ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : สารภาพ
ตึกตัก ตึกตัก
อัตราการเต้นของอวัยวะในอกฉันมีแต่จะเร็วขึ้นเรื่อยๆเมื่อฉันเข้าใกล้จุดหมาย ฉันหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่คุ้นเคยแล้วก็ค่อยๆยกมือขึ้นมาเตรียมจะเคาะ แต่ก็ต้องเอามือลงมากุมหัวใจตัวเองไว้ไม่ให้มันเต้นเสียงดังไปกว่านี้เสียก่อน
'แค่บอกนางเท่านั้น! บอกความจริงไป... กลั้นใจแล้วก็พูดออกมาให้ได้! หลังจากนั้นจะเป็นไงก็ค่อยว่ากัน!' ฉันพูดกับตัวเองในใจอย่างหนักแน่น แต่ความตื่นเต้น ความกลัว และความรู้สึกอื่นๆก็ยังต่างโหมกระหน่ำเข้ามาใส่ไม่ยั้ง
ไม่ได้... ยังไงวันนี้ฉันก็จะต้องบอกนางให้ได้!!
เอาล่ะ
ก๊อกๆๆ
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก็ถอนออกมาอย่างสั่นๆ มือที่กำลังกุมหัวใจพยายามเอาลงไปไว้ข้างตัวให้ดูธรรมชาติ เสียงฝีเท้าของคนข้างในห้องบอกให้รู้ว่าที่ฉันเพิ่งเคาะประตูไปนั้นมันเกิดขึ้นจริงไม่ใช่เรื่องหลอกอย่างที่อยากให้เป็น
แกร๊ก
"วันนี้มาเร็วนะ" นางมาเปิดประตูแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องเช่นเคย ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากแล้วก็ก้าวขาเดินเข้าไปเหมือนอย่างทุกวัน แต่แทนที่จะแก้อาหารใส่ภาชนะฉันกลับวางถุงพลาสติกในมือไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างช้าๆ
ฉันหยุดฝีเท้าตรงหน้าคนที่กำลังนั่งอยู่แล้วก็มองไปที่พี่เจนนี่ตรงๆ มือทั้งสองของฉันมีเหงื่อไหลออกมาจนชื้นไปหมด
"มีอะไร?" นางตวัดสายตาขึ้นมามองฉันเมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมพูดอะไร ฉันกัดฟันตัวเองแน่นแล้วก็พยายามเค้นประโยคที่ตัวเองฝึกพูดมาบนรถตลอดทางอย่างยากลำบาก
"ฉ-"
"..." ดวงตาเฉี่ยวของคนตรงหน้ามองมาที่ฉันนิ่งๆ และนั่นยิ่งทำให้ฉันพูดไม่ออกเข้าไปกว่าเดิม
"ฉัน-"
"?" รุ่นพี่คนสวยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยโดยที่สายตายังจับจ้องมาที่ฉันไม่ขยับไปไหน การจ้องมองอย่างทะลุทะลวงของนางทำเอามือไม้ฉันสั่นไปหมด แล้วประโยคที่ไม่ได้คิดจะพูดก็กลับหลุดออกมาจากปากแทน
"พี่ยังไม่มีแฟนใช่มั้ย?"
ดวงตาของคนถูกถามฉายแววตกใจกับคำถามของฉันทันทีที่มันหลุดออกจากปาก ฉันเองก็อึ้งกับคำถามตัวเองไม่แพ้กันแต่สีหน้าก็พยายามไม่เปลี่ยนให้ดูน่าสงสัย ถึงกระนั้นในใจฉันกำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
ห๊ะ!!!!!
ฉันถามหอยอะไรออกไปเนี่ยยยยยยยยยยยยย!!!????
ท่ามกลางความเงียบสองสามวิที่เนื่องมาจากความช็อคของบุคคลในห้องทั้งคู่ทำให้ฉันต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยความลำบากใจ
"ย..ยัง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอนี่" น้ำเสียงติดหยิ่งๆของเจ้าตัวตอบออกมาอย่างไม่เข้าใจ นางขมวดคิ้วมองฉันแล้วก็ถอนหายใจออกมาทางจมูก
"พี่เจนนี่"
"อะไร?" คนบนเตียงมองฉันอย่างไม่สนิทใจนัก ฉันสะบัดความรู้สึกบ้าบอต่างๆในหัวที่กำลังเป็นตัวถ่วงออกไปให้หมดแล้วก็พูดอย่างแน่วแน่
"ฉันมีอะไรจะบอก!"
