ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jenlisa เกลียดก็จริง แต่ยัยหน้าหยิ่งนี่น่ะของฉัน (END)

    ลำดับตอนที่ #16 : สารภาพ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      104
      25 ต.ค. 62







    ฉันก้าวออกมาจากลิฟต์พร้อมกับถุงพลาสติกที่มีข้าวเย็นของรุ่นพี่ตำแหน่งดาวคณะอยู่ในมือ หัวใจก็ยังคงเต้นแรงเพราะรีบวิ่งออกมาจากห้องเมื่อกี๊ แต่เหตุผลหลักน่ะไม่ใช่อันนั้นหรอก


    ตึกตัก ตึกตัก


    อัตราการเต้นของอวัยวะในอกฉันมีแต่จะเร็วขึ้นเรื่อยๆเมื่อฉันเข้าใกล้จุดหมาย ฉันหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่คุ้นเคยแล้วก็ค่อยๆยกมือขึ้นมาเตรียมจะเคาะ แต่ก็ต้องเอามือลงมากุมหัวใจตัวเองไว้ไม่ให้มันเต้นเสียงดังไปกว่านี้เสียก่อน


    'แค่บอกนางเท่านั้น! บอกความจริงไป... กลั้นใจแล้วก็พูดออกมาให้ได้! หลังจากนั้นจะเป็นไงก็ค่อยว่ากัน!'  ฉันพูดกับตัวเองในใจอย่างหนักแน่น แต่ความตื่นเต้น ความกลัว และความรู้สึกอื่นๆก็ยังต่างโหมกระหน่ำเข้ามาใส่ไม่ยั้ง


    ไม่ได้... ยังไงวันนี้ฉันก็จะต้องบอกนางให้ได้!!


    เอาล่ะ


    ก๊อกๆๆ


    ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก็ถอนออกมาอย่างสั่นๆ มือที่กำลังกุมหัวใจพยายามเอาลงไปไว้ข้างตัวให้ดูธรรมชาติ เสียงฝีเท้าของคนข้างในห้องบอกให้รู้ว่าที่ฉันเพิ่งเคาะประตูไปนั้นมันเกิดขึ้นจริงไม่ใช่เรื่องหลอกอย่างที่อยากให้เป็น


    แกร๊ก


    "วันนี้มาเร็วนะ"  นางมาเปิดประตูแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องเช่นเคย ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากแล้วก็ก้าวขาเดินเข้าไปเหมือนอย่างทุกวัน แต่แทนที่จะแก้อาหารใส่ภาชนะฉันกลับวางถุงพลาสติกในมือไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างช้าๆ


    ฉันหยุดฝีเท้าตรงหน้าคนที่กำลังนั่งอยู่แล้วก็มองไปที่พี่เจนนี่ตรงๆ มือทั้งสองของฉันมีเหงื่อไหลออกมาจนชื้นไปหมด


    "มีอะไร?"  นางตวัดสายตาขึ้นมามองฉันเมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมพูดอะไร ฉันกัดฟันตัวเองแน่นแล้วก็พยายามเค้นประโยคที่ตัวเองฝึกพูดมาบนรถตลอดทางอย่างยากลำบาก


    "ฉ-"


    "..."  ดวงตาเฉี่ยวของคนตรงหน้ามองมาที่ฉันนิ่งๆ และนั่นยิ่งทำให้ฉันพูดไม่ออกเข้าไปกว่าเดิม


    "ฉัน-"


    "?"  รุ่นพี่คนสวยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยโดยที่สายตายังจับจ้องมาที่ฉันไม่ขยับไปไหน การจ้องมองอย่างทะลุทะลวงของนางทำเอามือไม้ฉันสั่นไปหมด แล้วประโยคที่ไม่ได้คิดจะพูดก็กลับหลุดออกมาจากปากแทน


    "พี่ยังไม่มีแฟนใช่มั้ย?"


