คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 24: One little spoiled girl (นักเรียนสาวเจ้าปัญหา)
“อ๊ะ! ดูข้างนอกสิคะท่านอุลคิโอร่า หิมะล่ะค่ะ” ข้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางกระตุกดึงแขนเสื้อของอีกฝ่ายให้หันออกไปมองนอกหน้าต่างร้าน
“อืม” ร่างโปร่งของคนข้างตัวข้าตอบรับขณะหันไปมองเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงละความสนใจไปหาชั้นหนังสือตรงหน้าเช่นเดิม ข้าเลื่อนสายตาจากหิมะแรกของปีที่เริ่มร่วงโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าซึ่งเริ่มจะมืดมิด หันกลับมามองร่างสูงตรงหน้าที่ยังคงจดจ่อหยิบหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าขึ้นมาเปิดดู
...นายท่านเนี่ย พอเจอหนังสือเข้าหน่อย...อะไรก็ไม่สนใจเลยเหมือนเดิม...
“ถ้าอย่างนั้น ขอข้าออกไปด้านนอกร้านสักครู่แล้วเดี๋ยวจะกลับมานะคะ” ข้าขออนุญาตเสียงเบา และเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงอนุญาต ข้าจึงก้าวเท้าเดิน เซนเซอร์ประตูกระจกทำงานอัตโนมัติ ทันทีที่ก้าวพ้นออกมาจากตัวร้าน กระแสลมเย็นเยียบก็พัดเข้าปะทะหน้าทันที
“หวา หนาวจัง” ข้าพึมพำกับตนเองพลางกระชับเสื้อคลุมปิดคอแล้วเดินไปพิงที่เสาหินข้างๆ จากนั้นจึงยกมือหนึ่งขึ้นรองรับเกล็ดเล็กๆสีขาวที่ค่อยๆร่วงลงสู่มืออย่างแผ่วเบา มันให้ความรู้สึกเย็นนิดๆ เพียงไม่นานนักก็ละลายไป ข้าเงยหน้าขึ้นมองความมหัศจรรย์ของธรรมชาติบนโลกมนุษย์ด้วยความหลงไหลเพลิดเพลิน โคมไฟสีเหลืองรายทางที่กำลังทำหน้าที่ให้ความสว่างยามค่ำคืนเป็นช่วงๆนั้นตัดสลับกับแสงไฟจากป้ายนีออนหลากสี ทำให้ทิวทัศน์ยามรัตติกาลมาเยือนของบริเวณย่านร้านค้าดูสวยงาม บริเวณจัตุรัสกลางเมืองไม่ไกลจากร้านหนังสือนั้น ชายหลายคนกำลังช่วยกันยกต้นไม้ต้นใหญ่ลงจากรถ และเริ่มประดับไฟและสิ่งต่างๆลงบนนั้น
...อีกไม่นานก็จะเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสแล้ว...
นับๆดูก็ผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้วที่พวกเรามาอยู่ที่โลกมนุษย์ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเริ่มปรับตัวกับชีวิตประจำวันอันเรียบง่ายของที่นี่แล้วก็เถอะ แต่จนถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนายท่านก็แทบจะไม่มีอะไรคืบหน้าไปจากเดิมเลย นอกจากที่ว่า ดูเหมือนท่านจะใจดีขึ้นนิดหน่อย แล้วก็เวลาจะไปไหนมาไหนท่านก็ยอมชวนข้าไปด้วยต่างจากเมื่อก่อนที่อยู่ฮุเอโก้ มุนโด้ ยกตัวอย่างเช่นวันนี้หลังเลิกงาน นายท่านที่นานๆจะไม่มีงานค้างไว้ให้อยู่ทำต่อจนดึกก็เอ่ยปากถามข้าว่าจะมาร้านหนังสือด้วยกันไหม...
