คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คนที่ชอบพูดว่าไม่สนใจเรื่องของชาวบ้าน แต่พอได้ยินคนอื่นคุยกันก็หูผึ่งทุกที!
...เราเกิดมาด้วยกัน...
...เรามีสายเลือดเดียวกัน...
...จิตวิญญาณของเราเชื่อมโยงกัน...
...เราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน...
...เขาเกิดมาเพื่อปกป้องเธอ เธอเกิดมาเพื่อดูแลเขา...
แล้วทำไม?
แปะ!
หยดน้ำเล็กๆหล่นลงบนแก้มของนักดาบมือหนึ่งแห่งชินเซ็นงุมิ โอคิตะ โซโกะพยายามฝืนลืมตาขึ้น ร่างเล็กบางของคางุระยืนค้ำหัวเขาอยู่ เขามองไม่เห็นหน้าเธอ
“ไปโรงหมอกังน่ออาตี๋” เสียงนั้นกล่าวกับเขาเบาๆ
ร่างของโซโกะถูกยกสูงขึ้นจากพื้น เขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังอยู่บนแผ่นหลังของคางุระอีกครั้ง แม้สติใกล้หลุดเต็มที แต่เขาก็แน่ใจว่าแผ่นหลังนั้นกำลังสั่นสะอื้น
“ร้องไห้?” โซโกะถามอย่างอ่อนแรง
คางุระไม่ตอบ เขาถอนหายใจ ซบหน้าลงกับแผ่นหลังของเธอ
“สักวันเจ้านั่นจะกลับมา ไม่สิ...เขาต้องกลับมาแน่ ฉันรู้”
โอคิตะกล่าว สายตาของคามุอิยังคงฉายชัดในความคิด แม้จะแค่แวบเดียวแต่เขาก็จำได้
...เจ้าบ้านั่นเป็นคนยังไงกันแน่...
น้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาจากดวงตาสีน้ำเงิน คางุระร้องไห้ เดินแบกโซโกะไปตามถนน เธอจงใจเดินออกห่างจากย่านที่มีคนพลุกพล่าน เส้นทางที่ทอดยาวเบื้องหน้ามืดและเปล่าเปลี่ยว มือของเขากอดคอเธอหลวมๆจากด้านหลัง แต่เพียงเท่านั้นความอบอุ่นก็แผ่ซ่านมาถึงเธอจนเต็มตื้อ
...คนที่นี่ ไม่ว่าใครก็ไม่เคยทิ้งเธอให้เดียวดาย...
ถ้าหากว่า...ถ้าหากว่า...วันหนึ่งกินโทกิต้องฆ่าพี่ชายของเธอ เธอจะทำยังไง?
แต่เธอก็ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บตัวด้วยสาเหตุที่มาจากตัวเธอ หรือสายเลือดของเธออีกแล้ว
วันที่เธอตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตที่นี่ คือวันที่เธอยืนหยัดว่าจากนี้ไป เธอจะต่อสู้เพื่อปกป้องไม่ใช่ทำลาย
...เธอจะปกป้อง...
คางุระไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา เธอเงียบ เงียบจนน่ากลัว มีเพียงสายตากร้าวและความแน่วแน่ฉายชัด มันคือช่วงเวลาที่ตัวเธอเปลี่ยนจากเด็กผู้หญิงขี้โวยวายไร้สาระเป็นใครอีกคน...ใครอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จัก ใครอีกคนที่ทรงอำนาจ
แต่อย่างไรก็ตาม บางสิ่งบางอย่างบอกเขาว่าคางุระก็คือคางุระ ไม่ว่าเธอจะเก็บงำอะไรไว้สักเท่าไร เขายังคงเชื่อในสิ่งที่เขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณของผู้หญิงคนนี้
เพราะไม่เคยมีใคร...ล่วงล้ำเข้ามาในจิตใจของเขาได้มากไปกว่าเธออีกแล้ว
............................................................................................................................................
พรีเคียว~ พรีเคียว~ ติ๊ด!
“ฮัลโหล ครับ ใช่ครับ หือ?...โอคิตะ........”