    ดวงตาของคนถูกถามฉายแววตกใจกับคำถามของฉันทันทีที่มันหลุดออกจากปาก ฉันเองก็อึ้งกับคำถามตัวเองไม่แพ้กันแต่สีหน้าก็พยายามไม่เปลี่ยนให้ดูน่าสงสัย ถึงกระนั้นในใจฉันกำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง


    ห๊ะ!!!!!


    ฉันถามหอยอะไรออกไปเนี่ยยยยยยยยยยยยย!!!????


    ท่ามกลางความเงียบสองสามวิที่เนื่องมาจากความช็อคของบุคคลในห้องทั้งคู่ทำให้ฉันต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยความลำบากใจ


    "ย..ยัง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอนี่"  น้ำเสียงติดหยิ่งๆของเจ้าตัวตอบออกมาอย่างไม่เข้าใจ นางขมวดคิ้วมองฉันแล้วก็ถอนหายใจออกมาทางจมูก


    "พี่เจนนี่"


    "อะไร?"  คนบนเตียงมองฉันอย่างไม่สนิทใจนัก ฉันสะบัดความรู้สึกบ้าบอต่างๆในหัวที่กำลังเป็นตัวถ่วงออกไปให้หมดแล้วก็พูดอย่างแน่วแน่


    "ฉันมีอะไรจะบอก!"


    น้ำเสียงที่จริงจังของฉันทำเอาความกล้าของตัวเองพุ่งขึ้นมาไม่น้อย ยังไงฉันก็จะต้องพูดออกไปให้ได้! ต้องบอกนางเรื่องที่ตั้งใจจะมาบอกสิ ไม่ว่าอะไรก็มาขวางฉันไม่ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวฉันเองก็เถอะ!


    มือทั้งสองข้างของฉันกำแน่นในขณะที่สายตาก็จ้องมองไปที่คนตรงหน้าอย่างไม่วางตา ฉันก้าวเข้าไปใกล้หาพี่เจนนี่อีกหนึ่งก้าวแล้วก็สูดหายใจเข้าพร้อมขมวดคิ้ว ในใจก็พยายามเค้นประโยคที่จะพูดให้ออกมาให้ได้เร็วที่สุด


    3... 2... 1...


    "ฉัน-"


    "หยุด"


    !!!


    เสียงนุ่มของคนตรงหน้าทำเอาฉันสตั๊นท์สุดขีดเมื่อนางพูดขัดขึ้นมาในจังหวะที่ไม่ควรขัดที่สุด


    คิ้วทั้งสองข้างของฉันขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิมแล้วฉันก็มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าสวยที่อยู่ใกล้ก็มีสีหน้าที่ค่อนข้างอธิบายไม่ถูกเช่นกัน ฉันยืนค้างอยู่อย่างนั้นแล้วก็รอให้อีกคนพูดอะไรซักอย่างในฐานะที่นางมาขัดจังหวะ


    "ฉันยังไม่อยากฟัง"  ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็เดินหนีฉันไปดื้อๆ ฉันมองตามคนที่ลุกไปแก้กับข้าวเองอย่างงงๆแล้วก็ยืนเงิบกับการกระทำของอีกคน


    ...


    หาาาาา?  นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะพูดอะไร... แล้วไม่อยากฟังเนี่ยนะ!? นี่ฉันทำใจมานานนะโว่ยยย!


    "ฟังฉันเดี๋ยวนี้นะ"  ด้วยความไม่ยอมแพ้ฉันเดินเข้าไปหาพี่เจนนี่ก่อนที่จะจับไหล่นางให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง แต่พอนางหันมาตามแรงดึงของฉัน รุ่นพี่ที่ตัวเล็กกว่าก็ถือจานข้าวเดินผ่านฉันไปก่อนที่จะนั่งลงแล้วก็จัดการกินมื้อเย็นโดยไม่ยอมสนใจที่ฉันจะพูดซะงั้น


    โอ๊ยยยยยยย อะไรเนี่ย!?