น้ำเสียงที่จริงจังของฉันทำเอาความกล้าของตัวเองพุ่งขึ้นมาไม่น้อย ยังไงฉันก็จะต้องพูดออกไปให้ได้! ต้องบอกนางเรื่องที่ตั้งใจจะมาบอกสิ ไม่ว่าอะไรก็มาขวางฉันไม่ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวฉันเองก็เถอะ!
มือทั้งสองข้างของฉันกำแน่นในขณะที่สายตาก็จ้องมองไปที่คนตรงหน้าอย่างไม่วางตา ฉันก้าวเข้าไปใกล้หาพี่เจนนี่อีกหนึ่งก้าวแล้วก็สูดหายใจเข้าพร้อมขมวดคิ้ว ในใจก็พยายามเค้นประโยคที่จะพูดให้ออกมาให้ได้เร็วที่สุด
3... 2... 1...
"ฉัน-"
"หยุด"
!!!
เสียงนุ่มของคนตรงหน้าทำเอาฉันสตั๊นท์สุดขีดเมื่อนางพูดขัดขึ้นมาในจังหวะที่ไม่ควรขัดที่สุด
คิ้วทั้งสองข้างของฉันขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิมแล้วฉันก็มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าสวยที่อยู่ใกล้ก็มีสีหน้าที่ค่อนข้างอธิบายไม่ถูกเช่นกัน ฉันยืนค้างอยู่อย่างนั้นแล้วก็รอให้อีกคนพูดอะไรซักอย่างในฐานะที่นางมาขัดจังหวะ
"ฉันยังไม่อยากฟัง" ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็เดินหนีฉันไปดื้อๆ ฉันมองตามคนที่ลุกไปแก้กับข้าวเองอย่างงงๆแล้วก็ยืนเงิบกับการกระทำของอีกคน
...
หาาาาา? นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะพูดอะไร... แล้วไม่อยากฟังเนี่ยนะ!? นี่ฉันทำใจมานานนะโว่ยยย!
"ฟังฉันเดี๋ยวนี้นะ" ด้วยความไม่ยอมแพ้ฉันเดินเข้าไปหาพี่เจนนี่ก่อนที่จะจับไหล่นางให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง แต่พอนางหันมาตามแรงดึงของฉัน รุ่นพี่ที่ตัวเล็กกว่าก็ถือจานข้าวเดินผ่านฉันไปก่อนที่จะนั่งลงแล้วก็จัดการกินมื้อเย็นโดยไม่ยอมสนใจที่ฉันจะพูดซะงั้น
โอ๊ยยยยยยย อะไรเนี่ย!?
"มากินข้าวได้แล้ว" เจ้าของน้ำเสียงเหวี่ยงๆนั่นยังจะมีหน้ามาชวนฉันกินข้าวเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิ้วของฉันตอนนี้ขมวดเป็นปมด้วยอารมณ์ต่างๆนับสิบที่ถาโถมเข้ามานับสิบ
ฉันโคตรงงงวยกับการกระทำของคนตรงหน้า นี่มันอะไรกัน!?
"เฮ้อ" ฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความอึดอัดที่ไม่ได้พูด แต่ในเมื่อนางจะเอาอย่างนี้แล้วฉันก็จะทำยังไงล่ะ ฉันหยิบขนมปังในกระเป๋าตัวเองที่เป็นข้าวเย็นในวันนี้มาแกะออก แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่เดิมของตัวเองก่อนที่จะกินอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เราทั้งคู่นั่งกันอย่างเงียบๆ ปกติที่ฉันมาเราจะหาเรื่องชวนเถียงกันแล้วก็จะเกิดสงครามย่อยๆในเรื่องเล็กๆน้อยๆทุกที ส่วนใหญ่ก็แน่นอนว่าพี่เจนนี่นั่นแหละที่เป็นคนปากเสียเริ่มตลอด แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว ในเมื่ออีกคนจะไม่ยอมฟังสิ่งที่ฉันจะพูดงั้นก็ไม่ต้องคุยกันเลยละกัน-*-
"ทำไมวันนี้ยอมซื้อก๋วยเตี๋ยวต้มยำมาให้?" เสียงหวานถามขึ้นทำเอาฉันต้องหันไปด้วยอารมณ์ที่ยังไม่ค่อยดีนัก
"ก็เห็นแผลจะหายอยู่แล้ว" ฉันตอบนิ่งๆโดยไม่เงยหน้าขึ้นไปสบตา งอน- -
"น่ารักเหมือนกันนี่" พี่เจนนี่พูดขึ้นโดยที่หันมามองฉันแว้บหนึ่ง ก่อนที่จะก้มลงรับประทานอาหารต่อ
นี่นางเพิ่งชมฉันงั้นเหรอ?