“..........................”
“.........”
“ห๊า!!!”
เสียงแปดหลอดดังสนั่นจากรองปีศาจฮิจิคาตะ ดังจนทำให้หลายคนในที่ทำการชินเซ็นงุมิถึงกับต้องจ้ำอ้าวมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ครืดดดดด~
แน่นอน...คนที่มาถึงก่อนคนแรกคือ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอโทชิ!! ทำไมทำเสียงเหมือนเพิ่งรู้ข่าวทางโทรศัพท์ว่าโซโกะซี้ม่องเท่งยังงั้นล่ะ!!” ลูกพี่ใหญ่กอริล่าซังนั่นเอง
“นี่ผมยังไม่ได้เล่าอะไรเลยนะโว้ยครับ!! ถ้าถามแบบนี้ผมว่าไม่ต้องถามเลยยังจะดูแนบเนียนกว่าอีก!!”
“ห๊า! แปลว่าโซโกะตายแล้วจริงๆงั้นเร้อออ!!”
“แค่เดี้ยงเฉยๆโว้ย!! เจอไอ้ลูกพี่ตัวเบ้งของกลุ่มฮารุซาเมะอัดน่วม ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล...”
“หา!! หัวหน้าหน่วยโอคิตะถูกอัดเดี้ยงงั้นเร้อ! เปนปายม่ายด้ายยยย~”
พวกลูกน้องที่ยกขบวนกันตามมาพอได้ยินเข้า ก็มีรีแอคชั่นยิ่งกว่าเห็นโอทาเอะรับรักคอนโด้ซะอีก
“โธ่เอ๊ย...เห็นกันอยู่หลัดๆ” เสียงสะอื้นดังขึ้น แต่ฮิจิคาตะรู้สึกว่ามันฟังดูสะใจยังไงก็ไม่รู้
“นี่พวกแก ฉันบอกว่าเจ้านั่นยังไม่ตายไงล่ะ”
“ยังหนุ่มแท้ๆ ไม่น่าด่วนจากไปเลย” อีกคนหนึ่งสั่งน้ำมูกใส่ทิชชู่ดังพรืด เขาอาจคิดไปเองก็ได้ว่าเจ้านั่นกำลังกลั้นหัวเราะอยู่ด้วย
“เฮ้ๆ มันยังไม่ตาย...”
“ท่านโอคิต่า~” เสียงร้องไห้ระงมดังไปทั่วชินเซ็นงุมิอย่างรวดเร็ว
“........”
“เป็นไปได้ยังไงกัน! ทำไมโซโกะถึงไปฉะกลุ่มสลัดอากาศนั่นได้ล่ะโทชี้~”
คอนโด้พูดเสียงสั่นน้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าญาติตาย ฮิจิคาตะไม่แปลกใจหรอก...เพราะการที่ได้รู้ว่าโซโกะแพ้ใครสักคน มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะน่าเศร้า
...จริงๆนะ...
ใบหน้าคมเข้มแสยะยิ้มกว้าง
“อย่ากังวลไปเลยน่า มันไม่เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลเลยสักนิด อันที่จริง...มันไม่ใช่เรื่องงานด้วยซ้ำไป ที่โซโกะโดนเล่น เป็นเพราะปัญหาส่วนตัวล้วนๆ”
“อย่าบอกนะครับว่าหัวหน้าโอคิตะจีบแม่ยายของหมอนั่น!!”
“นี่...ยามาซากิ” ฮิจิคาตะหันไปสบตากับลูกน้องหน้าจืด
“แกเป็นพวกที่...เวลาดูหนังจะชอบสปอยล์เพื่อนข้างๆว่าฉากต่อไปจะเป็นยังไงใช่มั้ย?”