    "มากินข้าวได้แล้ว"  เจ้าของน้ำเสียงเหวี่ยงๆนั่นยังจะมีหน้ามาชวนฉันกินข้าวเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิ้วของฉันตอนนี้ขมวดเป็นปมด้วยอารมณ์ต่างๆนับสิบที่ถาโถมเข้ามานับสิบ 


    ฉันโคตรงงงวยกับการกระทำของคนตรงหน้า นี่มันอะไรกัน!?


    "เฮ้อ"  ฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความอึดอัดที่ไม่ได้พูด แต่ในเมื่อนางจะเอาอย่างนี้แล้วฉันก็จะทำยังไงล่ะ ฉันหยิบขนมปังในกระเป๋าตัวเองที่เป็นข้าวเย็นในวันนี้มาแกะออก แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่เดิมของตัวเองก่อนที่จะกินอย่างไม่สบอารมณ์นัก


    เราทั้งคู่นั่งกันอย่างเงียบๆ ปกติที่ฉันมาเราจะหาเรื่องชวนเถียงกันแล้วก็จะเกิดสงครามย่อยๆในเรื่องเล็กๆน้อยๆทุกที ส่วนใหญ่ก็แน่นอนว่าพี่เจนนี่นั่นแหละที่เป็นคนปากเสียเริ่มตลอด แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว ในเมื่ออีกคนจะไม่ยอมฟังสิ่งที่ฉันจะพูดงั้นก็ไม่ต้องคุยกันเลยละกัน-*-


    "ทำไมวันนี้ยอมซื้อก๋วยเตี๋ยวต้มยำมาให้?"  เสียงหวานถามขึ้นทำเอาฉันต้องหันไปด้วยอารมณ์ที่ยังไม่ค่อยดีนัก


    "ก็เห็นแผลจะหายอยู่แล้ว"  ฉันตอบนิ่งๆโดยไม่เงยหน้าขึ้นไปสบตา งอน- -


    "น่ารักเหมือนกันนี่"  พี่เจนนี่พูดขึ้นโดยที่หันมามองฉันแว้บหนึ่ง ก่อนที่จะก้มลงรับประทานอาหารต่อ


    นี่นางเพิ่งชมฉันงั้นเหรอ?


    "อ..อือ"  ฉันตอบอย่างติดขัด ไม่หายฉุนหรอกโว้ย!


    ฉันเหลือบมองรุ่นพี่ผมยาวที่กำลังค่อยๆม้วนเส้นก๋วยเตี๋ยวไว้บนช้อนอย่างช้าๆแล้วก็นึกกับตัวเองไปเรื่อยเปื่อยท่ามกลางความเงียบ


    'ถ้าเรื่องทั้งหมดผ่านไปแล้วฉันจะยังมีโอกาสได้มานั่งเล่นในห้องนี้แบบนี้อีกมั้ย?' จู่ๆประโยคนึงก็ผุดขึ้นมาในหัว


    แต่ยังไม่ทันที่สมองจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น พี่เจนนี่ก็หันขึ้นมาสบตาฉันก่อนจะเรียกฉันขึ้นมาเฉย


    "ลิซ่า"


    "ห๊ะ?"  ฉันรีบตอบ ถึงจะใช้น้ำเสียงเรียบๆแต่ในใจก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อยที่นางเรียกฉันด้วยชื่อซึ่งปกติไม่ค่อยได้เรียกนัก


    "ขออะไรอย่างสิ"  คนหน้าสวยวางช้อนลงในชามแล้วก็หันตัวมาเผชิญกับฉันตรงๆ มือหนึ่งก็เท้าคางเอาไว้อย่างวางมาดเช่นเคย


    "อะไรอะ?"  ฉันตอบแล้วก็วางชามของตัวเองลงบ้าง แขนข้างหนึ่งของฉันวางเท้าโต๊ะอย่างสบายๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าในใจกำลังเต้นแรงแค่ไหนเพราะกำลังลุ้นคำพูดของอีกคนที่ไม่รู้ว่าจะดีหรือจะร้าย


