงคนที่นายท่านต้องคอยดูแล...

     

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

     

    ท่านอุลคิโอร่าก็ตามมาครัวกลางซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ข้าอุ่นอาหารเสร็จและกำลังจัดใส่รถพอดี 

     

    ข้าอุ่นอาหารให้ร้อนและปรับรสชาติใหม่เรียบร้อยค่ะ...ข้าพยายามสุดฝีมือเลย  หวังว่านางจะยอมทานนะคะ  ข้าพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า  ข้าหมายความตามที่พูดจริงๆ  เพราะข้าต้องแก้รสชาติอยู่นานสองนานเพื่อให้เหมาะกับลิ้นของคนญี่ปุ่นมากขึ้น

     

    ...อาหารจานนี้ข้ารับประกันว่ามันอร่อยมากๆเลยเชียวล่ะ  หวังว่าคราวนี้นางจะเลิกดื้อยอมกินเสียที

     

    ท่านอุลคิโอร่ามองอาหารในรถ  ส่งสายตาให้อารันคาร์ที่อยู่ใกล้ๆเดินมาลากอาหารตามท่านออกไป

     

    ขอข้าตามไปด้วยได้ไหมคะ?”  ข้าตื่นเต้นอยากลุ้นว่านางจะทานอาหารที่ข้าทำไหม  และในเมื่อเขาไม่เอ่ยห้ามอะไร  ข้าก็เลยทึกทักเอาเองว่าเขาอนุญาต  แล้วเดินตามออกไปทันที

     

    ไม่นานเท่าไรนัก...พวกเราก็เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของโอริฮิเมะอีกครั้ง

     

    ...จะเข้าไปละนะท่านอุลคิโอร่าบอกให้คนในห้องรู้ตัว ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป โดยข้าและอารันคาร์ที่เข็นอาหารมายืนรอคำสั่งอยู่ด้านนอก ตัวข้ายืนเกาะขอบประตู และเอียงตัวลอบมองเข้าไปด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น

     

    ดวงหน้าใสงามพิสุทธิ์ทีจ้องดวงจันทร์อยู่คราแรกค่อยๆหันกลับมามองผู้มาเยือนช้าๆ  ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของนางจะฉายแววกังวล  คิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆเมื่อรับรู้ถึงการบาดเจ็บของเพื่อนที่มาช่วยนาง  หากแต่ยามเมื่อดวงหน้านั้นต้องแสงจันทร์  มันกลับทำให้เธอดูสวยงามอ่อนหวาน และบอบบางราวกับเทพธิดา

     

    ...หล่อนสวย   แม้แต่ข้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันก็ยังต้องยอมรับ...

     

    ...ดูท่าจะรู้ตัวแล้วสิ  ดูเหมือนเจ้านอยโทร่าจะใจเร็วไปหน่อย  ได้รับคำสั่งให้รอที่วังของตัวเองแท้ๆ...  ท่านเอสปาด้าหมายเลข4 กล่าว

     

    ...ซาโดะคุงน่ะยังไม่ตายหรอก  เธอคนนั้นกล่าวออกมาในที่สุด  แต่เมื่อเห็นท่านอุลคิโอร่ายืนนิ่งมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ  เธอก็กล่าวย้ำอีกครั้งเสียงเข้ม

     

    ยังไม่ตาย

     

    ท่านอุลคิโอร่าเบนสายตากลับมองนางด้วยหางตา ค่อยๆเดินเข้าไปในห้องช้าๆ  และเรียกให้อารันคาร์เข็นอาหารเข้ามาจัดโต๊ะ

     

    อาหารมาแล้ว  กินซะ  นายข้าออกคำสั่ง  หากแต่โอริฮิเมะก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

     

    หน้าที่ของเจ้าก็คือรักษาชีวิตไว้จนกว่าท่านไอเซ็นจะเรียกตัว...กินซะ  เขาย้ำอีกรอบเสียงเข้มขึ้น  แต่หญิงคนนั้นกลับไม่สะทกสะท้าน  เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิม  ไม่หันมามองอาหารด้วยซ้ำไป

     

    ลึกๆแล้วข้าเห็นใจนาง  เพราะข้าเองก็รู้ดีว่าการต้องสูญเสียเพื่อนไปมันน่าเศร้าเพียงใด...แต่ถ้าหากนางยังขืนดื้ออยู่แบบนี้  นางจะทำให้ท่านอุลคิโอร่าหงุดหงิดเอาได้