“ผิดแล้วยามาซากิ...” คอนโด้กอดอก พูดโต้แย้งด้วยมาดนิ่งคินดะอิจิ
“โซโกะน่ะไม่จีบใครหรอก แต่เจ้านั่นไปเล่นซาดิสม์กับแม่ยายของศัตรูต่างหาก อีกฝ่ายถึงได้โกรธแค้นขนาดนี้ยังไงล่ะ”
“ครับ” ฮิจิคาตะตอบรับด้วยมาดที่นิ่งกว่าร้อยเท่า “ผมจะไม่เชื่อสิ่งที่คุณคอนโด้เล่าให้ฟังไปตลอดชีวิตแน่นอนครับ”
............................................................................................................................................
“เฮ้ คางุระ”
กินโทกิเอ่ยปากทักเด็กสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ยาวสำหรับรอในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ชินปาจิที่ตามมาด้วยมีสีหน้าสลดใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไรนะ คางุระจัง” หนุ่มแว่นถามด้วยนิสัยขี้กังวล
ตามร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลฟกช้ำ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ดูยับเยินไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อะไรมันก็คงไม่เท่ากับการที่เธอนั่งก้มหน้ามองพื้นด้วยสายตาว่างเปล่าเสมือนว่าจมอยู่ในห้วงความคิดอันสับสน และแม้พวกเขาจะเข้ามาอยู่ข้างๆ แต่เธอก็ยังไม่ยอมหันมาสบตาด้วยซ้ำไป
...พวกเขาไม่ชอบให้เธอเป็นแบบนี้เลย...
คางุระตามปกติที่ร่าเริงจนติดจะงี่เง่าไม่เคยทำสีหน้าหงอยเหงาแบบนั้น
ไม่มีใครถามซ้ำถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณกินทรุดร่างนั่งลงข้างๆสาวน้อยที่ทำให้เขาชักจะรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นพ่อจ๋าก่อนวัยอันควรมากขึ้นทุกวัน
ฝ่ามือหนาใหญ่แต่อบอุ่นวางลงบนหัวของเธอก่อนจับโยกไปมาเบาๆอย่างเอ็นดู
“หงอยเชียวน้า คิดมากไปได้ เจ้านั่นไม่ตายง่ายๆหรอกน่า”
“อากินจัง” คางุระเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ไม่ว่าเมื่อไร ไม่ว่าที่ไหน ก็มักจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ในเวลาที่เธอโดดเดี่ยว อับจนหนทาง
กินโทกิขยี้หัวคางุระจนผมเริ่มกระเซิง ปากก็บ่นๆอะไรไม่รู้ยืดยาวสมกับตำแหน่งตาลุงไม่ได้ความประจำเรื่อง(รองจากมาดาโอะตัวจริง)
“เจ้าพี่บ้าของหล่อนน่ะ เดี๋ยวสักวันฉันจะปราบให้จั๋งหนับเลยคอยดู สักวันเจ้านั่นจะต้องรู้จักทำมาหากินอย่างอื่นนอกจากไล่หั่นคอชาวบ้านซะมั่ง ไม่ไหวเลยน้า เป็นผู้ชายแบบนี้จะดูแลครอบครัวในอนาคตได้ยังไงกัน”
“คุณยังจะมีน้ำหน้าไปสั่งสอนใครอีกเหรอครับ แค่ตัวเองยังเอาไม่รอด แถมสันหลังยาวขนาดนี้ยังกล้าคิดจะไปสอนชาวบ้านเรื่องความรับผิดชอบอีกเหรอครับ” ชินปาจิตบมุขจนชิน เผลอตัวย้อนเข้าให้หนึ่งดอกจนได้
“อ๊ะ...ขอโทษครับ คางุระจัง ผม...”
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทุกคนยังคงเห็นเธอเป็นคางุระของพวกเขาเหมือนเดิม ไม่ว่าที่จริงแล้วเธออาจจะเป็นอะไรที่ดุร้าย เหมือนคามุอิ เหมือนยาโตะอื่นๆ
น้ำอุ่นๆเริ่มปริ่มเต็มขอบตา เสียงเริ่มจะสั่นอย่างไร้การควบคุม
“อากินจัง... อาชินปาจิ...”