    "เรื่องข้อตกลงข้อสุดท้ายของเราน่ะ"  เสียงหวานเกริ่นขึ้นมาประโยคแรก ทำเอาหัวใจฉันร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม


    "อือ?"  ฉันครางตอบในลำคอเบาๆ โดยที่กำลังพยายามรักษาสีหน้าตัวเองให้นิ่งที่สุด เหงื่อในมือเริ่มผุดออกมาจนฉันต้องเอามือมาวางไว้บนหน้าตักให้กระโปรงเครื่องแบบช่วยซับเหงื่อไปก่อน


    "ฉันจะขอเปลี่ยนข้อตกลง เธอไม่ต้องเอาตัวคนทำมาให้ฉันแล้ว"  คนที่เป็นดาวคณะพูดหน้านิ่ง  ส่วนฉันรู้สึกเหมือนมีลมหายใจมาจุกติดอยู่ในลำคอ จะพูดอะไรก็กลับพูดไม่ออก ในหัวมีแต่ความสับสนงุนงงในคำพูดของคนตรงหน้า


    ว่ายังไงนะ!? ฉันไม่เข้าใจ...


    "ฉันขี้เกียจจะต้องมาจัดการด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นฉันจะไปเป็นดรัมให้โดยที่เธอไม่ต้องเอาตัวคนทำมาให้ฉัน ข้อตกลงสองข้อแรกถือว่าเธอทำได้ แผลนี่ก็ใกล้จะหายแล้วด้วย"  มือเรียวของพี่เจนนี่ลูบแผลข้างริมฝีปากของตนเองที่ตอนนี้ก็เป็นเพียงรอยจางๆที่มองแทบไม่เห็นแล้ว


    "ล..แล้ว-"


    "เธอจะเป็นคนไปจัดการมันให้ฉัน ทำให้แน่ใจว่าคนที่ทำมันจะไม่มายุ่งกับฉันอีก"  ฉันแทบจะอ้าปากค้างกับส่งที่อีกคนพูดมา หา!? นี่มันก็เท่ากับฉันต้องไปจัดการกับตัวเองงั้นสิ?


    "ฝากรอยไว้บนหน้ามันหน่อยก็ดี ฉันรู้นะว่าเธอน่ะก็ไม่ใช่เล่น"  สายตาคมกริบของอีกฝ่ายทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มามั่นใจในฝีมือฉันน่ะมันก็ไม่ได้แย่หรอก แต่จะให้ฉันไปตบหน้าตัวเองจนปากแตกก็ไม่ใช่เรื่องมั้ยล่ะ


    สงสัยว่าอีกฝ่ายจะเห็นสีหน้าอันลำบากใจของฉัน พี่เจนนี่จึงลุกขึ้นแล้วก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ฉันก่อนที่จะมองมาที่ฉันด้วยสายตาเฉียบคมของเจ้าตัว


    "นี่... ฉันยอมตกลงแล้วไม่ดีใจหรือไง หรือว่ากลัวว่าแผลฉันหายแล้วเธอจะไม่ได้เข้ามาห้องนี้อีก?"  พูดจบนางก็กระตุกยิ้มแพรวพราวที่ทำให้คนทั้งมหาลัยใจสั่นได้ในพริบตา ฉันที่โดนดาเมจมาอย่างแรงก็รีบหลบตาก่อนที่จะเอามือผลักคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆออกห่างตัวเบาๆ


    "ตลกละ... คนอะไรหลงตัวเอง"  ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ใจฉันเองก็เต้นแรงไม่เบา ก็ไอ้การกระตุกยิ้มแบบจงใจนั่นเป็นใครก็ทนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ เจนนี่คิม... นี่สินะสิ่งที่ทำให้ทุกคนสยบให้เธอได้ถ้าต้องการ


    เฮือก!