...อ้อ อีกเรื่องที่คืบหน้าขึ้นอีกนิด ก็คือเวลาอยู่ด้วยกันลำพังท่านจะเรียกข้าด้วยชื่อเฟลิโอน่าเหมือนที่ท่านเคยบอกไว้ ซึ่งจนป่านนี้ข้าก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องชื่อจริงของข้าให้ใครอื่นฟัง ชื่อนี้ยังคงเป็นเพียงความลับระหว่างข้ากับเขาเท่านั้น ...ที่จริง หากข้าไม่คิดเข้าข้างตนเองจนเกินไปนัก ข้ารู้สึกว่าน้ำเสียงที่เขาเรียกชื่อข้านั้นแฝงความอ่อนโยน นุ่มนวลเอาไว้ด้วย
ข้ามองเข้าไปด้านในร้านอีกครั้ง ร่างโปร่งของชายหนุ่มผมสีดำที่สวมเสื้อโค้ทหนังสีน้ำตาลกำลังยืนอ่านหนังสืออย่างจดจ่อ ร่างนั้นแลดูสง่าและมีเสน่ห์เรียกสายตาของหญิงสาวทุกคู่บริเวณนั้นให้หันไปมอง บางคนถึงกับหน้าแดงนิดๆและหันไปซุบซิบกันอย่างสนุกปากกับเพื่อนสาวใกล้ๆเลยก็มี ข้าเห็นภาพนั้นแล้วอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าเจ้านายของข้าจะไม่ใส่ใจแววตาที่จับจ้องมาที่เขาเลยก็เถอะ แต่สายตาแบบนั้นของพวกผู้หญิงที่มองเขาอย่างกับจะกลืนกินเนี่ยข้าล่ะทำใจให้ชินไม่ได้เลยจริงๆ ที่จริงแค่ที่โรงเรียนข้าก็เคยได้ยินข่าวลือมาว่าพวกนักเรียนมีแอบจัดอันดับคนหน้าตาดีในโรงเรียน และเท่าที่เคยได้ยินพวกนั้นคุยกัน...ท่านอุลคิโอร่าก็ติดอันดันต้นๆด้วยสิ!
...ดูเหมือนบนโลกมนุษย์เนี่ย นายท่านจะฮอตน่าดู...
ข้าถอนหายใจเฮือก ยกมือขึ้นเป่าพลางถูมือไปมาเพื่อลดความหนาวเย็น รู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ลืมหยิบถุงมือก่อนออกมาจากบ้าน เมื่อกวาดสายตาไปมองบรรยากาศโดยรอบ ผู้คนมากมายดูเหมือนจะตื่นเต้น และรอคอยเทศกาลที่กำลังจะใกล้เข้ามานี้ พ่อแม่บางคนก็กำลังจูงมือลูกเดินไปดูที่หน้าร้านขายของเล่น พลางคุยหยอกล้อและหัวเราะอย่างสนุกสนาน คู่รักหนุ่มสาวที่เดินผ่านไปมาก็เดินจูงมือกัน บางคู่ก็เดินซบกันอย่างอิงแอบแนบชิดชนิดที่ไม่อายสายตาใครจนข้าเห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้ แล้วเสียงประตูร้านที่เปิดออกดึงข้าให้หันไปมอง และเป็นร่างของท่านอุลคิโอร่าที่ก้าวออกมาพร้อมกับถุงหนังสือในมือ
“ซื้อเสร็จแล้วเหรอคะ” ข้าเหลือบมองหนังสือสองสามเล่มในถุงแล้วหันมายิ้มให้ อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ
...อยากจะไปเดินเล่นดูวิวต่อจังเลย ท่าทางคืนนี้จะสวยน่าดู...