“เฮ้ๆๆ”
คุณกินเริ่มเห็นท่าไม่ดีเมื่ออาหมวยทำท่าจะทำนบแตก
“อั๊วะ...อั๊วะ...เกือบทำคนซี้เลี้ยวน่ออากินจัง”
เสียงพูดปนกับเสียงสะอื้นอู้อี้ฟังแทบไม่เป็นภาษา
“อั๊วะเกือบจะปล่อยให้อีตาย อีเกือบจะตายจริงๆน่ออากินจัง อั๊วะช่วยอะไรม่ายล่าย ทำอะไรไม่ล่ายเลย อาตี๋นั่นมาช่วยอั๊วะ เลี้ยวอีก็ต้องมาเดี้ยงอ่ะน่อ อั๊วะเผลอทำคนอื่นเจ็บอีกเลี้ยว...”
โวยวายทั้งน้ำตาอย่างเจ็บแค้น และรังเกียจเดียดฉันท์ในความไร้พลังของตัวเองเหลือเกิน
“ปัดโธ่...เด็กน้อยเอ๊ย”
ที่จริงแล้วเขาควรจะตบหัวเรียกสติหล่อนสักป้าบ แล้วบอกว่า
...เธอคิดว่าเจ้านั่นจะยอมตายง่ายๆหรือไง เธอคิดว่าเขาจะปล่อยให้เธอต้องทุกข์ใจที่เขาต้องมาตายเพราะเธอเหรอ เธอต้องเชื่อมั่นในตัวหมอนั่นเซ่!...
ลูกผู้ชายเขาต้องรู้จักยอมรับในการตัดสินใจของกันและกัน แต่ช่วยไม่ได้แฮะ เธอเป็นผู้หญิงนี่นะ ถึงจะรู้เรื่องนั้นอยู่เต็มอกแต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้
คุณกินดึงร่างเล็กๆนั่นเข้ามาโอบจนเต็มอ้อมกอด ชินปาจิเป็นพวกอ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว เผลอน้ำตาซึมก่อนเข้าผสมโรงเข้าไปกอดทั้งคางุระทั้งคุณกินกับเขาด้วยคน ใครมาเห็นสภาพของคนสามคนกอดกันตอนนี้อาจชวนให้ตะขิดตะขวงใจพิลึก แต่เหล่าสมาชิกร้านรับจ้างสารพัดลืมคิดไปสนิท
“แล้วพวกชินเซ็นงุมิล่ะ” คุณลุงผมเงินถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่น่าจะมีแต่พวกเขา
“เข้าไปเยี่ยมอาตี๋ในห้องกันอยู่น่อ”
................................................................................
...................................
................
“โซโก่~”
เสียงตะโกนทั้งน้ำตาของคอนโด้ดังลั่นขนาดที่ผู้ป่วยระยะสุดท้ายห้องข้างๆคงอยากจะลุกขึ้นมาเอาเสาน้ำเกลือฟาดหัว
“ใคร...ใคร๊...ใครมันทำแกอย่างนี้โซโกะ บอกลูกพี่สิ บอกมา! ลูกพี่จะไปฆ่าม้าน~!!”
“คุณคอนโด้ครับ ผมจะตายก็เพราะพลังคลื่นกระแทกเสียงแปดหมื่นเดซิเบลของคุณนั่นแหละ”
“ใจเย็นก่อนครับหัวหน้า” ยามาซากิพยายามลากคอนโด้ออกจากเตียงผู้ป่วยที่เขาปีนขึ้นไปเพื่อเขย่าตัวโอคิตะ
...นี่ตูมีหัวหน้า หรือกำลังเลี้ยงลิงอยู่ฟะ...