    ฉันสะดุ้งขึ้นมาสบตานางทันทีเมื่อมือเย็นๆของรุ่นพี่ตรงหน้าสัมผัสลงบนใบหน้าของฉัน นิ้วเรียวเย็นของนางแตะอยู่ที่สันกรามฉันอย่างแผ่วเบา พี่เจนนี่ก้มตัวลงมาเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากเล็กจะขยับพูดช้าๆ


    "ไม่ต้องห่วงหรอกนะ... เธอจะเข้ามาตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ฉันอนุญาต"  พูดจบสายตาคมเฉี่ยวของนางก็ขยิบให้ฉันหนึ่งที่แล้วนางก็ผละออกไปยิ้มๆ ปล่อยให้ฉันนั่งตัวเกร็งอยู่ที่เก้าอี้แถมยังพูดอะไรไม่ออกซักคำ


    ตึกตัก... ตึกตัก


    เฮือก! 


    นี่มันอะไรกันเนี่ย... ทำไมฉันถึงขนลุกทั้งร่างแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น?


    ฉันเก็บสติตัวเองที่ยังคงเหลืออยู่แล้วก็มองไปที่ประตูห้อง เสียงน้ำไหลบ่งบอกว่าอีกคนคงจะกำลังล้างชามอยู่ในห้องน้ำ ฉันนึกทบทวนสิ่งที่สมองยังประมวลไม่ทันโดยเฉพาะสิ่งที่อีกคนเพิ่งพูดมาเกี่ยวกับข้อตกลงนั้น


    'ฉันไม่ต้องเอาตัวคนทำมาให้นางแล้ว...'


    จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นใบผ่านทางให้ฉันเลยนี่นา... ให้ฉันเป็นคนจัดการคนที่ทำ แถมพี่เจนนี่ยังยืนยันด้วยว่าจะไปเป็นดรัมให้ ถือว่าข้อตกลงสำเร็จเสร็จสิ้นโดยที่ฉันก็เองรอดตัวไปได้ด้วยเลยน่ะสิ!


    อย่างเดียวที่เข้ามาทำให้หนักใจแทนก็คือความจริงที่พี่เจนนี่ยังไม่รู้ว่าฉันเป็นคนทำนี่แหละ ถ้ายังอยากปิดความลับนั้นได้ฉันก็แค่ต้องไม่มายุ่งกับนางอีก... ส่วนเรื่องจะไปตบหน้าคนทำให้มันปากแตกนี่ฉันขอคิดก่อนแล้วกัน


    'โอเค นี่แหละทางหนีทีรอดของเรา... โชคเข้าข้างจริงๆ'


    เท่ากับว่านี่จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้เข้ามาอยู่ในห้องนี้


    ในขณะที่ประโยคที่กำลังบอกตัวเองลอยอยู่ในหัว ร่างสะโอดสะองของรุ่นพี่ตำแหน่งดาวคณะก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เจ้าของห้องก้าวออกมาจากห้องน้ำโดยที่สายตานางก็กำลังมองอยู่ที่ฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วก็เผลอมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยไม่ได้ตั้งใจ


    "มองแบบนั้นคืออะไร?"  เสียงหวานที่ถามคำถามอันแสนตรงออกมาทำเอาฉันอยากจะจิ้มตาตัวเองที่ดันเผลอไปมองนางแบบนั้นซะได้ ฉันลุกขึ้นทันทีแล้วก็หยิบกระเป๋าข้างตัวก่อนที่จะตอบกลับไปอย่างค่อนข้างเลิ่กลั่ก


    "ป..เปล่า เสื้อสวยดี"  ฉันเดินตรงไปทางประตูห้อง แต่ยังไม่ทันจะไปถึง คนที่ยืนอยู่กลางทางก็ขยับมาขวางเสียก่อน


    "มองเสื้อต้องลงไปถึงขนาดนั้นด้วยเหรอ?"  คนที่ตัวเล็กกว่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ฉันกำสายสะพายกระเป๋าแน่นแล้วก็ตอบไปด้วยความรวดเร็ว