"อ..อือ" ฉันตอบอย่างติดขัด ไม่หายฉุนหรอกโว้ย!
ฉันเหลือบมองรุ่นพี่ผมยาวที่กำลังค่อยๆม้วนเส้นก๋วยเตี๋ยวไว้บนช้อนอย่างช้าๆแล้วก็นึกกับตัวเองไปเรื่อยเปื่อยท่ามกลางความเงียบ
'ถ้าเรื่องทั้งหมดผ่านไปแล้วฉันจะยังมีโอกาสได้มานั่งเล่นในห้องนี้แบบนี้อีกมั้ย?' จู่ๆประโยคนึงก็ผุดขึ้นมาในหัว
แต่ยังไม่ทันที่สมองจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น พี่เจนนี่ก็หันขึ้นมาสบตาฉันก่อนจะเรียกฉันขึ้นมาเฉย
"ลิซ่า"
"ห๊ะ?" ฉันรีบตอบ ถึงจะใช้น้ำเสียงเรียบๆแต่ในใจก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อยที่นางเรียกฉันด้วยชื่อซึ่งปกติไม่ค่อยได้เรียกนัก
"ขออะไรอย่างสิ" คนหน้าสวยวางช้อนลงในชามแล้วก็หันตัวมาเผชิญกับฉันตรงๆ มือหนึ่งก็เท้าคางเอาไว้อย่างวางมาดเช่นเคย
"อะไรอะ?" ฉันตอบแล้วก็วางชามของตัวเองลงบ้าง แขนข้างหนึ่งของฉันวางเท้าโต๊ะอย่างสบายๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าในใจกำลังเต้นแรงแค่ไหนเพราะกำลังลุ้นคำพูดของอีกคนที่ไม่รู้ว่าจะดีหรือจะร้าย
"เรื่องข้อตกลงข้อสุดท้ายของเราน่ะ" เสียงหวานเกริ่นขึ้นมาประโยคแรก ทำเอาหัวใจฉันร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
"อือ?" ฉันครางตอบในลำคอเบาๆ โดยที่กำลังพยายามรักษาสีหน้าตัวเองให้นิ่งที่สุด เหงื่อในมือเริ่มผุดออกมาจนฉันต้องเอามือมาวางไว้บนหน้าตักให้กระโปรงเครื่องแบบช่วยซับเหงื่อไปก่อน
"ฉันจะขอเปลี่ยนข้อตกลง เธอไม่ต้องเอาตัวคนทำมาให้ฉันแล้ว" คนที่เป็นดาวคณะพูดหน้านิ่ง ส่วนฉันรู้สึกเหมือนมีลมหายใจมาจุกติดอยู่ในลำคอ จะพูดอะไรก็กลับพูดไม่ออก ในหัวมีแต่ความสับสนงุนงงในคำพูดของคนตรงหน้า
ว่ายังไงนะ!? ฉันไม่เข้าใจ...
"ฉันขี้เกียจจะต้องมาจัดการด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นฉันจะไปเป็นดรัมให้โดยที่เธอไม่ต้องเอาตัวคนทำมาให้ฉัน ข้อตกลงสองข้อแรกถือว่าเธอทำได้ แผลนี่ก็ใกล้จะหายแล้วด้วย" มือเรียวของพี่เจนนี่ลูบแผลข้างริมฝีปากของตนเองที่ตอนนี้ก็เป็นเพียงรอยจางๆที่มองแทบไม่เห็นแล้ว
"ล..แล้ว-"
"เธอจะเป็นคนไปจัดการมันให้ฉัน ทำให้แน่ใจว่าคนที่ทำมันจะไม่มายุ่งกับฉันอีก" ฉันแทบจะอ้าปากค้างกับส่งที่อีกคนพูดมา หา!? นี่มันก็เท่ากับฉันต้องไปจัดการกับตัวเองงั้นสิ?