หนุ่มจืดประจำสำนักแอบคิดเอือมๆ
รองหัวหน้าฮิจิคาตะยืนกอดอกเงียบๆอย่างไม่ยินดียินร้าย ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“งานนี้คงทำอะไรไม่ได้หรอกนะ เพราะเจ้านั่นมีเอี่ยวกับระดับสูงของบาคุฟุอย่างที่รู้กัน ฉันจะไม่บอกว่าแกคงเจ็บตัวฟรี แต่ฉันจะบอกว่าแกโชคดีมากที่รอดชีวิตจากหมอนั่นมาได้”
“แต่แปลกจังนะครับที่หัวหน้ากองโอคิตะรอด” ยามาซากิท้วงขึ้นแบบไม่กลัวตาย “เพราะหมอนั่นไม่เคยละเว้นใครมาก่อนเลย”
ฮิจิคาตะหัวเราะหึเบาๆ ตวัดสายตารู้เท่าทันแลร่างที่นอนอยู่บนเตียง “ดูท่ามันจะถูกใจแกน่าดูนะ”
“ผมรู้สึกว่าตัวผมกับเจ้านั่นมีอะไรบางอย่างคล้ายกันน่ะครับ คนเราก็มักจะถูกใจคนที่คล้ายกับตัวเองทั้งนั้นแหละ ใช่มั้ยครับคุณฮิจิคาตะ”
โอคิตะพูดหน้าตาย ดวงตาใสซื่อมองตรงไปยังฮิจิคาตะที่กระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที เขารู้จักโซโกะดีเกินกว่าจะไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่ไม่ได้พูดลอยๆ
มันมักจะรู้ทันเขาเสมอๆในทุกเรื่อง
เมื่อพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะอาจกลายเป็นเชือกตวัดกลับมามัดตัวเองให้ดิ้นไม่หลุดภายหลัง ฮิจิคาตะจึงทำได้แค่แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมแต่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
“คุณคอนโด้ กลับกันได้แล้วน่า” รองปีศาจเฉไฉไปเรื่องอื่น พร้อมกับลากหัวหน้าแห่งชินเซ็นงุมิลงจากเตียงคนป่วย “เดี๋ยวผมนอนเฝ้ามันเองน่า คุณกลับไปทำอย่างอื่นเหอะ”
“ไม่น้า ไม่อ๊าววว โซโก๊ะ!!”
“ยามาซากิ”
“ครับ!”
“รู้ใช่ไหมว่าต้องทำไง” ฮิจิคาตะเริ่มใช้นิ้วนวดขมับเบาๆอย่างปวดหัว
“ครับ!”
“พูดเรื่องอะไรกันน่ะโทชิ แอ่ก!”
โครม!
คอนโด้ไม่ทันจะรู้ตัว ตอนที่ยามาซากิคว้าเอาแจกันดอกไม้(ของโรงพยาบาล)ทุ่มใส่กบาลเขาเต็มแรง และต่อให้ฟื้นขึ้นมาเขาก็คงไม่รู้อยู่ดีว่าเขาสลบไปได้ยังไง
“ถ้าไม่ทำงี้ มีหวังไม่ยอมกลับแหงม” ฮิจิคาตะพึมพำ ก่อนสั่งลูกน้องที่ทำหน้าที่ดีเกินคาด “เอากลับไปเลย”
ยามาซากิแบกกอริล่าเพศผู้ออกไปจากห้องตามคำสั่งเป๊ะๆ แต่ใครใช้ให้มันใช้แจกันของโรงพยาบาลฟะ เอาเถอะ...ค่าชดใช้แจกันนั่นก็หักจากเงินเดือนมันแล้วกัน
หลังจากตัวเกะกะ(?)ทั้งคู่กลับไป ฮิจิคาตะก็ได้โอกาสพูดคุยกับโซโกะในเรื่องที่เจ้าตัวอยากรู้จริงๆจังๆสักที
“ตอบมาตามตรงโซโกะ” เขาเริ่มทันทีเมื่อแน่ใจว่าสองคนนั่นไปแล้วจริงๆ “แกคิดจะทำยังไงต่อ”
โอคิตะ โซโกะมองดวงตาสีดำดุดันคู่นั้นอย่างสงบ และไม่ตอบคำถาม ความแน่วแน่ในสายตาทำให้ฮิจิคาตะรู้ว่าเขาไม่อาจคาดคั้นคำตอบใดจากคนตรงหน้าได้อีกแล้ว
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร”
ผิวเผินภายนอก โซโกะอาจดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล แถมติดจะเห็นแก่ตัวหน่อยๆ แต่มันไม่ใช่หรอก มีเพียงพวกเขาที่รู้ว่าไม่ใช่ โซโกะ...อาจเป็นคนซาดิสม์ แต่มันเป็นคนดี