ข้าครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงถามออกไป
“ท่านจะรีบกลับ หรือมีธุระที่ไหนต่อรึเปล่าคะ”
“ไม่..." นายท่านหันมองข้าพลางเอ่ยถามเสียงเรียบ
"ทำไม หรือเจ้าอยากไปที่ไหน”
“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ เพียงแต่ข้าอยากลองเดินเล่นดูบรรกาศรอบๆบ้างน่ะค่ะ เพราะตั้งแต่ข้ามาโลกมนุษย์ ยังไม่เคยเวลามาเดินเล่นแบบจริงๆจังๆซักที” ดูเหมือนว่านายท่านจะงุนงงกับคำว่า ‘เดินเล่นจริงๆจังๆ’ ของข้า แต่ก็ไม่ใส่ใจมากนัก เขาหันไปมองรอบๆ
“จะไปไหนล่ะ” ข้าฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น พลางรีบชี้ไปทางต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ที่กำลังถูกประดับอยู่ ชักชวนเสียงระรื่น
“ไปเริ่มจากตรงนั้นมั้ยคะ” พูดจบข้าก็ดึงปลายแขนเสื้อโค้ทสีน้ำตาลนั้นเบาๆให้ตามมา ท่านอุลคิโอร่ายอมก้าวเท้าตามแต่โดยดี เราสองคนเดินผ่านผู้คนมาเรื่อยๆ ระหว่างนั้นพวกข้าก็เดินสวนกับคู่รักวัยรุ่นหลายคู่ที่เดินจูงมือกันกระหนุงกระหนิง ข้าล่ะอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองกิริยาของพวกเขา หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นลอยๆว่ารู้สึกหนาว ฝ่ายชายจึงหันไปมอง แล้วรวบมือหล่อนเข้ามากุมไว้แน่น เอ่ยเสียงกระเซ้า
“งั้นจับมือกันไว้ละกัน จะได้อุ่นขึ้น” เขาคนนั้นเอ่ยหัวเราะออกมาเมื่อโดนหญิงสาวตีเผียะเข้าที่ไหล่เบาๆด้วยความเขิน แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายจับมือแน่นเดินควงกันผ่านข้าไปแต่โดยดี แว่บหนึ่งที่ฝ่ายหญิงแอบหันกลับมามองนายท่าน แต่ก็โดนสายตาข้าพิฆาตไป เร็วพอๆกับที่โดนฝ่ายชายดึงหัวเจ้าหล่อนให้หันกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วข้าก็ได้ยินเสียงใสต้องตามง้อชายหนุ่มทีเหมือนจะงอนไปแล้ว แต่เพียงครู่เดียว...เสียงหัวเราะสองเสียงก็ลอยประสานมาตามลม
เออ...หวาน...หวานกันเข้าไป...ไม่เห็นใจคนมองซะบ้างเลย
ข้าแอบเหลือบกลับไปมองคู่รักที่น่าอิจฉานั่นอีกครั้ง พอเห็นมือทั้งสองข้างที่จับกันไว้แน่นอย่างมีความสุขของพวกเขาแล้วก็รู้สึกอ้างว้างในใจ ข้าลอบมองมือที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของคนข้างตัว อดไม่ได้ที่จะคาดหวังให้เขาทำอย่างคู่ที่เพิ่งเดินผ่านไปบ้าง ลมเย็นที่พัดผ่านมาอีกครั้งทำให้ข้าต้องยกมือขึ้นมาอังที่ปากแล้วเป่าลมหายใจร้อนๆใส่ไล่ความหนาวเย็น
“หนาวรึไง” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างตัวทำเอาข้าสะดุ้ง รีบละสายตาจากมือขึ้นมองหน้าคนถาม
“ก็...นิดหน่อยค่ะ” พอได้ยินคำตอบ ดวงตาสีเขียวเข้มก็เลื่อนมามองมือข้าที่กุมประสานกันไว้ ครุ่นคิดบางอย่างเพียงครู่ แล้วจึงเลื่อนมือออกจากกระเป๋า มือแกร่งนั้นกุมมือข้าไว้อย่างนุ่มนวล เมื่อสัมผัสถึงความเย็นยะเยียบของปลายนิ้วข้า คิ้วเรียวนั้นก็ขมวดน้อยๆ แล้วจึงดึงมือข้าข้างใกล้ตัวลงไปซุกที่กระเป๋าเสื้อเขาพร้อมๆกับมือเขาที่บีบมันไว้แน่น ทำเอาข้าถึงกับยืนนิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก
“แบบนี้...ดีขึ้นไหม” เขาถามโดยไม่หันมอง แต่กลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ข้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างของเขาที่ดูเหมือนจะพยายามตีสีหน้านิ่ง แต่กลับมีสีเรื่อขึ้นเล็กน้อย มือข้างที่กุมมือข้าไว้มั่นนั้นทำให้ใจรู้สึกอบอุ่น ข้าเผยยิ้มบาง เอ่ยตอบรับเบาๆในขณะที่ต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วพอจะเคียงข้างคนตรงหน้าให้ทัน
“ค่ะ”
...อุ่นขึ้นมาก...โดยเฉพาะที่หัวใจ...