"ฝากรอยไว้บนหน้ามันหน่อยก็ดี ฉันรู้นะว่าเธอน่ะก็ไม่ใช่เล่น" สายตาคมกริบของอีกฝ่ายทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มามั่นใจในฝีมือฉันน่ะมันก็ไม่ได้แย่หรอก แต่จะให้ฉันไปตบหน้าตัวเองจนปากแตกก็ไม่ใช่เรื่องมั้ยล่ะ
สงสัยว่าอีกฝ่ายจะเห็นสีหน้าอันลำบากใจของฉัน พี่เจนนี่จึงลุกขึ้นแล้วก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ฉันก่อนที่จะมองมาที่ฉันด้วยสายตาเฉียบคมของเจ้าตัว
"นี่... ฉันยอมตกลงแล้วไม่ดีใจหรือไง หรือว่ากลัวว่าแผลฉันหายแล้วเธอจะไม่ได้เข้ามาห้องนี้อีก?" พูดจบนางก็กระตุกยิ้มแพรวพราวที่ทำให้คนทั้งมหาลัยใจสั่นได้ในพริบตา ฉันที่โดนดาเมจมาอย่างแรงก็รีบหลบตาก่อนที่จะเอามือผลักคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆออกห่างตัวเบาๆ
"ตลกละ... คนอะไรหลงตัวเอง" ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ใจฉันเองก็เต้นแรงไม่เบา ก็ไอ้การกระตุกยิ้มแบบจงใจนั่นเป็นใครก็ทนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ เจนนี่คิม... นี่สินะสิ่งที่ทำให้ทุกคนสยบให้เธอได้ถ้าต้องการ
เฮือก!
ฉันสะดุ้งขึ้นมาสบตานางทันทีเมื่อมือเย็นๆของรุ่นพี่ตรงหน้าสัมผัสลงบนใบหน้าของฉัน นิ้วเรียวเย็นของนางแตะอยู่ที่สันกรามฉันอย่างแผ่วเบา พี่เจนนี่ก้มตัวลงมาเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากเล็กจะขยับพูดช้าๆ
"ไม่ต้องห่วงหรอกนะ... เธอจะเข้ามาตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ฉันอนุญาต" พูดจบสายตาคมเฉี่ยวของนางก็ขยิบให้ฉันหนึ่งที่แล้วนางก็ผละออกไปยิ้มๆ ปล่อยให้ฉันนั่งตัวเกร็งอยู่ที่เก้าอี้แถมยังพูดอะไรไม่ออกซักคำ
ตึกตัก... ตึกตัก
เฮือก!
นี่มันอะไรกันเนี่ย... ทำไมฉันถึงขนลุกทั้งร่างแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น?
ฉันเก็บสติตัวเองที่ยังคงเหลืออยู่แล้วก็มองไปที่ประตูห้อง เสียงน้ำไหลบ่งบอกว่าอีกคนคงจะกำลังล้างชามอยู่ในห้องน้ำ ฉันนึกทบทวนสิ่งที่สมองยังประมวลไม่ทันโดยเฉพาะสิ่งที่อีกคนเพิ่งพูดมาเกี่ยวกับข้อตกลงนั้น
'ฉันไม่ต้องเอาตัวคนทำมาให้นางแล้ว...'
จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นใบผ่านทางให้ฉันเลยนี่นา... ให้ฉันเป็นคนจัดการคนที่ทำ แถมพี่เจนนี่ยังยืนยันด้วยว่าจะไปเป็นดรัมให้ ถือว่าข้อตกลงสำเร็จเสร็จสิ้นโดยที่ฉันก็เองรอดตัวไปได้ด้วยเลยน่ะสิ!