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาเคยละทิ้งผู้หญิงคนแรกที่เขารัก เพื่อให้เธอได้มีความสุขกับชาย...ผู้ซึ่งไม่ได้มีชีวิตอย่างพร้อมจะตายตลอดเวลาอย่างเขา พวกเขาทุกคน ต่างทอดทิ้งความสุข ความภูมิใจ ครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงเพื่อจะปกป้องคนที่พวกเขาเห็นว่าสำคัญ
โซโกะเองก็ไม่แตกต่าง
“โซโกะ แกน่ะ...ควรรู้จักที่จะรักตัวเองซะบ้าง”
นัยน์ตาคมเข้ม บัดนี้ทอดมองบุรุษผู้ที่เขารักมันเสมือนน้องชายร่วมสายเลือด ความดุที่มักจะฉายอยู่ในแววตากลับอ่อนแรงลง กลับกลายเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเปราะบางหลากหลาย และเหนือสิ่งอื่นทั้งปวง...มันคือความห่วงใย
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เผลอทำหน้าเหวอออกมาอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกผิดลึกๆ(ลึกมากๆ)ต่อคนตรงหน้าก่อตัวขึ้นช้าๆ คำพูดของกินโทกิที่ครั้งหนึ่งเคยพูดไว้กลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง
...สิ่งสำคัญที่แกจะถูกเจ้านั่นช่วงชิงไป รวมถึงตัวเจ้านั่นด้วยใช่ไหม?...
“โซโกะ...อย่าพรากตัวเองออกจากคนที่ต้องการในตัวแก” น้ำเสียงทุ้มเจือปนกลิ่นของความเศร้า “อย่าเอาคำว่าเสียสละมาใช้กับความรัก แต่แกต้องไม่ยินยอมที่จะสูญเสียมันไป ไม่งั้นคนที่เสียใจที่สุดจะเป็นตัวแกเอง”
คนๆนี้...ยังคงเอาใจใส่เขาเสมอมา ไม่ว่าเขาจะทำตัวเลวร้ายแค่ไหน หลายครั้งเขาก็รู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เกลียดผู้ชายคนนี้ และคิดว่าถ้าหากวันหนึ่งฮิจิคาตะเกิดตายก่อนเขาไปจริงๆ คงอดไม่ได้ที่จะคิดถึง
แต่พอมองหน้าหมอนี่แล้ว มันหมั่นไส้จนไม่อยากจะยอมรับเลยให้ตายเถอะ
โอคิตะนิ่ง ก่อนเอ่ยปาก
“คุณฮิจิคาตะ...”
ฮิจิคาตะส่งสายตาเชิงคำถาม
“ขอบคุณมากครับ”
สีหน้าของรองปีศาจไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่มีอาการตอบรับคำขอบคุณนั้นแต่อย่างใด แถมยังพูดตัดบทดื้อๆ “ฉันจะกลับล่ะ”
“อ้าว...ไหนว่าจะอยู่ด้วยกัน...”
เจ้าชายแห่งดาวซาดิสม์ท้วง อุตส่าห์คิดแผนฆ่าได้แล้วทั้งที รู้ตัวชิ่งหนีอีกจนได้แฮะไอ้บ้านี่
“ใครจะกล้าอยู่กับแกสองต่อสองตั้งคืนหนึ่งฟะ!”
ฮิจิคาตะพูดพลางสยอง ไม่ไว้ใจเจ้าคนวิปริตที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อก่อให้เกิดความอับยศแก่ชีวิตของเขาตลอดเวลา
“ฉันแค่อยากจะเตือนแกเป็นการส่วนตัวเท่านั้นแหละ อีกอย่าง...ดูเหมือนมีคนอยากจะอยู่เฝ้าแกอยู่แล้วด้วย”
“หือ?”
“ก็คนที่แบกแกมาส่งนั่นไงล่ะ”
............................................................................................................................................
ความคิดเห็น