พวกเราเดินมองร้านค้าต่างๆไปเรื่อยๆ บางครั้งข้าเวลาเห็นของต่างๆที่ดูสวยงามตื่นใจข้าก็จะหยุดดูพลางเรียกให้นายท่านหันไปมองด้วย ส่วนใหญ่ท่านก็เหมือนจะแค่พยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้แต่ก็ดูไม่ค่อยจะสนใจอะไรสักเท่าไหร่จนข้าชักไม่แน่ใจว่าเขาเบื่อรึเปล่า แต่ถึงอย่างนั้น เวลาข้าเดินไปไหน เขาก็ยังคงเดินเคียงข้างข้าไปเรื่อยๆโดยไม่บ่นอะไร...และมือของเขาก็ยังคงกุมมือข้าไว้โดยไม่ปล่อยตลอดทางเช่นกัน...
ระหว่างที่เดินผ่านแผงเครื่องประดับที่ปูวางขายเรียงรายอยู่ที่พื้น สายตาข้าก็ไปสะดุดกับสร้อยข้อมือสีเงินที่ประดับด้วยจี้รูปดอกไม้เล็กๆทำด้วยกระจกหลากสี สร้อยนั้นมันทอประกายสะท้อนแสงไฟงดงาม...สวยจนข้าลืมตัวหยุดมอง เผลอรั้งร่างของชายข้างตัวเอาไว้ให้หยุดเดิน ท่านอุลคิโอร่าหันมามองด้วยความแปลกใจ แล้วจึงสลับมองระหว่างข้ากับเจ้าสร้อยข้อมือเส้นเล็กนั้น
“ติดใจมันรึไง”
“อ๊ะ...ก็แค่เห็นว่ามันสวยดีน่ะค่ะ” ข้าหันไปมองนายท่าน แล้วจึงละสายตากลับไปมองที่เจ้าสร้อยนั้นอีกครั้ง รู้สึกชอบมันจริงๆนั่นแหละ...แต่ท่าทางจะแพงน่าดู...แต่แล้วนายท่านกลับทรุดตัวลงนั่ง หยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมา แล้วยื่นให้คนขายทันที
“ข้าเอาเส้นนี้ เท่าไหร่?”