     

    ช่วยกินหน่อยเถอะ  ถ้าไม่อย่างนั้นร่างกายเจ้าจะไม่ไหวเอานะ  ข้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบใจนางพลางจะเดินเข้าไปในห้อง

     

    ถอยออกไป อาราวเน่...  ท่านอุลคิโอร่าสั่งข้าเสียงเรียบ

     

    เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดดีกับนาง  สถานะของนางคือนักโทษ  ไม่ใช่เจ้าหญิงที่จะต้องมาคอยเอาอกเอาใจ ข้าชะงัก  ก่อนถอยออกไปยืนนอกห้องตามเดิม

     

    ขอโทษค่ะข้าเอ่ยขออภัยที่ถือวิสาสะพูดออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

     

    โอริฮิเมะเคลื่อนสายตามามองข้าแว่บหนึ่งด้วยความแปลกใจที่เห็นข้ามากับท่านอุลคิโอร่า  ก่อนจะเลื่อนกลับไปมองพื้นด้านล่างและยืนนิ่ง ณ จุดๆเดิม...ข้ามองอาหารบนโต๊ะที่มีควันครุกรุ่นลอยอยู่...ท่าทางอาหารที่ข้าทำคงเป็นหมันอีกมื้อแล้วสินะ

     

    ความดื้อดึงของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ข้ารู้สึกถึงรังสีความไม่พอใจที่เริ่มกระจายออกมาจากตัวท่านอุลคิโอร่า  ข้าเริ่มเหงื่อตก...

     

    ...เอาแล้วไหมล่ะ  นางต้องโดนสงครามจิตวิทยากดดันระลอกใหม่จากเขาแน่ๆ

     

    “’งั้นจะให้ข้าจับยัดปากมั้ยล่ะ?  รึว่าต้องให้มัดแล้วจับกรอก 

     

    ข้ากลอกตาขึ้นฟ้า...นั่นไงล่ะ...เริ่มแล้ว...

     

    ...ซาโดะคุงยังไม่ตาย...  เธอยังย้ำคำเดิม  ซึ่งมันก็เหมือนยิ่งราดน้ำมันบนกองเพลิง...ท่านอุลคิโอร่าเป็นพวกเวลาหงุดหงิดแล้วจะแสดงออกด้วยการซัดคอมโบเซตคำพูดเชือดเฉือนให้ซะด้วยสิ

     

    รั้นจริงๆ  เรื่องนั้นน่ะจะยังไงก็ช่างเถอะ  อยากจะให้ข้าพูดอะไรกันแน่?...บอกว่าอย่าห่วงไงๆก็ต้องรอดรึไง?”  เขาหยุดไปครู่  แล้วจึงเอ่ยต่อเสียงเข้ม

     

    น่าสังเวช  ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อปลอบใจเจ้าหรอกนะ...  โดนพูดใส่เสียขนาดนี้  โอริฮิเมะก็ยังคงยืนนิ่งไม่สนใจ  ทำราวกับเจ้านายข้าไม่มีตัวตน 

     

    ท่านอุลคิโอร่ายืนจ้องมองหญิงสาวตรงหน้านิ่ง

     

    ...ไม่เข้าใจเลย  ทำไมถึงยึดมั่นถือมั่นกับความเป็นความตายถึงขนาดนั้น  เมื่อได้ยินประโยคนี้  ข้าสังเกตว่าใบหน้าของโอริฮิเมะเปลี่ยนไป

     

    ไม่ว่าจะอย่างไร  เพื่อนๆของเจ้าก็ต้องตายทั้งหมดน่ะแหละ  ก็แค่คนหนึ่งตายไปก่อนมันจะต่างกันตรงไหน  ก็น่าจะเดาออกแต่แรกไม่ใช่รึว่ามันจะเป็นแบบนี้

     

    ...หยุดนะ...  ข้าได้ยินเสียงเธอคนนั้นเอ่ยห้าม น้ำเสียงสั่นไหว  ถึงกระนั้นท่านอุลคิโอร่าก็ยังคงพูดต่อไป

     

    ...ถ้าเดาไม่ออกความรับผิดชอบก็อยู่ที่พวกมันที่อยากโง่เอง  แค่หัวเราะเยาะแค่นี้ทำถึงทำไม่ได้?”  ดวงตาของนางเบิกกว้าง ฉายแววท้อแท้อย่างไม่อาจปิดบังได้  แต่ท่านอุลคิโอร่าก็ยังคงกล่าวถ้อยคำประชดประชันบาดจิตใจของหล่อนต่อไป

     

    ถ้าเป็นข้า...กับคนที่ไม่เจียมฝีมือบุกเข้ามาในฮูเอโก้ มุนโด้แบบนี้...