อย่างเดียวที่เข้ามาทำให้หนักใจแทนก็คือความจริงที่พี่เจนนี่ยังไม่รู้ว่าฉันเป็นคนทำนี่แหละ ถ้ายังอยากปิดความลับนั้นได้ฉันก็แค่ต้องไม่มายุ่งกับนางอีก... ส่วนเรื่องจะไปตบหน้าคนทำให้มันปากแตกนี่ฉันขอคิดก่อนแล้วกัน
'โอเค นี่แหละทางหนีทีรอดของเรา... โชคเข้าข้างจริงๆ'
เท่ากับว่านี่จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้เข้ามาอยู่ในห้องนี้
ในขณะที่ประโยคที่กำลังบอกตัวเองลอยอยู่ในหัว ร่างสะโอดสะองของรุ่นพี่ตำแหน่งดาวคณะก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เจ้าของห้องก้าวออกมาจากห้องน้ำโดยที่สายตานางก็กำลังมองอยู่ที่ฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วก็เผลอมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
"มองแบบนั้นคืออะไร?" เสียงหวานที่ถามคำถามอันแสนตรงออกมาทำเอาฉันอยากจะจิ้มตาตัวเองที่ดันเผลอไปมองนางแบบนั้นซะได้ ฉันลุกขึ้นทันทีแล้วก็หยิบกระเป๋าข้างตัวก่อนที่จะตอบกลับไปอย่างค่อนข้างเลิ่กลั่ก
"ป..เปล่า เสื้อสวยดี" ฉันเดินตรงไปทางประตูห้อง แต่ยังไม่ทันจะไปถึง คนที่ยืนอยู่กลางทางก็ขยับมาขวางเสียก่อน
"มองเสื้อต้องลงไปถึงขนาดนั้นด้วยเหรอ?" คนที่ตัวเล็กกว่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ฉันกำสายสะพายกระเป๋าแน่นแล้วก็ตอบไปด้วยความรวดเร็ว
"โอ่ย! ปล่อยฉันไปเถอะน่า" ดวงตาเฉี่ยวมองฉันอย่างพอใจก่อนที่จะค่อยๆเขยิบตัวออกให้อย่างมีมาด ฉันเห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้แต่ก็ต้องรีบก้าวขาออกมาเพราะอยู่นานไปกว่านี้นางก็จะได้ใจขึ้นไปอีก
ฉันมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งที
เฮ้อ
'ไม่มีสักครั้งเลยที่ฉันมาที่ห้องนี้แล้วอารมณ์จะราบเรียบ' ฉันคิดกับตัวเอง
ไม่ชวนเถียงก็หาเรื่อง ว่างๆก็กวนบ้างแหย่บ้าง พูดไม่ดีใส่บ้าง มันคงจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับเราสองคนไปแล้วล่ะมั้ง แต่ก็แปลกนะ... เพราะกับคนอื่นฉันก็ไม่มานั่งทะเลาะแบบนี้ซักหน่อย แถมหัวใจบ้ามันยังชอบเต้นแรงเฉพาะกับเจ้าของห้องนี้เท่านั้นด้วย
แปลกจริงๆเลย...
"จะไปก็ไปสิ ยิ้มอะไรอยู่ได้" สายตาของพี่เจนนี่ที่กำลังจับจ้องมาปลุกให้ฉันตื่นออกจากภวังค์ทันที มือหนึ่งของนางกำลังจับอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ เหมือนพร้อมที่จะปิดอยู่แล้วถ้าฉันจะยังยืนเหม่อลอยไปอีกนานกว่านี้
'เอ๊ะ! นี่ฉันยิ้มงั้นเหรอ!?' ฉันรีบปรับสีหน้าตัวเองอย่างเนียนๆแล้วก็กระชับสายกระเป๋าในมือพร้อมตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุดเท่าที่ทำได้
"ยิ้มที่แผลพี่หายไง วันจันทร์ก็ไปเรียนได้แล้วสิ"
"อืม ก็ต้องขอบคุณเธอนั่นแหละ ข้อตกลงเสียเปรียบเห็นๆยังจะตกลงมาได้... ฉันล่ะเชื่อเลย" ไม่พูดเปล่าคนตัวเล็กกว่าหลับตาส่ายหน้าอย่างหนักใจ เหมือนกับนางกำลังด่าอ้อมๆว่าฉันโง่อย่างนั้นแหละ
"นี่คือขอบคุณแล้วสินะ ฉันล่ะเชื่อพี่เลยเหมือนกัน" ฉันหลับตาส่ายหน้าตาม ด่ามาด่ากลับไม่โกง เดี๋ยวนี้ฉันเริ่มรู้แล้วว่าพี่เจนนี่น่ะบางทีนางก็กวนไปงั้นแหละ เพียงแต่เป็นคนหน้าหยิ่งแล้วเจ้าตัวก็ดันมีตำแหน่งเป็นดาวคณะอีก คนเลยคิดว่านางน่ากลัวนู้นนี้นั้น จริงๆแล้วนางก็แค่เป็นคนปากเสียคนนึงเท่านั้นเอง... เอ๊ะ0.0
จุ๊บ
เฮือก!!!
ขนทั้งร่างกายของฉันลุกซู่เมื่อจู่ๆระหว่างหลับตาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มนิ่มสั้นๆบนแก้ม ถึงจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแต่ฉันก็ไม่ได้บ้าไม่รู้ว่าเมื่อกี๊นี้เพิ่งเกิดอะไรขึ้น
!?!?