หญิงวัยกลางคนที่เป็นเจ้าของแผงนั้นยิ้มระรื่นพลางบอกราคาที่ฟังดูก็ค่อนข้างจะแพง หากนายท่านกลับไม่ใส่ใจ หยิบเงินออกมาจ่ายให้หล่อนอย่างรวดเร็ว จากจึงหันมามองข้าที่ยังคงมองเขาอย่างงงๆ ไม่พูดพร่ำทำเพลง จับมือข้าดึงลงนั่งข้างๆแล้ว สวมสร้อยนั้นลงบนข้อมือบางอย่างรวดเร็ว ข้าซึ่งตั้งตัวไม่ทันได้แต่กระพริบตาปริบๆมองสร้อยเส้นสวยที่มาอยู่บนข้อมือตนเองเรียบร้อย แล้วจึงค่อยๆเลื่อนสายตาขึ้นมองเจ้าของดวงตาสีเขียวเข้มนั้น
“เจ้าอยู่กับข้ามานานแต่ข้าไม่เคยให้อะไร เอาเป็นว่าข้าซื้อสิ่งนี้ให้แล้วกัน” เขาตอบเสียงเรียบ ขณะหันกลับไปรับเงินทอนจากคนขายที่มองสลับข้าทีท่านอุลคิโอร่าทีแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ข้าเอ่ยขอบคุณในขณะที่หัวสมองยังงๆ แต่แล้วเสียงของคนขายที่จู่ๆก็โพล่งกระเซ้าขึ้นมานี่สิ ทำเอาเลือดสูบฉีดขึ้นมาจนร้อนไปทั้งหน้า
“แหม...แฟนหนูนี่นอกจากหน้าตาดี แล้วยังทำตัวน่ารักนะเนี่ย” เจ้าหล่อนหันไปมองนายท่านที่ตอนนี้เหมือนจะแข็งเป็นหินไปแล้วเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด จากนั้นจึงหันมาขยิบตาให้ข้า
“อย่าปล่อยให้หลุดมือไปล่ะ หล่อระดับเนี้ย ป้าเสียดายแทน” ข้าหันไปมองนายท่านที่ดูจะเหมือนอึ้งๆไป เขารีบหลบสายตาหญิงคนขายที่ส่องประกายวิบวับมาให้เหมือนจะลำบากใจ
...ถึงจะดีใจที่คุณป้าเค้าเห็นแบบนั้นก็เถอะ แต่ข้ากับนายท่านก็ยังไม่ได้เป็นคนรักกันสักหน่อย พูดแบบนี้ท่านอุลคิโอร่าคงลำบากใจน่าดู...
“เอ่อ เข้าใจผิดแล้วค่ะ คือว่า...” ข้าว่าจะแก้ความเข้าใจผิด แต่ก่อนที่ข้าจะได้อธิบายจบ...
“อ้าว นั่นคุณครูชิฟเฟอร์กับคุณครูอาราวเน่นี่นา” เสียงใสๆขัดขึ้นมาจากด้านหลัง เรียกให้พวกข้าหันไปมอง เด็กสาวในชุดนักเรียนของโรงเรียนเราในกระโปรงสั้นยาวเพียงคืบและปักสัญลักษณ์ว่าอยู่ปีสามวิ่งตรงมาหาอย่างร่าเริง เส้นผมสีทองย้อมผิดระเบียบที่ถูกมัดรวบขึ้นไปเป็นหางม้าสะบัดไปมา เจ้าหล่อนแต่งหน้าซะเข้ม แต่ก็จัดว่าสวยและมีเสน่ห์มาก มือของเธอทาเล็บหลากสีหยิบลูกอมเข้าปาก...เด็กคนนี้...ผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยมั้งเนี่ย
เธอคนนั้นวิ่งมาหยุดแล้วนั่งลงข้างๆข้า หยิบแหวนวงเล็กๆขึ้นส่อง แล้วจึงเลื่อนสายตามามองข้าผ่านช่องแหวนที่อยู่ในมือนั้น
“ตกลงแล้ว...พวกครูเป็นแฟนกันสินะคะ แหม! แบบนี้สาวๆโรงเรียนเราคงต้องอกหักกันทั้งโรงเรียนแน่ๆเลย” เธอเอ่ยเย้าแบบไม่กลัวเกรงว่าพวกข้าเป็นครูเลยสักนิด ทำเอาข้าตั้งสติไม่ถูก ส่วนนายท่านก็เอาแต่เงียบหากก็มองนักเรียนสาวตรงหน้าไม่วางตา ประเมินบางอย่าง หากเด็กสาวก็ไม่ใส่ใจสายตานั้น เธอส่งยิ้มหวานเยิ้มไปให้นายท่านแทน แล้วจึงหันหลังไปตะโกนเรียกชายหนุ่มอีกคน ที่ข้าเพิ่งสังเกตว่ายืนรออยู่ไม่ไกล