    "โอ่ย! ปล่อยฉันไปเถอะน่า"  ดวงตาเฉี่ยวมองฉันอย่างพอใจก่อนที่จะค่อยๆเขยิบตัวออกให้อย่างมีมาด ฉันเห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้แต่ก็ต้องรีบก้าวขาออกมาเพราะอยู่นานไปกว่านี้นางก็จะได้ใจขึ้นไปอีก


    ฉันมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งที 


    เฮ้อ


    'ไม่มีสักครั้งเลยที่ฉันมาที่ห้องนี้แล้วอารมณ์จะราบเรียบ'  ฉันคิดกับตัวเอง


    ไม่ชวนเถียงก็หาเรื่อง ว่างๆก็กวนบ้างแหย่บ้าง พูดไม่ดีใส่บ้าง มันคงจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับเราสองคนไปแล้วล่ะมั้ง แต่ก็แปลกนะ... เพราะกับคนอื่นฉันก็ไม่มานั่งทะเลาะแบบนี้ซักหน่อย แถมหัวใจบ้ามันยังชอบเต้นแรงเฉพาะกับเจ้าของห้องนี้เท่านั้นด้วย


    แปลกจริงๆเลย...


    "จะไปก็ไปสิ ยิ้มอะไรอยู่ได้"  สายตาของพี่เจนนี่ที่กำลังจับจ้องมาปลุกให้ฉันตื่นออกจากภวังค์ทันที มือหนึ่งของนางกำลังจับอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ เหมือนพร้อมที่จะปิดอยู่แล้วถ้าฉันจะยังยืนเหม่อลอยไปอีกนานกว่านี้


    'เอ๊ะ! นี่ฉันยิ้มงั้นเหรอ!?'  ฉันรีบปรับสีหน้าตัวเองอย่างเนียนๆแล้วก็กระชับสายกระเป๋าในมือพร้อมตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุดเท่าที่ทำได้


    "ยิ้มที่แผลพี่หายไง วันจันทร์ก็ไปเรียนได้แล้วสิ"


    "อืม ก็ต้องขอบคุณเธอนั่นแหละ ข้อตกลงเสียเปรียบเห็นๆยังจะตกลงมาได้... ฉันล่ะเชื่อเลย"  ไม่พูดเปล่าคนตัวเล็กกว่าหลับตาส่ายหน้าอย่างหนักใจ เหมือนกับนางกำลังด่าอ้อมๆว่าฉันโง่อย่างนั้นแหละ


    "นี่คือขอบคุณแล้วสินะ ฉันล่ะเชื่อพี่เลยเหมือนกัน"  ฉันหลับตาส่ายหน้าตาม ด่ามาด่ากลับไม่โกง เดี๋ยวนี้ฉันเริ่มรู้แล้วว่าพี่เจนนี่น่ะบางทีนางก็กวนไปงั้นแหละ เพียงแต่เป็นคนหน้าหยิ่งแล้วเจ้าตัวก็ดันมีตำแหน่งเป็นดาวคณะอีก คนเลยคิดว่านางน่ากลัวนู้นนี้นั้น จริงๆแล้วนางก็แค่เป็นคนปากเสียคนนึงเท่านั้นเอง... เอ๊ะ0.0


    จุ๊บ


    เฮือก!!!


    ขนทั้งร่างกายของฉันลุกซู่เมื่อจู่ๆระหว่างหลับตาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มนิ่มสั้นๆบนแก้ม ถึงจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแต่ฉันก็ไม่ได้บ้าไม่รู้ว่าเมื่อกี๊นี้เพิ่งเกิดอะไรขึ้น


    !?!?


    ฉันลืมตาโพลงทันทีที่รู้ตัวแล้วก็พบกับคนตรงหน้าที่เพิ่งจะถอยตัวกลับไปยืนหลังบานประตูที่เดิม 


    น..นี่นาง... ฮ... เฮ้ย!!!