ฉันลืมตาโพลงทันทีที่รู้ตัวแล้วก็พบกับคนตรงหน้าที่เพิ่งจะถอยตัวกลับไปยืนหลังบานประตูที่เดิม
น..นี่นาง... ฮ... เฮ้ย!!!
บนหน้าฉันตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นสีอะไรไปถึงไหนแล้ว ถึงจะพยายามทำหน้าให้ธรรมดาที่สุดแต่ก็รู้ว่า ณ จุดจุดนี้อีกคนคงรู้หมดไส้หมดพุงแล้วว่าฉันคิดอะไรอยู่
"ทะ... ทำอะไรน่ะ!?" ฉันเอามือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเพื่อไม่ให้ความเขินบนใบหน้ามันถูกเปิดเผยไปมากกว่านี้
"ขอบคุณที่มาคอยดูแล" คนตาคมพูดขึ้นนิ่งๆ นางมองฉันสองสามวิก่อนที่จะปิดประตูห้องลง
แต่แล้วยังไม่ทันที่หัวใจฉันจะเต้นช้าลงเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกอีกครั้งแล้วก็โผล่หัวออกมาจากช่องประตูที่แง้มไว้ ฉันที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องก็มองคนที่กุมชะตาหัวใจตัวเองอย่างงงๆเหมือนกับเด็กที่กำลังใจหายเพราะหลงทาง
"พรุ่งนี้เจอกัน?" รุ่นพี่คนสวยยังคงมีสีหน้านิ่งๆเช่นเคย แต่ประโยคที่พูดมานั่นมันชวนให้ฉันมาที่ห้องอีกไม่ใช่หรือไง?
"อืม" ฉันตอบไปโดยไม่ทันคิดให้ดี พี่เจนนี่พยักหน้ากับคำตอบของฉันแล้วก็ปิดประตูห้องลงสนิท ฉันยังคงยืนอยู่หน้าห้องแล้วสักพักสติก็กลับมาอีกครั้ง มาย้ำว่าสิ่งที่ตัวเองเพิ่งตอบไปนั้นมันเป็นไปไม่ได้
คำพูดของคนที่เพิ่งกลับเข้าห้องไปลอยเข้ามาในหัวฉันเหมือนกับกำลังย้อนเวลาไปฟังอีกครั้ง
น้ำเสียงหวานดังขึ้นเป็นประโยคเดียวกับที่พูดในห้อง ย้ำให้ฉันแน่ใจและเตือนตัวเองว่าจะต้องทำอะไร
"เธอจะเป็นคนไปจัดการมันให้ฉัน ทำให้แน่ใจว่าคนที่ทำมันจะไม่มายุ่งกับฉันอีก"
"ฝากรอยไว้บนหน้ามันหน่อยก็ดี ฉันรู้นะว่าเธอน่ะก็ไม่ใช่เล่น"
เรื่องนั้นฉันขอไปทำใจก่อนก็แล้วกันนะ แต่อย่างแรกน่ะฉันจะทำให้ได้แน่
'ฉันจะไม่ก้าวเข้ามาเหยียบห้องนี้อีก ไม่มายุ่งกับนาง ต่อไปนี้ถือว่าเราไม่เคยรู้จักกัน'
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆเป็นการทำสัญญากับตัวเอง
แบบนี้มันก็ควรจะดีแล้วสิ ก็นางเป็นคนที่ฉันเกลียด... ได้ไปไกลๆจากนางนี่ถือเป็นโชคดีของฉันเลยไม่ใช่เหรอ
...ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมฉันถึงยังไม่อยากเดินออกไปจากตรงนี้เลยล่ะ?
จากคนที่เกลียดกลับต้องมามีส่วนในชีวิต ตอนนี้ได้โอกาสที่จะออกไปจากชีวิตอีกคนแล้วมันก็ควรจะดีิสิ
ก็ดีเหมือนกัน... นี่สินะสิ่งที่พี่ต้องการ
นี่สินะ... สิ่งที่ฉันต้องการ?
'พรุ่งนี้เราคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ' ฉันมองเลขที่ติดอยู่หน้าประตูห้องอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกมาด้วยความรู้สึกหน่วงๆในใจ
ถ้านี่คือสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ...
ทำไมมันรู้สึกตรงกันข้ามเลยล่ะ?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น