“นี่ ฮิโรกิคุง! อายากะอยากได้แหวนวงนี้ล่ะ ซื้อให้ทีสิ” เธอส่งสายตาออดอ้อนไปหาชายคนที่กำลังเดินเข้ามา พอเห็นคนที่ชื่อฮิโรกิเต็มๆตาข้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงเด็กสาวคนที่เพิ่งเดินมาทักข้า...ก็ดูท่าทางผู้ชายคนนี้สิ ท่าทางนักเลงสุดๆ แถมดูยังไงอายุก็น่าจะพ้นวัยที่จะเป็นนักเรียนแล้ว ชายคนนั้นเหลือบมองข้า แว่บหนึ่งที่สายตาเขามันแฝงแววกะลิ้มกะเหลี่ยที่ข้าไม่ชอบเอาซะเลย เขาละสายตาไปมองหญิงสาวอีกคนพลางหยิบแหวนมาจากมือเธอแล้วหันไปถามราคาจากแม่ค้า แต่เมื่อรับฟังราคาเขาก็ยื่นเงินไปให้เกินจำนวนพร้อมบอกว่าไม่ต้องทอน ราวกับต้องการอวดว่าตนเองรวยนักหนา เขาบรรจงสวมแหวนนั้นลงบนนิ้วนักเรียนหญิงโดยไม่ขออนุญาตสักคำ ก่อนเลื่อนสายตามามองข้า หรี่ตาแล้วยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจ ขณะที่ยกแขนขึ้นโอบรอบคอเด็กคนที่ชื่ออายากะไว้หลวมๆ
“แล้ว...จะไม่แนะนำคุณผู้หญิงคนสวยตรงหน้าให้ผมรู้จักหน่อยเหรอ อายากะจัง”
“แหม...ผู้หญิงคนสวย พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง อายากะสวยสู้เค้าไม่ได้เลยเหรอ” เจ้าหล่อนแกล้งเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอด แสร้งเบะปากเหมือนไม่พอใจ ทำเอาคนที่กอดคอไว้อยู่หัวเราะออกมาเบาๆ
“ใครว่าล่ะ อายากะของผมต้องสวยที่สุดอยู่แล้ว แต่เห็นเธอรีบวิ่งมาหาพวกเค้า ผมก็เลยอยากรู้จักเพื่อนของเธอบ้างก็เท่านั้น” พูดจบเขาก็หอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่โดยไม่อายสายตาชาวบ้านเลยสักนิด...การแสดงออกมันกล้าเกินไปแล้ว...มันไม่ใช่สิ่งที่วัยนักเรียนสมควรทำเลย ข้าชักเป็นห่วงนักเรียนหญิงตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาตำหนิไปให้พวกเขา พอทั้งคู่เห็น ฝ่ายชายเพียงแค่ละมือออกจากคอหญิงสาว ยกมือขึ้น ส่งสายตายั่วเย้ามาให้ข้าราวกับเป็นการบอกว่ากลัวแล้วๆ ส่วนนักเรียนหญิงตัวดีเพียงแค่มองข้าแล้วหัวเราะคิก เอ่ยราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ แหม...ก็แค่กอดกับหอมแก้ม เรื่องปกติเท่านั้นเอง สมัยนี้ใครๆเค้าก็ทำกัน” ข้าเบิกตากว้าง แทบไม่เชื่อหู...เรื่องปกติงั้นเหรอ!? ให้ตายเถอะเด็กสมัยนี้! เจ้าเด็กแก่แดดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของข้า เธอหันไปหาแฟนหนุ่มข้างตัว
“เสียใจด้วยฮิโรกิคุง เห็นหน้าเด็กๆแบบนี้ พวกเค้าไม่ได้เป็นเพื่อนของอายากะหรอกนะ คนผู้ชายนั่นคือคุณครูอุลคิโอร่าล่ะ ส่วนอีกคนน่ะคุณครูอารา...”