    บนหน้าฉันตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นสีอะไรไปถึงไหนแล้ว ถึงจะพยายามทำหน้าให้ธรรมดาที่สุดแต่ก็รู้ว่า ณ จุดจุดนี้อีกคนคงรู้หมดไส้หมดพุงแล้วว่าฉันคิดอะไรอยู่


    "ทะ... ทำอะไรน่ะ!?"  ฉันเอามือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเพื่อไม่ให้ความเขินบนใบหน้ามันถูกเปิดเผยไปมากกว่านี้


    "ขอบคุณที่มาคอยดูแล"  คนตาคมพูดขึ้นนิ่งๆ นางมองฉันสองสามวิก่อนที่จะปิดประตูห้องลง


    แต่แล้วยังไม่ทันที่หัวใจฉันจะเต้นช้าลงเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกอีกครั้งแล้วก็โผล่หัวออกมาจากช่องประตูที่แง้มไว้ ฉันที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องก็มองคนที่กุมชะตาหัวใจตัวเองอย่างงงๆเหมือนกับเด็กที่กำลังใจหายเพราะหลงทาง


    "พรุ่งนี้เจอกัน?"  รุ่นพี่คนสวยยังคงมีสีหน้านิ่งๆเช่นเคย แต่ประโยคที่พูดมานั่นมันชวนให้ฉันมาที่ห้องอีกไม่ใช่หรือไง?


    "อืม"  ฉันตอบไปโดยไม่ทันคิดให้ดี พี่เจนนี่พยักหน้ากับคำตอบของฉันแล้วก็ปิดประตูห้องลงสนิท ฉันยังคงยืนอยู่หน้าห้องแล้วสักพักสติก็กลับมาอีกครั้ง มาย้ำว่าสิ่งที่ตัวเองเพิ่งตอบไปนั้นมันเป็นไปไม่ได้


    คำพูดของคนที่เพิ่งกลับเข้าห้องไปลอยเข้ามาในหัวฉันเหมือนกับกำลังย้อนเวลาไปฟังอีกครั้ง


    น้ำเสียงหวานดังขึ้นเป็นประโยคเดียวกับที่พูดในห้อง ย้ำให้ฉันแน่ใจและเตือนตัวเองว่าจะต้องทำอะไร


    "เธอจะเป็นคนไปจัดการมันให้ฉัน ทำให้แน่ใจว่าคนที่ทำมันจะไม่มายุ่งกับฉันอีก"


    "ฝากรอยไว้บนหน้ามันหน่อยก็ดี ฉันรู้นะว่าเธอน่ะก็ไม่ใช่เล่น"


    เรื่องนั้นฉันขอไปทำใจก่อนก็แล้วกันนะ แต่อย่างแรกน่ะฉันจะทำให้ได้แน่ 


    'ฉันจะไม่ก้าวเข้ามาเหยียบห้องนี้อีก ไม่มายุ่งกับนาง ต่อไปนี้ถือว่าเราไม่เคยรู้จักกัน'


    ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆเป็นการทำสัญญากับตัวเอง


    แบบนี้มันก็ควรจะดีแล้วสิ ก็นางเป็นคนที่ฉันเกลียด... ได้ไปไกลๆจากนางนี่ถือเป็นโชคดีของฉันเลยไม่ใช่เหรอ


    ...ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมฉันถึงยังไม่อยากเดินออกไปจากตรงนี้เลยล่ะ?


    จากคนที่เกลียดกลับต้องมามีส่วนในชีวิต ตอนนี้ได้โอกาสที่จะออกไปจากชีวิตอีกคนแล้วมันก็ควรจะดีิสิ


    ก็ดีเหมือนกัน... นี่สินะสิ่งที่พี่ต้องการ


    นี่สินะ... สิ่งที่ฉันต้องการ?


    'พรุ่งนี้เราคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ'  ฉันมองเลขที่ติดอยู่หน้าประตูห้องอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกมาด้วยความรู้สึกหน่วงๆในใจ


    ถ้านี่คือสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ...


    ทำไมมันรู้สึกตรงกันข้ามเลยล่ะ?












      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×