     

    ข้าคงจะขุ่นเคืองกับความโง่เง่าของพวกมันมากกว่า

     

    ดูเหมือนว่าสิ่งที่นายข้าพูดไปจะทำให้ความอดทนเส้นสุดท้ายของนางขาดสะบั้นลง  เธอหันหลังและสาวเท้าตรงเข้ามาเผชิญหน้ากับท่านอุลคิโอร่า...และโดยไม่มีใครคาดฝัน

     

    ฉาด!!!

     

    เสียงนั้นก้องกังวานและก่อให้เกิดความเงียบกริบขึ้นทั่วทั้งห้อง

     

    เมื่อสักครู่  เธอเพิ่งจะตบหน้าท่านอุลคิโอร่าไป!

     

    ข้ายืนอึ้งกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า  หญิงคนนั้นจ้องมองนายข้าด้วยความโกรธแค้น  เธอหอบหายใจอย่างหนักราวกับว่าความโกรธที่เกิดขึ้นมันกดทับร่างเธอจนหายใจได้อย่างยากลำบาก

     

    ตาย...ตายแล้ว  ยัยนั่นทำอะไรลงไป!!!  ช่างบังอาจนัก!!!  ใจหนึ่งข้าก็เห็นใจนาง  แต่อีกใจข้าก็โกรธ...โกรธในสิ่งที่นางเพิ่งกระทำ 

     

    ท่านอุลคิโอร่ายืนนิ่งสนิท  ไม่ตอบโต้อะไรนอกจากเลื่อนสายตามามองผู้ที่บังอาจตบหน้าเขาช้าๆ  แววตาน่ากลัวยิ่ง

     

    งานนี้เธอโดนท่านอุลจับมัดกรอกข้าวใส่ปากแน่ๆ!!!

     

     

    ...แต่แล้วช่างน่าผิดคาด  เมื่อสิ่งที่ท่านอุลคิโอร่าทำคือ...หันหลังเดินกลับออกมา...

     

    อีกชั่วโมงข้าจะกลับมาใหม่  ตอนนั้นถ้าเจ้ายังไม่กินข้าจะจับมัดแล้วกรอกปาก...รู้ไว้ซะด้วย  นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับนาง  ก่อนที่ประตูจะปิดลง

     

    ข้าได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาจากในห้อง...หัวใจของนางคงเจ็บปวดรวดร้าวอย่างหนักจากคำพูดของท่านอุลคิโอร่าเมื่อครู่

     

    ข้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างของผู้เป็นนาย...เขายืนนิ่ง...ยืนนิ่งคิดอะไรบางอย่าง  จนกระทั่งข้าเรียกชื่อเขาจึงรู้สึกตัว

     

    ท่านอุลคิโอร่าคะ?”  เหมือนเพิ่งรับรู้ว่ามีข้าอยู่ตรงนั้น เขาจึงเลื่อนสายตามามอง

     

    ตรงหน้า...เจ็บ...รึเปล่าคะ?”  ข้าถามออกไปด้วยความเป็นห่วง...อะไรบางอย่างในใจข้าบอกว่าเขาดูแปลกไปจากปกติ  เมื่อสิ้นคำถามข้าเขาก็เบนสายตากลับไปจ้องทางเดินด้านหน้าดังเดิม  เอ่ยเสียงเรียบ

     

    ของแบบนั้นไม่ระคายผิวอารันคาร์หรอก  เจ้าก็น่าจะรู้

     

    จากนั้นเขาจึงเดินนำข้าไป

     

    กลับวังกันได้แล้ว

     

     

    ...อีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น  ท่านอุลคิโอร่าก็มาที่ห้องขังนี่อีกครั้ง  และเมื่อข้าถามเขายามกลับไปที่วังก็ได้รับคำตอบว่าอาหารมื้อนั้น  อิโนะอุเอะ  โฮริฮิเมะทานเรียบไม่มีเหลือ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×