“กลับกันได้แล้ว” จู่ๆท่านอุลคิโอร่าก็เอ่ยขัดจังหวะการแนะนำตัวของหล่อน พลางกระตุกดึงมือข้าให้เดินตามไปทันที ระหว่างที่นายท่านเดินสวนชายที่ชื่อฮิโรกิไปนั้น แว่บหนึ่งที่แววตาของทั้งคู่จ้องประสานกันอย่างไม่เป็นมิตร ดวงตาสีเขียวบนใบหน้าเฉยชานั้นมีประกายแข็งกร้าว ในขณะที่อีกคู่กลับฉีกยิ้มยั่วหากแววตาที่จ้องตอบกลับมานั้นดุดันราวกับจะประกาศศึก เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่นายท่านจะเลื่อนสายตาไปมองเด็กหญิงที่จ้องมองทั้งคู่พลางอมยิ้มให้ เขาเอ่ยเสียงดุ
“เธอเองก็กลับบ้านไปซะ นี่ไม่ใช่เวลาที่เด็กนักเรียนสมควรจะมาเดินเล่น”
“ค่าๆ” เจ้าหล่อนตอบรับแกนๆ ไม่ใส่ใจ แล้วจึงดึงมือชายหนุ่มข้างตัวไปอีกทางอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ฮิโรกิคุง เราไปทางนั้นกันดีกว่านะ” อีกฝ่ายพยักหน้าพลางเดินตามไป ข้าลอบมองเด็กหญิงคนนั้น รู้สึกเป็นห่วงที่เธอไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายแบบนั้น แต่แล้วจู่ๆชายที่ชื่อฮิโรกินั่นก็หันกลับมามองข้าราวกับรู้ว่าถูกแอบจ้องอยู่ เขายิ้มพลางยกมือขึ้นแตะคิ้วแล้วสะบัดออกเหมือนกับเป็นการทักทาย ข้ารีบหันหน้ากลับทันที...ผู้ชายอะไรน่ารังเกียจจริงๆ
ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เรื่องของเด็กสาวกับชายคนนั้นกับมันติดอยู่ในใจข้าตลอดเวลา จนอดไม่ได้ที่จะปรึกษาคนข้างตัว
“ท่านอุลคิโอร่า...ข้าเป็นห่วงเด็กคนที่ชื่ออายากะนั่นจังเลยค่ะ สายตาของผู้ชายคนนั้นมัน...ข้า...ข้ากำลังรู้สึกว่านางกำลังเอาตัวไปเล่นกับไฟ”
“...เจ้ารู้ข่าวลือของเด็กคนนั้นในโรงเรียนเรารึเปล่า” เสียงทุ้มนั่นเอ่ยขึ้นมา ในขณะที่จูงมือข้าให้เดินตามมาเรื่อยๆ
“เอ๋? ไม่นี่คะ” ข้าแปลกใจ...มีข่าวลือนี้ด้วยเหรอ ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย...แต่ให้เดาจากสภาพเธอแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีหรอก
“อายากะ ชิมาบาระ ปี3 ห้องB แทบไม่มีใครในโรงเรียนที่ไม่รู้จักชื่อนี้ เป็นเด็กที่จัดได้ว่าเป็นตัวปัญหาเพราะทำตัวผิดระเบียบโรงเรียนเกือบทุกข้อ รวมทั้งโดดเรียนเป็นว่าเล่น และมีข่าวลือว่าเปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้าแทบทุกอาทิตย์ ถ้าผู้ชายคนไหนอยากคบด้วยก็เตรียมตัวจ่ายเงินจนกระเป๋าฉีกได้เพราะนางจะเรียกร้องให้ซื้อนั่นซื้อนี่ให้ไม่รู้จักจบสิ้น แต่เพราะหน้าตาจัดได้ว่าเข้าขั้นดี ทำให้ผู้ชายมากมายยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้คบและจะได้เอาไปคุยอวดใครต่อใครได้...ส่วนพวกเด็กผู้หญิงในโรงเรียน เกลียดนางกันทั้งนั้น ตอนนี้ได้ข่าวว่ากำลังคบอยู่กับลูกชายหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียที่มีอิทธิพลอยู่...เดาได้ว่าคงเป็นเจ้าคนเมื่อครู่ที่ได้พบกัน” หลังจากที่นายท่านร่ายจนจบและรู้สึกว่าข้าเงียบไป เขาจึงหันกลับมามองข้า...ที่กำลังกระพริบตาปริบๆ
“มองอะไร?” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบเมื่อเห็นสีหน้าข้าที่ดูจะอึ้งๆไป
“เอ่อ...นายท่านรู้ละเอียดจังเลยนะคะ” ...ไปรู้มาจากไหนเนี่ย...
“พวกเด็กนักเรียนหญิงที่พยายามมาตามหน้าตามหลังข้าจนน่ารำคาญเล่าให้ฟัง...เอาเป็นว่าผู้หญิงแย่ๆอย่างเด็กคนนั้นไม่สมควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยให้เสียเวลา เจ้าก็อยู่ให้ห่างนางเข้าไว้เป็นดี” นายท่านเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงจูงมือข้าเดินต่อ แล้วก็เหมือนนึกขึ้นได้ เขาจึงพูดลอยๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อีกเรื่อง...อยู่ให้ห่างเจ้ามนุษย์ผุ้ชายคนนั้นไว้ด้วยแล้วกัน ข้าว่าสายตามันที่มองเจ้ามันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ถ้าเป็นไปได้ ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมันทั้งคู่นั่นแหละดีที่สุด”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ข้าตอบรับเมื่อรู้ถึงความเป็นห่วงที่เจือมาในน้ำเสียงนั้น...หากไม่รู้ทำไม ลึกๆเสี้ยวหนึ่งในหัวใจกลับรู้สึกสังหรณ์ว่าจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์สองคนนั่นอีกครั้ง
แสงจากโคมไฟที่ส่องประกายตามทางตกกระทบสร้อยข้อมือเส้นบางจนส่งประกายระยิบระยับ ข้าจ้องมองสร้อยเส้นบางที่มีจี้รูปดอกไม้สั่นไหวไปตามก้าวเดินนั้น พลางเหลือบมองแผ่นหลังของคนที่จูงมือข้าอยู่ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ...ของขวัญชิ้นแรกจากนายท่าน...ข้าจะเก็บรักษามันไว้อย่างดีที่สุด... แล้วจู่ๆสิ่งที่คนขายวัยกลางคนคนนั้นพูดขึ้นมาว่าข้ากับนายท่านดูเหมือนเป็นคนรักกันก็ดังขึ้นมาในหัว ทำเอาข้าบีบมือของคนตรงหน้าเบาๆ อีกฝ่ายเหมือนจะเข้าใจว่าข้าหนาวจึงกระชับมือข้าให้แน่นขึ้น พอเห็นการกระทำนั้นข้าก็ต้องลอบยิ้ม...
...ดูเหมือนว่า อะไรหลายๆอย่างจะพัฒนาขึ้นโดยที่ข้าไม่รู้ตัวเหมือนกันมั้ง...
แต่แล้วความรู้สึกทั้งมวลก็พลันหายไปเมื่อเจ้าโทรศัพท์ดังก้องขึ้นมาในความเงียบ และตามมาด้วยเสียงโวยวายลั่นจนหูข้าแทบพังของกริมจอว์ ที่บ่นว่าข้าหายตัวไปไหนกับท่านอุลคิโอร่า และรีบๆกลับมา เขาหิวจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ตอนนี้มาสั้นๆ *ฮา*
จำ อายากะ กับ ฮิโรกิเอาไว้นะคะ 2 คนนี้จะเป็นตัวแปรที่นำไปสู่จุดพีคของเรื่องในเร็วๆนี่ล่ะค่ะ ^^
...ปล. กริมจอว์...นายนี่มันมารขัดขวางเวลาแห่งความสุขของอารี่จังชัดๆเลย = =”
ความคิดเห็น